ททท.เชียงใหม่เปิดแผนปี2566ตั้งเป้ารายได้6.9หมื่นล้าน-ฤดูหนาวเที่ยวบิินทะลักในประเทศ2.64แสนที่นั่ง ต่างประเทศ1.68หมื่นที่นั่ง
ททท.เชียงใหม่ผ่าแผนปี’66ดูดเงินไทย/ต่างชาติเฉียด7หมื่นล้าน
ชู3เพิ่ม“เข้าพัก-ใช้จ่าย-ความถี่”โกยเจนวาย-ผู้หญิง-Workation
บินคึกคักในประเทศ2.64แสนที่นั่ง/เดือน-อินเตอร์1.6หมื่นที่นั่ง
สมาชิกคิงเพาเวอร์ลด20%ที่3สนามบิน-ซื้อทัวร์เที่ยวนอกลดแรง”
เริ่มแล้ว!! Festive Brand ที่คิงเพาเวอร์แบรนด์ดังลดใหญ่ 40 %
พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์สุนทราภรณ์+เชฟเกาหลี13พ.ย.นี้
ททท.ลุย5ภาค“เจ้าบ้านที่ดี”NEW CHAPTERSสู่NEXT NORMAL
บางจากชูOKEAทุ่ม4พันล้านเพิ่มปิโตรเลียม3แหล่งในนอร์เวย์
เช็คอินออกเที่ยวลอยกระทง5โซน5ภาคเสน่ห์วัฒนธรรมทั่วไทย
เลือกกินอาหารเครื่องดื่ม 6 ชนิดแก้ท้องผูกทำง่ายได้เองที่บ้าน
“รมว.ศักดิ์สยาม”เร่งเคลียร์สุวรรณภูมิรับผู้นำเอเปค14-19พ.ย.65
“มีเลียเกาะสมุย”บูมบุฟเฟต์ซันเดย์บรันซ์เสิร์ฟไม่อั้น
1,890บาท
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #ลอยกระทง5ภาค
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 ผ่าแผนท่องเที่ยวกับ “สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผู้อำนวยการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ ปี’66 ลุยงานใหญ่หารายได้เข้าเป้า
69,000 ล้านบาท ด้วย “3เพิ่ม”
กระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้เงินเพิ่มเกิน 8,000 บาท/คน/ทริป
พาเหรดสินค้าภูษาล้านนาล้วงเงินตลาดผู้หญิง “ดันวันพักเฉลี่ยพุ่ง” 4 วัน/คน/ทริป
ด้วยกลยุทธ์ขายยิ่งพักยิ่งได้
“เร่งเที่ยวถี่ขึ้น” งัดซอฟท์ เพาเวอร์ โกยเงิน 2
ตลาด “เจนวาย+Workation” ขานรับสัญญาณดีตารางบินฤดูหนาวคึกคัก
“ในประเทศ” กลับมาบิน 80 % เดือนละ 1,497 เที่ยว 264,000 ที่นั่ง “ต่างประเทศ” มาแล้ว 60
% จาก 6 แอร์ไลน์ส 11 เส้นทาง
บินแล้ว 74 เที่ยว 16,680 ที่นั่ง
ลุยต่อยอดเชียงใหม่เมืองรางวัลโลกเพิ่มตลาดคุณภาพครบทุกกลุ่ม
นางสาวสุลัดดา
ศรุติลาวัณย์
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่
เปิดเผยว่า ได้วางแผนส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ประจำปีงบประมาณ 2566 เริ่มเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ตั้งเป้าเร่งเดินหน้า 3 เรื่องหลัก
ได้แก่ เรื่องที่ 1 เพิ่มวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเมืองไทยขยับเป็น
4 วัน/คน/ทริป
จากปัจจุบัน 2.8 วัน/คน/ทริป
จึงเล็งเจาะกลุ่มกำลังซื้อกลุ่มครอบครัว โดยมีกิจกรรมเสริมกระตุ้นการเดินทาง “Buy More Get More/ยิ่งพัก
ยิ่งได้” เช่น เดินทางเที่ยว 4 คน ซื้อ 3 แถม 1 หรือจองที่พัก 4 คืน
ฟรี 1 คืน
เรื่องที่
2 เพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยว
ปัจจุบันใช้เงินเฉลี่ยเกือบ 8,000 บาท/คน/ทริป ส่วนใหญ่จะใช้เกี่ยวกับ
อาหารและเครื่องดื่ม ที่พัก ของที่ระลึก บันเทิง พาหนะ เล็งกลุ่มเป้าหมาย “นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิง”
เป็นหลัก จึงได้จัดกิจกรรมรองรับคือ “ภิรมย์ล้านนา”
ตอบโจทย์ตลาดทั้งภูมิภาคภาคเหนือ จะนำสินค้ามาเพิ่มมูลค่า
โดยจัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้เงิน
เช่น 1.ล่องเรือแม่ปิงชมวิถีชีวิตธรรมชาติพร้อมกับจิบไวน์ตกกับอาหารล้านนาขึ้นชื่อควบคู่ไปด้วย
2.ท่องเที่ยวโดยรถไฟขานรับธีม
“ย้อนเสน่ห์วันวาน เมืองเหนือ” นำอาหารเมิชลินเสิร์ฟบนรถไฟ
ในเชียงใหม่ได้รับการประกาศบิ๊บคุมองต์
และมิชลินเพลท มากกว่า 50 ร้าน
สามารถขยายผลต่อยอดร้านอาหารรางวัลมิชลินทั้งหมด 3.การขายของที่ระลึกศิลปะหัตถกรรมล้านนา
จัดทำเป็น “ภูษาเวียงพิงค์” การยกระดับผ้าพื้นเมืองให้มีมูลค่าสูงขึ้นได้ 4.เที่ยวเส้นทางดอกไม้
“บุปผาเวียงพิงค์” จะเริ่มปี 2566
เรื่องที่
3 เพิ่มความถี่การเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
โดยจะทำกิจกรรมกับกลุ่มเจนวาย และกลุ่มทำงานได้เที่ยวด้วยหรือเที่ยวได้งาน Worakation ซึ่งสามารถเพิ่มการเข้าพักช่วงวันธรรมดา
วันจันทร์-วันพฤหัสบดี
มากขึ้นเพราะกำลังซื้อกลุ่มนี้ไม่มีข้อจำกัดการเดินทางท่องเที่ยวทั้งวันเวลาและสถานที่
ททท.เพิ่มรายได้ด้วยกิจกรรม
1.จัดเทศกาลงานศิลปะและดนตรีท้องถิ่นล้านนา
Local Art & Craft
รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเจนวายและเวิร์คเคชั่น2.จัดAmazing Dark Sky ร่วมกับทางชุมชนออนใต้ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ฟ้ามืดสามารถมองเห็นดาวช่วงฟ้าเปิดอย่างชัดเจน
และ NARIT
คืออุทยานดาราศาสตร์สิรินธร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกลุ่มแคมปิ้งและ Glamping
ช่วงเดือนธันวาคม 2565 เป็นช่วงฟ้าเปิด
ททท.เตรียมจัดกิจกรรม One
Day One Night Roadtrip
เข้ามากางเต็นท์ดูดาวในพื้นที่ชุมชนออนใต้
ซึ่งจะเพิ่มทั้งความถี่และรายได้เข้าสู่ท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผอ.สุลัดดา
กล่าวว่า ปี 2566 ตั้งเป้าจะฟื้นรายได้ท่องเที่ยวเข้าเชียงใหม่กลับมาให้ได้ประมาณ
6.9 ล้านบาท
คิดเป็นประมาณ 60 % ของปี 2562 ทำได้ 1.1 แสนล้านบาท
ส่วนปัจจุบันปี 2565 ตั้งเป้าไว้
5.5 หมื่นล้านบาท
ตอนนี้ได้มาแล้วประมาณ 3.4
หมื่นล้านบาท คิดเป็น 70
% คาดช่วงไตรมาส 3เดือนสุดท้าย
ตุลาคม-ธันวาคม นี้ เป็นฤดูท่องเที่ยวมีกิจกรรมมากมายในช่วงหน้าหนาวน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย
5.5 หมื่นล้านบาท
รายได้ดังกล่าวประเมินและตั้งเป้าโดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปกติปี
2562
เชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 11.6 ล้านคน-ครั้ง เมื่อเข้าสู่วิกฤตสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปี 2563 ลดจากปี
2562 ประมาณ
60 % และปี 2564 ลดจากปี
2563 ประมาณ
50 %
สำหรับ
“นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเชียงใหม่” ปัจจุบันยังเป็นคนไทย 95 %
ต่างชาติ 5 % ขณะนี้ต่างชาติยังไม่กลับมา
100 % ซึ่งตามสถานการณ์ปกติก่อนโควิดโครงสร้างนักท่องเที่ยวในเชียงใหม่จะเป็น
คนไทย 75 % ต่างชาติ
25 %
ขณะนี้จึงมีผลเรื่องยอด
“ค่าใช้จ่าย” เพราะคนไทยใช้เงินไม่สูง ซึ่งมีทั้ง “กลุ่มไม่พักค้างคืน”
จึงไม่มีรายได้จากค่าที่พัก และ “กลุ่มพักค้างคืน” ซึ่งเดินทางโดยรถยนต์ของคนภาคเหนือเที่ยวในภาคเหนือกันเองเกินกว่า
50 % แตกต่างจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้เงินสูงกว่าหลายเท่า
เนื่องจากมีทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก อาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ปัจจุบันเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยม
ช่วงตารางบินฤดูหนาวปี 2565-ต้นปี 2566 จึงมีสายการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เพิ่มที่นั่งและความถี่เที่ยวบินเข้ามามากขึ้น
โดยศักยภาพของสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ รองรับผู้โดยสารได้เฉลี่ยประมาณวันละ 30,000 คน
ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณวันละกว่า 20,000 คน คิดเป็นกว่า
70 %
ช่วงตารางบินฤดูหนาวแบ่งเป็น
“เที่ยวบินในประเทศ” 1,497 เที่ยว/เดือน
จำนวนที่นั่ง 264,784 ที่นั่ง/เดือน
ช่วงปลายปีนี้สายการบินจึงมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยสูงเกินกว่า 80 % เที่ยวบินโดยรวมเชื่อมโยงมาจากทุกภาคของไทยเข้าสู่เชียงใหม่
ได้แก่ “ภาคกลาง” จากสนามบินดอนเมือง
“ภาคอีสาน” จากขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี
“ภาคตะวันออก” จากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาชลบุรี ระยอง “ภาคใต้” จากภูแก็ต
กระบี่ สุราษฎร์ธานี และ “ภาคเหนือ”ด้วยกันก็มีจากแม่ฮ่องสอน
“เที่ยวบินระหว่างประเทศ”
ไป-กลับ เชียงใหม่ กลับมาเปิดบริการบินตรงแล้วประมาณ 60 % รวม 6
สายการบิน 11 เส้นทาง
รวมสายการบินที่เตรียมเปิดปลายปีนี้ด้วย ทำให้มีเที่ยวบิน 74 เที่ยว 16,980
ที่นั่ง มาจากเช่น สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ เกาหลีใต้ 2 เมือง
จากอินชอนกับปูซาน เวียดนาม 3 เมือง จากโฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง สปป.ลาว 2 เมือง
จากเวียงจันทน์กับหลวงพระบาง และเมืองไทเป ไต้หวัน
ตอกย้ำถึงการเดินทางเข้าถึงจังหวัดเชียงใหม่ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเติบโตขึ้นเรื่อย
ๆ นอกเหนือจากทางอากาศโดยเครื่องบินแล้ว
นักท่องเที่ยวคนไทยยังขับรถยนต์ส่วนตัวท่องเที่ยว และมาเช่ารถในเชียงใหม่ท่องเที่ยว
ปลายปี 2565 เชียงใหม่จะมีเทศกาลท่องเที่ยวรายการใหญ่
“ลอยกระทง” และ “เคาน์ดาวน์” ททท.ตั้งเป้ารุกเจาะ “ตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป”
ซึ่งมีหลายเซกเมนท์ เช่น กลุ่มที่ 1 ครอบครัวคนรุ่นใหม่ Millenial Family กลุ่มที่
2 เจนวาย
กลุ่มที่ 3 แคมปิ้งแกลมปิ้ง
กลุ่มที่ 4 ทำงานได้เที่ยวด้วย
workation
ส่วน “ตลาดคุณภาพสูง”
กลุ่มที่ 1 เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปในพื้นที่มากขึ้น
กลุ่มที่ 2 ได้รับรางวัลเดินทางท่องเที่ยวหรืออินเซนทีฟ
ซึ่งมีขนาดใหญ่แต่ละทริปสามารถพักค้างคืนและใช้เงินจำนวนมาก
ผอ.สุลัดดา
กล่าวถึงการต่อยอดท่องเที่ยวเชียงใหม่ด้วย “รางวัลนานาชาติ”
เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ทั่วโลกประกาศมอบรางวัลต่าง ๆ เช่น 1.World Festival and Event City เมื่อเร็ว
ๆ นี้ สมาคมงานเทศกาลนานาชาติ : IFEA-International Festivals and Events Association
ของอเมริกาให้เชียงใหม่เป็นเมืองเทศกาลโลก 2.เมืองสร้างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้านจากยูเนสโก้
3.เชียงใหม่ติด
1 ใน 10
เมืองที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานและพักผ่อนไปด้วยหรือ Workation ประจำปี
2564 จากเว็บไซต์
Holidu’s ของอังกฤษ
4.เชียงใหม่เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ
1 ช่วงสิ้นปี
2565 โดยสวนดุสิตโพลล์ได้ทำสำรวจทางออนไลน์เมื่อเร็ว
ๆ นี้ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดท่องเที่ยวเชียงใหม่จะฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
ผนวกกับเชียงใหม่มีกิจกรรมท่องเที่ยวงานเทศกาลตลอดทั้งปี
ดังนั้น ททท.จะเริ่มเดินหน้าชูจุดขายไฮไลต์เดือนพฤศจิกายน 2565 งานแรก “เทศกาลลอยกระทง
-งานยี่เป็ง ประจำปี 2565”
เปิดศักราชต้อนรับการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน
นี้ เตรียมจัดอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในพื้นที่เขตเมืองและหลายพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
งานที่ 2 การท่องเที่ยวเชิงกีฬา
เช่น รายการแข่งขันวิ่งเทรลขึ้นเขาชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 ครั้งแรกของโลกวิ่งขึ้นดอยสุเทพ
หรือ WMTRC -Amazing Thailand
World Mountain & Trail Running Championships
ระหว่าง 3-6 พฤศจิกายน
นี้
เดือนธันวาคม 2565 จัดงานแรก
“เชียงใหม่ ดีไซน์ วีค 2022”
ระหว่างวันที่ 3-11 ธันวาคม
นี้เป็นเทศกาลงานออกแบบโดยใช้ศักยภาพของเชียงใหม่เมืองสร้างสรรค์ด้านศิลปะหัตถรรมต่อยอดไปเรื่อย
ๆ งานที่ 2 มหกรรมวิ่ง
“ดอยอินทนนท์ ไทยแลนด์ บาย ยูทีเอ็มบี 2022” ระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม
นี้ ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง มีนักวิ่งจากทั่วโลกเข้าร่วม 60 ประเทศ
กว่า 5,000 คน
งานที่ 3 การจัดเคาน์ดาวน์ที่พื้นที่ท่องเที่ยวทั่วเชียงใหม่
เดือนมกราคม 2566 จัดมหกรรมขายการท่องเที่ยวต่อเนื่องด้วยงาน
“เทศกาลดอกไม้เมืองหนาว” สามารถเดินทางมาได้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี มีงานไม้ดอกไม้ประดับ
งานเชียงใหม่บลูม และอื่น ๆ
เชียงใหม่ได้จัดเทศกาลต่อเนื่องแต่ละเดือนเพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงการขานรับตามคอนเซ็ปต์โครงการ
“365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน” โดยสรุปแล้ว
ททท.จะต่อยอดขายท่องเที่ยวเชียงใหม่เมืองแห่งรางวัลระดับนานาชาติ
ต้นทุนทางวัฒนธรรม ความสวยงามทางธรรมชาติ และ Soft Power อีกหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็น อาหาร/food ทั้งมิชลินกับสตรีทฟู้ดในราคาไม่แพงมากนัก
แฟชั่นผ้าพื้นเมือง
ปลายปี 2565 เชียงใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มการใช้เงิน
วันพัก กระจายรายได้สู่ชุมชนเพื่อให้แต่ละพื้นที่เลี้ยงตัวเองได้ ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
สนับสนุนเศรษฐกิจเชียงใหม่ก้าวอย่างแข็งแกร่งต่อไปได้นั่นเอง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 สมาชิกคิงเพาเวอร์ลด20%ที่3สนามบิน-ซื้อทัวร์เที่ยวนอกลดแรง”
คิง
เพาเวอร์ มอบสิทธิประโยชน์พิเศษใหม่เริ่มพฤศจิกายน 2565 ให้สมาชิกบัตรทั้ง 5 ประเภท ได้แก่ VEGA, CROWN, ONYX, SCARLET และ NAVY รับส่วนลดสูงสุด 20% ได้ตั้งแต่วันนี้– 31
มีนาคม 2566 ได้จากร้านค้า ร้านอาหาร
ร้านเครื่องดื่ม ที่เข้าร่วมรายการทั้ง 3 สนามบิน รที่ คิง
เพาเวอร์สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต
พิเศษสมาชิกสายเดินทาง!! รับส่วนลดสูงสุด 1,500 บาท เมื่อซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวกับ I AM
VACATION DOT COM สามารถกดรับสิทธิประโยชน์และจองโปรแกรมท่องเที่ยวออกเดินทางได้แล้ว
ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2566 ดังนี้
1.รับส่วนลด 1,500 บาท* เมื่อซื้อโปรแกรมทัวร์โซนยุโรป
2.รับส่วนลด 1,000 บาท* เมื่อซื้อโปรแกรมทัวร์โซนตะวันออกกลางและแอฟริกา
3.รับส่วนลด 500 บาท* เมื่อซื้อโปรแกรมทัวร์โซนเอเชีย
ข่าวที่
2 เริ่มแล้ว!!FestiveBrandที่คิงเพาเวอร์แบรนด์ดังลดใหญ่40%
เริ่มแล้ว! FESTIVE BRAND SALEBRATION คิง เพาเวอร์ จัดเทศกาลช้อปสุดยิ่งใหญ่ที่พลาดไม่ได้
พบกับสินค้าหลากสไตล์พร้อมให้ช้อปแล้วตั้งแต่วันนี้ -23 พฤศจิกายน
2565 มีแบรนด์ดังลดเพียบ อย่ารอช้า ช้อปเลย!- FESTIVE
BRAND SALEBRATION ลดสูงสุด 40 % เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท รหัสส่วนลด FBS40 ชอป
จากนั้นเตรียมพบกับ 11.11 POWER DEAL ดีลสุดคุ้มราคาพิเศษ เตรียมช้อปทุกวันพิเศษ
- https://bit.ly/3WeSRx7
พร้อมรับอีก 6 สิทธิ ดังนี้ 1.ส่งฟรี!
ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699 บาท (สุทธิ)
2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
8,000 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ
จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
5.รับเลย! ส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่ 3 พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดพิเศษบุฟเฟต์สุนทราภรณ์+เชฟเกาหลี13พ.ย.นี้
โรงแรมพูลแมน
คิง เพาเวอร์ เปิดขายพิเศษ Early-Bird สมาชิกคิง
เพาเวอร์ ลด 35% ระหว่างวันนี้
– 10 พ.ย.2565 เมื่อจองบุฟเฟต์ไฮไลต์วันอาทิตย์ที่
13 พฤศจิกายน นี้ มีมุมพิเศษ
“อาหารเกาหลี” จาก 2 เชฟเกาหลีดัง Jang Seo woo และ Park Hee Jin บินตรงจากกรุงโซลงานนี้จัดเฉพาะ
ที่ห้องอีเทอร์นิตี้บอลรูม ตั้งแต่เวลา 11.30 – 15.00 น.
ราคา 2,999 บาทสุทธิต่อท่าน รวมเครื่องเติมได้ตลอด
ส่วนวันอาทิตย์ที่
13 พฤศจิกายน นี้ ฟังบทเพลงไพเราะจาก 'สุนทราภรณ์' พร้อมอิ่มอร่อยไปกับบุฟเฟต์นานาชาติ เช่น ซีฟู้ด ปูอลาสก้า กุ้งแม่น้ำ
กั้งทะเล บาร์บีคิวเนื้อวากิว อีกทั้งซูชิ ซาชิมิ หอยแมลงภู่ฝรั่งเศสอบไวน์ขาว
พาสต้าลิงกวินี่กับหอยเชลล์ฮอกไกโด และอีกมากมาย คลิกจอง https://bit.ly/3zwZAsE
หรือโทร 02 680 9998
1.จอง E-voucher เพื่อนำมาใช้ได้เฉพาะวันที่ 13
พฤศจิกายน นี้เท่านั้น 2.ราคาบุฟเฟต์ซันเดย์บรันซ์สุนทราภรณ์
รวมเครื่องดื่มซอฟดริ้งเติมได้ตลอด 3.เด็กอายุ 6-11 ปี จ่ายแค่1,250 บาทสุทธิ/คน และเด็กอายุ 0-5 ปี รับประทานฟรี 4.ยืนยันจองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย
3 วันก่อนเข้าใช้บัตรกำนัล โทร. 02 680 9999 หรือทางอีเมลล์ H6323-FB4@accor.com
ข่าวที่ 4 ททท.ลุยจัด5ภาค“เจ้าบ้านที่ดี”NEW
CHAPTERSสู่NEXT NORMAL
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดโครงการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ
“เจ้าบ้านที่ดี” NEW CHAPTERS ระหว่าง 1 – 2 พฤศจิกายน 2565 ในรูปแบบBooth
camp ทั่วประเทศในพื้นที่ 5
ภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่นมุ่งสู่การท่องเที่ยวเข้าสู่เทรนด์อนาคตยุคปกติหรือ
NEXT NORMAL โดยให้ได้รับความรู้ ความเข้าใจ
และมีความสามารถเป็นเจ้าบ้านที่ดีรองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซันฤดูการท่องเที่ยว รวมทั้งต้องปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์โลกและการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป
เน้น 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1.มุ่งสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายและทรงคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยว
(Meaningful Travel) เรื่องที่ 2 ยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
(High value and sustainability)
โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “เจ้าบ้านที่ดี” ทั้ง 5 ภูมิภาครวมทั้งสิ้น 2,500 คน ภาคละ 500 คน ที่จะช่วยพัฒนาส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย
และเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ
หลังสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ นำไปสู่การสร้างรายได้และขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไป
ททท.ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ
ตอกย้ำแคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” ควบคู่ไปด้วยอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรม AMAZING
THAILAND WORLD MOUNTAIN & TRAIL RUNNING CHAMPIONSHIPS 2021 กิจกรรม AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2022
กิจกรรมสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2565
กิจกรรมประดับไฟ “Vivid Chao Phraya” เพื่อต้อนรับคณะผู้นำ
APEC กิจกรรม Amazing Thailand Countdown 2023 กิจกรรมภายใต้โครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”
เพื่อเร่งพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยปี 2566 ให้กลับมาฟื้น 80 % ของปี 2562 ภายใต้วิสัยทัศน์ “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่ามุ่งสู่ความยั่งยืน”
สอดคล้องกับแผนวิสาหกิจองค์กร ททท. พ.ศ. 2566 – 2570
สำหรับโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “เจ้าบ้านที่ดี” NEW CHAPTERS ครั้งนี้ ททท.มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาฝั่งห่วงโซ่อุปทาน
(Shape supply) จึงได้เชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้และอัปเดตเทรนด์ท่องเที่ยวสำคัญยุค
NEXT NORMAL พร้อมกับเปิดเวิร์กช้อป Up-Skill ทักษะการตลาดดิจิทัลใหม่ ๆ
เพื่อยกระดับบุคลากรการท่องเที่ยวไทยให้เห็นความสำคัญการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทและความสำคัญของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี
กระตุ้นจิตสำนึกในการดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวควบคู่กับการดูแลนักท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจ
รวมถึงเพื่อรองรับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนความพร้อมสูงสุดการเป็นเจ้าบ้านที่ดี
NEW CHAPTERS สู่การท่องเที่ยว NEXT N5ORMAL อย่างยั่งยืน
ข่าวที่ 5 กลุ่มบางจากชูOKEAทุ่ม4พันล้านเพิ่มปิโตรเลียม3แหล่งในนอร์เวย์
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโล เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 บริษัท OKEA ASA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบางจากฯ
ได้รับโอนกิจการจาก Wintershall Dea ผู้ดำเนินธุรกิจในนอร์เวย์จะเข้าเป็นผู้ดำเนินการ (operator) แหล่ง Brage โดยถือหุ้นสัดส่วน 35.2% และซื้อหุ้นในแหล่ง Ivar Aasen 6.4615% กับแหล่ง Nova 6%
คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1,100 ล้านโครนนอร์เวย์
คิดเป็นกว่า 4,000 ล้านบาท
การเข้าซื้อกิจการแหล่ง Brage และอีก 2 แหล่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญทางกลยุทธ์สร้างการเติบโตของ OKEA หลังจากเมื่อปี 2561 ลงทุนรูปแบบเดียวกับการเข้าซื้อกิจการแหล่ง Draugen แล้วเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 7,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
อนาคตปี 2566-2567 จะทำให้ OKEA สร้างการเติบโตครอบคลุม 3 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 เพิ่มกำลังการผลิตรวมขยับขึ้นเป็น 25,000-27,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ส่วนที่ 2 เพิ่มปริมาณปิโตรเลียมสำรองสูงขึ้น 30-40 % ส่วนที่ 3 ช่วยขยายพอร์ตโฟลิโอและย้ำจุดแข็งของ OKEA ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินกิจการแหล่งปิโตรเลียมช่วงกลางถึงปลายอายุแหล่งบนไหล่ทวีปนอร์เวย์
(Norwegian Continental Shelf - NCS) โดยแหล่ง Brage จะกลายเป็นแหล่งปิโตรเลียมหลักอันดับ 2 ของ OKEA รองจากแหล่ง Draugen นั่นเอง
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ส่วนสำคัญอีกอย่างคือ OKEA เพิ่มขึ้นสองเท่า เนื่องจากนักงานบนแท่นปิโตรเลียมและพนักงานบนฝั่งของ Wintershall Dea จำนวน 140 คน ที่มีความสามารถและประสบการณ์จะโอนย้ายมาสังกัดเป็นพนักงานของ OKEA ทั้งหมด
ช่วงที่ 2 ออกเที่ยว
“ลอยกระทง” กันเถอะ ปีนี้กลับมาจัดยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ ไฮไลต์ความอลังการเช็คอินด่วน
5 ภาค เผาเทียนเล่นไฟสุโขทัย ยี่เป็งเชียงใหม่ กระทงสายไหลประทีป1000ดวงตาก ลอยกระทงกาบกล้วยสมุทรสงคราม และสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีปร้อยเอ็ด
แล้วใครที่ท้องผูกบ่อย แนะ “กินอาหารเครื่องดื่ม 6 ชนิด” ทำง่ายได้ที่บ้าน ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “รมว.ศักดิ์สยาม”
นำทัพคมนาคมเคลียร์สุวรรณภูมิรับผู้นำเอเปค 14-19 พ.ย.นี้ ข่าวที่สอง “มีเลียสมุย รีสอร์ตหรูเปิดซันเดย์บรันซ์” พ.ย.นี้โกยเงินไฮซีซัน
ท่องเที่ยว
- เช็คอินเที่ยวลอยกระทง5โซน5ภาคเสน่ห์วัฒนธรรมทั่วไทย
มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ
เที่ยวเทศกาลวันเพ็ญเดือนสิบสอง “ลอยกระทง” ปี 2565 เสริมสร้างบรรยากาศคืนความสุขให้นักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเสนอ “ 5โซนพื้นที่เอกลักษณ์” การผสมผสานวัฒนธรรมวิถีชีวิตและความรุ่งเรืองสื่อผ่านสัญลักษณ์แลนด์มาร์ก5
พื้นที่ ได้แก่ 1.ยี่เป็ง เชียงใหม่ 2.ลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง
จังหวัดตาก 3.เผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย 4.ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง สมุทรสงคราม 5.สมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด
เช็คอินงานแรก
“ลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย” กลับมาจัดยิ่งใหญ่ต่อเนื่อง
11 วัน ตั้งแต่
29 ตุลาคม
-8
พฤศจิกายน 2565แต่ละวันเริ่ม
17.00-23.00 น.
นักท่องเที่ยวไปร่วมดื่มด่ำความสุขอันงดงามได้ตรงบริเวณ “หน้าวัดชนะสงคราม
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” อย่าลืมแต่งไทยไปร่วมธีมใหม่ “สุโขทัย ไท้ไทย” ย้อน“เสน่ห์วันวาน
เมืองเหนือ” ไปด้วยกัน
เช็คอินงานที่
2 “มหัศจรรย์แห่งห้วงธารา
ประเพณีกระทงสาย ไหลประทีป 1000 ดวง” ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2565 เนรมิตแสงสวยสีสันตระการตาริมสายธารลานกระทงสาย
เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก ค่อนข้างคลาสติก
มีความสวยงาม แปลกตา ในบรรยากาศริมปิง
เช็คอินงานที่
3 “ยี่เป็งเชียงใหม่
2565” เริ่มแล้ว
4-9 พฤศจิกายน
2565 ในแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคย
บริเวณ “ข่วงประตูท่าแพ” วัดและชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ รอบคูเมืองด้านใน
และพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา ทางเทศบาลนครเชียงใหม่เตรียมจัดทำ กระทงเล็ก
กระทงใหญ่ พิธีจุดผาประทีป ประกวดซุ้มประตูต่าง ๆ
เช็คอินงานที่
4 “ลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง สมุทรสงคราม”
ร่วมพิธีอัญเชิญพระประทีปพระราชทาน
ลอยเป็นปฐมฤกษ์ ขบวนแห่รถกระทงรอบเมืองแม่กลอง ตระการด้วยกับการปล่อยกระทงกาบกล้วยสู่กลางสายน้ำกว่า
200,000 ใบ
แต่ละใบจุดธูปล่อยเป็นสายระยิบระยับสว่างไสวสวยงามตระการตาไปทั่วท้องน้ำยาวไปตามแนวลำน้ำแม่กลอง
แล้วอย่าลืมแต่งไทยไปร่วมลอยกระทงย้อนยุค
สักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เดินชมชิมอาหารพื้นเมืองจากร้านค้า ของดี ของดัง
อัมพวา พร้อม ๆ กับชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น โขน ละครเล็ก ดนตรีพื้นบ้าน
ของโรงเรียนในพื้นที่สมุทรสงคราม
เช็คอินงานที่ 5 “ประเพณี สมมาน้ำคืนเพ็ง
เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด” ระหว่าง
7 - 8 พฤศจิกายน 2565
แปลงโฉมพื้นที่รอบ “บึงพลาญชัยและสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด”
อ.เมือง สื่อถึงความยิ่งใหญ่งดงาม มีกิจกรรมประกวดกระทงประทีปใหญ่
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี และภายในงานยังจะได้ชมขบวนแห่กระทงประทีปเมืองสาเกตนครและขบวนเมืองบริวาร
11 หัวเมือง
เรื่อยไปจนถึง ชมการแสดงแสง สี เสียง งดงามของพระประทีปพระราชทาน
กิจกรรมการประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ การประกวดรำวงสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป
การประกวดธิดาสาเกตนคร
ออกมาเดินทางเที่ยวเมืองไทย
ยิ่งไป ยิ่งให้ ยิ่งได้ ออกมาร่วมสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี อันงดงาม ทั่วไทย ได้ทั้ง
5 โซน 5 ภาค ตั้งแต่วันนี้ถึง 9 พฤศจิกายน 2565
สุขภาพ - เลือกกินอาหารเครื่องดื่ม 6 ชนิดแก้ท้องผูกทำง่ายได้ที่บ้าน
วิธีง่าย ๆ
ที่หลายคนสามารถทำได้เองที่บ้าน เป็นการดูแลรักษาอาการท้องผูกในเบื้องต้นด้วยการรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานดีขึ้น
โดยมีอาหารช่วยแก้ท้องผูกได้ดังนี้
1.ผักและผลไม้ การขาดไฟเบอร์หรือใยอาหารอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการท้องผูก
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำภายในหนึ่งวันควรรับประทานผักหรือผลไม้อย่างน้อย 400 กรัม หรือเทียบเท่าไฟเบอร์ราว
20-35 กรัมอาจช่วยให้ลำไส้สามารถทำงานได้อย่างปกติ ลองเลือกกิน
แอปเปิล มะนาว ส้ม กีวี่ ลูกฟิก ลูกแพร์ ลูกพรุน ผักปวยเล้ง ผักใบเขียวอื่น ๆ
และพืชตระกูลถั่วเป็นผักผลไม้ที่เชื่อกันว่ามีไฟเบอร์สูงและมีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องผูก แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชผักช่วยบำรุงร่างกายด้านอื่น
ๆ ได้อีกด้วย
2.น้ำเปล่า จากคำแนะนำของแพทย์ให้คนทั่วไปควรดื่มน้ำววันละ 8 แก้ว หรือ 1.5-2
ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้การระบบทำงานร่างกายเป็นปกติ
ซึ่งรวมถึงการทำงานของลำไส้และระบบขับถ่าย
โดยของเหลวจะช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวลงและสามารถขับออกได้ง่ายขึ้น
3.ป๊อปคอร์น อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อีกด้วย
เนื่องจากเป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง หากเลือกรับประทานป๊อปคอร์นที่ปรุงด้วยวิธี Air-popped หรือปรุงโดยไม่ใช้น้ำมันในปริมาณ
3 ถ้วย ร่างกายอาจได้รับไฟเบอร์ประมาณ 3.5 กรัม และได้รับพลังงานไม่เกิน 100 กิโลแคลอรี
4.โพรไบโอติก เป็นเชื้อแบคทีเรียมีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้ของมนุษย์
ช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย รวมถึงสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วย
แลคโตบาซิลัสเป็นหนึ่งในเชื้อโพรไอโอติกที่หลายคนอาจเคยได้ยิน
เชื้อเหล่านี้มักพบในอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยวเคเฟอร์ (Kefir) กิมจิ มิโซะ
ชาหมัก และแตงกวาดอง
5.โฮลเกรน (Wholegrain) คือธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อยทำให้คงคุณค่าทางอาหารสูงกว่าธัญพืชที่ขัดสีแล้ว
ซึ่งรวมถึงไฟเบอร์ด้วย ในวันท้องผูกและต้องการพลังงาน ลองเปลี่ยนมารับประทานผลิตภัณฑ์หรืออาหารที่ทำมาจากโฮลเกรนแทนธัญพืชขัดสี
อย่างขนมปังโฮลเกรน พาสต้า หรือซีเรียลจากธัญพืชขัดสีน้อยบ้างก็ดี
6.ชาสมุนไพร ออกฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
ชาสมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณอาจแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าชาดำ ชาเขียว
มะขามแขก ชุมเห็ดเทศ แดนดิไลออน (Dandelion) เปลือกกาแฟ (Cascara) สะระแหน่ เป็นสมุนไพรที่สามารถแก้อาการท้องผูกได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.ศักดิ์สยาม”เร่งเคลียร์สุวรรณภูมิรับผู้นำเอเปค14-19พ.ย.65
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า
ได้ลงพื้นที่กับผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตรวจสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเตรียมความพร้อมต้อนรับผู้นำและคณะผู้เข้าร่วมการประชุม
APEC 2022 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดเดือนพฤศจิกายน 2565
กระทรวงคมนาคมต้องเร่งแก้ปัญหาผู้โดยสารแออัด
โดยทดสอบขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเรื่องการให้บริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารจะต้องคล่องตัวทำได้ตามมาตรฐานสากล
พื้นที่หลักคือ
“ตรวจคนเข้าเมือง” ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) บริหารจัดการด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยการทำงานใกล้กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”
วิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณความต้องการเดินทางและเที่ยวบินแต่ละช่วงเวลาอย่างแม่นยำ
ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
พร้อมกับต้องปรับแผนบริการอย่างแม่นยำ ลดผู้โดยสารแออัดให้ได้มากที่สุด ประกอบด้วย
1.ช่องตรวจอนุญาต 119 ช่องตรวจ แบ่งเป็นโซนตะวันออก 56 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 3,360 คน/ชม.
โซนกลาง 20 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 1,200 คน/ชม. โซนตะวันตก 43 ช่องตรวจ
สามารถระบายผู้โดยสารได้ 2,580 คน/ชม.
2.เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ 32 เครื่อง
แบ่งเป็น ขาเข้า 16 เครื่อง ขาออก 16
เครื่อง
3.มอบนโยบายจัดทำเสากั้นทางเดินเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ป้องกันผู้โดยสารแออัดขณะรอรับบริการ
4.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรักษามาตรฐานการบริหารจัดการในช่วงโมงบินเร่งด่วนอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งมีเที่ยวบินขาเข้าจำนวนมาก
ตอนนี้ตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหาสามารถบริหารจัดการได้ดี
จากนั้นนายศักดิ์สยาม
ยังได้ประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้บริการผู้โดยสารขาข้าและขาออก รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก
(Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) หรือเอเปค 2022
(APEC 2022) ระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 ร่วมกับกรมท่าอากาศยาน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และท่าอากาศยานภายใต้การกำกับดูแลของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย
ภูเก็ต และหาดใหญ่
ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อม 1.สถานที่ บุคลากร และขั้นตอนการให้บริการ 2.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการระหว่างหน่วยงานกระทรวงคมนาคม กระทรวงต่างประเทศ
กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต อำนวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่งให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
โดย
“สนามบินสุวรรณภูมิ” ได้เพิ่มช่องตรวจอนุญาตอีก 19 ช่องตรวจ รองรับผู้ข้าร่วมประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 ดังนี้ 1.โซนตะวันออก 8
ช่องตรวจ (AE1) 2.โซนกลาง 4 ช่องตรวจ (AM17 - 20) 3.โซนตะวันตก 7 ช่องตรวจ (AW1 - 7) ควบคู่กับการจัดทำคลิปสั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้บริการรับรู้ททุกช่องทาง
ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมเพิ่มเติม
“เรื่องหลุมจอดเครื่องบิน” ขนาดกลางและขนาดใหญ่ของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เป็นเครื่องของคณะประมุขและผู้นำประเทศที่เดินทางเข้าร่วมประชุม APEC รวม120 หลุมจอด และให้จอดเครื่องพักค้างคืนได้
ประกอบด้วย เที่ยวบินพาณิชย์ 4 ลำ และจอดพักค้างคืนบนพื้นที่จอดอากาศยานเฉพาะอีก16 ลำ
(รวมทั้งหมด จำนวน 20 ลำ)
โดยสรุป
“สนามบินสุวรรณภูมิ” จะสามารถบริหารจัดการได้โดยไม่กระทบกับบริการเที่ยวบินพาณิชย์อื่น
ๆ “สนามบินดอนเมือง” เตรียมความพร้อมหลุมจอดเครื่องบิน 101 หลุมจอด พร้อมรับเครื่องของคณะเอเปคพักค้างคืนได้ใน
17 หลุมจอด
ข่าวที่สอง -“มีเลีย เกาะสมุย”ชูบุฟเฟต์ซันเดย์บรันซ์เสิร์ฟไม่อั้น
1,890บาท
มีเลีย เกาะสมุย รีสอร์ทริมหาดเชิงมนบนเกาะสมุย
รายงานว่าได้จัดบุฟเฟต์มื้อสายวันอาทิตย์หรือ Sunday Brunch ต้อนรับไฮซีซันฤดูการท่องเที่ยวของคนไทยและนานาชาติในวันอาทิตย์ที่ 20
พฤศจิกายน 2565 ด้วยมื้ออาหารยอดนิยมของนักเดินทางกลุ่มครอบครัวและคนรักอาหารทะเล
โดยมีอาหารนานาชาติหลากหลายเมนูให้ได้เลือกรับประทานได้ไม่จำกัด ที่ห้องอาหาร เดอะ บรีซ่า บีช เรสเตอรอง แอนด์
บาร์ ริมชายหาดบรรยากาศสบาย ๆ เคล้าเสียงคลื่นลม
โปรโมชั่นพิเศษวันอาทิตย์ที่
20 พฤศจิกายน 2565 นักท่องเที่ยวจองที่นั่งห้อง เดอะ บรีซ่า บีช เรสเตอรอง แอนด์
บาร์ ให้บริการตั้งแต่ 12.00 น. -16.00 น. ราคาเพียงคนละ 1,890++ บาท หรือคนละ 3,990++ บาท เมื่อเลือกรับประทานอาหารกับเครื่องดื่มนานาชนิดบริการแบบไม่จำกัด
ได้แก่ ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้ และน้ำอัดลม ส่วนเด็กอายุ ระหว่าง 5 ถึง 12
ปี ราคาคนละ 945++
บาท ราคาทั้งหมดยังไม่ได้รวมค่าบริการ 10%
และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
ส่วนกิจกรรมนี้ทาง “เชฟ ยูอีส กันตอนส์ เปซาโรโดนา”
หัวหน้าพ่อครัวใหญ่คนใหม่สัญชาติสเปน ได้รังสรรค์หลากเมนูซิกเนเจอร์ และอาหารทะเลสดใหม่มาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ไฮไลต์คือ
“หอยนางรมฟิน เดอ แคลร์”
นำเข้าจากฝรั่งเศส “ปูม้าทะเลสด” จากเกาะสมุย “หอยแมลงภู่” จากจากชิลี กับมุมอาหารญี่ปุ่นหลากชนิด
มีทั้งปลาดิบ ซูชิปั้นสด ส่วนคนรักเนื้อชิมเมนู เนื้อซี่โครงตุ๋นเป็นเวลา 24 ชั่วโมงราดซอสชุ่มฉ่ำ
ไก่อบสมุนไพรและข้าวโพด กับปลากระพงตัวใหญ่อบเกลืออบอวนด้วยกลิ่นสมุนไพรไทย
ตามด้วย สปาเกตตี้คาโบนาล่าผัดกับแพนเชสต้า
หรือแฮมหมูสามชั้นแบบอิตาลีคลุกในชีส พาสต้าเส้นเกรียวในซอสมะเขือเทศแสนอร่อย ผลิตภัณท์จากหมูนำเข้าให้บริการพร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ
“มุมอาหารสเปน” อันเป็นเอกลักษณ์ก็มีเมนูแนะนำอย่าง
“ปาเอญ่า” ข้าวผัดทะเลแบบสเปน รสชาติต้น
ตำรับสูตรลับของเชฟ ยูอีส ซุปเย็นแบบสเปน “สลัดทะเล”
เสิร์ฟกับอโวคา โดบดแบบสเปน หรือ อาหาร “แบบทาปาส” ยอดนิยมของสเปนก็มีด้วยเช่นกัน
คือ croquetas de jamon ทำมาจากมันฝรั่งบดผสมแฮมทอดแบบสเปน และเมนูอีกมากมายพร้อมเสิร์ฟรับประทานกันแบบจุใจ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น