ททท.ภาคกลางเปิดแผนปี’66ฟื้นรายได้เที่ยว17จังหวัดแสนล้าน
บูมขาย6เมนู-จัดกระหึ่ม365วันมหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน
พ.ย.-ธ.ค.สายแคมป์ใกล้กรุงล้น-สายแดนซ์รอEDMมือ1โลก1ม.ค.
“คิง
เพาเวอร์”33ปีนำดิวตี้ฟรีสนามบินไทยคว้าแชมป์โลกDFNIปี’65
เฟสทีฟ“คิง เพาเวอร์”จัดBESTINATIONชมชิมช้อปวันนี้15ธ.ค.65
สมัครบัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์รับดีลดีช้อปคุ้มได้ทุกวันถึง15ธ.ค.นี้
ททท.บุกWTM2022ขายเที่ยวไทยชูAlwaysWarmปั๊มทัวร์ยุโรปปี’66
กลุ่มบางจากนำ5ธุรกิจ9เดือนแรกปี’65โกยกำไร1.2หมื่นล้านบาท
“TCEB”นำไมซ์บูมรับAPEC 2022“สวนสามพราน/โอเอซิส/NCC
หนาวนี้เที่ยวจ.เลยใกล้ชิดติดธรรมชาติหริรักษ์/นาแห้ว/ภูหลวง
โรคอันตรายมาพร้อมกับความอ้วนกับ6วิธีลดน้ำหนักให้ได้ผล
สิงคโปร์แอร์เปิด“TIME TO FLY”ขายตั๋วบินทั่วโลกเริ่ม6,790บาท
การบินไทยบินเพิ่มกรุงเทพฯ-เมลเบิร์น2เที่ยว/วันเริ่ม1ธ.ค.65
วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน
2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #ทททภูมิภาคภาคกลาง
#หนาวนี้เที่ยวเลย
#วนอุทยานหริรักษ์
#นาแห้ว #ป่าภูหลวง
ช่วงที่ 1 คลิกออฟแผนฉบับใหม่ กับ “นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฟื้นรายได้แสนล้านบาท 17 จังหวัด ด้วย Trendy C2 กับ 6 เมนูประสบการณ์ พ.ย.-ธ.ค.65 ขายกระหึ่ม “เพิ่มพลังชีวิตติดธรรมชาติ” สายแคมป์จองแหล่งกางเตนท์ล้นทะลัก กาญจบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สระบุรี และ “เพิ่มพลังสร้างสรรค์” ทัวร์สตรีทอาร์ต งานไฟสวยงาม ณ สัทธา อุทยานไทย และนีโอ เคาน์ดาวน์ วันเดอร์เวิลด์ ดึงศิลปิน EDM Music Dance มือ 1 ของโลกรับศักราชใหม่ 1 ม.ค.66 ไฮไลต์ 15 ธ.ค.นี้ เปิดเต็มรูปแบบ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน แทนที่เราเที่ยวด้วยกัน และยกระดับเมืองรองสู่เมืองหลัก
นายกิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวปี 2566 ดูแลภาคกลางรวม
17 จังหวัด
9 สำนักงาน
จุดแข็งของพื้นที่เป็นเมืองหลวง ศูนย์กลางการเดินทางทั้งทางบก ทางอากาศ
ทำหน้าที่ได้พร้อมกัน 2 บทบาท
คือ 1.นำคนจากทั่วประเทศเข้ามาท่องเที่ยว
และ 2.ส่งออกนักท่องเที่ยวไปยังภูมิภาคอื่น
ๆ ทั่วประเทศ สร้างความได้เปรียบกว่าภาคอื่น
ๆ
แผนส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวปี
2566 ด้วยการเริ่มสร้าง
VP :Value Preposition มอบคุณค่าของสินค้าที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว
พร้อมกับสร้างคนเซ็ปต์จุดขายในธีม “Trendy C2
ภูมิภาคภาคกลาง” C2
หมายถึง C-แรก Create New Experienced เน้นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ท้าทายมากขึ้น
รวมถึงเสน่ห์ภาคกลางคือ C-สอง Charming of Central สามารถตอบโจทย์ตลาดเป้าหมายมุ่งเจาะกลุ่มหลักคือ
“นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่-Mellenail”
ปัจจุบันโครงสร้างประชากรไทยมีเจน Y กับ Z
อยู่เกินครึ่งของทั้งหมด
ตามโจทย์ภาคกลางได้รับ
“เป้าหมายสร้างรายได้” ปี 2566
สถิตินักท่องเที่ยวในประเทศตามสถานการณ์ปกติปี 2562 การท่องเที่ยวในประเทศมีผู้เยี่ยมเยือนคนไทย
212
ล้านคน-ครั้ง ปี 2565
หลังสถานการณ์โควิด-19
คลี่คลาย 10
เดือนแรก ระหว่างมกราคม-ตุลาคม ปีนี้ มีผู้เยี่ยมเยือนแล้วถึง 200 ล้านคน-ครั้ง
ขาดเพียงแค่ 12 ล้านคน
ก็จะได้จำนวนนักท่องเที่ยวเท่าปีปกติแล้ว
ส่วนปี 2566 ปัจจุบันตั้งไว้เพียงให้กระตุ้นผู้เยี่ยมเยือนในประเทศไว้แค่
80 % ของปี 2562 ทั้งที่ปี
2565 ทำได้เกือบเกินเป้าหมายไปแล้ว
ดังนั้นจึงตั้งเป้าปีหน้าจะเพิ่มจากปี 2565 ขึ้นไปอีก 10 % แต่ตัวเลขดังกล่าวก็เป็น
“ความท้าทาย” อย่างมาก เพราะคนไทยเลือกเดินทางเที่ยวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้
“ที่นั่งเที่ยวบินไปต่างประเทศ” กลายเป็นคนไทยใช้บริการเกิน 60 % มีเหลือให้นักท่องเที่ยวเอเชียเหลือที่นั่งเพียง
40 % เป็นอุปสรรคการนำเข้าต่างชาติเที่ยวไทยด้วย
ขณะที่
“ภาคกลาง” ในสถานการณ์ปกติ ส่วนที่ 1 มีผู้เยี่ยมเยือนคนไทยปี 2562 ทำไว้ 79 ล้านคน-ครั้ง
ปี 2565 ทำได้ 62 ล้านคน-ครั้ง
และปี 2566 จะต้องเพิ่มตามเป้าหมายใหญ่ทั้งประเทศอีก
10 % ส่วนที่ 2 รายได้รวมของภาคกลาง 118,606 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ
30 %
หรือคิดเป็น 65 % ของปี 2562
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 2,900 บาท/คน/ทริป
เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ทำไว้
2,384 บาท/คน/ทริป
อย่างไรก็ตาม
ททท.จะต้องพิสูจน์ว่า “ไทยเที่ยวไทย”
การท่องเที่ยวในประเทศเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง ตามที่
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.มุ่งมั่นให้ทุกคนช่วยกันทำให้สัดส่วน
นักท่องเที่ยวคนไทยกับต่างชาติให้ได้ถึง 50 ต่อ 50 %
ส่วนกลยุทธ์ส่งเสริมการขายท่องเที่ยวในประเทศเข้าสู่ภาคกลาง
จะเน้น “สร้างพลังบวกผลิตเมนูประสบการณ์” 6 เมนูหลัก ได้แก่
เมนูที่ 1 เพิ่มพลังใจและศรัทธา
ปลุกกระแสนักท่องเที่ยวตลาดหลักสายมูเตลู เลือกได้หลายเส้นทางมานำเสนอ เช่น
ลั่นระฆังแห่งความสำเร็จจังหวัดสุพรรณบุรี โดยให้สำนักงาน
ททท.ไปพัฒนาสินค้าเชิงสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้มากขึ้น
เมนูที่ 2 อิ่มอร่อย
เพิ่มพลังกาย เป็นเรื่องเส้นทางอาหารหรือ gastronomy ในภาคกลางมีอย่างหลากหลาย
เช่น จังหวัดเพชรบุรี ยูเนสโก้ประกาศให้เป็นเมืองสร้างสรรค์อาหารระดับโลก
เมนูที่ 3 เพิ่มพลังใจ
เพิ่มพลังชุมชน ททท.แต่ละสำนักงานจะไปสร้างสรรค์สินค้าชุมชนซึ่งมีอยู่มากมาย
ควบคู่กับเปิดเส้นทางเข้าถึงทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ
เมนูที่ 4 เพิ่มพลังกาย
สายสปอร์ต ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเอาท์ดอร์ยอดนิยมขณะนี้เป็นการเล่น Surf กับ Sub Broad ในน้ำจืดซึ่งภาคกลางมีแหล่งน้ำมากมาย
ไฮไลต์คือมหกรรมความสนุกเที่ยวเทศกาล Sub Festival จังหวัดกาญจนบุรี
กลางเดือนพฤศจิกายนนี้
เมนูที่ 5 เพิ่มพลังสร้างสรรค์
เน้นเรื่องการท่องเที่ยวย้อนอดีตภาคกลางมีลักษณะเฉพาะกับภาพลักษณ์ซึ่งกาลเวลาไม่สามารถทำลายได้
ผนวกกับการเดินชมสตรีทอาร์ตต่าง ๆ เช่น จังหวัดราชบุรี อย่าง
เส้นทางชมพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ และอื่น ๆ
เมนูที่ 6 เพิ่มพลังชีวิต
ติดธรรมชาติ ภาคกลางมีสถานที่ท่องเที่ยวเดินป่า และตั้งแคมป์มากมาย เช่น
อำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี กาญจบุรี สุพรรณบุรี สระบุรี และอีกหลายจังหวัด
แนวโน้มการท่องเที่ยวหน้าหนาวภาคกลางระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
นี้ กระแสตอบรับมาแรงโดนเด่น 2 เมนู คือ เมนูที่ 5 เพิ่มพลังสร้างสรรค์
กับการท่องเที่ยวถนนสายศิลปะตามจังหวัดต่าง ๆ ไฮไลต์ ใน “กรุงเทพมหานคร” ล่าสุดจัด
Bangkok Street Arts ขึ้น
บ่งบอกถึงการทำให้เมืองมีสุนทรียะทางศิลปะ เกิดความรื่นรมย์ทางการท่องเที่ยว
กับเมนูที่ 6 ขณะนี้แคมป์ทั่วภาคกลางจองล่วงหน้าล้นทุกพื้นที่
ผอ.กิตติพงษ์
กล่าวว่า แผนการขายฉลองเทศกาลท่องเที่ยวปลายปีที่จะตอกย้ำถึงกรุงเทพฯ
และเมืองไทยเป็น New Era
หรือประเทศริเริ่มใหม่หลังสถานการณ์โควิด ไฮไลต์กระตุ้นด้วย 2 งานใหญ่
งานแรก NASATTA
Light Festival Winter Illumination -เทศกาลแสดงไฟสวยงาม
ที่ ณ สัทธา อุทยานไทย อำเภอบางแพ
จังหวัดราชบุรี ครั้งแรกเมื่อ
ททท.เข้าไปสนับสนุนการจัดเทศกาลมีนักท่องเที่ยวเข้าชมกว่า 20,000 คน
ปีนี้จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน
2565 ต่อเนื่องไปจนถึงมกราคม
2566
งานที่
2 Neon Countdown
2022 จัดที่ สวนสนุกวันเดอร์ เวิลด์ กรุงเทพมหานคร
เริ่ม 30 ธันวาคม
2565-1 มกราคม
2566
ทางผู้จัดยืนยันจะเป็นงานแสดงดนตรีอิเลคทรอนิกส์แดนซ์ และ EDM
ขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก
ภายในงานเตรียมเชิญศิลปินเบอร์ 1 ของ EDM Music Dance มาเมืองไทยต้อนรับเปิดศักราชใหม่วันที่
1 มกราคม
2566 คาดตลอดงาน
3 วัน
มีคนเข้าร่วมเกินกว่า 60,000
คน
เฉลี่ยวันละประมาณ 20,000
คน
งานเทศกาลความสุขในจังหวัดอื่น
ๆ ปลายปีนี้ทั่วภาคกลาง
ก็มีหลากหลายไฮไลต์ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนท่องเที่ยวในประเทศอย่างคึกคัก
เช่น งานอยุธยา ยอยศยิ่งกว่า มรดกโลก 2565 งานรถไฟลอยฟ้า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
จ.ลพบุรี งานแก่งกระจาน มรดกโลก เฟสติวัล จ.เพชรบุรี งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว
จ.กาญจบุรี งานกินปลาทูแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม งานฮาล์ฟมาราธอน สามร้อยยอด
จ.ประจวบคีรีขันธ์
ผอ.กิตติพงษ์
กล่าวว่า ภูมิภาคภาคกลางได้รับโจทย์ให้สร้างสินค้าท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับจุดขาย New Chapters ปี 2566 เตรียมทำ
3 โครงการ
ประกอบด้วย โครงการแรก “365 วัน
มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”
คอนเซ็ปต์ที่ต้องการให้ทุกคนมองภาพประเทศไทยทุกวันเป็น “ไฮซีซัน” โดยจะมีดีลดี
ราคาพิเศษ พร้อมกิจกรรมแปลกใหม่แต่ละพื้นที่ สามารถท่องเที่ยวได้ทุกวัน
โครงการ
“365 วัน
มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” จะเข้ามาแทนที่โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”
ที่กำลังจะสิ้นสุดลง เพื่อกระตุ้น 3 เพิ่ม คือ เพิ่มความถี่การเดินทาง
เพิ่มการใช้จ่ายเงิน และเพิ่มวันพักเฉลี่ย
และต่อสู้กับกำลังซื้อคนไทยออกไปเที่ยวต่างประเทศ
ด้วยการนำดีลราคาพิเศษทั่วภาคกลางเพื่อให้คนหันมาเที่ยวทุกวัน
โดยเฉพาะกลยุทธ์ทำความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเก็บ CODE ดีลราคาดีไว้เดินทาง
เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 15 ธันวาคม 2565
โครงการที่
2 “ท่องเที่ยวเมืองรอง”
ปลุกกระแสจังหวัดอันดับรองทั่วภาคกลาง ใช้กลยุทธ์การจัดในรูปแบบ “อีเวนต์เล็ก ๆ
มุมเล็ก ๆ แต่มูลค่ามหาศาล” เช่น อีเวนต์เทศกาลท่องเที่ยวงานแสดงไฟสวยงาม ของ ณ
สัทธาอุทยานไทย จ.ราชบุรี สร้างกระแสดึงดูดคนได้จริง ผนวกเข้ากับใช้ช่องทางโซเชียล
มีเดีย เป็นเครื่องมือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ขนมเปี๊ยะบ้านปากบาง จ.สิงห์บุรี
อร่อยที่สุดในเมืองไทย ต่อยอดการขายเชื่อมโยงเข้ากับการท่องเที่ยววิถีชีวิตคน
การสร้างอีเวนต์บวกกับเข้าสื่อออนไลน์จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในภาคกลางแปลงโฉมเมืองรองซึ่งเป็นแค่เมืองผ่านขยับขึ้นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักได้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์”33ปีนำดิวตี้ฟรีสนามบินไทยคว้าแชมป์โลกDFNIปี’65
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์
เปิดเผยว่า ในโอกาสฉลองการดำเนินธุรกิจครบ 33
ปี มีข่าวดีมาฝากคนไทยทั้งประเทศโดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับรางวัลชนะเลิศ
DFNI Frontier Awards 2022 (ดีเอฟเอ็นไอ-ฟรอนเทียร์ อวอร์ดส ปี2565) สาขารางวัลประเภท Airport
Retailer of the Year หรือรางวัลผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกสนามบินที่บริหารงานยอดเยี่ยมแห่งปี
จากเวทีธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและดิวตี้ระดับโลก DFNI
Frontier Awards โดย คิง เพาเวอร์ ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด
ซึ่งธุรกิจดิวตี้ฟรีเข้าชิงรางวัลด้วยอีก 2 ประเทศ ได้แก่ Dubai
Duty Free สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ Qatar Duty Free ของกาตาร์
รางวัล
DFNI
Frontier Awards 2022 (ดีเอฟเอ็นไอ-ฟรอนเทียร์
อวอร์ดส ปี2565) สาขารางวัลประเภท Airport Retailer
of the Year
ถือเป็นรางวัลการันตี คิง เพาเวอร์
ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและรีเทลระดับโลกของคนไทยในการบริหารจัดการร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดอากรภายในสนามบินนานาชาติของไทยและร้านค้าเชิงพาณิชย์
สามารถตอบสนองความต้องการด้านสินค้าและบริกานักเดินทางทั่วโลก
โดย
“คิง เพาเวอร์” ทำสถิติคว้ารางวัล Frontier
Awards ในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรีเทลเพื่อการท่องเที่ยว มาแล้ว 8
ประเภทรางวัล ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย
ปี
2546 ได้รับรางวัล Highly
Commended : Partnership initiative of the Year
ปี
2551 ได้รับรางวัลชนะเลิศ Best
Airport Retailer of the Year
ปี
2552 ได้รับรางวัล Finalist
: Land-based Border/ Downtown Retailer of the Year
ปี
2554 ได้รับรางวัลชนะเลิศ Best
Airport Retailer of the Year และ รางวัล Best Land-based
Border/ Downtown Retailer of the Year
ปี
2561 ได้รับรางวัล Border,
Downtown & Non-Airport Retailer of the Year
ปี 2564 ได้รับรางวัล Online Travel Retailer of the Year
ปี
2565 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับรางวัล Airport
Retailer of the Year
อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดระดับโลกของผู้ประกอบการธุรกิจดิวตี้
ฟรี ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดย Duty-Free
News International หรือ DFNI สื่อชั้นนำด้านดิวตี้ฟรีที่มีอิทธิพล
และชื่อเสียงทั่วโลก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางระดับสากล เพื่อมอบให้บุคคล
ผู้ประกอบการ หรือหน่วยงาน ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจด้านท่องเที่ยวค้าปลีก
และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม
การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ นวัตกรรมทางด้านรีวอร์ดที่โดดเด่น ล้ำสมัย
และการบริการลูกค้าที่เหนือระดับ พิจารณาร่วมกันโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวงการดิวตี้ฟรีจากหลากหลายประเทศ
ข่าวที่ 2 “คิง เพาเวอร์”จัดเฟสทีฟBESTINATIONชมชิมช้อปพ.ย.-ธ.ค.65
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์จัดแคมเปญ KING
POWER CELEBRATION 2023..HAVE A NEW BESTINATIONต้อนรับปลายปีนี้ฤดูท่องเที่ยวช่วงเทศกาลยอดนิยมหรือ Festive ระหว่างวันนี้-15 ธ.ค.2565 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
พัทยา ภูเก็ต และศรีวารี (ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์) และสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่
หาดใหญ่ และภูเก็ต
หลังจากประมวลสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มคึกคักมากขึ้นช่วง
Festive ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุ 3 เดือนสุดท้ายปี
2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 1.5 ล้านคน
เช่นเดียวกับคนไทยก็วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวด้วย ทำให้คิง เพาเวอร์
ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก
มีแผนงานร่วมส่งมอบประสบการณ์ความสุขสร้างบรรยากาศ จัดกิจกรรม และทำโปรโมชั่นพิเศษอย่างเต็มที่
จึงได้เนรมิตพื้นที่ ‘คิง เพาเวอร์ รางน้ำ’ ให้เป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นส่งมอบประสบการณ์ความสุขเชิญชวนคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมเฉลิมฉลอง
“เทศกาลคริสต์มาส” จะประดับไฟต้นคริสต์มาสและจัดกิจกรรมการตลาดเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวแบบ
360 องศา
ทาง “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จะรวบรวม “ร้านอาหารชื่อดัง” มาให้บริการช่วงวีคเอนด์
ในธีม “คริสต์มาส วิลเลจ-” เสิร์ฟความสุขต่อเนื่อง 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2565 ช่วงที่ 2 ฉลองเทศกาลคริสต์มาส วันที่ 16-18 และ 23-25 ธันวาคม 2565
“คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดไฟต้นคริสต์มาสยักษ์ขสูง 10 เมตร พร้อมประสบการณ์ใหม่เปิดไฟจาก แพทริค คุณ
นักมายากลชื่อดัง จากนั้นก็เปิดให้สนุกสนานกับศิลปินดาราดังพาเหรดกันมามอบความสุข
นำโดย มาริโอ้ เมาเร่อ เรื่อยไปจนถึง ความน่ารักของครอบครัวคุณบีม กวี THEE PHEE FAMILY โชว์พิเศษจากแบรนด์แอมบาสเดอร์ความสุข
JAYLERR และ 4EVE
พร้อมทั้งเตรียมพบกับ “โปรโมชั่นพิเศษ” ตลอดการช้อปที่ คิง เพาเวอร์
มอบความคุ้มค่าต่อเนื่องให้ทุกคนทุกการวางแผนซื้อสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับผู้ที่มีไฟลต์บินหรือไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้
เริ่มแล้ว 3 โปรโมชั่นคือ
โปรโมชั่นแรก “โฮมเดลิเวอรี”
ตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ คิง เพาเวอร์
เปิดบริการทุกวัน 3 สาขา รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และศรีวารี เปิดทุกวันเสาร์ – อาทิตย์
โปรโมชั่นที่ 2 ช้อปรับส่วนลด ตั้งแต่วันนี้จนถึง 2 มกราคม 2566 ช้อปให้ครบ 10,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
รับทันทีส่วนลด 2,000 บาท และช้อปครบ 40,000 บาทขึ้นไปสุทธิ รับฟรีกระเป๋าเดินฟรี 1 ใบ
เพิ่มส่วนลดพิเศษ !! เฉพาะวันที่ 11-13 พฤศจิกายน
นี้ เมื่อช้อปครบ 25,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับคืน Gift
Voucher 2,000 บาท ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ส่วน “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” พิเศษมากกว่า
เมื่อช้อปสินค้าครบ 5,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จรับเงิน รับฟรีทันทีคูปองรับประทานอาหาร ภายในงาน Christmas
Village มูลค่า 150 บาท
ข่าวที่ 3 สมัครบัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์รับดีลดีช้อปคุ้มได้ถึง15ธ.ค.นี้
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มอบดีลดี ไม่ควรพลาด
เมื่อสมัครสมาชิกบัตรแต่ละประเภทตั้งแต่วันนี้-15 ธ.ค. 2565 พบกับ
1.“ดีลดี รับฟรี” ได้เลย
สมัครฟรีสมาชิก NAVY
2.ดีลคุ้ม ได้ช้อปเพิ่ม
2.1 รับเงินช้อปเพิ่มทันที
1,000 บาท* เมื่อสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET
6,000 บาท
2.2 รับเงินช้อปเพิ่มทันที
10,000 บาท* เมื่อสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ 60,000 บาท
2.3 สิทธิประโยชน์สุดพิเศษ
สำหรับสมาชิกมากมาย
สมัครง่าย ผ่าน 2 ช่องทาง ที่ คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต และ LINE Official Account :
@KINGPOWER ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 65 –
15 ธ.ค. 65 นี้ เท่านั้น! สมัคร : https://lin.ee/QxLtQ1b
เมื่อมี “ไฟลต์บิน” แล้ว อย่าลืมสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ ที่สนามบิน สุวรรณภูมิ
ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต “ช้อปคุ้มกว่า”
และรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับนักเดินทาง! 1.สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY
ฟรี! 2. สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET
6,000 บาท และรับเพิ่ม! คูปองส่วนลด 15% อีก 1 ใบ
3.สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ ONYX
60,000 บาท รับเพิ่ม! คูปองส่วนลด 20% อีก 1 ใบ สิทธิประโยชน์ 4.สมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET
& ONYX รับสิทธิ์เข้าใช้บริการ KING POER LOUNGE และ KING
POWER SPACE
ข่าวที่ 4 ททท.บุกWTM2022ขายเที่ยวไทยชูAlwaysWarmปั๊มทัวร์ยุโรปปี’66
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้นำผู้บริหาร
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอร์ด และเอกชนไทย ไปแสดงพลังในเวที WTM - World Travel Market 2022 เข้าร่วมครั้งที่ 41 พร้อมประกาศให้ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกเกือบ 200 ประเทศ
ได้เพิ่มประสบการณ์กับ “Amazing Thailand” ปี 2566 เป็นต้นไปประเทศไทยได้ชูการท่องเที่ยว BCG สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนชีวภาพสีเขียว
เปิดให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและใช้จุดแข็งสร้างสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มและกำหนดประสบการณ์
เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการปฏิบัติที่มีความรับผิดชอบควบคู่กันไปด้วย
รวมทั้งได้นำเสนอแคมเปญ 'Visit Thailand 2022-2023: Amazing
New Chapters' ต่อเนื่องปีที่ 2 เพื่อเชิญชวนนักเดินทางทั่วโลกเข้ามาค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ที่ดีกว่าเดิมใหม่ในเมืองไทย
แล้วบอกเล่าเรื่องราวแชร์กับครอบครัวและเพื่อนฝูงเลือกมาเที่ยวเมืองไทย
นายฉัตรตัน กุญชร ณ อยุธยา
รองผู้ว่าการด้านการสื่อสารการตลาด ททท.กล่าวว่า ไดต้องการมอบประสบการณ์การเดินทางที่สดใหม่ผ่านส่วนใหม่
ๆ เช่น การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
เน้นย้ำจุดแข็งของไทยทางด้านธรรมชาติ อาหาร ความเป็นไทย . มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายไม่เฉพาะกับนักเดินทางเท่านั้นยังรวมถึงชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อมด้วยผ่านแนวคิด
7
Greens นำเสนอจุดหมายปลายทางเกิดใหม่เที่ยวได้วันธรรมดาไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
เช่น เกาะหมาก จ.ตราด รวมถึงการทำงานร่วมกับ “สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย” ขับเคลื่อนความยั่งยืนการท่องเที่ยวเชิงอาหารผ่านการท่องเที่ยวแบบออร์แกนิก
สำหรับการคืนสู่เวที WTM 2022 ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่
ททท. ใช้ความยั่งยืนเป็นเกณฑ์คัดเลือกผู้ขายเพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมการตลาดแบบ B2B
ซึ่งจะใช้โมเดลต่อไปในอนาคตเพื่อรณรงค์เอกชนพัฒนาธุรกิจเชื่อมโยงกับความยั่งยืน
เช่น การจัดการด้านขยะและการใช้พลังงาน ทำให้ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผลักดันการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ขณะนี้รัฐบาลไทยวางแผนจะส่งเสริมชายฝั่งทะเลอันดามันที่สวยงามของไทยภายใต้โครงการ
'Andaman
Wellness Corridor' เลือกนำร่องลงทุนที่ภูเก็ตต้นแบบเมืองท่องเที่ยวสุขภาพ
ขยายสู่จังหวัดใกล้เคียง เช่น กระบี่ พังงา ก็กำลังวางแผนจะพัฒนาระบบสาธารณสุข
ชุมชนทางการแพทย์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และศูนย์ดูแลผู้ป่วย รวมทั้งภูเก็ตกำลังประมูลชิงเป็นเจ้าภาพจัดเอ็กซ์โป
2028 ดึงไปจัดในไทยปี 2571
อีกทั้ง ททท.ยังได้เปิดตัวแคมเปญฤดูหนาว
“Always Warm -เมืองไทยอบอุ่นเสมอ” เพื่อเพิ่มยอดขาย และเพิ่มเที่ยวบินและจำนวนที่นั่งช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี
2565 เป็นต้นไป
ดึงดูดนักท่องเที่ยวแถบยุโรปเดินทางไปพักผ่อนในไทยซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศอบอุ่นและมีแสงแดดส่องถึง
ด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นแบบไทย
แคมเปญนี้ ทาง ททท. ลอนดอน กำลังทำตลาดร่วมกับพันธมิตรทั้งตัวแทนนำเที่ยว
ทัวร์เช่าเหมาลำ เช่น Trailfinders
และ Flight Centre ควบคู่การเปิดตัวโฆษณาเพื่อโปรโมต
"Always Warm" ส่วน ททท. แฟรงก์เฟิร์ต จับมือกับ EVA
AIR (ของไต้หวัน) เดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป
เปิดเส้นทางบิน ไป-กลับ มิวนิก-ไทเป-กรุงเทพฯ ช่วยกระตุ้นจำนวนผู้โดยสารยุโรปเข้าไทย
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย
ระหว่าง 1 มกราคม-26 ตุลาคม 2565 รวม 7,349,843 คน และสร้างรายได้ 3.78 แสนล้านบาท ช่วงตารางบินฤดูหนาว
ตั้งแต่30 ตุลาคม 2565-25 มีนาคม
2566 คาดจะนักเดินทางอีกเดือนละประมาณ 1.5
ล้านคน จากข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะมีจำนวนที่นั่งของสายการบินเข้าไทยสัปดาห์ละ
573,000 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากช่วงตารางบินฤดูร้อนถึง 74.2%
ปี 2566 ททท. ตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย
20 ล้านคน สร้างรายได้รวมทั้งหมด 2.38 ล้านล้านบาท
มาจากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท
ข่าวที่ 5 กลุ่มบางจากนำ5ธุรกิจ9เดือนแรกปี’65โกยกำไร1.2หมื่นล้านบาท
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เปิดเผย ว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทบางจาก 9 เดือนแรก ปี 2565 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 227,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
72 % มีกำไรก่อนหักภาษี หรือ EBITDA 37,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128 % มีกำไรในของบริษัทใหญ่ 12,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันกับปีก่อน106 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น
8.64 บาท
เหตุที่ EBITDA ปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย
OKEA ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นต้นมา ส่วนที่เหลือปรับเพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 15,658
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก
เนื่องจาก “อุปสงค์ฟื้นตัว” หลังผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางฟื้นตัวขึ้น “อุปทานน้ำมัน” ยังตึงตัวจากความขัดแย้งยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน
แต่ “ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวลดลง” ช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 จากความกังวลกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอย และอัตราเงินเฟ้อยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง
แต่ก็ยังได้รับแรงหนุนจากกลุ่มโอเปกพลัสปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันเมื่อช่วงปลายกันยายนปีนี้
ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 9 เดือนแรก ปี 2565 อยู่ที่ 100.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 33.93 เหรียญสหรัฐฯ
ต่อบาร์เรล หรือ สูงขึ้นกว่า 51 % จากช่วงเดียวกันของปี 2564
meให้กลุ่มบริษัทบางจาก มี Inventory Gain 5,754 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อน
และผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ
เพิ่มความหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ช่วง 9 เดือนแรก กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นฯ
สามารถคงอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยสูงในระดับ 122,600
บาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็น 102 % -v’กำลังการผลิตรวม-v’โรงกลั่น
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 2,789
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
มีปัจจัยบวกจากปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพราะโควิด-19
คลี่คลายลง ผนวกค่าการตลาดรวมสุทธิต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้น เพราะไตรมาสก่อนหน้ารัฐมีนโยบายผ่อนคลายเพดานราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกมากขึ้น
ไตรมาสนี้ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยลดลงตามตลาดโลก
ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการสะท้อนต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปมากขึ้น และอุปสงค์การใช้น้ำมันดีเซลในโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติเหลว
(LNG) มีราคาสูง ทำให้ทั้งปริมาณและค่าการตลาดของตลาดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
กลุ่มที่ 3 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA รวม 5,396
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
รับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากการเปิดเชิงพาณิชย์ (COD)
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 3 โครงการ
กำลังการผลิตตามสัญญารวม 65 เมกะวัตต์
และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว กับเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น
และรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท Star Energy Group
Holdings Pte. Ltd. อีก 2,031 ล้านบาท
กลุ่มที่ 4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 471 ล้านบาท ลดลง 71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปริมาณการจำหน่ายไบโอดีเซล (B100) ลดลง จากการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)
ประกาศปรับเปลี่ยนส่วนผสม B100 ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B10 เมื่อช่วง 9 เดือนแรกปีก่อน มาเป็น B5 ช่วงปีนี้ ปริมาณการจำหน่านเอทานอลลดลงจากการบริหารแผนการขาย ช่วงไตรมาส 3
ปีที่แล้วรับรู้กำไรจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนด้วย
กลุ่มที่ 5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 13,856
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 % ได้แรงหนุนจากการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำที่นอร์เวย์
โดย OKEA ASA มีรายได้จากการขายน้ำมันดิบและก๊าซ
2 เท่าของช่วงเวลา 9 เดือนแรกปีก่อน
เนื่องจากราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติขึ้น153 % แต่ผลดำเนินงานได้รับผลกระทบจากการตั้งด้อยค่าแหล่ง Yme ประมาณ 220 ล้านบาท
(หลังหักภาษีและตามสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทบางจาก)
ข่าวที่ 6 “TCEB”นำไมซ์บูมรับAPEC 2022“สวนสามพราน/โอเอซิส/NCC
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บพร้อมสนับสนุนการจัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก
หรือ APEC 2022
Thailand ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดต่อเนื่องตลอดปี 2565
และไฮไลต์การประชุมผู้นำ21 เขตเศรษฐกิจ
ระหว่าง 14-19 พฤศจิกายน 2565 จึงได้ร่วมนำบทบาทการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยร่วมขับเคลื่อนภารกิจเอเปคครั้งนี้
3 ด้านหลัก
ประกอบด้วย
ด้านที่ 1 ให้องค์ความรู้ข้อมูลเรื่องการจัดงานอย่างมีมาตรฐานและเกิดความยั่งยืน
แนะนำเลือกใช้สถานที่จัดงานที่ได้รับมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (TMVS) และมาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนประเทศไทย
(TSEMS) รวมถึงมาตรฐานการจัดงานที่ปลอดภัย
ด้านที่ 2 ส่งเสริมบุคลากรที่ผ่านมาตรฐานหลักสูตรผู้ประสานงาน
(Certified
Liaison Program หรือ CLP)
มาร่วมให้บริการกับผู้จัดงานเอเปคจากกระทรวงต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติงานในตำแหน่งล่ามหรือ
Liaison Officer หรือผู้ประสานงานการจัดประชุมนานาชาติรวม 300
คน
ด้านที่ 3 พัฒนาส่งเสริมชุมชนผ่านเส้นทางสายไมซ์
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของการประชุมเอเปคที่ส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่น
โดยในทุกการประชุมเอเปคจะต้องมีการลงพื้นที่เพื่อทำให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนท้องถิ่นต่าง
ๆ ด้วย
รวมถึงทีเส็บได้แลกเปลี่ยนกับกรมประชาสัมพันธ์
สนับสนุนด้านส่งเสริมประชาสัมพันธ์การจัดงาน APEC 2022 จัดทำวีดิทัศน์ Thailand
MICE: Meet the Magic สื่อสารเข้าถึงสื่อต่างประเทศทั่วโลกมาตั้งแต่ช่วงเมษายน
2565 อย่างต่อเนื่อง ควบคู่การจัดกิจกรรม “One Day
MICE Trip with TCEB: ตามรอยการประชุมเอเปค” นำสื่อมวลชนไทยลงพื้นที่ตามรอยคณะทำงานเอเปคด้านการท่องเที่ยว
และผู้เข้าร่วมการประชุมเอเปคด้านการท่องเที่ยว สัมผัสประสบการณ์ไมซ์ สอดคล้องกับแนวคิดการสื่อสาร “ไมซ์ไทย
มนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ” แนะนำหน่วยงานรัฐและเอกชนเลือกจัดประชุมได้หลายรูปแบบมากขึ้น
โดยเฉพาะสถานที่จัดประชุมซึ่งแต่ละพื้นที่มีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างกัน เรื่อยไปจนถึงสร้างกระแสสู่สาธารณชนให้รับรู้ถึงไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค
2022 : APEC 2022 Thailand
นายจิรุตถ์
กล่าวว่า ทีเส็บได้จัดกิจกรรม “One Day MICE Trip with TCEB: ตามรอยประชุม เอเปค” ด้วยการแนะนำสถานที่ใช้จัดประชุมรับรองคณะทำงานเอเปคและผู้เข้าร่วมการประชุมเอเปค
2022 หลัก ๆ 3 แห่ง ได้แก่ 1.สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม 2.กาลิเลโอเอซิส
ตั้งอยู่บนถนนบรรทัดทอง ทั้ง 2 แห่งเน้นการเชื่อมโยงวิถีชีวิตชุมชนพลิกโฉมสู่การสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และ 3.ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คอนเว็นชั่นรองรับการจัดงานที่มีมาตรฐานสากลโลก
ทั้งด้านความปลอดภัยและการจัดงานอย่างยั่งยืน
ช่วงที่ 2 หนาวนี้ปักหมุดเที่ยว จังหวัดเลย ปีนดอยไปตาม“อุทยาน”
ใกล้ชิดติดธรรมชาติ 3 แห่ง ที่ “หริรักษ์ในเมือง” ต่อด้วย
“บ้านนาแห้ว” ภูทอก และ “ป่าภูหลวง” แสนงาม แล้วดูแล “ห้ามอ้วนมีโรคเพียบกับ6วิธีลดน้ำหนัก” และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “สิงคโปร์แอร์ไลน์ส”
เปิดมหกรรม Tmie To Fly ที่เอ็มควอเทียร์
กทม.ขายตั๋วบินทั่วโลกเริ่มแค่ 6,790 บาท ข่าวที่สอง
“การบินไทย” เพิ่มบินเมลเบิร์น วันละ 2 เที่ยว เริ่ม 1
ธ.ค.65 เป็นต้นไป
ท่องเที่ยว - หนาวนี้เที่ยวจ.เลยใกล้ชิดติดธรรมชาติหริรักษ์/นาแห้ว/ภูหลวง
อากาศเมืองไทยเย็นลง
ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวธรรมชาติ “หน้าหนาว” ตามอุทยานต่าง ๆ คึกคักมากขึ้น
ทริปนี้จึงขอแนะนำไปลองเที่ยวอุทยานในพื้นที่จังหวัด “เลย” เพิ่มความแปลกใหม่เติมพลังติดธรรมชาติให้ชีวิตอีกครั้ง
เช็คอินแรก “วนอุททยานหริรักษ์” ใน ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมือง ระยะทางห่างตัวเมืองเลยเพียงแค่10
กม. นักท่องเที่ยวขับรถเข้าถึงได้สบาย ๆ
มีบริการกางเต็นท์พักค้างคืนได้ด้วย เพื่อสัมผัสอากาศหนาวยามค่ำคืนอันแสนประทับใจ
พอตื่นเช้าขึ้นมาก็ชมพระอาทิตย์ทอแสงทองมาทักทายถึงหน้าเต็นต์ ท่ามกลางไอหมอลอยจากผิวน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานตอนบน
เป็นประสบการณ์สุดอะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม อย่างแน่นอน
ททท.สำนักงานเลย เปิดให้นักท่องเที่ยวสอบถามก่อนได้ที่ โทร.
042-812812 ทุกวัน เวลาราชการ08.30-16.30 น.หากต้องการกางเตนท์ชมธรรมชาติก็ติดต่อ
วนอุทยานหริรักษ์ โทร 094-7973010, 080-1854991 และ095-9144201
เช็คอินจุดที่ 2 นาแห้ว@เลย ลานกางเต็นท์
"ภูทอก@บ้านลาด" ในตำบลนาพึง อำเภอนาแห้ว สายแคมป์พลาดได้ไง นาแห้วเป็นสถานที่ใหม่บริการกางเต็นท์ชมวิวทะเลหมอก
ทางชาววิสาหกิจชุมชนบ้านลาด ร่วมแรงร่วมใจกันต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
โดยมีผู้ใหญ่วิเชษฐ์ และทีมงานช่วยกันดูแลบริการนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
ททท.สำนักงานเลยแนะนำให้โทร.สอบถาม ผู้ใหญ่วิเชษฐ์ได้ที่ 062-5043379 หรือทีมงาน
086-2568493 , 088-5342934, 061-0341676
เช็คอินจุดที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ตอนนี้ประกาศเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติได้แล้วเริ่มตั้งแต่วันนี้
ไปจนถึง 30 เมษายน 2566
ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ จะเลือกเปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาธรรมชาติเฉพาะบริเวณ 2 จุด คือ จุดที่ 1 ชมวิวภูโปก
แบบไปเช้ากลับเย็น จุดที่ 2 บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกกระบา
“กลุ่มไม่พักค้างแรม”
มาได้ทุกวันโดยซื้อบัตรเข้ากับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ด่านตรวจ
สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ได้ตั้งแต่ 08.30 - 15.00 น.
แล้วจะต้องกลับออกจากพื้นที่ไม่เกิน 16.00 น. เพื่อความปลอดภัยจากช้างป่า
“กลุ่มพักค้างแรม”
ต้องเตรียมความพร้อม ทำหนังสือขออนุญาตก่อนให้เรียบร้อย เมื่อได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้นจึงจะเข้าไปเที่ยวได้ตามวันและเวลาที่จองกันไว้
แนะนำให้นักท่องเที่ยวต้องโทรประสานงานจองที่พัก และอาหาร
กับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง 064 024 0743 ได้ทุกวัน ก่อนทำหนังสือขอเข้าพักในพื้นที่ดังกล่าว
ส่วนวิธียื่นเอกสารขออนุญาต ดูรายละเอียดได้ที่ Facebook Page
" เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง-จังหวัดเลย " หรือ
ดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ http://portal.dnp.go.th/Content/WildlifeConserve สอบถามเพิ่มเติมหรือประสานงานก่อนเข้าไปเที่ยวโทร. 064 024 0743
หนาวนี้วางแผนไปเช็คอิน ท่องเที่ยวอุทยานใกล้ชิดติดธรรมชาติได้ที่
จังหวัดเลย
สุขภาพ-โรคอันตรายมาพร้อมกับความอ้วนกับ6วิธีลดน้ำหนักให้ได้ผล
ผู้ที่อยู่ในภาวะอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินมักประสบปัญหาสุขภาพได้ง่ายเมื่อเทียบกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
เช่น มีอาการปวดหลัง หรือปวดตามข้อต่อ เป็นต้น โดยอาการป่วยต่าง ๆ
อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
และโรคบางชนิดที่มีสาเหตุมาจากความอ้วนก็อาจรุนแรงและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
จึงควรศึกษาอันตรายและเรียนรู้วิธีการลดน้ำหนักเพื่อให้ห่างไกลจากโรคอ้วย
โรคที่มาพร้อมกับความอ้วน คือ ภาวะอ้วนจนหายใจไม่ออก ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคข้อเสื่อม โรคเก๊าท์ และโรคร้าย ๆ อย่าง เบาหวาน โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
จึงต้องเลือกใช้
6 วิธี ลดน้ำหนักให้ได้ผล
1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณเหมาะสม ควบคุมพฤติกรรมการรับประทานด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายในปริมาณที่เหมาะสมเสมอ
2.ดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มรสหวาน เมื่อกระหายน้ำ หลายคนอาจชอบดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์แทนการดื่ม
3.ออกกำลังกายมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2.5 ชั่วโมง โดยออกกำลังกายระดับหนักปานกลาง เช่น
เดินเร็ว วิ่ง เต้น หรือว่ายน้ำเป็นเวลาประมาณ 20-45 นาที 5
วัน/สัปดาห์
4.สังเกตการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
ควรชั่งน้ำหนักเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของตนเองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
5.ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก อาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนที่กำลังลดน้ำหนักเช่นเดียวกัน
เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ออกกำลังกายและลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดีได้เป็นผลสำเร็จ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -สิงคโปร์แอร์เปิด“TIME TO FLY”ขายตั๋วบินทั่วโลกเริ่ม6,790บาท
สิงคโปร์
แอร์ไลน์ส รายงาน ว่า ร่วมกับ มาสเตอร์การ์ด จัดมหกรรมท่องเที่ยวหรือแทรเวลแฟร์ในเมืองไทย
“TIME TO FLY” เริ่มขึ้นแล้ววันแรก วันศุกร์ที่ 11- 13 พฤศจิกายน 2565 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ บริเวณ Quartier
Gallery ชั้น
M โดยได้สร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวในเมืองไทย
มาช้อปตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษสุด ๆ เริ่มต้นที่ 6,790 บาท ใช้เดินทางสู่ปลายทางหลากหลายเมืองทั่วโลก
เช่น ลอสแอนเจลิส ปารีส โซล สิงคโปร์ ซิดนีย์ โตเกียว และจุดหมายปลายทางอื่น ๆ
ในเครือข่ายเส้นทางบินของสายการบิน
พร้อมเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์
1.นักท่องเที่ยวที่เข้าไปช้อป “TIME
TO FLY” ทางสิงคโปร์มอบของขวัญพิเศษให้ลูกค้าทุกการใช้จ่ายภายในงานด้วย
2.“ช็อปปิ้ง”
จาก KrisShop รวมไปถึงประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวจาก
Kris+ และ
Pelago ทางสิงคโปร์
แอร์ไลน์ส รับเครดิตเงินคืนและสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
ภายในงานแนะนำให้จ่ายผ่านใช้บัตรเครดิตของธนาคารพันธมิตร
ได้แก่ KTC SCB และ
UOB แล้วรับสิทธิสุดพิเศษเช่น การเข้าพักโรงแรมในเครือเซนทารา
โฮเตลส์ แอนด์ รีสอร์ต และรับชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจาก HARNN หรือรับฟรี บัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวเมื่อไปเที่ยวสิงคโปร์
บัตรเข้าชมจาก Sentosa และ
Resorts World Sentosa
ข่าวที่สอง -การบินไทยบินเพิ่มกรุงเทพฯ-เมลเบิร์น2เที่ยว/วันเริ่ม1ธ.ค.65
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า การบินไทย ประกาศเพิ่มเที่ยวบินประจำ ไทย-ออสเตรเลีย
ในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น เพิ่มเป็น 2 เท่า หรือ double daily สัปดาห์ละ
14 เที่ยว จากเดิมสัปดาห์ละ 7 เที่ยว
ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1
ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ด้วยราคาตั๋วโดยสารชั้นประหยัด (economy) เปิดขายในเว็บไซต์การบินไทยเริ่มต้นกว่า 27,000
บาทขึ้นไป/ที่นั่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปีนี้เป็นต้นไป
และขานรับนโยบายรัฐบาลมุ่งให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรเลียครอบคลุมทุกมิติ
ดังนั้นการบินไทยเห็นสัญญาณดีช่วงไฮซีซันเดือนธันวาคม
2565 นี้
เปิดบริการบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น ทำการบินทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน ดังนี้
1.เที่ยวบิน TG461 ขาไปออกจาก กรุงเทพฯ 08.20 น. ถึง เมลเบิร์น 21.20 น. (เวลาท้องถิ่น) ขากลับ TG462 ออกจาก เมลเบิร์น 00.30 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึง กรุงเทพฯ 05.40 น.
2.เที่ยวบินTG465 ขาไปออกจาก กรุงเทพฯ 18.20 น. ถึง เมลเบิร์น 07.20 น. (เวลาท้องถิ่น)เช้าวันถัดไป ขากลับ TG466 ออกจากเมลเบิร์น 09.30 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึง กรุงเทพฯ 14.40 น.
ปัจจุบันการบินไทยมีบริการบินไป-กลับ
กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยว
ซึ่งเปิดให้ผู้โดยสารทั้งในประเทศและออสเตรเลียจองซื้อตั๋วได้ทางเว็บไซต์ thaiairways.com
หรือ สำนักงานขายการบินไทยและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI
Contact Center
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น