อรุษ นวราช สามพรานโมเดลนำAPEC2022แก้3โจทย์วิกฤตโลก "ลดคาร์บอน-เลิกสารเคมีปกป้องสิ่งแวดล้อม-คนสุขภาพดี
เจาะลึก“สามพรานโมเดล”ปลุกเอเปค2022ทึ่งชุมชนBCGเมืองไทย
โมเดลปลดล็อก3โจทย์โลก“ลดคาร์บอน-เลิกสารเคมี-คนสุขภาพดี”
ดัน3อุตสาหกรรมอินทรีย์“เกษตร-อาหาร-ท่องเที่ยว”เกื้อกูลสังคม
คิงเพาเวอร์กระหน่ำโปรFestiveBrandช้อปด่วนถึง30พ.ย.65ลด40%
ชวนช้อปคิงเพาเวอร์หนุนสินค้าชุมชนแต่งบ้านสไตล์โคซี่4แบรนด์
ททท.+Robinhood ขายแฟลชเซล APEC Amazing
Dealโกย15ล้าน
บางจากชูปั๊มกทม.139แห่งขายน้ำมันลดPM 2.5/เช็ครถฟรีเริ่ม1ธ.ค.
TCEBนำกรุงเทพฯคว้ารางวัลเมืองไมซ์โลกDestinationSustainabilily
เที่ยว“40ปีศรแดง”นนทบุรีสุดอลังการฟาร์มเนเธอร์แลนด์เมืองไทย
6วิธีรักษา“เส้นเลือดขอด”สาเหตุอาการแก้ได้โดยปรับพฤติกรรม
บางกอกแอร์เทโปรตั๋วไทย/ทั่วเอเชีย15เส้นทางเริ่ม990/1,090บาท
บพท.ควง26มหาลัยใช้งานวิจัยฟื้นเศรษฐกิจ753ตำบล35จว.โต20%
กรรมการผู้จัดการ สวนสามพราน และนายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย
วันอาทิตย์ที่
13
พฤศจิกายน 2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM
97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #สวนสามพราน
#สามพรานโมเดล #APEC2022
#ฟาร์มศรแดงเนเธอร์แลนด์เมืองไทย
ช่วงที่ 1
เอเปคทึ่ง “สามพราน โมเดล” ของ “อรุษ
นวราช” กรรมการผู้จัดการ สวนสามพราน และนายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย
แปลงโฉมเกษตรอินทรีย์รายย่อยสู่เวทีอินเตอร์ สานฝันยุทธศาสตร์ BCG ชาติ ขับเคลื่อน 3 อุตสาหกรรม
“เกษตร-อาหาร-ท่องเที่ยว” ร่วมปลดล็อกโจทย์ใหญ่ของโลก 3
เรื่อง
“ลดละเลิกปล่อยคาร์บอน-หยุดเงินไหลออกนอกจากการซื้อสารเคมี-ดันไทยขึ้นนำประเทศสุขภาพดี”
ต้นปีหน้าสมาคมโทก้ารุกจัด “สังคมสุขใจ” 3-5 ก.พ.66
เตรียมพื้นที่ตลาดสุขใจไว้จับคู่ธุรกิจเกษตรกรผู้ขายกับผู้ซื้อรายใหญ่โรงแรมร้านอาหาร
และเปิดงานวิจัยครั้งแรกประเทศไทยกับการลดคาร์บอนเต็มรูปแบบ
นายอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการ สวนสามพราน
และนายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA :Thai Organic Consumer Association) ในฐานะพื้นที่จุดหมายปลายต้อนรับคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุม21
เขตเศรษฐกิจ หรือ APEC Thailand 2022 โดยได้นำเสนอ
“สามพราน โมเดล”
ซึ่งเป็นโมเดลที่สามารถนำธุรกิจรายย่อยขนาดเล็กสร้างความสำเร็จตามนโยบาย
เศรษฐกิจแบบองค์รวมไปพร้อมกัน 3 อย่าง คือ BCG :Bio
Econony การใช้ทรัพยากรชีวภาพสร้างมูลค่าเพิ่ม
เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงเข้ากับ -Circular Economy
การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยนำสวัสดุต่าง ๆ
กลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดภายใต้ Green Economy การสร้างเศรษฐกิจสีเขียวพัฒนาสังคมกับสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างสมดุลมั่นคงยั่งยืน
“สามพราน โมเดล”
นำเสนอคณะประชุมเอเปค 2022 บางส่วนไปแล้ว
ภายใต้ BCG Model ของประเทศเกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์ 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1.เกษตรไร้สารเคมี 2.อาหารปลอดภัย 3.การท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ด้วยการใช้
ดังนี้
แนวทางที่ 1 “พัฒนาเครือข่ายสังคมเกษตรอินทรีย์”
นำร่องทำให้ห่วงโซ่อุปทานผู้ผลิตสินค้าเพื่อขายซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์เข้ามาเรียนรู้ความสำคัญด้านความร่วมมือขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์
เพื่อป้อนวัตถุดิบอาหารให้ฝั่งอุปสงค์ในกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อสินค้าในราคาเหมาะสมรับประทานสิ่งที่มีประโยชน์
ตามแนวทางขับเคลื่อน
“สังคมอินทรีย์ด้วยชุมชน” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตจริงนั้น
ได้ก่อเกิดประโยชน์เป็นวงกว้างจาก “วัตถุดิบอาหาร”
ไปสู่กุญแจสำคัญแก้โจทย์ที่ใหญ่กว่าซึ่งเป็นกระแสโลกปัจจุบันและอนาคตอีก 3 เรื่อง คือ
1.สุขภาพของผู้บริโภค ลดการรักษาพยาบาล แล้วทำให้สังคมน่าอยู่เพิ่มมากขึ้น
2.ปลดล็อกทุกภาคส่วนลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างสมดุล หรือ Carbon
Neutral เปรียบเทียบแล้วน่าจะเป็นกระแสใหญ่กว่าการรณรงค์ปลูกป่าทั่วประเทศ
ซึ่งในประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกป่ามีแค่ 10 ล้านไร่
แต่มีพื้นที่ทำเกษตรมากถึง 150 ล้านไร่
เกินครึ่งหนึ่งของประเทศ แต่เป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ปัจจุบันมีเพียง 1 ล้านไร่เท่านั้น
3.ลดเงินไหลออกนอกประเทศจากการลดนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ
เน้นใช้วัสดุธรรมชาตินำกลับมาใช้ใหม่
แล้วในขั้นตอนกระบวนการเพาะปลูกก็ลดคาร์บอนได้ด้วย
แนวทางที่ 2 “สร้างการมีส่วนร่วมของธุรกิจรายย่อยระดับท้องถิ่น” ยกระดับเป็นวาระเกษตรอินทรีย์จังหวัด
โดยได้โชว์เคสความสำเร็จของสามพราน โมเดล ก้าวสู่ปีที่ 15 แล้ว
ทางคณะเอเปคท่องเที่ยวจากหลายได้ลงพื้นที่แล้วให้ความสนใจจะสานต่อตอนช่วงที่เข้ามาประชุมในเดือนพฤศจิกายนนี้
หลัก ๆ จะมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ต้องการให้แชร์ประสบการณ์กับบทเรียนการทำเกษตรอินทรีย์ เช่น ฟิลิปปินส์
ออสเตรเลีย อิสราเอล กลุ่มที่ 2 ต้องการความร่วมมือดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
จะเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนด้วยกัน
แนวทางที่ 3 สร้างตัวชี้วัดเกษตรอินทรีย์ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทางที่จะทำให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ที่จะต้องได้รับการพัฒนาต่อไป เพียงแต่จะต้องให้เกษตรกรได้เรียนรู้และทำความเข้าใจ
อนาคตเกษตรกรก็จะเข้ามาอยู่วงจรการขายคาร์บอนเครดิตเพิ่มขึ้นได้ต่อไป
นายอรุษ
กล่าวว่า “สวนสามพราน” จังหวัดนครปฐม ได้ใช้สถานที่เป็นกึ่ง “ศูนย์เรียนรู้”
โดยขยายผลคู่ไปกับการเปิด “สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์หรือโทก้า/TOCA” ซึ่งมีสมาชิกบนแพลตฟอร์ม TOCA หลัก 6 เครือข่าย กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตอีกกว่า 1,000
ราย เพื่อร่วมกันสร้างภูมิสังคมดึงจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาร่วมด้วย
เช่น ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี มีทั้งเกษตรกรกับผู้บริโภคในพื้นที่มาแลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างกัน
และเป็น “ตลาดกลาง” เพื่อรองรับสินค้ามาขาย
ดึงความสนใจให้คนหันมาทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันมีสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย
“TEATA” เข้ามาร่วมพัฒนาเปิด “เส้นทางท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์”
จะเกิดขึ้นได้เร็ววันนี้ ซึ่งสามารถวัดประเมินผลการลดปริมาณคาร์บอน ฟุตปริ๊นท์
ได้มากน้อยเพียงใด
ส่วนสมาคมโทก้าเองก็พยายามจะปรับแพลตฟอร์มให้ทุกภาคส่วนใช้งานได้ง่ายขึ้น
ขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สนับสนุนโทก้าเข้าไปบุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมใน 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ ส่งเสริม
“การท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน” สามารถวัดค่าได้จากนั้นก็ใช้เครื่องมือใหม่ “Earth
Point” ให้นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ
สามารถสะสมแต้มแล้วนำไปแลก “สิทธิประโยชน์” เหมือนกับบัตรเครดิต ได้ทั้งการร่วมสนุก
ร่วมเรียนรู้ แต่ละครั้งเมื่อเดินทางท่องเที่ยวได้สร้างพลังบวกได้ด้วยวิธีใดบ้าง
ระบบที่นำมาใช้กับนักท่องเที่ยวจัดทำเป็น
“คาร์บอน แฮนด์ปริ๊นท์” แทน “คาร์บอน ฟุตปริ๊นท์”
เมื่อแต่ละคนเข้าร่วมกิจกรรมตามกติกา เช่น การไปช่วยแยกขยะในแหล่งท่องเที่ยว
หรืออุดหนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์
หรือซื้อวัสดุจากท้องถิ่นที่ใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำสินค้าที่ระลึก
นายอรุษ
กล่าวว่า สมาคมโทก้ายังได้จับมือกับคนรุ่นใหม่ในหอการค้าไทยทั่วประเทศ
ผลักดันขยายผลเครือข่ายตั้งเป้ายกระดับจากชุมชนเป็น “เกษตรอินทรีย์จังหวัด”
เพื่อให้เกิดการซื้อขายและบริโภคภายในจังหวัด จัดการขยะ
ใช้การเดินทางภายในจังหวัดลดคาร์บอน เช่น ปั่นจักรยาน พายเรือ และอื่น ๆ
ที่ไม่ได้ปล่อยคาร์บอนสู่สังคม ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมดีต่อสขภาพ
ซึ่งทุกสามารถลุกขึ้นมาทำร่วมกันได้
ซึ่งทางโทก้าพร้อมเป็นโค้ชกับนำเครื่องมือเข้าไปช่วยแต่ละจังหวัด
เพื่อดูแลรักษาให้เป็นพื้นที่ปลอดสารเคมี มีวัตถุดิบอาหารที่ดี และเป็นเมืองสุขภาพ
พร้อมจะสนับสนุนทั้งจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองด้วย
ส่วนแผนการจัดงานมหกรรม
“สังคมสุขใจ” ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2565 บริเวณ
“ตลาดสุขใจ” สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม จะรวมตัวเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ
ไฮไลต์จะจัดให้มี 3 กิจกรรม ได้แก่ 1. การขายสินค้า 2.การจับคู่ธุรกิจหรือ Business
Matching ระหว่างผู้ขายคือกลุ่มเกษตรกรกับผู้ซื้อในกลุ่มประกอบการโรงแรม
ร้านอาหาร ที่ต้องการจะสั่งสินค้าอินทรีย์จำนวนมาก 3.เปิดงานวิจัยเกษตรอินทรีย์กับการลดคาร์บอน
ฟุตปรินท์ หรือการปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุดในประเทศ
ซึ่งทางสมาคมโทก้าทำกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ
หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
ขณะเดียวกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
2565 เมื่อการท่องเที่ยวผ่อนคลายจากโควิด-19 ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวต่าง ๆ
กลับมาเปิดบริการเริ่มสั่งซื้อสินค้าอินทรีย์จากสมาชิกเกษตรกรบ้างแล้ว
มูลค่าการซื้อขายทั้งประเทศสินค้าอินทรีย์ทั่วประเทศมีประมาณปีละ 5,000 ล้านบาท สมาชิกของโทก้ายังมีส่วนแบ่งตลาดไม่สูงมาก
แต่เกษตรกรสามารถเรียนรู้การใช้สมาร์ตโฟนเป็นเครื่องมือกรอกรายละเอียดบันทึกไว้บนแพลตฟอร์ม
สร้างความเชื่อมั่นแก่เครือข่ายผู้ซื้อซึ่งเป็นทั้งผู้ประกอบการและคนทั่วไป
นำไปสู่ธุรกิจที่มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 “คิง เพาเวอร์”กระหน่ำโปรFestive Brandวันนี้-30พ.ย.65ลด40%
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ จัดมาให้แล้ว “FESTIVE BRAND
SALEBRATION” ระหว่างวันนี้ -23 พฤศจิกายน 2565
ช้อปไม่หยุดคุ้มสุดทุกดีล
ลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท
ช้อปได้ไม่อั้น
กับสินค้าคัดพิเศษราคาสุดเซอร์ไพรส์ จาก คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ กดรับรหัสส่วนลด FBS40 แล้วช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3Dw7mE3
รับสิทธิ์
1.ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.- (สุทธิ) 2.แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง
10 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000
บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
5.รับเลย! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
และ 6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่
2 คิงเพาเวอร์ชวนช้อปสินค้าชุมชนเทรนด์แต่งบ้านสไตล์โคซี่4แบรนด์
คิง
เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ชวนช้อปสินค้าตกแต่งบ้านบานสไตล์โคซี่
ฝีมือคนในชุมชน ผลิตภัณฑ์ไม้แท้และการันตีคุณภาพในตลาดพลังคนไทย www.thaipowermarket.com มีให้เลือก 4 แบรนด์ ดังนี้
แบรนด์ที่
1 อินมายด์/INMIND เป็นกล่องเก็บของทำจากไม้พะยูง
รูปทรงวินเทจ แฝงด้วยเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมพื้นบ้านไทยและเอเชียเข้าไว้ด้วยกัน
แบรนด์ที่
2 สัมผัสแกลเลอรี/SUMPHAT GALLERY มีให้เลือกหลายอย่าง คือ 1.ชุดจานเบเทรุ ทำจากวัสดุสานน้ำหนักเบา เคลือบยางรักธรรมชาติ เขียนลายใบไม้สวยงามปิดด้วยทองคำเปลว
2.ถาดเสิร์ฟอาหารจากงานจักสานไม้ไผ่ลายดอกพิกุล
ใช้ไม้ไผ่คุณภาพดี
แบรนด์ที่
3 บริบูรณ์/BORRIBOON
เเจกันเซรามิกวางตกแต่งบ้าน โต๊ะอาหาร ชั้นวางของ ดีไซน์ทรงกรวยเก๋ไก๋
สานหุ้มด้วยไม้ไผ่ลายขิดเเบบไทย
ก่อให้เกิดลวดลายและสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แบรนด์ที่
4 ตุ๊กตานายโถ/MR.THOW WOOD CRAFT DOLLS งานแฮนด์เมดตุ๊กตาไม้รูปกระรอกขนาดกลางแสนน่ารักหลายสไตล์
ซื้อไว้ใช้ตกแต่งประดับห้องหรือพื้นที่ว่าง
ข่าวที่
3 ททท.+RobinhoodขายแฟลชเซลAPEC Amazing Dealโกย15ล้าน
นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.จับมือกับแอพลิเคชั่น “Robinhood” จัดโปรโมชั่นแคมเปญ
“APEC Amazing Deal เที่ยวทั่วไทย” เปิดให้จองได้ตั้งแต่ 10
- 16 พฤศจิกายน 2565 โดยมีโรงแรมให้เลือกกว่า 4,000
แห่ง เมื่อได้รับสิทธิ์แล้วนำไปใช้เข้าพักตั้งแต่ 16 - 20 พฤศจิกายน 2565 เท่านั้น เป็นกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงหยุดพิเศษ
ชวนคนกรุงเทพฯ และในจังหวัดรอบปริมณฑล ออกเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มประสบการณ์แบบคุ้มค่า
ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวสิ้นปี 2565 สามารถเงินหมุนเวียนกว่า
15.35 ล้านบาท
ทาง Robinhood ใช้กลยุทธ์การแจกโค้ดส่วนลดห้องพักโรงแรมที่เข้ารายการกับ
Robinhood Travel ผู้ใช้บริการที่เข้ากดเข้าไปใช้สิทธิ์ก่อนด้วยการใส่โค้ด
“APEC1000” เพื่อรับทันทีส่วนลด 50% สูงสุดมูลค่า
1,000 บาท
ผอ.กิตติพงษ์
กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลประกาศให้มีวันหยุดราชการพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรีและสมุทรปราการ วันที่
16-18 พฤศจิกายน นี้ ต่อเนื่องถึงเสาร์-อาทิตย์ด้วย
จึงทำให้มีวันหยุดยาว 5 วัน ระหว่าง 16-20 พฤศจิกายน 2565 ททท. เห็นเป็นโอกาสดีที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น
บวกกับได้นำสถิติการใช้สิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4
ส่วนขยาย ของ ททท.มาวิเคราะห์ร่วมด้วย
พบนักท่องเที่ยวใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันเดินทางไปตามภูมิภาคต่าง
โดยใช้กระจายบริการห้องพักสูงถึง 80 %
ดังนั้น
ททท. จึงเร่งจัด Flash Sale กิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรในรูปแบบขายราคาดีภายในเวลาอันรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ชูเรื่อง “ดีลราคาพิเศษที่พักทั่วไทย” รุกเจาะตรงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
อย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูงสุด โดยเฉพาะ Robinhood Travel มีฐานลูกค้าอยู่จำนวนมาก
และมีกลยุทธ์กระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างมีประสิทธิภภาพ
ททท.ตั้งเป้าเชิญชวนคนไทยใน
3 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ที่ได้รับสิทธิ์วันหยุดยาวสัปดาห์หน้า
รีบจองแคมเปญดีลดี “APEC Amazing Deal เที่ยวทั่วไทย” ผ่านแอป
Robinhood รับดีลราคาพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 16 พฤศจิกายน 2565
นายสีหนาท
ล่ำาซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ ส จำกัด กล่าวว่า พร้อมร่วมกับ
ททท.กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงวันหยุดราชการกรณีพิเศษ วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นช่วงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย
- แปซิฟิ ก (APEC 2022) Robinhood Travel จึงได้ทำแคมเปญ “APEC
Amazing Deal เที่ยวทั่วไทย” ชวนคนไทยและลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Robinhood
กว่า 3.2 ล้านคน เที่ยวเมืองไทย พร้อม สัมผัสประสบการณ์
“เรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน” เพียงจองโรงแรมที่ร่วมรายการกับ Robinhood
Travel ใส่โค้ด “APEC1000” รับทันทีส่วนลด 50%
สูงสุดมูลค่า 1,000 บาท มีเพียง1,000 สิทธิ์เท่านั้น
พร้อมให้สิทธิ์รับฟรีค่าส่งอาหารสูงสุดจ
านวน 20 ครั้ง ระยะทางไม่เกิน 30 กิโลเมตร
มุ่งร่วมมือกับ ททท.ส่งต่อความสุขในช่วงวันหยุดพิเศษให้ลูกค้าที่ใช้แพลตฟอร์ม Robinhood
ควบคู่กับการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วไทยให้ฟื้นธุรกิจกลับมาได้คึกคักอีกครั้งตั้งแต่ฤดูเดินทางท่องเที่ยวเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ข่าวที่
4 “บางจาก”ชูปั๊มกทม.139แห่งขายน้ำมันลดPM 2.5+เช็ครถฟรีเริ่ม1ธ.ค.นี้
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) รายงานว่า ขณะนี้พร้อมร่วมบรรเทาปัญหามลภาวะนำ“น้ำมันลดฝุ่น” มาจำหน่ายตามสถานีต่าง
ๆ ในเขตกรุงเทพมหานครต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในราคาเท่าเดิม ด้วยการปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลทุกชนิดในเป็นปริมาณกำมะถันต่ำเทียบเท่ามาตรฐานยูโร
5 เริ่มตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2565 จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566 ในฐานะที่บางจากคือผู้ริเริ่มรายแรกของประเทศที่จำหน่ายน้ำมันลดฝุ่นมาตั้งแต่ปลายปี
2562 ขณะนี้แม้ต้นทุนสูงกว่า
แต่เพื่อร่วมบรรเทาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5
มักจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีต่อต้นปีของทุก ๆ ปี
โดยบางจากฯ
จะปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลทุกลิตรที่จำหน่ายในสถานีบริการพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น139
สาขา เน้นเป็นดีเซลปริมาณกำมะถันต่ำ เทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 มีค่ากำมะถันลดลงถึง 5
เท่า (น้อยกว่า 10 ppm) ซึ่งอ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการด้านการปรับลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลนี้
สามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ เนื่องจากกำมะถันในน้ำมันเมื่อถูกเผาไหม้จะเกิดเป็นซัลเฟตและจับกับมลพิษอื่น
ทำให้เกิดเป็นฝุ่น PM 2.5 ดังกล่าว
ในช่วงเวลาเดียวกัน ลูกค้าบางจากฯ
สามารถนำใบเสร็จจากการเติมน้ำมันไปรับบริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ และรับคำปรึกษาวิธีการดูแลให้เครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
เพื่อป้องกันไม่ให้ปล่อยเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้อันเป็นสาเหตุของ PM 2.5
ได้ที่ FURiO Care และ Wash Pro ที่เข้าร่วมรายการรวม
40 สาขา ตรวจสอบรายชื่อแต่ละสาขาได้ทางเว็บไซต์ www.bcpcarcare.com
ข่าวที่ 5 “TCEB”นำกรุงเทพฯคว้ารางวัลเมืองไมซ์โลกDestinationSustainabilily
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้นำข่าวดีมามอบให้ประเทศไทยเรื่องทีเส็บนำกรุงเทพ ฯ รางวัล “Global Destination Sustainabilily Movement -เมืองไมซ์ที่ทำคะแนนการพัฒนาความยั่งยืนเพิ่มสูงสุด” ในหมวด Most Improved
Award 2022 ทำได้สูงถึง 73.66%
จากการจัดลำดับคะแนนภายใต้โปรแกรม Global Destination Sustainability
Index รางวัลดังกล่าวจะยิ่งช่วยตอกย้ำพลังความแข็งแกร่งให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยวของไทยเติบโตในตลาดโลกแบบก้าวกระโดดในอนาคตต่อไป
โดยมีนายจิรุตถ์ และนายศานนท์
หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยขึ้นรับรางวัล
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 จาก Global
Destination Sustainability Movement ในงานประชุมประจำปี
ICCA Annual Congress 2022 ของสมาคมอุตาหกรรมการประชุมนานาชาติหรือ International Congress and Convention
Association (ICCA) จัดขึ้นที่เมืองคราโคว ประเทศโปแลนด์
สำหรับรางวัล
Global Destination Sustainability Movement ผู้รับผิดชอบได้คัดเลือกเมืองสำคัญจากทั่วโลก 30 ราย ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เรื่องการใส่ใจดูแลความยั่งยืนเข้าชิงรางวัลซึ่งแบ่งเป็นหมวดต่าง
ๆ เช่น Innovation Award, Leadership Award,
Most Improved Destination Award โดยรางวัลแต่ละหมวดเพื่อมอบให้กับสถานที่ที่ทำได้คะแนนสูงสุดได้เพียง
1 เมืองเท่านั้น
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ในโอกาสเดียวกันก็ได้รับธงเป็นเจ้าภาพจัดงาน ICCA Annual Congress 2023
โดยประเทศไทยได้รับเลือให้เป็นเจ้าภาพจัดครั้งต่อไป
ระหว่างวันที่ 12-15
พฤศจิกายน 2566 ที่กรุงเทพมหานคร ที่พร้อมจะแสดงศักยภาพ
“มหานครแห่งเอเชีย” ต้อนรับสมาชิก ICCA
จากทั่วโลก กว่า 100 ประเทศ จำนวนกว่า 1,000 หน่วยงาน ควบคู่กับการดึงงานประชุมนานาชาติ (Convention) เข้ามาสร้างรายได้ในไทยเพิ่มมากขึ้น
สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของกรุงเทพมหานคร
ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2556-2575) ตั้งเป้าหมายจะให้เป็น “มหานครแห่งเอเชีย” จะเป็นเวทีแสดงศักยภาพกรุงเทพในฐานะมหานครแห่งความปลอดภัย
มหานครสีเขียว มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ เดินหน้าไปด้วยกัน
ทั้งนี้ทีเส็บได้ประเมินผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจเมื่อกรุงเทพฯ
เป็นเจ้าภาพ ICCA Congress 2023 ระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2566 ภายในเวลาเพียง
4 วันจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ รวมกว่า105ล้านบาท และกระจายไปยังพื้นที่เกี่ยวข้องอีกไม่ต่ำกว่า
59 ล้านบาท จะเกิดการจ้างงานประมาณ 73 อัตรา ต่อเนื่องถึงเรื่องการสร้างรายได้จากภาษีที่รัฐบาลเก็บค่าใช้จ่ายจากงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานประชุมได้อีกประมาณ
3.62 ล้านบาท
ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม
เซอร์ไพรส์กับฟาร์มพืชผักสวนครัวและดอกไม้ขนาดใหญ่ ที่“ศรแดง” อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
แหล่ง ดีไซน์คอนเป็น “เนเธอร์แลนด์เมืองไทย” ชวนนักท่องเที่ยวไปชมความยิ่งใหญ่ฉลอง
40 ปี เปิดให้ชมฟรี 7 โซน ระหว่าง 19-20 พ.ย.นี้ ส่วนโรคยอดฮิตต้องฟัง “6วิธีรักษาเส้นเลือดขอด” และข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บางกอกแอร์เอเชียแจกโปรตั๋วไทย/ต่างประเทศ 15เส้นทาง” เริ่มแค่ 990 บาท ข่าวที่สอง “บพท.ผนึก26มหาลัย” ใช้งานวิจัยฟื้นเศรษฐกิจ753 ตำบล 35 จังหวัดโต 20%
ท่องเที่ยว
- เที่ยว“40ปีศรแดง”นนทบุรีอลังการฟาร์มเนเธอร์แลนด์เมืองไทย
เที่ยวเมืองไทย
อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิมได้ที่ “ฟาร์มศรแดง” อ.ไทรน้อย
จ.นนทบุรี ออกแบบสไตล์
“เนเธอร์แลนด์เมืองไทย” ยกมาไว้ในอาณาจักรพืชผักดอกไม้กว่า
200 สายพันธุ์ ของ บริษัท อีสท์
เวสท์ ซีด จำกัด เจ้าของและผู้นำการผลิตเมล็ดพันธุ์แบรนด์
“ศรแดง” เตรียมชวนนักท่องเที่ยวไปร่วมฉลอง 40 ปีเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่่งย
พันธุ์ผัก ในงาน
“ความสุขปลูกได้ Field Day 2022 ” เอาใจคนเมืองที่ชื่นชอบไม้ดอกไม้ประดับและพืชผักสวนครัว
พร้อมเปิดโซนถ่ายภาพและโซนกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2565 ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น.
นักท่องเที่ยวจะได้ชมแปลงผักสวนครัว ดอกไม้สวยงามได้ตลอดงาน “ความสุขปลูกได้ Field Day
2022” ได้ถึง 7 โซน
โซน 1 โซนเนเธอร์แลนด์เมืองไทย สุดว้าวกับกังหันฮอลแลนด์
รอบล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ปลูกและเติบโตในภูมิอากาศเมืองไทย สามารถนำมาตกแต่งเลียนแบบแนวคิดเนเธอร์แลนด์ได้อย่างสวยงาม
เช่น ดอกสร้อยไก่ ดอกดาวกระจายและดอกดาวเรืองพร้อมสลัดหลากสี
โซน 2 ละลานตากับสายพันธุ์กลุ่มแตง ทั้งพันธุ์ในเมืองไทยและต่างประเทศ
สายพันธุ์ที่ตอบโจทย์คนเมือง เป็นพืชเขตร้อนแห่งเอเชีย อย่าง ฟัก แฟง แตงกวา
ฟักทองบัตเตอร์นัท และบวบมินิ
โซน 3 สวนผักอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี บนแนวคิดทำเกษตรสมัยใหม่ผสมผสานการใช้เทคโนโลยี โดยแปลงสาธิตการปลูกเมล่อนควบคุมด้วยอุณหภูมิในโรงเรือน
และในแปลงเกษตรแบบเปิดโล่งด้วยการวัดค่าความชื้นและใช้เทคโนโลยีควบคุมการให้ธาตุอาหารในดิน
ประหยัดเวลา และปรับใช้ทรัพยากรให้เข้ากับสภาพของพื้นที่ได้มากสุด
โซน 4 สะพายแขวนแนวยาว สุดอลังการ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยแปลงข้าวโพดหลากสีทั้งข้าวโพดข้าวเหนียว
ข้าวโพดหวาน พริก มะเขือ พืชตระกูลกระหล่ำ กระเจี๊ยบและพืชตระกูลถั่ว
สุดทึ่งกับพริกสายพันธุ์ ฮาบาเนโล สายพันธุ์จากเม็กซิกัน
ระดับความเผ็ดแสนถึงล้านสโกวิลล์
โซน 5 โซนไอเดียจัดสวนในบ้าน เป็นไอเดียจัดสวนในบ้าน จากพันธุ์ผักพื้นเมืองจันกะผัก
จันกะผักถือเป็นโครงการร่วมมือกับมูลนิธิชัยพัฒนา โซนนีจะได้พบกับผักพื้นเมืองแปลกตาเช่น
พริกขี้หนูปู่เมธ เบอร์ 1 เล็กพริกขี้หนูของแท้เพราะทั้งหอม
และออกเป็นช่ออีกด้วย
โซน 6 ตื่นตาอุโมงค์ผักงอก ผักย้อย ยาวเกือบ 300 เมตร ร่มรื่นไปด้วยบวบ แฟง ฟักทอง
โซน 7 พบกับประวัติความเป็นมาของบริษัท อีสท์
เวสท์ ซีด Hall of Fame ได้เรียนรู้ประวัติของบริษัทฯ
ในที่เดียวพลาดไม่ได้จริง ๆ
ภายในงาน สามารถ “ช้อป ชม ชิม” ผักสดราคาย่อมเยา
เช่น แตงโมคริมสันเรด ข้าวโพดฝักสด ฝักต้ม ซึ่งเป็นผลผลิตจากเมล็ดพันธุ์ตราศรแดง และโปรโมชั่นสุดว้าว!! ชิมอาหารสุขภาพ สนุกกับเกม
ของรางวัล และร่วมกิจกรรมเวิร์คช้อปมากมายบนเวที
ห้ามพลาดไปเที่ยวงาน ““ความสุขปลูกได้ Field Day 2022 ” ฟาร์มศรแดง นนบุรี 19-20 พ.ย.65 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าลุ้นรับ
Gift Set เมล็ดพันธุ์จากศรแดง ได้ที่ https://uqr.to/1ckf0
หรือ โทร. 02-831-7777
สุขภาพ
–6วิธีรักษา“เส้นเลือดขอด”สาเหตุอาการแก้ได้โดยปรับพฤติกรรม
อาการ “เส้นเลือดขอด” เกิดจากหลอดเลือดดำมีหน้าที่นำเลือดกลับสู่หัวใจ
ซึ่งภายในหลอดเลือดดำจะมีลิ้น (Valve) เปิดและปิดเพื่อให้เลือดไหลไปสู่หัวใจในทิศทางเดียว
หาก “ลิ้นปิดไม่สนิท” อาจทำให้เลือดไหลย้อนกลับไปสะสมคั่งในหลอดเลือดที่ผิวหนังชั้นตื้นและทำให้เกิดเส้นเลือดขอดขึ้นได้
มักพบได้บ่อยบริเวณขา ลักษณะเหมือนใยแมงมุมขนาดเล็ก (Spider Veins) มักมีสีแดงและสีฟ้า
หรือมีลักษณะเป็นเส้นเลือดขอดขนาดใหญ่ที่โป่งนูนและขดไปมา ซึ่งมีสีฟ้าหรือม่วงเข้ม
บางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวด แสบร้อน คัน หรือหนักขา เท้า ข้อเท้าบวม
ผิวหนังเป็นเส้นเลือดขอดเปลี่ยนสี เกิดตะคริว ช่วงกลางคืน
และมักรู้สึกปวดบริเวณขามากขึ้นหลังจากการนั่งและยืนเป็นเวลานาน
สาเหตุเส้นเลือดขอดต่าง ๆ ดังนี้ 1.ภาวะแรงดันของหลอดเลือดมากขึ้นบริเวณขาจากการตั้งครรภ์
โรคอ้วน และการนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน 2.อายุที่มากขึ้น
3.เพศ โดยผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นเส้นเลือดขอดมากกว่าผู้ชาย 4.โรคประจำตัวบางอย่าง อย่างท้องผูกเรื้อรัง และเนื้องอก ซึ่งพบได้น้อยมาก
5.ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอด 6.พฤติกรรมการใช้ชีวิต
เช่น การสูบบุหรี่ การมีพฤติกรรมเนือยนิ่งที่ทำให้ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละวัน
6 วิธีรักษาเส้นเลือดขอดด้วยการดูแลตนเอง ปรับพฤติกรรมและดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดได้
1.ยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจ
โดยอาจทำวันละ 3–4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 5–15 นาที และใช้หมอนรองขาขณะนั่งหรือนอน
2.บริหารข้อเท้าและขาบ่อย
ๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินหรือว่ายน้ำ เพื่อให้เลือดที่ขาไหลเวียนได้ดี
แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมและกีฬาที่รุนแรง
3.ไม่ควรยืนหรือนั่งติดต่อกันเป็นเวลานาน
ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ และไม่ควรนั่งไขว้ขา
4.หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงหรือกระโปรงที่คับหรือรัดบริเวณขามากเกินไป
และไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน
5.ไม่ปล่อยให้น้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์
โดยควบคุมปริมาณและประเภทของอาหาร และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง
ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
6.ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
หากมีอาการที่ผิวหนังอื่น ๆ อย่าง อาการคันและติดเชื้อ
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทาผิว เช่น ยาคาลาไมน์ (Calamine) ที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิว
และยาปฏิชีวนะ อย่างยานีโอมัยซิน (Neomycin)
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก บางกอกแอร์เทโปรตั๋วไทย/ทั่วเอเชีย15เส้นทางเริ่ม990/1,090บาท
บริษัท
การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในฐานะเจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ได้เปิดดีลเด็ด
11.11 Winter
Offer โปรโมชันสุดคุ้ม เที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ
เริ่มต้นเพียง 990- 1,090 บาท/เที่ยว ระหว่าง 11-15 พฤศจิกายน 2565
โปรโมชัน 11.11
Winter Offer ขายตั๋วโดยสารเครื่องบินรวม 11 เส้นทาง แบ่งเป็น “เส้นทางในประเทศ” ราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 990 บาท/เที่ยว เลือกได้ 9 เส้นทาง ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ ไป-กลับ 1.เชียงใหม่ 2.สุโขทัย 3.ตราด 4.ภูเก็ต 5.กระบี่ 6.หาดใหญ่ 7.อู่ตะเภา - ภูเก็ต 8.ภูเก็ต - หาดใหญ่ และ 9.เกาะสมุย - หาดใหญ่
“เส้นทางระหว่างประเทศ”
อีก 4 เส้นทาง ราคาเริ่มต้น 1,090 บาท/เที่ยว ได้แก่
กรุงเทพฯ ไป-กลับ 1.เสียมเรียบ
(กัมพูชา) 2.ย่างกุ้ง
(เมียนมาร์) และ 3.ดานัง (เวียดนาม) และ 4.มัลดีฟส์ ราคาไป-กลับ 8,290 บาท/คน
จองซื้อตั๋วโดยสารผ่านเว็บไซต์
www.bangkokair.com/flyfest22 ทาง Line official ช่องทางการจำหน่ายของสายการบินฯ
และตัวแทนขายตั๋วโดยสาร ซื้อแล้วเดินทางได้ตั้งแต่ 15 ธันวาคม
2565 - 30 มิถุนายน 2566 ราคาดังกล่าวไม่รวมภาษีสนามบิน
และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ผู้โดยสารบางกอกแอร์เวย์ส ได้รับสิทธิ์ใช้บริการโหลดกระเป๋าสัมภาระในน้ำหนัก
20 กิโลกรัม/คน ใช้ห้องรับรองผู้โดยสาร บูทีคเลาจน์ ตามสนามบินต่าง ๆ ฟรีประทานอาหารว่างพร้อมเครื่องดื่มก่อนขึ้นเครื่อง
รวมถึงบริการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มในทุกเที่ยวบิน
ข่าวที่สอง-บพท.ควง26มหาลัยใช้งานวิจัยฟื้นเศรษฐกิจ753ตำบล35จว.โต20%
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา
ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เปิดเผยว่า
ได้นำเสนอความสำเร็จของแผนงานวิจัย “ชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ระยะ
3 ปีงบประมาณ 2563-2565
เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันอย่างดีระหว่าง บพท.กับคณาจารย์ คณะนักวิจัยของสถาบันอุดมศึกษา
26 แห่ง โดยมีแกนหลักคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ส่งผลให้เกิดชุมชนนวัตกรรมขึ้น 753 ตำบล ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ 35 จังหวัด เกิดการสร้างนวัตกรชุมชน 3,476 คน และเทคโนโลยีตลอดจนนวัตกรรมพร้อมใช้ รวมทั้งนวัตกรรมกระบวนการที่นำไปแก้ปัญหาชุมชนได้มากกว่า
860 นวัตกรรม
ช่วงปีงบประมาณ
2563-2565 งานวิจัยชุดนี้ยังมีส่วนสำคัญอย่างมากด้านการพลิกฟื้นมูลค่าเศรษฐกิจฐานราก
และมูลค่าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 10-20 % เกิดการนำนวัตกรรมก้าวสู่การทำแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายระดับ
ผ่านกลไกกระบวนการเรียนรู้ ( Learning and Innovation Platform-LIP) และเกิดการสร้างระบบข้อมูลด้านเทคโนโลยีรวมทั้งข้อมูลด้านนวัตกรรมระดับประเทศด้วย
สำหรับนวัตกรชุมชนกว่า
3,476 คน
เป็นผลลัพธ์ตามแผนงานวิจัยชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ถือเป็นกลไกที่มีบทบาทสูงต่อการพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน
ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางนำองค์ความรู้ และนวัตกรรมไปใช้สร้างการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับจัดการแก้ปัญหาในชุมชนได้ด้วย
ส่วนโครงการวิจัยทั้งหมดนี้ทำขึ้นในช่วงที่ไทยต้องเผชิญมรสุมเศรษฐกิจ
และสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างรุนแรง ทว่างานวิจัยดังกล่าวก็บรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดีในการนำนวัตกรรม
องค์ความรู้ และเทคโนโลยีที่เหมาะสม ไปสร้างความเข้มแข็งและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
ตลอดจนคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมให้ประชาชนได้ในหลายพื้นที่ ผู้คนสามารถนำองค์ความรู้และนวัตกรรมจากงานวิจัยไปใช้บริหารจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง
สามารถพึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน
ดร.วารุณี อริยวิริยะนันท์
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ในฐานะหัวหน้าโครงการประสานงานและบริหารจัดการเพื่อการสร้างแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพสูงงานวิจัยชุดนี้
กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 8-9 พฤศจิกายน
2565 เตรียมนำผลงานความสำเร็จแผนงานวิจัยปีงบประมาณ 2563-2565 มาจัดแสดงที่โรงแรมเอส
31 สุขุมวิท ในงาน“ชุมชนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้”
(Learning and Innovation Community)
ภายใต้แนวคิด”สร้างชุมชนดี นวัตกรเด่น เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ภายในงานจะจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก
บพท.รวม15 ชุดโครงการ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศ ไฮไลต์ 5 โครงการ ได้แก่
โครงการที่
1 พัฒนาชุมชนนวัตกรรมด้วยการยกระดับศักยภาพด้านการท่องเที่ยวนโยบายสาธารณะ
วิสาหกิจชุมชน และผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยมหาวิทยาลัยพะเยา
โครงการที่
2 การยกระดับเศรษฐกิจฐานรากด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีภายใต้บริบทชุมชน “เขา ป่า นา เล”
ในพื้นที่จังหวัดตรังและจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
โครงการที่
3 การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและต้นแบบแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมพร้อมใช้และนวัตกรชุมชน
โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
โครงการที่
4 นวัตกรรมการพัฒนาระบบและกลไกการจัดการตนเองของชุมชนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
โดยความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาควิชาการและภาคีเครือข่ายจังหวัดอุตรดิตถ์
แพร่ น่าน โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
โครงการที่
5 การยกระดับเศรษฐกิจและการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในพื้นที่เมืองเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อสร้างเป็นต้นแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้/
นวัตกรรมด้วยการจัดการชุมชนสร้างการเรียนรู้บนฐานทรัพยากร
โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น