บิ๊กทอท.ถอดรหัสปี’66ท่องเที่ยวโตสนามบินเข้าสู่“ปีโกลาหล”
ห่วงโซ่สนามบินขาดคนงัดดิจิทัลรับมือผู้โดยสาร142ล้านคน
พลิกโครงสร้างใหญ่หันพึ่งรายได้NonAeroนำร่องเปิด4บริษัท
คิงเพาเวอร์รุกไพรเวตเจ็ทช้อป3ช่องทางรับสินค้าที่ดอนเมือง
สมาชิกคิงเพาเวอร์กดรับสิทธิ์สุขภาพที่
V PRECISIONลด25%
ททท.บูม“Thailand Charter”โกยทัวร์ยอร์ชเข้าภูเก็ตพันล้าน
บางจากลงนามJCCP+COSMO Oilลุยลดคาร์บอนโลก 30 %
เที่ยว“อัมพวา”พายเรือล่องแพเปียกชุมชนแพรกหนามแดง
5 วิธีลดคอเลสเตอรอลด้วยตนเองกินถูกวิธีลดได้สารพัดโรค
แอคคอร์ALL- Accorกินพักทั่วเอเชียเพิ่มแต้มไฮซีซัน
2 เท่า
บางกอกแอร์Q3ปี’65รายได้486 %9เดือนผู้โดยสารโต528%
วันอาทิตย์ที่ 20
พฤศจิกายน 2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #AOT #พายSUBล่องแพเปียกอัมพวา
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 เจาะลึกอนาคตสนามบินไทยกับ
“ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) “ทอท./AOT” ทำแผนรุกและรับมือการเดินทางปี’66
เข้าสู่ปีแห่งความ “โกลาหล” ท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติบูมสุด ๆ
แต่องคาพยพหน่วยงานบริการยังไม่เข้าที่ รมว.ศักดิ์สยาม สั่งตั้ง “คอมมานต์
เซ็นเตอร์” แก้ทุกปัญหาระยะเร่งด่วนทุกสนามบิน ทอท.หันพึ่งดิจิทัลรับมือระยะยาว เริ่มปี’67 คาดผู้โดยสารทะลุ
142 ล้านคน
พร้อม“พลิกโครงสร้างรายได้ใหม่” จาก Non Aero 60 % เดินหน้าลงทุนเปิด
4 บริษัท
บริการภาคพื้น รับรองมาตรฐานคาร์โก้
รปภ.จ่อเปิดเพิ่มบริษัทชาร์ตแบตรถขนส่งระบบไฟฟ้าในสนามบิน
ดร.นิตินัย
ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” เปิดเผยว่า
ปีงบประมาณ 2566
เริ่มตั้งแต่ตุลาคมปีนี้เป็นต้นมา
ถือเป็นปีแห่งความท้าทายมากเรื่องการวางแผนบริหารจัดการสนามบินนานาชาติ 6 แห่ง
และการเตรียมรับมอบสนามบินภูมิภาคจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) อีก 3 แห่ง
อุดรธานี กระบี่ บุรีรัมย์ เมื่อการท่องเที่ยวในประเทศและระหว่างประเทศฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ตัวเลขการใช้สนามบินของ
ทอท.จะเป็นตัวแสดงการเดินทางเข้าออกประเทศได้ค่อนข้างดีเพราะก่อนเกิดโควิด-19
มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 85-86
% ของทั้งหมด ซึ่งปริมาณ “ผู้โดยสาร” ใช้สนามบิน
ทอท.ตามปีงบประมาณ 2565 (ระหว่าง
1 ตุลาคม
2564-30
กันยายน 2565)
มีจำนวน 45.6 ล้านคน
คิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของสถานการณ์ปกติปี
2562 ทำไว้ 142 ล้านคน
ปีงบประมาณ 2566
จะขยับขึ้นเป็น 2 ใน 3 ประมาณปีละ
92 ล้านคน
ตามที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(IATA -International Air
Trasport Association ) กับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(ICAO -Internation Civil
Aviation Organization) พยากรณ์การบินปี 2567 ไว้ตรงกันจะมีผู้โดยสาร
142 ล้านคน
สะท้อนปรากฎการณ์การเปลี่ยนภายในอนาคตอีก
365 วันข้างหน้า
ตัวเลขผู้โดยสารจะเปลี่ยนจาก 45.6 เป็น 142 ล้านคน นั่นหมายถึง
“ความต้องการเดินทางท่องเที่ยว” ฝั่ง Demand เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างรุนแรง
ในทางกลับกัน “ผู้ให้บริการ” ฝั่ง Supply ในแต่ละสนามบินไม่ว่าจะเป็น
ผู้ประกอบการสนามบิน พนักงานขนสัมภาระกระเป๋าโดยสาร สายการบิน
แท็กซี่บริการสาธารณะ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา
ได้ “ลดโครงสร้าง” เพื่อความอยู่รอดโดยไม่รู้โควิดจะจบเมื่อไร จึงทำให้
“ขาดความคล่องตัวและความรวดเร็ว”
ที่จะรับมือกับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในปริมาณมากภายในเวลาฉับพลัน
ดังนั้นปี 2566 จึงจะเป็น
“ปีแห่งความโกลาหลในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการบิน” ทาง ทอท.ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลักของประเทศทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหรือไข่แดงของอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ลดพนักงานจึงมีความพร้อม
แต่ “องคาพยพ”
อีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการในสนามบินแต่ละแห่งได้ลดจำนวนพนักงานให้บริการไปเรียบร้อยแล้ว
จะสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติหรือไม่ เป็นความท้าทายอย่างมาก
ขณะนี้บางช่วงการใช้สนามบินจึงได้เห็น
การต่อแถวยาวตรงบริเวณ “เคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง” หรือการรอกระเป๋าสัมภาระโดยสารแต่ละเที่ยวบินยาวนานกว่ามาตรฐานปกติทั่วไป
และอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังโควิด
ดร.นิตินัยกล่าวว่า
แผนเร่งด่วนระยะสั้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มอบนโยบายให้แต่งตั้ง “คณะที่ปรึกษาการแก้ไขปัญหาสนามบินแออัด”
โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้ง
สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ทอท. ศุลกากร วิทยุการบินแห่งประเทศไทย
(บวท.) พร้อมทั้งขีดเส้นการแก้ไขทุกปัญหาในสนามบินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 12
พฤศจิกายน
2565 ได้จัดตั้ง
“ศูนย์บัญชาการ-Command
Center” เรียบร้อยแล้ว
เพื่อทำหน้าที่ประสานกับหลายหน่วยงาน
แก้ไขห่วงโซ่อุปกรณ์ของผู้โดยสารให้เดินหน้าสอดคล้องไปทิศทางเดียวกัน “ระยะกลาง”
แนวทางการจัดการความปลอดภัยเครือสนามบิน Airport Corporative Network ควบคู่กันไปด้วย
ส่วนระยะยาว
จะต้องหาทางเลือกอื่น ๆ
ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินเข้ามาใช้ไปพร้อมกัน
ทอท.มุ่งเน้นโดยคาดหวัง
1.องคาพยพในห่วงโซ่อุปทานจะฟื้นตัวได้เร็วภายในปี
2566
ซึ่งมีทั้ง ตม.ผู้ให้บริการขนสัมภาระกระเป๋า และอื่น ๆ 2.จะต้องนำสิ่งใหม่
ๆ เข้ามา เทคโนโลยีผ่านโลกดิจิทัล ความสะดวกสบายบริการผ่านโลกเสมือนจริง เช่น
สวัสดีแอพลิเคชั่น หรือการนำเข้าสู่โลกความเป็นจริงที่โลกเสมือนจริงทำไม่ได้คือ 3.ทอท.ได้จัดตั้งบริษัทบริการภาคพื้น
บริษัทขนส่งสินค้าทางอากาศ (cargo) บริษัทรักษาความปลอดภัย
ที่จะเข้าไปช่วยให้เกิดธุรกิจเดินหน้าตามแผนได้ต่อเนื่องต่อไป หรือ BCP -Business Continuty Planning
ดร.นิตินัย
กล่าวถึงแผนรับโอนสนามบินภูมิภาคจากกรมท่าอากาศยานตามมติคณะรัฐมนตรี 30
สิงหาคม 2565 อีก 3 สนามบิน
ได้แก่ อุดรธานี กระบี่ และบุรีรัมย์ ให้แล้วเสร็จภายในเมษายน 2566 เรื่องแรกจะต้องลงทุนสร้างมาตรฐานภายในสนามบินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่จะรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ายุโรป
และอเมริกา
ส่วนประเด็นหลักจริง
ๆ คือ “ทอท.เป็นหน่วยงานคุมสนามบินมีส่วนแบ่งตลาดผู้โดยสารมากที่สุดของประเทศ”
เท่ากับเป็นผู้ที่ถือ “ยอดอุปสงค์/Demand” ไว้มากสุด
จึงเป็นข้อได้เปรียบที่จะบริหารให้สอดคล้องกับ “อุปทาน/Supply”
การผลิตเครือข่ายจราจรจากแต่ละสนามบินสู่เส้นทางบินต่าง ๆ ได้ดีกว่า
สามารถให้อินเซ็นทีฟเพื่อบริหารอุปสงค์ได้ตรงตามอุปทานที่เกิดขึ้นจริง
ดังนั้นหัวใจสำคัญที่
ทอท.รับโอนบริหารสนามบินภูมิภาคใหม่ทั้ง 3 แห่ง เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศ
“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” เติบโตอย่างรวดเร็ว
เบื้องต้นจะต้องจัดการเรื่อง
“การบริหารอุปสงค์หรือ Demand
Management”
ก่อนเป็นลำดับแรกถือเป็นการจัดการดีมานต์เงาให้ลงตัว แล้วทำให้สนามบินภูมิภาคทั้ง 3 แห่งมี
“รายได้เพิ่มขึ้น” ส่วนสนามบินในกรุงเทพฯ 2 แห่ง
เมื่อตลาดบางส่วนหายไปหรือลดลงบ้างแต่มีขีดความสามารถหามาเติมใหม่ได้ไม่ยาก
เนื่องจากทั่วโลกต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกปี
ดร.นิตินัยกล่าวถึงอนาคตว่า
เมื่อทอท.ต้องยุติมาตราการเยียวยาหรือ “มาตรการพยุงผู้ประกอบการในสนามบิน”
ที่ได้รับผบกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ลงภายในวันที่ 30 มีนาคม
2566 เป็นต้นไป จากก่อนหน้านี้คณะกรรมการ (บอร์ด)
ทอท.มีมติให้เยียวยาตามสถานการณ์จริงเสมือนจะใจร้ายกับผู้ประกอบการเช่นกันเรื่องสิทธิประโยชน์
กรณีที่ 1 ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถขอยกเลิกสัญญาได้ภายใน
45 วัน กรณีที่ 2 ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถขอยกเลิกสัญญาได้ภายใน
90 วัน
ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อปี
2562 ไม่มีผู้ประกอบการรายใดในสนามบินสามารถจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำหรือ
มินิมัมการันตี ให้ ทอท.ได้ตั้งแต่เมษายน 2563 หาก
ทอท.ไม่ทำอะไรเลยผู้ประกอบการก็จะต้องยกธงขาวเลิกกิจการไป ขนาด
ทอท.เริ่มผ่อนปรนปรับวิธีให้จ่ายตามจริง
มียอดขายมากจ่ายผลตอบแทนมากตายอดขายน้อยจ่ายน้อย ก็ยังมีผู้ประกอบการขอยกเลิกไปกว่า
50 %
และการยกเลิก “จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำชั่วคราว”
เป็นเพียงมาตรการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทั้งระบบเศรษฐกิจ
มาตรการดังกล่าวเป็นเพียง
“การพยุงผู้ประกอบการ” ให้คงทำธุรกิจได้
หลังรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกสนามบินเพิ่มขึ้น
ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาเปิดบริการแล้วประมาณ 80 %
ดร.นิตินัยยืนยันว่า
แนวทางการสร้าง “รายได้” ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในหลายรูปแบบรุกขยายฐาน
“รายได้ธุรกิจไม่เกี่ยวข้องกับการบิน” หรือ Non Aero เพิ่มสัดส่วนให้ได้
60 % เช่น
จัดตั้ง 1.บริษัท
ทอท.กราวนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด -AOTGA /AOT Ground Services Company Ltd.ให้บริการภาคพื้นในสนามบิน
2.บริษัท
เอโอที โอเปอเรเตอร์ จำกัด-AOTTO /AOT Operator Co.Ltd ให้บริการตรวจคุณภาพสินค้าเกษตรตามมาตรฐานประเทศปลายทาง
ที่สนามบินต้นทางก่อนส่งออกสินค้าไปยังทั่วโลกหรือเรียกว่า Certify Hub
หรือการจัดทำดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดอี-คอมเมอร์ซผ่านแอพลิเคชั่น และ 3.บริษัท
รักษาความปลอดภัย
เปรียบเทียบโครงสร้างรายได้
ทอท.ก่อนโควิด-19 มาจากอุตสาหกรรมการบินหรือ
Aero 57 % ไม่ใช่อุตสาหกรรมการบิน
หรือ Non Aero 43 %
ซึ่งยังมีความเกี่ยวข้องกับการบินอยู่ด้วย
ดังนั้นการปรับโครงสร้างธุรกิจปูพรมอนาคตก้าวสู่การพึ่งพารายได้ไม่เกี่ยวกับการบินจะสร้างรากฐานความมั่นคงได้อย่างแท้จริง
เพราะไม่ผันแปรหรือหวั่นไหวไปตามสถานการณ์ท่องเที่ยว
ตั้งเป้าปี 2567 รายได้จาก
Non Aero
จะขยายตัวเต็มรูปแบบ จะไม่ได้กระทบสถานะทางการเงินของบริษัทยั่งยืนในอนาคต
ปัจจุบันสนามบินหลายประเทศก็ทำแบบเดียวกัน
ส่วนแผนนำสนามบินเข้าสู่การมีส่วนร่วมลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกนั้น
ทอท.ได้ประกาศเดินหน้าโครงการ “Green Airport” แต่เนื่องจากรถบริการขนกระเป๋าผู้โดยสารในสนามบินเป็นของผู้ประกอบการรายอื่นที่ลงทุนรถแบบเดิมไว้
ตามข้อตกลงเมื่อรถหมดอายุได้ขอให้เปลี่ยนการลงทุนเป็น “รถระบบไฟฟ้า”
เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ทาง
ทอท.ได้พิจารณาตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อทำแท่นชาร์ตแบตเตอรี่บริการรถระบบไฟฟ้าดังกล่าว
ระยะยาวนอกเหนือจากลดมลพิษรถยนต์บริการขนส่งกระเป๋าสัมภาระแล้ว
ก็อาจจะต้องพิจารณาตั้ง “กองทุน” เข้ามาดูแล
หากสายการบินลูกค้ายังไม่สามารถลดการแพร่กระจายคาร์บอนในสนามบินได้ตามเป้าหมาย
รวมถึงโดยภาพรวมแล้วทุกฝ่ายจะต้องเดินเข้ามามีส่วนร่วมกับเมกะเทรนด์ของโลกต่างมุ่งลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
ผู้ประกอบการทุกกลุ่มจึงยากจะหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งมีโควิด-19
จึงเป็นตัวเร่งสำคัญ เช่นเดียวกับสนามบิน
ทอท.เดิมแทบไม่มีพื้นที่ว่างเพราะมีผู้โดยสารใช้บริการปีละจำนวนเกินกว่า 100 ล้านคน
หลังจากนี้จะอาจจะเซนเตอร์อัตโนมัตเพื่อตอบคำถามผู้ใช้สนามบินทุกกลุ่ม
เป็นคอนเซ็ปต์ของสนามบินที่มีชีวิต
รณรงค์ให้คนหันมาใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ตลอดทุกการเดินทาง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์รุกไพรเวตเจ็ทช้อป3ช่องทางรับสินค้าที่ดอนเมือง
คิง
เพาเวอร์ จัดพิเศษให้ผู้โดยสารนั่งเครื่องบินส่วนตัว Private Jet ของ MJets เลือกช้อปดิวตี้
ฟรี ล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ ที่ คิง เพาเวอร์ ดาวน์ทาวน์ ทุกสาขา ทั้งที่รางน้ำ
ศรีวารี พัทยา และภูเก็ หรือใช้บริการ Shopping Assistant สามารถรับสินค้าได้ที่
Pick-up Counter ที่ MJets สนามบินดอนเมือง
(ขาออก) เมื่อมีไฟลต์ออกเดินทางออกตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ได้ถึง 3 ช่องทาง
1.สามารถช้อปสินค้าด้วยตัวเองได้ทุกวันที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต
และคิง เพาเวอร์ ศรีวารี เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
2.ใช้บริการ Shopping Assistant และ King Power
Call To Shop โทร. 0 2338 7870 ตั้งแต่ 9.00น – 20.00 น.
3.King Power
Chat to Shop Line: @KP_ChatToShop ตั้งแต่ 9.00 – 20.00 น.
วิธีรับสินค้า 1.รับสินค้าภายใน 60 วันนับแต่วันที่ซื้อสินค้า
2.สินค้าที่รับจากจุดรับสินค้าไม่สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้
กรุณาตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าก่อนออกจากเคาน์เตอร์บริการส่งมอบสินค้า 3.ติดต่อขอรับสินค้าก่อนออกเดินทางล่วงหน้า 45 นาที
และกรุณาตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าหลังจากส่งมอบสินค้า 4.หากเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินสามารถแจ้งกำหนดการเดินทางใหม่ล่วงหน้าภายใน
24 ชั่วโมง กรณีเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินหรือเปลี่ยนสนามบินที่เดินทาง
กรุณาแจ้งล่วงหน้า 3 วัน ได้ที่ King Power Contact Centre: 1631
ตั้งแต่ 08.00 – 21.00 น.
ข่าวที่ 2
สมาชิกคิงเพาเวอร์กดรับสิทธิ์สุขภาพที่ V PRECISIONลด25%
สมาชิก คิง เพาเวอร์ VEGA, CROWN,
ONYX, SCARLET และ NAVY รับส่วนลด 25% เมื่อสมัครโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ V PRECISION พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมตามสถานะสมาชิก สิทธิประโยชน์
สมาชิก VEGA กดรับสิทธิประโยชน์และนัดหมายวันเวลาก่อนเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันนี้
– 30 มิถุนายน 2566 กดรับได้คนละ 1 สิทธิ์ ใช้บริการได้วันละ 10 สิทธิ์ ดังนี้
1.รับโปรแกรมดูแลสุขภาพฟรี มูลค่ารวม 31,000 บาท ดังนี้
“ตรวจสุขภาพ” Basic Precision มูลค่า 6,000 บาท ฟรี 1 ครั้ง และรับเพิ่มโปรแกรม NAD +
Therapy มูลค่า 25,000 บาท ฟรี 1 ครั้ง
“สมาชิก
CROWN” รับโปรแกรมดูแลสุขภาพฟรี มูลค่ารวม 12,800 บาท รับสิทธิ์ตรวจสุขภาพ Basic Precision มูลค่า 6,000 บาท ฟรี 1 ครั้ง และรับเพิ่มโปรแกรม Energy
Booster มูลค่า 6,800 บาท ฟรี 1 ครั้ง
“สมาชิก
ONYX, SCARLET และ NAVY”
รับสิทธิ์ตรวจสุขภาพ Basic Precision มูลค่า 6,000 บาท ฟรี 1 ครั้ง
ข่าวที่
3 ททท.บูม“Thailand Charter”โกยทัวร์ยอร์ชเข้าภูเก็ตพันล้าน
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้สนับสนุนการจัดงาน Thailand Charter Week 2022 ที่
ยอร์ช เฮเว่น มารีน่า จังหวัดภูเก็ต โดยได้นำทีมผู้บริหารหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กระทรวงมหาดไทยรวมพลังขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ
โดยการเร่งกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพกลุ่มไฮเอนด์ทั้งคนไทยและต่างชาติซึ่งมีพร้อมใช้จ่ายเงินใช้บริการล่องเรือยอร์ชและเรือสำราญพักผ่อนในทะเลอันดามันได้ตลอดทั้งปี
ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมายให้
ททท.พัฒนาสินค้าและบริการมุ่งเน้นการออกแบบประสบการณ์เพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างประเทศทั่วโลกเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินพักผ่อนเพิ่มสูงขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ภายในงานจะส่งเสริมการตลาดนำเสนอสินค้าและบริการกลุ่มเรือยอช์ตและเรือสำราญของประเทศไทยเพื่อดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบการแล่นเรือจากทั่วโลก
และยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจเรือยอร์ชระดับโลกแห่งเอเชีย
ทั้งก้าวสู่การเป็น Platform การตลาดที่นำเสนอการบริการท่าเทียบเรือ การบริการซ่อมบำรุง
การนำเข้าอะไหล่ วัสดุ อุปกรณ์เรือ การค้าขายและให้บริการ Supply แก่เรือยอช์ รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพลูกเรือที่มีคุณภาพ
รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมเรือยอช์ตของประเทศไทย
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า ททท. คาดช่วงฤดูท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน 7 เดือน เริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2565
ถึง เมษายน 2566 จังหวัดภูเก็ตดึงดูดเรือยอร์ชเข้าประเทศไทย
100 ลำ สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ภูเก็ตรวมกว่า 1,050
ล้านบาท กระจายใน 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่ 1
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะมีรายได้ 222 - 650 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 ส่งผลถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องมีรายได้เพิ่มเติมอีกกว่า
550 ล้านบาท เช่น การซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาเรือ เป็นตลาดตัวอย่างการท่องเที่ยวเรือยอร์ชเรือสำราญกลุ่มคุณภาพซึ่งสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
สำหรับผู้บริหารจากภาคส่วนต่าง ๆ
ที่เข้าร่วมสนับสนุนเปิดตัวโครงการ Thailand
Charter Week 2022 ที่ยอร์ช
เฮเว่น มารีน่า จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565
ประกอบด้วย นายสิรภพ ดวงสอดศรี
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณรงค์ วุ้นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลเรือโท อาภากร
อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. พร้อมผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานต่าง
ๆ
ข่าวที่ 4 บางจากลงนามJCCP+COSMO
Oilลดคาร์บอนโลก30%
นายปฏิวัติ
ทิวะศะศิธร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA)
กับ Japan Cooperation Center for Petroleum and Sustainable
Energy, (JCCP) และ COSMO Oil เดินหน้าโครงการ “เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
หรือTechnical Collaboration for Operation Improvements in Bangchak
Refinery” ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ถือเป็นส่วนหนึ่งของการ Breakthrough Performance ซึ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้สามารถลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้
30 % ควบคู่กับการลดการใช้พลังงาน
ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ตามแผนงาน “BCP 316 net” ของกลุ่มบริษัทบางจาก
โดยเฉพาะการขับเคลื่อนความสำเร็จตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
(Carbon Neutrality) ในปี 2573 (ค.ศ.
2030) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net
Zero GHG Emission) ในปี 2593 (ค.ศ. 2050)
พิธีลงนามความร่วมมือครั้งนี้มีตัวแทนลงนาม
ประกอบด้วย นางกัณฑมาศ กฤตยานุกูล
รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน Mr. NAOKI TOMOTAKE Senior General
Manager, Japan Cooperation Center for Petroleum and Sustainable Energy, (JCCP) โดยมี
Mr. Shotaro Sano Commercial Attache จากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Mr.KAZUYOSHI
KANEDA, Cosmo Oil Co., Ltd.ร่วมเป็นสักขีพยาน
เป็นอีกก้าวสำคัญของ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ JCCP ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านปิโตรเลียมและธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน
รวมถึงกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยใกล้กรุงที่
“อัมพวา” ชวนกันเที่ยวแบบรักษ์โลกไป “พาย” ซับ แคนู คายัก เรือปลอดเครื่องยนต์
แล้วสนุกกับ “ถ่อแพเปียก ชุมชนแพรกหนามแดง” เที่ยวป่าชายเลน ชมวิถีธรรมชาติ
สัตว์น่ารัก ริมสองฝั่งคลอง แล้วดูแลด้วย “5วิธีลดคอเรสเตอรอลด้วยตัวเอง” ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก
“แอคคอร์งัดบัตร ALL-Accors”
กินและพักโรงแรมทั่วเอเชียรับแต้มเพิ่ม 2 เท่า ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์” โชว์ไตรมาส 3 รายได้ฟื้น 486 % 9เดือนแรกผู้โดยสารเติบโต
528 %
ท่องเที่ยว
-เที่ยวอัมพวาพายเรือล่องแพเปียกชุมชนแพรกหนามแดง
เที่ยวใกล้กรุงที่
“ตลาดน้ำอัมพวา” จ.สมุทรสงคราม ได้เวลาออกเดินทางท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก กับ 2 กิจกรรมดี ๆ
กิจกรรมแรก ทริปพายเรือ “Amphawa Paddle
Tour” สนุกได้ตลอด 17
ธันวาคม 2565 มีทั้งการพายเรือคายัค แคนู
พายซับ เรือพายต่างๆ เที่ยวเซิร์ฟสกี และเรือที่ไม่มีเครื่องยนต์ ชมตลาดน้ำอัมพวา
ชมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดาวดึงษ์ และวัดจุฬามณี
นักท่องเที่ยวที่สมัครเที่ยวพายเรือตลาดอัมพวา
มีกิจกรรมพายเรือต่าง ๆ ตั้งแต่ โมงเช้า
ไปสิ้นตอนเที่ยงพอดี ไปตามเส้นทางหลัก 2 ระยะ “ระยะ 10 กิโลเมตร” เริ่มและเข้าเส้นชัยตรงวัดบางจาก ไปตลาดน้ำอัมพวา
ชมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดาวดึงษ์ วัดจุฬามนี คลองบางจาก “ระยะ 4
กิโลเมตร” เริ่มและเข้าเส้นชัยตรงวัดบางจาก ตลาดน้ำอัมพวา - คลองบางจาก
ภายในงาน
นักท่องเที่ยวที่สมัครพายเรือ จะจ่ายค่าเข้าร่วมกิจกรรมคนละ 300 บาทฟรี ของที่ระลึก กับคูปองอาหารมูลค่า 200 บาท
และพูดคุยแลกเปลี่ยนใน SUP Clinic 08.30 และหากไม่ได้นำเรือมาก็มีบริการให้เช่าซับบอร์ดครั้งละ
500 บาท
กิจกรรมที่ 2 “ล่ อ ง แ พ เ ปี ย ก” : อัมพวา สมุทรสงครามเที่ยววิถีชุมชน กับคนพื้นที่ “ชุมชนแพรกหนามแดง” ตำบลเล็ก
ๆ ในอัมพวา อยู่ติดกับชายทะเล รายล้อมด้วยสายน้ำลำคลองป่าชายเลนลำคลองผูกพันกับพาหนะหลักคือเรือ
ทริปนี้จึงอยากเชื่อมโยงทุกคนในชุมชนจะพา
ล่องแพ แลคลอง สถานลงแพอยู่ตรง “ร้านข้าวใหม่ปลามัน” พร้อมจะนำแพไม้ไผ่นั่งสบาย ๆ
ขนาดบรรทุก 15 คน ชาวบ้านจะอาสาทำหน้าที่เป็น
“ถ่อแพ” ระยะทางรวม 3 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ชมธรรมชาติ มุดอุโมงค์ต้นไม้ ถ่ายรูปสวย ๆ ตลอดสองฝั่งคลอง
จะได้ทักทายกับสัตว์พื้นถิ่น นกน้ำนานาชนิด และลิงน่ารัก ๆ
เรื่อยไปจนถึงการร่วมกิจกรรม
1.วิถีการยกยอ 2.โยนกรงปูทะเล 3.ปลูกต้นไม้หายากในท้องถิ่น 4.ชิมอาหารถิ่น
จากคนพื้นที่ 5.ถ่ายรูปอุโมงค์ต้นไม้
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการล่องแพกับชุมชนแพรกหนามแดง
อัมพวาติด โทร 082-254-0848
สุขภาพ -
5 วิธีลดคอเลสเตอรอลด้วยตนเองกินถูกวิธีลดสารพัดโรค
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ให้ข้อมูลว่าคนเราควรดูแลเรื่องคอเลสเตอรอลรวมควรจะต้องต่ำกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ประกอบด้วย 1.LDL
คอเลสเตอรอล : บุคคลทั่วไป ควรต่ำกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และผู้ป่วยโรคเส้นเลือดตีบกับโรคเบาหวาน
ควรต่ำกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 2.HDL คอเลสเตอรอล :
ผู้ชาย ควรสูงกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ผู้หญิง ควรสูงกว่า 55
มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
แนะนำ
5 วิธีลดคอเลสเตอรอล ด้วยตนเอง
1.
ลดน้ำหนัก น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น
ย่อมมีแนวโน้มในการเกิดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดที่สูงมากเกินไป
ดังนั้นเพื่อให้ร่างกายของคุณห่างไกลจากคอเลสเตอรอล ควรลดน้ำหนักตัวลงอย่างน้อย
5-10% โดยควบคุมอาหารประเภทแป้ง น้ำตาลและไขมัน หันมากินผักผลไม้ให้มากๆ
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด และออกกำลังกายเป็นประจำ
2.
เลือกกินอาหารให้เหมาะสม -หันมาเลือกกินอาหารให้เหมาะสมแต่ละมื้อ
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เน้นบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์ เช่น
เนื้อปลา และผัก ผลไม้เป็นหลัก
เพื่อให้เกิดกระบวนการเผาผลาญและการย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ - อย่างน้อยวันละ 30 นาที
จะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โดยคุณสามารถเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นวิ่งจ๊อกกิ้ง ยกเวท โยคะ
4.
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ -บุหรี่ทำให้เกิดการสะสมของคอเลสเตรอลบนผนังหลอดเลือดมากขึ้น
และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิด ก็มีปริมาณน้ำตาลสูง ส่งผลให้ปริมาณคอเลสเตรอลในร่างกายเพิ่มขึ้นได้
5.
หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ อย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี
จะช่วยให้คุณรู้ระดับคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย
ซึ่งจะสามารถช่วยประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ได้ แล้วกลับมาดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่าง
ๆ ได้ดีขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
- แอคคอร์ดึงสมาชิกALL- Accorกินพักเพิ่มแต้มทั่วเอเชีย
แอคคอร์
รายงานว่าในฐานะเชนบริหารโรงแรมนานาชาติ ได้จัดฉลองเทศกาลแห่งความสุขพร้อมรางวัลสุดพิเศษให้สมาชิก
“ALL – Accor Live Limitless” เป็นโปรแกรมสมาชิกรอยัลตี้ไลฟ์สไตล์โดยแอคคอร์ (Accor) ได้นำใช้สิทธิประโยชน์จองห้องเข้าพักหรือรับประทานอาหารตามโรงแรมเครือแอคคอร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 -มกราคม 2566
สมาชิกรับสิทธิประโยชน์
'Season of ALL' ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565 ทาง ALL เตรียมมอบคะแนนรางวัลสะสม 2 เท่า ที่ห้องอาหารและบาร์ที่ร่วมรายการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(ยกเว้นสิงคโปร์) จากนั้นในเดือนธันวาคม 2565 -มกราคม 2566 เมื่อสมาชิกเข้าพักอย่างน้อย
2 คืนขึ้นไป ตามโรงแรมในเครือแอคคอร์ทั่วภูมิภาค รับทันทีโบนัสคะแนนสะสมทั้งหมดสูงสุด
1,000 คะแนน
สิทธิประโยชน์ที่
1 เลือกรับประทานอาหารกับ ALL ได้ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565 เพื่อรับคะแนนรางวัล
2 เท่าทันที โดยเลือกอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารรสเลิศ
ที่ห้องอาหารและบาร์ของโรงแรมเครือแอคคอร์ทั้งในเมืองไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว พม่า
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันนี้ -30
พฤศจิกายน 2565 ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงสนุกสนาน ในคืนวันศุกร์สุดชิว
หรือบรันช์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทางโรงแรมเครือแอคคอร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รังสรรค์เมนูอาหารหลากหลาย
ได้แก่
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (Pullman Bangkok King Power) ในกรุงเทพ ประเทศไทย เชิญชวนสัมผัสประสบการณ์ “โอมากาเสะ”
สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมออกแบบโดย เชฟโกจิ โคบายาชิ เชฟมากความสามารถได้ที่ห้องอาหาร เท็นโกะ
โรงแรม Fairmont Ambassador Seoul กรุงโซล
เกาหลีใต้ นำเสนออาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นพร้อมทิวทัศน์อันตระการตาของย่านยออีโดและแม่น้ำฮัน
แห่งกรุงโซล ที่ห้องอาหารที่ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ Mariposa ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวบนชั้น 29
โรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort บาหลี
อินโดนีเซียน พลาดไม่ได้กับ The Magnificent Cucina Brunch ที่เชฟ Patrizia
Battolu และทีมจากเตรียมสเตชั่นอาหารอิตาเลียน
สเปน ฝรั่งเศส และเอเชีย มีความโดดเด่นด้วยวัตถุดิบสดใหม่ไว้ให้สมาชิกและนักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสอย่างเต็มที่
สิทธิประโยชน์ที่ 2 จองห้องเข้าพักกับ ALL แล้วรับคะแนนโบนัสสูงสุด
1,000 คะแนน เมื่อจองห้องตั้งแต่ 1
ธันวาคม 2565 -31 มกราคม 2566 แล้วนำไปใช้เข้าพักได้ระหว่าง 15
ธันวาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566
สามารถเลือกได้ทุกรูปแบบทั้งทริปพักผ่อนเพื่อสุขภาพ
ท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ ไปจนถึงทริปแสนโรแมนติก
นักท่องเที่ยวและสมาชิกสามารถวางแผนวันพักผ่อนครั้งต่อไปได้โรงแรมและรีสอร์ทเครือแอคคอร์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน
12 ประเทศ กว่า 370 แห่ง โดยมีแบรนด์โรงแรมทุกระดับให้เลือก
Raffles, Fairmont, SO/, Sofitel Legend,
Sofitel, MGallery, Pullman, Swissôtel, Mövenpick, Grand Mercure, Peppers,
Novotel, Mercure, ibis, ibis Styles และ
ibis Budget
นักท่องเที่ยวเลือกดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ได้หลากหลายจากโรงแรมที่มีเรื่องราวทรงคุณค่ากระจายทั่วอยู่เอเชียตะวันออกเฉียงได้
ได้แก่
1.ราฟเฟิล แกรนด์ โฮเทล อังกอร์ ในนครวัด ห้องพักระดับตำนานในกัมพูชา
2.โซฟิเทล สิงคโปร์ เซนโทซ่า รีอสร์ต แอนด์ สปา
เปรียบเสมือนอัญมณีที่ซ่อนอยู่บนเนินเขาทางตอนใต้ของเกาะเซ็นโตซ่า สิงคโปร์
3.พูลแมน โตเกียว ทามาชิ
ตั้งอยู่ย่านธุรกิจที่กำลังมาแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ญี่ปุ่น เป็นสวรรค์แห่งความเงียบสงบที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้อันอุดมสมบูรณ์
สัตว์นานาชนิด และทะเลจีนใต้
4.โนโวเทล ฟูโกว๊ก รีสอร์ต บนเกาะฟูโกว๊ก
เวียดนาม ดีไซน์ร่วมสมัย
เหมาะสำหรับทั้งทริปท่องเที่ยว พักผ่อน หรือทำธุรกิจ ตอนนี้กำลังเป็นจุดหมายปลายทางที่มาแรง
Novotel Phu Quoc Resort ตั้งอยู่บนหนึ่งในชายหาดที่สวยงามของเกาะ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เหมาะกับทุกการพักผ่อนร่วมกับครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคู่รัก
และการเดินทางเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีได้ทุกวัน
ข่าวที่สอง
-บางกอกแอร์Q3ปี’65รายได้486 %ผู้โดยสารโต528%
นายพุฒิพงศ์
ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (BA) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส
3 ปี 2565 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี
2564 มีรายได้รวม 3.941.4 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 486.3 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ยังขาดทุนงวดอยู่ 396.0 ล้านบาท
ขาดทุนลดลง 94.3 % โดยมียอดขนส่งผู้โดยสารช่วง 9 เดือนแรก ปี 2565 รวม 1.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 528.1 % และจำนวนเที่ยวบิน 19,648 เที่ยว
หรือเพิ่มขึ้น 302.1 %
ไตรมาส
3 ปี 2565
ผลประกอบการขยายตัวกว่า 486.3 % เป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโตอย่างมาก
หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการจึงกระตุ้นต่างชาติเดินทางเข้าไทยไตรมาส 3 ปี 2565 จึงเพิ่มความถี่เที่ยวบินควบคู่การเปิดเส้นทางการบินใหม่
บมจ.การบินกรุงเทพ และบริษัทย่อยจึงทำรายได้จากการขายตั๋วโดยสารได้ถึง 2,677.3 ล้านบาท มียอดผู้โดยสาร 8 แสนคน ด้วยจำนวนเที่ยวบินรวม 8,831เที่ยว และอัตราการขนส่งผู้โดยสาร 77.2 %
ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้
มีรายได้รวม 8,121. 8 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร 5,173.8 ล้านบาท จำนวนผู้โดยสารรวม 1.7 ล้านคน มีค่าใช้จ่ายรวม 9,750.8 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
และค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินเป็นหลัก จึงมีผลขาดทุน1,191.4 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 1,396.1 ล้านบาท
หรือคิดเป็น 54.0 %
อีกทั้งในไตรมาส 3 ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือบริษัทฯ
ได้ระดมทุนผ่านการจัดตั้ง “กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ
- BA Airport Leasehold Real Estate Investment Trust: BAREIT” โดยมี บริษัท
กรุงเทพ รีทแมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์
และได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 14,300 ล้านบาท
โดยบริษัทฯได้ลงทุนคิดเป็น 25 % ของทุนจดทะเบียน
หรือ 2,582.5 ล้านบาท
นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า บางกอกแอร์เวย์ส ยังคงตอกย้ำความเป็น เอเชีย บูทีค
แอร์ไลน์ มุ่งมั่นเดินหน้าเพิ่มเที่ยวบินและเส้นทางให้สอดรับกับความต้องการของผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เช่น ไป-กลับ กรุงเทพ – สมุย กรุงเทพ - เชียงใหม่ กรุงเทพ-พนมเปญ สมุย – สิงคโปร์ และกลับมาบิน กรุงเทพ- มัลดีฟส์ กรุงเทพ
- เสียมเรียบ กรุงเทพ – ย่างกุ้ง และ กรุงเทพ- ดานัง รวมทั้งเปิดเส้นทางบินใหม่
กรุงเทพ – หาดใหญ่ และ สมุย – หาดใหญ่
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น