ททท.ภาคกลางทุ่มครึ่งปีหลัง2566ลงทุน4โครงการทำเงิน ผนึกGWMบูม #คาราวานขับรถEVเที่ยว ริเริ่มจัด#PrideMonth
ททท.ภาคกลางทุ่มครึ่งปีหลัง’66ลงทุนล็อตใหญ่4โปรเจกต์ทำเงิน
ผนึกGWMจัดทัวร์EV-ดึงKLOOKขายExpat-รุกจัดPRIDE MONTH
ระดมทุกจังหวัดบูมเที่ยวไทย365วัน-แจ้งเกิดUnseenNewChapters
มีไฟลต์ช้อปคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิดีลดียิ่งช้อปยิ่งคุ้มบิวตี้/น้ำหอม
คิงเพาเวอร์ชวนเหล่าสาวกAnimalLoverช้อปด่วน7ผลิตภัณฑ์ฮ็อต
ททท.จัด“Chef’s Talk”ต่อยอดมิชลินไกด์ยกชั้นสมุย/สุราษฎร์ปี’67
บางจากดึงองค์ชั้นนำลุยทดสอบน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม3ผลิตภัณฑ์
TCEBเร่งธุรกิจไมซ์ร่วมINTERMACH2023สุดไฮเทค10-13พ.ค.66
สิงห์บุรีเที่ยวใกล้เที่ยวง่ายชวนทัวร์ประวัติศาสตร์5พิกัด4วัด1ตลาด
“เกิดรอยช้ำ”อย่านิ่งนอนใจอาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคร้ายแรงได้
ตรังร่วมหอการค้าไทย-จีนMOUรับเช่าเหมาลำทัวร์จีนเริ่ม1ต.ค.66
“เอมิเรตส์แอร์”จัดโปรซัมเมอร์โชว์ตั๋วบินลดทั่วดูไบ/UAE100แห่ง
วันอาทิตย์ที่
7 พฤษภาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #ทททภาคกลาง #เที่ยวสิงห์บุรี5พิกัด
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/kmTQhoIjTQ/
ช่วงที่
1 ได้เวลาบุกกับ
“กิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
อัดฉีดงบโหมขายไทยเที่ยวไทย พ.ค.-ก.ย.66 ชู 5 โปรเจกต์สร้างเงิน
“คาราวานรถท่องเที่ยวลดโลกร้อน” 2 เส้นทาง เที่ยวในภาค เที่ยวข้ามภาค
“ปลุกกระแสทุ่มโปรโมชั่น” ผนึก KLOOK ผู้นำออนไลน์เจาะตลาดExpat ชิมรางจัด “PRIDE
MOUNTH” 8-16 มิ.ย.นี้
รุกตลาดความหลากหลายทางเพศและครอบครัว บูม “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”
หนุนเทศกาลดนตรีและอีเวนต์ท้องถิ่น เร่งปั้นสินค้าใหม่ Unseen
New Chapters
นายกิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้ได้วางกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดการขายท่องเที่ยวภูมิภาคภาคกลางครึ่งปีหลัง 2566 เริ่มเข้าสู่นอกฤดูท่องเที่ยว (low
season)
ระหว่างพฤษภาคม-กันยายน นี้ จะต้องเร่งขับเคลื่อนตลาดในประเทศอย่างเข้มข้นมากขึ้น 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการที่ 1 “คาราวานขับรถท่องเที่ยว” โดยจับมือกับพันธมิตร Great
Wall Motors (GWM) สร้างคอนเซ็ปต์ลดโลกร้อนและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
2
เส้นทางหลัก ได้แก่
เส้นทางที่ 1 เดินทางภายในภาคเดียวกัน จากกรุงเทพฯ
สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี เริ่มปลายเดือนพฤษภาคมนี้
โดยใช้เครื่องมือและลูกค้าในเครือของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งมีลูกค้า
ดีลเลอร์กลุ่มตลาดรถยนต์ SUV ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และ EV ส่วน ททท.จะนำ Influencer
ร่วมเดินทางเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแต่ละจุดตลอดทริป
เส้นทางที่ 2 เปิดเที่ยวข้ามภาคจับคู่ภาคกลางกับภาคตะวันออก
จากกรุงเทพฯ สระบุรี ปราจีนบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เริ่มต้นเดือนมิถุนายนนี้
โครงการที่ 2 สร้างกระแสกับโปรโมชั่น เดินหน้าส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวในประเทศเชิงรุกด้วย
2
กลยุทธ์ดังกล่าว คือ สร้างและเกาะกระแสและอัดฉีดโปรโมชั่น เริ่มพฤษภาคม นี้
ททท.ภูมิภาคภาคกลาง จับมือกับ KLOOK ปลุกกระแสตลาดต่างชาติที่พำนักในเมืองไทย
หรือ Expat ทำแพกเกจผ่าน OTA KLOOK กระตุ้นการเดินทางพฤษภาคม -31 กรกฎาคม 2566 และยังได้รับงบประมาณกลางนำมาทำกิจกรรมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย
โครงการ Thailand to The World เจาะตลาดนักท่องเที่ยวเชิงกีฬา (sport
tourism)
นำเสนอคอนเท้นท์การแข่งขันกีฬาเจ็ตสกียกระดับเป็น World Series เดือนกรกฎาคม 2566
โครงการที่ 3 จับมือกับแมกกาซีน Time
Out Bangkok จัดงาน Coulorful Fest 2023 ขึ้นช่วง 2 วันหยุดสุดสัปดาห์ 8-16
มิถุนายน 2566
บริเวณโรงงานยาสูบ สวนเบญจกิตติ์
กรุงเทพฯ ในรูปแบบ PRIDE Month ปลุกกระแสให้เกิดสีสันการท่องเที่ยว
กลุ่มความหลากหลายทางเพศ ซึ่งจะจัดครั้งแรกด้วย City APEC Sceen ในไทย
บ่งบอกถึงไทยเป็นประเทศพร้อมต้อนรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ไม่จำกัดเฉพาะ LGBTQ
แต่จะเปิดพื้นที่อย่างเป็นมิตรกับทุกกลุ่มด้วย
เช่น ครอบครัว และกลุ่มอื่น ๆ เพื่อสร้างจุดขายเป็นปฏิทินท่องเที่ยวประจำทุกปี
โครงการที่ 4 จัดงานท่องเที่ยวเทศกาลต่าง ๆ
กระตุ้นการท่องเที่ยว 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน ประกอบด้วย “ท่องเที่ยวเทศกาลดนตรี Music
Festival” ททท.พร้อมส่งเสริม งานที่ 1
Together Festival
เป็นงานดนตรี EDM
จัดต่อเนื่องมาหลายปี สามารถช่วยตอกย้ำถึง “กรุงเทพฯ”
ให้เป็นเมืองจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงดนตรี
เห็นได้จากสงกรานต์ปีนี้มีเทศกาลดนตรีระดับโลกแห่มาจัดในไทยทั้ง Rolling
Lound , S2O
ได้รับความนิยมสูงประสบความสำเร็จมากจากตลาดนานาชาติเดินทางเข้าชมเกินกว่า 70
%
บ่งบอกถึงไทยพร้อมเป็นจุดหมายปลายทางแห่งดนตรีนั่นเอง
งานที่ 2 ณ สัทธา ซัมเมอร์ คาร์นิวัล เฟสติวัล
แปรสภาพจากชมแสงสีเสียงไฟอิลูมิเนชั่นยามค่ำคืนมาเป็นการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ที่
อำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี ตั้งแต่วันนี้ -31 กรกฎาคม 2566
และเทศกาลท่องเที่ยวตามปฏิทินแต่ละฤดูกาล เช่น Let
Chill
ส่งเสริมการท่องเที่ยวเดินทางได้ทั้งปี นำโดย “ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม” มอบคูปอง 5,000
ใบ ให้ใช้เป็นส่วนลดตามสวนผลไม้ต่าง ๆ
พฤษภาคม-มิถุนายน 2566 “ททท.สำนักงานกาญจนบุรี”
จับมือกับแพลตฟอร์มท่องเที่ยว CAMPA ผ่านช่องทาง www.campa.co.th ร่วมกันทำโปรโมชั่นสร้างจุดขายให้กาญจนบุรีเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแคมปิ้งตลาดในและต่างประเทศ
เปิดรับจองที่พักตามแคมป์ผ่านออนไลน์
ปลุกกระแสการเดินทางต่อเนื่องถึงปลายปีต้อนรับอากาศเย็นสบาย ๆ
หรือแม้แต่บางพื้นที่สามารถเที่ยวแคมป์ได้ตลอดทั้งปี และททท.สำนักงานราชบุรี
จัดมหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ รับโลว์ซีซัน มี หลายสนามทำแพกเกจลด 300-400
บาท/ครั้ง
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2566
ททท.ตลาดในประเทศ
จะเพิ่มบทบาทเชิงรุกทำตลาดการขาย 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน ทุกฤดู สามารถท่องเที่ยวได้โดยไม่มีช่วงนอกฤดูเดินทางหรือโลว์ซีซันอีกต่อไปแล้ว
ด้วยการสร้างกระแสบวกเข้ากับโปรโมชั่นตลอดทั้งปี
ททท.ภูมิภาคภาคกลางยังคงยืนหลักส่งเสริมการขายแคมเปญ
“เที่ยวเมืองไทยในภาคกลาง” ต่อเนื่องถึงสิ้นปีงบประมาณเดือนกันยายน 2566
เช่น
1.เมืองไทย 365 วัน เที่ยวได้ทุกวันแบบยาว ๆ
เพื่อนำเสนอลงไวรัลโซเชียลมีเดีย
2.แคมเปญโค้ดลับ 365 วัน จะเริ่มมิถุนายน นี้
ชวนนักเดินทางรวมตัวกับเพื่อน 3 คน เที่ยวให้ครบ 5 จังหวัด
แล้วทำคอนเทนท์ท่องเที่ยวแต่ละจังหวัด ส่งลุ้นรับรางวัล 365,365 บาท
3.แคมเปญ Online Lazada ทำโปรโมชั่นผ่านแพลตฟอร์มด้วยแคมเปญ Wonder
Deal 365 วัน
สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่
4.แคมเปญ ตามล่าหาขุมทรัพย์ 77 จังหวัด ใน 365
วัน โดยจัดทำ QR Code ซ่อนอยู่ในมาสค็อตน้องสุขใจ
เพื่อให้นักท่องเที่ยวค้นหาสแกนแล้วนำมาแลกของรางวัลอย่าง แก็ตเจ็ทต่าง ๆ
รองรับกลุ่มทำงานได้เที่ยวด้วย อย่างกลุ่ม Workation , digital Nomad
สำหรับ “กิจกรรมไฮไลต์” เดือนพฤษภาคม 2566
ททท.เปิดรับสมัครครั้งแรก
“อาชีพนักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” รับสมัคร วันนี้-14 พฤษภาคม 2566 รับเพียง 1 คนเท่านั้น
โดยลงทุนจ่ายเงินเดือนท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 4,000 บาท
เมื่อได้รับคัดเลือกแล้วจะต้องผลิตคอนเทนท์ทุกวัน
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกระแสและโปรโมชั่น
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของ
ททท.ที่จะผลักดัน “การเดินทางท่องเที่ยววันธรรมดา” ด้วยคอนเซ็ปต์ “วันธรรมดา 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย”
จะเปิดตัวเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
เพื่อขยายวันพักต่อเนื่องจากการเที่ยววันหยุดวีคเอนด์แล้วพักต่อเนื่องไปจนถึงวันธรรมดาวีคเดย์
เพราะตอนนี้มีหลายบริษัทสนับสนุนให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้
โดยไม่จำเป็นจะต้องเข้าสำนักงานหรืออยู่บ้าน ททท.มุ่งเจาะกลุ่มตลาดดังกล่าว
เพิ่มวันพักค้างขยับเป็น 4 วัน/คน/ทริป
โดยใช้กลยุทธ์ขายผ่าตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ พร้อมโปรโมชั่น
ขณะนี้ ททท.มีพันธมิตรหลายกลุ่ม เช่น
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
มีสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเลือกใช้สถานที่ต่าง ๆ
หรือหน่วยงานอื่น ๆ ก็เช่นกัน
โครงการที่ 5 เปิดตัวสินค้าใหม่ทั่วภาคกลาง Unseen
New Chapters เป็นอีกกลยุทธ์เชิงเทคนิคที่จะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวลองเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม
เช่น จังหวัดสิงห์บุรี นำเสนอ “สิงห์บุรีมิวเซียม”
นำบ้านเก่ามาทำเป็นพิพิธภัณฑ์แตกต่างจากเดิมคนจะได้ฟัง “สมุทรสงคราม” แนะนำ
“พระพุทธบาท 4 รอย
วัดจันทร์กะพ้อ” รอยพระบาทซ้อนกันอยู่ และมีจิตรกรรมฝาผนัง “กาญจนบุรี” มี
“อุโมงค์สามมิติ” ทองผาภูมิ เมื่อขับรถเข้าไปจะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่าน
แต่ละพื้นที่มีความท้าทายจะต้องผ่านการโหวตจากประชาชนและคณะกรรมการคัดเลือก
สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในโครงการ Unseen
New Chapters ทั้ง
77 จังหวัด
จะคัดให้เลือกเพียง 25 แห่ง
ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะนำข้อมูลมาเสนอไว้ให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้บนมินิเว็บไซต์ของ
ททท.www.tourismthailand.org/unseennewchapters
โดยมีคลิปพร้อมเรื่องราวสถานที่ กับ SDGs หรือการท่องเที่ยวรักษาสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนรวมอยู่ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 มีไฟลต์ช้อปคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิดีลดียิ่งช้อปยิ่งคุ้มบิวตี้/น้ำหอม
พฤษภาคม 2566 นี้ “คิง เพาเวอร์”ตอบโจทย์นักเดินทางมีไฟลต์บิน
“รับดีลดี ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม” รับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปเครื่องสำอาง
และน้ำหอม 7,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ได้ตั้งแต่วันนี้
– 31 พฤษภาคม 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
โดยมีข้อแนะนำการแลกคะแนนสะสม
กะรัต เป็นคูปองส่วนลดในการช้อปแต่ละครั้ง วันนี้ -30 มิถุนายน 2566 นั่นคือ
1.แลก 20 กะรัต เพื่อรับคูปองส่วนลด
200 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 2,000 บาทขึ้นไป)
2.แลก 50 กะรัต
เพื่อรับคูปองส่วนลด 500 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 4,000 บาทขึ้นไป)
3.รับส่วนลดทุกการช้อป 5%
(ไม่มียอดขั้นต่ำในการช้อปสินค้า)ที่ FIRSTER King
Power Mahanakhon, FIRSTER Siam Square และ firster.com
สิทธิพิเศษ!! สมาชิก คิง เพาเวอร์ ทุกประเภท ช้อปรับส่วนลดได้โดยไม่จำกัดสิทธิ์ตลอดรายการด้วยการ 1.กดรับรหัสส่วนลด
ผ่านช่องทาง LINE Official Account หรือ kingpower.com เท่านั้น 2.นำรหัสไปใช้สิทธิ์ที่ FIRSTER King Power Mahanakhon, FIRSTER Siam Square และ firster.com
กรณี “กดรหัสแล้วไม่ได้นำมาใช้สิทธิ์”
ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ชดเชยทุกกรณี ตรวจสอบรายการส่งเสริมการขายก่อนทำรายการ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1631
ข่าวที่
2 คิงเพาเวอร์ชวนเหล่าAnimal Loverช้อปด่วน7ผลิตภัณฑ์ฮ็อต
คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เอาใจเหล่าสาวก Animal Lover เลือกช้อปสินค้าผลิตจากฝีมือคนไทยซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก “สัตว์ที่คุ้นเคย”
แล้วมิกซ์สไตล์แมตช์สร้างลุคโปรดไปพร้อม ๆ กัน กับผลิตภัณฑ์รูปสัตว์อีกมากมายรอให้มาเลือกซื้อสินค้าได้ที่
คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา หรือหาแรงบันดาลใจต่าง ๆ
นำโดยกลุ่มสินค้าแฟชั่น
เครื่องประดับ สินค้าทุกชิ้น ซื้อได้ที่ “คิง เพาเวอร์” ทุกสาขา เป็น Animal Lover แบบตะโกน แนะนำให้เริ่มจากไอเทมง่าย ๆ 7 หมวด
หมวดที่
1 ผ้าพันคอ จากแบรนด์ HOROSCARF ผ้าพันคอเสริมสิริมงคลตามปีนักษัตร/สัตว์มงคลตามฮวงจุ้ย
โดดเด่นด้วยลวดลายสัตว์มงคล 12 ชนิด ตามหลักฮวงจุ้ย
หมวดที่
2 พวงกุญแจผ้าคอตต้อนแบรนด์
VITTA ตัดเย็บอย่างประณีตเป็น “แมวนำโชค” สวมชุดน่ารัก
หยิบมามิกซ์ แอนด์ แมตช์ กับเสื้อผ้าชุดไหนก็สุดเก๋ เหมาะกับคนทาสแมว
การประกาศตัวผ่ารับรองว่าห้อยกระเป๋าเพิ่มความน่ารักได้ด้วย
หมวด
3 ของใช้และของแต่งบ้าน นำเสนอรูปทรงรูปร่าง
ลวดลายของสัตว์ต่าง ๆ รวมถึงท่าทางที่น่ารักน่าชัง ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียเปลี่ยนมุมใดมุมหนึ่งของบ้านให้ดูน่ารักและมีชีวิตชีวาได้
หมวดที่
4 ตุ๊กตาไม้แกะสลักและเพนต์ลายสัตว์ จากแบรนด์ MR.THOW
WOOD CRAFT ตุ๊กตาไม้นายโถ เชียงใหม่
หมวดที่
5 ห้ามพลาดกับถาดรองแก้ว จากธนบดี เซรามิค
ธนบดีเดคอร์เซรามิค ของดังแห่งเมืองลำปาง
หมวดที่
6 ตุ๊กตาเซรามิกจาก THANIYA1988
เหมาะกับคนที่เกิดปีกระต่ายเป็นอย่างยิ่ง
หมวดที่
7 รวมถึงปิ่นโตลายผีเสื้อ ของแบรนด์ Lively Ware
สารพันลวดลายและรูปสัตว์อื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกช้อปได้อย่างจุใจ
ข่าวที่ 3 ททท.จัด“Chef’s Talk”ต่อยอดมิชลินไกด์ยกชั้นสมุย/สุราษฎร์ปี’67
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งปรเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2566 ททท.ได้จัดทำคู่มือมิชลินไกด์ในโครงการ MICHELIN Guide Thailand คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ซึ่งมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของไทยเติบโตสามารถสร้างความเชื่อมั่นเรื่องมาตรฐานร้านอาหารระดับสากล
ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจแบบรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เพิ่มคุณค่าควบคู่กับสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวโดยรวมผ่าน
อาหารไทย ซึ่งเป็น Soft
Power ทางวัฒนธรรมอันแข็งแกร่ง ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาไทย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ททท.ได้ต่อยอดโครงการ
MICHELIN
Guide Thailand จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร
“Chef’s
Talk ชวนฟังเรื่องเล่าจากเชฟ”
ขึ้นที่โรงแรมเซนทารา รีเซิร์ฟ สมุย และโรงแรมวังใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้เชิญชวนผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่เข้ามาร่วมส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าอาหารไทยซึ่งสามารถยกระดับมาตรฐานร้านอาหารไทยสู่สากลอย่างยั่งยืนได้ด้วย
ทาง ททท.ได้นำผลสำรวจและวิจัย โครงการ
The MICHELIN Guide Thailand ประจำปี 2560 – 2563 รวม 2 ครั้ง
โดย บริษัท เคเนติกส์ คอนซัลติ้ง จำกัด และบริษัท Erst & Young (EY) ระบุโครงการดังกล่าวสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มด้านอาหารของไทยด้านการท่องเที่ยวมากถึง
842.40 ล้านบาท เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องมากกว่า 4,800 ตำแหน่ง
สามารถดึงดูดเชฟชั้นนำชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำงานด้านอาหารและลงทุนเปิดร้านอาหารระดับ
Hi-End เพิ่มมากขึ้น
จากนั้นปี 2565 บริษัท เคเนติกส์ คอนซัลติ้ง จำกัด ได้ทำประเมินผลการท่องเที่ยวด้านอาหาร
และโครงการ The MICHELIN Guide Thailand ระหว่างมกราคม-ธันวาคม 2565 พบว่า 11.15 ล้านราย มีรายได้ด้านอาหารจากการดำเนินโครงการ Michelin Guide
Thailand ปี 2565 เพิ่มขึ้นประมาณ 223.34 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ททท.ได้ประกาศเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 จัดทำคู่มือ
‘มิชลิน
ไกด์’
ปี 2567 ในพื้นที่หลักได้แก่ เกาะสมุย
และสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมอาหารอันโดดเด่น
ททท. ใช้จังหวะนี้ต่อยอดพัฒนาผู้ประกอบการ
(Shape Supply) พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) จัดกิจกรรม “Chef’s Talk ชวนฟังเรื่องเล่าจากเชฟ” โดยเชิญตัวแทนเชฟจากร้านอาหารมิชลินไกด์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการร้านอาหารบนเกาะสมุย และสุราษฎร์ธานี พัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถ
ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารไทยสู่สากล ผนวกกับการส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2566 (Visit Thailand Year 2023: Amazing New Chapters) ด้วยการนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงอาหารให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การจัดกิจกรรม “Chef’s
Talk ชวนฟังเรื่องเล่าจากเชฟ” มี 2
เชฟชั้นนำมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ในฐานะร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกอยู่ใน
MICHELIN
Guide Book ได้แก่ เชฟชุมพล แจ้งไพร จากร้านอาหาร (R-HAAN) เป็นร้านมิชลิน 2 ดาว 4
ปีซ้อน กับเชฟริค ดินเจน จากร้านจำปา – ร้านมิชลินดาวรักษ์โลก หรือ Michelin Green Star (Sustainable Gastronomy) ประเภทรางวัลร้านอาหารที่ความโดดเด่นเรื่องคุณภาพร้านอาหาร
ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Zero Food Waste)
ข่าวที่ 4 บางจากดึงองค์ชั้นนำลุยทดสอบน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม3ผลิตภัณฑ์
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำ กัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้นำสื่อมวลชน
ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ และกลุ่มผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำร่วม “ทดสอบน้ำมันกลุ่มคุณภาพระดับพรีเมียม”
มาตรฐาน Euro
5 ในงาน Feel The FUelTURE
Today รวม 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.Bangchak
Hi Premium 97 ที่มีค่าออกเทนสูงกว่า 97
สูงสุดในกลุ่มพรีเมียมแก๊สโซฮอล์ 2.Bangchak
Hi Premium Diesel S พรีเมียมดีเซลที่มีค่าซีเทนสูงสุดถึง
70 และ 3. Bangchak E20 S EVO น้ำมัน E 20 คุณภาพสูง ซึ่งผู้ร่วมทดสอบล้วนได้สัมผัสผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่สนามช้าง
อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
ตอกย้ำบางจากฯ มีนโยบายพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงผ่านนวัตกรรมต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยียานยนต์พัฒนาไม่หยุดนิ่ง
และเพื่อให้ผู้ใช้รถได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ตอบสนองวิวัฒนาการยานยนต์
ด้วยแนวคิด Greenovative Product พัฒนาน้ำมันคุณภาพสูงเพื่ออนาคต
วันนี้นำมาใช้แล้วโดยมีคุณสมบัติโดดเด่น
สามารถดึงสมรรถนะเครื่องยนต์ออกมาได้สูงสุด คุ้มค่า บนพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายชัยวัฒน์
กล่าวว่า บางจากได้พัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงโดยคัดสรรองค์ประกอบที่ดีที่สุด
ผลิตด้วยน้ำมันพื้นฐานคัดเป็นพิเศษ มีความบริสุทธิ์สูง ผนวกสารเพิ่มคุณภาพระดับโลก
(World
Class Standard Additive) สูตรพิเศษ นอกจากจะช่วยเพิ่มความแรงแล้ว
ยังดูแลทำความสะอาดหัวฉีดได้ถึง 100%
ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ ยิ่งสะอาด ยิ่งเร่งแรงได้ดั่งใจต้องการ
อีกทั้งยังได้มาตรฐาน
Euro
5 ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ รองรับยานยนต์อนาคตที่มีเทคโนโลยีทันสมัย
จะช่วยยืดอายุอุปกรณ์ในรถยนต์และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา แล้วยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะมีปริมาณกำมะถันน้อยกว่า
10 ppm ลดการเกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝุ่นละออง
ทุกผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการทดสอบมาตรฐานระดับโลก
ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป จนมั่นใจว่าได้น้ำมันที่ดีที่สุดก่อนจำหน่ายสู่ผู้บริโภค
ทำให้ผลิตภัณฑ์คุณภาพพรีเมียมของบางจากมีความโดดเด่นเหนือกว่า
ได้แก่ Bangchak HI
Premium 97 ที่ค่าออกเทน 97 ซึ่งสูงสุดในตลาด Bangchak HI Premium Diesel S มีค่าซีเทนสูงสุดในกลุ่มดีเซล
และ Bangchak E 20 S EVO ที่เป็นน้ำมัน
E 20 คุณภาพสูง
การทดสอบน้ำมันคุณภาพพรีเมียมทั้ง
3
ผลิตภัณฑ์ ในงาน Feel The FUelTURE Today ที่สนาม ช้าง
อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ครั้งนี้ ใช้การขับทดสอบอัตราเร่ง ความเร็วสูงสุด
และความรู้สึก ในรูปแบบ Blind Test โดยผู้เข้าร่วมทดสอบยอมรับถึงประสิทธิภาพที่ดีกว่า
และให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่เร้าใจแตกต่างอย่างชัดเจน
สามารถรีดความแรงได้เต็มสมรรถนะ ควบคุมอัตราเร่งได้ดีกว่า
สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั้ง 3
และตอกย้ำความมั่นใจในผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงบางจากมากยิ่งขึ้น
นายชัยวัฒน์ ย้ำว่า
บางจากฯ จะไม่หยุดนิ่งนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทให้ล้ำหน้าอย่างต่อเนื่อง
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของยานยนต์ และวิถีชีวิตผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ควบคู่กับการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การใช้พลังงานและการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืนทั้งปัจจุบันและอนาคต
ข่าวที่
5 TCEBเร่งธุรกิจไมซ์ร่วมINTERMACH2023สุดไฮเทค10-13พ.ค.
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เชิญชวนผู้ประกอบการไมซ์ร่วมพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไปอีกขั้น! ที่งาน INTERMACH
2023 ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2566
ไบเทค บางนา ลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ http://bit.ly/3IjOyvx ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยดังนี้
เรื่องที่
1 เป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคเชื่อมโยงทุกภาคส่วนทั้ง
ภาครัฐ เอกชน ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ประกอบการและส่วนสนับสนุนต่าง ๆ
ก่อให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ และประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดรับกับปัจจุบันเรื่องการทำ Digital
Transformation
เรื่องที่
2 ตลอดงานนี้จัดเต็มทางด้านการแสดงสินค้า เทคโนโลยีเครื่องจักรอุตสาหกรรม
ผู้เข้างานจะได้พบกับกองทัพโซลูชันและเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งจะเชื่อมโยงทุกห่วงโซ่การผลิต
เช่น เครื่องจักร ซอฟต์แวร์ รวมถึงเทคโนโลยีบำรุงรักษาภาคอุตสาหกรรม และอีกมากมาย
เรื่องที่
3 เลือกร่วมสัมมนาและประชุมเชิงวิชาการกว่า 50 หัวข้อ ควบคู่กับการเปิดพื้นที่ให้เจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการชั้นนำจากทั่วโลกด้วย
สามารถติดตามข้อมูลไมซ์อื่น
ๆ ได้ที่ www.businesseventsthailand.com
ช่วงที่ 2 วันสบาย ๆ เที่ยวง่าย ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ที่ “สิงห์บุรี”
ย้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เมืองไทยอีกแห่งได้ 5 พิกัด
“พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอินทร์บุรี-วัดพระนอนจักรสี-วัดโพธิ์เก้าต้น-วัดพิกุลทอง” และ
ตลาดบางระจัน ส่วนสุขภาพ “เกิดรอยช้ำอาจคือสัญญาณเตือนโรคร้าย”
และข่าวฮ็อตส่งท้ายสัปดาห์ ข่าวแรก “ตรังร่วมหอการค้าไทย-จีน MOU” รุกเปิดชาเตอร์ไฟลต์นำนักท่องเที่ยว 5 เมือง เที่ยวตรัง
ข่าวที่สอง –“สายการบินเอมิเรตส์” อัดฉีดโปรซัมเมอร์ใช้ตั๋วบินแลกส่วนลดทั่วดูไบ/UAE
กว่า 100 แห่ง
ท่องเที่ยว –สิงห์บุรีเที่ยวใกล้เที่ยวง่ายชวนทัวร์ประวัติศาสตร์5พิกัด4วัด1ตลาด
เที่ยวง่าย
เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แนะนำให้ลองขับรถไป “สิงห์บุรี” เมือที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานโดดเด่นและยิ่งใหญ่ด้วยเรื่องราววีรกรรมการสู้รบของชาวบ้านบางระจัน
ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศาสนา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 1650 โดยพระเจ้าไกรสรราช โอรสของพระเจ้าพรหม หรือพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก
ผู้ครองเมืองชัยปราการ ทรงล่องเรือมาตามแม่น้ำ แล้วแวะพักขึ้นบกจุดตรงที่ตั้งเมืองสิงห์บุรีเดิม
คือ บริเวณริมฝั่งลำน้ำจักรสีห์ ตำบลจักรสีห์ ปัจจุบันคืออำเภอเมือง
เมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ราวปี พ.ศ. 2437 ได้จัดรูปแบบการปกครองเมืองระบอบมณฑลเทศาภิบาลใหม่
จัดตั้งมณฑลกรุงเก่า (มณฑลอยุธยา) ขึ้น จากนั้นราวปี 2438
เมืองสิงห์บุรีถูกจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัด แล้วยุบเมืองพรหมบุรีกับเมืองอินทร์บุรีลงเป็นอำเภอ
พร้อมกับตั้งเมืองสิงห์บุรีขึ้นใหม่ตรงตำบลบางพุทรา ส่วนสิงห์บุรีเดิมยุบเป็นอำเภอสิงห์กระทั่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นอำเภอบางระจัน
สามารถไปเที่ยว 5 พิกัด 4 วัด 1
ตลาด ได้ดังนี้
พิกัดที่
1 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับวัดโบสถ์
ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดโบสถ์ ในฐานะแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์วัดโบสถ์
ก่อตั้งโดยอดีตเจ้าอาวาสวัด “พระเทพสุทธิโมลี”
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีและอุทัยธานี ตั้งใจรวบรวมและจัดเก็บโบราณวัตถุพร้อมได้รักษาไว้ตั้งแต่ปี
2483
เมื่อมีจำนวนโบราณวัตถุเพิ่มขึ้นและทุกชิ้นล้วนถูกต้องตามหลักวิชาการ
เจ้าอาวาสได้ส่งมอบให้กรมศิลปากร พร้อมขออนุมัติเปลี่ยนชื่อเป็น
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี” ทำเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ด้านประวัติศาสตร์และโบราณวัตถุสำคัญ
ส่วนมากขุดพบจากแหล่งโบราณคดีบ้านคูเมือง แหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย และมีเครื่องประดับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์
พัดยศ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ จัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ มีอาคารทั้งหมด 2 หลัง ให้ชมได้ใน 4 ห้องหลัก
พิกัดที่
2 วัดพระนอนจักรสี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
ตั้งอยู่ที่ตำบลจักรสีห์ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 06.00-17.00 น. สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ความยาว 47 เมตร 42 เซนติเมตร
และมีพุทธลักษณะตามแบบศิลปะสุโขทัยแสนงดงาม โดยพระพักตร์หันไปทางทิศเหนือซึ่งสันนิษฐานว่าท้าวอู่ทองเป็นผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น
ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ยังเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองสิงห์บุรี
ผู้คนนิยมไปกราบสักการะ เมื่อ 9 ตุลาคม 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์
ยังความปลาบปลื้มให้แก่ชาวเมืองสิงห์บุรี และทำให้วัดพระนอนจักรสีห์กลายเป็นปูชนียสถานอันล้ำค่าทางพุทธศาสนา
ภายในวัดยังมี
“พระกาฬ” พระพุทธรูปศิลาลงรักปิดทอง และพระแก้ว เป็นพระหล่อนั่งขัดสมาธิเพชร ด้วยพุทธศิลป์งดงาม
มีทั้งพระกาฬและพระแก้วสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงใช้เป็นพระประธานในการถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ด้านหน้าวิหารมีต้นสาละสุดอลังการแวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกได้
โทรสอบถามที่ 0 3652 0251, 0 3654 3415
พิกัดที่ 3 วัดโพธิ์เก้าต้น ตั้งอยู่หมู่ 8 ตำบลบางระจัน ตรงข้ามอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน
หรือ วัดไม้แดง
ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากอดีตเมื่อครั้งชาวบ้านบางระจันสละเลือดเนื้อปกป้องบ้านเมือง
วัดนี้จึงมีความเก่าแก่ ศักดิสิทธิ์ และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์น่าสนใจ
กรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนวัดเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ปี 2498 สมัยก่อนชาวบ้านพากันเรียก
“วัดไม้แดง” เพราะภายในวัดมีต้นไม้แดงขึ้นจำนวนมาก
และมีความเชื่อกันว่าไม้แดงเหล่านี้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดกล้าตัดทำลาย และมีต้นไม้อายุกว่า
200 ปียืนต้นตายภายในวัดด้วยนั่นเอง
“วัดโพธิ์เก้าต้น”
มีความสำคัญในอดีตแท้จริง เมื่อครังอดีตชาวบ้านบางระจันเคยใช้สถานที่มั่นการสู้รบกับกองทัพพม่าที่ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
เมื่อปี 2308 ส่วนปัจจุบันได้สร้างค่ายจำลองไว้บริเวณหน้าวัด
แนะนำนักท่องเที่ยวเดินชมภายในวัด
มีวิหาร พระอาจารย์ธรรมโชติ หรือหลวงพ่อยิ้ม พระผู้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านยามศึกสงคราม
จวบจนทุกวันนี้ชาวสิงห์บุรียังเคารพบูชา เพราะเชื่อว่าหากมาบนบานกับรูปประติมากรรมพระอาจารย์ธรรมโชติ
เมื่อได้สิ่งที่ปรารถนาแล้วต้องมาแก้บนด้วยการหาบน้ำมาเติมลงสระน้ำพระธรรมโชติ
ตามจำนวนที่ผู้ขอพรไว้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอค่ายบางระจัน โทร. 0
3659 7251
พิกัดที่
4 ตลาดบางระจัน เปิดชมฟรี
ทุกบริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ต่อเนื่องเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-17.00
น. เป็นตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์เก้าต้น
ตลาดแห่งนี้จำลองบรรยากาศของค่ายบางระจัน และร่มรื่นด้วยพรรณไม้
มีการจัดแต่งซุ้มจำหน่ายสินค้าด้วยวัสดุธรรมชาติในรูปแบบพื้นบ้าน
ชาวบ้านแต่งกายย้อนยุคแบบชาวบ้านบางระจันในสมัยอยุธยามาจำหน่ายสินค้า
และเจรจากับลูกค้าด้วยคำพูดว่าขอรับและเจ้าค่ะ
มีสถานที่จอดรถรองรับได้ประมาณ 500 คัน
สอบถามข้อมูลได้ที่ คุณนุกูล โปรยเงิน โทร. 09 1765 6556
พิกัดที่
5 วัดพิกุลทอง เปิดทุกวัน 08.00-16.30 น.
เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวบ้านตำบลพิกุลทอง น่าจะเป็นเพราะความเลื่อมใสในหลวงพ่อแพ
(พระเทพสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี) อดีตเจ้าอาวาส
ซึ่งเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งที่ทำประโยชน์ต่อพุทธศาสนามากมาย
ทำให้วัดสวยงามอยู่ตลอดเวลา จนชาวบ้านพากันเรียกวัดนี้อีกชื่อหนึ่งว่า
"วัดหลวงพ่อแพ" ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อแพ
ที่ตั้งอยู่ภายในวัดซึ่งจัดแสดงเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อแพและเครื่องอัฐบริขารของท่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เมื่อไปถึงแล้วต้องห้ามพลาดชม
“พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี หรือ หลวงพ่อใหญ่”
พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก สูง 21 วา 1 คืบ 3 นิ้ว
ภายในเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยโมเสกทองคำธรรมชาติชนิด 24เค รอบพระวิหารใหญ่ยังมีวิหารคตซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันต่าง ๆ
และพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ และด้วยบรรยากาศภายในวัดมีความร่มรื่น สะอาดสะอ้าน
ทุกสุดสัปดาห์หรือวันหยุดต่าง
ๆ จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตลอด โทร.สอบถามได้ที่ 0
3654 0046, 0 3642 2768-9
สุขภาพ
–“เกิดรอยช้ำ”อย่านิ่งนอนใจอาจเป็นสัญญาณบอกโรคร้ายแรงได้
ในทางการแพทย์
ให้คำแนะนำว่า “รอยช้ำตามร่างกาย” อย่าปล่อยไว้นาน
เพราะอาจเป็นสัญญาณบอกโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
เสี่ยงเสียชีวิตได้ หากอยู่ดี ๆ ร่างกายก็มีรอยช้ำ
บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารอยช้ำเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรือไปโดนอะไรมาก
รู้ตัวอีกทีคือเจ็บหรือรอยช้ำมีสีเข้มมากแล้ว
นายแพทย์อิศรา
อนงค์จรรยา อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายถึง รอยช้ำเกิดขึ้นได้ทั้งจากอุบัติเหตุและโรค
ได้ 9 สัญญาณดังนี้
1.อุบัติเหตุหรือกระแทกสิ่งของ หากรอยช้ำเป็นรอยเขียวและเป็นรอยช้ำเพียง
1-2 จุด เฉพาะที่บนร่างกาย
กดลงไปแล้วมักจะเจ็บเบา ๆ อาจเป็นรอยฟกช้ำธรรมดาที่เราเดินไปชนสิ่งของหรือเดินไปกระแทกกับของแข็งโดยไม่รู้ตัว
2.อายุที่มากขึ้น ผิวหนังจะบางลง
ไขมันและคอลลาเจนที่ช่วยปกป้องเส้นเลือดก็ลดลงตามไปด้วย
ทำให้เส้นเลือดเปราะบางและแตกง่าย จึงเกิดเป็นรอยคล้ำเมื่อเลือดออกที่ผิวหนัง
3.ขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซีและเค
วิตามินซีอาจจะขาดจากทานผลไม้ไม่พอ
และวิตามินเคอาจเกิดจากได้รับยาฆ่าเชื้อติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้เลือดออกได้ง่าย
จุดเลือดออกหรือจ้ำเลือดเกิดได้ทั่วร่างกาย
หากปล่อยไว้นานอาจรุนแรงขึ้นจนมีเลือดออกในอวัยวะสำคัญได้
4.ใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผลข้างเคียงจากยาอาจทำให้เส้นเลือดฝอยเปราะบางและแตกง่าย
จนเกิดรอยช้ำตามร่างกายได้บ่อยครั้ง
5.เกล็ดเลือดต่ำหรือเกล็ดเลือดทำงานผิดปกติ รอยช้ำมักจะเห็นได้ตามผิวหนังตื้น ๆ อาจเจอได้ชัดตามข้อพับ
เกล็ดเลือดต่ำเกิดได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่ยาที่รับประทานไปจนถึงมะเร็ง
หรือไขกระดูกฝ่อ ซึ่งต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้การรักษาที่เหมาะสม
6.ขาดโปรตีนแฟคเตอร์8 หากเป็นตั้งแต่กำเนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรมเรียกว่าโรคฮีโมฟิเลีย
แต่อาจถูกกระตุ้นจากโรคอื่น ๆ ได้ด้วย
ทำให้การแข็งตัวของเลือดลดลงจนเกิดภาวะเลือดออกง่ายแต่หยุดยาก
และเกิดรอยฟกช้ำจ้ำใหญ่ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่มักจะมีเลือดออกค่อนข้างรุนแรง
ตามการขาดโปรตีนแฟคเตอร์
7.โรคไขกระดูกบกพร่อง เกิดจากเกล็ดเลือดต่ำเพราะร่างกายสร้างได้ไม่ปกติ
ทำให้มีรอยจ้ำหรือรอยช้ำเลือดตามร่างกาย เลือดออกง่าย เช่น เลือดกำเดา
เลือดออกในช่องปาก
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอาจกลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
8.มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย เป็น 1
ใน 10 โรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย
จะเกิดขึ้นในไขกระดูกซึ่งเป็นแหล่งผลิตเม็ดเลือด โดยเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนเติบโตมากผิดปกติและไม่สามารถกลายเป็นเม็ดเลือดที่สมบูรณ์ได้
จนไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติชนิดอื่น ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อง่าย อ่อนเพลีย
เลือดออกง่ายผิดปกติ และเกิดจ้ำเลือดตามร่างกาย
หากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วและถูกวิธีอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ง่าย
9.ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
มักแป็นบริเวณขาและเกิดรอยจ้ำเขียว รู้สึกปวดร่วมกับมีอาการบวม
แต่ถ้าลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันที่ปอดอาจทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอก ไอ ไอปนเลือด
เวียนศีรษะ หายใจถี่และหมดสติ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตรอยช้ำที่ไม่เป็นอันตรายส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นและค่อย
ๆ จางหายไปเองใน 3 – 7 วัน และมักจะเป็นเฉพาะที่
แต่หากเป็นนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือรอยช้ำมีสีเข้มขึ้น
หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคร้ายแรงได้
ดังนั้น
ควรสังเกตร่างกายตัวเองอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำหรืออาการอื่น
ๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
-ตรังร่วมหอการค้าไทย-จีนMOUรับเช่าเหมาลำทัวร์จีนเริ่ม1ต.ค.66
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ทางจังหวัดตรังกับหน่วยงานรัฐจับมือเอกชน สภาหอการค้าไทย
สมาคมการค้าชายแดนจีนตอนใต้ นำผู้ประกอบการการท่องเที่ยวไทย-จีน ลงนามบันทึกความร่วมมือ
(MOU)
เตรียมแผนต้อนรับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter flight) นำนักท่องเที่ยว จาก 5 เมืองใหญ่ เช่น คุนหมิง
เฉินตู ฉงชิ่ง กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน มากับเที่ยวบินตรง ไป-กลับ
สาธารณรัฐประชาชนจีน-สนามบินนานาชาติตรัง เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม
2566 เป็นต้นไป
ระยะแรกจะใช้อาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบันรองรับไปก่อน
ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องทำงานตามมาตรฐานสนามบินสากล คือ
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร
และเจ้าหน้าที่ด่านกักกันพืชโรคและสัตว์ เนื่องจากขณะนี้สนามบินตรังกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่จะเปิดใช้ปี
2567
โปรแกรมของท่องเที่ยวจีนในจังหวัดตรัง
เบื้องต้นจะเป็นแพกเกจ 5 วัน 4 คืน ประกอบด้วย พักค้างคืนบนเกาะและชายหาดที่ได้รับความนิยมอย่างเกาะกระดาน
คนรู้จักในฐานะสถานที่จัดวิวาห์ใต้สมุทร และนั่งรถตุ๊ก ๆ ชมรอบตัวเมืองตรัง เที่ยวต่อเนื่องไปยัง
3 อำเภอ นาโยง นาหมื่นศรี และกันตัง ซึ่งมีไฮไลต์สถานีรถไฟกันตัง
บ่อนํ้าร้อนควนแคง และอื่น ๆ
สำหรับการท่องเที่ยวเกาะกระดาน
ทางจังหวัดตรังตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับการบริหารจัดอย่างเป็นระบบเพื่อให้สร้างมาตรฐานบริการที่ดีมีคุณภาพ
โดยเน้นจัดระเบียบคัดเลือกเรือโดยสารถูกต้องกฎหมายเข้าออกเกาะ จัดโซนนิ่งสถานที่จอดเรือ
จัดให้บริการนักท่องเที่ยวลงเล่นนํ้า ชมปะการัง เรื่อยไปจนถึงการจัดการขยะ
วางทุ่นหรือสะพานเทียบเรือลอยนํ้าสร้างความปลอดภัยป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ข่าวที่สอง -“เอมิเรตส์แอร์”จัดโปรซัมเมอร์โชว์ตั๋วบินลดทั่วดูไบ/UAE100แห่ง
สายการบินเอมิเรตส์ รายงานว่า ลงทุนทำโครงการ My Emirates Summer Pass กระตุ้นการท่องเที่ยว
ด้วยข้อเสนอและส่วนลดสุดพิเศษทั่วดูไบ และเมืองอื่น ๆ ทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กว่า 100 แห่ง ต่อเนื่องตลอดฤดูร้อน 5 เดือนตั้งแต่พฤษภาคม-
30 กันยายน 2566
โดยให้สิทธิพิเศษ
“ผู้โดยสาร/นักเดินทาง”
ที่ซื้อตั๋วโดยสารสายการบินเอมิเรตส์สามารถแสดงตั๋วเครื่องบินแบบกระดาษและ E-Ticket ทั้งการเข้าไปดูไบหรือแวะพักเครื่องที่สนามบินดูไบ
แสดงเอกสารยืนยันตัวตนตาม ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ หรือสปาสุดหรู
ก็จะได้รับส่วนลดสุดพิเศษตามเงื่อนไขทันที
ขณะนี้สายการบินเอมิเรตส์
กลับมาให้บริการสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกมากกว่า 130 แห่ง ใน 6 ทวีป โดยเฉพาะ ไป-กลับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ -ประเทศไทย มีเที่ยวบิน
ดูไบ-กรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 28 เที่ยว และดูไบ-ภูเก็ต สัปดาห์ละ 14 เที่ยว
ส่วนขั้นตอนการใช้โปรโมชั่นส่วนลดตลอดทริปท่องเที่ยวดูไบ
พฤษภาคม-30 กันยายน 2566 ประกอบด้วย 1.เช็คอินทางออนไลน์และดาวน์โหลดตั๋วโดยสารลงในแอปพลิเคชันของสายการบินเอมิเรตส์
หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล 2.เก็บภาพตั๋วโดยสารไว้ใช้แสดงตามจุดร่วมรายการ
เนื่องจากตั๋วดังกล่าวอาจจะหายไปจากแอปเมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง
ทางดูไบยังมีข้อเสนอจาก
“My Emirates
Pass” ได้ร่วมกับพันธมิตร ห้างสรรพสินค้าแหล่งบันเทิง ตอนนี้กลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบ
ทั้งกิจกรรมวัฒนธรรมต่าง ๆ การแสดงโชว์พลุสุดอลังการ แจกรางวัลแบบจัดเต็ม และอื่น
ๆ มากมาย ที่จะจัดขึ้นในดูไบ ไฮไลต์ 29 กรกฎาคม -3 กันยายน 2566
โดยแนะนำนักเดินทาง นักท่องเที่ยว
เลือกใช้บริการเพื่อเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวใน “ดูไบ” สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ช่องทางดังนี้
ช่องทางที่
1 Dubai
Experience เข้าไปค้นหา วางแผน และจองโปรแกรมการท่องเที่ยวครอบคลุมตั้งแต่เที่ยวบิน
ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ร้านอาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านทาง Dubai
Experience ของเอมิเรตส์ พร้อมรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย
ช่องทางที่
2 Emirates
Holidays สามารถจองโปรแกรมท่องเที่ยววันช่วงหยุดที่ดูไบ ผ่านเว็บไซต์
Emirates Holidays มีบริการครอบคลุมเปลี่ยนแปลงการจองด้วย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกวันหยุดสุดพิเศษ
ด้วยบริการ 24/7 On Holiday Service team เพื่อช่วยเหลือให้ทุกคนได้รับความสบายสูงสุด
ช่องทางที่
3 Skywards Partners สมาชิกของ Loyalty
Program 'Skywards' จากสายการบินเอมิเรตส์สามารถรับไมล์สะสมได้ทุกวันขณะท่องเที่ยวเมื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าตามร้านค้าต่าง
ๆ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และยังใช้ไมล์สะสมดังกล่าวแลกรับตั๋วโดยสาร
เรื่อยไปจนถึง อัพเกรดที่นั่ง หรือชั้นโดยสาร แลกบัตรคอนเสิร์ต บัตรเข้าชมงานกีฬามากมาย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Emirates Skywards
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น