ททท.นำ“นคราธานี”อีสาน3จังหวัดรายได้ครึ่งแรกปี’66โตเกินเป้า
“อุดร-หนองคาย-บึงกาฬ”กวาดรายได้ม.ค.-มี.ค.66กว่า2.7พันล้าน
ปี’67งัดจุดขาย“กินแล้วได้ไหว้แล้วปัง”ปลุกเทรนด์ตลาดใหม่5สาย
คิงเพาเวอร์ต้อนรับAlexanderwangเปิดช้อปใหม่แห่งแรกที่รางน้ำ
3วันสุดท้ายช้อปที่คิง
เพาเวอร์ลด3สนามบินไอเทมใหม่3แบรนด์
ททท.ผนึกVisaWorldwideรุก MOUดันปีเที่ยวไทยตลาดปัง4เรื่อง
บางจาก-SMEBankทุ่ม2.5หมื่นล้านหนุนSMEลงทุนในปั๊มทั่วไทย
เที่ยวอุทยานธรรมเขานาในหลวงUnseenNewChaptersสุราษฎร์ฯ
แว่นกันแดดตัวช่วยปกป้องดวงตาและ4วิธีเลือกคุณภาพให้เหมาะ
“OYO”ผนึกโรงแรมพันธมิตรทั่วไทยนำ6เดือนแรกรายได้โตเร็ว2เท่า
กระทรวงแรงงานจัด“Job Expo2023”นำ395บริษัทเฮรับ5แสนคน
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #เที่ยววัดธรรมเขาในหลวงสุราษฎร์ธานี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/kOANB-jt-h/
ช่วงที่ 1 เที่ยวปังนคราธานี กับ “ธนภร พูลเพิ่ม
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี
ครึ่งปีแรกโกยรายได้ทะลุเป้า ม.ค.-มี.ค.66 กวาด 2,772 ล้านบาท รุกจัดทัพใหญ่อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน
“นคราธานี” อุดรธานี-หนองคาย-บึงกาฬ” เจาะตลาดมาแรง 5 สาย
“มูเตลู-ศรัทธา-ธรรมชาติ-ครอบครัว-ผู้สูงวัย” ขาย 5 เส้นทางปังสุด “บึงกาฬ” ไฮไลต์ 2 แห่ง ถ้ำนาคา วัดป่าเมืองเหือง “อุดร” 2 แห่ง พิพิธภัณฑ์พระธาตุพระอริยสงฆ์ไทย และชุมชน
“หนองคาย” เด่นสุด 1 แห่ง
แสงธรรมวัดเทพพลประดิษฐาราม พร้อมทำ The Link “เอาข้าวหลาม มายามข้าวจี่” กับเมืองพัทยา
ส่วนแผนปี’67 งัดขายธีม
“กินแล้วได้ ไหว้แล้วปัง” ต่อยอดสินค้าอาหารถิ่น ที่พักโรงแรม
และพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นางธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าขาย “อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน” หรือ Green Season “นคราธานี” ซึ่งมีพื้นที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในความรับผิดชอบ 3 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ พุ่งเป้ากระตุ้นนักท่องเที่ยว 5 ตลาดหลัก 1.สายมูเตลู 2.สายศรัทธา 3.สายธรรมชาติ 4.ครอบครัว 5.ผู้สูงวัย ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามความชื่นชอบ ขณะนี้มีเที่ยวบินตรงเข้า-ออก อุดรธานี วันละ 54 เที่ยวบิน โดยมีทั้งต่างชาติและคนไทย ตัวอย่างการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงของนักท่องเที่ยวจีนมาทางรถไฟความเร็วสูงผ่านหนองคายเดินทางต่อมายังอุดรธานีเพื่อขึ้นเครื่องไปเที่ยวเมืองไทยต่อในกรุงเทพฯ พัทยา และภาคอื่น ๆ
สามารถสร้างกระแสการเที่ยวข้ามภาคทั้งคนไทยและต่างชาติเดินทางได้สะดวกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมตามปีงบประมาณ 2566 ตลอดครึ่งปีแรก ระหว่าง 1 ตุลาคม 2565-30 มีนาคม 2566 พื้นที่ท่องเที่ยว “นคราธานี” ประสบความสำเร็จทำรายได้เติบโตทะลุเป้าหมาย
ตามข้อมูลสรุปของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยว 3 เดือนแรก มกราคม-มีนาคม 2566 การกระจายการท่องเที่ยวในอีสานทั้ง 3 จังหวัด โดยสามารถสร้างรายได้รวมไว้แล้วไม่น้อยกว่า 2,772 ล้านบาท จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 1.646,457 ล้านคน
ททท.จึงเดินหน้าเร่งนำเสนอขายสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน จะเริ่มเปิดอย่างคึกคักต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกสาย นำร่องด้วย “สายมูเตลูและสายศรัทธา” เริ่ม มิถุนายนนี้ 2 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 “ถ้ำนาคา” อุทยานห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ที่สุดแห่งศรัทธา ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป จะกลับมาเปิดให้บริการท่องเที่ยวได้ตามปกติหลังจากปิดปรับปรุงฟื้นฟูธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว ทางอุทยานแห่งชาติฯ มีข่าวดีประกาศเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นวันละ 1,000 คน จากเดิมให้เพียงแค่วันละ 700 คนเท่านั้น การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวมี 2 ช่องทาง คือ ช่องทางแรก เข้าไปลงทะเบียนทางแอพลิเคชั่น QueQ ช่องทางที่ 2 วอล์คอินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังอุทยานแล้วซื้อบัตรโดยไม่ต้องจองล่วงหน้าได้ เพื่อผ่อนคลายตามสถานการณ์โควิดปัจจุบัน แต่ยังคงรักษาใช้กฎเข้มด้านมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ก่อนเดินทางแนะนำไปเข้าไป portal.dnp.go.th หรือโทร.081-725-2684, 084-792-3505
เส้นทางที่ 2 วัดป่าเมืองเหือง อ.เมือง จ.บึงกาฬ เชื่อมต่อจากถ้ำนาคา ล่าสุดได้รับการเสนอชื่อเป็น Unseen New Chapters มีพระพุทธรูปหน้าทอง ให้สักการะ พร้อมพระอุโบสถสีทอง และปู่ย่าให้กราบไหว้ขอพร
“นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ” ที่ชื่นชอบความเย็นสีเขียวรอบตัวแนะนำ 1 เส้นทาง “น้ำตกกินรี” อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นจุดเช็คอินกลางป่า เย็นชุ่มฉ่ำ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนต้นไม้ป่า และต้นมอสจะขึ้นตามโขดหินธรรมชาติสวยงามมาก ซึ่งจะหินลักษณะเป็นรูปโลมา พ่อ-แม่-ลูก ตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
“นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและผู้สูงวัย” ขณะเดียวกันก็ได้จัดเตรียมแหล่งท่องเที่ยวรองรับโดยจะเน้นท่องเที่ยอย่างรับผิดชอบ เที่ยวง่าย สะดวกสบาย 3 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 การท่องเที่ยวในชุมชุม นำร่องโดยนครอุดรธานี
นำเสนอ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี สามารถชิมอาหารถิ่น อย่าง
น้ำดื่มสมุนไพรกับชาดอกจานซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด รวมทั้ง
“ข้าวจี่”สูตรดั้งเดิมต้นตำรับ มีเนื้อหาเล่าเรื่องราว มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมทำ
D.I.Y.สูตรวิถีพื้นบ้านข้าวจี่สูตรใส่เกลือธรรมดา
กระทั่งพัฒนาฟิวชั่นชุบฟักทองและสารอาหารอื่น ๆ ขณะนี้มีชุมชนบ้านเดื่อ ชุมชนประโค
สร้างสรรค์ขายการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์และยั่งยืน สามารถเดินทางเข้าไปได้ทุกวัน
หรือจะจองล่วงหน้าเพื่อให้ชุมชนได้จัดเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมต้อนรับความความต้องการ
เส้นทางที่ 2 พิพิธภัณฑ์พระธาตุพระอริยสงฆ์ไทย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี
สถานที่เก็บอัฐิพระเกจิในอีสานและทั่วเมืองไทยทั้งหมด
โดยมีคุณขรณีเก็บสะสมมาเรื่อย ๆ กระทั่งไปปรึกษากับพระเกจิท่านหนึ่งแนะนำให้จัดทำสถานที่ขึ้นมาเพื่อให้เผยแพร่ให้คนอื่นมาร่วมบุญด้วย
ปัจจุบันมีกิจกรรมพระเกจิอาจารย์ในวันสำคัญทางศาสนา
เป็นที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานของเยาวชน และผู้ใหญ่ ร่วมกันด้วย เป็นอีก 1
Unseen New Chapters ที่ได้รับการเสนอชื่อให้คนทั้งประเทศเข้ามาร่วมโหวต
ตอนนี้คะแนนอยู่อันดับ 6
ของเสียงโหวตทั้งหมด
เส้นทางที่ 3 วัดเทพพลประดิษฐาราม (วัดสิริเทพพล) ต.เวียงคุก อ.เมือง จ.หนองคาย
อายุกว่า 100 ปี
ช่วงเปิดวัดเปิดโบสถ์จะเห็นแสงทองส่องมายังพระพุทธรูป จึงเรียกกันว่า “แสงธรรม”
จึงจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีคนทุกกลุ่มสามารถเดินทางมาได้ตลอดทุกวัน
สำหรับสถิติการท่องเที่ยวในอีสาน
ระหว่างมกราคม-มีนาคม 2566
มีการกระจายท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด ประกอบด้วย
“จังหวัดอุดรธานี”
มีรายได้ 1,689.31 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 37.17 % ใช้จ่ายเงินเฉลี่ย
1,851.67 บาท/คน/ทริป
ลดลง 4.09 % จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน
912,317 คน-ครั้ง
เพิ่มขึ้น 44.24 % มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย
64.81 % เพิ่มขึ้น 20.79
%
“จังหวัดหนองคาย”
มีรายได้ 839.43 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 48.28 % ใช้จ่ายเงินเฉลี่ย
1,511.38 บาท/คน/ทริป
เพิ่มขึ้น 11.72 % จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน
555,408 คน-ครั้ง
เพิ่มขึ้น 32.72 % มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย
65.69 % เพิ่มขึ้น 20.20
%
“จังหวัดบึงกาฬ”
มีรายได้ 243.37 ล้านบาท ลดลง 0.54
% ใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 1,361.65 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้น 7.91 % จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 178,732 คน-ครั้ง ลดลง 7.83 % มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 52.59 % ลดลง 2.09 %
ผอ.ธนภร
กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งแต่กรกฎาคม-กันยายน
2566 เดินหน้าทำ
“โครงการ The Link” ตามคอนเซปต์ Local
to Local ในชื่อแคมเปญ
“เอาข้าวหลาม(พัทยา) มายามข้าวจี่ (อีสาน)” ระหว่าง “นคราธานี 3 จังหวัด กับ พัทยา จ.ชลบุรี”
ตามพฤติกรรมความสนใจชาวอีสานชอบเที่ยวทะเล
ส่วนคนในพัทยาก็จะมาเที่ยวสายมูและสายธรรมชาติ
ด้วยกลยุทธ์การนำตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวกลุ่มซื้อ และสื่อต่าง ๆ
มาจับคู่เจรจาซื้อขายพร้อมกับลงสำรวจพื้นที่เพื่อนำกลับไปรีวิวกระตุ้นคนสนใจมาเที่ยวแลกเปลี่ยนข้ามภาค
ทำให้เกิดจุดขายใหม่ ได้แก่ 1.เส้นทางการท่องเที่ยว
2.การจัดกิจกรรมเพื่อสื่อให้ทุกคนเห็นภาพการท่องเที่ยวสะดวกสบายสามารถเดินทางข้ามภาคได้ง่ายมาก
ขณะนี้พื้นที่
“นคราธานี” ยังได้ทำแผนการตลาดท่องเที่ยวปี 2567 ต่อยอดทำแคมเปญ “กินแล้วได้ ไหว้แล้วปัง” รองรับ
2 กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มครอบครัวและผู้สูงวัย โดยจะเพิ่มกิจกรรมในชุมชนมากขึ้น จากปี 2566 ชูขาย “มูกลางคืนก็ปัง มูกลางวันก็เฮง”
พร้อมกับรณรงค์ทำกิจกรรมรักษ์โลก ตอบโจทย์กลุ่ม Gen Y จำนวนมาก และได้รับสนใจและติดตลาดมากพอสมควร
ส่วนแคมเปญใหม่ “กินแล้วได้” นำจุดเด่นอาหารถิ่นมาผสมผสานการส่งต่อประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมาย
(meaningful travel)
ให้กับนักท่องเที่ยว ด้วยคอนเซ็ปต์ “กินดี-อยู่ดี -พลังดี”
อาหารอร่อยมีที่พักสะดวกสบายและพลังจากการไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิงเพาเวอร์ต้อนรับAlexanderwangเปิดช้อปใหม่แห่งแรกที่รางน้ำ
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ต้อนรับพันธมิตรใหม่ “alexanderwang : อเล็กซานเดอร์ หวัง” NOW OPEN @ King
Power Rangnam เปิดช็อปแห่งใหม่
ด้วยไอเทมสุดชิคจากรันเวย์และคอลเลคชั่นล่าสุดพร้อมบริการนักช้อปแบบเอ็กซ์คลูซีฟในรูปแบบสินค้าดิวตี้
ฟรี ช้อปสนุกกับทุกความเป็นไปได้ทุกวันที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่ 10.00 – 20.00 น.
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย ระบุว่า ร้านค้าเดี่ยวแบรนด์
Alexander Wang แห่งแรก ซึ่งเป็นแฟลกชิพสโตร์ เปิดอยู่ในย่าน โซโห โลเวอร์แมนฮัตตัน มาตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 ต่อมาปี 2555 ทาง Women's
Wear Daily รายงานเจ้าของแบรนด์คือ “หวัง” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้กำกับครีเอทีฟ
(Creative Director) ของ Balenciaga โดยมีหน้าที่ดูแลไลน์เครื่องแต่งกายบุรุษ
สตรี และเครื่องประดับตกแต่งแบบพร้อมสวม (Women's and Men's ready-to-wear
and accessories lines) ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่น Fall-Winter 2013
ของ Balenciaga เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ที่ซาลอนส์ (salons)
เก่าแก่ของ Balenciaga เลขที่ 10 avenue George V, ปารีส ฝรั่งเศส
ต่อมาเมื่อ 13 เมษายน 2014 “หวัง”
ประกาศเป็นนักออกแบบคนถัดที่จะทำคอลเลคชั่นให้ H&M แบรนด์แฟชั่นค้าปลีกสัญชาติสวีเดน
เพื่อวางขายในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ประกอบด้วย
เครื่องแต่งกายบุรุษและสตรี รวมทั้งเครื่องประดับตกแต่งชิ้นดังที่เขาเลือก ข่าวนี้เปิดเผยผ่านทางหน้าอินสตาแกรมของหวังเอง
เมื่อ 31 กรกฎาคม 2015 Kering ได้ประกาศออกสื่อว่า
“หวัง” พร้อมลาออกจาก Balenciaga ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เป็นการยินยอมร่วมกันระหว่างแบรนด์กับหวัง
ปี 2559 “หวัง”
ขึ้นนั่งตำแหน่งซีอีโอและประธานของแบรนด์ Alexander Wang สืบทอดจากมารดา
และพี่สะใภ้ ในปีเดียวกันเขาได้รับเงินชดเชย90 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ จากการฟ้องร้องจำเลย
45 ราย ซึ่งบริหารเว็บไซต์จำนวน 459 แห่ง ซึ่งจำหน่ายสินค้าของปลอมเลียนแบบแบรนด์ของเขา
จำนวนเงินเหมือนเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่เขาต้องการรักษาไว้อย่างแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน
ข่าวที่
2 3วันสุดท้ายที่คิง เพาเวอร์ช้อปลด3สนามบินไอเทมใหม่3แบรนด์
คิง
เพาเวอร์ ให้อีก 3 วันสุดท้าย!
ห้ามพลาดช้อปก่อนบินรับส่วนลดสูงสุด 10 % เมื่อช้อปเครื่องสำอาง และน้ำหอม 7,000
บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ 28– 31 พฤษภาคม
2566 ที่ คิง เพาเวอร์ - สนามบิน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ตพบกับมหกรรมส่งเสริมการขาย
ที่ได้คัดสรรสินค้าแบรนด์ดังเข้าร่วมรายการ สามารถตรวจสอบได้ตรงจุดขายทุกสาขา แล้วยังใช้ร่วมกับส่วนลดสมาชิกคิง เพาเวอร์
เพียงแต่ยอดซื้อสินค้าส่วนต่างหลังหักส่วนลดไม่สามารถใช้กะรัตชำระค่าสินค้าซ้ำได้
พฤษภาคม
2566 มีสินค้าใหม่ ๆ
จากแบรนด์ดังมาให้เลือกเพิ่มอีกแล้ว ได้แก่ “Bobbi Brown” มาพร้อมกับ NEW Extra Lip Tint สูตรใหม่ช่วยบำรุงริมฝีปากเพิ่มความชุ่มชื่นนานขึ้น 24 ชม.
และยังช่วยเพิ่มสีสันให้ดูเป็นธรรมชาติให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีอยู่เสมอช้อปก่อนบินได้แล้วที่
คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์
มาเติมเต็มเพิ่มกับเซรั่มตัวดัง
กู้ผิวโทรม ปลอบประโลมผิวสวย ฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น ต้อง 2 แบรนด์นี้ “ชิเชโด” นำ SHISEIDO Ultimune Power Infusing
Concentrate และ “KIEHL'S” ชูผลิตภัณฑ์ Clearly
Corrective™Dark Spot Solution ช้อปง่าย ๆ
เป็นไปได้ทุกการเดินทางที่ kingpower.com และตรวจสอบสินค้าได้ที่จุดขาย
หรือ Contact Centre 1631
ข่าวที่ 3 ททท.ผนึกVisaWorldwideรุก MOUดันปีเที่ยวไทยตลาดปัง4เรื่อง
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้ลงนามข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท Visa Worldwide Pte. Ltd โดยมีนางแดเนียล จิน หัวหน้าฝ่ายการตลาด
วีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นตัวแทน เพื่อร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศกระตุ้นรายได้ปีท่องเที่ยวไทย
2566 หรือ Visit Thailand
Year 2023, Amazing New Chapters
เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกลไกที่นำมาใช้ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเชิงคุณภาพและบรรลุเป้าหมายเชิงรายได้มากกว่าเชิงปริมาณอย่างต่อเนื่องได้ด้วย
โดยเฉพาะการฟื้นกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศระยะใกล้และคนไทยที่มีศักยภาพใช้จ่ายสูง
นิยมการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
เยี่ยมญาติ/ครอบครัว โดยเฉพาะการชอปปิ้งสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ และช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า
ความร่วมมือกับทางวีซ่า ครั้งนี้ มุ่งสร้างเครือข่ายความมือกับพันธมิตรท่องเที่ยว
ผู้ประกอบการตามสร้างห่วงโซ่คุณค่า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สนับสนุนการทำกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มมีกำลังซื้อสูงและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ในกลุ่มตลาดระยะใกล้ ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 Co 1 Value 4
เรื่อง คือ
เรื่องที่
1 CO-Event ร่วมจัดงานและพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวร่วมกันผ่าน
2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.Amazing Thailand Grand Sale (ATGS) เพื่อส่งเสริมการชอปปิ้งและกระตุ้นการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย และ 2.ส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยให้เป็น
1 ใน 5 เมืองท่องเที่ยวด้านการชอปปิ้ง และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
(Health & Wellness Tourism) ระหว่างเดือนมีนาคม-กันยายน
2566
เรื่องที่ 2 CO-Communication
ประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวควบคู่กับซอฟท์ เพาเวอร์ (5F) เพื่อสร้างความรับรู้เจาะกลุ่มเป้าหมายเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย
เรื่องที่
3 CO-Increase Number
of Tourist กระตุ้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดศักยภาพที่มีอัตราฟื้นตัวได้ดี
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศระยะใกล้ เช่น จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์
ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร OTA (Online Travel Agent) และสายการบิน
เรื่องที่
4 Value Added by VISA เพิ่มโอกาสทางการตลาดเแก่ผู้ประกอบการในโครงการ และเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ถือบัตร
VISA เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการเดินทางจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ
ประการสำคัญยังจะสามารถปลุกกระแสเพิ่มจุดขายต้อนรับเทรนด์ใหม่จาก
“ตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Health & Wellness Tourism” กำลังซื้อซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์โควิด-19
คลี่คลายลง ทั้งคนไทยและต่างชาติหันมารักสุขภาพตัวเองมากขึ้น
รวมทั้งต้องการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ คาดหวังจะได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่า
แรงบันดาลใจ และค้นหาตัวตนผ่านการออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
ปี
2566 ททท.ตั้งเป้าหมายจะฟื้นการท่องเที่ยวกลับมาให้ได้ 80 % ของปี 2562 สร้างรายได้รวมสูงสุด 2.38 ล้านล้านบาท
จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 - 30 ล้านคน ด้วยรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ขานรับพฤติกรรมนักเดินทางนานาชาติหลังสถานการณ์โควิด-19
มุ่งแสวงหาสินค้าท่องเที่ยวและบริการที่มีความคุ้มค่าและมีคุณภาพจึงจะตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางใช้เงิน
นางแดเนียล จิน หัวหน้าฝ่ายการตลาด วีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ปี 2566 วีว่าได้เห็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเยือนประเทศไทยมากขึ้น และด้วยพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองหน่วยงานที่ได้ร่วมสร้างต่อเนื่องมาตลอด 2 ทศวรรษ พร้อมใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมด้านข้อมูล ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายวีซ่าที่มีอยู่ทั่วโลกวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ โดยหวังผลความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยก้าวไปข้างหน้า และสร้างเศรษฐกิจของประเทศเติบโตควบคู่กันไปในระยะยาว
วีซ่าได้นำเสนอรายงานด้านธุรกิจและเศรษฐกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั่วโลก
เมื่อปี 2565 กรุงเทพมหานคร
เป็นจุดหมายปลายทางหลักของเอเชีย แปซิฟิก มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทาง โดยใช้จ่ายเงินสูงกว่าปี
2562 ผ่านร้านค้า เพิ่มขึ้น
113 % และร้านอาหาร 74 % มีสัญญาณและแนวโน้มที่ดีในการกระตุ้นค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวของ
ททท.กับวีซ่า ที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ปี 2566 เป็นไปตามเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม
ข่าวที่ 4 บางจาก-SMEBankทุ่ม2.5หมื่นล้านหนุนSMEลงทุนในปั๊มทั่วไทย
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กลุ่มธุรกิจการตลาด
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) หรือ SME D Bank ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางด้านธุรกิจ
สนับสนุน ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise :
SME) ในสถานีบริการน้ำมันบางจากเข้าถึงเงินทุนนำไปใช้สร้างและขยายธุรกิจใหม่
ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยพัฒนาอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่ง SME หลายแบรนด์ล้วนมีศักยภาพ
รวมทั้งจะได้สร้างประโยชน์แบบวิน วิน 4
เรื่อง ประกอบด้วย
เรื่องแรก สร้างสรรค์ให้สถานบริการน้ำมันบางจากมีผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงครบวงจร
เรื่องที่ 2 สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีช่องทางขายสินค้าในทำเลที่ตั้งเข้าถึงกลุ่มตลาดลูกค้าได้มากขึ้น
เรื่องที่ 3 สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกวัยตามแนวคิด Greenovative
Destination for Intergeneration
เรื่องที่ 4 คู่ค้าบางจากฯ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
มีต้นทุนทางการเงินลดลง ซึ่งจะช่วยให้มีโอกาสลงทุนและขยายการเติบโตอย่างมั่นคง
ช่วงที่ผ่านมาบางจากฯ มีนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจโดยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนมายาวนาน
เช่น การนำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกลุ่มชุมชนมาเป็นของสมนาคุณลูกค้าผู้ใช้น้ำมันบางจาก
ร่วมสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทยช่วยให้สังคมไทยเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
ทั้งบางจากฯ และ SME D Bank ยังมีแผนร่วมกันจัดกิจกรรม Market
Place นำสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อยทั่วประเทศที่ผ่านการคัดเลือก
มาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันบางจากและจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Matching) เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศักยภาพในท้องถิ่น สามารถเปิดร้านในสถานีบริการน้ำมันบางจาก
ส่วนแผนงานในอนาคตของทั้ง 2 หน่วยงาน พร้อมจะร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ต่อเนื่องอีกหลายมิติ เพื่อร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์
รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
หรือ SME D Bank กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐมุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME
ไทยต่อเนื่อง ด้วยบริการทางการเงินควบคู่กับการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืน
และพร้อมสนับสนุนสินเชื่อต่าง ๆ วงเงินรวมกว่า 25,000 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษสุด เริ่มต้น 4.5% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุดถึง 15 ปี กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจอยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก
รวมถึงร้านค้าและซัพพลายเชน (supply chain) หรือผู้สนใจจะลงทุนเปิดร้านในสถานีบริการน้ำมันบางจาก
ให้มีเงินทุนไปขยาย ปรับเปลี่ยน ลงทุนขยายสาขา หรือเสริมสภาพคล่อง
ขณะเดียวกัน SME D Bank จะเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการแบบครบวงจรควบคู่กันไปด้วย
ผ่านโครงการ SME D Coach จัดโปรแกรมเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้
SME เป็นสมาชิกและคู่ค้าของบางจากฯ เช่น
โปรแกรมความรู้ด้านมาตรฐาน พัฒนาบรรจุภัณฑ์ บัญชี เตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน
และหลักการทำแฟรนไชส์
นายโมกุล กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือกับบางจากฯ ครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธนาคารเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการ
SME ได้อย่างกว้างขวาง เพราะบางจากฯ
มีเครือข่ายธุรกิจเกี่ยวโยงกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมาก บวกกับทำเลที่ตั้งสถานีบริการน้ำมันบางจากอยู่ในย่านชุมชน
สามารถส่งต่อคุณค่าสู่ชุมชนโดยรอบได้ด้วย ทำให้เกิดเงินหมุนเวียน กระจายรายได้
ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืน
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยเทรนด์ใหม่ Unseen New Chapters ขึ้นไปเขา “อุทยานธรรมเขานาในหลวง” อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี สักการะ “พุทธศิลาวดี” รอยพระพุทธบาท ชมสถาปัตยกรรมซุ้มประตู “พุทธวดี” แล้วมาลองฟัง “เลือกแว่นตากันแดด4วิธีปกป้องแสงUV” ตามด้วยข่าวฮ็อต ข่าวแรก “OYOนำโรงแรมไทย6เดือนแรกรายได้โต 2 เท่า” ข่าวที่สอง “กระทรวงแรงงานจัดใหญ่ Job Expo 2023” ระดม 395 บริษัทใหญ่รับสมัคร 5 แสนตำแหน่ง
ท่องเที่ยว
– เที่ยวอุทยานธรรมเขานาในหลวงUnseenNewChaptersสุราษฎร์ฯ
ออกเดินทางท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ เพื่อค้นหา Unseen New Chapters แห่งใหม่ที่
“อุทยานธรรมเขานาในหลวง” อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เป็นสำนักสงฆ์ที่มีความสงบร่มเย็นล้อมรอบด้วยบรรยากาศธรรมชาติแห่งขุนเขาแสนงดงาม
มีผู้คนนิยมเลือกเป็นจุดหมายปลายทางการ “ปฏิบัติธรรมและอบรมวิปัสสนากรรมฐาน” ซึ่งมีเจดีย์ลอยฟ้า
“พระพุทธศิลาวดี” ก่อสร้างด้วยศิลาแลงจากเมืองกำแพงเพชร
ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นดินเกือบ 300 เมตร
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
เสมือนเป็นศูนย์รวมความเชื่อและความศรัทธาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
พอถึงช่วงวันหยุดยาว แต่ละปีอุทยนธรรมเขานาในหลวงจะเต็มไปด้วยจำนวนผู้คนพากันเดินทางขึ้นเขามุ่งหน้ามากราบไหว้สักการะขอพร
เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเองและครอบครัว
ภายใน “อุทยานธรรมเขานาในหลวง” เต็มไปด้วยศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมต่าง
ๆ มีซุ้มประตูโบราณแบบ 9 ยอด ชื่อว่า “พุทธวดี” โดยเฉพาะยามเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบเข้ากับซุ้มประตูยามเช้า
นักท่องเที่ยวจะต้องตื่นตะลึงกับภาพอันสวยงามและน่าประทับใจมากที่สุด
ช่วงเช้านักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นเขาไปชื่นชม “ทะเลหมอกภาคใต้”
งดงามไม่แพ้ภาคเหนือ โดยมีปูชนียสถานสำคัญคือ “รอยพระพุทธบาท”
ปรากฏอยู่บนยอดเขาของอุทยานธรรมแห่งนี้ด้วย
เที่ยวไทยใน “อุทยานธรรมเขานาในหลวง” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์กลางอ้อมกอดธรรมชาติอันงดงาม
แห่งนี้ พร้อมต้อนนักท่องเที่ยวทุกคน ลองมาค้นหาความมหัศจรร์แล้วร่วมโหวตให้เป็น Unseen New Chapters ได้ตั้งแต่วันนี้
จนถึง 18 มิถุนายน 2566
สุขภาพ –แว่นกันแดดตัวช่วยปกป้องดวงตาและ4วิธีเลือกให้เหมาะ
การสวมแว่นกันแดดเป็นวิธีช่วยปกป้องสายตาจากรังสี
UV ในแสงแดดซึ่งอาจทำอันตรายต่อดวงตาได้ดี
แว่นกันแดดที่วางขายในปัจจุบันมีหลายรูปแบบและมีประสิทธิภาพปกป้องดวงตาได้ต่างกัน ดังนั้นการเลือกแว่นกันแดดจึงสำคัญต่อการปกป้องดวงตาจากแสงแดดในทุก
ๆ วัน
รังสี UV หรืออัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) คือพลังงานรูปแบบหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
โดยมีแหล่งกำเนิดหลักมาจากแสงอาทิตย์ รังสี UVแบ่งออกเป็น 3
ประเภท ซึ่งรังสี UVC จะถูกดูดซับด้วยโอโซนในชั้นบรรยากาศไม่สามารถผ่านเข้ามายังโลกได้
จึงมีเพียงรังสี UVA และ UVB สามารถเดินทางมาถึงชั้นโลกและมีผลกระทบต่อผิวและดวงตา
หากได้รับรังสี UV ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบผิวหนังและส่วนต่าง
ๆ ภายในดวงตา เช่น ม่านตา (Iris) จอตา (Retina) เลนส์ตา และกระจกตา
โดยบทความนี้จะชวนผู้อ่านมารู้จักกับประโยชน์ของแว่นกันแดดและวิธีเลือกสวมใส่อย่างเหมาะสม
“เคล็ดลับเลือกแว่นกันแดดเพื่อปกป้องดวงตา” เพราะรังสี UV มีอยู่ทุกที่และทุกสภาพอากาศ
เราจึงควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน โดยเฉพาะในช่วงกลางวันของฤดูร้อนที่ค่ารังสี
UV ในแสงแดดเข้มข้นกว่าช่วงเวลาอื่นหลายเท่าตัว
โดยข้อแนะนำในการเลือกแว่นกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องดวงตา มีดังนี้
1.เลือกแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี
UVA และ UVB ได้ 99–100% หรือแว่นที่ระบุว่า UV400 ซึ่งหมายถึงช่วงความยาวคลื่น
400 นาโนเมตร และสามารถป้องกันครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB โดยไม่จำเป็นต้องเลือกแว่นที่มีราคาแพง
2.เลือกกรอบแว่นกันแดดที่สวมใส่สบายและกระชับพอดีกับใบหน้า
มีเลนส์ขนาดใหญ่ปกคลุมผิวรอบดวงตา หากทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดหรือมีฝุ่นละออง ควรเลือกแว่นกันแดดที่โค้งปิดไปถึงขมับ
ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงแดดที่ลอดเข้ามาด้านข้างของแว่น และป้องกันฝุ่นละออง
3.เลือกแว่นกันแดดที่ทำจากเลนส์โพลาไรซ์ (Polarized Lenses) ซึ่งจะช่วยตัดแสงสะท้อนจากผิวถนนและผิวน้ำได้ ผู้ที่ทำศัลยกรรมดวงตา เช่น
การทำเลสิก ควรเลือกแว่นกันแดดที่ทำจากเลนส์นี้
4.เลือกสีของเลนส์ตามกิจกรรมที่ทำ เช่น เลนส์สีเทาเหมาะกับการขับรถ เลนส์สีน้ำตาลเหมาะกับการทำกิจกรรมในวันที่มีเมฆมาก
และกีฬากลางแจ้ง เช่น ตีกอล์ฟ ตกปลา และขี่จักรยาน
เลนส์สีเหลืองหรือส้มเหมาะกับการขับรถในวันที่มีหมอกหนา และการทำกิจกรรมตอนกลางคืน
สำหรับ เด็กอายุมากกว่า 6 เดือนก็ควรสวมแว่นกันแดดเช่นกัน เพราะเด็กมักทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย และผิวรอบดวงตาของเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่ ผู้ปกครองควรให้เด็กสวมแว่นกันแดดที่มีประสิทธิภาพป้องกันรังสียูวี เลนส์ กรอบและขาแว่นทำจากวัสดุที่ทนต่อรอยขีดข่วนและไม่แตกหักง่าย และมีขนาดพอดีกับใบหน้าของเด็ก
นอกจากการสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันแสงแดด ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงระหว่าง
10.00–16.00
น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แดดแรงที่สุดของวัน สวมหมวกปีกกว้างและทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
ต้อหิน และต้อกระจกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –OYOผนึกโรงแรมพันธมิตรไทย6เดือนแรกรายได้โตเร็ว2เท่า
นาย แอนคิด แทนดอน (Ankit
Tandon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ (CBO)
ระดับโลก
และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง OYO เปิดเผยว่า OYO เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านบริการระดับโลก
ในรอบ 6
เดือนแรก ระหว่างตุลาคม
2565-มีนาคม 2566 มีรายได้ (GBV : Gross Booking Value” ของโรงแรมพันธมิตรในไทย
เพิ่มขึ้น 2 เท่า เฉลี่ยต่อโรงแรมสูงขึ้นถึง 20,000
ดอลล่าร์ (ต.ค.22-มี.ค.23) จาก 10,000
ดอลล่าร์ เปรียบเทียบกับช่วงเดือนเมษายน-กันยายน 2565 ภูเก็ตทำรายได้สูงสุด
รองลงไปคือ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และพัทยา
ขณะนี้ OYO มีเครือข่ายในไทยกว่า
170
แห่ง กระจายตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และเมืองธุรกิจอย่างกรุงเทพฯ ระยอง ชลบุรี
นำเสนอห้องพักราคาประหยัดจนถึงพรีเมียม ส่วนผลประกอบการภาพรวมเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
เพราะ OYO นำเทคโนโลยีทันสมัยใช้ร่วมกับทางโรงแรมพันธมิตรเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าผู้ใช้บริการ โดยได้เพิ่มการมองเห็นในโฆษณาหาห้องพัก ผ่านแอพพลิเคชั่น
Co-OYO เปิดโอกาสให้โรงแรมต่าง ๆ
เสนอโปรโมชั่นส่งเสริมการขายช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักและรายได้
ทั้งเว็บไซต์และแอพลิเคชั่น OYO
ปัจจุบันมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ทั่วโลกกว่า
100 ล้านคน ล่าสุดเปิดบริการ “ชำระเงินที่โรงแรม” เพิ่มความสะดวกและยืดหยุ่นให้ผู้เข้าพักมากขึ้น
และนำเครื่องมือ OYO 360 ใช้ AI บริการใช้งานด้วยตัวเองแบบง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว คลิก 2 ครั้ง เพื่อลงทะเบียนบนแพลตฟอร์ม และกดครั้งเดียวโรงแรมก็พร้อมให้บริการได้ภายใน
30 นาที
OYO นำเครื่องมืออัตโนมัติ เช่น AI
chatbots เพื่อช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วยโปรแกรมเชื่อถือได้ สะดวกเมื่อต้องการการชำระเงินคืน
ส่วนลูกค้าเลือกใช้ค้นหาที่พักจาก OYO Platform ด้วยหลายปัจจัยทั้ง
คุณภาพที่พัก ราคาแข่งขันได้ แอพพลิเคชั่นใช้งานง่าย Platform OYO มีความเป็นส่วนตัว
และยืดหยุ่น ลูกค้าแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วด้วย บริการ OYO’s 24*7 chatbot –
Yo! Chat.และปัจจุบัน OYO
มีโรงแรมในไทยหลายแบรนด์ เช่น Capital O เป็นหมวดพรีเมี่ยม
และ OYO Rooms หมวดราคาประหยัด
นางสาว อรพิณ ศรีบุญเรือง
เจ้าของโรงแรม Winner Inn จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า
แคมเปญการตลาดเชิงกลยุทธ์ช่วยโรงแรมเพิ่มยอดรายได้เติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อ OYO เน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีต่อเนื่อง
และมีมาตรการเข้มงวดเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย ช่วยมอบประสบการณ์พิเศษแก่ผู้เข้าพักทุกคนอย่างสะดวกสบาย
ทั้งนี้ OYO เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเต็มรูปแบบช่วยเพิ่มรายได้และอำนวยความสะดวกให้บริการแก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักขนาดเล็ก มีผลิตภัณฑ์และ Solutions แบบบูรณากรกว่า 40 รายการ นำเสนอระบบการจองง่าย สะดวก
ราคาไม่แพง ลูกค้าทั่วโลกให้ความเชื่อถือสูง
ขณะนี้มีพันธมิตรโรงแรม บ้าน และที่พักรูปแบบต่าง ๆ ข้อมูล ณ วันที่ 30
กันยายน
2565 มีกว่า 1.7 แสนแห่ง จดทะเบียนแล้วใน 35 ประเทศ ทั้งอินเดีย ยุโรป และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข่าวที่สอง -กระทรวงแรงงานจัด“Job Expo2023”นำ395บริษัทเฮรับ5แสนคน
กระทรวงแรงงาน รุกจัดมหกรรมสมัครงานครั้งใหญ่ “Job Expo Thailand 2023” ดึงบริษัทชั้นนำทั่วเมืองไทย 395 แห่ง เปิดรับแรงงานใหม่ 500,000 อัตรา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คนไทยมีงานทำ คนหางาน งานหาคน” ชวนทุกเพศ ทุกวัย ทุกวุฒิการศึกษมาได้ตลอด 3 วัน 8-10 มิ.ย.66 ที่ไบเทคบางนา ฮอลล์ EH 100-102
นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์
ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เป็นเจ้าภาพจัด “Job
Expo Thailand 2023”
มหกรรมการจัดหางานครั้งใหญ่ระดับประเทศ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คนไทยมีงานทำ คนหางาน
งานหาคน” ระหว่าง 8 – 10
มิถุนายน 2566 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา Hall
EH 100 – 102 กรุงเทพมหานคร โดยมีเอกชนทั่วเมืองไทยกว่า 395 บริษัท
สนใจเข้าร่วมสรรหาบุคลากรเข้าทำงานไม่น้อยกว่า 500,000 อัตรา
คาดตลอดงาน 3 วัน
จะมีคนเข้าร่วมกว่า 50,000
คน สามารถตอบโจทย์เป้าหมายของกระทรวงมุ่งสร้างโอกาสให้ผู้สมัครงาน
ทั้งกลุ่มสำเร็จการศึกษาใหม่ ผู้ว่างงาน คนพิการ ผู้สูงอายุ หรือทุกคนที่ต้องการทำงานกับนายจ้าง
สถานประกอบการ ได้พบและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง สมัครได้ทุกช่วงวัย
ทุกระดับวุฒิการศึกษา
ทางกรมจัดหางานได้เชิญชวนบริษัทเอกชนเข้ามารับสมัครและสัมภาษณ์ผู้สมัครงานภายในงาน
พร้อมกับสัมภาษณ์งานออนไลน์ผ่านระบบ Zoom อำนวยความสะดวกให้คนหางานจากทั่วประเทศได้ด้วย
โดยมีบริษัทชั้นนำระดับประเทศและนานาชาติเข้าร่วมใน
“Job Expo Thailand 2023” เช่น
กลุ่มที่ 1 ค้าปลีก
ได้แก่ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท
เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ชิสเทม จำกัด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท
บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด บริษัท ฟอร์ท เวนติ้ง จำกัด บริษัท คอมเซเว่น จำกัด
(มหาชน) บริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด กลุ่มที่
2 ธุรกิจบริการแบบครบวงจร
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทย สมายส์ บัส จำกัด กลุ่มที่ 3 เทคโนโลยี ได้แก่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี
(ประเทศไทย) จำกัด และอื่น ๆ
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2023 ต่อเนื่อง 3 วัน ระหว่าง 8-10 มิถุนายน 2566 ได้ออกแบบพื้นที่จัดงานในศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา Hall EH 100 – 102 ทำกิจกรรมดึงดูดคนเข้ามาร่วมเพิ่มประสบการณ์ด้วยกิจกรรมที่เป็นประโยชน์รวม 7 โซน ประกอบด้วย
กิจกรรมที่ 1 จัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติศาสตร์แห่งพระราชา ศาสตร์แห่งความพอเพียง และโครงการจิตอาสา 904 โคก หนอง นา โมเดล กิจกรรมที่ 2 คนไทยไม่ทิ้งกัน คนหางาน งานหาคน กิจกรรมที่ 4 Job Matching Platform “ไทยมีงานทำ” กิจกรรม ถ รวมใจสร้างงาน สร้างอาชีพ กิจกรรมที่ 6 ส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำ
กิจกรรมที่ 7 ส่งเสริม พัฒนา คุณภาพแรงงาน และกลุ่มเปราะบาง ไทยไม่ทิ้งกัน ล้านงานเพื่อล้านคน และบริการที่ดีจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เช่น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้แก่ผู้ประกันตนจากโรงพยาบาล การให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิผู้ประกันตนทุกมาตรา การตรวจสอบสิทธิผู้ประกันตน และเปิดรับสมัครผู้ประกันตนตามมาตรา 40 โดยสำนักงานประกันสังคมและหน่วยพยาบาล นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน คลินิกแรงงาน และนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายพื้นฐานของแรงงานที่ควรทราบ โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
รวมทั้งกิจกรรมบนเวที การเสวนาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้วยข้อต่าง ๆ เช่น 1.คนยุคใหม่วางแผนทางการเงินอย่างไร 2.การสร้างตัวตนสู่การสร้างรายได้บน TIKTOK แพลตฟอร์มยอดนิยมในปัจจุบัน 3.การเกษตรเพื่อความยั่งยืน พร้อมกับจัดมินิคอนเสิร์ต ของศิลปินชื่อดัง อย่าง YourMood มีนตรา อินทิรา และปราง ปรางทิพย์ เพื่อให้ทุกคนที่เข้างานร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น