ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.นำเอกชนบุกขายปี66 ทั่วโลก 14เทรดโร้ดโชว์ รอรัฐบาลพิธา ลิ้มเจริญรัฐ หนุนท่องเที่ยว4นโยบาย

ททท.ทุ่มทุนนำเอกชนขายท่องเที่ยวทั่วโลก14เทรดโรดโชว์

ครึ่งปีแรก5บิ๊กเวิลด์โกยกว่า5,000ล้าน-ครึ่งปีหลังลุย9เทรด

รอรัฐบาลใหม่4นโยบาย-เคาะเก็บเงินต่างชาติ/55เมืองรอง

คิง เพาเวอร์”แจกดีลฮ็อตOnline-ส่งท้ายซัมเมอร์ลดใหญ่20%

ช้อปเดือนเกิดที่คิงเพาเวอร์6สนามบินรับคูปองลด300บาท

สมาชิกคิงเพาเวอร์ช้อป Summer Explorationกับโปร3ฮ็อต

ททท. รับสมัครรัฐเอกชนร่วมหลักสูตรดีTME4ถึง21พ.ค.66

บางจาก-อินทนิล”โชว์ความสำเร็จโมเดลPPPPในUN ESCAP

TCEB ชี้เป้า5วิธีวางแผนจัดอบรมเซฟงบคุ้มค่าเงินบริหารง่าย

เที่ยว“เวียงแหง”เชียงใหม่UnseenNewChapters5อัญมณีสีดำ

8อาหารกินแล้วไม่อ้วนเป็นทางเลือกลดน้ำหนักได้ง่ายด้วย

วิทยุการบินชี้ต.ค.65-ก.ย.66แอร์ไลน์จีนเข้าไทย4.6หมื่นเที่ยว

ไมเนอร์โฮเทลส์MOUกองทุนTDFซาอุฯผงาดขึ้นผู้นำท่องเที่ยว


 

วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #UnseenNewChapters  #อันซีนเวียงแหงเชียงใหม่

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/kE3FsQDNJZ/

ช่วงที่ 1 ทุ่มโร้ดโชว์กับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดข้อมูล ททท.นำเอกชนบุกขายทั่วโลกยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง ไม่น้อยกว่า 14 เทรดโรดโชว์ ครึ่งปีแรก 5 งาน คาดทำรายได้เฉียด 5,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังลุยยาว พ.ค.-ก.ย.อีก 9 โร้ดโชว์ พบพฤติกรรมตลาดโลกหันซื้อเทรนด์ใหม่เที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน พร้อมรอ “รัฐบาลใหม่” เคลื่อนนโยบายดันท่องเที่ยวโต 4 เรื่อง และขอให้ทบทวนมาตรการเชิงนโยบาย เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน กับเพิ่มพลังเสริม55 เมืองรอง

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตลอดครึ่งปีแรก ททท.นำธุรกิจภาคเอกชนท่องเที่ยวเดินสายทำตลาดทั่วโลกอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายรายได้ปี 2566 กลับมาให้ได้รวมทั้งหมด 2.4 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 80 % ของปี 2562 จึงได้เร่งทำกิจกรรมเทรดโชว์ โรดโชว์ ในตลาดต่างประเทศต่อเนื่องครึ่งแรกปีงบประมาณ 2566 ไฮไลต์รวม 5 งาน ทำให้เป้าหมายรายได้จากการจับคู่การขายได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ได้แก่

 

งานแรก WTM : World Travel Mart 2022 ระหว่าง 7-9 พฤศจิกายน 2565 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีdกลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแรกหลังโควิด-19 โดยมีธุรกิจไทยร่วมเดินทางไปจับคู่ทำตลาด 36 ราย คาดสร้างรายได้เข้าประเทศ 917.06 ล้านบาท

 

งานที่ 2 ITB : International Travel Berlin 2023 ระหว่าง 7-9 มีนาคม 2566 ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน การซื้อขายท่องเที่ยวระดับใหญ่สุดของโลก มีคู่ค้าทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 180 ประเทศ เอกชนไทยไปเจรจาการขาย 70 ราย คาดจะสร้างรายได้ 2,404.07 ล้านบาท

งานที่ 3  OTM : Outbound Travel Mart 2023 ระหว่าง 2-4 กุมภาพันธ์ 2566 ที่เมืองมุมไบ อินเดีย นำเอกชนเข้าร่วมส่งเสริมการขายทั้งกับภาคธุรกิจและผู้บริโภคในอินเดียที่เข้าร่วมกว่า 30,000 คน คาดจะสร้างรายได้ 348.73 ล้านบาท ต่อเนื่องด้วยงาน SATTE :Asia Travel Tourism Exchange 2023 ระหว่าง 9-11 กุมภาพันธ์ 2566 ที่กรุงเดลี อินเดีย เป็นงานคอนซูเมอร์ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 50,000 คน คาดไทยจะมีรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศ 481.34 ล้านบาท



งานที่ 4 Amazinging Thailand Amazing New Chapters Roadshow to China 2023 ระหว่าง 20-24  กุมภาพันธ์ 2566 ใน 3 เมืองใหญ่ เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู กว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เอกชนไทยเป็นประเทศแรกที่ทำโร้ดโชว์ร่วมจับคู่ค้าขายท่องเที่ยวกับธุรกิจจีน ต่อด้วยงาน Amazing Thailand Road Show to China 2023, Phuket & The Andaman+ ระหว่าง 17-21 เมษายน 2566 ในอีก 3 เมือง คือ ฉงชิ่ง ปักกิ่ง หนานจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน รุกเจาะตลาดกรุ๊ปทัวร์จีนซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนให้เดินทางต่างประเทศได้ตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 งานนี้ที่มีผู้ซื้อของจีนเข้าร่วมกว่า 600 ราย

 

งานที่ 5 Amazinging Thailand Roadshow to The America 2023 ระหว่าง 17-21 เมษายน 2566 ใน 3 เมือง คือ ลอสแองเจลิส ชิคาโก้ สหรัฐอเมริกา และ แวนคูเวอร์ แคนาดา นำเอกชนไทย 16 ราย จับคู่ธุรกิจกับสองประเทศนี้ 30 ราย ด้วยจำนวน 940 นัดหมาย คาดจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 358 ล้านบาท

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังปี 2566 ก็ทำต่อเนื่อง โดยเข้าร่วมงานขายรายการใหญ่แห่งเอเชีย งานที่ 6 ATM : Arabian Travel Mart 2023 ระหว่าง 1-4 พฤษภาคม 2566 ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แล้วไปต่องาน Amazing Thailand Roadshow Post-ATM ระหว่าง 7-11 พฤษภาคม ที่ซาอุดิอาระเบียโดยพุ่งเป้าเจาะตลาดไฮเอนด์กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 

งานที่ 7  Amazing Thailand Roadshow to New Zealand and Australia 2023 ระหว่าง 8-11 พฤษภาคม 2566 ที่โอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ กับ เมลเบิร์น และซิดนี้ ออสเตรเลีย เอกชนไปร่ว 40 ราย จับคู่กับผู้ซื้อทั้ง 2 ประเทศ 3 เมือง รวม 322 ราย เจาะตลาดกลุ่มกลางบนและขยายฐานตลาดศักยภาพสูง

 

งานที่ 8 จะเป็นไฮไลต์จัด TTM + : Thailand Travel Mart Plus 2023 ระหว่าง 31 พฤษภาคม- 2 มิถุนายน 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ เมืองไทย ที่จะมีตัวแทนผู้ซื้อทั่วโลกเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 50 ประเทศ จะเข้ามาจับคู่ธุรกิจและชมสินค้าท่องเที่ยวของไทยจาก 5 ภูมิภาค คาดจะมีผู้เข้าร่วม 800-1,000 ราย ในงาน จะมีทั้งการเจรจาธุรกิจ กิจกรรม Thailand Product Update เปิดเวที TTM Talk เสวนาอนาคตท่องเที่ยวไทยในหัวข้อ ความยั่งยืน/Sustainable เทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

 

งานที่ 9 จะนำเอกชนไปร่วมงาน Amazing Thailand Roadshow in  Japan 2023 ระหว่าง 16-18 พฤษภาคม ที่กรุงโตเกียว และงานส่งเสริมการขายการจับคู่ธุรกิจรายการใหญ่สุดงาน Proud Experience 2023 ระหว่าง 5-7 มิถุนายน นี้

 

งานที่ 10 ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา รุกเจาะขายกลุ่มตลาดความหลากหลายทางเพศ LGBTQ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกถึง 7 เท่า

 

งานที่ 11-14  ทำต่อเนื่องคือ โร้ดโชว์กลุ่มประเทศ CIS เมืองอัลมาตี อัสทานา คาซเคนต์ โร้ดโชว์กรุงโซล เกาหลีใต้ โร้ดโชว์ไปเดลี มุมไบ อินเดีย ส่งท้ายด้วยงาน OTDYKH Leisure 2023 ระหว่าง 12-14 กันยายน นี้ ที่กรุงมอสโก รัสเซีย

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า หลังเดินสายไปร่วมขายในงานหลักทั่วโลกช่วงเต็มที่นั้นเกิดปรากฎการณ์ที่คู่ค้าทั่วโลกแสวงหาจาก Amazing Thailand New chapters คือแปลกใหม่ซึ่งน่าจะแป็นจุดขายใหม่ 2 เรื่องหลัก 1.คุณภาพ 2.ความปลอดภัย ททท.มีแนวทางใหม่แนะนำให้เอกชนเปลี่ยนจากโปรดักซ์แคตาล็อก เป็นเมนูประสบการณ์ ให้มากที่สุด สร้างแบรนด์ดิ้งประเทศไทย ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ปลดล็อกโลว์ซีซั่นทิ้งไป ตัวอย่างนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางอยากเที่ยวเมืองไทย ตั้งเป้าปี 2566 จะทำให้ได้ 1 ล้านคน

 

ส่วนไฮไลต์เทรนด์ใหม่เป็นจุดขายคือ “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” และ “การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ” เช่น นักท่องเที่ยวที่นั่งเครื่องบินข้ามทวีปไกลซึ่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จึงมุ่งหวังจะเข้ามาพักแล้วทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่าหลังสถานการณ์เลือกตั้งครั้งใหม่ของไทยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เสร็จสิ้นลง ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อมเกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ยังอยู่ในช่วงจะต้องเดินหน้าฟื้นฟูทั้งจำนวนและรายได้การท่องเที่ยวกลับมาให้ได้มากที่สุด ใกล้เคียงกับปี 2562 เคยทำรายได้รวมทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศเกือบ 3 ล้านล้านบาท ล่าสุดปี 2565 ททท.กับผู้ประกอบการทุกภาคส่วนสามารถนำนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาได้แล้วเกือบ 10 ล้านคน ยังคงน้อยกว่าปี 2562 ทำได้ถึง 40 ล้านคน ตอนนี้นักเดินทางส่วนใหญ่มีความมั่นใจเลือกมายังเมืองไทยเพิ่มขึ้นตามลำดับ

 

เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลงใหม่แล้วทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งประเทศ อยากจะเห็นการเปลี่ยนไปสู่ในสิ่งที่ดี ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำเนินอยู่ขับเคลื่อนอย่างมีพลังที่เข้มแข็งแข่งขันกับทั่วโลก ส่วน ททท.พร้อมรับนโยบาย และพร้อมทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนสอดคล้องกับนโยบายทางการเมืองจึงน้อมรับจะทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี

 

รวมทั้งหวังให้ “การเมืองใหม่” หลังเลือกตั้งพิจารณากำหนดนโยบายซึ่งสามารถจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนเพื่อฟื้นฟูรายได้เข้าประเทศให้ใกล้เคียงกับปีปกติให้ได้เร็วที่สุด เบื้องต้น 4 เรื่อง ประกอบด้วย

 

เรื่องที่ 1 ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพราะก่อนโควิด-19 ไทยเองอาจมีภาพลักษณ์ไม่ดีบางเรื่องที่ทำให้นักท่องเที่ยวบางประเทศเกิดความกังวล แล้วปัจจุบันปรับปรุงให้ดีขึ้นมากแล้ว

 

เรื่องที่ 2 ปลดล็อกอุปสรรคการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อดึงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งขณะนี้มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 50,000 บาท/คน/ทริป หากเพิ่มจำนวนเข้ามามากขึ้น ก็จะผลักดันรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง ททท.เองมั่นใจแผนกลยุทธ์การกระจายรายได้ไปยังทุกภาคส่วนแล้ว จึงขอให้รัฐบาลสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยอีกทาง

 

เรื่องที่ 3 เครื่องมือที่รัฐบาลใหม่จะนำมาใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ขอให้พิจารณาถึงสาเหตุและความต้องการที่แท้จริง เช่น ต้นทุนการพัฒนาธุรกิจ ภาวะขาดแคลนแรงงานภาคบริการ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญส่งผลกระทบกับการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าใช้จ่ายเงินในไทย ผนวกกับนักท่องเที่ยวยุคใหม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหันมาให้ความสนใจท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สนองความต้องการยกระดับไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์กร หรือ Health and Wellness Hub ซึ่งเป็นตลาดคุณภาพใช้จ่ายเงินสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป

 

โดยเฉพาะท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่สนใจเที่ยวเมืองไทยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น รัฐบาลใหม่ควรพิจารณาเครื่องมือใหม่เข้ามาสนับสนุนความต้องการดังกล่าวให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างอุปทานใหม่นั่นคือพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวด้วยการสนับสนุนทั้งดีมานต์และซัพพลายแบบครบวงจร

 

เรื่องที่ 4 ทบทวนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จะต้องทำอย่างไร เพราะสิ่งสำคัญคือรัฐจะต้องกระจายสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ไทยตั้งเป้าเป็นประเทศจุดหมายปลายทางตลาดคุณภาพสูง ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ และยกระดับเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งไทยมีชื่อเสียงโดดเด่นติดอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้ว

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ด้วยองค์ประกอบของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปัจจุบัน รัฐบาลใหม่สามารถทำได้ทันที คือ “สร้างภาพลักษณ์ที่ดี” ยกระดับคุณภาพและเพิ่มคุณภาพภาคการผลิตท่องเที่ยวหรือ supply side ให้เข้มข้นมากขึ้น และดูแลได้อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อผลักดันไทยเป็นเวลเนสฮับได้อย่างจริงจัง  

 

ส่วน “มาตรการเชิงนโยบายภาครัฐ” ที่กำลังได้รับความสนใจก็จะต้องรอการตัดสินใจอีกครั้งหลังจากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ประกอบด้วย 2 เรื่องหลัก ได้แก่

 

เรื่องที่ 1 การเสนอจัดเก็บภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาท/คน/ครั้ง เรื่องนี้ได้นำเสนอต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตซึ่งจะต้องศึกษากันให้ชัดอีกครั้งถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับต่อไป ดังนั้นจะต้องรอดูรัฐบาลใหม่จะยังคงนโยบายนี้หรือไม่อย่างไร

 

เนื่องจากเงินที่เก็บได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองไทย บางส่วนสามารถนำมาปรับปรุงทางซัพพลายไซด์ได้ ยกเว้นรัฐบาลใหม่ประเมินผลตอนนี้ยังไม่จำเป็นแล้วสามารถทำระบบนิเวศน์ท่องเที่ยวอื่น ๆ เข้ามาทดแทนได้ ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาพิจารณาต่อไป

 

เรื่องที่ 2 “สร้างความเท่าเทียมและเหลื่อมล้ำ” ทางการท่องเที่ยวของประเทศ นั่นคือ “การกระจายตัวของนักท่องเที่ยว” ปัจจุบันในเมืองท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด มีรายได้ 80-90 % ส่วนเมืองท่องเที่ยวรองอีก 55 จังหวัด มีส่วนแบ่งรายได้เพียง 10-20 % ฉะนั้นอาจจะต้องหันมาพัฒนาตลาด “ท่องเที่ยวเมืองรอง” อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ผนวกกับการทำ “นโยบายการเงินการคลัง” ขึ้นมา เพื่อให้เกิดการลงทุนสร้างซัพพลายไซด์และเพิ่มดีมานต์หรือความต้องการจากตลาดนักเดินทางใหม่ได้ในบางช่วงเวลาเพื่อเติมเต็มในบางพื้นที่ให้เป็นไปได้นั่นเอง

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1คิง เพาเวอร์”แจกดีลฮ็อตOnline-ส่งท้ายซัมเมอร์ลดใหญ่20%

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้านโยบายพัฒนาธุรกิจที่เป็นมากกว่าร้านค้าปลีกการท่องเที่ยวสินค้าดิวตี้ฟรี  ภายใต้คอนเซ็ปต์แห่งปี 2566  “เพราะทุกอย่าง เป็นไปได้” ในสิ่งเหนือความคาดหมาย คิง เพาเวอร์ เชื่อในพลังแห่งความเป็นไปได้ “THE POWER OF POSSIBILITIES ด้วยความเชื่อในพลังที่จะทำให้ทุกคนได้ “เป็น” ในสิ่งที่อยากเป็น ไป” ในทุกสถานที่ที่อยากไป ได้” ทุกเวลา เมื่อนักเดินทางมีไฟลต์/เที่ยวบินต่างประเทศ และคนในประเทศแต่ไม่มีไฟลต์/ไม่มีเที่ยวบิน รวมทั้งมีสมาชิกหรือสมัครบัตรสมาชิกใหม่ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม  2566 เป็นต้นไป เอนจอยช้อปดีลฮ็อตสุดพิเศษได้ทุกช่องทาง

 

โปรโมชั่นแรก ชวนคลิก KING POWER ONLINE ช้อปง่ายเป็นไปได้ทุกการเดินทาง “ยิ่งช้อปมากยิ่งคุ้มมาก” กับดีลจัดหนักจัดเต็ม ดีลดีของคนมีไฟลต์! ตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2566

 

1.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท แล้วรับลดเพิ่ม! 500 บาท หรือลดสูงสุด 1,500 บาท ทุกการ ช้อปครบ 2,000 บาท โดยใส่รหัสส่วนลด MAY15

           

2.“สินค้า Duty Free” สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก

 

3.รับสิทธิประโยชน์ เริ่มจาก แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน ต่อด้วย รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัด และ รับเลย! ส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ รวมทั้ง รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ) 

 

โปรโมชั่นที่ 2 “ส่งท้ายหน้าร้อน” ทำให้ทุกการช้อปเป็นไปได้ เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ช้อปโปรโมชั่น 3 แคมเปญสุดฮ็อต ได้ดังนี้

 

ฮอตที่ 1 สมาชิกคิง เพาเวอร์ ลดสูงสุด 20 %

 

ฮ็อตที่ 2 ลงทะเบียนก่อนช้อป รับฟรี!! คูปองส่วนลด 2,000 บาท เมื่อช้อปครบ 25,000 บาท(สุทธิ)/ใบเสร็จ ได้คนละ 1 สิทธิ์/วัน

 

ฮ็อตที่ 3 สนุกกับสิทธิประโยชน์หลากหลายทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการเพิ่มเพื่อนแล้วผูกบัญชีสมาชิกผ่าน Line Officail Account :@KINGPOWER

สำหรับโปรโมชั่นส่งท้ายหน้าร้อน “ส่วนลดสูงสุด 20%ทางคิง เพาเวอร์ ให้รับสิทธิ์ตามสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ ได้แก่ บัตร NAVY ลด 5% บัตร SCARLET ลด 10%  บัตร ONYX ลด 15% บัตร CROWN และบัตร VEGA ลด 20%

 

ข่าวที่ 2 ช้อปเดือนเกิดที่คิงเพาเวอร์6สนามบินพันบาทรับคูปองลด300บาท

 

คิง เพาเวอร์ ให้นักช้อป นักเดินทางนักชาวไทยแฮปปี้สุด ๆ เมื่อมีทริปในเดือนเกิด ระหว่างวันนี้– 31 พฤษภาคม 2566

รับความแฮปปี้ได้จากช้อปแบรนด์เนมเก๋ ๆ ทั้ง 6 สนามบินอินเตอร์เนชั่นแนล ที่ คิง เพาเวอร์สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา

 

 1.รับฟรี! คูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อช้อป 1,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

2.พิเศษ! ยังไม่ได้เป็นสมาชิก รับสถานะสมาชิกคิง เพาเวอร์ NAVY เมื่อช้อป 1,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ 

 

แล้วแวะชมช้อปของแบรนด์ Dior Riviera Pop-Up Store ตั้งแต่วันนี้- 31 กรกฎาคม  2566 เพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมของ Miss Dior Blooming Bouquet ได้ที่ คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ  มีสิทธิพิเศษมอบให้อย่างจุใจ

 

ข่าวที่ 3 สมาชิกคิงเพาเวอร์ช้อป Summer Explorationกับโปร3ฮ็อต

 

คิง เพาเวอร์ให้สิทธิพิเศษ & โปรโมชั่น King Power Summer Exploration สำรวจความเป็นไปได้ใหม่ ทุกโอกาส ช้อปซัมเมอร์ที่ คิงเพาเวอร์สเต็ปช้อปโดนใจหน้าร้อนนี้ เฉพาะสมาชิก คิงเพาเวอร์ วันนี้-31 พฤษภาคม 2566 ที่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และ ภูเก็ต รับไปเลย 3 ฮ็อต

 

ฮอต 1: สมาชิกคิงเพาเวอร์ ลดสูงสุด 20% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

 

ฮอต 2: ลงทะเบียนก่อนช้อป รับฟรี! คูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับช้อป 25,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ ขั้นต่ำ ได้ 1 สิทธิ์/คน/วัน

 

เพลิดเพลินไปกับสิ่งที่หลากหลายทุกไลฟ์สไตล์ เพียงเพิ่มเพื่อนและผูกบัญชีสมาชิกผ่าน Official Account : @KINGPOWER

 

ข่าวที่ 4 ททท. รับสมัครรัฐเอกชนร่วมหลักสูตรTME4ถึง21พ.ค.66

 

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว (TAT Academy) เปิดอบรมหลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ประจำปี 2566 : Tourism Management Program for Executives: TME4) โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 21 พฤษภาคม 2566 ค่าลงทะเบียนการอบรมโครงการนี้คนละ 200,000 บาท

 

ททท.และคณะกรรมการจะคัดเลือกผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการอบรม TME 4 เพื่อเข้าร่วมอบรม ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน - 20 กันยายน 2566 ตามแนวคิดหลัก “พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย Digital Transformation” เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถวิเคราะห์ วางแผนการดำเนินงานบนฐานการนำแนวคิดเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้และบูรณาการการทำงานด้านท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง 

           

ตามแผนการอบรม วันที่ 9-10 มิถุนายน 2566 พิธีเปิดการอบรมฯ และกิจกรรมสัมพันธ์ จากนั้นตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป จึงเริ่มการอบรมเชิงวิชาการและทำกิจกรรม และวันที่ 29 กันยายน 2566

พิธีมอบประกาศนียบัตรจบหลักสูตร  

 

ส่วนรายละเอียดผู้ผ่านคุณสมบัติจะได้อบรมโดยใช้สถานที่โรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน” ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ รวมทั้งจะมีกิจกรรมเพิ่มทักษะแบบครบวงจร 4 กิจกรรม ประกอบด้วย

 

กิจกรรมที่ 1 อบรมทุกวันพุธ13.30-18.00 น.  รวมทั้งหมด 12 ครั้ง ระหว่าง14 มิถุนายน - 20 กันยายน 2566

 

กิจกรรมที่ 2 ร่วมศึกษาดูงานนอกสถานที่แบบไม่พักค้างแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2 ครั้ง

 

กิจกรรมที่ 3 จัดการศึกษาดูงานนอกสถานที่แบบพักค้างแรม จำนวน 1 ครั้ง

 

กิจกรรมที่ 4 จัดการศึกษาดูงานต่างประเทศ 4 วัน 3 คืน ที่ประเทศเกาหลีใต้

 

ททท.เปิดให้ผู้สนใจสมัครสอบถามเพิ่มได้ที่ศูนย์พัฒนาวิชาการด้านตลาดการท่องเที่ยว โทร. 0 2250 5500 ต่อ 4920-4 วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่  09.00-16.30 น. หรือติดต่อโดยตรงทาง https://tme4.tatacademy.com/auth/providers

 

ข่าวที่ 5“บางจาก-อินทนิล”โชว์ความสำเร็จโมเดลPPPPในUN ESCAP

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก  คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากให้การต้อนรับผู้มีเกียรติในงานเลี้ยงรับรองผู้เข้าร่วมการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific – ESCAP) สมัยที่ 79 ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนำชมนิทรรศการ ต่อยอดโครงการ “จัดการหลังเก็บเกี่ยวและการพัฒนาฐานชุมชนสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน (กาแฟอาราบิก้า)” ซึ่งเป็นโมเดลความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประชาชน (PPPP - Public Private Partnership for People)  

 

โดยมี  ดร. วิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้เกียรติเยี่ยมชมนิทรรศการและทดลองชิม “กาแฟดริปเทพเสด็จตราอินทนิล”

 

ซึ่งทางบางจากฯ ร่วมมือกับร้านกาแฟอินทนิลร่วมจัดนิทรรศการและนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อทดลองชิม ในฐานะต้นแบบของโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประชาชน (PPPP - Public Private Partnership for People) ต่อยอดจากโครงการการจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการพัฒนาฐานชุมชนสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน (กาแฟอาราบิก้า) ซึ่งเป็นความร่วมมือในกรอบทวิภาคี ระหว่างไทย - ญี่ปุ่น (TICA-JICA) ขยายสู่การสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนในโครงการพัฒนากาแฟเทพเสด็จสู่ร้านกาแฟอินทนิล  เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับชุมชน นอกจากนี้ ยังได้จัดเครื่องดื่มอินทนิลเพื่อรับรองแขกผู้มีเกียรติในงานเลี้ยงดังกล่าวด้วย

 

ยังมีผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมทดลองชิมและชมด้วย ทั้ง นายศรันย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ พร้อมทั้งผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ คณะทูตานุทูต ชื่นชมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพของไทย

 

ข่าวที่ 6 TCEB ชี้เป้า5วิธีวางแผนจัดอบรมเซฟงบคุ้มค่าบริหารง่าย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทางฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ได้แนะนำหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ถึงการวางแผนจัดอบรมโดยใช้งบประมาณได้แบบประหยัดที่สุด เพื่อจะช่วยให้พนักงานองค์กรได้รับความรู้ ประสบการณ์ และสร้างแนวคิดชั้นยอดเพื่อพัฒนาตนเองและสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วย 5 วิธี 

 

วิธีที่ 1 ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นสิ่งแรกจะช่วยเซฟงบขององค์กรได้เป็นอย่างดี โดยต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีรอบตัวสร้างความคุ้มค่าสูงสุด เช่น จากเดิมที่ต้องพิมพ์เอกสารการเรียนรู้เป็นเล่ม ก็เปลี่ยนไปใช้ข้อมูลไฟล์ให้พนักงานดาวน์โหลด ดูผ่านโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรืออบรมผ่านออนไลน์โดยไม่ต้องเชิญวิทยากรตัวจริงมาในงาน

 

วิธีที่ 2 กำหนดระยะเวลาให้ชัด รวมทั้งตัดเรื่องไม่สำคัญออกไปบ้าง สามารถช่วยประหยัดงบตามจำนวนชั่วโมงที่ต้องจ้างวิทยากรให้น้อยลงได้ แถมได้สาระแบบเน้น ๆ มากกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง

 

วิธีที่ 3 เทียบราคาวิทยากรแต่ละคน รวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบ “ค่าตัว” โดยประเมินจุดเด่นของวิทยากรที่จะเชิญมาร่วมการอบรมแต่ละครั้ง บางเวทีอาจจะใช้วิธีเลือกคนที่พร้อมให้ความรู้กับพนักงานขององค์กรได้ไม่ต่างกันมากนัก แถมราคาถูกกว่า ช่วยประหยัดงบเพื่อใช้เงินกับส่วนอื่น ๆ เพิ่มได้ เช่น ค่าอาหารกลางวัน ค่าสถานที่จัดสัมมนา

 

 

วิธีที่ 4  คัดเลือกเฉพาะพนักงานที่เหมาะสมในการอบรม โดยไม่จำเป็นต้องให้พนักงานทุกคนเข้าร่วม แต่เลือกเฉพาะคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ หรือมองแล้วสามารถนำความรู้ใหม่ ๆ ไปใช้ต่อยอดกับงานของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยประหยัดงบได้หลายส่วน เช่น ปริมาณการสั่งอาหารกลางวัน ขนาดสถานที่จัดสัมมนาเล็กลง

 

วิธีที่ 5 เลือกหัวข้อหรือแผนอบรมที่ตอบโจทย์กับพนักงานจริง ๆการจัดอบรมแต่ละด้านมีหลายหัวข้อที่องค์กรสามารถเลือกให้พนักงานได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ และยังสามารถประเมินผลลัพธ์หลังการอบรมได้ เช่น ปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้า ปริมาณของเสียในสายการผลิตลดลง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นวิธีประหยัดงบและสร้างความคุ้มค่าต่อองค์กรในระยะยาวด้วย

 

            ช่วงที่ 2 ปักหมุดเที่ยว Unseen New Chapters ที่ “อำเภอเวียงแหง” จ.เชียงใหม่ ค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ชายแดนไทย-เมียนมา กับ “จุดชมวิวดอยดำ” และ 5 อัญมณีสีดำ ดูแลสุขภาพ “8อาหารกินแล้วไม่อ้วนทางเลือกลดน้ำหนักง่าย” และข่าวฮ็อตท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “วิทยุการบินชี้ ต.ค.65-ก.ย.66” แอร์ไลน์จีนบินเข้าไทยถึง 46,000 เที่ยว ข่าวที่สอง “ไมเนอร์MOUกับTDFซาอุดิอาระเบีย” ดันขึ้นผู้นำท่องเที่ยวเอเชีย

 

ท่องเที่ยว – เที่ยวเวียงแหงเชียงใหม่Unseen New Chapters5อัญมณีสีดำ

 

เริ่มแล้ว!! การเดินทางวิถีใหม่ชวนขึ้นเหนือค้นหาประสบการณ์ Unseen New Chapter ใน “เชียงใหม่” ที่ “อำเภอเวียงแหง” พื้นที่รอยต่อไทย-เมียนมา แหล่งท่องเที่ยวใหม่กำลังเนื้อหอมด้วยเสน่ห์ “จุดชมวิวดอยดำ”  

         

“จุดชมวิวดอยดำ” อำเภอเวียงแหง เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว 1 ใน Unseen New Chapters แล้วยังเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปชมความดำที่มีค่าอีกถึง 4 อย่าง นั่นคือ แหล่งเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนผลิต “คาร์เวียร์สีดำ” เป็นแหล่งชมทางทางเผือกสวยงามสุดอีกแห่งที่ได้รับการประกาศให้เป็น “พื้นที่ท้องฟ้ามืด” หรือ Amazing Dark Sky  แหล่งผลิตสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อ “ถั่วเน่าดำ” และเส้นทาง “เดินทัพองค์ดำ” ของพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

          

จุดชมวิวดอยดำ” เวียงแหง ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,835 เมตร เมื่อนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว สามารถมองลงมาจะเห็นทะเลหมอกกว้างใหญ่ และเห้นวิวดอยหลวงเชียงดาวได้ด้วย ช่วงกลางคืนท้องฟ้ามืดจนมองเห็นทางช้างเผือกสวยงามได้ด้วยตาเปล่าเลยทีเดียว

 

ตอนนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเปิดให้คนไทยทั้งประเทศมีส่วนร่วมโหวตเลือก Unseen New Chapters ด้วยตนเอง แถมยังสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทุกสัปดาห์มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ห้ามพลาดกดโหวตให้ “จุดชมวิวดอยดำ” เป็นหนึ่งในอันซีน

 

            นักท่องเที่ยวรีบเลย เข้าไปลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/unseennewchapters  เพื่อรับสิทธิ์โหวต Unseen New Chapters ระหว่าง 22 พฤษภาคม -18 มิถุนายน 2566 ต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์ แต่ละคนจะโหวตได้สัปดาห์ละ 5 สิทธิ์  โหวตด 1 สิทธิ์ ต่อ 1 Unseen New Chapters ของทั้ง 5 ภูมิภาค 77 จังหวัด

สำหรับ “อำเภอเวียงแหง” เดิมเรียก “เมืองแหง” สมัยล้านนาเป็นราชธานี เคยเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญเส้นทางการเดินทัพและการค้า ระหว่างเชียงใหม่กับเมืองอังวะ (Ava) ซึ่งจะต้องผ่าน “เมืองนาย” ปัจจุบันอยู่ในรัฐฉาน เมียนมา อยู่ห่างจากชายแดน “เวียงแหง” ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 200 กิโลเมตร

“เวียงแหงไ จึงเป็นพื้นที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเชียงใหม่กับเมืองนาย สมัยก่อนเดินทางตามลำน้ำแม่แตง เป็นพื้นที่ราบเหมาะเพาะปลูกและสะสมเสบียงอาหารเลี้ยงกองทัพ จึงมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจคือ

“พระเจ้าบุเรงนอง”  ใช้เส้นทางนำทหารจากเมืองนาย 90,000 นาย ข้ามผ่านแม่น้ำสาละวินมายึดเมืองเชียงใหม่เมื่อปี 2101

“สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ทรงใช้เส้นทางนี้นำทัพทหาร 100,000 นาย ไปยึดเมืองนายกลับคืน และทำลายพระเจ้ากรุงอังวะสำเร็จเมื่อปี 2148
 

“แม่ทัพเนเมียวสีหบดี” อดีตขุนศึกพม่าผู้พิชิต 3 อาณาจักร คือ ล้านนา ล้านช้าง และอยุธยา เป็นเส้นทางหลบหนีหลังถูกกองทัพพระเจ้าตากสินขับไล่ออกจากเมืองเชียงใหม่เมื่อปี 2317 หลบหนีไปตั้งหลักอยู่เมืองนาย

 

“พม่า” ใช้เป็นเส้นทางเดินทัพปี 2388 เพราะกองทัพเชียงใหม่ไปโจมตีพม่า จุดนี้เป็นเส้นทางใหญ่ ระยะทางสั้น เดินง่าย


      “เวียงแหง” เมื่อปี 2457 เคยเป็นตำบลอยู่ในอำเภอเชียงดาว เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2536 ได้รับการประกาศเป็นอำเภออย่างสมบูรณ์แล้ว

 

วันนี้ “เวียงแหง” พัฒนาไปอีกขั้น กลายเป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการเสนอให้เป็น Unseen New Chapters ของเมืองไทย

 

สุขภาพ - 8อาหารกินแล้วไม่อ้วนเป็นทางเลือกง่ายช่วยลดน้ำหนักด้วย

หลายคนอาจสงสัยว่าอาหารที่กินแล้วไม่อ้วนมีจริงหรือ แนวทางเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสมมีอยู่มากมายและหาได้ง่ายรอบตัวเรา ช่วยให้มีสุขภาพดี และอาจช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคต่าง ๆ ด้วย 8 อาหารที่กินแล้วไม่อ้วน ดังนี้

 

ชนิดที่ 1 ไข่ไก่ -มีแคลอรี่ต่ำและมีโปรตีนสูง ไข่ไก่ใบใหญ่ 1 ฟอง ให้พลังงานประมาณ 70 แคลอรี่ ให้โปรตีนประมาณ 6 กรัม และยังให้สารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เหมาะกินเป็นอาหารเช้า เพราะสามารถช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน ควรกินไข่ไก่สัปดาห์ละไม่เกิน 7–12 ฟอง และควรเลือกกินไข่ต้มหรือไข่ลวกมากกว่าไข่เจียวหรือไข่ดาว

 

ชนิดที่ 2  เนื้อปลา แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยโปรตีนสูงช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้มากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพในปริมาณมาก เช่น ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล และแซลม่อน มีกรดไขมันชนิดนี้และอาจมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงหัวใจด้วย 

 

ชนิดที่ 3 เนื้ออกไก่ ไร้หนังเป็นเนื้อสัตว์มีแคลอรี่ต่ำโปรตีนสูง โดยเนื้ออกไก่ปรุงสุก 113 กรัมให้พลังงานประมาณ 163 แคลอรี่ และให้โปรตีนอีก  32 กรัม การกินอาหารที่มีโปรตีนสูงจะช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและช่วยลดความรู้สึกหิว ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อด้วย

 

ชนิดที่ 4  ผลไม้  หลายชนิดเป็นทางเลือกที่ดีในการควบคุมน้ำหนัก ทั้งแคลอรี่ต่ำ มีน้ำตาลน้อย และมีใยอาหารสูง แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารอื่น ๆ ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพอีกมากมายด้วย โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และอะโวคาโด  

 

ชนิดที่ 5  ผัก  ส่วนใหญ่แคลอร่ต่ำมาก มีวิตามินและแร่ธาตุมากประโยชน์ต่อสุขภาพ มีใยอาหารสูงช่วยเรื่องการขับถ่ายด้วย โดยผักที่เหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก อย่างผักใบเขียวอย่าง คะน้า หรือผักโขม และผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กระหล่ำดาว  เป็นผักที่อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย  

 

ชนิดที่ 6 ธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole Grains) หรือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวกล้อง หรือข้าวโอ๊ต อาจช่วยคุมน้ำหนักได้ เพราะเต็มเมล็ดอุดมไปด้วยใยอาหารและโปรตีนในปริมาณมาก สามารถช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ด้วย 

 

ชนิดที่ 7  ถั่วหลากหลายชนิด เช่น อัลมอนด์ พีแคน สามารถกินเป็นของว่างระหว่างควบคุมน้ำหนักได้ ไขมันในถั่วส่วนใหญ่เป็นชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อุดมด้วยโปรตีนและใยอาหาร มีสารอาหารชนิดอื่น ๆ ที่อาจมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจด้วย 

 

ชนิดที่ 8 กรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพราะมีโปรตีนมากกว่าและมีน้ำตาลน้อยกว่าโยเกิร์ตชนิดอื่น ชนิดปราศจากไขมัน 1 ถ้วยหรือ 254 กรัมให้พลังงานประมาณ 150 แคลอรี่ ให้โปรตีนอีกประมาณ 25 กรัม และมีน้ำตาลจากธรรมชาติเพียงแค่เล็กน้อย แล้วยังมีโพรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของลำไส้ จึงอาจช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้ด้วย  

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก วิทยุการบินชี้ต.ค.65-ก.ย.66แอร์ไลน์จีนเข้าไทย4.6หมื่นเที่ยว

 

ดร.ณพศิษฏ์  จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสายการบินระหว่างไทย-จีน เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างตุลาคม 2565 -เมษายน 2566 รวม 12,805 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2565 มากถึง 98 % หลังรัฐบาลจีนมีนโยบายเปิดประเทศเมื่อช่วงต้นปี 2566 ทำให้สายการบินจีนจึงขอเพิ่มความถี่การบินเข้ามายังไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน ซึ่งโดยภาพรวมตั้งแต่ตุลาคม 2565-กันยายน 2566 มีเที่ยวบินจีนรวม 46,175 เที่ยว แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันปี 2562 ประมาณ 66 %

 

ทางวิทยุการบินแห่งประเทศไทยคาดจะมีเที่ยวบินจีนเข้าไทยครึ่งปีหลัง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 รวม  5,330 เที่ยว มิถุนายน 6,090 เที่ยว กรกฎาคม 7,150 เที่ยว สิงหาคม 7,460 เที่ยว กันยายน 7,340 เที่ยว ต่อเนื่องจากช่วงต้นปี 4 เดือนแรกบินเข้ามาแล้วดังนี้ มกราคม 1,063 เที่ยว “กุมภาพันธ์” 1,749 เที่ยว มีนาคม 3,082 เที่ยว เมษายน 4,240 เที่ยว

ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมรับเที่ยวบินจีนเพิ่มขึ้น โดยวิทยุการบินได้เข้าร่วมอยู่ในคณะกรรมการจัดสรรตารางการบิน (Slot Allocation) ร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาจัดสรรตารางการบินให้สอดคล้องกับความต้องการที่ขยายตัวมากขึ้นทุกเดือน

 

โดยได้กำหนด 3 แนวทางหลัก คือ 1.วิธีปฏิบัติเพื่อให้บริการจราจรทางอากาศ  2.การบริหารจัดการความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow Management) 3.เตรียมความพร้อมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรางอากาศรองรับปริมาณเที่ยวบินจีนและอื่น ๆ

 

ขณะนี้วิทยุการบินแห่งประเทศไทยยังได้ร่วมมืออันดีกับหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของจีน Air Traffic Management Bureau, Civil Aviation Administration of China มุ่งบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow Management) ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจราจรทางอากาศของไทยและจีนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

 

ข่าวที่สอง -ไมเนอร์โฮเทลส์MOUกองทุนTDFซาอุฯขึ้นผู้นำท่องเที่ยว

 

บริษัท ไมเนอร์ โฮเทลส์ รายงานว่า ในฐานะเจ้าของ ผู้บริหาร และผู้ลงทุน ได้ประกาศการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ กองทุนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยว (Tourism Development Fund - TDF) ของประเทศซาอุดีอาระเบีย พัฒนาโครงการโรงแรมและไลฟ์สไตล์ชั้นนำ เน้นโครงการรีสอร์ทบนภูเขา รีสอร์ทเพื่อสุขภาพ รวมถึงโรงแรมในเมืองต่าง ๆ ทั่วซาอุดีอาระเบีย ช่วงครึ่งหลังปี 2566 เตรียมประกาศเปิดตัวโครงการแรกได้ จากปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ 530 แห่ง ใน 56 ประเทศ กระจายอยู่ทั่ว ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกา แอฟริกา และมหาสมุทรอินเดีย

 

ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเป็นแผนอนาคตอีก 2 ปีข้างหน้า ที่จะลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมที่พักในซาอุดิอาระเบียอีกหลายเมือง ซึ่งทาง ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะทำหน้าที่เป็นผู้บริหารและหุ้นส่วน โดยคาดแต่ละโครงการจะสร้างความโดดเด่นให้กับเมืองที่ตั้งอย่างชัดเจน ภายใต้แบรนด์หลักของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้แก่ อนันตรา อวานี ทิโวลี และ โอ๊คส์

 

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการเหล่านี้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว (National Tourism Strategy - NTS) และวิสัยทัศน์ชาติ 2030 (Saudi Vision 2030) ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะเลือกที่ตั้งเปิดโครงการโรงแรมต่าง ๆ จะให้อยู่ในเมืองที่เป็นเป้าหมายหลักในยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะทยอยประกาศในเร็ววันนี้

 

ส่วน “กองทุนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวประเทศซาอุดีอาระเบีย” (TDF) เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการลงทุนด้านการท่องเที่ยวทั่วประเทศซาอุดิอาระเบีย และช่วยเชื่อมโยงนักลงทุนภาคเอกชนกับโอกาสรับการสนับสนุนจากกองทุนต่าง ๆ โดย TDF ตั้งขึ้นเมื่อปี 2563 ทำหน้าที่สรรหาโอกาสและพัฒนากองทุนเพื่อสนับสนุนระบบนิเวศการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศ

 

โครงการภายใต้ข้อตกลงนี้จะมีแบรนด์หรู “อนันตรา” อย่างน้อยหนึ่งแห่ง ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านการมอบประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความหมายและการบริการด้วยใจที่เป็นเอกลักษณ์ในหลากหลายเมืองทั่วโลก ด้วยจุดแข็งของโรงแรมและรีสอร์ทแบรนด์อนันตรามีรากฐานความเป็นไทย รวมทั้งยังเป็นที่รู้จักกว้างขวางดีในตะวันออกกลาง ซึ่งตอนนี้มีโรงแรมอนันตรากว่า 10 แห่ง ทั้งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และ กาตาร์

 

ขณะที่แบรนด์ “อวานี” เป็นโรงแรมและรีสอร์ทที่มีความร่วมสมัย จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์พร้อมจะเปิดตัวเชิงกลยุทธ์นี้ในซาอุดีอาระเบีย แบรนด์นี้มุ่งให้ความสำคัญเรื่องความคุ้มค่ามาคู่กับความสะดวกสบาย ปัจจุบันเครืออวานีเปิดให้บริการแล้วในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ โอมาน รวมทั้งอยู่ในระหว่างดำเนินการในบาห์เรน คาดจะเปิดให้บริการภายในปี 2567

 

โครงการความร่วมมือครั้งนี้ ไมเนอร์ยังมีโรงแรมแบรนด์อื่น ๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ทิโวลี และ โอ๊คส์ โดย โอ๊คส์ โฮเทลส์ รีสอร์ทส์ แอนด์ สวีทส์  เป็นแบรนด์ให้บริการที่พักภายใต้แนวคิดบ้านหลังที่ 2 ‘home away from home’ รองรับทั้งกลุ่มลูกค้าที่เดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจและท่องเที่ยว ปัจจุบันแบรนด์โอ๊คส์เปิดให้บริการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ เร็ว ๆ นี้จะเปิดเพิ่มในอียิปต์

 

ส่วนแบรนด์ “วิโทลี” มีจุดเด่นด้านการสร้างประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบ authentic เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและนวัตกรรมที่โดดเด่น รวมถึงบริการเป็นเลิศ ปัจจุบันเปิดในตะวันออกกลางแล้วถึง 3 แห่ง และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาบาห์เรนและโอมาน

 

มร. ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ โฮเทลส์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับกองทุนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวประเทศซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรในการนำเสนอแบรนด์โรงแรมที่พักที่หลากหลาย ตั้งแต่  แบรนด์ที่นำเสนอประสบการณ์อันหรูหรา ไปจนถึงแบรนด์ที่พักในกลุ่มธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์

 

โดยแต่ละแบรนด์ต่างสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เรารอคอยที่จะได้ทำงานกับ TDF อย่างใกล้ชิด ที่จะผลักดันโครงการเหล่านี้ให้สำเร็จลุล่วงและร่วมกันสร้างจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ จะกลายเป็นแม่เหล็กสำคัญทางการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย

 

มร. คุไซย์ อาล ฟาค์หริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กองทุนเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวประเทศซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่าการลงนาม บันทึกข้อตกลงและการประกาศความร่วมมือกับไมเนอร์ โฮเทลส์ ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในระดับโลก จึงมีความภูมิใจที่จะได้เปิดตัวโครงการต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ระดับสากลของเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ ในราชอาณาจักรของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งจะนำทั้งชื่อเสียงและความน่าสนใจให้กับการท่องเที่ยวของประเทศได้รับความนิยมจากตลาดทั่วโลกในอนาคตอย่างแน่นอน

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง