ททท.นำธุรกิจท่องเที่ยวสมุยโกยตลาดไฮเอนด์ไทย-ต่างชาติปี66
ครึ่งปีหลังแอร์ไลน์บินอื้อ50เที่ยว/สัปดาห์-สิงคโปร์/ฮ่องกงโตเร็ว
ขาย3เทรนด์เที่ยวทำเงิน“เวลเนสสปา-ซอฟท์เพาเวอร์-สปอร์ต
คิงเพาเวอร์ไทยเทสต์ฮับอร่อยเพิ่ม2สตรีทฟู้ดEastMeetSouth
คิงเพาเวอร์ชวนคลิกKingPowerOnlineมีไฟลต์ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม
สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้บัตรรับส่วนลดAteirWellnessสูงสุด15%
ททท.ชูมิติใหม่UnseenNewChaptersโหวตลุ้นรับล้าน25อันซีน
กลุ่มบริษัทบางจากQ1ปี’66ดันยอดขายพุ่ง80,000 ล้านโต16%
TCEBฉายฉากทัศน์อุตสาหกรรมไมซ์พลิกอนาคตใหม่5ปีหน้า
เที่ยวพัทยาเดินสายเช็คอินคาเฟ่+แคมปิ้งสุดชิคริมทะเล5พิกัด
5เรื่องวัยเก๋าเตรียมรับมือหน้าฝนไม่เจ็บ/ไม่ป่วย/ไม่เจออุบัติเหตุ
SHRเครือสิงห์ฯQ1ปี66นำ4รร.กำไร16%รายได้ในไทยพุ่ง3เท่า
วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #เกาะสมุย #พัทยาคาเฟ่
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 ใส่เกียร์ลุยกับ “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเกาะสมุย นำธุรกิจเพิ่มรายได้ตลาดไฮเอนด์ งัดสินค้าท่องเที่ยว 3 เทรนด์ “เมดิคัลเวลเนสสปา-ซอฟท์เพาเวอร์-ทัวร์กีฬาเทคบอลเวิลด์ทัวร์นาเมนท์” ปลุกกระแสขายเต็มคาราเบล ขานรับจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้ว 70 % ครึ่งหลังปี’66 “แอร์ไลน์ส” ในประเทศ บินตรงสมุยวันละเกือบ 50 เที่ยว จาก 5 จังหวัด ส่วนต่างประเทศ สิงคโปร์ จะเริ่มบิน 1 มิ.ย. ฮ่องกง เริ่ม 1 ก.ค.66 พ.ค.จ่อนำเอกชนสมุยจับคู่ขายข้ามภาคกับพัทยา ภาคตะวันออก พร้อมเดินหน้าปลุกกระแสทัวร์ SDG STG โรงแรม ร้านอาหาร หนุนเต็มที่
นางกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเกาะสมุย เปิดเผยว่า การวางกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดการขายท่องเที่ยวในพื้นที่หลัก เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และเกาะต่าง ๆ ปี 2566 เป็นโอกาสดีหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 และรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้น จึงได้รวบรวมสินค้าท่องเที่ยวรองรับลูกค้า “กลุ่มคุณภาพ” ใช้จ่ายเงินสูง เพื่อเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริป ปัจจุบันตั้งไว้เฉลี่ย 6,000 บาท/คน/ทริป แต่ในความจริงเมื่อมาถึงสมุยแล้วจะใช้เงินมากกว่าที่ตั้งไว้ เพื่อทำกิจกรรมดำน้ำและอื่น ๆ ส่วนการส่งเสริมคนไทยได้เข้ามาเห็นและสัมผัสความสวยงามสมุยอย่างแน่นอน
ตั้งแต่พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป เกาะสมุยและพื้นที่รับผิดชอบของ ททท.สมุย พร้อมนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวกับกลุ่มผู้เดินทางมาท่องเที่ยวหลักทางทะเล ผนวกเข้ากับสินค้าเทรนด์ใหม่ขายเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่
กลุ่มที่ 1 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม Medical กับ Wellness & Spa มีความพร้อมมากที่สุด ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ทางกลุ่ม BDMS ได้เปิดศูนย์บริการเมดิคัลบนเกาะสมุยโดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้บริการอย่างเต็มที่ รวมทั้งยังมีโรงพยาบาลเด่น ๆ คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลอินเตอร์สมุย และวัชรแพทย์ ส่วนเวลเนสสปาก็มีสถานที่บริการจับมือกับโรงแรม รีสอร์ตสปา ต่าง ๆ แล้วก็ผลิตแพกเกจให้เห็นความหลากหลายเป็นทางเลือกแก่นักท่องเที่ยว ช่วงมิถุนายน-สิงหาคม นี้ จะให้นักท่องเที่ยวได้มาทดสอบ และทำกิจกรรมอื่นรวมกับชุมชนได้ด้วย
กลุ่มที่ 2 Amazing Samui Amazing Sport Fun การท่องเที่ยวเชิงกีฬาสร้างความสนุกสนาน ตอนนี้สมุยมีรีสอร์ตสไตล์สปอร์ตหลายแห่ง และยิมเนเซียมฝึกสอนกีฬามวยไทย Thai Flight บวกเข้าสนามกีฬาฟุตบอล สระว่ายน้ำ
กลุ่มที่ 3 กิจกรรมไลฟ์สไตล์ใหม่ ขณะนี้สมุยเตรียมจัด Teqball World Championships 2023 จะจัดเดือนสิงหาคม 2566 จะช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวสมุย
ผอ.กนกกิตติกา กล่าวว่า ททท.สมุยมีแผนส่งเสริมตลาดการขายข้ามภาคด้วยการนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวสมุยไปสร้างเครือข่ายกับคู่ค้าในพื้นที่ฝั่งตลาดพัทยา ชลบุรี ตามรูปแบบ Networking Launch พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนแล้วส่งข้อมูลระหว่างกันเจาะเข้าถึงกลุ่มต่างชาติที่พำนักในภาคตะวันออก(Expat) ตามนิคมอุตสาหกรรมที่มีอยู่หลายแห่ง หรือผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ หรือกลุ่มอินเซนทีฟ ถึงแม้พัทยาจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล แต่สมุยก็จะนำเสนอจุดขายทางทะเลที่มีความแตกต่างในการพักผ่อน
ขณะนี้ “การเดินทาง” ทางอากาศขึ้น-ลง ที่สนามบินนานาชาติสมุย นำนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเข้าถึงเกาะสมุย ประกอบด้วย “เที่ยวบินภายในประเทศ” มีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ วันละเกือบ 50 เที่ยวบิน จาก 5 เส้นทาง ได้แก่ 1.สุวรรณภูมิ-สมุย วันละ 15-35 เที่ยว และบางวันมีถึง 40 เที่ยว 2.ภูเก็ต-สมุย วันละ 6 เที่ยว 3.เชียงใหม่-สมุย วันละ 1-2 เที่ยว 4.กระบี่-สมุย วันละ 1 เที่ยว และ 5.อู่ตะเภา-สมุย สัปดาห์ละ 3 เที่ยวซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่จะเปิดตลาดจับคู่ขายการท่องเที่ยวข้ามภาคระหว่างกัน
ส่วนเที่ยวบินต่างประเทศ ไป-กลับ สมุย อีก 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.สิงคโปร์-สมุย วันละ 2 เที่ยว 2.เวียดนาม-สมุย จะเริ่มวันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 4 เที่ยว ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเกาหลีเดินทางจากเวียดนามมายังสมุย 3.ฮ่องกง-สมุย เริมวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 3 เที่ยว แล้วยังมี “เที่ยวบินเช่าเหมาลำ :Charter Flight เฉินตู-สมุย สัปดาห์ละ 1 เที่ยว รวมทั้ง เครื่องบินส่วนตัวหรือ Private Jet อีกหลายเที่ยวบิน
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามา ทั้งเพื่อการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อน (leisure) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา และอื่น ๆ
สำหรับ “การเดินทางทางเรือ” นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขับรถมายังสุราษฎร์ธานี 1.ใช้พื้นที่ตรงบริเวณท่าเรือดอนสักขึ้นเรือเฟอรี่รองรับได้เที่ยวละ 600 คน รถยนต์ 90 คัน 2.ชุมพรมาดำน้ำยังเกาะเต่า 3.ช่องทางใหม่จากท่าเรือสัตหีบมีบริการเรือเฟอรี่ “Seahorse Ferry” มายังเกาะสมุย รองรับผู้โดยสารได้เที่ยวละ 400 คน รถยนต์ 200 คัน ตามตารางเวลา จะออกจากสัตหีบ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 17.00 น.ถึงเกาะสมุยเช้าวันศุกร์ เวลา 8.00 /9.00 น. แล้วกลับจากเกาะสมุยวันอาทิตย์ 16.00 น.ไปถึงสัตหีบเช้าวันจันทร์
ผอ.กนกกิตติกา กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวเกาะสมุยช่วง 4 เดือนแรกปี 2566 เปรียบเทียบกับปีปกติ 2562 แล้วตอนนี้ฟื้นตัวด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 70 % ตามรายงานสถิติผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบินนานาชาติสมุยปีนี้สูงกว่าปี 2562 มากถึง 21.2 % สะท้อนถึงนักท่องเที่ยวยังคงเลือกสมุยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทย รวมทั้ง ททท.ยังร่วมมือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสมุย โรงแรมไทยสมุย บริษัทตัวแทนนำเที่ยวในต่างประเทศ ส่งข้อมูลโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่จะดึงดูดคนเข้ามายังเกาะสมุยได้ตลอดทั้งปี
รวมถึงบูรณาการทำงานร่วมกับสำนักงาน ททท.ต่างประเทศทั่วโลก 29 แห่ง เพื่อช่วยกระจายสินค้าท่องเที่ยวสมุยเข้าถึงตลาดในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยโครงสร้างตลาดท่องเที่ยวเกาะสมุย เป็นต่างชาติ 90 % โดยมีตลาดระยะใกล้แถบอาเซียน และเอเชีย ซึ่งขณะนี้ยังรอนักท่องเที่ยวตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มมีบ้างแล้วจากเมืองเฉินตู สิงคโปร์ รวมทั้งยุโรป เยอรมัน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย
ขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทยทางสมุยก็พร้อมต้อนรับ จะแบ่งเป็น กลุ่มแรก นักท่องเที่ยวในภาคใต้ด้วยกันขับรถมาเที่ยวสมุย หรือกลุ่มที่นั่งรถตู้ท่องเที่ยว หาดใหญ่ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มที่สอง เดินทางโดยเครื่องบินในประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และนักท่องเที่ยวแวะพักชาวต่างชาติ (transit) และเดินทางปกติมายังสนามบินสุวรรณภูมิ อู่ตะเภา เชียงใหม่ สามารถบินตรง
ปี 2566 ททท.เกาะสมุย
พร้อมขานรับส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
ภายใต้นโยบายสากล SDG Sustainable Development Goal ของสหประชาชาติ
และ STG :sustainable Tourism Goal ของ ผู้ว่าการ และ
ททท.สำนักงานใหญ่ เพื่อเข้าถึงเป้าหมายนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังสมุย
ซึ่งทางผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างเตรียมตัวเข้าร่วมเป็นอย่างดี โดยมีโรงแรม Go
Green ผนวกกับการบริหารจัดการลดขยะอาหารให้เป็นศูนย์ Food
Zero Waste
ต้อนรับโอกาสดีที่สมุย
และสุราษฎร์ธานี กำลังเตรียมพร้อมจัดทำ “คู่มือมิชลิน ไกด์ ปี 2567”
ดังนั้นช่วงปีนี้จะมีคณะกรรมการจากมิชลินเข้ามาตรวจร้านอาหารต่าง ๆ
ที่จะได้รับการคัดเลือก ซึ่งสมุยจะมีวัตถุดิบอาหารถิ่นปลาทะเลชนิดต่าง ๆ
สามารถสร้างประสบการณ์เพิ่มคุณค่าการท่องเที่ยวผนวกขายพ่วงเข้าไปได้อีกสินค้าเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1คิงเพาเวอร์ไทยเทสต์ฮับอร่อยเพิ่ม2สตรีทฟู้ดEastMeetSouth
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ สร้างสีสันใหม่ใน “THAI
TASTE HUB คิง เพาเวอร์
รางน้ำ”
เพิ่มจุดขายศูนย์รวมร้านอาหารสตรีทฟู้ดระดับตำนานความอร่อย
คัดร้านเด่นเมนูดังมาเสิร์ฟทุกคน เพราะเชื่อในพลังแห่งความเป็นไปได้ “The
Power of Possibilities” ต้อนรับซัมเมอร์เดือนพฤษภาคม 2566 เพิ่มความอร่อยเต็มคาราเบล “East meets South” พาเหรดเมนูเลื่องชื่อ “ภาคตะวันออก”
มาประชันกับ “อาหารภาคใต้” นั่นคือ
“หนองมน To Table by หญิงชุ”
เมื่อทุกคนได้เห็นเมนูเด็ดแล้วต้องนึกถึงตลาดหนองมนทันที และ “หาดใหญ่ ชิคเก้น”
ต้นตำรับไก่ทอดหาดใหญ่ขนานแท้
“ตลาดหนองมน”
เป็นอีกหนึ่งสถานที่นักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางไปทะเลชลบุรีจะต้องแวะอุดหนุน
เมนูเด็ดต้องนึกถึงทันทีคือ ข้าวหลาม ขนมจาก แฮกึ้น
หอยจ๊อ ขณะนี้ “หนองมน To Table by หญิงชุ”
สามารถเสิร์ฟความอร่อยให้ทุกคนลิ้มลองได้ตามต้องการ
มาสัมผัสรสชาติต้นตำรับได้ที่ “ไทย เทสต์ ฮับ” ชั้น 3 คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ ใจกลางกรุงเทพฯ นำของอร่อยมาเสิร์ฟเมืองกรุงเลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นความอร่อยระดับตำนานเกิดจากความชอบอาหารพื้นถิ่นเป็นทุนเดิม
รวมถึงความใส่ใจในการสรรหาวัตุดิบที่มีคุณภาพของคุณแม่
เพื่อนำมารังสรรค์เมนูหลากหลายให้สมาชิกในครอบครัวได้รับประทานทุกมื้อ
ทำให้เกิดแรงบัลดาลใจอยากให้คนเมืองได้ลองชิมอาหารพื้นถิ่นระดับตำนานแบบสดใหม่ด้วย
พาเหรดเมนูเด็ดครบเครื่องของทางร้านครบจบที่เดียว
อย่าง หอยจ๊อปู กับ แฮกึ้นกุ้ง ได้คัดสรรวัตถุดิบหลักคุณภาพสดใหม่จากทะเลอ่าวไทย,ข้าวหมูแดงหมูกรอบน้ำราดเข้มข้น
หรือจะสั่งแยกหมูแดง หมูกรอบ เป็นจานเดี่ยวก็ได้เช่นกัน
สำหรับของหวาน
“ขนมจาก” ปิ้งกันสด ๆ หน้าร้าน และ “ข้าวหลาม”
แสนอร่อยเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติ ผสานกับสูตรความอร่อยภายในครอบครัว
สู่โต๊ะอาหารของบ้านเพื่อนพี่น้อง ก่อนขยายสู่โต๊ะอาหารของลูกค้าทุกคน
จนกลายเป็นที่มาของ “หนองมน To Table by หญิงชุ”
ตำนานความอร่อยจากอดีตถึงปัจจุบัน
หากปักหมุดเดินทางไป
“เที่ยวหาดใหญ่” คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเมนู “ไก่ทอดหาดใหญ่”
ซึ่งมีอัตลักษณ์อันโดดเด่น คือ ไก่ทอดสีทอง ทอดกรอบ เนื้อในฉ่ำนุ่ม
รสชาติเข้มข้นทานคู่กับน้ำจิ้มไก่และหอมเจียว ทาง ไทย เทสต์ ฮับ คิง เพาเวอร์ จึงไม่พลาดที่จะยก
“ร้านหาดใหญ่ ชิคเก้น” มานำเสนอความอร่อยแบบต้นตำรับได้ทุกวัน
เรื่องราวของเมนูนี้เกิดจากผู้ก่อตั้งแบรนด์มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่หาดใหญ่
ก่อนย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนปี 2549 คิดถึงรสชาติอาหารบ้านเกิด
จึงนำข้าวเหนียวไก่ทอดมาคิดค้นสูตรเฉพาะตัวจนได้เป็นสูตรลับเฉพาะ
“ต้นตำรับไก่ทอดหาดใหญ่” ของ “หาดใหญ่ ชิคเก้น” แบ่งปันความอร่อยให้ทุกคนได้ลิ้มลองมาจนถึงทุกวันนี้
“หาดใหญ่
ชิคเก้น”
มีความโดดเด่นอยู่ตรงไก่ทุกชิ้นตัดไขมันส่วนเกินออกแล้ว
ก่อนจะนำมาหมักกับเครื่องเทศ แล้วนำไปทอดอย่างพิถีพิถัน ทานคู่กับน้ำจิ้มไก่รสชาติเข้มข้นสูตรเฉพาะของร้าน
พร้อมด้วยหอมเจียวสามรสกรอบฟู สามารถเลือกทานได้กับทั้ง ข้าวเหนียว
ข้าวหอมมะลิ เส้นมาม่า หรือข้าวหมก หากเป็น “ข้าวหมกไก่ทอด” ของร้านนี้จัดเป็นดาวเด่นอีกเมนู
นอกเหนือจาก ข้าวเหนียวไก่ทอด มาม่าไก่ทอดไข่เยิ้ม เส้นเหนียวนุ่ม
คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรส ทานคู่กับไก่ทอดและไข่ดาวเยิ้ม
ปิดท้ายด้วย
“กือโป๊ะ” เมนูข้าวเกรียบปลาสดทอด ของทานเล่นกรอบนอกนุ่มใน
ทุกเมนูทานคู่กับหอมเจียวและน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้านดังกล่าว
แวะมาได้ทุกวันที่
“ไทย เทสต์ ฮับ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
มาลิ้มรสอาหารขึ้นชื่อตะวันออกพบภาคใต้ เพื่อพิสูจน์พลัง ซอฟท์ เพาเวอร์ของร้าน
“หนองมน To Table by หญิงชุ”
กับ “หาดใหญ่ ชิคเก้น”
ตำนานอาหารท้องถิ่นของไทยสามารถยกชั้นเสิร์ฟระดับประเทศแบบเต็มคาราเบล
ข่าวที่
2 คิงเพาเวอร์ชวนคลิกKingPowerOnlineมีไฟลต์ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ชวนคลิก KING POWER ONLINE ช้อปง่ายเป็นไปได้ทุกการเดินทาง “ยิ่งช้อปมากยิ่งคุ้มมาก”
กับดีลจัดหนักจัดเต็ม ดีลดีของคนมีไฟลต์! เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2566
1.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 6,000.- ลดเพิ่ม! 500.- (สูงสุด 1,500. -)สำหรับทุกๆการช้อปครบ 2,000.-รหัสส่วนลด MAY15
2.“สินค้า Duty Free” สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย!
รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก
3.รับสิทธิประโยชน์ เริ่มจาก แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 10 เดือน ต่อด้วย รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท
ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัด
และ รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ รวมทั้ง
รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่ 3 สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้บัตรรับส่วนลดAteirWellnessสูงสุด15%
สมาชิก คิง
เพาเวอร์ รับส่วนลดสูงสุด 15% ร่วมทำหัตถการต่าง ๆ ที่ Atier
Wellness & Surgery House วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 บัตร ONYX, SCARLET และ NAVY รับส่วนลด 10%
บัตร VEGA และ CROWN รับส่วนลด 15%
โดยเข้าไปกดรับสิทธิ์ง่าย ๆ
ผ่าน LINE
Official Account คลิก : https://lin.ee/QxLtQ1b รับสิทธิประโยชน์และส่วนลดพิเศษ มากมาย และเมื่อสมัครแล้ว อย่าลืมผูกบัญชีสมาชิกบน LINEสิทธิพิเศษ สมาชิก คิง เพาเวอร์ VEGA, CROWN, ONYX, SCARLET และ NAVY รับทันที
วิธีรับสิทธิประโยชน์
1.แจ้งรับสิทธิ์และนัดเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันนี้
– 31 ธันวาคม 2566 เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา
10.30 น. – 20.00 น. แบบไม่จำกัดสิทธิ์การจองตลอดรายการ
2.สมาชิกสามารถกดรับรหัสส่วนลดผ่านระบบ LINE
Official Account : @kingpower หรือ member.kingpower.com และแจ้งรหัสส่วนลดกับเจ้าหน้าที่
เพื่อทำการจองล่วงหน้า (กรุณาสอบถามข้อมูล ก่อนทำการกดรับสิทธิ์)
3.สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ 4 ช่องทาง
ที่ Call Center : 063-236-2888 , LINE Official
Account : @atier , Website : atierwellness.com/ และFB : www.facebook.com/AtierWellnessAndSurgeryHouse
ข่าวที่ 4 ททท.ชูมิติใหม่UnseenNewChaptersโหวตลุ้นรับล้าน25อันซีน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่วแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการ “Unseen New
Chapters : ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง”
ชวนคนไทยโหวตแหล่งท่องเที่ยวอันซีน ทั่วไทย 77 จังหวัด โดยเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ใช่
เลือกจังหวัดที่ชอบ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท ดีเดย์เปิดโหวตเริ่มตั้งแต่
22 พฤษภาคม – 18 มิถุนายน 2566 ทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/Unseennewchapters
และจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ วันที่ 27 มิถุนายน 2566ซึ่งจะสามารถปลุกกระแสไทยเที่ยวไทยหนุนเป้าหมายรายได้ 880,000 ล้านบาท
โดยจะดึงดูดคนเข้าร่วมกิจกรรมฯ ได้ลุ้นรับของรางวัลมูลค่ารวมกว่า
1,000,000 บาท เช่น บัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ เส้นทางภายในประเทศ
บัตรกำนัลสำหรับใช้บริการโรงแรมที่พัก ร้านอาหารมิชลิน ไกด์ บัตรเติมน้ำมัน และอื่น ๆ กำหนดจะจับรางวัลและประกาศผลผู้โชคดีทุกสัปดาห์ผ่านหน้าเว็บไซต์โครงการ และททท.
เพิ่มความพิเศษกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว รถเช่า และสายการบิน มอบส่วนลดพิเศษให้นักท่องเที่ยวไทยควบคู่กันไปด้วย
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ททท.ได้วางแผนนำเสนอโครงการ “Unseen New Chapters : ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง” เพื่อส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2566 สร้างตำนานการเดินทางไทยเที่ยวไทยในบริบทใหม่
Limited Edition นำเสนอด้วยประสบการณ์มิติใหม่ที่มีความหลากหลาย
เชิญชวนร่วมส่งมอบท่องเที่ยวมุมมองใหม่แตกต่างกว่าที่เคย
รวมทั้งช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพิ่มการเข้าพัก
กระจายรายได้สู่ฐานราก และเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้นได้
อีกทั้งแคมเปญนี้ถือเป็นมิติใหม่ทางท่องเที่ยวซึ่งเชิญคนไทยร่วมคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยว
Unseen New Chapters นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ
77 แหล่ง จาก 77 จังหวัด ให้จังหวัดละ 1 แหล่งท่องเที่ยว โดยมีผู้คัดเลือกคือคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ประกอบด้วย สำนักงาน ททท.ทั่วประเทศทั้งหมด 45 แห่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด
แต่ละสถานที่จะใช้เกณฑ์คุณสมบัติสำคัญ ได้แก่ 1.เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวน่าสนใจ
แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง 2.มีศักยภาพหลากหลายและสวยงาม
3.มีระบบการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวที่ดี 4.การเดินทางเข้าถึงได้สะดวก 5.ไม่เคยได้รับการคัดเลือกเป็นแหล่งท่องเที่ยว
Unseen และ Unseen New Series มาก่อน
เมื่อผ่านเกณฑ์แล้ว ททท.
จะเปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapters แห่งใหม่ ผ่านทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/Unseennewchapters ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม - 18
มิถุนายน 2566 เพื่อคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวจาก 77 แหล่ง ให้เหลือเพียง 25 แหล่ง
ประกอบด้วย 1.แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจากคะแนนคัดเลือกของคนไทย
20 แหล่ง และ 2.แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
5 แหล่ง
“กติกาการลงคะแนนโหวต” 1 คน
โหวตได้สัปดาห์ 5 สิทธิ์ แต่ละสิทธิ์ต้องใช้โหวตให้กับแหล่งท่องเที่ยว ได้ในแต่ละภูมิภาค
ภูมิภาคละ 1 แห่ง ททท.มีทั้งหมด 5 ภูมิภาค แต่ละคนก็จะโหวตได้ 5 สิทธิ์
หรือ 5 แห่ง ใน 5 ภูมิภาค
แต่ละสัปดาห์สามารถโหวตไปได้เรื่อย ๆ แล้วจะไปสิ้นสุดในทุกวันอาทิตย์ เวลา
24.00 น. จากนั้นเริ่มนับคะแนนใหม่ ทุกวันจันทร์ เวลา 10.00 น.
สามารถร่วมเป็นกำลังใจและโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวผ่านทาง #unseennewchapters และร่วมสนุกผ่านกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ ทาง Facebook : Amazing
Thailand เพื่อลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ ร่วมทริปท่องเที่ยวกับ ททท.
และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับ “แหล่งท่องเที่ยว 25 แห่ง” ที่ได้รับการคัดเลือกภายใต้แคมเปญ Unseen New Chapters ททท. จะต่อยอดประชาสัมพันธ์ด้วยกลยุทธ์ “Music Marketing” จัดทำ “UNSEEN MUSIC VACATION” คัดเลือกโลชั่นการถ่ายทำ
MUSIC VACATION VDO ของศิลปิน
อิ๊งค์ - วรันธร เปานิล พร้อมจัดทำ “UNSEEN LIVE MUSIC VDO” 5
เพลง 5 ภูมิภาค โดยศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น วงอินดิโก้, เอิ๊ต
ภัทรวี, เบล วริศรา, ETC, Season Five
สามารถดูรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง
77 จังหวัด ที่ได้รับการเสนอชื่อ เพื่อเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันเลือกเพื่อโหวตลงคะแนนได้ทางโซเชียลมีเดียของ
ททท. ได้แก่ www.tourismthailand.org/Unseennewchapters,
Facebook : Amazing Thailand
ข่าวที่ 5 กลุ่มบริษัทบางจากQ1ปี66ทำยอดขายพุ่ง80,000 ล้านโต16%
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก
และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นไปตามเป้าหมายและสะท้อนผลลัพธ์จากแนวทางดำเนินธุรกิจด้านการเติบโตธุรกิจอย่างมีคุณภาพ
โดยทำรายได้จากการขายและให้บริการ
80,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 % กับช่วงเดียวกันกับปี
2565 มี EBITDA รวม 10,992
ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 20 %
มีกำไรสำหรับงวดในส่วนของบริษัทใหญ่ 2,741 ล้านบาท
เพิ่มจากไตรมาสกว่า 100 % ลดลงจากปีก่อน 37 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.91
บาท
แบ่งผลการดำเนินงานแต่ละกลุ่มธุรกิจเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน
และช่วงเดียวกันกับปี 2565 แล้ว ไตรมาส 1 ปี 2566
มีดังนี้
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 4,029
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 83 %
แต่ลดลงจากปีก่อน 20 % โดยโรงกลั่นบางจากฯ
ยังคงอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยระดับสูงต่อเนื่องทำสถิติสูงสุด 124,700 บาร์เรลต่อวัน รับรู้กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า
(รวมการวัดมูลค่ายุติธรรมตามมาตรฐานบัญชี) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก Crack
Spread ของผลิตภัณฑ์ได้ทำสัญญาซื้อขายมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
“ค่าการกลั่นพื้นฐาน” อยู่ที่ 11.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากไตรมาส4 ปี 2565 ทำไว้ 14.68 เหรียญสหรัฐฯ
ต่อบาร์เรล หรือลดลง 3.24 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพราะจาก Crack
Spread ของผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลปรับลดลงตามภาวะตลาดโลก ซึ่งทางโรงกลั่นบางจากฯ
ผลิตดีเซลได้มากที่สุด และไตรมาสนี้รับรู้
Inventory Loss 4.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือเทียบเท่า 1,687 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่ำกว่าไตรมาสก่อน
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 737 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100 %
แต่ลดลงจากไตรมาสแรกปีก่อน 34 % ไตรมาสนี้ค่าการตลาดต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
จากการปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ที่เหมาะสม และการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลตามมติของกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
(กบง.) รวมทั้ง “ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร” ลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งมีค่าใช้จ่ายส่งเสริมการตลาดด้วย
และปริมาณการจำหน่ายรวมลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล
กลุ่มที่ 3 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA รวม 852 ล้านบาท
ลดลงจากไตรมาสก่อน 15 % และลดลงจากไตรมาสแรกปีก่อน
72 % ปี 2566 มีปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นและไทย
เพิ่มขึ้น 17 % เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล
เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยที่ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไตรมาสก่อน
38 % โดยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนด้วย
จากส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเมื่อมีนาคม
2566 ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว ไตรมาสนี้หยุดการผลิตไฟฟ้า
เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าเวียดนาม
กลุ่มธุรกิจที่ 4 ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 107 ล้านบาท
ลดลงจากไตรมาสก่อน 26 % และลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
69 % แบ่งเป็น “ธุรกิจเอทานอลท”
มีรายได้จากการขายลดลง จากปริมาณการขายปรับลดตามแผนบริหารการขาย แต่มีปัจจัยหนุนจากต้นทุน
“ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล (B100)” ด้วยราคาวัตถุดิบ
ต้นทุนพลังงาน และสารเคมีลดลง
กลุ่มธุรกิจที่ 5 ทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 5,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 44 % และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 27 % จากปริมาณจำหน่ายของ OKEA ASA เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อน100
% เนื่องจากมีปริมาณการจำหน่ายได้มากกว่ากำลังการผลิตตามสัญญาการขาย
2 Cargoes จากแหล่งผลิต Draugen และรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากแหล่งผลิต
Brage ที่โอนกิจการมาจาก Wintershall Dea
ส่งผลให้ไตรมาสนี้
OKEA ทำสถิติรายได้สูงสุด และยังแสวงหาโอกาสลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้ลงนามสัญญาซื้อขายแหล่งปิโตรเลียม Statfjord บนไหล่ทวีปนอร์เวย์ (Norwegian
Continental Shelf - NCS) 28%
ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 40,000
บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากระดับ 20,000-25,000 บาร์เรล ซึ่งคาดธุรกรรมซื้อขายจะสำเร็จลุล่วงในไตรมาสสุดท้ายปี 2566
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มว่าแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2566 ราคาน้ำมันดิบจะยังคงได้รับแรงกดดันจาก
ความกังวลเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
โดยเฉพาะในยุโรป แต่ยังมีปัจจัยความกังวลอุปทานตึงตัวเพิ่มขึ้น
หลังจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+)
ตัดสินใจปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมัน อีกทั้งค่าการกลั่นของโรงกลั่นประเภท
Cracking ที่สิงคโปร์มีแนวโน้มปรับลดลงจากไตรมาสแรก
และจากสถานการณ์ด้านราคาพลังงานยังผันผวน ผนวกกับความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมัน
บริษัทฯ จึงติดตามราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด
ควบคู่กับการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและการทำงาน
ข่าวที่
6 TCEB ฉายฉากทัศน์ใหม่เปลี่ยนครั้งใหญ่อนาคตอุตไมซ์ไทย5ปีหน้า
ดร.จารุวรรณ สุวรรณศาสน์
ผู้อำนวยการฝ่าย MICE Intelligence และ
นวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้ฉายภาพฉากทัศน์อุตสาหกรรมไมซ์ 5 ปีข้างหน้า : MICE
Business Landscape 2028 จะเปลี่ยนไปจากแรงกดดันด้านคู่แข่งข้ามอุตสาหกรรม
(Cross Industry Rival) และรูปแบบกลยุทธ์
การดำเนินธุรกิจไมซ์ที่เปลี่ยนไป (MICE Business Model and Strategy
Change) รวมทั้งปัจจัยสนับสนุ 2 ปัจจัย คือ
ปัจจัยที่ 1 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Techology
Advancement)
ปัจจัยที่ 2 ความตระหนักถึงความยั่งยืน (Sustainable
Development of Business) ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมไมซ์
โดยเฉพาะการเติบโตของ “เทคโนโลยี” จะทำให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง
ๆ ได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนที่ถูกลง
ซึ่งจะช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้
ส่วนการ “สร้างความสำเร็จ” จะขึ้นอยู่กับความยั่งยืน
(Sustainability) และความตระหนักรู้ต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เช่น การตั้งเป้าหมายลดคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net
Zero Carbon) เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติในการจัดงานอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง
ขณะที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
และนวัตกรรม มีส่วนสำคัญทำให้ความคาดหวังของผู้บริโภคต่อประสบการณ์ที่จะได้รับสูงขึ้น
(Expectation Economy) อันเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไมซ์ต้องพบเจอ
และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับประสบการณ์ที่ได้รับจากเทคโนโลยีการให้บริการในอุตสาหกรรมอื่น
ๆ ซึ่งกลายมาเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ทำให้นักเดินทางไมซ์สัมผัสได้ทุกจุดสัมผัส (TouchPoint จะต้องได้รับประสบการณ์ที่ดีเทียบเท่ากับความคาดหวัง
เพื่อให้เกิดความมั่นใจเรื่องจะได้รับสินค้า และบริการที่ดีที่สุดนั่นเอง
ดังนั้น
“ผู้ประกอบการไมซ์” จึงไม่สามารถดำเนินธุรกิจด้วย “กลยุทธ์แบบเดิมได้” (MICE Business Model and Strategy Change) เพราะพฤติกรรมของนักเดินทางไมซ์เปลี่ยนไป
กระแสของทั่วโลกต้องการเดินทางและสำรวจพื้นที่ในเขตภูมิภาคหรือพื้นที่ใกล้เคียง (Regional
Based) มากขึ้น
อันเป็นผลมาจาก
2 ปัจจัย 1.ความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลก”
ท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซีย - ยูเครน ที่ยังไม่มีทีท่าจะยุติ ทำให้ค่าใช้จ่าย
ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง และการจัดงานเพิ่มสูงขึ้น 2.การควบรวมกิจการเกิดขึ้นต่อเนื่องจนทำให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมไมซ์ลดลง
ซึ่งทั้ง
2 ปัจจัยเป็นสัญญาณให้ธุรกิจ
และผู้ประกอบการไมซ์ต้องปรับตัวเดินหน้ามองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ
และเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในทุกรูปแบบ
ส่วนการ
“กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย” มีอยู่ 3 ไฮไลต์ ประกอบด้วย
1.ต้องเริ่มต้นด้วยการนำองค์ความรู้มาสร้างสรรค์อย่างมีคุณค่า
2.รู้จักประยุกต์ใช้ Local Wisdom หรือ Soft
Power รวมถึง Digital Platform มาเป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าเพิ่ม
และสร้างความน่าสนใจให้กับประเทศไทย
3.องค์ความรู้จากการวิจัย และนวัตกรรมต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรม S Curve หรือ Real Sector ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการจัดงานที่มีคุณค่า (High Value Added Destination) มากยิ่งขึ้น
ช่วงที่
2 เที่ยวไทยไปทะเล
“พัทยา” เช็คอินเทรนด์คาเฟ่แนวใหม่ หลากหลายสไตล์กับวิวสวย อาหารอร่อย
และทำกิจกรรมได้ตลอดทั้งวัน ใน 5 พิกัด
เพิ่มประสบการณ์เที่ยวเมืองไทย ส่วน “วัยเก๋า” เตรียมให้พร้อมรับมือหน้าฝน 5 เรื่อง และข่าวฮ็อต “SHRเครือสิงห์ฯQ1ปี66” นำ4โรงแรมกำไร16%รายได้ในไทยพุ่ง3เท่า
ท่องเที่ยว-เที่ยวพัทยาเดินสายเช็คอินคาเฟ่+แคมปิ้งสุดชิคริมทะเล5พิกัด
อากาศระอุแบบต้องชวนกันไปชีลแหล่งท่องเที่ยวริมทะเลใกล้กรุงใน
“พัทยา” ชลบุรี มีร้านคาเฟ่สุดชิค พร้อมอาหาร และวิวสวย ลมพัดดับร้อน
แนะนำเดินทางไปเพิ่มประสบการณ์เช็คอินตามร้านต่าง ๆ 5 พิกัด ตามมาลองได้เลย
พิกัดที่ 1 Bamboo
Beach Pattaya
เปิดบริการทุกวัน 9:00 - 23:00 น. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา
แนะนำว่าเป็นร้านโปรดของลูกค้าที่ชื่นชอบการกินมื้อเช้าช่วงเวลาสาย ๆ หรือ Brunch ของนักท่องเที่ยวไทยและทั่วโลก
โดยเฉพาะครอบครัวที่มาจากเมืองหนาวจองพักยาว ๆ ในพัทยาในบรรยากาศวิวเหมือนหาดส่วนตัว
เสิร์ฟอาหารรสชาติดี มีเครื่องดื่มเย็น ๆ เมนูติดท็อปลิสต์คือ “หมึกผัดไข่เค็ม” รวมทั้งจานเด็ดตามมาตรฐานก็อร่อยสุด
ๆ เช่นกัน คือ ต้มยำทะเลน้ำข้น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
และอื่นรับประทานเสร็จยังสามารถทำกิจกรรมอาบแดด ส่วนเด็ก ๆ เล่นน้ำทะเลได้ตลอดวัน
ดูข้อมูลเพิ่มทาง facebook.com/BambooBeachPattaya
พิกัดที่ 2 Muquet De Cafe and
Art Space
เปิดทุกวัน 7:00 - 22:00 น. เป็นคาเฟ่ธรรมชาติ ด้วยดีไซน์การนำอาหารกับงานศิลปะผสมผสานให้มาเจอกัน
ไฮไลต์ร้านนี้นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับกาแฟและเบเกอรี่ชั้นดี ตกแต่งบรรยากาศเหมือนอยู่ในป่า
มีน้ำตก พืชพรรณ หมอกไอน้ำมีเสียงดนตรีคอยบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ให้ฟัง
ร้านนี้ยังมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะหลายแขนงเมื่อมาถึงจะต้องตื่นตากับความยิ่งใหญ่งดงาม
อย่างช่วงนี้ในร้านจัดแสดง SOLO ART EXHIBITION 70y ของอาจารย์ศราวุธ ดวงจำปา ศิลปินแห่งชาติ
สาขาทัศนศิลป์ ดูเพิ่มที่ www.facebook.com/Muguetdecafe
พิกัดที่ 3 Camp Tales Cafe - Glamp n Grill Chonburi เปิดทุกวัน10:00
- 22:00 น. เป็นคาเฟ่สไตล์แคมป์ปิ้ง แห่งหนองรี ชลบุรี อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ มีนักท่องเที่ยวหลากหลายแวะเวียนเข้ามาใช้บริการ
อาหารแนะนำของทางร้าน คือ “หมูกรอบคั่วพริกเกลือ”
มาถึงร้านแล้วต้องห้ามพลาดสั่งมาชิมกัน
บรรดาเลิฟเวอร์สายแคมป์ปิ้ง จองพักค้างแรมได้เพียงคนละ
250 บาท ภายในพื้นที่มีกิจกรรมสนุกเพียบ ทั้งเซิร์พบอร์ด เรือเป็ด ตกปลา ช่วงเย็นจะมีบาร์สามารถจัดปาร์ตี้กับเพื่อน
ๆ ได้อย่างอิสระ โทร.086-5888898 หรือดูเพิ่มทาง www.facebook.com/CampTaleChonburi
พิกัดที่ 4 ชีวาคาเฟ่ - Sheeva Café เปิดทุกวัน 9:00 - 18:30 น. เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟเมื่อมาถึงพัทยาต้องแวะสัมผัสกลิ่นหอมเย้ายวนของเมล็ดกาแฟจากโคลอมเบียนำมารังสรรค์เมนูอร่อยมาก
ชิม “อเมริกาโน่” สักแก้ว จะได้ทั้งความชดชื่นพร้อมกลิ่นอบเชยกรุ่นชัดเจน และเลือก
“เบเกอรี่” สักชิ้นมารับประทานคู่กันก็ได้
ดูเพิ่มเติมทาง www.facebook.com/sheevacafepattaya
พิกัดที่ 5 Art Space NFT หนึ่งในพื้นที่ผสมผสานแสดงงานศิลปะ
โชว์ความคิดสร้างรรค์แห่งใหม่ เกิดจากความตั้งใจของคุณตั๋น -จารุต วงศ์คำจันทรา
ผู้ก่อตั้งต้องการให้ชลบุรี และภาคตะวันออก มีพื้นที่แสดงออกเรื่องความคิดสร้างสรรค์
และตัวตนของเหล่าศิลปิน โดยพ่วง NFT แสดงไว้ในแต่ละโซน แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสินทรัพย์ทางดิจิทัลเสมอไป
งานอาร์ตในแขนงอื่นตามธีมก็มาได้ แบ่งช่วงเวลาแสดงการศิลปะต่างกันไป จึงน่าสนใจที่จะเข้ามาร่วมค้นหาความคิดเชิงสร้างสรรค์
เป็นการท่องเที่ยวซอฟท์เพาเวอร์ที่งดงามต่อใจ
มาเที่ยว “พัทยา” ได้ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน
ในโมเมนท์ที่ใช่ ไม่ต้องรอ แล้วแวะเพิ่มประสบการณ์ตามคาเฟ่ชิค ๆ ได้ทั้ง 5 พิกัด กำลังรอต้อนรับมิตรทุกคน
สุขภาพ –5 เรื่องวัยเก๋ารับมือหน้าฝน/ไม่เจ็บ/ไม่ป่วย/ไม่เจออุบัติเหตุ
เมื่อเข้าหน้าฝน
หลายคนอาจชอบเพราะจะได้คลายร้อน ชุ่มช่ำ ยิ่งเวลาที่ได้นอนฟังเสียงในห้องนอนอุ่นๆ
ยิ่งทำให้ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลยทีเดียว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ชอบหน้าฝน
เพราะทำให้เฉอะแฉะ ต้องคอยระมัดระวังเวลาไปไหน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
และที่สำคัญคือ ทำให้เราป่วยง่าย!
เพื่อความไม่ประมาท
จึงขอแนะนำการใช้ชีวิตดูแลสุขภาพช่วงเข้าสู่หน้าฝนไว้ก่อน 5 เรื่อง
1.
ตรวจเช็คยานพาหนะให้สมบูรณ์ -หากผู้สูงอายุวัยเก๋า
ยังแข็งแรงพอที่จะไปไหนมาไหนเองได้
ก็ต้องคอยตรวจเช็คสภาพของยานพาหนะเราก่อนที่จะออกจากบ้านทุกครั้ง เช่น รถยนต์
ควรเช็กแต่ละส่วนให้เตรียมพร้อมกับการรับฝนหนัก
และหลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่ที่น้ำท่วมด้วย เช่น “ตรวจใบปัดน้ำฝน” เพราะถ้าฝนตกหนักก็จะทำให้เกิดอันตรายได้
“ตรวจระบบเบรก” สังเกตตอนเหยียบเบรกว่ามันจมลึกกว่าปกติหรือเปล่า “ตรวจยางรถยนต์”
ก็ควรเติมลมยางให้พอดี เพราะมันจะส่งผลเรื่องการเกาะถนนตอนเปียกลื่น ถ้ายางไม่ดี
ก็จะทำให้เกิดอันตรายได้
2.
อย่าลืมพกร่มทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน - พกไว้ให้เป็นนิสัยไปเลย ไม่เปียกแน่นอน
เพราะถ้าไม่เจอฝน เราก็ยังใช้กันแดด ไม่ต้องเจอกับแดดจ้าๆ
เสี่ยงต่อการเป็นลมได้ด้วย
3.
รองเท้าสำคัญในการเดินบนพื้นหน้าฝน -ซึ่งจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก
ยิ่งกับผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อการลื่นล้มได้อย่างง่ายๆ
ยิ่งต้องดูแลในเรื่องของรองเท้าที่สวมใส่เป็นพิเศษ
ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี
ในหน้าฝนควรเลือกใส่รองเท้าที่สามารถกันลื่นได้ เช่น วัสดุประเภทยาง
ที่จะทำให้การเดินบนพื้นลื่นๆของเรานั้นมั่นคง ไม่ลื่นง่าย
4.
หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่มีคนแออัด - หน้าฝนจะเป็นช่วงเชื้อโรคต่าง ๆ
แพร่กระจายได้ง่ายมาก แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นโรคติดต่อบ้าง
ผู้สูงอายุส่วนมากที่มีโรคประจำตัวอยู่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุด เช่น
โรคปอดบวม ที่จะพบมากในฤดูฝนโรคปอดบวมเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น
เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และมักเป็นโรคแทรกซ้อนหลังป่วยไข้หวัด
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ
ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย และที่สำคัญคือ
หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด
5.
โรคไข้หวัดใหญ่ที่มากับฝน เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
เป็นภาวะที่มีความชื้นสูง
ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคนานาชนิดได้ง่ายขึ้นกว่าสภาวะปกติ
ซึ่งแน่นอนว่าโรคฮิตที่มักพบในฤดูนี้คือโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจอย่างโรคไข้หวัด
ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งสามารถแพร่กระจายได้จากการไอและจาม
ผู้สูงอายุและเด็กจึงควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
คอยสังเกตตัวเองและคนใกล้ตัวว่าถ้ามีอาการน้ำมูกไหล
หายใจไม่สะดวก จาม อ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ หรือไอแห้งๆ ควรพบแพทย์แต่เนิ่นๆ
และรับการรักษาโดยเร็ว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -SHRเครือสิงห์ฯQ1ปี66นำ4โรงแรมกำไร16%รายได้ในไทยพุ่ง3เท่า
บริษัท เอส
โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ 'SHR' บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท รายงานว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2566 รายได้จากการขายและบริการ
2,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 16% จากไตรมาส และจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 51% ทำผลกำไรสุทธิ125 ล้านบาท ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ขยายตัวทุกพอร์ตโฟลิโอ
สอดรับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยวโลก
ไตรมาส 1 ปีนี้ ธุรกิจที่ทาง SHR ลงทุนทั้ง 4 พอร์ตโฟลิโอ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1
โรงแรมในประเทศที่เมืองไทย หลังเปิดประเทศมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 3
เท่า มีอัตราการเข้าพักไตรมาสแรกปีนีเฉลี่ย 85% แล้วยังสามารถปรับค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate:
ADR) สูงขึ้นจากก่อนโควิดได้อีกกว่า 8%
กลุ่มที่ 2 โรงแรมในต่างประเทศ 2 โครงการ ได้แก่ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) และในสหราชอาณาจักร ส่งสัญญาณบวกเติบโตต่อเนื่อง นั่นคือ
โครงการที่ 1 CROSSROADS มัลดีฟส์ โดดเด่นและมีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างจากทั่วไปจึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลายกลุ่ม
ทำให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทำสถิเติบโตสูงที่สุดสุดถึง 87% นับเป็นการบริหาร รายได้ต่อห้องพักต่อคืน หรือ RevPAR ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงห้องพักตอบสนองกระแสนิยมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
โครงการที่ 2 โรงแรมสหราชอาณาจักร ถึงจะเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวยังทำอัตราเข้าพักสูงถึง 66% ทำราคาได้ถึง 50 ปอนด์/ห้อง/คืน สูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19 ปี 2562
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SHR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เป็นผลมาจากฐานรากทางธุรกิจแข็งแรงพร้อมรับการท่องเที่ยวเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 SHR มุ่งเน้นสนับสนุนพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ การยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว ปัจจัยที่ 2 เชื่อมั่นอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ท่องเที่ยวทั่วโลกปีนี้ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง
ปัจจัยที่ 3 ผลสำเร็จจากกลยุทธ์บริหาร RevPAR และการเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพของพอร์ตโฟลิโอ จะทำให้ผลประกอบการของ SHR ปี 2566 สร้างความประทับใจ เห็นได้จากผลสัมฤทธิ์ที่ปรากฎซึ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับอุตสาหกรรมภาพรวมได้อย่างทรงพลัง ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะทำให้ยิ่งขึ้นต่อไป
โดย SHR พร้อมเดินหน้าตามวิสัยทัศน์มุ่งดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสิงห์ เอสเตท ด้าน ESG (Environment Social Governance) ทั้ง 3 มิติ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดขับเคลื่อนความยั่งยืนภายใต้มาตรฐาน Green Globe(TM) มาใช้กำกับดูแลการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเป็นเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ ทำให้ SHR ประสบความสำเร็จยกระดับโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ได้แก่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต , ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ , สันติบุรี เกาะสมุย และครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ได้รับประกาศนียบัตรด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับสากล จาก Green Globe(TM) ซึ่งถือเป็นมาตราฐานที่การยอมรับจากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก (Global Sustainable Tourism Council) และองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO)
ส่วนพันธสัญญาสำคัญของ SHR อีกอย่างตั้งใจจะผลักดันมาตลอดเรื่องการสร้างผลตอบแทนที่สูงสุดให้ผู้ถือหุ้น เพื่อจะให้บรรลุเป้าหมายในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงขออนุมัติที่ประชุม เพื่อโอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเพื่อล้างผลขาดทุนสะสม เพื่อจะทำให้บริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการ และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เมื่อบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานในอนาคต ถือเป็นการเตรียมพร้อมรับฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2566
รวมทั้งยังมุ่ง “สร้างสมดุลแหล่งเงินทุน” ของบริษัท รองรับการเติบโตในอนาคต โดยประชุมมีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตจะพิจารณาออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อรองรับแผนขยายกิจการ แล้วสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาว และ/หรือชำระคืนเงินกู้เดิมบนเงื่อนไขที่เหมาะสมของสภาวะตลาดตราสารหนี้ และต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ เพื่อบริหารต้นทุนให้เหมาะสมสูงสุด
นายเดิร์ก กล่าวว่า เมื่อนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเดินทางหลังจากทุกประเทศยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้ปี 2566 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด บวกกับกลยุทธ์ผลักดันธุรกิจของ SHR ทำมาตลอดจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาใช้บริการได้หลากหลายกลุ่มตลาดมากขึ้น จะเป็นแรงหนุนสำคัญทำให้ธุรกิจเติบโตได้เต็มอัตราและขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปี 2566 SHR ยังคงตั้งเป้าจะทำรายได้ให้สูงกว่า
10,000 ล้านบาท ทำอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตลอดปีให้ได้ไม่ต่ำกว่า
75% ควบคู่กับการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น