ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.แผนปี2567 ตลาดยุโรป 4 ทวีปชู Ready to Move EGF

ททท.นำไทยฉลุยตลาดไกล4ทวีปเที่ยว5เดือนเกินแล้ว3ล้านคน

TTMPlus2023ยุโรปแชมป์-โร้ดโชว์โมเดลเขียวยั่งยืนMeaningful

เปิดแผนปี’67ลุยReady to MoveEGF1สำนักงานโกย1ล้านคน

“คิงเพาเวอร์”จัดปังDutyFree Saleลดแรง50%ยาว1มิ.ย.-31ก.ค.

สมาชิกคิงเพาเวอร์ช้อปแลกกะรัตวีคเดย์/วีคเอนด์ลดทันที20%

ช้อปเลย!! KING POWER ONLINEรหัสJUN15ถึง7มิ.ย.ลด15%

ททท.แจก3ล้านชวนออกตามล่าน้องสุขใจเที่ยวไทย77จังหวัด

บางจากช่วยชาวสวนซื้อมะม่วงภาคเหนือแจกในปั๊มถึง5มิ.ย.66

ทีเส็บหนุนปั่นติดปีกBIKE FOR WINGชูเขตทหารทั่วไทยจัดไมซ์

เที่ยวชุมพรUnseen“วัดเขาเจดีย์ฯ”กับเกาะดำน้ำโลกใต้ทะเล

ไขข้อสงสัย!?ออกกำลังกาย“เช้าหรือเย็น”เวลาไหนดีกว่ากัน!!

5เดือนแรกต่างชาติทัวร์ไทยเกิ10ล้านคนมิ.ย.4.5แสนคน/เดือน

บางกอกแอร์ปลุกเที่ยว2เกาะเปิดบิน“สมุย-ฮ่องกง”เริ่ม1ก.ค.66

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร 

รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.

วันอาทิตย์ที่  3 มิถุนายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #UnseenNewChapters  #

ฟังไลฟ์สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/kWAW83tfmw/



ช่วงที่ 1 ไทยเนื้อหอมกับ “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทัพธุรกิจทั่วโลกรุกเจรจาการค้าท่องเที่ยว TTM+2023 พร้อมโชว์ 5 เดือนแรก 4 ทวีป ยุโรป-ตะวันออกกลาง-อเมริกา-แอฟริกา เที่ยวไทยเกิน 3 ล้านคน ครึ่งปีหลังงัดกลยุทธ์สดใส 2 ส.”สายการบิน-สถานประกอบการ” ผนึกสมาคมสีเขียวเริ่มขายครั้งแรก Meaningful Travel Roadshow เจาะตลาดสวีเดน เดนมาร์ก ส.ค.นี้ ปี’67 เปิดไส้ในแผนโกย 10 ล้านคน ชูยุทธศาสตร์ Ready to Move EFG : Ecosystem สร้างสินค้าและท่องเที่ยวยั่งยืน+Fantastic Four 1 สำนักงาน เพิ่ม 4 ตลาดคุณภาพ+Go Beyond A Million 1 สำนักงานหาให้ได้ 1 ล้านคน

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในฐานผู้ดูแลตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ 4 ทวีป ล่าสุด ททท.เป็นเจ้าภาพจัดงาน TTM+2023 :Thailand Travel Mart Plus 2023 มีตัวแทนท่องเที่ยวกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลกเดินทางเข้าร่วมงานที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์กว่า 374 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35 % ประเทศที่เข้าร่วมมากสุดคือ ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา 37 % เอเชียตะวันออก 32 % อาเซียน และแปซิฟิกใต้ 14.7 % และมีผู้ประกอบการไทยเป็นตัวแทนผู้ขายเข้าร่วมงาน 435 ราย เพิ่มขึ้น 60.7 % รวมสื่อมวลชนต่างชาติ 80 ราย ไทย 20 ราย ช่วยตอกย้ำถึงไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่มีความพร้อมมากขึ้น ผนวกกับสายการบินทั่วโลกทยอยเพิ่มความถี่และเส้นทางบินต่อเนื่องตลอดทุกเดือน

ขณะนี้ภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่แดนบวก โดยเฉพาะ“ตลาดระยะไกล/LongHaul” จาก ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา ตลอดปี 2566 ททท.ได้เน้นเป้าหมายหลักเรื่อง “เพิ่มรายได้” จึงให้ความสำคัญรอบด้านทั้งกับการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว การใช้จ่ายเงินมากขึ้น/คน/ทริป เพิ่มวันพักเฉลี่ยสูงขึ้น/คน/ทริป เพราะตอนนี้ตั๋วโดยสารเครื่องบินสูงเป็นปัจจัยทำให้นักท่องเที่ยวระยะไกลที่เดินทางมาแล้วเลือกพักผ่อนอยู่เมืองไทยนานวันขึ้น ผนวกกับรัฐบาลมีนโยบายผ่อนคลายการเดินทางอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวมากขึ้น

 


ส่งผลให้ 5 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-พฤษภาคม  2566 ททท.ทำเป้าหมายได้เกินกว่าครึ่งแล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยจาก 1.ยุโรปยอดสะสมเกิน 3 ล้านคน  2.อเมริกา ทำได้ 5 แสนคน จากเป้า 1 ล้านคน 3.ตะวันออกกลางเป็นดาวรุ่งแห่งปี ทำได้เกือบ 4 แสนคน โดยเฉพาะ “ซาอุดิอาระเบีย” เพิ่งจะฟื้นความสัมพันธ์ได้ไม่นานก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 40,000 คน ตอนนี้จะคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงฤดูท่องเที่ยวหน้าฝนที่เหมาะกับตลาดดังกล่าว ความสำเร็จเกิดจากทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยมีสายการบินนานาชาติร่วมมือมากที่สุด

นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง 2566 จะใช้คำว่า “สดใส” 2 ส. คือ 1.สายการบิน 2.สถานประกอบการท่องเที่ยว จะต้องปรับตัวขานรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวตามเทรนด์รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตลาดระยะไกลนิยมเลือกจองพักโรงแรมรีสอร์ตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เลือกใช้วัตถุดิบอาหาร สินค้า ของที่ระลึกในท้องถิ่น

ช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ททท.นำร่องจัดครั้งแรก กิจกรรมโครงการที่ 1 Meaningful Travel Roadshow 2023 เลือกพื้นที่เป้าหมาย 2 ตลาด 2 ประเทศ ที่เดนมาร์ก กับสวีเดน โดยจะเลือกตัวแทนผู้ขายไทยไปร่วมงาน ตามที่ ททท.วางกลยุทธ์จับมือกับกลุ่มธุรกิจสีเขียว ได้แก่ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO -Thailand Greenhouse Gas Management Organization) 

กิจกรรมโร้ดโชว์ครั้งนี้จัดทำขึ้นเพื่อร่วมมือกันตอบโจทย์นักท่องเที่ยวเรื่อง “คุณค่าการท่องเที่ยว” ครบทั้งมิติ อารมณ์ ความรู้สึก และความสนใจเฉพาะ มีค่าต่อตัวเอง ต่อสังคม ต่อแหล่งท่องเที่ยว และพุ่งเป้าทำเรื่องที่โดดเด่นเป็นรูปธรรม ในระระยสั้น/เร่งด่วน คือ วิธีใช้เครื่องวัดการท่องเที่ยวช่วยลดการปล่อยก๊าซกระจก ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามมาตรฐานสากล เพราะทุกการเดินทางย่อมกระทบถึงการปล่อยมลพิษดังกล่าว ทั้งจากการเดินทาง อาหารแต่ละมื้อที่รับประทาน ก้าวสู่ระยะยาวเรื่องการคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์

ภายใต้ตัวแปรประการสำคัญ 1.สายการบินจะต้องฟื้นฟูเที่ยวบินทั้งหมดกลับมาให้บริการตามปกติ 2.สถานประกอบการท่องเที่ยวของไทยหรือ Shape Supply จะต้องปรับตัวใหม่อย่างรวดเร็วตามกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่

กิจกรรมโครงการที่ 2 จัด Fam Trip เลือกตลาดเป้าหมายเดินทางเข้ามาสำรวจและสร้างประสบการณ์ตามแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยด้วยตนเองโดยจะเน้น ทริปท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบและยั่งยืน Responsible &Sustainable Tourism เช่น เมื่อเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวมีบริการนั่งรถระบบไฟฟ้าไปยังชุมชนเพื่อกระจายรายได้ถึงเศรษฐกิจฐานราก ร่วมสร้างประสบการณ์ตรงทำเวิร์คช้อป สร้างความรู้ความเข้าใจให้ทุกคนนำสิ่งที่ได้รับไปเผยแพร่และวางขายกับนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศต่อไป มุ่งเน้นครบทุกตลาดที่ดูแลทั้ง 4 ทวีป


นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเดินหน้าทำแผนท่องเที่ยวปี 2567 ทั้ง 4 ทวีป ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยตั้งเป้าทำรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่า  40 % ของเป้าหมายทั้งหมดคือ 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 4.75 แสนล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 30 % ของเป้าหมายทั้งหมด 34 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 10.2 ล้านคน สอดคล้องกับผลสำรวจของ TAT Intelligence Center เมื่อต้นปี 2566 พบว่าขณะนี้ “นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเมืองไทย” ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท/คน/ทริป สูงกว่าช่วงปี 2562 และช่วงโควิด-19 จึงเป็นสัญญาณที่ดีในการขับเคลื่อนท่องเที่ยวเข้าสู่ “แกนคุณค่า” ซึ่งไม่ได้มุ่งเฉพาะรายได้เพียงอย่างเดียว แต่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องเคารพกติกา รักษาสิ่งแวดล้อม กลมกลืนกับไลฟ์สไตล์คนไทยตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วย 

ไฮไลต์แผนท่องเที่ยวตลาดระยะไกล/Longhaul ปี 2567 ททท.เดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์ABCD+ECF ตั้งเป้าหมุดหมายหลัก 2 ธีม “High Value-ท่องเที่ยวมูลค่าสูง กับ Sustainability -ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” เริ่มจากปี 2566 ใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อนเร็วไปข้างหน้า ABCD -Fast Forward ประกอบด้วย A-Airline Focus ร่วมมือกับสายการบินเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาได้อย่างสะดวก B-Big Cities &Beyond  กระจายนักท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรองอย่าง C-Collaboration is Key ร่วมกับพันธมิตรใหม่ในต้องการโปรโมตเมืองไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน D-Destination For All ทุกตลาดทุกเมืองสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปีหรือ All year round

 


ปี 2567 จะขยายเป็น EFG -Ready to Move พร้อมจะเคลื่อนทัพท่องเที่ยวเพิ่มอีก 3 กลยุทธ์ ได้แก่ E-Ecosystem Sustainability ทำให้ระบบนิเวศน์ท่องเที่ยวยั่งยืน ทั้งระบบนิเวศน์ที่มีประชากร 4 ล้านคน แชร์ประสบการณ์ประมาณ 10 % ของแรงงานไทยต้องมีเรื่องยั่งยืนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้

 


ต่อด้วย F-Fantastic Four ทุกสำนักงานทั่วโลกที่ดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวระยะไกลจะต้องวางตำแหน่งเซกเมนต์ตลาดคุณภาพสูงให้ชัดเจนโดยเลือกมาให้ครบ 4 ตลาด/สำนักงาน ได้แก่ ลัวชัวรี่ คู่แต่งงาน/ฮันนีมูน LGBTQ+ มิเลนเนียล นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม (health & Wellness) และอื่น ๆ


ปิดท้ายที่ G-Go Beyond A Million จะต้องเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวสร้างโอกาสให้แหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยให้ได้ ตามคอนเซ็ปต์ 1 สำนักงาน จำนวนนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ทำต่อเนื่องจากปี 2566 คือ 1 สำนักงาน 1 โปรเจกต์ หากสำนักงาน ททท.ในยุโรป ทำเองโดยลำพังแห่งเดียวไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีจับมือกับสำนักงานอื่นเพื่อให้เป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้


สำหรับข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT -The Civil Aviation Autority of Thailand)  ช่วงตารางบินฤดูร้อน รวม 30 สัปดาห์ ระหว่างเมษายน-ตุลาคม 2566  มี “เที่ยวบินต่างประเทศเข้าไทย” จำนวนรวม 100,493 เที่ยวบิน เข้า-ออก 8 สนามบินนานาชาติหลัก ได้แก่

1.สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) 57,078 เที่ยวบิน

2.สนามบินนานาชาติดอนเมือง (DMK) 25,099 เที่ยวบิน

3.สนามบินนานาชาติภูเก็ต (HKT) 12,031 เที่ยวบิน

4.สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ (CNX) 4,702 เที่ยวบิน

5.สนามบินนานาชาติสมุย (USM) 633 เที่ยวบิน

6.สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (UTP) 474 เที่ยวบิน

7.สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ (HDY) 434 เที่ยวบิน

8.สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย 42 เที่ยวบิน



ตลอดตารางบินฤดูร้อนปี 2566 มี “10 ประเทศหลัก” มี “เที่ยวบินเข้าไทยมากที่สุด” ได้แก่

1.สาธารณรัฐประชาชนจีน 19,368 เที่ยวบิน 2.สิงคโปร์ 8,529 เที่ยวบิน 3.มาเลเซีย 8,516 เที่ยวบิน 4.เวียดนาม 7,955 เที่ยวบิน 5.อินเดีย 6,757 เที่ยวบิน

 

6.ฮ่องกง 5,584 เที่ยวบิน 7.เกาหลีใต้ 5,199 เที่ยวบิน 8.ญี่ปุ่น 5,069 เที่ยว 9.กัมพูชา 4,640 เที่ยว 10.ไทเป (ไต้หวัน) 4,5586 เที่ยว

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์”จัดปังDutyFree Saleลดแรง50%ยาว1มิ.ย.-31ก.ค.

 

นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า พร้อมจัดแคมเปญ “Duty Free Sale Let Yourself Go!” ช้อปได้ไม่ต้องยั้ง ส่วนลดสุดปัง แบรนด์ดังมากมาย มอบความคุ้มค่าให้นักช้อปจากทั่วทุกสารทิศด้วยทัพสินค้าดิวตี้ฟรีเซลล์ ลดสูงสุด 50% ต่อเนื่อง 2 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 มิถุนายน  – 31 กรกฎาคม 2566 เลือกช้อปได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทั้ง 4 สาขา ได้แก่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ต้อนรับกลางปีการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งคนไทยและต่างชาติมีแผนใช้เงินเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และเป็นสัญญาณที่ดีทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในประเทศร่วมกันจัดแคมเปญและกลยุทธ์การตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายสร้างแรงจูงใจให้คนใช้จ่ายตามไปด้วย

 

 

คิง เพาเวอร์ ผู้นำธุรกิจดิวตี้ฟรีระดับโลกของคนไทย จึงได้จัดมหกรรมดิวตี้ฟรีเซลล์สุดยิ่งใหญ่ด้วยแคมเปญ “THE POWER OF POSSIBILITIES” ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ คัดสรรสิ่งใหม่ๆ มานำเสนอขายในราคาสุดพิเศษ พร้อมต้อนรับนักเดินทางและนักช้อปมาร่วมประสบการณ์ใหม่ของนักเดินทาง ทุกเพศ ทุกวัย และทุกไลฟ์สไตล์ 

 

แคมเปญ “Duty Free Sale Let Yourself Go!” ช้อปได้ไม่ต้องยั้ง ส่วนลดสุดปัง แบรนด์ดังมากมาย เป็นหนึ่งในแคมเปญปลุกพลังนักช้อปและนักท่องเที่ยวรองรับทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่ชอบความคุ้มค่า โดยรวบรวมสินค้าดิวตี้ฟรีแบรนด์แฟชั่นชั้นนำหลากหลายแบรนด์ดัง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มาเซอร์ไพรส์ ถึง 3 เซอร์ไพรส์ ได้แก่

 

เซอร์ไพรส์ที่ 1 รับลดสูงสุด 50% และสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น ช้อปครบทุก 5,000 บาท ลุ้นรับ Gift Card มูลค่า 5,000 บาท และรับ Gift Voucher สูงสุด 2,500 บาท

 

เซอร์ไพรส์ที่ 2 ช้อปครบตามกติกา เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป รับ Gift Voucher 1,000 บาท หรือ ช้อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป รับ Gift Voucher 2,500 บาท 

 

เซอร์ไพรส์ที่ 3 รับทันทีกระเป๋าเดินทาง เมื่อช้อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป

 

ข่าวที่ 2 สมาชิก“คิงเพาเวอร์”แลกกะรัตวีคเดย์/วีคเอนด์ลดทันที20%

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมาย ทุกการเดินทางที่มีความเป็นไปได้เสมอ กับมหกรรมเลือกซื้อสินค้าช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ “เดือนมิถุนายน 2566” จัดทัพ “ดีลดี” ช้อปง่ายสะดวก กับการช้อปออนไลน์ www.kingpower.com   หรือจะแวะไปเยี่ยมเยือนในร้านออนกราวดน์บรรยากาศใหม่ดีไซน์เก๋ที่ร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา ทั้งในเมือง และทั้งขาเข้า-ขาออก 5 สนามบินนานาชาติ (Airport) สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ อู่ตะเภา ช่วงเปลี่ยนผ่านซัมเมอร์สู่กรีนซีซันมิถุนายน 2566

 

จัดทัพให้ “สมาชิก คิง เพาเวอร์ แลกกะรัต” ลดทันที 20 % Weekday/วันธรรมดา ทุกวันจันทร์ – วันพฤหัสบดี : แลก 20 กะรัต รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับการช้อป 10,000 บาทขึ้นไป ได้คนละ1 สิทธิ์/วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 18 มิถุนายน 2566 ที่ดิวตี้ฟรีในเมือง 4 สาขา คือ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต

 

ส่วน WEEKEND/วันหยุด ทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ : แลก 30 กะรัต รับคูปองส่วนลด 3,000 บาท ทุกการช้อปครบ 12,000 บาทขึ้นไป คนละ 1สิทธิ์/วัน พร้อมแลกกะรัตรับส่วนลด 25% แล้วช้อปได้ไม่ต้องยั้ง ระหว่างวันนี้ 18 มิถุนายน 2566  ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต

 

คิง เพาเวอร์ ได้คัดเลือกพันธมิตรแบรนด์ดังคุณภาพดีมาเข้าร่วมรายการ ซึ่งสามารถตรวจสอบสินค้าร่วมรายการเพิ่มเติมที่จุดขาย สามารถเลือกซื้อได้ถึง 20 ชิ้น / ใบเสร็จรับเงิน และดูเงื่อนไขก่อนช้อปทุกครั้ง

 

            คิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกการเดินทางของทุกคนที่มีไฟลต์บิน เป็นได้เสมอ กับการได้ช้อปสินค้า ปัง ดีลดี ด้วยประสบการณ์ใหม่กำลังเปลี่ยนผ่านจากซัมเมอร์ปลายเดือนพฤษภาคมเข้าสู่มิถุนายน 2566 เสริมความเย็นฉ่ำกำลังมาพร้อมกรีนซีซันปีนี้

 

ข่าวที่ 3 ช้อปเลย!! KING POWER ONLINEใส่รหัสJUN15ถึง7มิ.ย.ลด15%

 

มาแล้ว KING POWER ONLINE ตั้งแต่วันนี้  - 7 มิถุนายน 2566 ช้อปง่ายเป็นไปได้ทุกการเดินทาง ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท ไม่ว่าจะเที่ยวอยู่ที่ไหน ก็ช้อปฟินกับดีลสุดโปรดจากทางคิง เพาเวอร์ ออนไลน์ได้ เพียงแค่คลิกช้อปก็รับของง่าย ๆ ได้ที่ขาเข้าหรือขาออกนอกประเทศรหัสส่วนลด JUN15

               

สินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย!รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้ง “ขาเข้า-ขาออก” แล้วรับอีก 5 สิทธิ์ ได้แก่ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน เมื่อมียอดช้อปตามเกณฑ์ 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดังจนกว่าสินค้าจะหมด 4.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์  และ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)

 

ข่าวที่ 4 ททท.แจก3ล้านชวนออกตามล่าน้องสุขใจเที่ยวไทย77จังหวัด

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดกิจกรรมรายการใหญ่ “ตามล่าน้องสุขใจ” เป็นไฮไลต์หนึ่งในกิจกรรม “ขุมทรัพย์ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย” โดยได้ทุ่มเงินไม่อั้นลุยแจกรางวัลใหญ่กว่า 3 ล้านบาท ! ชวนทุกคนเข้ามาร่วมสนุกได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – สิงหาคม 2566 เพียงสแกน QR code ที่อยู่บนตัวน้องสุขใจ ซึ่งตอนนี้ ททท.นำไปตั้งกระจายอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศครบแล้วทั้ง 77 จังหวัด สแกนเสร็จก็รอรับรางวัลมากมายได้เลย มีทั้งอุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีอย่าง Macbook Ipad Iphone และของสมนาคุณเพื่อการท่องเที่ยว เช่น Voucher/คูปองท่องเที่ยว กับดีลราคาสุดพิเศษจากสถานประกอบการชื่อดังทั่วไทย  พร้อมข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศครึ่งปีหลัง ผลักดันรายได้ไทยเที่ยวไทยตลอดทั้งปี 2566 เข้าเป้าหมาย 8 แสนล้านบาท

 

สำหรับออกเดินทาง “ตามล่าน้องสุขใจ” ในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้ง 77 จังหวัด เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม "ขุมทรัพย์ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย" ที่ใช้วิธีติดตั้งคิวอาร์โค้ดไว้บน “มาสคอต น้องสุขใจ” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลุ้นรับของรางวัลมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท นอกจากไฮเทคโนโลยีแล้วยังมีแพ็กเกจที่พัก ความงาม ส่วนลดร้านอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

ในกิจกรรม "ขุมทรัพย์ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย"  ช่วง 3 เดือนนี้ มิถุนายน-กรกฎาคม-สิงหาคม 2566 นี้ ททท.ได้จัดทำควบคู่กับการรับสมัครอาชีพ "นักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย" เพิ่งประกาศรายชื่อผู้ชนะพร้อมได้แจกแล้วเงินรางวัล 1.2 ล้านบาท เพื่อชวนกันออกเดินทางค้นหาข้อมูลและผลิตคอนเทนท์ท่องเที่ยวทั่วประเทศมานำกระตุ้นนักเดินทางทุกวัย

 

รวมทั้ง ททท.ยังได้ผนึกความร่วมมือกับแพลตฟอร์มท่องเที่ยวดัง KLOOK คัดสรรสินค้าและบริการท่องเที่ยวเมืองไทยนำมามอบส่วนลดและสิทธิพิเศษแก่ผู้ที่จะออกเดินทางตั้งแต่มิถุนายน -สิงหาคม 2566 สร้างกระแสทำให้แคมเปญ "365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน" นำเสนอเส้นทางและรูปแบบการท่องเที่ยวมิติใหม่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นทุกวัน สร้างตำนานไทยเที่ยวไทยแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น นำมหัศจรรย์เมืองไทยมาบอกต่อถึงความประทับใจได้ทุกวัน

 

โครงการนี้ ททท.ลงทุนจัดทำเว็บไซต์ amazingthailand365.tourismthailand.org เสนอไฮไลท์ฟีเจอร์สมัยใหม่ ช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้ง่าย สะดวกสบายยิ่งขึ้น ประกอบด้วย

 

ส่วนที่  1 จัดทำปฏิทิน 365 Wonder Calendar โดยรวบรวมเทศกาล กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรม ดนตรี กและแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทยทุกภูมิภาค

           

ส่วนที่ 2 พัฒนาระบบแนะนำแหล่งท่องเที่ยวส่วนบุคคลผ่านแอปพลิเคชั่น Line โดยกำหนดหมวดหมู่ความสนใจ ใน 5 ภูมิภาค รูปแบบการท่องเที่ยว และช่วงเวลาท่องเที่ยว ซึ่งประมวลผลได้แม่นยำและตรงใจนักท่องเที่ยวมากที่สุด ในการเข้าไปค้นหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

 

ส่วนที่ 3 มอบสิทธิพิเศษ เป็นส่วนลดจากผู้ประกอบการทั่วเมืองไทย 200 รายการ มีทั้ง ที่พัก โรงแรม  ร้านอาหาร และการเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ

 

ข่าวที่ 5 บางจากช่วยชาวสวนซื้อมะม่วงภาคเหนือแจกในปั๊มถึง5มิ.ย.66

 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า บางจากจับมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมากตามฤดูกาล แต่ขาดช่องทางกระจายสินค้า จึงใช้วิธีลงทุนเข้าไปรับซื้อมะม่วงแฟนซี มีทั้งสายพันธุ์อาร์ทูอีทู งาช้างแดง แดงจักรพรรดิ์ จินหงส์ และมหาชนก นำมาสมนาคุณลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 2 - 5 มิถุนายน 2566 หรือจนกว่าของจะหมด เมื่อเติมน้ำมันบางจากทุกชนิดตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป รับฟรีมะม่วง 1 ถุง ๆ ละประมาณ 1 กิโลกรัม มูลค่า 30 บาท   ได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่เข้าร่วมรายการทั่วกรุงเทพฯ และรอบปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ดูที่ www.bangchakmarketplace.com

             

เพราะบางจากฯ คือบริษัทพลังงานที่ดำเนินงานควบคู่การสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมไทย ซึ่งปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องยาวนานคือ การร่วมช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กลุ่มชุมชน และเกษตรกรตามรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่

 

แนวทางที่ 1 นำผลผลิตทางการเกษตรที่ออกมาจำนวนมากพร้อมกันจนราคาตกมาให้กลุ่มชุมชนแปรรูปแล้วนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้าผู้เติมน้ำมัน เช่น ลูกหยีกวน กล้วยอบกรอบ เผือกอบกรอบ ลูกไหนอบแห้ง

 

แนวทางที่ 2 รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรง หรือร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรเพื่อร่วมดูดซับและพยุงราคาในช่วงฤดูกาล เช่น ไข่ไก่ มะนาว กระเทียม หอมแดง มังคุด สับปะรด ลำไย มะม่วง เป็นต้น  แล้วนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้าผู้ใช้น้ำมัน

 

ทั้ง 2 แนวทาง นอกจากจะได้ช่วยเหลือชุมชนเกษตรกรแล้ว ยังช่วยค่าครองชีพให้ผู้บริโภคได้อีกทางด้วย สอดคล้องกับเป้าหมายของสถานีบริการน้ำมันบางจากต้องการให้ผู้บริโภคได้ใช้พลังงานคุณภาพสูงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน  ตลอดจนเป็นจุดหมายการแบ่งปันและสร้างสรรค์สังคมไทยที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนตามแนวคิด Greenovative Destination สร้างจุดหมายปลายทางแห่งนวัตกรรมสีเขียว ทำให้ธุรกิจและระบบนิเวศน์รอบข้างดีขึ้นตามไปด้วย

 

ข่าวที่ 6 ทีเส็บหนุนปั่นติดปีกBIKE FOR WINGชูเขตทหารทั่วไทยจัดไมซ์

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บร่วมกับพันธมิตร กองทัพบก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนับสนุนการจัดงาน “ปั่นติดปีก BIKE FOR WING” ภายใต้โครงการ “Unseen ArmyLand : ดินแดนสุดมัน มหัศจรรย์ฐานทัพไทย” ระหว่างวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณวังบ้านปืน จ.เพชรบุรี สอดรับปีแห่งการจัดประชุมและนิทรรศการ 2566 หรือ Thailand MICE to Meet You Year 2023 โดยทีเส็บได้กระตุ้นคนเข้าร่วม 600 คน ลงสนามแข่งปั่นจักรยานทางไกล ระยะทาง 130 กิโลเมตร และ 67 กิโลเมตร พร้อมโดดหอสูง 34 ฟุต   และหวังจะใช้กิจกรรมดังกล่าวกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนเพิ่มมากขึ้นได้

 

ทีเส็บพร้อมผนึกกำลังกันปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และรณรงค์ให้ใช้พื้นที่เขตทหารเปิดรับการจัดงานไมซ์ระดับประเทศได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เนื่องจากมีพื้นที่หลายแห่งกลางแจ้งกว้างใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมฐานสร้างความ Team Building ได้ รวมทั้งมีห้องประชุมและอุปกรณ์พร้อมจัดประชุมได้เช่นกัน

 

ส่วนการสนับสนุน BIKE FOR WING โครงการ “Unseen ArmyLand : ดินแดนสุดมัน มหัศจรรย์ฐานทัพไทย” ร่วมกันโปรโมตกิจกรรมการท่องเที่ยวในเขตทหาร มุ่งเน้นตอกย้ำภาพลักษณ์ “สนุกสนาน ท้าทาย คุ้มค่า และ ปลอดภัย” ซึ่งทาง กองทัพบกได้พัฒนาและคัดสรรแหล่งท่องเที่ยวเขตทหารที่มีอยู่ทั่วประเทศจำนวน 10 สถานที่ 10 วิชาชีวิต เพื่อวิชาที่ให้เรียนรู้ ผ่านการทำกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบ

 

ช่วงที่ 2

ท่องเที่ยว –เที่ยวชุมพรUnseen“วัดเขาเจดีย์ฯ”กับเกาะดำน้ำโลกใต้ทะเล

 

ออกเที่ยวตามคำชวนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร “วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม” อ.เมือง จ.ชุมพร น้องใหม่มาแรง “Unseen New Chapters : ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง”   ตอนนี้เปิดให้ทั่วประเทศร่วมโหวตได้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. - 18 มิ.ย. 2566 ชิงตำแหน่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนแห่งปี 2566 ตามคอนเซ็ปต์ “จากพลังศรัทธาที่หลับใหล...สู่…ศูนย์รวมจิตใจของชุมชน”  

 

ในอดีต “วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม” ซ่อนอยู่กลางป่าทึบ ปัจจุบันคนในชุมชนร่วมกันพัฒนาแปลงโฉมเป็น “สถานที่ปฏิบัติธรรมและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เมื่อขึ้นไปยืนบนยอดเขามองเห็นพระพุทธรูปยืนสีทององค์ใหญ่โดดเด่นแต่ไกล บริเวณวัดมีเจดีย์เก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา

 

สะดุดตาตั้งแต่ “ซุ้มประตูวัด” ระบุชื่อ วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม มีลักษณะเป็นสีขาว เมื่อเดินลึกเข้าไปจะพบกับเจดีย์ร้างหลายแห่ง ประกอบด้วยพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ รอบบริเวณ มีทั้งศาลาสำหรับประกอบพิธกรรมทางศาสนา และมีอัฐิบริเวณผนังสิ่งปลูกสร้าง ยังปรากฏรายชื่อผู้บริจาคปัจจัยให้วัดด้วย ตอนนี้ได้รับความนิยมจากสาวกสายมูเตลูและสายศรัทธา แห่แหนกันไปขอเลขเด็ดบ้าง นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมบ้าง ฟื้นคืนชีวิตชีวากลับมาคึกคักอีกครั้ง

 

ใน “ชุมพร” นอกจากวัดเขาเจดีย์ฯ ที่ได้รับการเสนอชื่อชิง Unseen New Chapters แล้ว ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ด้วยชายหาดสวยทอดยาวกว่า 2 กม. กับโลกใต้ทะเลให้ผู้หลงรักเลือก”ดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก” ที่มีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรคอยดูแลต้อนรับ เชิญชวนดำน้ำลงไปเยี่ยมชมสวนดอกไม้หลากหลากสีสันและเหล่าปะการังขนาดใหญ่ พร้อมปลาสวยงามมากมาย ฉลามวาฬ วาฬบรูด้า   เกาะดำน้ำยอดนิยมได้แก่

 

“เกาะง่ามน้อย/เกาะง่ามใหญ่” เป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียง แหล่งรวมปลาการ์ตูนอินเดียนแดง ปลาผีเสื้อ ปลาหูช้าง ถ้าโชคดีจะได้พบสัตว์หาดูยากอย่าง "ฉลามวาฬ"

 

“เกาะลังกาจิว” มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งอดีตในหลวงรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสเพื่อทอดพระเนตรการเก็บรังนกบนเกาะจำนวนมาก และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ไว้บนผนังหินปากถ้ำ เกาะนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความเงียบสงบ ชอบดำน้ำ และชอบกิจกรรมทางทะเล

 

“เกาะมัตรา” โดดเด่นด้วยหาดทรายสีขาว กับการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น เช่น  ปะการังเขากวาง ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ และจะได้เห็นปูไก่ ซึ่งชอบปีนต้นไม้และส่งเสียงร้องเหมือนลูกไก่นั่นเอง

 

“เกาะหลักแรด” นักท่องเที่ยวแวะขึ้นเกาะนี้มีลักษณะเป็นภูเขาหินขนาดใหญ่ รวมทั้งเป็นจุดดำน้ำขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามมากของโลกใต้ท้องทะเล อันอุดมด้วยแนวปะการัง และดอกไม้ทะเลสีสันสดใส ปลาทะเลหายากหลายสายพันธุ์ เป็นแหล่งอาศัยของฝูงปลาสวยงามนานาชนิด

 

“เกาะละวะ” เกาะนี้ไม่มีหาดทราย แต่มีปะการังอุดมสมบูรณ์มาก เหมาะกับการดำน้ำชมปะการัง บริเวณชายฝั่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังน้ำตื้น เช่น ปะการังสมอง ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ เม่นทะเล

 

“เกาะกุลา” มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใสแจ๋วมมองทะลุเห็นปะการังและฝูงปลา นักท่องเที่ยวจะดำน้ำชมปะการังได้จากหน้าหาดได้เลย หรือเล่นน้ำ ดำน้ำตื้น พายเรือคายัค ก็ได้

 

เที่ยวไทยใน “ชุมพร” เที่ยวได้หลากหลายทั้งวัดแห่งศรัทธา และโลกใต้ทะเลทักทายสิ่งมีชีวิต ตื่นตากับความงามสุด ๆ ของปะการังและดอกไม้ทะเล รวมทั้งสัตว์ต่าง ๆ อีกมากมาย

 

สุขภาพ –ไขข้อสงสัย!?ออกกำลังกาย“เช้าหรือเย็นเวลาไหนดีกว่ากัน

 

ข้อถกเถียงที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับการออกกำลังกา “ตอนเช้าหรือตอนเย็น” ดีกว่ากัน ? มีความจริงมาบอกเล่าสู่กันฟัง นั่นคือ

เลือก “ออกกำลังกายช่วงเช้า” ตามเสียงคนส่วนใหญ่มักคิดว่าตอนเช้าอากาศสดชื่น มลพิษน้อย อากาศเย็นร่างกายยังสดชื่น เพราะได้พักมาทั้งคืน แต่การตื่นนอนช่วงเช้าร่างกายเราไม่มีพลังงานให้กล้ามเนื้อแขนและขา เพราะฉะนั้น “ควรรับประทานอาหารก่อน” ออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและพลังงานไปยังอวัยวะต่าง ๆ

 

“อาการ” เมื่อไม่ได้ทานอาหารในช่วงเช้าแล้วไปออกกำลังกายคือ 1. หน้ามืด เป็นลม 2. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิต

 

“ข้อแนะนำ” การออกกำลังกายตอนเช้าอย่างถูกวิธี

1.ถ้าต้องการออกกำลังกายตอนช้า ควรรับประทานอาหารก่อนเล็กน้อย เช่น ขนมปัง แซนวิช เครื่องดื่มมอลต์สกัด ซึ่งใช้เวลาย่อย 30-60 นาที จะเป็นพลังงานเพียงพอต่อการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น เดิน แต่ไม่ใช่วิ่ง หรือเต้นแอโรบิก

 

2.การออกกำลังกายแบบแอโรบิกต่อเนื่องนานกว่า 1.5 ชั่วโมง จะทำให้ตับทำงานหนักเกินไป ซึ่งมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง

 

เมื่อ “ออกกำลังกายตอนเย็น” ควรจะรับประทานอาหารเย็นผ่านไปแล้วอีก 2 ชั่วโมง จึงออกกำลังกายต่อเนื่องได้ และจะทำให้สารอาหารถูกใช้เป็นพลังงานจนเหลือสารอาหารน้อยที่สุด ทำให้เวลานอนหลับ จะมีไขมัน พอกที่หลอดเลือดหรือเพิ่มไขมันส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย

 

“ข้อแนะนำ” สำหรับการออกกำลังกายช่วงเย็น ให้ได้ผลดีต่อร่างกาย คือ

 

การออกกำลังกายตอนเย็นจะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายเพิ่มขึ้น และช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อไข้หวัดได้เพิ่มขึ้น จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของ “แอนตรูว์ เคท” เกี่ยวกับการออกกำลังกายมีผลต่อภูมิต้านทานอย่างไร?  พบว่าการออกกำลังกาย “ปานกลาง” ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายได้ แต่การนั่ง ๆ นอน ๆ หรือออกกำลังหนักมากเกินไปจะส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง

อีกทั้งยังพบว่า “การออกกำลังกายปานกลาง” เป็นประจำยิ่งจะเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันด้วย

 

แต่ไม่ว่าจะออกกำลังกาย “เช้าหรือเย็น” เวลาไหนล้วนส่งผลดีต่อร่างกายได้ทั้งนั้น เพียงแค่ผู้ออกกำลังกายต้องรู้จักตนเอง รู้ขีดความสามารถของตนเอง ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา และมีวินัยในการออกกำลังกายมากพอ จึงจะเกิดเป็นผลดีต่อสุขภาพนั่นเอง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก –5เดือนแรกต่างชาติทัวร์ไทยเกิ10ล้านคนมิ.ย.4.5แสนคน/เดือน

 

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ทางกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประเมินสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวเบื้องต้นช่วง 5 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-พฤษภาคม 2566 มีข่าวดีคือไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้วเกิน 10 ล้านคน  เติบโตเกินกว่าคาดการณ์โดยมาจาก 2 ตลาดหลัก ได้แก่ กลุ่มอาเซียน และเอเซียตะวันออก เปรียบเทียบการเติบโตเพิ่มสัปดาห์ต่อสัปดาห์ หรือ WoW :Week to Week พบปัจจัยหนุนการเดินทาง“ช่วงวันหยุดยาว” นักท่องเที่ยวอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้น 25.85 % จากมาเลเซียกับเวียดนามขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเอเชียตะวันออกเพิ่มขึ้น12.60 %

 

ส่งผลทำให้มีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม -29 พฤษภาคม 2566  มีจำนวนรวมทั้งสิ้นแล้วถึง 10,448,481 คน สร้างรายได้โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินกระจายทั่วประเทศ 431,599 ล้านบาท 

 

เฉพาะสัปดาห์ 22-28 พฤษภาคม 2566 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 13.22 % มีจำนวนทั้งสิ้น 492,030 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2566) เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรก จาก มาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม คิดเป็น 52.7 % ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ตามรายละเอียดดังนี้

 

อันดับ 1 นักท่องเที่ยวมาเลเซีย จำนวน 98,759 คน เพิ่มขึ้น 49.78 % 

 

อันดับ จีนเพิ่มขึ้น จำนวน 71,112 คน เพิ่มขึ้น 10  %  

 

อันดับ 3 อินเดีย 34,602 คน  เพิ่มขึ้น 0.37 % 

 

อันดับ 4 เกาหลีใต้  จำนวน  28,636 คน เพิ่มขึ้น 27.69 %

 

อันดับ และเวียดนาม  จำนวน 26,392 คน เพิ่มขึ้น 24.50 %

 

สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้ง 1 สัปดาห์ ระหว่าง 22-28 พฤษภาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 492,030 คน เฉลี่ยวันละ 70,290 คน เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 60,000 คน/วัน  

 

ขณะนี้การท่องเที่ยวของไทยได้รับแรงสนับสนุนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเกินกว่าคาดการณ์ด้วย  3 ปัจจัย  ได้แก่ 1.การมีวันหยุดต่อเนื่องของตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก 2.เริ่มฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short-haul) 3.ตัวแปรสำคัญเรื่องขั้นตอนการพิจารณาวีซ่าให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนก็ยังคงกดดันการฟื้นตัวที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ 

 

ล่าสุดกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้คาดการณ์ สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยสัปดาห์ถัดไป ตั้งแต่ 29 พฤษภาคม-4 มิถุนายน 2566 คาดจะมีต่างชาติมาไทยราว 450,000 คน จากกลุ่มตลาดระยะใกล้เป็นหลัก เช่น อาเซียน เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้   

 

รวมทั้งเดือนมิถุนายน 2566 เป็นช่วงเริ่มเข้าสู่การท่องเที่ยวของไทยในครึ่งปีหลัง 2566 เติบโตอย่างต่อเนื่อง 3 ปัจจัย ได้แก่ 

 

ปัจจัยที่ 1 ภาครัฐและเอกชนเร่งอัดมาตรการการกระตุ้นและกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยว 

 

ปัจจัยที่ 2 สายการบินพาณิชย์เริ่มกลับมาทำการบินเกือบทุกเส้นทาง และมีความพยายามในการเพิ่มความถี่ในการบินให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้เดินทางมากขึ้น 

 

ปัจจัยที่ 3 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เช่น อัตราเงินเฟ้อ ความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มมีสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น ส่วนสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่มีสัญญาณการเจรจา 

 

 

ข่าวที่สอง -“บางกอกแอร์”ปลุกเที่ยว2เกาะเปิดบิน“สมุย-ฮ่องกง”เริ่ม1ก.ค.66

 

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า สายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” พร้อมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม  2 เกาะ ด้วยเที่ยวบิน ไป-กลับ สมุย(สุราษฎร์ธานี – ฮ่องกง  เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป  โดยจะใช้เครื่องบินแอร์บัส 319 บินสัปดาห์ละ 3 เที่ยว ทุกอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ด้วยรหัสเที่ยวบิน PG805 ออกจากสนามบินสมุย เวลา 10.55 น. ถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง  15.15 น. และรหัสเที่ยวบิน PG806 ออกจากสนามบินนานาชาติฮ่องกง เวลา 16.15 น. ถึงสนามบินสมุย 18.35 น.

ผู้โดยสารที่จะเดินทางท่องเที่ยวสามารถจองตั๋วโดยสารผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางที่ 1 ติดต่อศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) โทร 1771 หรือ 02-270-6699  ในเวลา 08.00-20.00 น. ช่องทางที่ 2 ทาง PG Live Chat:  https://bit.ly/PGLiveChatTH ช่องทางที่ 3 อีเมล : reservation@bangkokair.com 

รวมทั้งสามารถติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมทั้งโปรโมชั่นตั๋วโดยสารเครื่องบินต่อเนื่องได้ทาง https://www.facebook.com/FlyBangkokAir

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง