เจาะลึก!!พอร์ต“ริชมอนด์ฮอสพิทาลิตี้กรุ๊ป”6โรงแรม6สไตล์
ชูแกรนด์ริชมอนด์ผู้นำคอนเวนชั่นไมซ์ตลาดไทย-ต่างชาติ
ชู3กลยุทธ์3เพิ่มบุกหนักโร้ดโชว์”จีน-อินเดีย”+เอเชีย4ประเทศ
วอนรัฐบาลใหม่ช่วยเอกชนลดต้นทุน2เรื่อง “ดึงคน-ค่าจ้างงาน”
คิงเพาเวอร์ยก“FIRSTER”4แบรนด์มาให้ช้อปที่รางน้ำ/ศรีวารี
ช้อปด่วน!! KING POWER ONLINEมีไฟลต์บินรับทันที
2 ต่อ
ททท.บูมจัด“AmazingMuayThai”ปั๊มรายได้4ภาคมิ.ย.-ส.ค.66
บางจากผนึกAIT-CQuesterอเมริกาใช้ไฮเทคดักจับคาร์บอน
“TCEB”หนุนCityPackageชูเชียงใหม่ผงาดไมซ์/ทัวร์เชิงธุรกิจ
เที่ยวUnseenถ้ำปะการังแม่ฮ่องสอนตื่นตาประติมากรรมศิลป์
4วิธีดูแลอาหารช่วงหน้าฝนกินอย่างปลอดภัยไร้โรคอันตราย
WFTAเปิดรับสมัครเครือข่ายผู้ช่วยฑูตอาหารหนุนท่องเที่ยว
ไมเนอร์ลุยเปิดอนันตรารีสอร์ทโทรเจนาฮับแห่งใหม่ในซาอุฯ
วันเสาร์ที่ 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #RichmondHospitalityGroup #UnseenNewChapter
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/lnvKAueGKE/
ช่วงที่ 1 เปิดพอร์ตเทรนด์โรงแรมกับ “นายณัฐกร
ชุณหชา” ผู้ช่วยประธานบริหารงานทั่วไป ริชมอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป นำทัพธุรกิจ 6 โรงแรม 6 สไตล์ เดินหน้า 3 กลยุทธ์
3
เพิ่ม“ตลาดใหม่-พันธมิตรคู่ค้าใหม่-ปั้นโฮเทลเดสติเนชั่นนนทบุรี” ดันแฟลกชิพ
“แกรนด์ ริชมอนด์” ขึ้นผู้นำโรงแรมคอนเว็นชั่นไมซ์ เดินสายโร้ดโชว์กับ “ททท.” เจาะอินเดีย
2 เมืองใหญ่ เดลลี มุมไบ 18-20
ก.ค.เพิ่มยอดอินเซ็นทีฟ เวดดิ้ง พร้อมร่วม TCEB บุกจีน 2
มณฑลใหญ่ ปักกิ่ง กวางโจว 8-10 ส.ค.66 มุ่งรุกเอเชีย 4 ตลาด มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย
ไต้หวัน รวมทั้งฝากรัฐบาลใหม่ช่วยเอกชนภาระลดต้นทุนใหญ่ 2 เรื่อง
“ดึงแรงงานเข้าระบบ-ทบทวนนโยบายขึ้นค่าแรง”
นายณัฐกร ชุณหชา ผู้ช่วยประธานบริหารงานทั่วไป ริชมอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า แผนพัฒนาธุรกิจโรงแรมในเครือของริชมอนด์ทั้งหมด 6 แห่ง คือ 1.แกรนด์ ริชมอนด์
สไตล์ลิส คอนเว็นชั่น โฮเทล 2.โรงแรมทูทรี กรุงเทพฯ 3.โรงแรมแทงโก้ 4.โรงแรมชอร์เชอร์ 5.เดอะ Pela รีสอร์ต
ภูเก็ต 6.เดอะ สปา รีสอร์ต สมุย ซึ่งมีรูปแบบและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
และมีรูปแบบการลงทุนในพอร์ตห้องพักแตกต่างกัน
สามารถสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างหลากหลายครอบคลุมทุกตลาด
โดยเฉพาะโรงแรมแฟลกชิพคือ “แกรนด์ ริชมอนด์” นนทบุรี
ซึ่งมีจุดแข็งเป็นโรงแรมคอนเวนชั่นทางด้านไมซ์ เพิ่งปรับปรุงเมื่อปี 2563 ก่อนเกิดโควิด-19 ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตลาดไมซ์
ตามแผนธุรกิจของโรงแรมตั้งแต่ปี
2566 เตรียมเดินหน้าส่งเสริมตลาดการขาย 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1 หาตลาดใหม่
ๆ ที่ผ่านมาพึงตลาดนักท่องเที่ยวจีน (leisure) หลังปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วจะพลิกโฉมเป็นสู่ 2 ตลาดใหม่ ได้แก่
“ตลาดแรก” โรงแรมไมซ์
เตรียมร่วมเดินทางไปโร้ดโชว์กับทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” 2 งาน คือ งานแรก โร้ดโชว์ 2 เมืองใหญ่
ในกรุงเดลีกับมุมไบ อินเดีย ระหว่าง 18-20 กรกฎาคม 2566
งานที่สอง จะโร้ดโชว์ 2 มณฑล ปักกิ่ง กับ กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 8-10 สิงหาคม 2566
“ตลาดที่สอง” คู่แต่งงาน/Wedding อินเดีย
เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรสูงมากที่สุดในโลก
ผนวกกับเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเติบโตค่อนข้างสูง ทางโรงแรมเตรียมเข้าร่วมงาน Indian
Wedding Symposium กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
จะจัดวันที่ 21-22 มิถุนายน นี้ ที่จังหวัดกระบี่
กลยุทธ์ที่ 2 เพิ่มพันธมิตรกลุ่มคู่ค้าใหม่ ๆ และช่องทางการขาย โดยจับมือกับองค์กรเอกชนอื่น ๆ เช่น
เป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพราะอี-คอมเมอร์ซเป็นช่องทางการขายสำคัญ
เสนออยู่ในแพลตฟอร์ม SCG ID มี True กับ DTAC และ Serenade รวมถึง Line
Shopping นำสินค้าของโรงแรมเข้าไปขายซึ่งจะช่วยทำให้ตลาดเติบโตได้มากขึ้น
กลยุทธ์ที่ 3 สร้างจุดขายให้โรงแรมเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและที่พัก Hotel
Destination ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงแรมแกรนด์
ริชมอนด์ อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรีใกล้กรุงเทพฯ ออกมานอกเมือง
พาวิธีดึงดูดให้คนต้องการเดินทางมาเที่ยวนนทบุรี เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
ได้จัดแฟมทริปนำเอเย่นต์ท่องเที่ยวเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวนนทบุรี ล่องเรือเกาะเกร็ด
ชมตลาดนกฮูก เพราะนอกจากมาพักโรงแรมแล้วยังสามารถเดินทางไปพักผ่อนได้ด้วย
อนาคตมีแผนเปิดตลาดขายสินค้าชุมชนในพื้นที่ของโรงแรมแกรนด์
ริชมอนด์ ด้วย ควบคู่กับการเปิดเวิร์คช็อป เพื่อให้เด็ก เยาวชน และครอบครัว
สามารถมาทำกิจกรรมเครื่องปั้นดินเผาซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนนทบุรี
ส่วนโครงสร้างตลาดปัจจุบัน
แกรนด์ ริชมอนด์ มีผู้ใช้บริการ คนไทย 50 % และต่างชาติ 50 % โดดเด่นเป็นโรงแรมจัดประชุมสัมมนาหน่วยงานราชการ
เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ นิยมมาจัดงาน ส่วนตลาดต่างประเทศ
จะเป็นงานไมซ์ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน กับอินเดียว
ปี 2566 วางแผนเจาะ “ตลาดในประเทศ” พุ่งเป้าไปยังลูกค้า
“คอร์ปอเรต” ซึ่งอยู่ในพื้นที่รัศมีไม่ไกลนนทบุรี “ตลาดต่างประเทศ” มุ่งขยายฐาน
อินเดีย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
และอยู่ในขั้นเริ่มเจาะตลาดยุโรปเพิ่มมากขึ้นหลังจากเข้าไปร่วมเทรดโชว์ TTM
+2023 :Thailand Travel Mart Plus
เพื่อสร้างการรับรู้กับตัวแทนผู้ขายเพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่ด้วย
โดยเน้นเจาะอาเซียนเพิ่มด้วย เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน
โครงสร้างบริการ
“ราคาห้องพัก” และ “ตลาดไมซ์” ตั้งไว้ในระดับ 5
ดาว สามารถเข้าถึงได้ แกรนด์ ริชมอนด์ ประมาณ 1,800-2,600 บาท/ห้อง/คืน
พร้อมทั้งมีแพกเกจจัดงานประชุม สัมมนา เริ่มตั้งแต่ 950 บาทขึ้นไป/คน
นายณัฐกรกล่าวว่า
โรงแรมมีจุดขายการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในโรงแรมสีเขียว ซึ่งทางแกรนด์ ริชมอนด์
ได้รับการการันตีทางด้านคุณภาพมาตรฐานกว่า 10 รางวัล ระดับประเทศ เช่น 1.รางวัล Green Hotels โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ระดับดีเยี่ยม) ระหว่างปี 2561-2566 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.รางวัล Thailand MICE Venue Standard ปี 2560-2566 และ 3.รางวัล Thailand Sustainable Event
Management Standard ปี 2562-2566 จาก TCEB 4.รางวัล Amazing Thailand Safety &
Health Administration (SHA+) 2563-2566 จาก ททท. 5.รางวัล ISO 50001 – Energy Management System Certification
2548-2566 และ 6.รางวัล Thailand Energy Awards 2015 / 2016 / 2017
รางวัลดีเด่นด้านอนุรักษ์พลังงาน จากกระทรวงพลังงาน
รางวัลระดับนานาชาติ เช่น 1.รางวัล ASEAN Energy Award 2016 จาก Association of Southeast Asian Nations – สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2. รางวัล ASEAN MICE
Venue Standards 2023 จาก ASEAN 3.รางวัล Global
Healthcare Accreditation Awards – Wellhotel Accreditation for Medical Travel
& Wellhotel Accreditation for Wellbeing (2022)
ทางโรงแรมได้เสนอให้นักท่องเที่ยวและลูกค้าทำกิจกรรมการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของโรงแรมด้วย
เช่น การแยกขยะภายในที่พัก ลดการใช้และการซักเพื่อลดทรัพยากรธรรมชาติ
เรื่อยไปจนถึงการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการลดการปล่อยและชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Net Zero /Carbon offset)
เบื้องต้นริเริ่มนำขยะมาแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ปลูกผักสวนครัว
ซึ่งนำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารในโรงแรมได้
นายณัฐกร
กล่าวว่าเมื่อประเมินสถานการณ์ฟื้นตัวของโรงแรมตอนนี้เริ่มกลับมาประมาณ 60 % แนวโน้มจะสามารถกลับได้มาภายในไตรมาส 4 ปี 2566 เป็นต้นไป เมื่อต้องรอนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยได้ตามเปกติ
ทางโรงแรมมีห้องพักมากถึง 774 ห้อง
อาจจะส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 40 % เมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากจีนเข้ามาพักส่งผลดีต่อร้านค้าย่อยรอบโรงแรม
ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างดี
ส่วนอินเดียเพิ่งจะเปิดตลาดได้กลุ่มนักเดินทางเพื่อเป็นรางวัล
(incentive group) เข้ามาพัก 6,000 คน ระยะเริ่มแรกจะทำได้ประมาณ 5-10
%
ส่วนโรงแรมแกรนด์
ริชมอนด์ ตอนนี้มี 2 โปรโมชั่น ได้แก่
โปรโมชั่นที่ 1 “บุฟเฟต์อาหารทะเล” ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
ในห้องอาหารที่เพิ่งเริ่มเปิดบริการ ราคาคนละ 999 บาทสุทธิ
ตั้งแต่วันนี้-ตุลาคม 2566 โปรโมชั่นที่ 2 บริการสปา และฟิตเนส พร้อมสตรีมรูม เปิดให้ลูกค้าภายใน
รวมทั้งลูกค้าภายนอกโรงแรมเข้ามาใช้บริการได้ในราคาสมาชิกปีละ 25,000 บาท ค่อนข้างจะคุ้มเฉลี่ยเดือนละประมาณ 2,000 บาท
รวมค่าสมาชิก ห้องพัก และอาหาร
ขณะเดียวกันก็วางแผนจะเชิญชวนให้ชุมชนรอบข้างโรงแรมนำสินค้าอัตลักษณ์เด่น
ๆ ของจังหวัดนนทบุรี มาขายในพื้นที่สวนด้านหลังของโรงแรมสามารถทำเป็น
“ตลาดนัดเช้า” จะเปิดได้ประมาณไตรมาส 3 ปีนี้
นายณัฐกร
ย้ำว่า เอกชนต้องการจะฝากถึงรัฐบาลใหม่เมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้ว
ทางโรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์
ในฐานะผู้พัฒนาธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวจึงต้องการเสนอภาครัฐสนับสนุนเอกชน 2 เรื่องที่จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงกับผู้ประอบการ คือ
เรื่องที่
1 การนำแรงงานกลับเข้าสู่ภาคบริการซึ่งกำลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
เนื่องจากช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19 คนออกจากระบบไปแล้วยังไม่กลับเข้ามา
เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาแล้วแต่แรงงานยังไม่กลับมาจึงส่งผลทำให้
“โรงแรมขาดแคลนบุคลากรจำนวนมาก และทำให้ต้องปรับขึ้นค่าแรง ต่อเนื่องไปถึง
“ต้นทุนจ้างงาน” สูงขึ้นถึงกว่า 20 % ท่ามกลางการฟื้นตัว
เรื่องที่
2 นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
เพราะตอนนี้โรงแรมมีลูกจ้างรายวันต้องรับภาระจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ
หากรัฐบาลใหม่ประกาศปรับอัตราขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอีกครั้ง
จะยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ทั้งยังขาดแคลนแรงงานและธุรกิจเพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่นาน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ยก“FIRSTER”4แบรนด์มาให้ช้อปที่รางน้ำ/ศรีวารี
คิง
เพาเวอร์ ยก “FIRSTER” มาไว้ที่ดิวตี้ฟรีสาขาในเมืองเพิ่มอีก
2 สาขา คือ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และศรีวารี
คัดแบรนด์ชิคมาให้ช้อปสินค้าแบรนด์ดังทั้ง Exclusive และ Import
brand สุดพิเศษ ช้อปแบบคนชิคไม่ต้องมีไฟลต์
สินค้าช้อปแล้วรับกลับได้ทันที แถมยังสามารถทำให้ทุกคนต้องหลงใหลทั้ง 4 แบรนด์มาแรง คือ
แบรนด์แรก
ABIB แบรนด์สกินแคร์สัญชาติเกาหลี
กับความมินิมัลที่สมบูรณ์แบบ
แบรนด์ที่
2 BEIGIC แบรนด์สุด Exclusive วีแกน
สายคลีน เสกผิวสวยด้วยสารสกัดจากเมล็ดกาแฟบริสุทธิ์
แบรนด์ที่
3 I’M FROM แบรนด์สกินแคร์ จากธรรมชาติท้องถิ่นเกาหลี
แบรนด์ที่
4 CULTI MILANO แบรนด์เครื่องหอมลักซ์ชัวรี
พิเศษเพิ่ม !! สมาชิก คิง เพาเวอร์
รับส่วนลดพิเศษอีกตามสิทธิ์ที่ได้ตามหน้าบัตร เมื่อช้อปที่ FIRSTER
BY KING POWER ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งหน้าร้าน
และช่องทางออนไลน์ ที่อีก
2 สาขาหลักด้วย คือ คิง เพาเวอร์ มหานคร และสยามสแควร์ซอย 7
ข่าวที่ 2
ช้อปด่วน!! KING POWER ONLINEมีไฟลต์บินรับทันที2ต่อ
เพิ่มประสบการณ์ KING POWER ONLINE ช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง แค่คลิกช้อปก็
Collect อย่างสะดวกสบาย ๆ พบกับดีลสุดฮ็อตกลางปี 2566
พร้อมมอบส่วนลดสินค้าแบรนด์ดังถึง 2 ต่อ ในราคา
Duty Free บินไปไหนก็ช้อปสนุกได้
ต่อที่ 1
ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท รหัสส่วนลด KPJUN15
ต่อที่ 2
ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทรหัสส่วนลด KPJUN20
โดยมีสินค้า Duty Free สุดฮอตให้ทุกคนเลือกอย่างเป็น ไป ได้ เมื่อมีไฟลต์บินแล้วรีบคลิกช้อปเลย เมื่อไปถึงสนามบินก็แวะรับสินค้าหรือจะช้อปต่อได้ทั้งขาเข้า-ขาออก รวมทั้งต้องห้ามพลาดใช้เพิ่มแบบโดน
ๆ อีก 5 สิทธิ์ คือ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน
2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง ของแถมมีจำนวนจำกัด 4.รับเลย! ส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่
3 ททท.บูมจัด“AmazingMuayThai”ปั๊มรายได้4ภาคมิ.ย.-ส.ค.66
นายอภิชัย
ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการสร้างสรรค์เส้นทางประสบการณ์ท่องเที่ยวมวยไทย ด้วยการจัดกิจกรรม Amazing Muay Thai Experience ชวนคนรักกีฬามวยไทย
สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ศิลปะการต่อสู้ กับอบรมครูมวยไทยโบราณประจำพื้นถิ่น
ใน 4 จังหวัด เพื่อสร้างคุณค่าส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรมความเป็นไทย
และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเดินทางไปยังภูมิภาคต่าง
ๆ ต่อยอดเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด
สร้างคุณค่าและประสบการณ์
โดยเลือกจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่มีศิลปะแม่ไม้มวยไทยโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
4 จังหวัด ได้แก่
จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครราชสีมา อุตรดิตถ์ และ ลพบุรี
เพื่อผลักดันให้มวยไทยเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยว ปลุกกระแสยอดพักค้างคืนและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติในพื้นที่ดังกล่าว
สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น
ด้วยการส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวซอฟต์พาวเวอร์ ครอบคลุมทั้ง 5 F ได้แก่ Food /อาหาร Fashion/ การออกแบบแฟชั่นไทย Film/ภาพยนตร์ Fight/ศิลปะการต่อสู้ และ Festival/เทศกาลประเพณีไทย) มวยไทยคือ Fight ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เป็นทั้งศาสตร์ และศิลปะการต่อสู้ที่ชาวต่างชาติทั่วโลกยอมรับและต้องการศึกษาเรียนรู้
ททท. จึงกิจกรรม Amazing Muay Thai Experience ใน 4 จังหวัด 4 รายการ
ได้แก่
รายการที่ 1 มวยไชยา จัดขึ้นที่สะพานนริศ ริมแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี
ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม
2566
รายการที่ 2
มวยโคราช จัดขึ้น ที่เซ็นทรัลพลาซา จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม 2566
รายการที่
3 มวยท่าเสา จัดขึ้นที่วัดใหญ่ท่าเสา จ.อุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่
11-13 สิงหาคม 2566
รายการที่
4 มวยลพบุรี จัดขึ้นที่พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์
จ.ลพบุรี ระหว่างวันที่ 18-20
สิงหาคม 2566
ภายในงานแต่ละจังหวัดนักท่องเที่ยวจะได้พบกับกิจกรรมอันหลากหลายและน่าสนใจนักโดนใจผู้ที่หลงใหลในศิลปะมวยไทย เช่น การสอนมวยให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจเรียนมวย โดยมวยทั้ง 4 สาย
มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป
ประกอบด้วย
หมัดหนัก
: มวยโคราช
มีเอกลักษณ์อยู่ตรงการแต่งกายและการคาดเชือกตั้งแต่หมัดไปจรดข้อศอก ออกหมัดเป็นวงกว้างหนักหน่วง ที่เรียกว่า “หมัดเหวี่ยงควาย”
โดย ครูเช้า วาทโยธา
ฉลาด
: มวยลพบุรี
เป็นมวยชกฉลาด ต่อยหมัดแม่นยำ มีการรุกรับที่คล่องแคล่วว่องไวหลอกล่อ หลบหลีกได้ดี
โดย ครูยะ ส. สุนีย์
ท่าดี
: มวยไชยา มีเอกลักษณ์อยู่ตรงตั้งท่ามวยหรือการจดมวย
ท่าครูหรือท่าย่างสามขุม และการป้องกันตัวแบบ 4 ป. คือ ป้อง ปัด ปิด เปิด โดย ครูกฤดากร สดประเสริฐ
ไวกว่า
: มวยท่าเสา
หรือมวยพระยาพิชัย เป็นการผสมผสานมวยไทยและมวยจีน ออกหมัดได้ไกล รวดเร็ว และ
รุนแรง โดย ครูวรมัน วนันทศานติ
นายอภิชัยกล่าวว่า ยังมีการแข่งขันมวยไทย
ประกบคู่มวยโดย ครูดาม ศรีจันทร์
เจ้าของผลงานเหรียญทองชื่อดังในอดีต
ทั้งซีเกมส์ ชิงแชมป์เอเชีย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกีฬามวยไทย และมวยสากล การสักยันต์ โดย อาจารย์สักยันต์ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นสมาชิกของสมาคมสักยันต์แห่งประเทศไทย
การจําหน่ายวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลังโดยเชื่อกันว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่าง
ๆ กิจกรรมมีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนกันสองทางทั้งผู้ฝึกและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับมวยไทย
การแสดงนาฏมวยไทย การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง
ททท.
คาดหวังโครงการสร้างสรรค์เส้นทางประสบการณ์ท่องเที่ยวมวยไทยด้วยกิจกรรม Amazing Muay Thai Experience ใน 4 จังหวัด
จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬามวยไทยสร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจลงถึงท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีตลอดการจัดงาน
ข่าวที่ 4 บางจากผนึกAIT-CQuesterอเมริกาใช้ไฮเทคดักจับคาร์บอน
นางกัณฑมาศ กฤตยานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการผลิตและจัดส่งน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ศาสตราจารย์ คาซูโอะ
ยามาโมโตะ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และ Dr. Clément Cid (เคลมอง ซิด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท C-Quester จากสหรัฐอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์และสร้างโอกาสทางธุรกิจ
โดยมีพยานในการลงนามครั้งนี้คือ
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจากฯ ดร.เอกบดินทร์
วินิจกุล หัวหน้าภาควิชาพลังงาน สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และ Dr. Alan Gu, Chief Technology Office บริษัท C-Quester และผู้ให้เกียรติเข้าร่วมงาน
คือนายรวี บุญสินสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานพัฒนาธุรกิจใหม่และนวัตกรรม บริษัท บางจากฯ และ Mr. Shawn P.
Kelly Executive Director สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
นางกัณฑมาศ กล่าวว่าในฐานะหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ทางกลุ่มบริษัทบางจาก
ตั้งเป้าหมายจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2593
โดยได้กำหนดแผนงาน BCP 316 NET อย่างชัดเจนเพื่อผลลัพธ์เป็นรูปธรรมในระยะยาว
ผ่านการผนวกเทคโนโลยีที่ส่งเสริมความยั่งยืน
การเพิ่มสัดส่วนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ ๆ
ที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงาน โดยได้ให้ความสำคัญเรื่องการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งด้วยเทคโนโลยีและโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนของกลุ่มบริษัทบางจากในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจคาร์บอนต่ำ
ซึ่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบนิเวศใหม่ด้านพลังงาน
ยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ ดังนั้น
เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ให้แพร่สู่ชั้นบรรยากาศและสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมาก
รวมทั้งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับได้ จะยังสามารถนำไปแปรสภาพและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง
ๆ ได้ด้วย เทคโนโลยีนี้มีประสิทธิภาพเรื่องลดการปล่อยคาร์บอน
และนำไปสู่การเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง
ขณะที่
บริษัท C-Quester จำกัด ทำธุรกิจด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดยใช้พลังงานต่ำและได้รับการสนับสนุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีจากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย
(CalTech) สหรัฐอเมริกา
จะมีส่วนสำคัญในการบริหารจัดการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ถือเป็นต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทาน
ซึ่งจะสามารถจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยการกักเก็บอย่างเหมาะสมหรือนำไปใช้ประโยชน์ต่าง
ๆ ต่อไป
นางกัณฑมาศ
กล่าวว่า บางจากฯ เชื่อมั่นการลงนามความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและบริษัท
C-Quester ครั้งนี้จะขยายขอบเขตการศึกษาและวิจัยเรื่องเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
ตลอดจนช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถต่อยอดศักยภาพสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ แล้วยังจะช่วยยกระดับความสามารถของบางจากฯ
ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
ข่าวที่
5 “TCEB”หนุนCityPackageเชียงใหม่ผงาดไมซ์และทัวร์เชิงธุรกิจ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่า
ได้จัดทำ City Package
ส่งเสริมตลาดไมซ์ภาคเหนือในจังหวัดเชียงใหม่
ร่วมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่
มุ่งยกระดับบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ เพิ่มทางเลือกด้านสินค้าและบริการแก่นักเดินทางไมซ์และนักท่องเที่ยว
รวมทั้งสร้างโอกาสในการขยายวันพักนักเดินทางไมซ์และนักท่องเที่ยวด้วย
โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจากอุตสาหกรรมสินค้าและบริการท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น
ร้านอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว ของฝากและของที่ระลึก
บริการสปาแอนด์เวลเนส
เนื่องจากเชียงใหม่ได้อานิสงไมซ์ฟื้นตัวช่วงไตรมาส
2 ปีงบประมาณ 2566 ระหว่างมกราคม – มีนาคม 2566 ทำสถิติมีนักเดินทางไมซ์ในประเทศสูงสุดเป็นอันดับ
2 รองจากกรุงเทพฯ จำนวนรวม 267,823 คน สร้างรายได้ 828.15
ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดที่พัฒนาให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น
ในฐานะเชียงใหม่เป็นเมืองยุทธศาสตร์หลักภาคเหนือ
ทีเส็บตั้งเป็นไมซ์ซิตี้ที่มีความพร้อมทั้งคอนเทนท์และโครงสร้างที่จะดึงดูดไมซ์เพื่อสร้างรายได้มากขึ้นด้วยการทำตลาดของเมืองโดยเฉพาะการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือควบคู่กันไปด้วย
ขณะที่สถานการณ์ครึ่งแรกปีงบประมาณ
2566 ระหว่างตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566 พบว่า
ในอุตสาหกรรมไมซ์มีนักเดินทางรวมทั้งหมด 11,348,371 คน จากตลาดในประเทศ 10,974,350
คน และต่างประเทศ 374,021คน สร้างรายได้รวม 49,572 ล้านบาท
แบ่งเป็นรายได้ไมซ์ในประเทศ 25,016 ล้านบาท และรายได้ไมซ์นานาชาติ 24,556 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อ
15 มิถุนายน 2566 ทีเส็บได้ร่วมเสวนา“สถานการณ์ท่องเที่ยว
และอุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัดเชียงใหม่” ภายใต้โครงการจัดทำ City Package ร่วมกับ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่
นายสิทธิพงษ์ วงศ์สมบูรณ์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
นำเสนอภาพรวมการจัดประชุมและกิจกรรมไมซ์ทั่วโลกถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี
2566 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เศรษฐกิจไมซ์ในเชียงใหม่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยกันเถอะ กับ Unseen New Chapter ภาคเหนือ
ผจญภัยไป “ถ้ำปะการัง” บ้านแม่ละนา อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ตื่นตากับศิลปะและประติมากรรมธรรมชาติ
สร้างสรรค์ได้อย่างเหลือเชื่อ แล้วก็ฟัง “4วิธีเลือกอาหารหน้าฝนกินอย่างปลอดภัยไร้โรค”
และข่าวฮ็อตแห่งสัปดาห์ ข่าวแรก “WFTA
เปิดรับเครือข่ายทูตอาหารทั่วโลกหนุนท่องเที่ยว” และข่าวที่สอง “ไมเนอร์โฮเทลส์”
เปิดโรงแรมอนันตรารีสอร์ต โทรเจนา ซาอุดิอาระเบีย
ศูนย์กลางท่องเที่ยวภูเขาแห่งใหม่ของโลก
ท่องเที่ยว
–เที่ยวUnseenถ้ำปะการังแม่ฮ่องสอนตื่นตาประติมากรรมศิลป์
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ชวนเที่ยวภาคเหนือตลุยไปชม Unseen New
Chapter พิกัดเด่นที่ “ถ้ำปะการัง” บ้านแม่ละนา อ.ปางมะผ้า
จ.แม่ฮ่องสอน หนึ่งในถ้ำสวยแห่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย ด้วยลักษณะโครงสร้างภายในเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่ยังมีชีวิตเป็นกลุ่มหินดูคล้ายปะการัง
จึงนำมาเปรียบเปรยเป็นชื่อ "ถ้ำปะการัง"
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปชมได้ค่อนข้างสะดวกสบาย
ภายในถ้ำมีจุดถ่ายรูปสวยงามชวนให้จินตนาการได้หลากหลาย
เช่น หินรูปพระอุคุต เงาหินรูปพญานาค หินรูปสิงโต หินโพรงกรอบรูป ตลอดทาง ไป-กลับ
ยังเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย หินกากเพชรสวยๆ อีกมากมาย
สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ส่วนพื้นที่
“บ้านแม่ละนา” อ.ปางมะผ้า มีถ้ำสวย ๆ
ที่โดนใจนักท่องเที่ยวเปิดเข้าไปเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ตระการตาอยู่ด้วยกัน 3 ถ้ำ ไฮไลต์คือ “ถ้ำปะการัง”
เป็นถ้ำใหญ่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม อากาศถ่ายเทดี
ภายในโปร่งโล่งค่อนข้างจะเย็นเล็กน้อย เมื่อเดินเข้าไปถึงข้างในนักท่องเที่ยวจะตื่นตากับ
“หินประกายเพชร” พอโดนแสงไฟตกกระทบเข้าตรงจุดใด ก็จะได้เห็นความระยิบระยับมาก แล้วยังจะได้เห็นหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง
ๆ เปล่งประกายสวยวิบวับอยู่ตลอดทาง มีทั้งหินทรงปะการังใบพัด หินเสาเห็ด
หินรูปสมอง หมู่ปะการังบกกลางโถงถ้ำแห่งนี้ด้วย
“ถ้ำเพชร”
เป็นถ้ำขนาดเล็กภายในค่อนข้างคับแคบ ส่วนอากาศไม่ได้ถ่ายเทมากเท่าถ้ากับถ้ำปะการัง
ทว่ามีหินงอกหินย้อยหนาแน่นสวยงามไม่แพ้กัน
ขณะที่
“ถ้ำแม่ละนา” มีขนาดใหญ่มากต้องใช้เวลาในการเดินมากพอสมควร
หากนักท่องเที่ยววางแผนจะไปเที่ยวต้องวางแผนให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยในแต่ละถ้ำสนุก ได้อรรถรส อย่างแท้จริง
สุขภาพ
–4วิธีดูแลอาหารช่วงหน้าฝนกินอย่างปลอดภัยไร้โรคอันตราย
ปัจจุบันผู้คนนิยมสั่งอาหารผ่านทางแอพเดลิเวอรี่ต่าง
ๆ และหันมาทำอาหารเองเพิ่มมากขึ้น การให้ความสำคัญด้านสุขอนามัย
ความสะอาดของวัตถุดิบและเมนูอาหารต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีหลากหลายสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ
เช่น กลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุงเป็นพาหะนำโรค
รวมถึงกลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร หากเราไม่ดูแลป้องกันตัวเองให้ดี ดังนั้น
การรักษาและถนอมอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ มีอะไรบ้างที่เราควรใส่ใจมาดูกัน
1.
รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารที่มักจะมาพร้อมกับฤดูฝน
เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
1.1 ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ปรุงอาหารด้วยความร้อนเกิน 100
องศาเซลเซียส
1.2 น้ำดื่ม ควรต้องผ่านการต้มสุกก่อน
เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่มากับความชื้นในหน้าฝน
1.3 ทำความสะอาดและเก็บรักษาวัตถุดิบให้สดใหม่ ก่อนปรุงอาหาร ควรล้างผัก ผลไม้
และวัตถุดิบทุกชนิดให้สะอาดหมดจด เก็บรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
เพื่อช่วยยืดอายุและรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้นานยิ่งขึ้น
2.1 การเก็บเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
ควรล้างทำความสะอาดและซับให้แห้งก่อนนำเข้าตู้เย็น โดยใส่ในกล่องที่มีฝาปิดสนิทหรือถุงซิปล็อคเพื่อคงความสดใหม่
2.2 ผักสด ควรแยกประเภทของผักก่อน จากนั้นห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติกให้มิดชิด
2.3ควรเก็บผลไม้ในถุงซิปล็อคหรือกล่องพลาสติกที่มีรูระบายอากาศเพื่อไม่ให้ชื้น
2.4 ไม่ควรเก็บผักและผลไม้ไว้ในถุงเดียวกันเพราะผลไม้สุกจะปล่อยก๊าซเอทิลีนออกมา
ทำให้ผักที่อยู่ใกล้กันเน่าเสียเร็วขึ้น
3.
ล้างอุปกรณ์เครื่องครัวให้สะอาด -อุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชัก
หรือที่แขวนเอาไว้ ควรล้างให้สะอาดก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันเชื้อราและเชื้อโรค
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้บนโต๊ะอาหาร เช่น ช้อน ส้อม หลังจากทำความสะอาด
ควรใช้วิธีผึ่งหรืออบให้แห้ง ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดเด็ดขาด
เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
4.
หลีกเลี่ยงอาหารปรุงสุกที่ตั้งทิ้งไว้นานเกินไป
หากทำอาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ควรอุ่นใหม่ให้ร้อนอย่างทั่วถึงก่อนนำมารับประทานอีกครั้ง
ไม่ควรรับประทานอาหารปรุงสุกที่ตั้งทิ้งไว้นานเกิน 4 ชั่วโมงโดยไม่มีการอุ่นซ้ำ
หากซื้ออาหารมาแล้วยังไม่ได้รับประทานในทันที ควรเก็บในตู้เย็น
และอุ่นให้ร้อนจนเดือดก่อนนำมารับประทาน ไม่ควรเก็บอาหารที่ปรุงสุกแล้วในตู้เย็นนานเกิน
2-3 วัน นอกจากนี้ หากลืมหรือวางอาหารเอาไว้ในที่อากาศร้อนจัด เช่น
ทิ้งไว้ในรถยนต์ นานกว่า 3-4 ชั่วโมง ไม่ควรนำมารับประทานอีก
เพราะเชื้อแบคทีเรียอาจเจริญเติบโตแล้ว
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเก็บรักษาอาหารคือตู้เย็น
โดยเฉพาะตู้เย็นที่ประหยัดพลังงานเพราะต้องทำงานตลอดเวลา มีระบบฟอกอากาศ
ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และแบคทีเรีย รักษาความชุ่มในช่องผักผลไม้
เพื่อให้อาหารของเราสดใหม่และสะอาดได้ยาวนานขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–WFTAรับสมัครเครือข่ายผู้ช่วยฑูตอาหารหนุนท่องเที่ยว
อิริค
วูล์ฟ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการท่องเที่ยวอาหารโลก (WFTA -World Food Travel
Association เปิดเผยว่า
ล่าสุด WFTA ได้ประกาศเปิดตัวเครือข่ายผู้ช่วยทูตด้านอาหาร
(Culinary Attache) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นแก่ชุมชนต่าง
ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรายการ "เจมี โอลิเวอร์ส
ฟู้ด เรโวลูชั่น" ที่มีเชฟชื่อดังเจมี โอลิเวอร์ นำเสนอพร้อมกับมุ่งส่งเสริมทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
ซึ่งทาง
WFTA เปิดรับผู้ที่สนใจทุกคนจากทั่วโลกที่มีอายุ
18 ปี
ขึ้นไป เข้าร่วมโครงการได้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไข โดยสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและประโยชน์ของโครงการได้ที่
www.worldfoodtravel.org/become-a-culinary-attache
ส่วนเครือข่ายผู้ช่วยทูตด้านอาหารของ
WFTA ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและชุมชนในท้องถิ่น
ควบคู่กับการส่งเสริมให้คนท้องถิ่นที่มีแรงบันดาลใจสร้างความสำเร็จด้วยการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมอาหารในท้องถิ่นตนเองสร้างสรรค์สู่ผู้บริโภคทั้งในพื้นที่และขยายเป็นวงกว้างไปด้วยกันได้
หัวใจหลักของ “เครือข่ายผู้ช่วยทูตด้านอาหาร”
จะช่วยให้ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวด้านอาหารให้ได้รับประโยชน์ดังในครอบคลุมทั้ง 4 เรื่อง
คือ เรื่องที่ 1
ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับสถานที่ ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น เรื่องที่ 2
เพิ่มมูลค่าแบรนด์ของแหล่งท่องเที่ยว เรื่องที่ 3 สร้างความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญในอนาคต
เรื่องที่ 4 สร้างงานสร้างอาชีพเข้าสู่ธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังสามารถช่วยให้ WFTA
ขยายการเข้าถึงแหล่งอาหารที่เป็นประโยชน์กระจายไปยังทั่วโลก พร้อมกับนำข่าวสารจากส่วนต่าง
ๆ ของโลกกลับมาที่สมาคม ที่จะส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ไปยังภาคส่วนต่าง ๆ
ปัจจุบันเครือข่ายผู้ช่วยทูตด้านอาหารทำงานร่วมกับโครงการแอมบาสซาเดอร์
ของ WFTA ประกอบด้วย ตัวแทนอย่างเป็นทางการของสมาคมในประเทศต่าง
ๆ ทั่วโลก ผู้ช่วยทูตจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการซึ่งมีข้อกำหนดและเงื่อนไขเพื่อปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ทั้งนี้สมาคมการท่องเที่ยวอาหารโลก (WFTA)
ตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับสากลและเป็นหน่วยงานชั้นนำของโลกด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร
โดยมุ่งทำภารกิจหลัก ด้านการวิจัย จัดกิจกรรม
ตลอดจนเสนอเครื่องมือและความเป็นผู้นำทางความคิดเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและเพิ่มผลกระทบทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยวด้านอาหารในชุมชนต่าง
ๆ ทั่วโลก รวมทั้งการฝึกอบรม การรับรอง การยอมรับ
และเปิดโอกาสให้ได้ทำความรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการ และธุรกิจต่าง ๆ
ในแวดวงการท่องเที่ยวเชิงอาหาร สร้างความยั่งยืนทางอาหารในระยะยาว
ข่าวที่สอง -ไมเนอร์ลุยเปิดอนันตรารีสอร์ท”โทรเจนาฮับใหม่โลกในซาอุฯ
มร. ดิลิป ราชากาเรีย (Dillip Rajakarier) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ เปิดเผยว่า
ไมเนอร์เตรียมเปิดตัวโรงแรมอนันตรา รีสอร์ท ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโครงการโทรเจนา (Trojena) ในเมืองนีออม (NEOM) ประเทศซาอุดิอาระเบีย
โดยจะนำเสนอการบริการด้วยใจและความหรูหราตามแบบฉบับของแบรนด์อนันตรา และพร้อมร่วมมือกับทีมของทางนีออมทำให้โรงแรมเป็นจุดหมายปลายทางใหม่แห่งให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย
ในฐานะที่ไมเนอร์ โฮเทลส์ เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของ
ผู้บริหาร และร่วมลงทุน
ปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ททั่วโลกกว่า 530 แห่ง ใน 56 ประเทศ ซึ่งพร้อมจะเปิดโรงแรมอนันตรา
รีสอร์ท แห่งใหม่โครงการโทรเจน เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ในการท่องเที่ยวภูเขาที่ได้พัฒนาให้รองรับการท่องเที่ยวในเมืองแห่งอนาคตได้ตลอดทั้งปี
โรงแรมอนันตรา
รีสอร์ท แห่งใหม่อยู่ในหมู่บ้าน วอเทอร์
วิลเลจ เป็นส่วนหนึ่งของเขตหุบเขาในโทรเจนา ภายในเขต Valley จะประกอบด้วย 3
โครงการใหญ่ มีทะเลสาบความยาวถึง
2.8 กิโลเมตร อยู่ใจกลางหุบเขา วอเทอร์ วิลเลจ จะเป็นหมู่บ้านสไตล์รีสอร์ทที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษทั้งเพื่อการพักอาศัย
การท่องเที่ยวพักผ่อน การจับจ่ายใช้สอย
ด้วยร้านค้าและร้านอาหารระดับหรูมากมายให้เลือกสรร
ขณะที่โครงการโทรเจนาตั้งอยู่ใจกลางเมืองนีออม
ห่างจากชายฝั่งอ่าว Aqaba 50
กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 2,600 เมตร
เป็นสถานที่ตั้งของสกีรีสอร์ทกลางแจ้งแห่งแรกของอ่าว Aqaba และรองรับการจัดกิจกรรมกีฬาระดับโลกมากมาย
อีกทั้งยังสามารถจัด นิทรรศการศิลปะ การแสดงคอนเสิร์ต
งานเทศกาลทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ที่ตั้งใจกลางหุบเขาที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์เป็นจุดหมายปลายทางการพักอาศัยและการท่องเที่ยวสุดหรูแบบเวลบีอิ้งค์ (well-being) ระดับโลก เช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ในนีออม
โทรเจนาซึ่งเลือกใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน
และจะยังคงรักษามรดกทางวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมไว้ให้ยั่งยืนด้วย
สำหรับ “โรงแรมอนันตรา” เมืองนีออม มีห้องพักและห้องสวีท
270 ห้อง เปิดรับทัศนียภาพอันงดงามของทิวเขาและทะเลสาบ
พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบางห้อง ห้องอาหารแบบสเปเชียลตี้ 2
ร้านห้องอาหารแบบออลเดย์ไดนิ่งที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ไฮทีเลานจ์
และรูฟท๊อปคาเฟ่
รวมทั้งมี อนันตรา สปา แยกโซนห้องทรีตเมนต์
พื้นที่โซนเปียกแยกชายหญิง ห้องอาบน้ำแบบฮัมมัม ฟิตเนส
สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ที่มองเห็นวิวหุบเขาและทะเลสาบ ระเบียงชมดาว
โรงภาพยนตร์กลางแจ้ง คิดส์คลับ สนามกีฬา ลานกิจกรรมเพื่อเล่น แพดเดิลเทนนิส
กิจกรรมขี่อูฐ ขี่ม้า โชว์การฝึกเหยี่ยว กิจกรรมเดินเล่นชมทะเลสาบและหุบเขาพร้อมไกด์ส่วนตัว
ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และพื้นที่จัดงานประชุมและงานเลี้ยงต่าง ๆ
มร.คริส
นิวแมน ผู้อำนวยการบริหาร โครงการนีออม โฮเทล ดีเวลลอปเม้นท์ (NEOM Hotel
Development) กล่าวว่า อนันตรา รีสอร์ท
ได้ผสานความหรูหรากับธรรมชาติเพื่อสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นได้อย่างน่าทึ่ง
ขณะเดียวกันยังประสบความสำเร็จเรื่องการพัฒนาจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ไปทั่วโลก
มุ่งมั่นจะได้ร่วมมือกับไมเนอร์ โฮเทลส์ และโทรเจนา พัฒนาโครงการอันน่าตื่นเต้นนี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตามแผนการลงทุนโครงการโทรเจนาคาดจะแล้วเสร็จพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้พักอาศัยปลายปี
2569 (ค.ศ. 2026) และจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว
(Asian Winter Games) ปี 2572 (ค.ศ. 2029) การเดินทางสู่โทรเจนามีสนามบินนานาชาตินีออมพร้อมบริการเที่ยวบินทั้งภายในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ในอนาคตจะเชื่อมต่อกับระบบรถไฟความเร็วสูงของนีออมด้วย ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและทั่วโลกเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมากต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น