ททท.เปิดแผนปี’67ฉบับสมบูรณ์ฟื้นรายได้อู้ฟู่ 3 ล้านล้าน
ล็อกเป้า!!ตลาดต่างประเทศ1.9
ล้านล้านรุกชิง3พื้นที่โลก
ในประเทศหวัง1.2ล้านล.รุกขาย3Un“Unseen/Untold/Unbox”
ส่งต่อผู้ว่าคนใหม่3นโยบายเที่ยวได้ทุกวัน/ยั่งยืน/เท่าเทียม
คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนช้อปSIRIVANNAVARIลดสูงสุด90%
จัดปัง“Bangkok-Seoul Street Food”ที่คิงเพาเวอร์มหานคร
สมัครบัตรคิงเพาเวอร์รับ3สิทธิ์ลด20%/วันเกิด25%x2/เลาจน์
ททท.สลับ3รองผู้ว่าฯเริ่ม1ต.ค./เงินเดือนผู้ว่าคนใหม่2.7แสน
บางจากผู้นำพลังงาน6รางวัลAsian Excellence Awardsปี’66
TCEBผนึกพันธมิตรดันอยุธยายกชั้นขึ้นMICE
CITYภาคกลาง
เที่ยวใต้5พิกัดUnseenNewChaptersเที่ยวไทยอิ่มสุขได้ทุกวัน
3เคล็ดลับดูแลสุขภาพทำได้ง่ายห่างไกลโรค-ร่างกายแข็งแรง
ส.สายการบินไทยชงรัฐคิดใหม่3วิธีเก็บภาษีน้ำมันหวั่นตั๋วแพง
“BEDO”รุกจัดทรัพยากรชีวภาพสร้างตลาดใหม่ชุมชนเที่ยว
วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #UnseenNewChapters #ภาคใต้5UnseenNewChapters
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/lvpMjbaNAP/
ช่วงที่ 1 เปิดแผนปี67 กับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ททท.นำท่องเที่ยวฟื้นรายได้ 3 ล้านล้านด้วย 3 ยุทธศาสตร์ “กระตุ้นอุปสงค์-ผลักดันอุปทาน-พัฒนาคนในองค์กร”
ล็อกเป้าใหญ่ “ตลาดต่างประเทศ” ขอ 1.9 ล้านล้านบาท เล็งตลาด 3
พื้นที่
“เอเชียทุ่มตลาดจีน-ยุโรปปลุกกลุ่มเที่ยวล้างแคน-ตะวันออกกลางปูพรม 1 ล้านคน” “ตลาดในประเทศ” 1.2 ล้านล้านบาท ชูกลยุทธ์ 3
Un(อัน) “Unseen/เปิดแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นยอดนิยม-Untold/เฟ้นสถานที่เขาเล่าว่า-Unbox/แกะกล่องจุดขายใหม่
ส่งไม้ต่อผู้ว่าคนใหม่ 3 นโยบาย
“เที่ยวไทยได้ทั้งปี-เที่ยวยั่งยืน-เที่ยวอย่างเท่าเทียม
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.กำลังจัดทำแผนวิสาหกิจท่องเที่ยว 5 ปี
ที่ยังคงใช้อยู่จนถึงปี 2570
โดยได้ถอดรายละเอียดแผนประจำปี
2567 ออกมาใช้งานซึ่งอาจจะล่าไปบ้างเพราะเกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้ากว่ากำหนด
แต่ก็ยังคงสามารถใช้นโยบายแผนวิสาหกิจหลักเป็นแนวทางปฏิบัติได้
ขับเคลื่อนด้วยยุทธศาสตร์ภาพใหญ่ ทำให้
“ประเทศไทยเป็นผู้นำการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์”ควบคู่กับการท่องเที่ยวยั่งยืน
โดยมีลักษณะสำคัญ 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่
1 “กระตุ้นอุปสงค์/demand”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ยุทธศาสตร์ที่
2 ผลักดัน
“อุปทาน/supply side”
โดยสร้าง Eco-system ใหม่เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาคุณภาพบุคลากรภายในองค์กร
ด้วยการนำเทคโนโลยีด้าน
AI ต่าง ๆ เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น
สำคัญที่สุดซึ่งจะจัดทำเป็นข้อเสนอคือการมองท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และการท่องเที่ยวที่มีการล็อกเป้าหมายตลาดอย่างชัดเจน
ปี 2567 จะต้องทำให้ได้ไม่น้อยกว่าสถานการณ์ปกติปี
2562
ก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งไทยมีรายได้ท่องเที่ยวรวม
3 ล้านล้านบาท
ในจำนวนนี้มาจากตลาดต่างประเทศ 1.8 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท
สำหรับ
“ตลาดต่างประเทศ” ในปี 2567
จะเติบโตเพิ่มขึ้นรวมทั้งหมดมากกว่า
30 ล้านคน
ตามแผน ของ ททท.จะล็อกเป้าหมายโดยเล็งตลาดไปยัง “ 3 พื้นที่”
ประกอบด้วย
พื้นที่ที่
1 เอเชีย
คือ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” แนวโน้มน่าจะกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่
ระดับเพิ่มขึ้นใกล้เคียงปี 2562
ซึ่งจะเห็นจำนวนนักเดินทางจีนเข้าไทยเริ่มตั้งแต่วันชาติจีนปลายปี 2566
เป็นต้นไป ผนวกกับการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินช่วงตารางบินฤดูร้อน หรือ Summer Slot ปลายเดือนตุลาคมนี้
พื้นที่ที่
2 ยุโรป
มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และนักเดินทางส่วนใหญ่ยังคงมีอารมณ์
“ท่องเที่ยวล้างแค้น” หรือ Revenge Travel ซึ่งเป็นการเที่ยวชดเชยช่วงเวลาและประสบการณ์ที่เสียไปในสถานการณ์โควิด
ด้วยสัญญาณการเพิ่มทั้งจากจำนวนที่นั่งเที่ยวบิน ความถี่เที่ยวบิน ข้ามทวีป
จะช่วยทำให้ “ราคาตั๋วเครื่องบิน” ลดลงได้
พื้นที่ที่
3 ตะวันออกกลาง
จะเข้ามาช่วงฤดูฝนสามารถทดแทนตลาดระยะไกลได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีหลายประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว
ส่วนแผน
“กระจายตัวนักท่องเที่ยว”
จะมาจากเอเชียและประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเป็นกำลังสำคัญรวมแล้วประมาณ 2 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งหมด
ส่วนอีก 1 ใน 3 คือ
ยุโรป โดยมี “ตะวันออกกลาง” สอดแทรกเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ททท.ได้ตั้งเป้าภายในปี 2568 จะมีตะวันออกกลางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า
1 ล้านคน
ขณะที่
“การตั้งเป้าเพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ/คน/ทริป” เติบโตเป็นบวก 5 % เปรียบเทียบสถิติก่อนเกิดโควิดนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินน้อยกว่า
50,000 บาท/คน/ทริป
พอเปิดประเทศจัดทำแซนด์บ็อก ใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000-70,000 บาท/คน/ทริป ปี
2566
น่าจะทำได้ประมาณ 60,000 บาท/คน/ทริป
ปี 2567 จึงเป็นความท้าทายด้วยกลยุทธ์
“ล็อกเป้า” เล็ง “ตลาดคุณภาพ” เพื่อให้เกิด “การใช้จ่ายสูง” เช่น
กลุ่มที่
1 พักต่อเนื่องในไทยนานวัน
ได้แก่ สแกนดิเนเวียน จะมี 5 Week Vacation กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
health and Wellness กลุ่มที่
3 LTBGQ Plus กลุ่ม Conscious traveller ซึ่งเน้นการเดินทางอย่างรักษาดูแลโลก
พร้อมที่จะใช้จ่ายเงินอย่างเต็มที่ ดังนั้นหาก ททท.สามารถหาปลาตัวใหญ่ได้
โอกาสที่จะเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริปอีก 5 % ก็มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ส่วน
“การเพิ่มที่นั่งและความถี่เที่ยวบิน” จากทั่วโลกเข้าเมืองไทย
ตามรายงานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
ยืนยันถึงสายการบินนานาชาติพร้อมจะกลับมาบิน ปี 2567
กลับมาได้ประมาณ 80 % จากนั้นปี
2568 จะกลับมา
100 %
แต่อาจจะเผชิญปัญหาเครื่องบินขาดแคลน
หรือก่อนนำมาบินจะต้องซ่อมบำรุงเพื่อให้เกิดความมั่นใจด้านความปลอดภัย
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า แผนการทำ “ตลาดในประเทศ” ปี 2567 ตามเป้าจะทำรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท
ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 117-135
ล้านคน
เพิ่มขึ้นประมาณ 5 % ดังนั้น
ททท.จะต้องเพิ่มความถี่พร้อมกับมีกลยุทธ์ใหม่ ๆ ไฮไลต์ 3 Un (อัน) ได้แก่
1.Unseen New Chapters เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่มีมุมมองแปลกแตกต่างไปจากเดิม
2.Untold ททท.เคยทำโครงการ
“เขาเล่าว่า”
ขณะเดียวกันยังมีบางเรื่องราวยังไม่ได้ถูกนำเสนอก็สามารถดึงกลับมาเสนอขายใหม่อีกครั้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้
3.Unbox แกะกล่องประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่
ๆ อาจจะเป็นเรื่องของ sub-culture
และอื่น ๆ
ส่วนจุดขายทางด้านท่องเที่ยว
Thailand Soft Power 5F
จะต้องผลักดันอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง กระตุ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เช่น Fight/การต่อสู้
กีฬามวยไทย ทำได้มากกว่าการชกมวย หรือ Fashion/เครื่องแต่งกาย
น่าจะนำเสนอเจาะลึกถึงการเดินทางไปยังแหล่งผลิตผ้าและเครื่องประดับต่าง ๆ Food/อาหาร
ร้อยเรียงเรื่องราวรสชาติซึ่งแตกต่างกันไป
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า การส่งต่อนโยบายไปยัง “ผู้ว่าการ ททท.คนใหม่” ขอเน้นย้ำ 3
เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่
1 ท่องเที่ยวเมืองไทยได้ทั้งปี
ไม่ควรมีโลว์ซีซัน เพราะบริหารจัดการได้ค่อนข้างยาก
เรื่องที่
2 ท่องเที่ยวยั่งยืน
ซึ่งมีความสำคัญ
ทั้งประเทศไทยและทั่วโลกต่างก็พากันมุ่งที่จะสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้ได้ภายในปี
2573 การให้ความสำคัญกับการเดินทางบนพื้นฐานของความยั่งยืน
ให้น้ำหนักกับสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม
โดยจะต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน
จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจจะทำให้มนุษยชาติอยู่กันยากขึ้น
ดังนั้นจึงควรหันมาช่วยกันจัดลำดับความสำคัญ ซึ่ง ททท.เริ่มทำแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
เส้นทาง Low Carbon
Destination หรือโรงแรมสีเขียว Green Hotel
หรือทำข้อตกลงความร่วมมือกันให้บรรลุในเรื่องของ SDGs -Sustainable Development Goals ทำผ่าน
STGs -Sustainable
Tourism Goals ซึ่งกำลังดึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมแพลตฟอร์มหลักบ้างแล้วบางส่วน
ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนภายในปี 2566
เรื่องที่
3 การท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียม
มองได้ 2 มิติ
มิติแรก การท่องเที่ยวเมืองหลัก/เมืองรอง
การท่องเที่ยววันหยุด/หยุดพิเศษ/วันธรรมดา มิติที่สอง
การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล
โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเมืองรอง
ด้วยการกระจายจากเมืองหลัก 22 จังหวัด
เพิ่มความถี่ไปยังเครือข่ายเชื่อมโยงไปยัง 55 เมืองรอง
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวถึงผู้ประกอบการภาคเอกชน
ว่าขณะนี้มีสมาคมแยกตัวออกจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ไปตั้งสมาพันธ์การท่องเที่ยว ขึ้นนั้น
โดยภาพรวมเมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศขยายตัวโดยมีความสำคัญในการทำรายได้คิดเป็น
20 %
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) เป็นผลมาจากภาคเอกชนช่วยกันขับเคลื่อนทั้งทางด้านการลงทุนและกระตุ้นการเดินทาง
รวมทั้งการทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี
จากนี้เป็นต้นไปหากเอกชนแต่ละส่วนยังคงทำหน้าที่ครบถ้วนดังกล่าวได้
แล้วทำให้ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศก้าวไปสู่การทำสัดส่วนรายได้ให้ถึง 30 %
ของจีดีพีประเทศ แล้วรักษาความสม่ำเสมอ ดีงาม
โดยยึดประโยชน์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และผลสำเร็จของประเทศเป็นหลักแล้ว
ก็มั่นใจทุกภาคส่วนก็จะทำงานต่อไปได้อย่างแน่นอน
สำหรับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กับการแตกไปตั้งสมาพันธ์การท่องเที่ยว
ถ้าหากยึดหลักการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมไม่ว่าจะแตกไปกี่องค์กรถ้าเดินหน้าสู่
“เป้าหมายเดียวกัน” พวกเราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นกลไกพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า ในการทำหน้าที่ผู้ว่าการมายาวนานถึง 8 ปี มีความประทับใจคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
จากประสบการณ์ทำงานมาหลายแห่ง
เมื่อได้มาดูแลด้านการท่องเที่ยวก็ได้รับความเมตตาและสนับสนุนมาตลอด
จึงอยากจะขอบคุณในความดีงามต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
กระทั่งทำให้เกิดความคิดว่าจะสามารถไปทำงานต่อที่อื่นได้หรือเปล่า ความรู้สึกดี ๆ
ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
รวมทั้งขอให้ทุกคนมีความมุ่งมั่น มี Passion เหมือนกัน
ก็จะสามารถเอาชนะอุปสรรคได้อย่างแน่นอน
ตอนผมมาอยู่ 2 ปีแรก
ต้องเผชิญกับปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ 2 ปีถัดไป
เจอเรื่องเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต และ 3 ปีต่อมาเจอเรื่องโรคระบาดโควิด-19
ทุกเหตุการณ์ ททท.ไม่สามารถทำงานโดยลำพังได้
ถ้าปราศจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ฉนั้นเมื่อรูปแบบทุกหน่วย ทุกคน
ยังทำงานร่วมกันด้วยความเอื้ออาทร เกื้อกูล สนับสนุน ซึ่งกันและกัน
ยังดำรงเช่นนี้ต่อไป โอกาสที่ไทยซึ่งขณะนี้ทำรายได้สูงอันดับ 4 ของโลกก็จะสามารถขยับขึ้นเป็นอันดับ
3 ของโลกได้
หมายถึงการจุนเจือเศรษฐกิจและตอบแทนผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนช้อปSIRIVANNAVARIลดสูงสุด90%
SIRIVANNAVARI Friends
& Family SALE 2023 เชิญชวนลูกค้ามาร่วมช้อปกับส่วนลดพิเศษ
สมการรอคอยสูงสุดถึง 90%
ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 – 20.00 น. บริเวณ บูทีค
SIRIVANNAVARI ชั้น 1 คิง เพาเวอร์
รางน้ำ โดยมีสินค้าแฟชั่น ลักซ์ชัวรี อาทิ เดนิม ผ้าพันคอดีไซน์เก๋
ชุดว่ายน้ำ กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ และแอคเซสซอรี
เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
พบกับผลิตภัณฑ์เครื่องหนังระดับลักซ์ชัวรี
อาทิ งานเครื่องหนัง Made
in Italy กระเป๋า รองเท้าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
รองเท้าแตะสำหรับวันสบาย เครื่องประดับคอสตูมจิวเวลรีแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น
พร้อมด้วยแอคเซสซอรี่ คัดสรรมาให้เลือกหลากหลายตั้งแต่แว่นกันแดด เข็มขัด และอีกมากมาย
สัมผัสประสบการณ์ช้อปอย่างมีสไตล์ในแบบฉบับ
SIRIVANNAVARI
ได้ตั้งแต่วันนี้
– 31 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ บูทีก SIRIVANNAVARI ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ LINEOA : @Sirivananavari_shop หรือ King
Power Contact Centre 1631
ข่าวที่ 2 จัดปัง“Bangkok-Seoul Street Food”ที่คิงเพาเวอร์มหานคร
คิง เพาเวอร์ มหานคร รายงานว่าได้ร่วมสนับสนุนการจัดประชันอาหาร
“Bangkok-Seoul Street Battle Food
Festival” ระดมพลคน #สายกิน #สายเกา มาร่วมเลือกอาหารจานเด็ดประชันกันในงาน
“สตรีท ฟู้ด ไทย-เกาหลี” โดยได้นำเข้าร้านดังจากเกาหลี 10
ร้าน จัดเป็นครั้งแรกในเมืองไทยซึ่งไม่เคยมีที่ไหนมา นำร่องประเดิมแห่งแรกที่
“มหานคร สแควร์ คิง เพาเวอร์ มหานคร” ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 6 – วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2566
เวลา 11.00 – 22.00 น. เพื่อให้ทุกคนที่มาร่วมงานได้เต็มอิ่มไปกับร้านดังของไทยด้วยซึ่งสามารถกินได้แบบไม่อั้นอีก
12 ร้านเด็ด
เตรียมพบกับไฮไลต์สุดเอ็กคลูซีฟกับ “แม่ชี จองควาน/Jeong Kwan” เชฟส์เทเบิลเจ้าของรางวัล
เจ้า ICON AWARD 2022 จาก Asia’s 50 Best
Restaurants 2022และเป็นหัวหน้าแม่ชีประจำสำนักวิปัสสนาชุงจีนัม
(Chunjinam) สาขาวัดแบคยองซา (Baekyaangsa) เกาหลีใต้ ลัดฟ้ามาพร้อมเพื่อเปิดประสบการณ์อาหารจานเด่น “TEMPLE CUISINE” ต้นแบบของอาหารมังสวิรัติที่เชฟประดับโลกพากันยกย่อง
โดยได้เดินทางไปศึกษาปรัชญาพุทธศาสนาแล้วถ่ายทอดผ่านมื้ออาหาร
ทุกจานปรุงออกมาตามหลักคำสอนพุทธศาสนานิกายโชเก (ฝ่ายมหายาน) ซึ่งไม่บริโภคเนื้อสัตว์และไม่ใช้ผักที่มีกลิ่นฉุน
รวมทั้งเลือกใช้ส่วนผสมที่เคารพฤดูกาลและธรรมชาติ
ตลอดงานได้นำเข้าร้านสตรีทฟู้ดเกาหลีแถวหน้าของประเทศมาร่วมด้วยอีก
10 ร้าน ดังนี้
1.ร้าน Hansikdan ชวนชิมข้าวหน้าเนื้อฮันอู 2.ร้าน Palogong Potato เสิร์ฟมันฝรั่งอบเนื้อเนียนนุ่ม
3.ร้าน Jangle Ballcarts ข้าวหน้าหมูทอดที่มีทีเด็ดคือซอสและชีสอร่อยไม่เหมือนใคร
4.ร้าน I'm Fine Shrimp กุ้งดองสไตล์เกาหลี
และซอสสูตรต้นตำรับ 5.ร้าน Basak Macha หมูสไลด์ไส้ชีส และชีสฟุตลอง
6.ร้าน Mugunghwa Eomuk ลูกชิ้นปลาทอดม้วนหลากรสชาติ
7. ร้าน Life of Sweet and Sour Chicken ไก่ทอดเกาหลี
8.ร้าน Cho Jung Pork Galbi หมูย่างคัลบิหมักซอสสูตรเฉพาะ
9.ร้าน Myeong Dong Kimbap and Tteokbokki คิมบับร้านดังจากมยองดง และต๊อกบกกี้ และ 10.ร้าน 30
Years Handmade Dumplings เกี๊ยวหมูทำมือ 2
รสชาติ
ประชันกับสุดยอดสตรีทฟู้ดของเมืองไทย
ยกมาลิ้มลองรสชาติเด็ด ๆ ได้ ถึง12 ร้าน ได้แก่
1.ร้านเทนซัน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ 2.ร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ
สูตรโบราณ 3.ร้านเฮงหอยทอดชาวเล 4.ร้านเจ๊เอ็ง
กระเพาะปลาตลาดพลู 5.ร้านกุยช่ายสะพานหัน 6.ร้านแก้มยุ้ยมันม่วงขนมไข่เต่า
7.ร้านปาเฮ่าเถียนมี่ พุดดิ้งสไตล์โมเดิร์นไชนีส 8.ร้านสุดแดง
ไส้กรอกและไก่ย่างปลาร้า 9.ร้านคอหมูพระราม 5 10.ร้านยี่
สับ หลก ข้าวอบเนื้อตุ๋น 11. ร้านหอมด่วน อาหารเหนือ และ 12.ร้าน ตั้งใจย่าง หมูแดงย่างถ่าน
สำหรับ
คิง เพาเวอร์ มหานคร เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00
-24.00 น. มีบริการลานจอดรถยนต์ส่วนบุคคล
หรือจะใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เข้าถึงด้านหน้าอาคาร ลงสถานีช่องนนทรี
ทางออกหมายเลข 3 และสามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-677-8721
ข่าวที่
3 สมัครบัตรคิงเพาเวอร์รับ3สิทธิ์ลด20%/วันเกิด25%x2/เลาจน์
ทุกการช้อปมีความหมาย
เมื่อเป็นสมาชิกบัตร King Power Membership รับไปเลย
3 สิทธิ์ใหญ่
สิทธิ์แรก -ส่วนลดทุกการช้อปสูงสุดถึง 20%
สิทธิ์ที่ 2 -วันเกิด:Birthday รับ CASH
BACK 25% x 2 สิทธิ์
สิทธิ์ที่
3 ทุกการเดินทางสามารถเข้าใช้บริการที่ คิง เพาเวอร์
เลาจน์ ตามสนามบินต่าง ๆ คิงเพาเวอร์สเปซ และ THE ATLAS CLUB
รับส่วนลด
สิทธิประโยชน์และโปรโมชั่นพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรชั้นนำอีกมากมาย
สมัครง่ายผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ 1.จุดบริการสมาชิก
คิง เพาเวอร์ 2.LINE Official
Account : @KINGPOWER
ข่าวที่
4 ททท.สลับ3รองผู้ว่าเริ่ม1ต.ค./เงินเดือนผู้ว่าคนใหม่2.7แสน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีนายโชติ
ตราชู เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 มีมติเห็นชอบอนุมัติวาระสำคัญภายในการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) 2 เรื่อง คือ
เรื่องแรก โยกย้ายในฤดูกาลใหม่ต้อนรับปีงบประมาณ 2567 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง 3 รองผู้ว่าการ ประกอบด้วย
1.นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา เป็นรองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
(ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด) แทนนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ
ที่จะเกษียนอายุในวันที่ 30 กันยายน
2566
2. นายนิธี สีแพร เป็นรองผู้ว่าการด้านสื่อสารตลาด
(ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา) แทนนายฉัททันต์ กุญชร ณ
อยุธยา ที่ย้ายไปเป็นรองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
ส่วนตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ที่ว่างลง
ททท.จะดำเนินการเสนอที่ประชุมบอร์ดพิจารณาในครั้งต่อไป
3.นางสาวสมฤดี จิตรจง เป็นรองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าการด้านบริหาร)
ตำแหน่งใหม่ขึ้นมาแทน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าด้านตลาดในประเทศที่ได้รับคัดสรรขึ้นเป็น “ผู้ว่าการ ททท.”
คนใหม่ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566
เป็นต้นไป
ส่วนที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งตามเดิมปัจจุบัน
อีก 3 รองผู้ว่าการ
ททท. ประกอบด้วย 1.นายศิริปกรณ์
เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง
และอเมริกา 2.นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว 3.นางน้ำฝน บุณยะวัฒน์
รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน
โดยมีเก้าอี้ที่ว่างอีก 2รองผู้ว่าการ ได้แก่ รองผู้ว่าการด้านบริหาร
และรองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ซึ่งจะได้นำเสนอในการประชุมบอร์ด
ททท.ครั้งต่อไป
เรื่องที่ 2 บอร์ดมีมติอนุมัติค่าจ้าง/เงินเดือน ผู้ว่าการ
ททท.คนใหม่ คือ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รับเงินเดือนข้อตกลง เดือนละ 270,000 บาท
หลังผ่านการเจรจาต่อรองผลตอบแทนการจ้างตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
(สคร.) ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ กระทั่งสามารถตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว
รวมทั้งกระบวนการแต่งตั้งตอนนี้ก็ครบตามกระบวนการทุกขั้นตอน เพื่อให้เข้าปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ
ททท.ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566
เป็นต้นไป แทน ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการ ททท.คนปัจจุบันที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องมาถึง 8 ปี แล้วกำลังจะหมดสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2566
ข่าวที่
5 บางจากผู้นำพลังงาน6รางวัลAsian Excellence
Awardsปี’66
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ได้นำทีมผู้บริหารรับรางวัล Asian Excellence Awards 2023 มากที่สุดถึง 6 รางวัล ในงาน 13th Asian Excellence Award 2023 Asia : Leading the Way ที่โรงแรมเจ
ดับบลิว แมริออท ฮ่องกง
โดยบางจากได้รับทั้งรางวัลประเภทบุคคลและองค์กร
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัลความเป็นเลิศระดับภูมิภาคเอเชีย
บนเวทีประจำปีครั้งสำคัญปีนี้
ทางบางจากฯ ได้รับรางวัล Asian Excellence Awards 2023 ซึ่งสามารถสะท้อนบางจากคือผู้นำด้าน ESG และความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่กับบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี
มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและการเปิดเผยข้อมูล
รวมถึงการดำเนินความสัมพันธ์ที่ดีกับนักลงทุน ประเมินผลได้จากการรับขึ้นรับรางวัลประเภทบุคคล
3 รางวัล ได้แก่
1.รางวัล Asia’s Best CEO (Investor Relations) (ปีที่
8) นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ในฐานะผู้นำองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารและขับเคลื่อนองค์กรด้วยวิสัยทัศน์รวมถึงส่งมอบ
ผลการดำเนินงานที่โดดเด่น
2.รางวัล Asia’s Best CFO (Investor Relations) (ปีที่
5) นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจากฯ
ในฐานะผู้มีบทบาทในการบริหารด้านการเงินและการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและเท่าเทียมกับนักลงทุนและผู้มีเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
3.รางวัล Best Investor Relations Professional มอบให้บุคคลดีเด่นด้านงานนักลงทุนสัมพันธ์
โดยนางสาวทิพย์วดี สุดเวหา ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์
และรางวัลประเภทองค์กร
อีก 3 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัล Asia’s
Best CSR (ปีที่ 3) รางวัลความรับผิดชอบต่อสังคมยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย
2.รางวัล Best Environmental Responsibility (ปีที่ 7) รางวัลความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม
3.รางวัล Best Investor Relations Company (ปีที่ 9) บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านการดำเนินกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์
ทั้งนี้ทางนิตยสาร
Corporate Governance Asia ได้จัดการประกวดรางวัล Asian
Excellence Awards ขึ้นเริ่มตั้งแต่ปี 2554 มาจนกถึงปัจจุบันเพื่อยกย่องความสำเร็จและความเป็นเลิศในการบริหารจัดการทั้งด้านการเงิน
ความรับผิดชอบต่อสังคม แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม งานนักลงทุนสัมพันธ์
ข่าวที่
6 -TCEB
ผนึกพันธมิตรดันอยุธยายกชั้นขึ้นMICE CITY ภาคกลาง
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางทีมทีเส็บร่วมมือกับรัฐ
เอกชน ภาคการศึกษา
จัดการประชุมเพื่อวางแผนยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นเมือง MICE CITY/ไมซ์ ซิตี้ ของภาคกลาง ด้วยการนำร่องสร้างความแตกต่างด้วยสินค้าและบริการไมซ์
lสร้างจุดขายแนวใหม่พร้อมกับผลักดันไมซ์เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเพื่อรองรับการประเมินเป็น
MICE City ในอนาคตต่อไป
ทีเส็บจึงร่วมกับภาคีพันธมิตรในพื้นที่
นำโดย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ได้จัดการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยมีภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง โดยมี นายกกชัย ฉายรัศมีกุล
รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธาน จัดการประชุมครั้งแรก
เพื่อขับเคลื่อนไมซ์พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งทุกภาคส่วนประกาศความร่วมมือจะเดินหน้าบูรณาการระดับพื้นที่ในการขับเคลื่อนส่งเสริม
สนับสนุน และพัฒนาการท่องเที่ยวและไมซ์ โดยพุ่งเป้าขับเคลื่อน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ เรื่องที่ 1 กระตุ้นตลาดการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล
(Incentive) เรื่องที่ 2 ผลักดันการจัดงานเทศกาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้มีมาตรฐานระดับประเทศและนานาชาติ
อีกทั้งในที่ประชุมได้นำเสนอความสำคัญและแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พร้อมกับร่วมพิจารณาจัดทำ City Profile กำหนดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนไมซ์เชิงพื้นที่
นำเสนอเส้นทางประสบการณ์ไมซ์ใหม่ในพระนครศรีอยุธยา กับทำแคมเปญการสนับสนุนตลาดไมซ์ในประเทศ
กระตุ้นตามอินเซ็นทีฟและจัดการประชุมให้เป็นไปตามเป้าหมายกระจายรายได้เข้าพื้นที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อไป
ช่วงที่ 2 เปิดมุมใหม่เที่ยวไทย “Unseen New Chapters”
ทั่วประเทศเริ่มแล้ว นำร่องกันที่ “ภาคใต้” 5 พิกัดเที่ยวสนุกสุขได้ทุกวัน
แล้วก็ดูแลสุขภาพ “3เคล็ดลับทำง่ายร่างกายปลอดโรค”
และข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “สมาคมสายการบินไทย” ออกโรงขอรัฐทบทวน3วิธีเก็บภาษีน้ำมัน 1 ก.ค.66 ข่าวที่สอง
“NEDO”
รุกจัดมหกรรมทรัพยากรชีวภาพสร้างตลาดใหม่ชุมชนท่องเที่ยว
ท่องเที่ยว
– เที่ยวใต้5พิกัดUnseenNewChaptersเที่ยวไทยสุขได้ทุกวัน
ถึงเวลาเที่ยวไทยให้ครบทุกภาค
ตลุยไปสำรวจ “Unseen
New Chapters” แหล่งท่องเที่ยวที่คนในท้องถิ่นรู้
แล้วนำออกมาบอกต่อเพื่อชวนคนที่ยังไม่รู้จักเข้าไปเสพธรรมชาติในหลากหลายมิติ
ทริปนี้ เริ่มกันด้วย “ภาคใต้” กับสุดยอด 5 Unseen New Chapters 5 พิกัด เที่ยวไทยไม่เบื่อเลย ดังนี้
พิกัดที่ 1 อุทยานธรรมเขานาในหลวง
อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี “ท่องเที่ยวอุทยานธรรมลอยฟ้า...พลังศรัทธาแห่งเขานาในหลวง”
อุทยานธรรมเขานาในหลวง
ถือเป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาของชาวบ้าน สถานที่แห่งนี้
เริ่มเป็นที่รู้จักจากความวิจิตรของประตูพุทธวดี หรือซุ้มประตูแห่งกาลเวลา
ถือเป็นซิกเนเจอร์อันแสนงดงามยามเมื่อแสงเช้าตกกระทบ
ก่อนจะต่อยอดพลังศรัทธา ด้วยการสร้าง เจดีย์ร้อยยอดพันองค์
เจดีย์ลอยฟ้าพุทธศิลาวดี เจดีย์ลอยฟ้าพุทธราชาวดี ทำให้ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้
เป็นเหมือนสวรรค์บนดิน โดยเฉพาะยามทะเลหมอกเลื้อยพันรอบยอดเขา
เจดีย์แต่ละองค์จะดูคล้ายกับลอยอยู่บนก้อนเมฆเป็นภาพอุทยานธรรมลอยฟ้าที่ดูตื่นตา…น่าอัศจรรย์ใจ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ได้ตลอดทั้งปี
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/1jgtwiFs5jH1sDqV9
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี เบอร์โทรศัพท์ 0 7728
8817-9
พิกัดที่ 2 หมู่เกาะกำ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง“ย้อนเวลาหาความสงบสุข…เที่ยวเกาะหลงยุคแห่งอันดามัน”
“หมู่เกาะกำ” ประกอบด้วย “เกาะกำตก”หรืออ่าวเขาควายด้วยเอกลักษณ์ของอ่าวเป็นชายหาดที่โค้งมาติดกันเป็นรูปวงกลมตามแนวเหนือ-ใต้
ด้วยความมหัศจรรย์นี้ มีชายหาดที่ขาวสะอาด เนื้อทรายเนียนละเอียด น้ำทะเลโดยรอบเกาะเป็นสีฟ้าใสสามารถเล่นน้ำได้
“เกาะค้างคาว” เหตุเพราะค้างคาวแม่ไก่ที่เคยอาศัยอยู่นับพันตัว
บริเวณหน้าเกาะมีหาดทรายสีขาวละเอียดและนุ่มดั่งแป้งเด็ก
พร้อมกับน้ำทะเลใสที่มองเห็นทราย โขดหิน และปะการังใต้น้ำได้แบบชัดเจน รอบๆ
เกาะสามารถดำน้ำชมปะการังได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก จุดดำน้ำตื้นจะอยู่ตรงบริเวณหัวเกาะมีปะการังและปลาการ์ตูนนีโม่ที่ว่ายอยู่ในดอกไม้ทะเล
และเกาะญี่ปุ่น ชาวบ้านเล่าว่า
เมื่อก่อนเคยมีชาวญี่ปุ่นมาเลี้ยงหอยมุก
บางคนก็บอกว่าที่นี่เป็นที่ประกอบอาหารส่งเสบียงให้แก่ทหารญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่
2 สภาพพื้นที่มีภูเขาเล็ก ๆ ด้านหน้าเกาะเป็นแนวชายหาด หาดทรายมีสีขาวละเอียด
รอบเกาะสามารถดำน้ำชมปะการัง
มีปลาการ์ตูนนีโม่และปลาสวยงามอย่างอื่นมากมาย ทั้ง 3 เกาะรวมเรียก นี่คือหมู่เกาะที่ถูกเรียกว่า“หมู่เกาะหลงยุค”อาจด้วยการที่หมู่เกาะแห่งนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติดั่งเดิมไว้
เพราะแม้แต่ชาวบ้านเอง ก็ยังคงเลือกใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแถบนี้แบบเดิม ๆ จึงเป็นเหตุผลทำให้หมู่เกาะกำมีความสงบเงียบ
แถมยังพร้อมเพียบด้วยธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์ชนิดเกาะอื่นเลียนแบบได้ยาก เป็นหมู่เกาะที่ไม่หมุนไปตามกาลเวลา
ซึ่งรอการเดินทางมาพิสูจน์ความหลงยุคด้วยตัวคุณเอง สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วง
วันที่ 16 ตุลาคม – 15 พฤษภาคมของทุกปี
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/sJTNT3e3sDYYbaNV8
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานชุมพร เบอร์โทรศัพท์ 0 7750
2775-6 หรือ 0 7750 1831
พิกัดที่ 3 รอยพระพุทธบาทในทะเล
สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร อ.เมือง จ.ภูเก็ต “พลังศรัทธาใต้มหาสมุทร…รอยพระพุทธบาทแห่งอันดามัน”
รอยพระพุทธบาทในทะเลแห่งนี้ เป็นรอยพระพุทธบาท รอยที่ 5 ‘นัมมทานที’
ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5
รอยพระพุทธบาทที่ได้รับความศรัทธาเชื่อมั่นจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก
ตั้งอยู่ที่สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร
โดยช่วงเวลาน้ำทะเลขึ้นสูงจะไม่สามารถเห็นรอยพระพุทธบาทแต่เมื่อน้ำทะเลลดลงจะสามารถมองเห็นรอยพระพุทธบาทได้อย่างชัดเจน
สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี (ยกเว้นช่วงมรสุม)
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/3CXQjFoEh1jU9aNf6
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานภูเก็ต เบอร์โทรศัพท์ 0 7621 1036
หรือ 0 7621 2213
พิกัดที่ 4 หินพับผ้า อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ได้ชื่อว่าเป็นดินแดน“มหัศจรรย์แห่งชั้นหิน…งานศิลป์ถิ่นเมืองคอน”
ผาหินรูปร่างแปลกตาที่พบเห็นได้บริเวณกลางทะเลขนอมเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มีอยู่เพียงน้อยแห่งบนโลกใบนี้มีลักษณะเป็นแผ่นหินซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆซึ่งแต่ละจุดจะดูสวยงามแตกต่างกันตามแต่จะจินตนาการ
โดยชาวต่างชาติเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘Pancake Rock’ ส่วนคนไทยรู้จักกันในชื่อ
‘หินพับผ้า’ เพราะดูคล้ายกับผ้าที่พับซ้อนกันเป็นชั้นๆ
เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติเมืองคอน
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากชุมชนแหลมประทับ เพื่อมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งนี้ได้ตลอดวัน
สามารถเดินทางมาชมชั้นหินได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ลม ฟ้า และอากาศ
แต่ช่วงที่แนะนำ คือ เดือนมกราคม - เมษายน
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/M62seDMdRdd5SmQs
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช เบอร์โทรศัพท์ 0
7534 6515-6
พิกัดที่ 5 เกาะตะรุเตา อ.เมืองสตูล จ.สตูล “ผจญภัยในตะรุเตา…ตามหาเงาราชาโจรสลัดเมืองไทย”
“ตะรุเตา”เกาะที่เต็มไปด้วยตำนานและคำบอกเล่าทั้งขุมสมบัติ ถ้ำลับ
โจรสลัด สัตว์ร้าย หรือแม้กระทั่งต้นไม้มีพิษแต่ในคำบอกเล่าสุดแฟนตาซีถือว่ายังมีเค้าโครงจากเรื่องจริงด้วยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีภูมิประเทศหลากหลายแถมยังเงียบสงบจึงไม่แปลกหากตะรุเตาจะเต็มไปด้วยพืชพรรณแปลกๆ
รวมถึงสัตว์หายาก และหากใครชอบศึกษาประวัติศาสตร์
จะรู้ว่านอกจากธรรมชาติและชายหาดสวยๆ แล้ว
บนเกาะแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย
โดยเฉพาะสถานกักกันตัวนักโทษ ซึ่งท้ายสุดแล้วกลายเป็นที่มาของตำนาน
“โจรสลัดแห่งตะรุเตา” เรื่องเล่าที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และนวนิยายมาแล้วหลายต่อหลายครั้งช่วงเวลาที่เกาะตะรุเตาเปิดให้นัก ท่องเที่ยวเข้ามาผจญภัย คือ เดือนตุลาคม - เดือนพฤษภาคมของทุกปี
พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/Xr4aoeB8MwyJqdYbA
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานสตูล เบอร์โทรศัพท์ 06 2595 7748
สุขภาพ
– 3เคล็ดลับดูแลสุขภาพทำได้ง่ายห่างไกลโรค-ร่างกายแข็งแรง
กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก
แนะเคล็ดลับการดูแลสุขภาพดี ด้วยการปรับพฤติกรรม ป้องกันตนเองให้ห่างไกลโรค
เพื่อสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน กับเคล็ดลับทำตามได้ง่าย ดีต่อร่างกาย
ห่างไกลโรค ด้วย 3 วิธีดังนี้
วิธีที่ 1 “ปรับพฤติกรรมการกิน” เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ถูกหลักโภชนาการ รับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบถ้วน
เน้นข้าวแป้งธัญพืชที่ไม่ขัดสี
เพื่อเพิ่มใยอาหาร รับประทานผักและผลไม้ที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารและวิตามิน
เน้นโปรตีนที่ดี เช่น โปรตีนจากพืช ถั่วเหลือง เต้าหู้ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง
ควรหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
และรสเค็ม รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น
โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
วิธีที่ 2 ปรับพฤติกรรมทางกาย
ด้วยการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์
ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ประมาณ 20 – 30 นาที/ครั้ง
(สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง) และ พักผ่อนให้เพียงพอ งดการสูบบุหรี่
วิธีที่ 3 ปรับพฤติกรรมทางใจ หลีกเลี่ยงความเครียดหรือวิตกกังวล
ทำจิตใจให้ผ่อนคลายเพราะการมีสุขภาพจิตที่ดีอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
ก็เป็นสิ่งที่จะส่งเสริมให้สุขภาพร่างกายของเราดีขึ้น
นอกจากการปรับพฤติกรรมต่างๆแล้ว
สิ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ คือ การหมั่นตรวจสุขภาพของตนเองเป็นประจำทุกปี
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ อีกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ส.สายการบินไทยชงรัฐคิดใหม่3วิธีเก็บภาษีน้ำมันหวั่นตั๋วแพง
นายพุฒิพงศ์
ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ
มีเเผนจะยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลังทบทวนมาตรการในการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอีกครั้ง
เนื่องจากกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง จะกลับมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน (excise tax) สำหรับเครื่องบินไอพ่น ในอัตรา 4.726 บาทต่อลิตร จากเดิมเคยมีมาตรการช่วยเหลือเรียกเก็บในอัตรา
0.20 บาทต่อลิตร การจัดเก็บเพิ่มตามอัตราใหม่
จะส่งผลกระทบโดยตรงกับสายการบินทำให้ต้นทุนบริการเส้นทางในประเทศสูงขึ้น และอาจส่งผลไปถึงการกำหนดค่าโดยสารของเเต่ละสายการบินด้วย
ดังนั้นจึงจะเสนอให้กรมสรรพสามิต
พิจารณาจัดเก็บ 3 แนวทาง
ได้แก่ 1.คงอัตราภาษีไว้ที่ 0.20 บาทต่อลิตร หรือ 2.ทยอยเพิ่มภาษีตามอัตราขั้นบันได หรือ 3.กำหนดอัตราภาษีใหม่ที่เหมาะสม
เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวยังคงเป็นช่วงฟื้นตัว ซึ่งจะเป็นโอกาสกระตุ้นส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
ประการสำคัญมาตรการดังกล่าวจะช่วยควบคุมราคาค่าโดยสารภายในประเทศเป็นอย่างดีได้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งทางสมาคมสายการบินประเทศไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวง
การคลังเเละกรมสรรพสามิต ต่อเนื่องมาตลอดเวลา เพื่อติดตามพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลา
ลดอัตราภาษีน้ำมันสำหรับเครื่องบินไอพ่น หลังธุรกิจสายการบินและท่องเที่ยว
ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มานานกว่า
3 ปี
กระทั่งปัจจุบันผู้คนเริ่มกลับมาเดินทางทางอากาศเพิ่มมากขึ้น
แต่ก็ยังไม่ได้กลับสู่สถานการณ์ปกติ
จึงต้องขอให้ช่วยเอกชนลดต้นทุนเพื่อประโยชน์โดยรวมของประเทศต่อไป
ข่าวที่สอง
-“BEDO”รุกจัดทรัพยากรชีวภาพสร้างตลาดใหม่ชุมชนเที่ยว
นางสุวรรณา
เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ
(องค์การมหาชน) “BEDO” กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า
BEDO
เตรียมจัดงาน “มหกรรมทรัพยากรชีวภาพและสร้างโอกาสทางการตลาด ภายใต้แนวคิด “BEDO-BCG
Society Forum เศรษฐกิจชีวภาพ สร้างสรรค์ สร้างอนาคต” ระหว่าง
10-13 กรกฎาคม 2566 บริเวณลานเอนกประสงค์
ชั้น 2 อาคาร B ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
80 พรรษา 5
ธันวาคม 2550 แจ้งวัฒนะ ภายในงาน จะมี 5 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย
กิจกรรมที่ 1 จัดแสดงผลงานเด่นระดับต้นแบบ Best
Practice กิจกรรมที่ 2 ส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในการนำความหลากหลายทางชีวภาพมาพัฒนาเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
การมีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวนอกเขตอนุรักษ์โดยส่งเสริมให้ชุมชนปลูกไม้มีค่า
ดำเนินโครงการธนาคารความหลากหลายทางชีวภาพระดับชุมชน (Community Biobank) การจดคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
ความลับทางการค้าและสินค้า GI
กิจกรรมที่
3 การท่องเที่ยวชีวภาพ
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ รวมทั้งการจัดแสดงและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพของชุมชน
เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้เลือก ช้อป ชิม ชม จากทั่วประเทศกว่า 60
ร้านค้า เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย จ.ลำพูน ผ้าหม้อห้อม จ.แพร่ ผ้าย้อมคราม จ.สกลนคร
ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร และอื่น ๆ พร้อมกับมีตัวแทนชุมชนเจ้าของผลิตภัณฑ์มาให้คำแนะนำข้อมูลต่าง
ๆ ด้วย
กิจกรรมที่
4 ความรู้และบันเทิงหลายรูปแบบ เช่น สาธิตถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพของชุมชน
การทำน้ำจิ้มซีฟู้ดน้ำมะปี๊ด การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด การทำ Eco-Print
ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พร้อมชมการแสดง BCG
Showcase และกิจกรรมความบันเทิงจากศิลปินดัง
เช่น เต๋า ภูศิลป์ กับ เอิ้นขวัญ วรัญญา
กิจกรรมที่
5 ได้เพิ่มความพิเศษในปี
2566 เปิดเวทีจัดประชุมวิชาการ
Biodiversity Bioeconomy และเวทีเสวนาความหลากหลายทางชีวภาพที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ
ผอ.สุวรรณา
กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ BEDO มุ่งเน้นการนำเสนอผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
ตามนโยบายการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ตลอดจนผลการศึกษาวิจัยและพัฒนา
การประชุมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดงผลงานที่โดดเด่นตามภารกิจ สร้างการรับรู้
ให้เกิดความตระหนักเห็นคุณค่าการสร้างเศรษฐกิจจากความหลากหลายทางชีวภาพ
ควบคู่กับการอนุรักษ์ให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตผ่านนิทรรศการรูปแบบต่าง ๆ ไปด้วยกัน
เนื่องจากตลอดปี 2565 BEDO เน้นทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานสถาบันการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัยราชมงคล
การบูรณาการทำงานในพื้นที่สงวนชีวมณฑลกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขับเคลื่อนงานวิจัยสู่ชุมชน
มุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนววิถีใหม่ภายใต้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น