ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เจาะลึก!! ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ แก้โจทย์เที่ยวยั่งยืนเลิกใช้ท่องเที่ยวทำรายได้หลัก 3.5 ล้านล้าน

 


ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

เจาะลึก!! ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์”อดีตรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ

แก้โจทย์ใหม่“เที่ยวไทยยั่งยืน”คนละทางกับเป้า3.5ล้านล้าน

ฟื้นท่องเที่ยวรายได้เสริม/ขายตัวตนไทยแทนเมกะโปรเจกต์

คิงเพาเวอร์ลดแรงมาก70%ช้อปมันส์สนั่นศรีวารี”ถึง31ส.ค.67

พูลแมนคิงเพาเวอร์แจกโปรประชุมคุ้ม3แพกเกจเริ่ม1,600.

ททท.เปิดฟรี Music Fest ดึงไทย-ต่างชาติปั๊มเศรษฐกิจพัทยา

บางจากMOUใช้นวัตกรรมน้ำมันรถลดควันดำกับฝุ่นPM 2.5

บางจากคว้ารัฐวิสาหกิจเป็นเลิศสุขภาวะเด่นระดับชาติปี’67

TCEBในประเทศบูมยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย3ชุมชนตราด

ล่องใต้ไปฉ่ำว้าวไปเมืองกระบี่ตลอดก.ย.นี้เที่ยวฟิน 5 พิกัด

8 วิธีแก้จมูกตันด้วยตนเองรู้ไว้ทำอย่างง่าย ๆ ได้ผลดีจริง

ไทยดึง3พันแบรนด์30ชาติบูมFood&Hospitalityแห่งเอเชีย

CAASเผย4ชาติพลิกโฉมการบินโลก38เส้นทางลดคาร์บอน

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #วีระศักดิ์โควสุรัตน์ #เที่ยวกระบี่

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/tBYg3Pqd5aY4MDu3/?mibextid=qi2Omg

                ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผ่าโมเดล “ประเทศไทย” กับแผนแม่บท “ท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” แนะถอดบทเรียนจากโควิด-19 ปลดล็อกใหญ่เป้ารายได้ปีละ 3.5 ล้านล้านบาท หันทำด่วน 3 เรื่อง เรื่องแรก “ปรับโจทย์ให้ท่องเที่ยวทำรายได้เสริม” ไม่ใช่รายได้หลัก เรื่องที่ 2 ยกเครื่องโลจิสติกส์แนะจัดทัพใหม่ทัวร์โลจิสติกส์ระบบราง นำร่อง ททท.จับมือการรถไฟกระตุ้นเที่ยวไทยลดคาร์บอนระยะยาว เรื่องที่ 3 “ขายในสิ่งที่ไทยเป็น” ไม่ใช่ “เมกะโปรเจกต์ที่ไทยลงทุนสร้าง” ดูต้นแบบกระแส “หมีเนย” คือคำตอบจุดขายอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนไทยโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนพันหรือหมื่นล้านบาท

 

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน Sustainable และการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ Responsibility Tourism ภายใต้การเดินหน้าทำรายได้เข้าประเทศปี 2567 ให้ได้กว่า 3.5 ล้านล้านบาท นั้น ต้องปรับมุมคิดและทิศทางกันใหม่โดยนำภาพจำจากประสบการณ์โควิดมาเป็นบทเรียน ข้อที่ 1 ต้องทำ “ท่องเที่ยว” เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ “เป้าหมาย” ข้อที่ 2 การท่องเที่ยวยั่งยืนเพื่อคนทั้งมวล หรือเพื่อเฉพาะผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นความท้าทายค่อนข้างยากภายใต้แรงกดดัน 3 ตัวแปรใหญ่ ได้แก่

 1.ห่วงโซ่ของซัพลายเชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2.พนักงานในบริษัทจะต้องเดินไปพร้อมกับองค์กรได้ด้วย โดยจะต้องฝึกทักษะการดูแลซัพพลายเชนและบริการลูกค้า เนื่องจากการปลดล็อกเรื่องดังกล่าวพนักงานอาจจะต้องเรียกร้องเรื่องค่าจ้างสูงขึ้น 3.ต้องใช้ทักษะความคิดและแผนพัฒนาท่องเที่ยวแล้วทำให้ชุมชนแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ส่วนกลไกในอุตสาหกรรมที่หน่วยงานต่าง ๆ นำมาใช้กับนักท่องเที่ยวคือ จะต้อง “เลือกใช้การเดินทาง” อย่างถูกวิธี เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย นำระบบรางเข้ามาใช้ หากทำได้จะพลิกโฉมการท่องเที่ยวลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากอดีตทั้ง 2 หน่วยงานเคยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังเหมือนกัน ถ้าผนึกความร่วมมือทำงานร่วมกันได้จะสร้างประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวหน้าใหม่ขึ้นอีกครั้ง

ในการการเปลี่ยนแปลงไปสู่ “การท่องเที่ยวยั่งยืน” เพื่อทำให้เศรษฐกิจทั้งประเทศในแต่ละพื้นที่ท้องถิ่นชุมชนแข็งแรง มีดังนี้



แนวทางแรก แนะนำให้ยกเครื่องระบบเครือข่ายเชื่อมโยงโลจิสติกส์ ด้วยการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวหันมาใช้ระบบรางอย่างรถไฟเดินทาง ไม่ใช่จะให้เปลี่ยนทันทีเพียงแต่ปรับจูน “ตารางเดินรถของการรถไฟ” คัดเลือกเฉพาะเส้นทางที่สามารถให้บริการได้ตรงเวลาอย่างแท้จริงแล้วนำร่องเที่ยวจริง เพราะหากยังส่งเสริมการขับรถท่องเที่ยวก็ยังเป็นไฮคาร์บอนเหมือนเดิม และ “การขับรถยนต์ระบบไฟฟ้า” EV น่าจะแนะนำให้เป็นบริการภายในท้องถิ่น เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องจุดปลั๊กอินชาร์จแบตเตอรี่ การซ่อมบำรุง และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

แนวทางที่ 2 ต้องตั้งเป้าให้การท่องเที่ยวเป็น “อุตสาหกรรมทำรายได้เสริมมากกว่ารายได้หลัก” เนื่องจากบริบทการลงทุนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือหากทำเป็นรายได้หลักก็จะมีนักลงทุนแห่เสนอทำโครงการขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากเลอะเทอะไปหมด แตกต่างจากโจทย์ ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมทำรายได้เสริมอย่างแน่นอน



การปรับตัวของเจ้าของพื้นที่ท่องเที่ยวในชุมชน เรื่องที่ 1 ต้องสำรวจตรวจสอบความสามัคคีในชุมชน เรื่องที่ 2 วัตถุดิบที่มีอยู่ในพื้นที่โดยเฉพาะทรัพย์สินทางด้านบุคลากร เพราะธรรมชาติทิวทัศน์เป็นจุดหมายมาทีหลังเรื่องของคนในชุมชน เมื่อได้ 2 เรื่องแล้ว จะสามารถต่อยอด เรื่องที่ 3 “ของดีชุมชน” มาเรียบเรียงนำเสนอสตอรี่ให้เป็นธีมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มั่นคง เชื่อมั่นในวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีสาระเรื่องเล่าแตกต่างกันจึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มต่าง ๆ ได้มากขึ้น

ตัวอย่างเรื่องเล่า “ชุมชนชากแง้ว” จ.ชลบุรี ซึ่งมีไฮไลต์คือศาลเจ้าแม่ทับทิมเป็นศูนย์รวมจิตใจ สามารถหลอมรวมความสามัคคีคนในชุมชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเสน่ห์ท้องถิ่นสามารถชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมศาลเจ้าแม่ทับทิมได้ โดยไม่ต้องลงทุนเมกะโปรเจกต์ขนาด 100 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านบาท

 


หรือกระแสเที่ยว “หมีเนย” ซึ่งมีอัตลักษณ์เป็นตัวตนเฉพาะจนได้ฉายาว่า “ลูกสาวแห่งชาติ” มีความร่าเริง สร้างความสนุก ด้วยจริตที่ดึงดูดผู้คน ปรากฎการณ์นี้เรียกว่าเป็น “อาการ/อารมณ์” ทางสังคม ผู้คนกำลังโหยหา “สิ่งฮีลใจ” เห็นได้ชัดจากผู้คนตื่นแต่เช้ามืดมารอหมีเนยปรากฎตัวสามารถสร้างความสนใจได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย มีคนทำพีอาร์ประชาสัมพันธ์

 

ข้อสังเกตุที่ดีคือทุกวันนี้ชาวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยเพราะ “ประทับใจในความเป็นไทย” โดยไม่ได้ต้องการมาดูโครงการลงทุนขนาดใหญ่มากมาย แต่ชื่นชอบความเป็นอัตลักษณ์ไทยซึ่งมีความตั้งใจจะสะท้อนตัวตนที่แท้จริงออกมาจากใจ เช่นเดียวกับหมีเนยที่โด่งดังโดนใจกลุ่มแรกคือนักท่องเที่ยวจีนที่นำไปแชร์ในโซเชียลช่วยดึงคนเข้ามาชมมากมาย

 

เช่นเดียวกับกับ การแต่งไทย แต่งชุดนักเรียนไทย เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว กลายเป็นเรื่องกระแสนิยมวางขายอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อให้คนเช่าสวมใส่ได้ หรือแม้แต่ “สตรีมุสลิม” จากตะวันออกกลางก็ยังให้ความสนใจสวมชุดไทยถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างภาคภูมิใจ คนไทยก็น่าจะได้ส่งเสริมปรากฏการณ์เหล่านี้ขยายเครือข่ายบอกต่อกัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ ด้วยการให้เกียรติกัน เคารพซึ่งกันและกัน ดูแลผู้คนอย่างเท่าเทียมเสมอภาค เหมือนกับญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมการเข้าคิวก็ทำให้คนทั่วโลกต้องทำตาม

 

 

ดังนั้น ประเทศไทยจะนำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริงได้ จะต้องร่วมมือกันนำเสนอ “สิ่งที่เราเป็น” ไม่ใช่ “สิ่งที่เราสร้าง” นั่นเอง

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ลดแรงมาก70%ช้อปมันส์สนั่นศรีวารี”ถึง31ส.ค.

 

คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ลดแรงมาก! สูงสุดถึง 70% ชวนกันมา “ช้อปมันส์ สนั่นศรีวารี” กับสินค้าแฟชั่นทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแบรนด์ดัง ในราคาพิเศษที่สุด วันนี้ – 31 สิงหาคม 2567เฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี เท่านั้น

 

รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ แบ่งชำระ 0% และ บัตรเครดิตชำระเต็มจำนวนรับเครดิตเงินคืน 18% จาก ธนาคารไทยพาณิชย์  ธนาคารกสิกรไทย อเมริกัน เอ็กซ์เพรส  

ธนาคารกรุงเทพ  ธนาคารออมสิน กรุงศรีอยุธยา กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เคทีซี และยูโอบี

 

ย้ำ !ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

 

“บัตรเครดิตคาร์ดเอกซ์ และบัตรเครดิตไทยพาณิชย์” ทุกประเภท ยกเว้น บัตรเครดิต CardX FAMILY PLUS/ SCB FAMILY PLUS (“ผู้ถือบัตร”) เมื่อมียอดใช้จ่ายแบบเต็มจำนวนที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ระหว่างวันนี้– 31 สิงหาคม 2567 เท่านั้น ให้สิทธิ์ใช้คะแนนสะสม CardX rewards เท่ายอดซื้อแลกรับเครดิตเงินคืนดังนี้

 

1.วันจันทร์-พฤหัส บัตรเครดิต CardX และ SCB ทุกประเภท แลกรับเครดิตเงินคืน 10%

 

2.เฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ สำหรับบัตรเครดิต SCB PRIVATE BANKING , SCB FIRST, SCB PRIME,  CardX PLATINUM LIMITED และ CardX KING POWER PLATINUM แลกรับเครดิตเงินคืน 14% และบัตรเครดิต CardX ประเภทอื่นๆ แลกรับเครดิตเงินคืน 10%

 

“บัตรเครดิตกสิกรไทย” ใช้คะแนน K Point แลกรับส่วนลดสูงสุด 10% (ผ่านเครื่อง EDโดยตรวจสอบคะแนน K Point คงเหลือก่อนทำรายการ ได้ที่ 02-8888888 กด 823 หรือ K PLUS แลกรับส่วนลด 10% เฉพาะรายการใช้จ่ายเต็มจำนวน ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้- 30 กันยายน 2567เท่านั้น

 

ข่าวที่ 2-พูลแมนคิงเพาเวอร์แจกโปรประชุมคุ้ม3แพกเกจเริ่ม1,600บาท

 

โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ในเครือของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมแล้วที่จะนำเสนอ “แพคเกจงานประชุม” ในกรุงเทพที่โดนเด่นที่สุด และมอบความคุ้มค่าที่สุด ด้วยพื้นที่จัดประชุมทันสมัย 20 ห้อง กับบอลรูมขนาดใหญ่อีก 2 ห้อง รองรับแขกได้ถึง 600 คน ทุกห้องมาพร้อมอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่ทันสมัย การดูแลครบวงจรจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดประชุมและไอที

“อาหารเบรค” รสเลิศจากฝีมือหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ “เชฟโดมินิค แฟร์โชด์” ส่วน “มื้อเที่ยงหรือมื้อเย็น” อันน่าประทับใจจองได้ที่ “ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก”

 

“ห้องประชุมส่วนตัว” มองหาสถานที่ส่วนตัวพร้อมแสงธรรมชาติต้องที่ “The Sixth” พื้นที่สำหรับพักผ่อนสุดทันสมัยและวิวสวนสวยในที่เดียว

 

“จัดสัมมนาสำคัญ” ดึงความสนใจให้ผู้เข้าร่วมชื่นชมแนะนำเลือกใช้บริการ “ห้องอีเทอร์นิตี้ บอลรูม” แสงธรรมชาติขนาด 470 ตรม.มาพร้อมครัวเปิดขนาดใหญ่ซึ่งแขกจะได้รับประทานอาหารชั้นเลิศทาง “เชฟใหญ่” ของโรแรมรังสรรค์และเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะเลยทีเดียว

 

สนนราคาการจัดประชุม มีให้เลือก 3 แพกเกจ ได้แก่

 

แพกเกจที่ 1 ประชุมเต็มวัน 1,800 บาทสุทธิ/คน รวม คอฟฟี่เบรก 2 มื้อ และอาหารกลางวัน 1 มื้อ

 

แพกเกจที่  2 ประชุมครึ่งวัน 1,600 บาทสุทธิ/คน รวม คอฟฟี่เบรก 1 มื้อและอาหารกลางวัน 1 มื้อ


แพกเกจ ที่ 3 ประชุมครึ่งวัน 2,500 บาทสุทธิ/คน คอฟฟี่เบรก 1 มื้อ และอาหารเย็น 1 มื้อ

 

สำหรับแพคเกจอีเว้นท์และงานประชุมในกรุงเทพฯแต่ละงานรวมถึง :

เครื่องดื่มและของวางระหว่างประชุม ประกอบด้วย 1.ชุดรับรองชาและกาแฟเมื่อผู้เข้าประชุมเดินทางมาถึง 2.เมนูอาหารว่างรวมถึงขนมอบแบบต่างๆ ชา กาแฟ และน้ำผลไม้ น้ำดื่มและมิ้นต์สำหรับผู้ร่วมประชุม

 

อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย 1.โปรเจคเตอร์ LCD และหน้าจอขนาดใหญ่ 2.เครื่องเล่น DVD และอินเตอร์เนตไร้สายความเร็วสูง 3.แท่นโพเดียม (podium) พร้อมไมโครโฟนและระบบเสียง 4.ฟลิปชาร์ตและปากกาไวท์บอร์ด 5.หน้าจอบอกทางมายังห้องประชุมภายในโรงแรม 5.อุปกรณ์การเขียน ที่รองเขียนและกระดาษ

 

เพิ่มเติมเรื่องการเตรียมอุปกรณ์หรือพื้นที่ :

1.หากลูกค้าประสงค์ที่จะนำอุปกรณ์ภาพและเสียงมาติดตั้งเพิ่มเติม สามารถแจ้งทีมงานของเรา โดยราคาค่าเช่าอุปกรณ์จะรวมอยู่ในแพ็คเกจประชุมของคุณ 2.ทางโรงแรมจะค่าบริการไฟฟ้า 150 บาทต่อแอมป์

 

  

ข่าวที่ 3-ททท.เปิดฟรีMusic Festดึงไทย-ต่างชาติปั๊มเศรษฐกิจพัทยา

 

ดร. พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวเเละกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยกิจกรรม “Amazing Music Festival : Over The Horizon เทศกาลดนตรีกับความสนุกตรงเส้นขอบฟ้า”  ระหว่าง 30 สิงหาคม-1 กันยายน 2567 บริเวณชายหาดพัทยากลาง จังหวัดชลบุรี เปิดเวทีแสดงดนตรีสุดยิ่งใหญ่ นำศิลปินไทยชื่อดัง เสิร์ฟความสุขสนุกสนานดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มมิวสิค เลิฟเวอร์ ทั้งไทยและต่างชาติร่วมงาน ตอกย้ำศักยภาพของไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคนำไทยก้าวสู่ประเทศ มิวสิค เฟสติวัล ให้สำเร็จภายในปี 2568

 

ททท.พร้อมจะใช้เทศกาลดนตรีเป็นเครื่องมือทางการตลาดขับเคลื่อนเศรษฐกิจกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายบวกส่งเสริมภาพลักษณ์ชลบุรีเมืองท่องเที่ยวระดับโลกมีศักยภาพสูง พร้อมดึงดูดตลาดทุกกลุ่ม ทุกสไตล์และพร้อมพัฒนาสู่เมืองท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำของโลก

 

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า เปิดให้นักท่องเที่ยวคนทุกเข้าร่วมสนุกตลอดงาน “Amazing Music Festival : Over The Horizon เทศกาลดนตรีกับความสนุกตรงเส้นขอบฟ้า” โดย ททท.ได้ลงทุนทำบิ๊กอีเวนต์กระตุ้นการท่องเที่ยวปี 2567 ปลุกกระแสการเดินทางได้ทุกฤดูกาลต่อเนื่องตลอดทั้งปีตามนโยบายรัฐบาลในวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand’s Tourism พร้อมกับยกระดับประเทศเป็นเมืองมิวสิค เฟสติวัล จึงต่อยอดใช้มิวสิค เฟสติวัล มาร์เก็ตติ้ง ผสมผสานเข้ากับเสน่ห์ไทยผ่านศิลปินไทยรุกตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพและกลุ่มความสนใจดนตรีหลั่งไหลนำเงินเข้ามาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ภายในงานจัดให้มีทั้งอาหาร ดนตรี กีฬา ศิลปะ วัฒนธรรมต่าง ๆ ตอบโจทย์แนวคิด 5 Must Do in Thailand เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนภาพรวม สนับสนุนศิลปินไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดนานาชาติ

 

โดยจะมีศิลปินไทยกับนักแสดงไทยที่มีฐานแฟนคลับชาว่างชาติมาขึ้นเวทีเสิร์ฟเพลงและบีทสุดมันสนุกแบบไร้ขีดจำกัด ตลอด 3 วัน ตั้งแต่17.00-23.00 น. ในบรรยากาศการดีไซน์พื้นที่เป็น อาร์ต เฟสติวัล

 

วันแรก 30 สิงหาคม 2567 พบกับ เนเน่ พรนับพัน, THE TOYS, หยิ่น-วอร์ และอะตอม ชนกันต์

 

วันที่สอง 31 สิงหาคม 2567 พบกับ NO ONE ELSE,SEASON FIVE, มอส-แบงค์ และ TWOPEE

 

ส่งท้ายวันที่สาม 1 กันยายน 2567 ชมการแสดงของวิโอเลต วอเทียร์, bamm, MEAN และต้าห์อู๋ พิทยา

 

ภายในงานแต่ละวันยังจะมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ผู้เข้างานได้ร่วมสนุกหลากหลายอรรถรส เช่น กิจกรรม เพ้นท์หน้า เพ้นท์ร่างกาย ถักผม จำหน่ายสินค้า อาหารท้องถิ่น และฟู้ดทรัค

  

ข่าวที่ 4-บางจากMOUใช้นวัตกรรมน้ำมันรถลดควันดำกับPM 2.5

 

นางกัณฑมาศ กฤตยานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการผลิต กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “นวัตกรรมสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิง ลด PM 2.5 และควันดำจากรถยนต์” กับหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และภาคเอกชน เพื่อผนึกกำลังเพื่อร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาโดยนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

นวัตกรรมใหม่ที่ในการลงนามครั้งนี้ มุ่งใช้สารเติมแต่งเชื้อเพลิงที่มีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และลดฝุ่น PM 2.5 และสามารถเตรียมได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ถือเป็นการตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจ BCG จากการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรมาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มเป็นผลดีกับทุกภาคส่วนและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม

 

ตัวแทนการลงนามกับ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น มี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แพทย์หญิง เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ดร.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

 

ระหว่างพิธีลงนาม “นวัตกรรมสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิง ลด PM 2.5 และควันดำจากรถยนต์” มีผู้นำองค์กรที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญเข้าร่วมด้วยอย่างคับคั่ง นำโดย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ รองศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต กฤตาคม รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย พัฒนานวัตกรรมและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน    

  

ข่าวที่ 5-บางจากคว้ารัฐวิสาหกิจเป็นเลิศสุขภาวะเด่นระดับชาติปี’67

 

นายโชคชัย อัศวรังสฤษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานบริหารและพัฒนาศักยภาพองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ ร่วมรับรางวัลสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านสุขภาวะในองค์กรเป็นเลิศระดับประเทศ ประจำปี 2567 ยืนยันได้ถึงจุดแข็งอันโดดเด่นของบางจาก 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 ความเป็นเลิศขององค์กรด้านการสร้างความยั่งยืน ผ่านรูปแบบการดูแลพนักงาน 100XHappiness พัฒนาศักยภาพและดูแลพนักงานให้มีความสุข 100 เท่า เรื่องที่ 2 การสร้างค่านิยมองค์กร i am bcp ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการพัฒนาและดูแลบุคลากรในองค์กรอย่างมีเป้าหมาย และยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง นำพาองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

 

เรื่องที่ 3 บางจากได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากตัวแทนเพื่อนพนักงาน ผู้แทนคณะกรรมการลูกจ้าง และผู้แทนสหภาพแรงงาน ร่วมกระบวนการตรวจประเมินสถานประกอบกิจการและตอบข้อซักถามคณะกรรมการเกี่ยวกับการปฎิบัติภายใต้กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ตลอดวงจร

รางวัลที่ได้รับครั้งนี้ทางผู้จัดมอบให้พื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่บางจากฯ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2560 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เคยได้รับมอบรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มอบให้กับพื้นที่โรงกลั่นพระโขนง

  

 ข่าวที่ 6- TCEB ชวนรัฐเอกชนประชุมนอกสถานที่3ชุมชนดีเมืองตราด

 

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ตลาดในประเทศ หรือ “DMICE :Domestic MICE” นำเสนอข้อมูลดี  ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้หน่วยงาน องค์กร ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่กำลังมองหาไมซ์สายท่องเที่ยวชุมชน จัด ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ลองพิจารณาชุมชนจังหวัดตราด แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตอบทุกโจทย์จบครบที่เดียว ทั้งวิถีพื้นบ้านดั้งเดิมอันหลากหลาย สภาพอากาศสบาย  ๆ เข้าถึงง่าย คนในชุมชนมีทักษะรับงานประชุม มีกิจกรรมให้ร่วมลงมือทำ และสามารถเดินทางจัดประชุมได้เกือบตลอดทั้งปี ทั้ง 3 พื้นที่

 

พื้นที่ 1 วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ชุมชน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม มีทั้งชาวพุทธ อิสลาม ดูแลรักษาวัฒนธรรมอันดีงามทั้งแบบไทย จีน มุสลิม อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ทำให้ผู้ไปเยี่ยมเยือนเองได้รับพลังบวกมีความสุขไปด้วย

 

พื้นที่ 2 วิสาหกิจท่องเที่ยวบ้านธรรมชาติล่างวิถีชุมชนพื้นบ้าน เป็นชุมชนอย่างยั่งยืนบริหารจัดการรายได้โดยวิสาหกิจนำทรัพยากร 3 ป่า คือ ป่าชุมชน ป่าชายเลน และป่าสมุนไพร มาใช้เป็นทุนท่องที่ยวชุมชนที่เข้มแข็งยั่งยืน

 

พื้นที่ 3 วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนตำบลคลองใหญ่ หมู่บ้านเสน่ห์แรง ด้วยการพานักท่องเที่ยวลงมือทำกิจกรรมหลากหลายด้วยตัวเองอย่างสนุกสนาน

สำหรับองค์กร หน่วยงาน บริษัท ห้างร้านต่าง  ๆ หากเลือกจัดการประชุมในสถานที่ท่องเที่ยวกับชุมชนทางองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมกับทีเส็บพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายค่าจัดกิจกรรมดังกล่าว 10,000 บาท/กลุ่ม โดยมีชุมชนในเครือข่ายทั่วประเทศให้เลือก 25 ชุมชน ดู

 

ส่วนทาง DMICE มีแคมเปญสนับสนุนโครงการ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ให้ภาครัฐ เอกชน เลือกประชุมนอกสถานที่ลุ้นรับรางวัลรวมกว่ากว่า 1,500,000 บาท ดูข้อมูลได้ทาง https://yokteam.tceb.or.th/

  

            ช่วงที่ 2   เตรียมตัวล่องใต้ไปสุขทันทีที่ “เที่ยวกระบี่” ส่งท้ายกรีนซีซัน 5 งาน 5 พิกัด ฟินให้สุดเบอร์สุดเหวี่ยงได้ ทั้งวิ่งมาราธอนริมหาด สักการะคเณศจตุรถี และ3 เทศกาลดนตรี แล้วฟัง “8 วิธีแก้จมูกตันด้วยตัวเอง” ทำง่ายปลอดภัย และเสิร์ฟข่าวยอดนิยม ข่าวแรก “CAAS สิงคโปร์” ผนึก 4 ประเทศพลิกโฉมเหนือน่านฟ้าลดคาร์บอนเปิด 38 เส้นทางใหม่ ข่าวที่สอง “ไทยดึง 30ประเทศขายกระหึ่ม Food &Hospitality 2024” ที่ศูนย์สิริกิติ์

 

ท่องเที่ยว –ล่องใต้ไปฉ่ำว้าวเมืองกระบี่ตลอด ก.ย.นี้เที่ยวฟิน 5 พิกัด

เที่ยวไทยทริปฉ่ำ ๆ เดือนกันยายน นี้ ชวนไปสุขทันทีที่เที่ยว “กระบี่” มีอีเวนต์เที่ยวฟินรอรับนักท่องเที่ยวทุกคน จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และภาคเอกชน ทุกช่วงสัปดาห์ ตั้งแต่ต้นเดือน  กลางเดือน  ปลายเดือน  เตรียมพร๊อพเก๋ ๆ ให้พร้อมแล้วเดินทางมาร่วมสนุกให้สุดเบอร์และสุดเหวี่ยงได้ 5 พิกัด 5 งาน

 

พิกัดที่ 1 ลงทะเบียนร่วมสนุกด่วน งานกระบี่ไตรกีฬา Krabi TRIATHLONS วันที่ 1 กันยายน  เปิดสวน สวนสาธารณะธารา

 

พิกัดที่ 2 งาน “คเณศจตุรถี“ 7 กันยายน เปิดลานพระคเณศ ท่าเรือพอร์ตตะโกลา กระบี่ ชวนบรรดาลูกพระคเณศห้ามพลาด ชมพิธีบวงสรวงแบบอินเดียโบราณมหรสพสมโภชเนื่องในวันเกิดพระพิฆเนศ  ร่วมพิธีอารตีบูชาไฟ กับ Crystal Bowl Sound Therapy

 

พิกัดที่ 3 ชวนไปวิ่งเลียบหาดกับมหกรรม “Scenic Half Marathon Krabi 2024 วันที่14 15 กันยายน ที่ชายหาดอ่าวนาง เสน่ห์ไทย เสน่ห์ร้อนแรงแห่งอันดามัน ชวนนักวิ่งทุกคนเก็บกระเป๋าล่องใต้ ไปชมทะเลอ่าวนาง กับเส้นทางวิ่งสุดฟินพิชิตเส้นขอบฟ้า บนถนนสายโรแมนติก FB : Krabi Marathon 

 

พิกัดที่  4 สายมิวสิค มาด่วนสนุกสุขทันทีที่ได้เที่ยวกระบี่กับเทศกาลดนตรี 3 งาน

 

“งานแรก” ฝนตกขึ้นฟ้า Reversed Rain the Concert วันที่ 20 กันยายน ตั้งแต่ 15:00 - 23:00 . เคลียร์พื้นที่โล่งหน้าโรงหนัง ถนนมหาราช  ให้มาร่วมเปลี่ยนผ่านฤดู ส่งฝนกลับฟ้า ผ่านจังหวะของดนตรี ปลุกเมืองกระบี่ให้คึกคัก เตรียมตัวให้พร้อม แล้วเปล่งเสียงไปด้วยกัน  

 

งานที่ 2 ความสุขรออยู่ Aonang Beat Festival  วันที่27 - 28 กันยายน  อ่าวนางแลนด์มาร์ค

 

งานที่ 3 Culture เจิดจ้า ณ กระบี่” 29 กันยายน 67 พบกับวง “เพชรจรัสแสง”  โชว์เสียงกลองกึกก้อง วัฒนธรรมเจิดจ้าให้ดื่มด่ำกับการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยแนวไทยประยุกต์ การแสดงแบบจัดเต็มผ่านเวทีแข่งขัน Thailand got talent ที่ถนนคนเดิน Krabi Walking Street ตั้งแต่ 17.00 - 21.30 . FB : TAT Krabi Office  FB : หอการค้าจังหวัดกระบี่

 

                พิกัดที่ 5 เที่ยวโลว์คาร์บอน Koh Lanta Kayak & Cycling Rally Day 2024 วันที่29  กันยายน ชุมชนทุ่งหยีเพ็ง .เกาะลันตา ตั้งแต่ 07.00 - 19.30 . สุดฟินกับเช้าปั่นจักรยาน บ่ายพายคายัคชมป่าโกงกางผืนใหญ่ของเกาะลันตาเขียวขจีและปู่แน่นสวยงาม  

 

                เที่ยวกระบี่ฉ่ำว้าวส่งท้ายกรีนซีซัน กันยายน 2567 มีควรมสนุกรอต้อนรับนักเดินทางทุกคนได้ไปพักผ่อนกัน

  

สุขภาพ –8 วิธีแก้จมูกตันด้วยตนเองทำอย่างง่าย ๆ ได้ผลดีจริง

   

วิธีแก้จมูกตันคือวิธีการต่าง ๆ สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยลดอาการแน่นจมูก คัดจมูก หรือจมูกตัน อย่างเหมาะสมทำได้ไม่ยากและอาจช่วยให้ผู้ที่มีอาการจมูกตันหายใจสะดวกยิ่งขึ้น แนะนำทำ 8 วิธีดังนี้

 

1. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ -อาจช่วยชะล้างน้ำมูกออกจากจมูกและแก้จมูกตัน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในโพรงจมูกอีกด้วย ซึ่งวิธีแก้จมูกตันด้วยการล้างจมูกสามารถทำได้โดยการฉีดน้ำเกลือเข้าโพรงจมูกข้างใดข้างหนึ่งขณะที่กลั้นหายใจ จากนั้นทำซ้ำทั้ง 2 ข้างจนกว่าจะไม่มีน้ำมูกเหลืออยู่ในจมูก โดยควรล้างจมูกวันละ 1–2 ครั้งเพื่อช่วยอาการจมูกตันดีขึ้น

 

2. ประคบอุ่น -อาจเป็นวิธีแก้จมูกตันที่เห็นผลได้ดี เพียงนำผ้าชุบน้ำอุ่นและบิดผ้าให้หมาด จากนั้นวางผ้าที่บริเวณจมูกและหน้าผาก โดยความอุ่นจากการประคบอุ่นอาจช่วยลดอาการปวด แก้จมูกตัน และลดการอักเสบบริเวณเยื่อบุโพรงจมูกได้ 

 

3. สูดไอน้ำร้อน วิธีแก้จมูกตันวิธีต่อมาคือการสูดไอน้ำร้อน ซึ่งการสูดไอน้ำร้อนสามารถทำได้ในขณะอาบน้ำอุ่นหรือจากเครื่องดื่มร้อนต่าง ๆ โดยไอน้ำร้อนจะช่วยให้น้ำมูกเหลวและขับออกจากจมูกง่ายขึ้น อีกทั้งยังอาจช่วยลดการอักเสบบริเวณเยื่อบุโพรงจมูกได้อีกด้วย 

 

4. กินอาหารรสเผ็ด หรืออาหารที่มีส่วนผสมของพริกอาจช่วยแก้จมูกตันได้ เนื่องจากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่พบได้ในพริกอาจช่วยลดอาการคัดจมูก จึงทำให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น และสามารถนำมาใช้เป็นวิธีแก้จมูกตันได้

 

5. เปปเปอร์มินต์  อาจเป็นวิธีแก้จมูกตันได้ เนื่องจากเปปเปอร์มินต์มีสารเมนทอล ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยลดอาการจมูกตัน โดยเปปเปอร์มินต์หรือเมนทอลสามารถพบได้ในยาอมหรือลูกอมต่าง ๆ รวมไปถึงยาขี้ผึ้งสำหรับใช้ทาบริเวณหน้าอก และเมื่อสูดดมไอระเหยจากยา อาจช่วยลดอาการจมูกตันได้

 

6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายอาจช่วยให้น้ำมูกในจมูกเหลวและไหลออกจากจมูกง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อาการจมูกตัน แน่นจมูก หรือคัดจมูกลดลง ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพอจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้จมูกตันง่าย ๆ ที่หลายคนไม่ควรมองข้าม

7. ยกศีรษะขณะนอนหลับ  การนอนราบอาจทำให้อาการจมูกตันแย่ลงและทำให้หายใจไม่สะดวก ดังนั้น การนอนโดยยกศีรษะให้สูงขึ้นด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ใช้ผ้าหนุนศีรษะ หรือใช้หมอนซ้อนทับกัน อาจช่วยบรรเทาอาการจมูกตันขณะนอนหลับได้

 

8. กินยาบรรเทาอาการจมูกตันยาบางชนิดอาจช่วยให้อาการจมูกตันหรืออาการคัดจมูกดีขึ้น เช่น  

1.ยาแก้คัดจมูก (Decongestant) ยาแก้คัดจมูกอาจช่วยลดอาการบวมของหลอดเลือดบริเวณเยื่อบุโพรงจมูก ซึ่งจะช่วยให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น

 

2.ยาแก้แพ้ (Antihistamines) ยาแก้แพ้จะช่วยยับยั้งสารฮิสตามีนที่ร่างกายปล่อยออกมาเมื่อมีสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย และส่งผลให้เกิดอาการแพ้ต่าง ๆ รวมถึงอาการจมูกตัน ดังนั้น การกินยาแก้แพ้อาจช่วยลดอาการจมูกตัน รวมถึงอาการแพ้อื่น ๆ ได้

 

คำแนะนำ -ก่อนใช้ยาเหล่านี้เป็นวิธีแก้จมูกตัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลากยาอย่างเคร่งครัด เพราะการใช้ยาไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้อาการแน่นจมูกแย่ลงได้

 

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –ไทยดึง3พันแบรนด์30ชาติบูมขายFood&Hospitalityแห่งเอเชีย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เดินหน้าสนับสนุน บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จำกัด จัดอีเวนต์ใหญ่แห่งปี “FHT :Food & Hospitality Thailand 2024” งานแสดงสินค้าแบบวันสต็อปของธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ ร้านกาแฟ ค้าปลีกและธุรกิจบริการ ครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย ในระหว่างวันที่ 21- 24 สิงหาคม 2567 ที่ฮอลล์ 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นำโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเชฟประเทศไทย สมาคมบาริสต้าไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย โดยได้ดึงดูดทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมมหกรรมการซื้อขายอย่างคับคั่ง ของบริษัทชั้นนำของโลกจากกว่า 30 ประเทศ พร้อมใจกันนำสินค้ามาร่วมจัดแสดงกว่า 3,000 แบรนด์ ควบคู่กับการจัดการแข่งขัน สาธิต เวิร์คช็อป สัมมนา ระดับประเทศกว่า 50 รายการ

 

การจัดงาน“Food & Hospitality Thailand 2024” ปี 2567 ได้เพิ่มพื้นที่แสดงสินค้าระดับเอเชีย 2 งานใหญ่ ได้แก่ งานที่ 1 Hotelex Thailand นำเสนอโซลูชั่นธุรกิจโรงแรมและการจัดเลี้ยง โดยมีผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอุปกรณ์ครัว บรรจุภัณฑ์และอุปกรณ์การบริการ  งานที่ 2  Hotel & Shop Plus Thailand การแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์การออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์

 

ตลอดงานแบ่งการจัดแสดงสินค้าไว้ 8 โซน ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drinks) คาเฟ่และเบเกอรี่ (Café & Bakery) เครื่องใช้สำหรับธุรกิจบริการ (Hospitality Style) เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจบริการ (Hospitality Technology) อุปกรณ์สำหรับธุรกิจอาหาร (Foodservice Equipment) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Sips & Spirits) ร้านค้าปลีก (Shop & Retail) อุปกรณ์และเครื่องใช้สำหรับทำความสะอาด (Cleaning Supplies & Equipment) และโซนพิเศษการจัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์ คราฟต์เบียร์นานาชาติและสุราพื้นบ้าน

 

ส่วนกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน ระหว่างวันที่  21- 24 สิงหาคม 2567 ผู้เข้าร่วมงาน จะได้พบกับความหลากหลายทั้งการจัดแข่งขัน สาธิต เวิร์คช็อป และเสวนา 13 ไฮไลต์ ดังนี้

 

กิจกรรม “การแข่งขัน” ไฮไลต์ 3 รายการ ได้แก่ 1.Thailand Hotel Bartenders’ Championship 2024 คัดสุดยอดบาร์เทนเดอร์โรงแรมชิงแชมป์ประเทศไทย 2.Thailand’s 28th International Culinary Cup (TICC) แข่งขันทำอาหาร เพื่อหาสุดยอดเชฟของไทย 3.2024 International Fashion Drinks Competition – Thailand Division การแข่งขันสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มใหม่ ๆ ของคาเฟ่และร้านอาหาร

 

กิจกรรม “การสาธิต” 2 รายการเด่น ได้แก่ 1.TICC Cooking Demo & Sampling การสาธิตการทำอาหาร จากเชฟชื่อดั 2.French & Italian Wine Masterclass

 

กิจกรรม “เวิร์คชอป”  4 รายการ ได้แก่ 1.การทำอาหารและเบเกอรี่ จาก Professional Culinary Institute 2.บาริสต้าและบาร์เทนเดอร์ 3.การสร้างสรรค์เมนูค็อกเทลและม็อกเทล 3.การทำคราฟต์เบียร์และสปิริตส์ 4.เวิร์คชอปการประกอบอาหารเพื่อความยั่งยืน

 

กิจกรรม “สัมมนา” ไฮไลต์ 4 สมาคม ได้แก่ 1.สมาคมโรงแรมไทย 2.สมาคมภัตตาคารไทย 3.สมาคมผู้ค้าปลีกไท 4.สมาคมสปาไทย

 

ข่าวที่สอง -CAASเผย4ชาติพลิกโฉมการบินโลก38เส้นทางลดคาร์บอน

 

                สำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (CAAS : Civil Aviation Authority of Singapore) รายงานว่า ล่าสุดทางองค์กรกำกับดูแลการให้บริการเดินอากาศ (ANSPs : the Air Navigation Service Providers) ของทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ร่วมมือกับสายการบินแห่งชาติของแต่ละประเทศคือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส การูด้า/อินโดนีเซีย แควนตัส/ออสเตรเลีย แอร์นิวซีแลนด์ เริ่มทดลองใช้เส้นทางบินระหว่างประเทศโดยใช้เวลา 3 เดือน บินบริการตามที่ผู้ใช้กำหนดร่วมกัน (UPR : user-preferred routing) เบื้องต้น 38 เส้นทาง หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายจะตรวจสอบผลลัพธ์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคำติชมของผู้ให้บริการ ทั้งสองฝ่ายจะพยายามดำเนินการทดลองและขยาย UPR ให้ครอบคลุมเมืองและเชิญชวนสายการบินอื่น ๆ เข้ามาร่วมบินด้วยเพิ่มมากขึ้น

 

                เส้นทางบินภายใต้ UPR เหนือน่านฟ้าของโลกได้เปิดกว้างให้นักบินสามารถเลือกเส้นทางบินตรงไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่ต้องยึดตามทางหลวงที่กำหนดไว้ล่วงหน้าบนท้องฟ้า วิธีนี้จะช่วยอุตสาหกรรมการบินในโลกยุคใหม่ 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ช่วยใช้พื้นที่น่านฟ้าได้ดีขึ้น ส่วนที่ 2 ช่วยลดเวลาบิน ส่วนที่ 3 ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ตัวอย่างเช่น เที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์-เมลเบิร์น สายการบินอาจประหยัดเชื้อเพลิงได้มากถึง 1,700 กิโลกรัม  และลดการปล่อยคาร์บอนได้เส้นทางดังกล่าวมากกว่า 1,960 ตัน/ปี 

 

การทดลองเส้นทางบินที่ร่วมกันใช้ UPR เป็นความคิดริเริ่มสำคัญตามข้อตกลงโครงการการดำเนินการเส้นทางเสรีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - โอเชียเนีย (FRTO) เป็นการลงนามร่วมกันระหว่าง ANSPs ของอินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ องค์การบริการการเดินอากาศพลเรือน (CANSO) สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ในงานประชุมระดับโลกด้านการเดินอากาศขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่สิงคโปร์เมื่อเดือนตุลาคม 2566 และในงานAirservices Australia ได้เข้าร่วมข้อตกลงความร่วมมือและมีส่วนร่วมทดลองแล้วเช่นกัน

               

นายฮัน ค็อก ฮวน ผู้อำนวยการใหญ่ CAAS กล่าวว่า CAAS ยินดีที่ได้ร่วมงานกับ Airservices Australia, AirNav Indonesia และแอร์เวย์ส นิวซีแลนด์ ในการทดลองใช้ UPR สร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ครั้งนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ให้บริการเดินอากาศซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันจะให้บริการแก่ผู้ใช้พื้นที่อากาศสามารถทำงานร่วมกันเพื่อใช้พื้นที่อากาศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและเวลาบิน

 

 

นายร็อบ ชาร์ป ประธานเจ้าหน้าที่บริหารชั่วคราว Airservices Australia กล่าวว่า การทำงานร่วมกับสายการบินเพื่อลดการปล่อยมลพิษถือเป็นหัวใจสำคัญในกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) ที่ต้องการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 (ค.ศ.2050) ในอุตสาหกรรมการบินจำเป็นต้องพัฒนาและนำแนวทางปฏิบัติเชิงสร้างสรรค์มาใช้ให้แน่ใจในภาคการบินที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน การทำงานร่วมกันจะช่วยให้เรามีเส้นทางบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษ เพิ่มประสิทธิภาพการบรรทุกสินค้าได้ด้วย เราทุกฝ่ายจะพยายามดำเนินการทดลองและขยาย UPR ให้ครอบคลุมเมืองคู่ขนานและสายการบินอื่น ๆ มากขึ้น พร้อมทั้งขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้ปฏิบัติการด้วย

 

โพลานา บี. ปราเมสติ ประธานและผู้อำนวยการ AirNav อินโดนีเซีย กล่าวว่า ภูมิใจที่องค์กรสามารถเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งผู้ให้บริการระบบนำทางทางอากาศใน 4 ประเทศ รวมถึงทั้ง 4 สายการบิน สามารถร่วมมือกันทำงานร่วมกันในโครงการ Cross Boundary UPR จึงมุ่งหวังให้การทดลองนี้จะประสบความสำเร็จและขยายผลต่อไปในอนาคต เพื่อมอบประโยชน์ให้สายการบินทั้งหมดในน่านฟ้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและโอเชียเนีย

               

นายเจมส์ ยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เวย์ส นิวซีแลนด์ กล่าวว่า ภูมิใจเมื่อได้นำเสนอเส้นทางบินที่ผู้ใช้กำหนด (UPR) ให้กับลูกค้าของเราในน่านฟ้าที่นิวซีแลนด์บริหารจัดการ ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ UPR ตอนนี้ยังจำกัดอยู่แค่ขอบเขตน่านฟ้าของเราเท่านั้น รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่าน Free Route Trajectory Operations ซึ่งจะแน่ใจว่าเราสามารถส่งมอบโซลูชันที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งภูมิภาคได้

 

ดร. เซี่ย ซิงฉวน รองประธานภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียแปซิฟิก สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับออสเตรเลีย อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ที่เป็นผู้นำดำเนินการทดลองพหุภาคีครั้งนี้ นับเป็นความคิดริเริ่มสำคัญที่ได้รับการต้อนรับจากอุตสาหกรรมด้วยการปรับทะลส่วนในแต่ละเที่ยวด้านการปฏิบัติการ ซึ่งจะสร้างประโยชน์สะสมได้ต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาจากจำนวนเที่ยวบินและคู่เมืองที่เกี่ยวข้อง การทดลองครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหวังจะขยายการทดลองนี้ให้กว้างออกไปยังประเทศและสายการบินต่าง ๆ นอกเหนือจากทั้ง 4 ประเทศ 4 สายการบิน

 

ภารกิจของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสิงคโปร์

สำนักงานการบินพลเรือนสิงคโปร์ (CAAS) คือหน่วยงานสร้างศูนย์กลางการบินและระบบการบินพลเรือนที่ปลอดภัย ถือเป็นส่วนสำคัญทำให้สิงคโปร์ประสบความสำเร็จ โดยมีบทบาทดูแลและส่งเสริมความปลอดภัยในอุตสาหกรรมการบิน พัฒนาศูนย์กลางการบินและอุตสาหกรรมการบิน ให้บริการการเดินอากาศ ให้การฝึกอบรมการบินเพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคล และมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาการบินพลเรือนระหว่างประเทศก้าวไปข้างหน้าร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมการบินโลก อย่างมีประสิทธิภาพแบบครบวงจร  

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง