ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่
ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท.ภาคเหนือโหมขายโค้งสุดท้ายเร่งปั๊มรายได้2แสนล้าน
7เมืองน่าเที่ยวโตแรง-จัด3บิ๊กอีเวนต์เสน่ห์ไทย20-29ก.ย.นี้
ควงแอร์ไลน์“ลดตั๋วบิน”เร่งศก.เที่ยวเหนือคึกคักQ3-4ปี67
คิงเพาเวอร์จัดโปรสิงหาน่าช้อปที่สนามบิน3โปรลด 20%
“เดอะสแตนดาร์ดมหานคร”คิงเพาเวอร์อัดโปรเที่ยวไทย
ททท.เร่งครึ่งปีหลังโกยรายได้ดันเศรษฐกิจโต9.6แสนล้าน
บางจากนำBSRCหนุนสังคมวิทยาศาสตร์ไฮเทคNSTFair
ทริปเทรนด์ใหม่“พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืนปราจีนบุรี”6-8ก.ย.
6อาหารแนะนำเหมาะกับคนเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมควรกิน
ไทยปั้นNetIdolAsiaทำคอนเทนท์เที่ยวไทยหวังพันล้านวิว
รฟท.-กัมพูชาขยายระบบรางข้ามแดนชูการค้า/ท่องเที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #ภัทรอนงค์ณเชียงใหม่ #พิพิธภัณฑ์แห่งชาติปราจีนบุรี #เที่ยวพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/hcGiCKtp2xdATc3a/?mibextid=jmPrMh
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งปิดจ็อบปี’67 ดึงรายได้ท่องเที่ยวไหลเข้าภาคเหนือให้ได้เกิน 2 แสนล้านบาท ครึ่งปีแรกเข้าเป้ากว่า 1.1 แสนล้าน เพิ่ม 13 % ครึ่งปีหลังโหมขายกรีนซีซั่นกระแสตอบรับคึกคักดันยอด “เมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง” โตกว่า 7 จังหวัด เชียงราย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก นครสวรรค์ แพร่ น่าน ส.ค.-ก.ย.นี้ จัดบิ๊กอีเวนต์ “เสน่ห์ไทยภาคเหนือ” ปักหมุดที่เชียงใหม่ 20-29ก.ย.นี้ จัดรวดเดียว 3 งาน “อาร์ต แอนด์ มิวสิค เฟสต์-ไลฟ์อัพแหล่งท่องเที่ยว-แจกส่วนลดทั้งเมืองที่พัก/อาหาร/กิจกรรม” สร้างเงินทะลุ 300-400 ล้าน ปลายปีลุยจับมือแอร์ไลน์ “ลดราคาตั๋วเครื่องบิน” บูมเมืองน่าเที่ยว กระตุ้นวันธรรมดา การบินไทยได้แน่ 5,000 ที่นั่ง
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยกาภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด ผ่านมาแล้ว 6 เดือนแรก ความนิยมและอัตราการเติบโตรวมทั้งภาค มี”อัตราเข้าพัก” เฉลี่ยตามโรงแรมต่าง ๆ ทำได้ 64.75 % เพิ่มขึ้น 3 % “จำนวน” ผู้เยี่ยมเยือน 20 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 6.7 % “รายได้” 110,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
รายละเอียดความนิยมของตลาดในประเทศเดินทางเข้าไปเที่ยวภาคเหนือ
สามารถแยกแต่ละจังหวัดแต่ละหมวดเรียงลำดับ ได้แก่ 1.อัตราการเข้าพัก(OR :Occupacy Rate) เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก
ตาก 2.จำนวนนักท่องเที่ยว
เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก
นครสวรรค์ 3.รายได้ เชียงใหม่
เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ แพร่
ปี 2567
กระตุ้นการเดินทางช่วงกรีนซีซัน/หน้าฝน
โดยได้คาดการณ์แนวโน้มอีก 2 ไตรมาสหน้า
หรือครึ่งปีหลังจะทำยอด “จำนวนนักท่องเที่ยว” ได้อีก 20 ล้านคน-ครั้ง
ส่งผลเชิงบวกทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าภาคเหนือได้ถึง 40 ล้านคน-ครั้ง
เช่นเดียวกับรายได้ก็น่าจะทำเพิ่มได้อีก 95,000 ล้านบาท รวมแล้วตลอดทั้งปีก็จะทำรายได้ทั้งสิ้นกว่า
200,000 ล้านบาท
แนวโน้มการท่องเที่ยวในภาคเหนือมีจังหวัดอื่น ๆ “เมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง” ที่มีสัญญาณค่อนข้างดีมากว่า 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก นครสวรรค์ แพร่ น่าน
ผอ.ภัทรอนงค์
กล่าวว่า ล่าสุดได้รับโจทย์กระตุ้นท่องเที่ยวเร่งด่วนทำโครงการ “เสน่ห์ไทย”
ควบคู่กับกิจกรรมงานตามปฏิทินงานประจำปีที่จัดเตรียมไว้แล้วได้แก่ งานแรก
เทศกาลขนหัวลุกเวียงพิงค์ เชียงใหม่ วันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย. งานที่สอง
วิจิตรพิษณุโลก การไลฟ์อัพเมืองพิษณุโลก 7-14 ก.ย.
จากนั้นจึงจะเข้าสู่การท่องเที่ยวเสน่ห์ไทยที่ได้รับงบประมาณกลางจากรัฐบาล
ลักษณะงานยังคงตอบโจทย์นโยบาย IGNITE Thailand โดยจะชูการขายสินค้า 5 Must Do ได้แก่ Must Taste /อาหารการกิน Must Buy/ต้องซื้อ Must Try/กิจกรรมท่องเที่ยวที่ต้องลอง Must Seek/ต้องไปสัมผัส Must See/ต้องไปดูสักครั้ง
แต่ละภาคจะนำมามัดรวมกันแล้วนำเสนอขาย
ภูมิภาคภาคเหนือ ปักหมุดที่ “เสน่ห์ไทยภาคเหนือ” จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 20-29 กันยายน 2567 สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้ประมาณ 40,000 คน สร้างรายได้ทางตรงจากการจัดงานนี้ 300-400 ล้านบาท แล้วต้องรอประเมินรายได้ทางอ้อมที่จะมีมูลค่ามากขึ้นอีก เบื้องต้น ททท.ได้คัดสรรเมืองที่โดดเด่นด้าน ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี จึงได้นำเสนอ “เมืองสร้างสรรค์แห่งล้านนา : Creative Lanna” ผสมผสานเข้ากับความร่วมสมัย จึงได้จัดไฮไลต์ 3 งานหลัก ได้แก่
งานแรก
“เชียงใหม่ อาร์ต แอนด์ เฟสติวัล”
ศิลปะและเน้นเพิ่มสีสันดนตรี เพราะในเชียงใหม่มีวงดนตรีรูปแบบใหม่ ๆ แจ๊ส
ออร์เกสต้า ยอดนิยม ร่วมกับดนตรีล้านนา แบ่งเป็น 3 เวทีหลัก ได้แก่
เวทีแรก “หน้าประตูท่าแพ” เป็นพื้นที่หลักนำวงดนตรีวงใหญ่มาจัดแสดงในเชียงใหม่ ภาคเหนือ กรุงเทพฯ
เวทีที่สอง “หน้าลานสามกษัตริย์” จะเน้นดนตรีที่มีความอ่อนนุ่มสไตล์ท้องถิ่น โฟล์คซอง ดนตรี 3 ชิ้น รวมถึงมี แจ๊ส ออร์เกสต้า
เวทีที่สาม “Hopping Music” เรียกว่าดนตรีรถแห่ สไตล์วัยรุ่น นำรถบัสมาตกแต่งเป็นเวทีแล้ววิ่งไปแสดงตามสถานที่ยอดนิยมที่มีท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น ตลาดวโรรส ไนท์บาร์ซาร์
งานที่ 2 Light Up เมือง ตกแต่งประดับไฟสวยงามด้วยแสงสีต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง ในบริเวณพื้นที่หลัก เช่น ขรัวเหล็ก สะพานข้ามแม่น้ำปิง เมื่อขับรถผ่านจะมีเสียงดนตรีและการยิงไฟสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หรือตรงบริเวณประตูท่าแพก็ทำในลักษณะคล้ายคลึงกัน
งานที่ 3 สิทธิพิเศษส่วนลดทั้งเมืองเชียงใหม่ ทั้ง ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในช่วง 20-29 กันยายน นี้ ก็จะได้รับความพิเศษมากมายที่จัดเตรียมไว้ต้อนรับทุกคน
ขณะเดียวกัน
ททท.ภูมิภาคภาคเหนือยังได้จัด “แสงสิเหน่หา แม่ฮ่องสอน” 21-29 กันยายน นี้ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันด้วย
นำเสนอความสวยงามทำไลฟ์อัพตามสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มแรงดึงดูดให้คนเลือกไปเที่ยว
ผอ.ภัทรอนงค์ กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคเหนือได้นำกลยุทธ์ความร่วมมือกับสายการบินต่าง ๆ โดยเฉพาะ “การบินไทย” ร่วมกันโปรโมทกระตุ้น “เมืองน่าเที่ยว” ช่วงสิงหาคม-กันยายน นี้ ทำโครงการ Amazing Thailand With THAI ให้ตั๋วโดยสารลดพิเศษ 10 % ด้วยวิธีบินตรงเข้าเมืองหลักที่เชียงใหม่ แล้วกระจายสู่เมืองน่าเที่ยว ลำพูน ลำปาง ทาง ททท.จะทำพีอาร์ ส่วนการบินไทยก็จะเน้นส่งเสริมการขาย ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 5,000 ที่นั่ง รวมทั้งมีสายการบินอื่น ๆ เช่น นกแอร์ ไทยเวียตเจ็ท นำเสนอขายตั๋วโดยสารบินวันธรรมดา มอบส่วนลดในช่วงดังกล่าว
ททท.ยังได้เวทีอื่น ๆ
กระตุ้นการเดินทางเที่ยวภาคเหนือเพิ่มช่วงโค้งสุดท้ายสิงหาคม-กันยายนนี้
โดยเปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งภาคนำสินค้ามาร่วมขายราคาเดียว 999
บาท ผ่าน 2 ช่องทาง คือ ช่องทางแรก มหกรรมงาน “ไทยเที่ยวไทย”
ราคาเดียว 999 บาท
สามารถซื้อได้ในงาน 22-25 สิงหาคม
ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เบื้องต้น ททท.2-3 สำนักงานภาคเหนือนำผู้ประกอบการมาร่วมงานประมาณ 30
ราย ช่องทางที่ 2 คัดเลือกสินค้าแพกเกจท่องเที่ยว ห้องพัก
ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า และอื่น ๆ มาวางขายบนเว็บไซต์ที่เรียกว่า “ห้าง ททท.” www.thailandtourism.org
ผอ.ภัทรอนงค์กล่าวว่า
ตลอดเดือนสิงหาคม-ธันวาคม นี้
จากประสบการณ์ลงพื้นที่ขับรถสำรวจแหล่งท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซันหน้าฝนเขียวสดชื่นมากตั้งแต่
ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย สัมผัสได้ถึงการขับรถทะลุไอหมอก ความฉ่ำเย็น
สามารถชาร์จพลังได้ดี แต่ตอนนี้อาจจะต้องเช็คสภาพอากาศและปริมาณน้ำแต่ละพื้นที่
เพราะบางพื้นที่เริ่มมีน้ำหลากน้ำท่วมบ้าง ส่วนการท่องเที่ยว
ททท.เดินหน้าจัดอีเวนต์ท่องเที่ยวลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
เพื่อช่วยเศรษฐกิจของประเทศ ใช้จ่ายเงินตามท้องถิ่นต่าง ๆ
ช่วยกระจายรายได้หล่อเลี้ยงชุมชนเข้มแข็งต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์จัดโปรสิงหาน่าช้อปที่สนามบิน3โปรลด20%
คิง เพาเวอร์ รวมทุกอย่างมาไว้ใน “โปรสิงหาน่าช้อป” เลือกซื้อได้ในทุกสนามบินที่ คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต วันนี้– 31 สิงหาคม 2567 นำมามอบให้ถึง 3 โปรโมชั่น
โปรฟิน 1 ถึง 3 คุ้ม ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เท่านั้น
คุ้มที่ 1 - สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับส่วนลดทุกการช้อป สูงสุด 20%
คุ้มที่ 2 - รับฟรี! GIFT CARD 2,000 บาท เมื่อซื้อ CASH CARD 20,000 บาท พร้อมรับสถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET ฟรีทันที!
คุ้มที่ 3 - สมาชิก คิง เพาเวอร์ ช้อปครบ 50,000 บาท (สุทธิ) สะสมภายในวันรับเพิ่ม 1,000 กะรัตเฉพาะสินค้าแผนกแฟชั่น จิวเวลรี และนาฬิกาที่ร่วมรายการเท่านั้น (1 สิทธิ์/ท่าน/วัน)
โปรจุใจ 2 ช้อปสินค้า “แผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง” เท่านั้น สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับส่วนลดสูงสุด 20% (ส่วนลดตามสถานะสมาชิก)
พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีกสูงสุด 10% ดังนี้ ส่วนลดสุดฟินให้นักเดินทางชาวไทย 1.ลดทันที 5% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ 2. ลดทันที 10% เมื่อช้อปครบ 12,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
โปรจัดเต็ม
3 สมาชิก คิง
เพาเวอร์ ช้อปสนุก รับส่วนลดทุกยอดตามสถานะสมาชิกสูงสุด 20%
และรับฟรี! ส่วนลด 300 บาท เมื่อช้อป 3,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
หากยังไม่เป็นสมาชิก ลดคุ้ม สมัครเลย! รับฟรี! GIFT CARD 2,000 บาท สำหรับช้อปสินค้ามูลค่ามากกว่า 2,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงินไว้ใช้ช้อป 18,000 บาท (จากปกติเติมเงิน 20,000 บาท) และใช้ส่วนลดได้ทันที! 300 บาท สำหรับช้อป 3,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ และเมื่อสมัครสมาชิก NAVY ฟรี จากปกติ-เติมเงิน 1,000 บาท
ข่าวที่ 2-“พูลแมน-เดอะสแตนดาร์ดฯ”คิงเพาเวอร์อัดโปรแรงเที่ยวไทย
โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร
ทำโปรโมชั่นเข้าร่วมมหกรรมขาย “ไทยเที่ยวไทย” จัดโปรโมชั่นระหว่างวันนี้-
28 สิงหาคม 2567
มีทั้งห้องพัก ห้องอาหาร และอื่น ๆ ซื้อ 5 แถม
1 พร้อมกับแหล่งแฮงเอาท์วิวสวยของกรุงเทพฯ
ซื้อแล้วนำไปใช้ได้ถึง 30
พฤศจิกายน 2567
โรงแรม “เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก
มหานคร” นำเสนอขายโวเชอร์ ห้องพัก ห้องอาหาร
และยิมราคาดีที่สุด
สามารถซื้อได้ 2 ช่องทาง
ได้แก่ ช่องทางแรก ซื้อผ่านออนไลน์ วันนี้-28 สิงหาคม
2567 ช่องทางที่ 2 ในงานไทยเที่ยวไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
วันนี้-25
สิงหาคม 2567 ประกอบด้วย
“ห้องพัก”
เสนอขายโวเชอร์ราคาพิเศษ รวมห้องพักพร้อมอาหารเช้า
2 คน ราคาสุทธิต่อคืนเลือกได้ 6 แบบ
คือ 1.ห้องสแตนดาร์ด
ปริ๊นซ์ เพียง 5,000 บาท 2.ห้องคอนเนอร์ดับเบิ้ล 9,000 บาท 3.ห้องสวีตสปอต
14,000 บาท 4.ห้องบัลโคนี่ สวีต 20,000
บาท 5.ห้องเพนต์เฮาส์ 25,000
บาทถ้วน และ 6.ห้องบิ๊กเกอร์เพนต์เฮาส์ 30,000 บาท
เมื่อซื้อโวเชอร์แล้วสามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่วันนี้-
31 ตุลาคม นี้
ยกเว้น 1-7 ตุลาคม สำรองห้องล่วงหน้าก่อนเข้าพักอย่างน้อย 7
วัน สามารถจองได้ทั้งวันธรรมดา
วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ พร้อมแจ้งหมายเลขเวาเชอร์ขณะทำจองห้องพัก
เมื่อยืนยันจองแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“ห้องอาหาร”
เชิญชวนให้มาลิ้มรสประสบการณ์รับประทานอาหารและพักผ่อนในบรรยากาศแตกต่างกันได้ตามสไตล์ที่ชอบใน
เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร มีให้เลือกฟินถึง 5 ห้องอาหาร ดังนี้
“ห้องอาหาร
Mott 32” รับโวเชอร์
เครดิต เงินสด เมื่อซื้อราคา 4,000 บาทสุทธิ รับฟรี! เป็ดปักกิ่งอบไม้แอปเปิ้ล
(มูลค่า 2,330 บาทสุทธิ) อายุใช้งานได้ตั้งแต่–
30 พฤศจิกายน 2567
นำมาใช้รับประทาน “มื้อกลางวัน” ได้ทุกวันจันทร์
- ศุกร์ตั้งแต่ 11:30 – 14:30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11:00 –
14:30 น. และ “มื้อเย็น”
วันจันทร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ 17:00 –
22:30 น.
“ห้องเดอะ สแตนดาร์ด กริลล์” เพียงคนละ
799 บาทสุทธิ จากปกติ 1,117 บาท โดยยกนิวยอร์กมาไว้กรุงเทพฯ
กับเสต็กเฮ้าส์สไตล์อเมริกันแท้ ๆ ในบรรยากาศสุดฮิปปนคลาสสิก อิ่มอร่อยไปกับเซ็ตมื้อกลางวันสุดคุ้ม
3 คอร์ส ใช้ได้ทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่ 12:00 – 14:30 น.
“ห้องอาหาร Ojo” เพียงคนละ
999 บาทสุทธิ ชวนมาดื่มด่ำวิวกรุงเทพจากชั้น 76 พร้อมเซตอาหารเม็กซิกันมื้อกลางวัน
3 คอร์ส ทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่ 11:30 – 14:30 น.
“ห้อง Tease” โปรโมชั่นคนละ 500 บาทสุทธิ จากปกติ 518 บาท พิเศษ!
ซื้อโวเชอร์ 5 ใบ แถมฟรี 1 ใบ รับบริการจิบชายามบ่ายคู่กับขนมหวานและของคาว นำเสนอแบบสนุกสนานไม่เหมือนใคร
พร้อมเซตชายามบ่าย ประกอบด้วย ทาร์ตงาดำและถั่วเฮเซลนัท
เอแคลร์พิสตาชิโอและราสป์เบอร์รี แซนด์วิชบิกีนี แซนด์วิชแซลมอนรมควัน และชาร้อน
ทุกวันตั้งแต่ 13:00– 18:00 น.
“ห้อง The Parlor”
โปรโมชั่นคนละ 999 บาทสุทธิ ตั้งแต่วันนี้-30 พฤศจิกายน 2567 สถานที่แหล่งแฮงค์เอาท์และบาร์ พร้อมเครื่องดื่มไม่อั้น
2 ชั่วโมง เช่น ค็อกเทลและเบียร์ ใช้ได้ทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่ 7:00 –
1:00 น.
พร้อมทั้งมีโปรโมชั่นให้เลือก
“มื้อกลางวัน” สุดพิเศษ Three
Of A Kind: Lunch Experience จ่ายเพียงคนละ 2,400 บาทสุทธิ จากปกติ
3,000 บาท เก็บไว้ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ -30 พฤศจิกายน พิเศษ! ซื้อโชเชอร์ 5 ใบ แถมฟรี 1
ใบ ในมื้อเดียว สามารถเลือกอาหารตรงจาก 3 ห้องอาหารได้คือ Mott 32 Bangkok, The Standard Grill และ
Ojo เปิดบริการทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่ 11:30
– 14:30 น.แนะนำต้องมาถึงห้องอาหารภายในเวลา 12:00 น.
สำหรับการใช้สิทธิ์ จะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าพร้อมแจ้งหมายเลขโวเชอร์ทุกครั้ง
ส่วนที่นั่งขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งว่างในวันนั้น ๆ ด้วย โทร. 02 085 8888 หรืออีเมล stbkk.reservations@standardhotels.com
ข่าวที่
3-ททท.ครึ่งปีหลังปั๊มรายได้ดันเศรษฐกิจโต9.6แสนล้าน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ระหว่างมิถุนายน-ธันวาคม
2567 ททท.ทำแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศทั่วโลก
ระยะสั้นและระยะยาว เข้ามาเที่ยวเมืองไทยช่วงไฮซีซั่น ระหว่างกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 คาดจะมีต่างชาติเที่ยวเมืองไทย 18,245,700 คน
สร้างรายได้อีก 964,189 ล้านบาท ต่อเนื่องครึ่งปีแรกต่างชาติเที่ยวไทยสะสม
ระหว่างมกราคม-มิถุนายน ประมาณ 17.5
ล้านคน สร้างรายได้ 825,541 ล้านบาท
ร่วมมือกับทุกฝ่ายนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยว
ซอฟท์ พาวเวอร์ 5F ต่อด้วยสร้างประสบการณ์
5 Must Do in Thailand กระจายสู่เมืองน่าเที่ยว (เมืองน่าเที่ยว)
จัดอีเวนต์และเทศกาลต่างๆ การผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางจัดอีเวนต์ระดับโลก และทำแคมเปญ
Amazing Thailand 365 Days ขานรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่ผ่านกิจกรรมต่าง
ๆ
ล่าสุดสนับสนุนเอกชนจัดงาน “FHT : Food & Hospitality
Thailand 2024” มหกรรมจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องมือ
ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม รายการใหญ่แห่งเอเชียที่จัดขึ้นในไทยครบ
30 ปี โดยมีผู้นำองค์กรเอกชนผนึกความร่วมมือกับเจ้าของงานแสดงสินค้าคือ
บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ต ส์ ประเทศไทย จำกัด สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย เชิญชวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
โรงแรม และภาคบริการ ทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ระหว่างวันที่ 21 - 24
สิงหาคม 2567 ที่ฮอลล์ 1-4
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ททท.ให้ความสำคัญการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
พร้อมจับมือกันเดินหน้าใช้งานแสดงสินค้า FHT2024 ทำให้ไทยครองความนิยมในตลาด
3 เรื่อง
คือ
เรื่องที่ 1 สร้างประทับใจดึงดูดนานาชาติในฐานะไทยมีชื่อเสียงด้านบริการเป็นลำดับต้นของโลก
นอกเหนือจากคุณภาพและความคุ้มค่าที่ได้รับจากการท่องเที่ยว ที่พักโรงแรม ร้านอาหาร
และบริการ
เรื่องที่ 2 ผลักดันให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
เรื่องที่ 3
ส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและบริการของไทย
ซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่สำคัญของประเทศที่จะต้องมีความพร้อมต้อนรับแก่นักท่องเที่ยวตลอดเวลา
สำหรับเป้าหมายงานแสดงสินค้า
FHT 2024 ททท. หนุนจัดงานเต็มที่สร้างความคึกคักต้อนรับฤดูท่องเที่ยวปลายปี
2567 โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยว
โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ เปิดบูธแสดงสินค้าแน่นมาก เปิดให้คู่ค้าได้มาเลือกผลิตภัณฑ์
นวัตกรรมและเทคโนโลยีคาดปีนี้ตลอด 4
วันนี้ จะมีผู้เข้าชมงานทะลุ 30,000 คน
เสริมสถานการณ์ครึ่งปีหลังไทยยังต้องการนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเพิ่มอีก 18
ล้านคน เพื่อได้ตามเป้าหมาย 39
ล้านคน
นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน
บริษัท อินฟาร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality
Thailand 2024 กล่าวว่า ปีนี้ครบรอบ 30 ปี
จึงนับเป็นก้าวสำคัญและท้าทายการพัฒนางานให้ก้าวไกลมากกว่างานแสดงสินค้าเดิม โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ
องค์กร สมาคมธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยและนานาชาติกว่า 20
องค์กร นำโดย ททท. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB)
สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเชฟประเทศไทย สมาคมบาริสต้าไทย
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
งานปี 2567 ยังได้รับความสนใจพิเศษงานแสดงสินค้าใหญ่ของเอเชีย
2 งาน
คือ 1.Hotel & Shop Plus Thailand และ
2.Hotelex
Thailand เข้ามาร่วมส่งเสริมให้งาน Food &
Hospitality Thailand 2024 ยกระดับใหญ่มากขึ้นในระดับภูมิภาคเอเชีย
โดยจัดให้มีทั้งการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการและโซลูชั่นที่น่าสนใจกว่า 3,000
แบรนด์ จาก 18 ประเทศ ใน 8
โซนธุรกิจ ครอบคลุมการท่องเที่ยวครบวงจร
ข่าวที่ 4-บางจากนำBSRCหนุนสังคมวิทยาศาสตร์ไฮเทคNSTFair
บริษัท
บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC ร่วมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(Thailand National Science and
Technology Fair : NST Fair 2024) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Future
Science Community for All" เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศ โดยมีดร.บวรศักดิ์ วาณิชย์กุล
ผู้จัดการรัฐกิจสัมพันธ์และความยั่งยืน BSRC ร่วมเป็นกรรมการตัดสินการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์อาชีวศึกษาระดับชาติ
ประจำปี 2567 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
ซึ่งมีการนำเสนอผลงานของนักศึกษาระดับวิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกภาคทั่วประเทศ ณ
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค อาคาร 9-11 เมืองทองธานี
งาน NST
Fair 2024 มุ่งสร้างสังคมวิทยาศาสตร์ที่เข้มแข็งและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมเพื่ออนาคต
โดยมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ
ในการส่งเสริมการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การสนับสนุนของ BSRC สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและการสร้างสังคมที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างยั่งยืน
ช่วงที่ 2 ได้เวลาวางแผนเที่ยวไทยตั้งเข็มไมล์
ไปตะวันออก “ปราจีนบุรี” เปิดเทรนด์ใหม่ “เที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติยามค่ำคืน” 6-9
กันยายน นี้ มีเรื่องราว และกิจกรรมดี ๆ ชวนให้ไปทำด้วยกัน แล้วฟัง
“6อาหารแก้โรคข้อเสื่อม” กินแล้วมีประโยชน์
และข่าวฮ็อตท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ไทยนำร่องจัด Net Idol
Asia” ปั้นคอนเทนท์เที่ยวไทยดึงคนดูพันล้านวิว ข่าวที่สอง
“ไทย-กัมพูชา” ถกความร่วมมือขยายระบบรางข้ามแดน หนุนการค้า การท่องเที่ยว
ท่องเที่ยว–ทริปเทรนด์ใหม่“พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืนปราจีนบุรี”
6-8ก.ย.
เที่ยวใกล้
เที่ยวได้ทันที การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก
มีเรื่องมาบอกนักท่องเที่ยวสายชม จองด่วน เที่ยว “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ปราจีนบุรี ยามค่ำคืน : PRACHINBURI” Night at the Museum #2 “ตอน
คเณศจตุรถี รัตติกาลมหัศจรรย์” วันที่ 6 -
8 กันยายน 2567 เวลา 15.00-21.00 น. เปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ปราจีนบุรี ไว้รอต้อนรับแล้ว
นักท่องเที่ยวสายมูจะได้มาดื่มด่ำความสุข
“ช่วงวันคเนศจตุรถี” หรือ วินายกะจตุรถี
เทศกาลในศาสนาฮินดูที่เฉลิมฉลองการประสูติของพระพิฆเนศ ในวันที่ 7 กันยายน 2567
“กิจกรรม”
บนอาคารนิทรรศการ เลือกตามชอบได้ 3 อย่าง ดังนี้
กิจกรรมที่
1 มิวเซียม ทัวร์
เข้าชมนิทรรศการภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เวลาพิเศษ 16.00 -21.00 น.
(มีค่าเข้าชม)
กิจกรรมที่
2 Curator
Tour นำชมนิทรรศการโดยภัณฑารักษ์ รอบที่ 1 : 18.00 – 19.00 น. รอบที่
2 : 19.30 – 20.30 น. (มีค่าเข้าชม)
กิจกรรมที่
3 สักการะพระคเณศ อายุมากกว่า 1,400 ปี
เปิดให้สักการะพระคเณศเป็นกรณีพิเศษ (มีค่าเข้าชม) พร้อมมีดอกดาวเรืองบริการ
และรับการ์ดที่ระลึกรูปพระคเณศฟรี
พร้อมการแสดงผลงาน
และจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก โดยกลุ่มศิลปิน ART TOYS ชั้นนำ ได้แก่
Kappa coll /Insine Cartoonist / Munkky Studio / เต็มมือ / Sloth
Doll / Ceremi / Poly Holy / Little Turtle Studio
ร่วมช้อปสินค้าของที่ระลึกของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ปราจีนบุรี / กาชาปอง ชุด 5 สหายผจญภัย + 2 secret (ใหม่)
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณสถานสระแก้ว
สนุกกับงาน
D.I.Y ภาพพิมพ์โปสการ์ดพระคเณศ โดย Little
Turtle Studio
“กิจกรรมภายนอกอาคาร”
ต้องห้ามพลาด งานคราฟ แวะอุดหนุนร้านอาหารถิ่น ฟู้ดทรัค ทดลองทำฟรี D.I.Y
พวงกุญแจ กำไลหิน พวงกุญแจไม้ตราครั่ง (‘พิธภัณฑ์) และ
ถุงผ้าตราครั่ง (‘พิธภัณฑ์)
เพลิดเพลินไปกับ
การสาธิต การแสดงนาฏศิลป์ ดนตรี ความบันเทิงจากหน่วยงาน และนักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ
ในจังหวัดปราจีนบุรี
เตรียมตัวให้พร้อม
ต้นเดือนกันยายน นี้ มีนัดกันที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
สุขภาพ –6อาหารแนะนำเหมาะกับคนเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
ผู้ที่เป็น ‘โรคข้อเข่าเสื่อม’ หรือมีอาการปวดหัวเข่าจากสาเหตุอื่นๆ
การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะยิ่งทำให้อาการลุกลามหรือหายช้า
จึงควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ควบคุมน้ำหนัก และการปรับการกินอาหาร
แม้ว่าอาหารที่กินนั้นจะไม่ได้ช่วยในการรักษาโรคโดยตรง
แต่หากผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เหมาะสมก็จะลดปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว
และลดโอกาสการเกิดการอักเสบ
อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างข้อกระดูกรวมถึงกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับ
“อาหาร” ที่ผู้เป็น “ข้อเข่าเสื่อม” ควรรับประทาน มีดังนี้
1.อาหารมีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น ปลาทะเล ปลาแซลมอน
หรือแม้แต่ปลาน้ำจืดประเภทปลาเนื้อขาว จะช่วยบำรุงข้อต่อกระดูกให้แข็งแรง
และลดอาการปวดหรืออักเสบในผู้ป่วยที่มีข้อเข่าอักเสบ
และลดอาการติดแข็งบริเวณข้อต่างๆ
2.อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหรือเบต้าแคโรทีนสูง โดยเฉพาะผักต่างๆ อย่างใบยอ ยอดแค ผักโขม ผักคะน้า บรอกโคลี ผักกระเฉด
ถั่วงอก อีกทั้งยังควรกินผักให้หลากสี เช่น มะเขือเทศสีแดง แครอทสีส้ม
กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวโพดและฟักทองสีเหลือง เพราะจะได้วิตามินที่หลากหลาย
โดยเฉพาะผักใบเขียวต่างๆ จะมีวิตามินเคที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกค่อนข้างสูง
3.อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น
อัลมอนด์อบ งาดำ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น
น้ำเต้าหู้ เต้าหู้หลอด
แม้แต่การกินปลาตัวเล็กตัวน้อยก็จะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง
ทั้งนี้ควรจะกินอาหารที่มีวิตามินดีสูง จำพวก นม ไข่ ปลาซาดีน ควบคู่กันไปได้ด้วย
เพราะวิตามินดีจะช่วยเรื่องการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น
4.อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี โดยเฉพาะผลไม้ต่างๆ
เช่น ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะละกอสุก
เพราะวิตามินซีจะช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระอีกทางหนึ่ง
5.อาหารที่มีสารกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ เช่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ชาเขียว หัวหอม และมะเขือเทศ
จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินซี
สร้างความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อ ทำให้ผนังหลอดเลือดและเส้นเลือดฝอยแข็งแรง
ลดโอกาสเกิดการฟกช้ำ บวม
6.รับประทานอาหารประเภทอบ ต้ม ตุ๋น นึ่ง
ย่าง แทนประเภทผัด ทอด หรือแกงกะทิ เพื่อควบคุมน้ำหนักตัว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –ไทยจัดNet Idol Asiaปั้นคอนเทนท์เที่ยวไทยหวังพันล้านวิว
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่าได้จัดทำโครงการ Net Idol Asia Festival 2024 ร่วมกับอีก 2 องค์กร คือ สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน
และสมาคมเน็ตไอดอลเอเชีย เร่งพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยที่สนใจสร้างคอนเทนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นมืออาชีพ
จึงได้จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้รูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ 7 หมวด 7 F
: Family, Festival, Food, Faith, Film, Fashion, Facial & Fitness เผยแพร่ลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย จากนั้นก็จะคัดเลือกแล้วมอบรางวัลให้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ด้านต่าง
ๆ วันที่ 12 ธันวาคม นี้จะประกาศแจกรางวัลใหญ่ “Net
Idol Asia Award” ประจำปี 2567
กิจกรรมโครงการนี้จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการสร้างคอนเทนท์ด้วยเนื้อหาผ่านดิทิจัลซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากโดยเน้นพัฒนาเนื้อหาต่าง
ๆ ทางการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมทั้ง 3 ปัจจัย ประกอบด้วย
ปัจจัยที่ 1 สินค้าและบริการต้องดี สร้างประสบการณ์ที่ดีเกินคาด
ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายตามชาติ วัยและไลฟ์สไตล์ ปัจจัยที่ 2 วิธีเล่าเรื่อง และผู้เล่าเรื่องต้องคม กลมกล่อม
โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ปัจจัยที่ 3
การเลือกใช้สื่อและแพลตฟอร์มต้องเหมาะสม สามารถสร้างได้ทั้งความสนใจ
ความน่าเชื่อถือ และต้องปิดการขายได้ทันที
นายชำนาญกล่าวว่าการจัดทำโครงการขึ้นครั้งนี้ได้รวมพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ
นำโดย สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะใช้วิธีคัดสรรสินค้าดี บริการดี
ตอบโจทย์ความต้องการนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีผู้ประกอบการช่วยปิดการขาย
ส่วน “สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน” ก็มีมีนักเล่าเรื่องจากหลากหลาย ชาติ วัย
และไลฟ์สไตล์ และมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนด้านประชาสัมพันธ์ทำให้โครงการ
Net Idol Asia Festival 2024 สร้างการรับรู้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเชื่อมั่นจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน เนื่องจากมีองค์ประกอบการดำเนินงานครบวงจร
ทั้งผู้ผลิตคอนเทนท์ ผู้ขาย วางกลยุทธ์จะกระจายรายได้สู่ทั้งเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวตามนโยบาย
Ignite Thailand’s Tourism
ดร.ประกาย ณ สงขลา
ประธานสภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน กล่าวว่า
โครงการ Net Idol Asia Festival 2024 ทุกฝ่ายคาดจะสร้างดิจิทัล
คอนเทนท์บนโซเชียล มีเดีย ทุกแพลตฟอร์มได้มากกว่า 1,000 ล้านวิว
ทั้ง Facebook Instagram Youtube Tiktok รวมถึงแพลตฟอร์มในสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่าง
Douyin เสี่ยวหงชู และอื่น ๆ
จากนั้นจะประกาศมอบรางวัลใหญ่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ให้กับ อินฟลูเอนเซอร์ 100 ราย จาก 10 ประเทศในอาเซียน+จีน ที่มารวมพลังกันสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพและสร้างการรับรู้เจาะตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราเป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญของไทย แต่ละปีเดินทางเข้ามาไทยรวมกว่า 20 ล้านคน
สร้างรายได้เกิน 1 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกันก็จะเปิดโอกาสให้สมัครเข้าร่วมได้ทั้งเป็น ดารา นักแสดง
นักร้อง ศิลปิน คนดัง นางแบบ นายแบบ อินฟลูเอนเซอร์ เน็ตไอดอล และผู้ที่สนใจทุกวัย
ทำกิจกรรมสร้างดิจิทัล คอนเทนท์ ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองไทย
เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียที่แต่ละคนถนัดในทุกแพลตฟอร์ม โดยจะจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ด้านการท่องเที่ยว
การถ่ายภาพ การเล่าเรื่อง การถ่ายและตัดต่อคลิปวิดีโอ การใช้แพลตฟอร์มต่าง
ๆ และการสร้าง Personal Branding เพื่อเป็นอินฟลูเอนเซอร์
โดยอาจารย์ผู้มีความชำนาญแต่ละด้าน
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.เล็งเห็นถึงความสำคัญคนรุ่นใหม่และวัยเก๋าที่จะเข้าร่วม
Content Creator Influencer Net Idol ด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีประสบการณ์ มีมุมมองใหม่ ๆ เพื่อมาร่วมกันสร้างดิจิทัล
คอนเทนท์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองไทยโดยเฉพาะ
55 เมืองท่องเที่ยว
แต่ละจังหวัดล้วนมีความสวยงาม อัตลักษณ์ และเสน่ห์เป็นของตัวเอง ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ในโครงการ Net Idol Asia Festival 2024 จะนำไปเผยแพร่และสร้างการรับรู้ไปทั่วโลก
ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียน ด้วยความมั่นใจจะทำให้นักท่องเที่ยวชาติต่าง
ๆ รู้จัก และรักเมืองไทยลึกซึ้งมากกว่าเดิม ทำให้เป็นประเทศจุดหมายปลายทางการเดินทางครองใจตลาดทั่วโลก
แล้วสามารถทำรายได้แต่ละปีเข้าเป้าหมายปีละกว่า 3 ล้านล้านบาทขึ้นไป
ข่าวที่สอง
-รฟท.ถกกัมพูชาขยายระบบรางข้ามแดนหนุนการค้า-ท่องเที่ยว
นายอวิรุทธ์ ทองเนตร
รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
เปิดเผยว่าได้ต้อนรับและประชุมในหัวข้อ“Facilitation of International
Railway Development” ความร่วมมือด้านการขนส่งทางรถไฟข้ามพรมแดนไทย -
กัมพูชา กับ H.E. Koy Sodany ปลัดกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชา
พร้อมคณะข้าราชการระดับสูงกัมพูชา ผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น
(JICA) ประจำกัมพูชา ในโอกาสเดินทางมาศึกษาดูงานในประเทศไทย
ทำภารกิจ 3 เรื่อง
คือ เรื่องที่ 1 ร่วมหารือแนวทางความร่วมมือดำเนินโครงการขนส่งสินค้าและโดยสารเชื่อมต่อระหว่างไทยและกัมพูชาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เรื่องที่ 2 แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อผลักดันเส้นทางเชื่อมโยงการขนส่งทางรถไฟ
เรื่องที่ 3 แนวทางการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางรางผ่านชายแดนไทย
- กัมพูชา ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
ความคืบหน้าการหารือรอบใหม่ที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้จัดตั้ง
“คณะทำงานความร่วมมือในด้านระบบราง ระหว่างไทย – กัมพูชา”
เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง จะช่วยส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น
ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางและการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2
ประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตต่อไป
นายอวิรุทธ์กล่าวว่าความร่วมมือทางรถไฟไทย
- กัมพูชา สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญในโครงการก่อสร้างสะพานรถไฟมิตรภาพไทย -
กัมพูชา แล้วเสร็จไปเมื่อปี 2562 เชื่อมอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ประเทศไทย กับเมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียนเมียนเจย กัมพูชา ปัจจุบันได้เชื่อมต่อที่สถานีด่านพรมแดนบ้านคลองลึก-ปอยเปต
ทางฝ่ายกัมพูชามีแผนก่อสร้างสถานีระหว่างประเทศ (International Station) ที่
“สตึงบท” ส่วนฝ่ายไทยมีแผนจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสร้างรถไฟทางคู่ช่วง “คลองสิบเก้า-อรัญประเทศ”
ระยะทาง 174 กิโลเมตร
ดังนั้นภาพรวมการหารือครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจึงมุ่งขยายผลต่อหลังจากประเทศไทยและกัมพูชาได้ลงนามความตกลงการเดินรถไฟร่วมกันไว้เมื่อ
22 เมษายน 2562
และเมื่อ 24 - 29 กรกฎาคม 2566 พร้อมทั้งทดลองขนส่งสินค้าทางรถไฟจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดไปยังกรุงพนมเปญ
โดยขนส่งพลาสติกและน้ำมันเครื่อง 2 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่จะช่วยให้การขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่าง
2 ประเทศ
มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น