ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ททท.ภาคใต้เปิดขุมทรัพย์เที่ยวไทย5เดือนทำเงิน3.4แสนล้าน
ผนึก6สมาคมทัวร์กระหน่ำขาย9เมืองใต้น่าเที่ยว@กรีนซีซัน
ปี’68เปิดจุดขาย“เที่ยวใต้เที่ยวง่ายได้ประสบการณ์ระดับโลก”
ปักหมุดด่วนส.ค.ฟินสุด4โมเมนต์“ทุกเสาร์-อาทิตย์-วันหยุด”
ช้อป PowerYourHAPPINESSคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลด15%
คิงเพาเวอร์ขยายโปรบัตรฟรีฟ้าจรดทรายรอบพิเศษ1ธ.ค.67
ททท.จัดปัง“สุขทันที่ทีลาไปเมืองน่าเที่ยว”แถมลดภาษี2เท่า
บางจากแนะผนึกอาเซียนตลาดคาร์บอน/ก๊าซเรือนกระจก
TCEBเปิดตัวครั้งแรกบัตรThailand
MICE VisaPrepaidCard
สุขทันทีที่เที่ยวเมืองกระบี่ เกาะ เขาหินปูนทะเล ป่า 5
พิกัด
ทำ3กิจกรรมป้องกันภาวะสมองเสื่อมที่ทุกคนควรทำทุกวัน
รร.ดุสิตเกียวโตคว้ารางวัลกุญแจมิชลินปี67รายแรกในญี่ปุ่น
เกาหลีพลิกทัวร์ไทยใหม่ดึงเด็กวัยต่ำ17ปี/เข้าเป้า20ล้านคน
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #วัจนันท์ศิลปวรณ์วิวัฒน์ #สุขทันทีเที่ยวกระบี่
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/p/hrboEyAF7YZa9c3j/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นางสาววัจนันท์ ศิลปวรณ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดขุมทรัพย์ท่องเที่ยวภาคใต้ 5 เดือนแรกรายได้พุ่ง 3.49 แสนล้าน ไทยเที่ยวไทย 15 ล้านคน เปิดแผนครึ่งปีหลัง67 ปลุกกระแสไทยเที่ยว “อันดามัน-อ่าวไทย-5แดนใต้” ผนึก 6 สมาคมขายกระหึ่ม “9เมืองใต้น่าเที่ยว @กรีนซีซัน”ปี’68 บูมคอนเซ็ปต์ “เที่ยวใต้ เที่ยวง่าย ได้ประสบการณ์ระดับโลก” นำสินค้า 5 Must Do กระหน่ำขายเต็มคาราเบล รุกเพิ่มตลาดทัวร์ข้ามภาคโตเร็ว
นางสาววัจนันท์
ศิลปวรณ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวภูมิภาคภาคใต้ครึ่งปี หรือ 6
เดือนแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยว
15.43 ล้านคน-ครั้ง เปรียบเทียบกับปี 2566 ทำไว้ 12.27
ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 25.73 % อัตราเข้าพักเฉลี่ยภาพรวมทำได้
78.72 % มากกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน 73.76 % เพิ่มขึ้น
5.56 % “รายได้ท่องเที่ยว” 5 เดือนแรก
ระหว่างมกราคม-พฤษภาคม 2567 รวมแล้วประมาณ 349,992
ล้านบาท แบ่งเป็น คนไทย 66,041 ล้านบาท
ต่างชาติ 283,950 ล้านบาท
จากนั้นช่วงครึ่งปีหลัง ระหว่างกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 แบ่งพื้นที่การท่องเที่ยวเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่
พื้นที่ 1 ฝั่งทะเลอันดามัน นำเสนอกิจกรรมเที่ยวใต้ได้ช่วงหน้าฝนตอบโจทย์เดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 365 ปี เลือกให้ถูกที่ ถูกเวลา จะมีกิจกรรมยอดนิยมพัฒนาเป็นจุดหมายปลายทางเมืองแห่งการเล่นเซิร์ฟ หรือ Surf Destination ตอนนี้มีบางแห่งขึ้นชั้นเซิร์ฟระดับโลกไปแล้ว คือแถบอุทยานแห่งชาติเขาหลัก ททท.จึงได้นำโมเดลความสำเร็จของภูเก็ต พังงา ไปต่อยอดในจังหวัดสตูล เริ่มกระตุ้นตลาดใต้เที่ยวใต้มาเล่นเซิร์ฟในพื้นที่จังหวัดยอดนิยม
พื้นที่ 2 ฝั่งเชื่อมโยงอ่าวไทย เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ก็มีความโดดเด่น ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวแตกต่างกันไป
พื้นที่ที่ 3 ภาคใต้ 5 จังหวัด นำ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ผนวกเข้ากับ สตูล สงขลา จะส่งเสริม “เที่ยวใต้ เที่ยวง่าย ข้ามพรมแดน” มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาด่านเบตง สะเดา สุไหงโกลก ประจัน ขณะเดียวกันก็จัดเที่ยวเชื่อมโยงให้คนไทยไปยังเพื่อนบ้านเป็นอีกทางเลือกในแถบมาเลเซีย อย่าง ปีนัง ลังกาวี แล้วกลับมาเที่ยว 5 จังหวัดชายแดนใต้
ส่วน “เมืองน่าเที่ยว” หรือเมืองท่องเที่ยวรอง มีอัตลักษณ์พื้นที่สร้างกระแสการเดินทางซึ่งแต่ละพื้นที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวแต่ละตลาดแตกต่างกันไป เช่น สายที่ 1 ท่องเที่ยวเชิงศรัทธาไปนครศรีธรรมราช สายที่ 2 ท่องเที่ยวเชิงกีฬาวิ่งแทรล ต้องไปสตูล หรือปั่นจักรยาน ซึ่งมีแฟนคลับขาประจำ สายที่ 3 ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Creative tourism ชื่นชอบงานศิลปะ หัตถกรรม อย่างการจัดงาน “จ้าน” นครศรีธรรมราช โชว์สุดยอดศิลปะ หรืองาน “ปัตตานีดีโคตร” เดือนสิงหาคม นี้นำเสนอศิลปะอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันโดดเด่นของแต่ละแห่ง
โดยได้ทำประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ และจัดส่งเสริมการขายทำโปรโมชั่นท่องเที่ยวหน้าฝนร่วมกับพันธมิตรหลากหลาย ทั้งร่วมกับบริษัทนำเที่ยวออนไลน์ 6 สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ จัดมหกรรม “9เมืองใต้น่าเที่ยว @กรีนซีซัน” ล่าสุดจะทำ “บัสทัวร์ เที่ยวใต้” เตรียมปล่อยคาราวานรถบัส 15 คัน ช่วงวันที่ 8 สิงหาคม นี้ ในโอกาสเที่ยววันแม่ด้วย และร่วมกับบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพฯ ทำแคมเปญ “วันธรรมดาน่าเที่ยวใต้”
รวมทั้ง
ททท.สำนักงานในแต่ละจังหวัดภาคใต้ ได้จัดกิจกรรม sub Culture และกิจกรรมย่อยตามอัตลักษณ์
รวมถึงจะจัด Event Marketing และจับมือกับกลุ่มธุรกิจนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
เช่น จัดงานที่ 1 Southern Bliss นำเสนอการท่องเที่ยวเทศกาลดนตรี
และอื่น ๆ กระตุ้นการเดินทางข้ามจังหวัดเดือนสิงหาคมนี้ ระหว่างชุมพร
กับนครศรีธรรมราช งานที่ 2 ฝนตกคืนฟ้า งานเทศกาลดนตรีที่กระบี่
ปลายเดือนกันยายน นี้ ซึ่งมีจุดเป็นพื้นที่รองในเมืองหลัก เช่น
ในตัวเมืองจะมีนักท่องเที่ยวเบาบางจึงต้องแก้ไขจุดอ่อนให้ได้มากที่สุด งานที่ 3
Photograph Workshop ททท.ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพกรุงเทพฯ และNikon
ซึ่งมีสมาชิกกับผู้สนใจร่วมถ่ายภาพเดินทางลงพื้นที่สุราษฎร์ธานี
สิงหาคม จัดที่พัทลุง และกันยายนจัดที่ภูเก็ต
ททท.ภูมิภาคภาคใต้มุ่งผนึกความร่วมมือกับ ททท.สำนักงานจังหวัดทั้ง 11 แห่ง เพื่อบู๊สกิจกรรมเพิ่มการท่องเที่ยวให้คึกคักมากขึ้น เพื่อให้เกิดการเดินทางลงพื้นที่มากที่สุด นำเสนอมุมมองใหม่ ปักหมุดให้ภาคใต้เป็นพื้นที่ถ่ายภาพ ส่งต่อความงดงามขยายเครือข่ายสู่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผอ.วัจนันท์
กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2568 ผนวกนำเสนอปูพรมตั้งแต่สิงหาคม-ธันวาคม
2567 ทางฝั่งอันดามันเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวไฮซีซัน
มีข่าวดี “นกแอร์” เปิดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-กระบี่ 2 เที่ยว/วัน
เป็นการทำกับพันธมิตรสายการบินเพื่อขยายจำนวนที่นั่ง (seat capacity)
การเดินทางโดยเครื่องบินเข้าสู่ภาคใต้มากขึ้น
ปัจจุบันกระบี่มีเที่ยวบินในประเทศ
5 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย ไทยเวียตเจ็ท แอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส
และไลออนแอร์ บินวันละ15 เที่ยว หรือเดือนละประมาณ 480 เที่ยว
พอนกแอร์เปิดบินใหม่จะมีเที่ยวบินเพิ่มเป็นวันละ 17 เที่ยว เดือนละ 544 เที่ยว
สามารถเพิ่มอัตราบรรทุกการเดินทางได้ง่ายขึ้น นักท่องเที่ยวสะดวกมากขึ้น
จากข้อมูลพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในประเทศ จะเป็นการเดินทางของตลาด” ใต้เที่ยวใต้” สูงมากถึง 70 % ดังนั้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคจึงเป็นอีกกลยุทธ์ที่จะต้องเร่งส่งเสริมเพื่อเพิ่มรายได้และจำนวนให้ได้มากที่สุด
ปี 2568
จึงชูคอนเซ็ปต์ “เที่ยวใต้ เที่ยวง่าย
ได้ประสบการณ์ระดับโลก”
เพราะแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต่างต้องการเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ทำกิจกรรมหลายอย่าง
เช่น ดำน้ำ ปีนผา และอื่น ๆ มีแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกอย่าง เกาะกระดาน
อ่าวมาหยา รวมไปถึงอาหารขึ้นชื่อ ดังนั้น “คนไทย”
น่าจะมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวสักครั้ง
ททท.ภูมิภาคภาคใต้วางกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวแบ่งเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ ทะเลอันดามัน กับ ทะเลอ่าวไทย และ 5 จังหวัดตะเข็บติดต่อเพื่อนบ้าน โดยจะนำเสนอจุดขาย 1.เที่ยวใต้ เที่ยวง่าย ไลน์พรีเมี่ยม เพราะมีกิจกรรม แหล่งท่องเที่ยว ระดับพรีเมี่ยมและระดับโลก สามารถเที่ยวไฮซีซัน กรีนซีซันที่ได้วิวสวยงาม 2.เที่ยวใต้ เที่ยวง่าย สไตล์คุณ รองรับสายมู สายศรัทธา สายกีฬา สาย Fit-Fun-Firm หรือแฟนดอมน้องลิซ่าในภาพยนตร์ White Lotus ที่มาถ่ายทำในภูเก็ต หรือซีรีย์ดังอีกหลายเรื่อง เช่น จูลาสสิคเวิลด์ จ.กระบี่ มุ่งนำเสนอตลาดชื่นชอบกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณี เรื่อยไปจนถึงผจญภัย “เดินป่า เที่ยวเขา เข้าถ้ำ ปีนผา” การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซีเอสอาร์ คาราวานแคมปิ้ง ชิมแชะช้อป แล้วก็ยังมี Creative Art เป็นการท่องเที่ยวความใหม่ ๆ ในภาคใต้
ขณะเดียวกันทุกจังหวัดในภาคใต้ก็ยังต้องนำเสนอการท่องเที่ยว 5 Must Do รายจังหวัดไว้ด้วย คือ 1.Must taste อาหารใต้ มีหลายอย่าง 2.Must Try มีกิจกรรมหลากอย่างต้องทำในภาคใต้เท่านั้น เช่น ดำน้ำ ดูฉลามวาฬ ตามหมู่เกาะดัง สิมิลัน เกาะสุรินทร์ หรือ Surf และ Sub Broad 3.Must Buy การทำศิลปะหัตกรรม ผ้าปาเต๊ะ บาติก 4.Must See ชมประเพณี วัฒนธรรม ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้เทศกาล “ถือศีลกินผัก” ในอันดามัน ภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล ตรัง ไฮไลต์ระดับโลกมีผู้สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก ประเพณีชักพระ ไหว้พระจันทร์ที่สงขลาเดือนพฤศจิกายนนี้ แห่นางดาน (ช่วงเมษายน) 5.Must Seek ก็มีมากมาย ปักหมุดอยู่ในภาคใต้ได้ทั้งหมด
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1ปักหมุดด่วนส.ค.67ฟินสุด4โมเมนต์“ทุกเสาร์-อาทิตย์”
“คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดต่อเนื่องมหกรรม “Weekend
Possiblities :ฟิน แอนด์ ฟัน มันส์ทุกโมเมนต์” ทุกวันเสาร์ ทุกวันอาทิตย์ ตลอดเดือนสิงหาคม 2567
ต้อนรับ
“เสาร์แรก” 3 สิงหาคม 2567 แฟนดอมตัวยงปักหมุดกรี๊ดสุดฟินได้ไม่หยุด กับ โมเมนต์ฟินแอนด์ฟัน
สนุกกับศิลปิน กินของอร่อย ช้อปรับคูปองฟรี กับ 4 โมเมนต์
สุดมันส์
โมเมนต์แรก
“ฟินกับศิลปินดัง” เริ่มตั้งแต่ 16.00 น.
พบกับศิลปินในดวงใจ “มิ้ลค์ – เลิฟ” แล้วลุ้นเป็น ผู้โชคดี 1 ใน 20 คน
ร่วมกิจกรรมบนเวทีอย่างใกล้ชิด
พร้อมรับสิทธิ์ถ่ายภาพหรือรับรูปพร้อมลายเซ็นจากศิลปินดังทุกสัปดาห์
เปิดให้สมาชิก
คิง เพาเวอร์ คนไทยและนานาชาติทุกสัญชาติ สามารถลงทะเบียนรับฟรี 1 สิทธิ์
ที่จะได้สนุกเป็นผู้โชคดีในโมเมนต์สุดฟินวันเสาร์นี้ เริ่ม 10.00 - 16.00 น.
สมาชิกคิงเพาเวอร์ได้ง่ายมากทาง LINE Official Account
โมเมนท์ที่
2 อิ่มฟิน!
ทุกเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ เลือกอาหารจานโปรดจากร้านเด็ด ร้านดัง
ร้านต่อแถวจากทุกย่าน มากันหมด
โมเมนท์ที่
3 ฟินรับฟรี!
รับคูปองอาหารภายในงานมูลค่า 100 บาท เมื่อสมาชิกเลือกช้อปสินค้า คิง
เพาเวอร์ครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป
แล้วสามารถนำไปใช้รับประทานอาหารตามร้านดังภายในคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ในแต่ละวัน
โมเมนต์ที่
4 มิวสิกฟิน! ทุกวันอาทิตย์ เริ่มมาได้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป วันอาทิตย์ 4
สิงหาคม 2567 พบกับวง เตรียมอุดม 1 ชวนกันมาฟินได้ที่คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ ตลอดทั้งวัน 3 เวลา คือ 13.00 น. / 15.30
น./ 18.00 น. มีไฟลต์บินต่างประเทศทั้งที ไม่พลาดที่จะช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี
ข่าวที่ 2 ช้อป PowerYourHAPPINESSคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลด15%
คิง
เพาเวอร์ นำเสนอ “POWER YOUR HAPPINESS JOURNEY” เปิดประตูสู่ความสุข
ฟินไปกับทุกการช้อป อยู่ที่ไหนก็กดช้อปสบายกับ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”
ดีลสุดพิเศษที่อดใจไว้ไม่อยู่สายช้อปแบบไหนก็มีหมดครบในที่เดียว ทั้งสายแฟ
สายบิวตี้ สายกิน และอื่นๆอีกมาก
ระหว่าง
วันนี้ -31 สิงหาคม 2567 มาแล้วดีลจัดเต็มตลอดท้ังเดือน
มีไฟลต์ช้อปด่วน และรอรับของที่สนามบิน
1.ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท รหัสส่วนลด 10AUG24
2.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 6,000 บาทรหัสส่วนลด 15AUG24
Online
Special Offer!! รับฟรี 2 รายการ
ฟรีแรก
!! ส่วนลด 10%
ไปรับบริการโปรแกรมตรวจเลือด BWC Antioxidants Plus ที่ BDMS Wellness Clinic เท่านั้น สำหรับลูกค้าที่มียอดช้อปออนไลน์ครบ 10,000
บาท (สุทธิ) เก็บโค้ดส่วนลดวันนนี้- 31 ส.ค.67 แล้วเก็บโค้ดส่วนลดไว้ใช้ได้จนถึง 15 ก.ย. 2567สิทธิ์ส่วนลดจะถูกจัดส่งทาง SMS เมื่อรายการสั่งซื้อสำเร็จตามเงื่อนไข
ฟรีที่
2 ! รับผ้าคลุมกระเป๋า King Power ลายสุด Exclusive (ขนาด 26
นิ้ว)เฉพาะลูกค้าที่ช้อปครบ 10,000 บาท (สุทธิ)
จะแถมจนกว่าสินค้าจะหมด
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ขยายโปรบัตรฟรีฟ้าจรดทรายรอบพิเศษ1ธ.ค.67
คิง
เพาเวอร์ ขยายโปรฯ ให้ลุยต่อ! สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ใครยังไม่มีบัตร รีบช้อปเลย
รับบัตรชม รอบพิเศษ “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล” ในวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 เวลา 19.00
น.ที่เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์
รับสิทธิแบบง่าย
ไม่ต้องรอ เพียงแค่ช้อปสินค้าในร้านสาขา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และศรีวารี
ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มได้ทันทีวันนี้-30 กันยายน 2567
ช้อปครบ 35,000 บาทขึ้นไป รับฟรี บัตร 1 ที่นั่ง หรือช้อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป รับฟรี บัตร 2 ที่นั่ง
ช้อปได้ตามเงื่อนไขเข้าร่วมรายการ
1.ยอดซื้อสินค้าภายในวัน และสาขาเดียวกันเท่านั้น โดยสามารถรวมใบเสร็จรับเงินได้
ครบตามเงื่อนไข บัตรเข้าชมจำนวนจำกัด คนละ 1 สิทธิ์วัน)
2.ผู้ชมจะต้องเข้าชมการแสดงละครเวที ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล
ตามวันเวลาที่กำหนด ให้เฉพาะผู้เข้าร่วมกิจกรรม ห้ามนำไปขายในเชิงพาณิชย์ และสงวนสิทธิ์การเลือกที่นั่งเข้าชมการแสดง
3.ยอดซื้อสินค้าที่ไม่นำมาร่วมรายการคือ แผนกเหล้า บุหรี่ บัตรเงินสด Cash
Card บัตรกำนัล Gift Card คูปองส่วนลด 20,000
บาท จากรายการส่งเสริมการขายพิเศษพรีเมี่ยมเซกเมนต์ ผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการ ภายใต้เงื่อนไขการผ่อนชำระ
4.บัตรเครดิตร่วมคิง เพาเวอร์กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย ร่วมรายการนี้ได้ด้วย
ข่าวที่
4 ททท.จัดปัง“สุขทันที่ทีลาไปเมืองน่าเที่ยว”แถมลดภาษี2เท่า
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.นำเสนอกิจกรรมสร้างสีสัน “สุขทันที ที่ลาไปเมืองน่าเที่ยว” กระตุ้นคนในประเทศออกเดินทางช่วงครึ่งปีหลังร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ -
16 สิงหาคม 2567
เพียงร่วมสนุกกับกิจกรรม “ใบลาเที่ยว”
คุณก็มีสิทธิ์ได้รับกล่องสุขจาก ททท.
ซึ่งกล่องที่รวมไอเทมสุดเก๋ ให้คุณได้ไปใช้จริงๆเวลาไปเมืองน่าเที่ยวทั่วไทยทั้ง
55 จังหวัด
จากนั้นให้รอประกาศผลผู้โชคดีได้เพจ
"Amazing ไทยแลนด์" วันที่ 23 สิงหาคม นี้ ส่วนของรางวัลให้เป็นไปตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด
และคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นอันสิ้นสุด
กติกาดังนี้
1.เซฟรูปใบลาเที่ยว (ภาพแรกในอัลบั้มนี้) กรอกข้อมูลในช่องว่างให้ครบ 2.โพสต์ลงเฟซบุ๊กของแต่ละคน
พร้อมตั้งค่าสาธารณะ3.บอกเหตุผลที่อยากไปเมืองน่าเที่ยวในแคปชั่น4.อย่าลืมแท็กมาที่เพจ
@Amazing ไทยแลนด์ (ไทยแลนด์ ภาษาไทยเท่านั้น) 5.ติด #สุขทันทีที่เมืองน่าเที่ยว #กล่องสุขททท #ใบลาเที่ยว #AmazingThailand
@ปลุกกระแสนยายาย
“เมืองน่าเที่ยว”ลดหย่อนภาษีปี’67ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรม ““สุขทันที
ที่ลาไปเมืองน่าเที่ยว” สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล
หบังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567
มีมติอนุมัติให้ใช้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวนอกฤดูเดินทางหรือโลว์ซีซันจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง
และในพื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษ สามารถนำใบเสร็จจากการใช้จ่ายเงินตามจริงจ่ายจริง
สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทในพื้นที่ท่องเที่ยวตามประกาศดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีได้เริ่มตั้งแต่
1 พฤษภาคม-30 พฤศจิกายน 2567
มาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา
ประกอบด้วย 1.ค่าที่พักโรงแรม รีสอร์ท โฮมสเตย์
หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม 2.ค่าบริการที่จ่ายให้กับธุรกิจนำเที่ยว
หรือมัคคุเทศก์
มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับนิติบุคคล
ประกอบด้วย 1.ค่าห้องพัก 2.ค่าห้องสัมมนา 3.ค่าขนส่ง
4.รายจ่ายอื่น ๆ ในการจัดกิจกรรมอบรม สัมมนา 5.ค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมาย และมัคคุเทศก์ ค่ากิจกรรมมีเงื่อนไขการนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายคำนวณภาษีนิติบุคคลได้ตามขั้นตอนวิธีการอย่างถูกต้อง
คือ
“กิจกรรมสัมมนา” ที่เกิดขึ้นในเมืองน่าเที่ยว
55 จังหวัดหรือพื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษตามที่กรมสรรพากรประกาศกำหนด
นำมาหักค่าใช้จ่ายที่จ่ายตามจริงได้ 2 เท่าของรายจ่าย
“กิจกรรมอบรม สัมมนา” ที่เกิดขึ้นในเมืองหลัก
นำมาหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้ 1.5 เท่าของรายจ่าย
ทุกกิจกรรมดังกล่าวจะต้องมี “ใบกำกับภาษีแบบเต็ม”
ในรูปแบบ “อิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์”
และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice
& e-Receipt ของกรมสรรพากร เท่านั้น
ข่าวที่ 5 บางจากแนะผนึกอาเซียนตลาดคาร์บอน/ก๊าซเรือนกระจก
นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) ฝ่ายเลขานุการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN) ธนาคารกสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเวทีให้ขึ้นร่วมเสวนาหัวข้อ “บทบาทและมุมมองจากภาคธุรกิจสำหรับการเป็นผู้เล่นในตลาดคาร์บอน
ผลสำรวจตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2567: The 2024
Thailand’s Voluntary Carbon Market Updates”
โดยมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำร่วมด้วยคือ ดร. กรินทร์
บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย และนายเจมส์ แอนดริว มอร์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด แต่ละคนได้สะท้อนบทบาทต่าง ๆ ของแต่ละองค์กรกำลังเร่งสนับสนุนการพัฒนาตลาดคาร์บอนในประเทศอย่างเต็มประสิทธิภาพ
นางกลอยตา
กล่าวว่าได้สะท้อนบทบาทบางจากฯ เตรียมก้าวสู่ความสำเร็จ 2 เป้าหมายหลัก ได้แก่ เป้าหมายแรก ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) เป้าหมายที่ 2
ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) โดยใช้เวลาในช่วงนี้สร้างระบบนิเวศน์รอบด้านเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Ecosystem รองรับการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ
ควบคู่กับจัดตั้ง Carbon Markets Club ไว้เมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อเดินหน้าภารกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต รองรับการบังคับใช้มาตรการต่าง
ๆ ระดับสากล
เช่น
CBAM สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิกฤตสภาวะภูมิอากาศ
ด้ยการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1,000 ราย ทั้งประเภทองค์กรและบุคคล ร่วมกันขับเคลื่อนการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญช่วยนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคตอันใกล้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ตลอดช่วงที่ผ่านมา 2 ปี ตลาดคาร์บอนในไทยพากันตื่นตัวและมีแนวโน้มหันมาซื้อขายมากขึ้น เห็นถึงโอกาสตลาดจะขยายตัวตาม
พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังจะนำมาบังคับใช้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดต้องช่วยกันปลดล็อก
2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่
1 โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ” ตามมาตรฐานของประเทศไทย
(T-VER) ที่ใช้ได้เฉพาะในประเทศ
ส่วนที่
2 ตลาดคาร์บอนยังกระจัดกระจายในประเทศต่าง ๆ ทั่วอาเซียน
ดังนั้นจึงควรร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งร่วมมือกันพัฒนามาตรฐานคาร์บอนเครดิตผลักดันสู่ระดับอาเซียน
เป็นมาตรฐานที่สากลให้การยอมรับ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกสินค้าข้ามพรมแดน
มีแผนลดและชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทำให้คู่ค้าต่างประเทศยอมรับมาตรฐานดังกล่าว
นางกลอยตากล่าวว่า
ขณะนี้ตลาดคาร์บอนในไทยมีความท้าทายเปรียบเทียบกับภูเขาน้ำแข็ง (The
Carbon Markets Iceberg) นั่นคือ “ส่วนที่มองเห็น” ประโยชน์ของตลาดคาร์บอนเป็นส่วนของภูเขาน้ำแข็งเห็นภาพชัดเจนอยู่เหนือน้ำหลายด้าน
เช่น ผลดีด้านสิ่งแวดล้อมจากการลดก๊าซเรือนกระจก การกระตุ้นการลงทุนในแหล่งพลังงานทดแทน
รวมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจอย่าง การสร้างตลาดใหม่และการสร้างงาน
การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร
แต่ส่วนที่
“มองไม่เห็นอยู่ใต้น้ำ”
ก็ยังมีอีกหลายเรื่องต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันนำพาให้ก้าวข้ามความท้าทายเหล่านั้น
เช่น กฎระเบียบและมาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างภูมิภาคและประเทศ ความซับซ้อนเรื่องการตรวจสอบและตรวจวัด
ที่อาจก่อให้เกิดการฉ้อโกงและการจัดการที่ผิดพลาด
ความผันผวนของตลาดและตลาดที่ยังเป็นตลาดของผู้ซื้อ
ทำให้ราคาคาร์บอนเครดิตยังไม่สูงนัก รวมถึงการรั่วไหลของคาร์บอน
ทำให้การลดการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่หนึ่งอาจทำให้เพิ่มขึ้นในที่อื่นด้วย
และปัญหาด้านกฎระเบียบและนโยบาย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสามารถในการคาดการณ์ของตลาดด้วย
นางกลอยตากล่าวว่า
บางจากพยายามเพิ่มบทบาทร่วมสร้างความตระหนักรู้ให้กับหน่วยงานพันธมิตร อย่าง สหกรณ์การเกษตร
ให้สามารถพัฒนาโครงการและซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรม เช่น
จัดตั้งเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน ส่งเสริมการติดโซลาร์รูฟท็อป จัดทำโครงการพรรณดี
โดยจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการสวนยางพาราและพืชเกษตรยืนต้นอื่น ๆ เพื่อขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต
ร่วมสร้างตลาดคาร์บอนจากภาคการเกษตรซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างมาก
ดังนั้นภายในงานครั้งนี้จึงได้จัดให้มีกิจกรรมจับคู่ธัรกิจหรือ Business
Matching นำโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัทบางจาก ทำหน้าที่เป็นผู้ขายคาร์บอนเครดิตร่วมพบปะเจรจากับผู้สนใจเพื่อร่วมมือกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
ข่าวที่ 6
TCEBเปิดตัวครั้งแรกบัตรThailand MICE
Visa Prepaid Card
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” นำร่องเปิดตัวเป็นครั้งแรกให้บริการ
“บัตร Thailand MICE Visa Prepaid Card” เสนอให้นักเดินทางธุรกิจทั้งชาวต่างชาติทั่วโลกและคนไทย
ด้วยการมอบสิทธิพิเศษมากมายซึ่งจะช่วยให้ทุกทริปธุรกิจสะดวกสบายคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ด้วยค่าธรรมเนียมสมัครเพียง 350
บาทเท่านั้น
ความพิเศษของ Thailand MICE
Visa Prepaid Card เป็นบัตรที่สามารถใช้งานสะดวก เพียงแค่ท็อป อัพ
เติมเงินในบัตรผ่านแอปพลิเคชัน Deep Pocket ก็สามารถใช้งานได้ทุกที่ที่รับบัตร
VISA ซึ่งจะเป็นบัตร VISA Commercial ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ถือบัตรวีซ่าทั่วไป
รวมทั้งยังจะได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิกทีเส็บโดยอัตโนมัติทั้งการรับข่าวสาร
กิจกรรมทางการตลาดดี ๆ รวดเร็ว ทันสถานการณ์
สำหรับค่าธรรมเนียมบัตรจ่ายเพียง 350
บาท เมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้วจะได้รับ Welcome Offers มูลค่ารวมกว่า
1,500 บาท ทั้ง E-coupon ใช้แทนเงินสดที่สตาร์บัคส์
100 บาท ส่วนลดพิเศษจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำเครือเซ็นทรัลและโรบินสันรวมอีก 1,500
บาท
แล้วยังมีส่วนลดอื่น ๆ อีกมากมายจากพันธมิตรและวีซ่า
ซึ่งมีเครือข่าย ร้านอาหาร ช้อปปิ้ง บริการรถลีมูซีน โรงแรม สปา
บริการรับฝากสัมภาระหรือจัดส่งสัมภาระ บริการขนส่ง รวมถึงร้านอาหารและร้านค้าที่ให้บริการอยู่ในคอนเว็นชั่นหรือสถานที่จัดงานชั้นนำของเมืองทั้ง
อิมแพ็คเมืองทองธานี ศูนย์นิทรรศการไบเทค บุรี และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของ Thailand
MICE Visa Prepaid Card ได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ทีเส็บ https://www.businesseventsthailand.com/th
ช่วงที่ 2 คนไทย ล่องใต้
เที่ยวง่ายขึ้นแล้ว ปักหมุดเลือก “สุขทันทีที่เที่ยวกระบี่” เปิด 5 พิกัด เกาะฮ็อต ๆ ชมภูเขาหินปูน พายคายัคลอดอุโมงค์ป่าโกงกาง สนุกทุกพิกัด
แล้วฟัง “3กิจกรรมป้องกันภาวะสมองเสื่อม” และข่าวฮ็อต ๆ
ข่าวแรก “รร.ดุสิตเกียวโต” แบรนด์ไทยรายแรกคว้ากุญแจมิชลินในญี่ปุ่น ข่าวที่สอง
“เกาหลี” พลิกตลาดทัวร์ไทยหันรุกตลาดเด็กต่ำกว่า 17 ปี
ให้เข้าเป้า 20 ล้านคน
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวกระบี่“เกาะ/เขาหินปูน/ทะเล/ป่า”
5 พิกัด
ปักหมุดรอไว้ได้เลย
“สุขทันทีที่ เที่ยวกระบี่” หลังจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับ
“นกแอร์” เปิดเที่ยวบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-กระบี่ วันละ 2 เที่ยว เที่ยวใต้ จะเที่ยวได้ง่ายขึ้น ธรรมชาติ เกาะ ภูเขาหินปูนในทะเล
ชายหาด ทรายนุ่มขาวละเอียด ไฮไลต์ 5 พิกัด เลือกเลย
พิกัดที่
1 อ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง เที่ยวได้ตลอดทั้งวัน
ลัดเลาะตามชายหาดสวยที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน มีที่พักให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อย
ไปจนถึงคืนละหลักหมื่นบาท แล้วก็มีร้านค้าต่าง ๆ มากมาย วิวทะเลสวยงาม กับจุดต่อเรือไปเที่ยวไปเช้าเย็นกลับตามเกาะสวย
ๆ อย่าง เกาะไก่ เกาะปอดะ เกาะทับ
ทะเลแหวก เกาะห้อง เกาะพีพี และอีกหลายเกาะ ส่วนด้านซ้ายเป็นภูเขาหินปูนกั้นหาดอ่าวนางกับ
หาดไร่เลย์ ธรรมชาติสวยเสมอ
พิกัดที่ 2 เกาะพีพี เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ด้วยจุดขายของหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล พื้นที่ท่องเที่ยวรอบหมู่เกาะพีพีมีให้ชมถึง
6 เกาะ คือ
พีพีดอน พีพีเล เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก เกาะบิดะใน
แนะนำนักท่องเที่ยวที่อยากพักค้างคืนต้องปักหมุดที่
“พีพีดอน” เป็นเกาะศูนย์รวม
มีท่าเรือ ที่พัก ร้านอาหารต่างๆ และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเดินทางเข้าออกสะดวกสบาย
พิกัดที่ 3 เกาะห้อง
อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง เต็มไปด้วยเกาะมากมาย ใหญ่สุดคือ
“เกาะห้อง” มีเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว แนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก บริเวณชายหาดหน้าเกาะรูปทรงโค้งเกือบครึ่งวงกลม
น้ำทะเลสีฟ้าเทอคอยส์ บนเกาะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือจะพายเรือคายัครอบเกาะห้องก็ฟินดีเหมือนกัน
พิกัดที่ 4 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา
อำเภอเกาะลันตา มีทั้งลันตาน้อย ลันตาใหญ่ เกาะตะละเบ็ง และเกาะใกล้เคียง ต่อเนื่องไปจนถึง
หมู่เกาะห้า เกาะรอกนอก เกาะรอกใน และเกาะไหง ซึ่งแต่ละเกาะก็จะมีเอกลักษณ์ท่องเที่ยวได้แตกต่างกัน
ไปถึงแล้วต้องแวะ “เกาะลันตาใหญ่”
ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยาน จะมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เช็คอินอย่าง
จุดชมวิวแหลมโตนด ประภาคาร หาดคอกวาง หาดโละบารา หาดพระแอะ ตอนปลายสุดของแหลมมี “เกาะหม้อ”
เป็นจุดดำดูปะการังน้ำลึก ฤดูท่องเที่ยวปกติอยู่ช่วง พฤศจิกายน-พฤษภาคม ของทุกปี
พิกัดที่
5 พายคายัคอ่าวเลน หมู่ 3 ตำบลเขาทอง อำเภอเมือง เปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น สามารถมาพายคายัคได้ตามเส้นทางพายเรือชมธรรมชาติ
ลอดอุโมงควิวป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางแวดล้อมด้วย ถ้ำ
ผา เขาหินปูน ป่าโกงกาง สัตว์ต่าง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือคายัคได้ตลอดทั้งปี
เที่ยวใต้ เที่ยวง่าย
เที่ยวได้ประสบการณ์โลก มาเช็คอินสักครั้งที่ “กระบี่”
ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงความสุขกับธรรมชาติที่แท้จริง
สุขภาพ –ทำ3กิจกรรมป้องกันภาวะสมองเสื่อมที่ควรทำทุกวัน
ถึงแม้ว่าภาวะสมองเสื่อมจะยังไม่เกิดขึ้น
แต่เราไม่ควรละเลยที่จะป้องกัน และการป้องกันภาวะสมองเสื่อมก็สามารถทำได้ง่ายๆ
ด้วย 3 กิจกรรมที่สามารถทำได้ทุกวัน ดังนี้
1.
ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง -การออกกำลังกายแบบแอโรบิค
ช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน
หรือเต้นแอโรบิค วันละ 30 นาที อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 วัน
2. รักษาสุขภาพอยู่เสมอ
ประกอบด้วย
2.1 ควรเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา
2.2 ควรมีกิจกรรมทางกาย เช่น เดินแทนการนั่งรถ ทำงานบ้าน ทำงานอดิเรกที่ชอบ
2.3 ควรมีกิจกรรมทางสังคม เช่นออกไปพบปะเพื่อนฝูง พูดคุยกับเพื่อนบ้าน
2.4 ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
2.5 ไม่ควรสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
2.6 ไม่ควรทำกิจกรรมที่เสี่ยงกับการบาดเจ็บทางศีรษะ
2.7 ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำหนักตัวมากจนอ้วน
3.บริหารสมองบ่อย ๆ โดยใช้ท่าบริหารดังนี้
3.1 ท่าโป้งก้อย มือขวาชูนิ้วโป้ง มือซ้ายชูนิ้วก้อย เมื่อทำได้
ให้สลับเปลี่ยนเป็นมือขวาชูนิ้วก้อย มือซ้ายชูนิ้วโป้ง
3.2 ท่าจีบแอล มือขวาทำมือรูปจีบ มือซ้ายทำมือเป็นรูปแอล
เมื่อทำได้ให้สลับมือเปลี่ยนเป็น มือขวาทำมือรูปตัวแอล มือซ้ายทำเป็นรูปจีบ
3.3 ท่าจับจมูกจับหู มือขวาจับปลายจมูก มือซ้ายจับหูขวา เมื่อทำได้
ให้สลับเปลี่ยนเป็นมือขวาจับหูซ้าย มือซ้ายจับปลายจมูก
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –รร.ดุสิตเกียวโตคว้ารางวัลกุญแจมิชลินปี67รายแรกในญี่ปุ่น
มร.
จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด
(มหาชน) “DUSIT” เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานี นำดุสิตธานี เกียวโต
โรงแรมไทยระดับดีลักซ์แห่งแรกและแห่งเดียวญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟเกียวโต
ใจกลางอดีตเมืองหลวงเก่า สามารถคว้ารางวัลกุญแจมิชลิน 1 ดอก มาครองได้สำเร็จ ทางด้านคุณภาพการบริการและประสบการณ์อันโดดเด่นให้ผู้เข้าพักทุกคน
โดยสร้างมาตรฐานสูงเกินความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักทุกมิติ
“รางวัลกุญแจมิชลิน”
มีคุณค่ากับธุรกิจโรงแรมอย่างมากในฐานะ “ตราสัญลักษณ์พิเศษ”
ในญี่ปุ่นจะมอบให้โรงแรมที่นำเสนอประสบการณ์การเข้าพักยอดเยี่ยม แบ่งรางวัลเหมือนอาหารมิชลินไกด์ด้วยกุญแจ 3 ระดับ
คือตั้งแต่ 1-3 ดอก แต่ละโรงแรมจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพ
5 ปัจจัย ได้แก่ 1.การออกแบบภายในและสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยม 2.คุณภาพและความสม่ำเสมอในบริการ 3.ความสะดวกสบาย 4.การบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี ตัวตนที่สะท้อนถึงบุคลิกโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ความเป็นเลิศในการส่งมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าหรือมากกว่าราคาที่จ่าย และ 5.สถานที่เป็นจุดหมายในตัวเองเป็นที่พักเพิ่มอรรถรสให้ประสบการณ์ท้องถิ่นได้ด้วย
ปัจจุบันโรงแรมต่าง ๆ ในทวีปไกลฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และบางแห่งในสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลกุญแจมิชลินไปบ้างแล้ว ส่วน “ญี่ปุ่น” เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้รับรางวัลนี้ โดยมี “โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต” ของไทยเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นจากทั้งหมด
85 แห่ง ได้รับเลือกให้เป็นโรงแรมกุญแจมิชลิน 1 ดอก และเป็นโรงแรมแรกเครือดุสิตที่ได้รางวัลดังกล่าว
โรงแรมดุสิตธานี
เกียวโต เปิดให้บริการเมื่อกันยายน 2566 ตั้งอยู่ในย่านฮันกันจิ
มอนเซนมาจิ จังหวัดเกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าเงียบสงบ อยู่ห่างจากสถานีรถไฟเกียวโตเพียง
850 เมตร ออกแบบอย่างโดดเด่น ภายในโรงแรมผสมผสานมรดกอันล้ำค่าของเกียวโตเข้ากับสถาปัตยกรรมไทย
ซึ่งได้บันดาลใจจากอยุธยา อดีตเมืองหลวงของไทยเต็มไปด้วยวัฒนธรรม นำเสนอผ่านลวดลายเจดีย์ในโรงแรม รูปลักษณ์อื่น ๆ
เพื่อให้ผู้ใช้บริการสัมผัสได้ในห้องพักทั้ง 147 ห้อง ที่ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ร่วมสมัย สง่างามเหนือกาลเวลา
เป็นสถานที่เปรียบเสมือนโอเอซิสในเกียวโต
รองรับตลาดกลุ่มนักเดินทางเพื่อการทำธุรกิจ และนักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน นอกจากห้องพักแล้วยังมีบริการ “เทวารัณย์ เวลเนส
เซ็นเตอร์” เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม ให้บริการด้วยเธอราปิสต์นำเสนอการนวดแบบผสมผสานไทยโบราณกับพิธีกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมรวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดูแลสุขภาพครบครันทั้ง
ศูนย์ออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครัน สระว่ายน้ำในร่ม และอื่น
ๆ
มีบริการห้องอาหารไฮไลต์
ได้แก่ ห้องแรก “โคโย” ทีมเชฟจะเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ระดับพรีเมียม
สื่อถึงการเฉลิมฉลอง ฤดูกาลพิเศษของเกียวโตทั้ง 24 ฤดูย่อย ห้องที่
2 “อายตนะ”ของโรงแรม พร้อมเพิ่มประสบการณ์ไม่ซ้ำใคร
นำเสนออาหารไทยไฟน์ไดนิ่งผ่านพหุประสาทสัมผัส ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมหลากหลายของไทยและญี่ปุ่น มีเชฟ โบ – ดวงพร ทรงวิศวะ กับเชฟดีแลน โจนส์ สองสามีภรรยา ที่ทั่วโลกยอมรับเป็นคนวางคอนเซ็ปต์ และสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ
การันตีคุณภาพจากร้าน Bo.Ian เจ้าของรางวัลดาวมิชลิน
ห้องที่ 3 “บาร์เดน เกียวโต” เหมาะกับผู้เข้าพักที่มองหาประสบการณ์สุดหรูหลังดินเนอร์
เสิร์ฟค็อกเทลสูตรพิเศษภายในตกแต่งงดงาม
กลุ่มดุสิตธานียังได้สนับสนุนผู้ผลิตท้องถิ่น
ด้วยการริเริ่มโครงการต่าง ๆ ในเกียวโต อีกหลากหลายรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมชุมชนรอบพื้นที่
ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 ร่วมกับ TeaRoom
Inc. บริษัทผลิตชาแบบยั่งยืนเพื่อจัดตั้งสวนชาดุสิตในวาซูกะเมืองทางตอนใต้จังหวัดเกียวโต
ผลิตชาออร์แกนิกนำมาใช้ในร้านอาหารและห้องพักของโรงแรม
โครงการที่
2 ร่วมกับ OHARA FARMY สนับสนุนการพัฒนาฟาร์มออร์แกนิกและการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน
ทำดุสิตฟาร์มออร์แกนิกขนาดใหญ่อยู่ห่างจากเกียวโตเพียง 20 นาที
ปลูกผักเพื่อใช้ในร้านอาหาร และทำเป็นสถานที่ทำกิจกรรมความประทับใจ มีคุณค่ากับผู้เข้าพัก
เช่น กิจกรรมการเก็บผักด้วยตัวเอง
ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือรวม
298 แห่ง ทั่วโลก 18 ประเทศ แบ่งเป็น โรงแรมและรีสอร์ทเครือดุสิต 57 แห่ง
และวิลล่าหรูภายใต้แบรนด์ อีลิท เฮเวนส์ 241 ห้อง ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักซ์ชูรีชั้นนำในเอเชีย
ขณะนี้ดุสิตอยู่ระหว่างดำเนินการโรงแรมรีสอร์ตอีกกว่า 60 แห่ง
รวมทั้งเตรียมเปิดธุรกิจแฟลกชิพ ดุสิตธานี กรุงเทพฯ วันที่ 27 กันยายน 2567
ข่าวที่สอง
-เกาหลีพลิกทัวร์ไทยใหม่ดึงเด็กวัยต่ำ17ปี/เข้าเป้า20ล้านคน
Koreatimes รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวเกาหลี
ได้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรม ให้ยกเว้นการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเป็นการชั่วคราวสำหรับคนไทย
เพื่อดึงต่างชาติเข้าไปเที่ยวเกาหลีตลอดปี 2567 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
20 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทยตลอด 7 เดือน ระหว่างมกราคม-กรกฎาคม 2567 ลดลงไป 19.1 % แต่ทางกระทรวงยุติธรรมปฎิเสธข้อเสนอการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าวให้คนไทยเข้าเกาหลี
ระบุเหตุผลถึงแม้ไทยจะเคยเป็นตลาดใหญ่สุดแต่ก็ยังคงมีจำนวนคนไทยหลบหนีอยู่ในเกาหลีมากที่สุดเช่นกัน
ล่าสุดทางเกาหลีจึงปรับกลยุทธ์ใหม่หันมารุกเจาะตลาดนักเดินทางกลุ่มเยาวชนไทยแทน เพราะอายุต่ำกว่า 17 ปี จะได้ยกเว้นการตรวจเข้ม ทางกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว
ยืนยันขณะนี้กำลังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการศึกษากับนักเรียนอายุต่ำกว่า 17 ปี ที่ไม่จำเป็นต้องสมัคร K-ETA เนื่องจากกระแสต่อต้านเกาหลีเพิ่มมากขึ้น
จึงยังคงมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์คนไทยกระตุ้นตลาดเยาวชนเดินทางไปเกาหลีทดแทนตลาดปกติที่หายไป
รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรมฯ ยังคงหารือกับกระทรวงยุติธรรมในอีกหลายมิติ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการไม่เห็นด้วยเรื่องมาตรการ
K-ETA ปฏิเสธนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเกาหลี
เพื่อหาทางออกแก้ปัญหาช่วง
7 เดือนแรก
นักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเข้าไปลดลงจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท่ามกลางการร้องเรียนต่อเนื่องและความรู้สึกต่อต้านกรณีที่เกี่ยวข้องกับระบบยกเว้นวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์เกาหลี
ปฏิเสธนักท่องเที่ยวคนไทยเรื่องการเข้าเมืองบ่อยครั้งมาก
ล่าสุดองค์การการท่องเที่ยวเกาหลี
รายงานว่า สถิติ 7 เดือน ปี 2567
คนไทยเดินทางไปเกาหลีเดือนกรกฎาคม 2567 มีจำนวนเพียง
20,150 คน ลดลงมากถึง
19.5 % เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2566 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำไทยซึ่งเคยครองแชมป์เที่ยวเกาหลีมากเป็นอันดับ 1
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แตกต่างจากปี
2567 การท่องเที่ยวภาพใหญ่กลับมาแล้ว แต่อันดับคนไทยเที่ยวเกาหลีกลับร่วงไปเรื่อย
ๆ ตั้งแต่เมษายน อยู่อันดับ 3 เดือนพฤษภาคมหล่นไปอยู่อันดับ 5 ผนวกกับภาพรวมครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2567 คนไทยเที่ยวเกาหลีมียอดสะสมรวม 168,328 คน
ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 19.1 %
ส่วนสถิติคนไทยเที่ยวเกาหลีปี
2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีคนไทยไปมากที่สุดปีละ
572,000คน มาจากกระแสความนิยมอันล้นหลามจากเทรนด์ท่องเที่ยว K-pop,
K-dramas และคอนเทนต์ทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ของเกาหลี
ขณะที่สถานการณ์ภาพรวมนักท่องเที่ยวขาเข้าเกาหลีเฉพาะมิถุนายน
2567 เดือนเดียวมีต่างชาติไปเยือนเกาหลีกว่า 1.41 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนมากถึง 47.5 %
อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวเกาหลีลดลงต่อเนื่องตลอดปี
2567 เกิดขึ้นจากปัญหาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา เรื่องระบบใบอนุญาตเดินทางแบบอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลี (K-ETA
: Korea Electronic Travel Authorization ) ทางรัฐบาลเกาหลีเปิดใช้มาตรการนี้เริ่มเดือนกันยายน
2564 อนุญาตให้นักเดินทางจาก 112
ประเทศ สามารถลงทะเบียนข้อมูลยืนยันตัวตนทางออนไลน์ และให้สิทธิเข้าเกาหลีได้
รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น