ททท.เทเงินปลุก100ชุมชน55เมืองรองเป้า1ล้านล้าน
จัดสงกรานต์5เมืองรองเหนือ-ใต้-อีสาน-ตะวันออก
คิงเพาเวอร์จัดเดือนแห่งรักช้อปแบรนด์ลดทั้งเว็บ20%
ททท.ลุ้นงบกลางปี1.5พันล้านปลุกทัวร์Go Local
บางจากชูแผน5ปีทุ่ม1.1แสนล้านขึ้นผู้นำกรีนเอเชีย
วาเลนไทน์เที่ยวดินแดนดอกไม้”ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน”
เคล็ดลับการนอนให้ถูกวิธีตื่นสดชื่นสุขภาพดีตลอด
รมว.ท่องเที่ยวเข้มแผนปฏิรูปผ่ากระทรวงครั้งใหญ่
“วีระศักดิ์”พบสื่อรุกและรับความท้าทาย12เรื่องฮ็อต
กาตาร์ปลื้มไทยแห่บินเพิ่ม25มี.ค.นี้ 71เที่ยว/สัปดาห์
บางกอกแอร์โกยอื้อเกาะฟูกว๊วก 5 เที่ยว/สัปดาห์
ภูเก็ตฟื้นโคมไฟตรุษจีนรับกระแสเที่ยวชุมชนเก่า
ททท.ชวนเที่ยวอุ่นไอรักเสือป่า8 ก.พ.-11มี.ค.นี้
สวัสดีวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 “คุณนพดล ภาคพรต” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเล่าถึง การเตรียมเร่งเครื่องการตลาดกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากช่วงครึ่งปีแรก ด้วยการอัดเทศกาลขายปลุกกระแสคนเที่ยวในประเทศ พร้อม ๆ กับงัดโปรเจ็กต์ท่องเที่ยวขานรับการใช้งบรายจ่ายกลางปี’61 ผลักดัน 100 ชุมชน 55 เมืองรองแจ้งเกิดด้วยจุดขายใหม่ Open to the New Shades อีกทั้งยังชิมลางบูมจัดสงกรานต์ 5เมืองรอง “สิงห์บุรี-กำแพงเพชร-กาฬสินธุ์-นครศรีธรรมราช-จันทบุร ลุ้นทำยอดตลาดคุณภาพสร้างมูลค่ารายได้เที่ยวในประเทศเข้าเป้า 1 ล้านล้านบาท พร้อมยึดแผนปฏิบัติการตลาดปลุกกระแสกำลังซื้อด้วย “วิถีไทย-อาหารถิ่น-รักสิ่งแวดล้อม
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าวางกลยุทธ์ปลุกกำลังซื้อคนไทยเที่ยวในประเทศ ต่อเนื่องจากเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เมื่อเดือนมกราคม 2561 โดยแนะนำแต่ละภาคไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปยังคงเน้นความเป็นวิถีไทย ชุมชน อาหารถิ่น และการรักษาสิ่งแวดล้อมตามแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นช่วงครึ่งปีแรกจะมีกิจกรรมใหญ่ระดับประเทศ
งานแรก เดือนกุมภาพันธ์นี้มีรายการใหญ่จัดแข่งขัน “Moto GP 2018” ที่บุรีรัมย์ รวบรวมสิงห์นักบิดมาประชันกันในวินเตอร์แรก ททท.ต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานไปเยือนชุมชนจึงได้สร้างโปรแกรมท่องเที่ยวตอบสนองคนไทยและนานาชาติ
งานที่สอง เทศกาลตรุษจีน จะจัดยิ่งใหญ่ในกรุงเทพฯ นครสวรรค์ และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางกระทรวงวัฒนธรรมจีนนำคณะการแสดงมาในเมืองไทย
งานที่สาม เทศกาลสงกรานต์ 13-15 เมษายน วางแผนจัดสงกรานต์เมืองรอง 5 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนื-กำแพงเพชร ภาคกลาง-สิงห์บุรี ภาคอีสาน-กาฬสินธุ์ ภาคใต้-นครศรีธรรมราช ภาคตะวันออก-จันทบุรี ทุกพื้นที่จัดใหม่เป็นครั้งแรกเพื่อการกระจายตัวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง เพื่อให้ชาวไทยและต่างชาติเห็นบรรยากาศสงกรานต์ในแบบอัตลักษณ์แตกต่างกัน อย่างสงกรานต์เมืองผลไม้ จัดที่อำเภอขลุง จันทบุรี หรือ กาฬสินธุ์ ก็จะเป็นอีกไฮไลต์จะเต็มไปด้วยความสนุกชวนไปเล่นน้ำกับไดโนเสาร์ และยังจะมีผู้บริหารสมาคมกีฬาระดับโลกและฟีฟ่าเดินทางเข้ามาร่วมสงกรานต์บริเวณราชประสงค์ด้วย
ในทำนองเดียวกันก็ได้สร้างความสนใจเที่ยวเมืองรอง ปลุกคนไทยไปเที่ยวโดยการชิมอาหารอย่างเอร็ดอร่อยไปพร้อมกับใช้ชีวิตกับชาวบ้านอย่างหลากหลาย
แนวทางกระตุ้นด้วยพื้นที่และกิจกรรมจะนำ Open to the New Shades เสริมทัพการขายท่องเที่ยว 55 เมืองรอง แต่ละชุมชนซึ่งมีมากกว่าเกษตรกรรมที่จะถูกนำเสนอออกมาเป็น 55 ชุมชน 55 เมืองรอง โดยคงคอนเซ็ปต์เลือกชุมชนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะเป็นของแปลกใหม่นักท่องเที่ยวไม่เคยสัมผัส อาทิ ชุมชนประมง มีมากกว่าการไปชมวิธีตกปลา ตกหมึก แต่ให้นักท่องเที่ยวไปร่วมหาวัตถุดิบอาหารกับชาวบ้านมาทำเมนูเอง พร้อมทั้งได้เพิ่มโจทก์ในแต่ละภูมิภาค จะเน้นความเป็นความนวัตกรรม โดยเฉพาะ โชเชียลมีเดีย สร้างเนื้อหาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น เนื้อหาการท่องเที่ยวตอบโจทก์เด็กและเยาวชน ต่อไปจะบรรจุไว้ในสมาร์ทโฟน รวมทั้งจะเป็นช่องทางที่ถูกจริตกับกลุ่มคนรุ่นใหม่
รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 ททท.ได้เสนอแผน 55 ทางเลือกเที่ยวเมืองรอง ไปพัฒนาเจียรนัยแหล่งท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทก์คนไทยเที่ยวในประเทศ ตั้งเป้า 100 ชุมชน ต้องกระพือการท่องเที่ยวภายใน 6 เดือน โดยได้คัดเลือกชุมชนที่มีพื้นฐานความพร้อมระดับมาตรฐานก่อน เพื่อป้องกันผลกระทบทั้งเรื่องวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม ส่วนการก้าวสู่สเต็ปที่สองก็เป็นอีกขั้นตอนที่ต้องประคองต่อไปให้ได้
การกระตุ้นตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ททท.ต้องสร้างภาคีเครือข่ายพันธมิตร การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว การดูแลสถานที่ท่องเที่ยวต้องสมบูรณ์ ผนวกกับต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจ ทั้ง 3 ส่วนต้องไปด้วยกัน รูปแบบจะไปสัมพันธ์กันทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน เรื่ององค์กรปกครองท้องถิ่นการจัดการด้านคมนาคมทางอากาศ ในทำนองเดียวกันแหล่งท่องเที่ยวที่รัฐหรือหน่วยงานต่าง ๆ ดูแลก็ต้องจัดการให้ได้ด้วยกัน มีความร่วมมืออีกมากที่จะต้องใช้ทุกภาคส่วนสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งจากการทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้บูรณาการสูงสุดและมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ดังนั้นการออกตัวแรงในทุกด้านตั้งแต่ต้นปี จะทำให้รายได้ท่องเที่ยวในประเทศเข้าเป้า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต้องมองยาวไปถึง “การสร้างมูลค่าทางรายได้” เพิ่มบทบาทความชัดเจน ดึงประชาชนและเอกชนเข้ามาเสริมทัพทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายสู่ฐานรากของประเทศได้จริง ๆ
สำหรับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยคนรวยหรือมีกำลังซื้อสูง ททท.ก็พุ่งเป้าเจาะด้วยเช่น เบื้องต้น ได้จัดทำโครงการการท่องเที่ยวสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย ส่วนระดับบนก็รุกอย่างเต็มที่เพื่อตอบโจทก์การสร้างมูลค่าโดยบริหารให้มีปริมาณให้เหมาะสมกับขีดความสามารถทางการรองรับด้วยเช่นกัน
สำหรับการตอบโจทก์ปลุกกำลังซื้อตลาดคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ตั้งแต่ต้นปีจากงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เรื่อยไปจนถึง ตรุษจีน สงกรานต์ และการได้งบประมาณรายจ่ายกลางปีเข้ามาเสริมทัพ เพื่อนำร่อง 100 ชุมชน กับพิสูจน์การสร้างกระแสขาย 55 เมืองท่องเที่ยวรอง ด้วยเม็ดเงินพิเศษดังกล่าว
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงเป็นมากกว่า “พลังสร้างเศรษฐกิจฐานราก” หากแต่จะต้องเป็นพลังสร้างภาพลักษณ์บทบาทรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการก้าวเข้าสู่การเมืองใหม่เมื่อถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องก้าวเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างจริงจังในอนาคตข้างหน้าด้วยเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดเดือนแห่งรักกพ.ช้อปลดทั้งเว็บ20%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนไปช้อปกับแคมเปญ “Endlessly Sweet” ลดทั้งเว็บสูงสุดถึง 20 % ระหว่างวันนี้ -14 กุมภาพันธ์ 2561 ด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงเข้าไปชมสินค้าที่ชื่นชอบแล้วเลือกซื้อด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท ผ่านทางเว็บไซต์ www.kingpoweronline.com โดยวิธีง่าย ๆ นิดเดียวแค่ใส่รหัสส่วนลด Sweet 2018 จะมีสินค้าที่เข้าร่วมรายการ ทั้งนาฬิกา เครื่องหนัง กระเป๋าสะพายของสุภาพสตรี น้ำหอมแบรนด์ชั้นนำ โทรศัพท์มือถือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง
ขณะนี้มีสินค้าที่เข้าร่วมรายการให้เลือกช้อปซึ่งเป็น HOT ITEM คือกลุ่มนาฬิกา SEIKO SAMURAI Zimbe Prospex SRPC43 Limited Edition เริ่มต้นเรือนละ 22,900 บาท ต้องขอย้ำว่าเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟสามารถอยู่ในระดับน้ำลึกได้ถึง 200 เมตร นำเข้ามาในเมืองไทยโดยมีซีรีย์นัมเบอร์เครื่องเพียง 1,500 เรือนเท่านั้น
ส่วนผลิตภัณฑ์กระเป๋าสุภาพสตรีแบรนด์ COACH FA 16 ทำจากวัสดุหนังสีดำชั้นเยี่ยมตกแต่งด้วยเงิน ราคาเริ่มต้น 15,500 บาท
อีกทั้งยังมีสินค้าแบรนด์เนมให้เลือกช้อปเพื่อรับส่วนลดทั้งเว็บสูงสุดถึง 20 % กับ “Endlessly Sweet” ไปจนถึงวาเลนไทน์ปีนี้
ข่าวที่ 2 “ททท.รับงบกลางปี1,500ล้านเทลงชุมชนGo Local”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตามแผนการเสนอของบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 เบื้องต้นในขณะนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับมาก้อนแรก 4,500 ล้านบาท ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้นโยบาย ททท.รับผิดชอบบริหารงบก้อนแรก 1,500 ล้านบาท ให้จัดทำโครงการใช้เงินเพื่อเชื่อมโยงกันระหว่างกิจกรรม สินค้าและตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศกระจายลงสู่ชุมชน 55 เมืองรอง
ขณะนี้ผู้บริหาร ททท.โดยเฉพาะรองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานทั้ง 5ภูมิภาค เหนือ ใต้ กลาง อีสาน ตะวันออก ประชุมหารือและคัดสรรชุมชนที่มีศักยภาพพร้อมที่จะใช้งบประมาณกลางปีดังกล่าวเข้าไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากภายใน 6 เดือน เพื่อสร้างรายได้เร่งด่วนในจังหวัดที่มีปัญหาเหลื่อมล้ำอีกทั้งยังต้องยอมรับถึงศักยภาพของแต่ละจังหวัดปัจจุบันยังมีไม่เท่ากัน
ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณมาใช้ตามแผนนั้น ตามขั้นตอนจะต้องเสนอโครงการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณา จากนั้นต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาอนุมัติ แล้วประกาศเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 มูลค่ารวมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นของ ททท.1,500 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จประกาศใช้ภายในเมษายนปีนี้
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าจะมุ่งเน้นนำงบประมาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของ ททท.ปี2561 ประกอบด้วยโครงการ Go Local- การท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยว 55 เมืองรอง และการจัดทำข้อมูล Big Data ซึ่งโครงการส่วนใหญ่แนวโน้มจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างขนาดประมาณโครงการละ 5 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานจัดจ้างอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลลัพธ์ตามนโยบายที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดแผน5ปีทุ่มลงทุน1.1แสนล้านขึ้นผู้นำเอเชีย”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนธุรกิจต่อเนื่อง 5 ปี ระหว่างปี 2561-2565 เดินหน้าพัฒนาควบคู่กันในการใช้งบลงทุนรวม 1.1 แสนล้านบาท สร้างบางจากฯ และบริษัทในกลุ่ม ขยายธุรกิจหลักและเกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรมด้านพลังงานที่ทันสมัยมาพัฒนาต่อยอดเตรียมความพร้อมทุกมิติก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจไทยยุค 4.0 โดยกำหนดทิศทาง วางกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถ มุ่งสู่กลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชีย ที่มีบรรษัทภิบาลที่ดีและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางแบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน
เริ่มจากธุรกิจโรงกลั่นจะดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น เน้นการดูแลสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเป็นอันดับสูงสุดในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต และปีนี้เตรียมจะหยุดซ่อมบำรุง 45 วันในเดือนเมษายน – มิถุนายน 2561
ธุรกิจการตลาด จะสร้างระบบนิเวศน์สีเขียวและประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Eco System) เพิ่มความทันสมัยในทำเลยุทธศาสตร์ในรูปแบบ Greenovative Experience นำระบบดิจิทัลมาใช้ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการ
รวมทั้งขยายธุรกิจร้าน SPAR Supermarket นำผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเกษตรกรไทยเข้ามาจำหน่ายในร้าน SPAR สาขาต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสสินค้าชุมชนเข้าสู่ตลาดโลก ส่วนร้านกาแฟอินทนิลจะขยายสู่ตลาดกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้ง กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม
ขณะที่ นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะบริษัทเครือบางจากบริหารธุรกิจผลิตไฟฟ้า หลังจากนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายเดือนกันยายน ปี 2559 ได้รับความสนใจและเชื่อมั่นจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัท ณ สิ้นปี 2560 สูงกว่า 46,000 ล้านบาท (มากกว่า 50,000 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากวันแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (มาร์เก็ตแคป 19,900 ล้านบาท) ตลอดปี 2560 บริษัท บีซีพีจีฯ ใช้เงินลงทุนขยายธุรกิจราว 15,000 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี 2560 บริษัท บีซีพีจีฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามสัดส่วนถือหุ้นรวมอยู่ที่ประมาณ
600 เมกะวัตต์
ตามแผนการลงทุนของบีซีพีจี 3 ปีข้างหน้า ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดจะใช้งบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท เน้นโครงการที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และ EBITDA ไม่ต่ำกว่าปีละร้อยละ 15-20
ปี 2561 บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้อีก 200 เมกะวัตต์ จากสิ้นปี 2560 โดยวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนรีเทลผ่านธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในประเทศด้วยรูปแบบต่างๆ อีก 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจรูปแบบปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศอีก 170 เมกะวัตต์
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีจีไอ จำกัด กล่าวว่า บริษัท บางจากฯ ได้มีการควบรวมบริษัทระหว่าง บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)) เป็นบริษัท บีบีจีไอ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีกำลังการผลิตรวม 1.71 ล้านลิตรต่อวัน โดยไบโอดีเซล B100 มีกำลังการผลิตที่ 810,000 ลิตรต่อวัน และเอทานอล มีกำลังการผลิตที่ 900,000 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสทางการเติบโตไปสู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพอื่นๆ ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังของ ปี 2561 พร้อมปักธงจะขยายการลงทุนด้านธุรกิจชีวภาพในเขต EEC ภายใน 5 ปี
อีกทั้งบางจากฯ ยังเร่งธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ จะพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม ธุรกิจ Start up ผ่านศูนย์ Bangchak Initiative and Innovation Center (BIIC) มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการพลังงาน และเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งปัจจุบันบางจากฯ ร่วมเป็นสมาชิกของ Plug & Play Tech Center เพื่อมองหา (Scout) ธุรกิจ Start up ที่น่าลงทุนจาก 3 แหล่งการลงทุนที่มีศักยภาพ ทั้ง Silicon valley สหรัฐอเมริกา, TEL Aviv อิสราเอล และสาธารณรัฐประชาชนจีน
ช่วงที่ 2 ต้อนรับเดือนแห่งความรักกุมภาพันธ์ ด้วยการชวนขึ้นดอยไปเที่ยวบนที่สูงอันงดงามแห่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินไทย “ปางอุ๋ง ปางตอง” จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดินแดนเย็นสบาย ๆ เมืองแห่งดอกไม้สลับกันเบ่งบานสวยสดตลอดปี ทั้งทุ่งนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานทั่วทั้งหุบเขา ต้นเมเปิ้ลสีแดงสว่างตา และพืชพรรณไม้เมืองหนาวที่มีคุณค่า สร้างความร่มเย็น เที่ยวเสร็จก็มาดูแลสุขภาพกับการรู้ว่าจะนอนอย่างไรให้ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นตลอดทั้งวัน ส่วนข่าวท้ายชั่วโมง สัปดาห์นี้ต้องยกให้ “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โหมโรงหนักตั้งแต่เดือนแรกปีจอ ทั้งเปิดระดม 7 หน่วยประชุมรับนโยบายก่อนปฏิรูปและผ่าโครงสร้าง เปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน ต่อด้วยเปิดตึกนารีสโมสรทอล์กกับสื่อนานกว่าชั่วโมงครึ่ง รวบทั้งปัญหาและชี้ช่องโอกาสของท่องเที่ยวและกีฬาใน 12 ประเด็นฮ็อต ตามด้วยข่าวดีเรื่องกาตาร์แอร์เวย์สเพิ่มจุดบินใหม่ โดฮา-อู่ตะเภา และจะเพิ่มความถี่เข้ากรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 71 เที่ยว บางกอกแอร์เวย์ส เพิ่มความถี่ กรุงเทพฯ-เกาะฟูกว๊วก (เวียดนาม) และอื่น ๆ
@ดื่มด่ำแดนดอกไม้ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน
แหล่งท่องเที่ยว ตามรอยพระบาท ยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและ ส่งเสริมอาชีพ ในภาคเหนือ “ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดําริ”
สายหมอกยามเช้า ที่ป่าสนริมอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง คือกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของคนที่ได้มาเยือนแม่ฮ่อนสอน ซึ่งปางอุ๋งนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดําริ แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ปางอุ๋งเท่านั้น
เพราะที่ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริหรือศูนย์ปางตอง ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่โดยแบ่งเป็น โครงการพระราชดำริปางตอง 1 (ห้วยมะเขือส้ม)โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) โครงการ พระราชดำริปางตอง 3 (แม่สะงา-หมอกจำแป่) และโครงการพระราชดำริปางตอง 4 (พระตำหนักปางตอง) พัฒนาเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้บนพื้นที่สูง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพระบาทแห่งสำคัญ
ศูนย์ปางตอง คือแหล่งเรียนรู้สู่การขยายผล เพื่อชุมชน คน และป่าในพื้นที่เป้าหมาย ประกอบไปด้วยศูนย์การวิจัยเชิงพัฒนาส่งเสริมอาชีพบนพื้นที่สูงหลายแขนง สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์ การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ตลอดจนศูนย์อนุรักษ์และจัดการพื้นที่ป่า และการพัฒนาระบบไฟฟ้าพลังน้ำ เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ที่นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังมีความรู้มากมายติดตัว กลับไปเต็มกระเป๋า
เส้นทางท่องเที่ยวปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จ.แม่ฮ่องสอน
วันแรก : เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน “ช่วงเช้า” ชมวิวที่จุดชมวิวดอยกิ่วลม “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมหลวงพ่ออุ่นเมือง วัดน้ำฮู และเจดีย์อนุสรณ์สถานพระสุพรรณกัลยา พระธาตุแม่เย็น ช็อปปิ้งถนนคนเดินปาย
วันที่สอง : แม่ฮ่องสอน “ช่วงเช้า”เดินทางไปจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล บ้านสันติชล แวะจุดชมวิวปางมะผ้า “ช่วงบ่าย” โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) พระตำหนักปางตอง ชมพื้นที่เลี้ยงแกะ ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองพระตำหนักปางตอง แล้วเยี่ยมชมพูโคลนคันทรีคลับ “ช่วงเย็น” เยี่ยมชมพระธาตุดอยกองมู เดินเล่นถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนชมทัศนียภาพที่วัดจองคำ-วัดจองกลาง ยามค่ำ
วันที่สาม : แม่ฮ่องสอน “ช่วงเช้า” เยี่ยมชมวัดต่อแพ ชมผ้าม่าน 100 ปี เยี่ยมชมอนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น “ช่วงบ่าย” ชมบ้านเมืองปอน และวัดแม่ปาง วัดพระธาตุจอมแจ้ง และศูนย์วัฒนธรรมแม่สะเรียง
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ไปชมพระตำหนักปางตอง ชมเรือนประทับแรมไม้ 6 หลัง ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนไหล่เขา สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าปางตอง ชมสัตว์ป่าหาดูยากกว่า 30 ชนิด เช่น เสือลายเมฆ หมีควาย ไก่ฟ้า นกยูง เป็นต้น สถานีแปลงพันธุ์ไม้ดอก ชมเรือนเพาะชำต้นกล้าไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์
กิจกรรมห้ามพลาด ลัดเลาะเนินเขา ข้ามลำธารขึ้นไปชมพระตำหนักปางตอง ที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ชมฝูงแกะและฝูงม้าที่ลานทุ่งหญ้ากว้าง แปลงผักปลอดสารพิษและผักพื้นเมือง
@ นอนอย่างไร ให้ตื่นมาสดชื่น
การนอนหลับที่ดีต้องไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก จนทำให้นอนไม่เต็มอิ่ม และรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลาทำงานระหว่างวัน เคล็ดลับในการนอนให้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นและมีพลังมาฝาก มีดังนี้
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และกาเฟอีน เนื่องจากมีผลทำให้ร่างกายขับน้ำออกมามาก ทำให้ต้องตื่นปัสสาวะบ่อยๆ
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และกาเฟอีนก่อนนอนอย่างน้อย 4 ชม.
- เลือกชุดนอนที่เหมาะสม ใส่แล้วรู้สึกสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่หนาจนเกินไป ใส่แล้วไม่อึดอัด เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าซาติน
- เลือกเครื่องนอนที่ไม่แข็งจนเกินไป หรืออ่อนยวบจนยุบตัวเป็นหลุม เพราะนอกจากจะทำให้นอนหลับไม่สนิท หลับไม่สบายแล้ว ยังอาจทำให้ปวดหลังได้ด้วย
- เลิกนิสัยเปิดทีวีหรือวิทยุทิ้งไว้ตอนนอน เพราะนอกจากจะเปลืองค่าไฟโดยไม่จำเป็นแล้ว แสง สี และเสียง จากทีวีอาจส่งผลกระทบต่อการนอนของคุณ ทำให้นอนไม่หลับ หรือหลับได้ไม่เต็มที่
- ไม่ควรเปิดไฟนอน แนะนำให้เลือกใช้โคมไฟที่มีแสงนวลตา เช่น แสงสีเหลือง-ส้ม นำไปวางไว้ให้ห่างจากเตียงพอสมควร เพราะแสงสีเหลือง-ส้มนี้จะช่วยให้ประสาทตาของเราทำงานได้น้อยลงหรือถูกรบกวนจากแสงได้น้อยลง แต่ถ้าจะให้ดีควรปิดไฟนอนจะดีกว่า
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.ท่องเที่ยวจ่อผ่าโครงสร้างกระทรวงครั้งใหญ่”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและก๊ฬา เปิดเผยว่า ได้จัดการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการและรายงานความคืบหน้าความคืบหน้าในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทุกหน่วยงานในสังกัดท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2561เร่งเดินหน้านโยบายปฎิรูปการทำงานไปพร้อม ๆ กับผ่าโครงสร้างระบบภายในก่อนการเลือกตั้งทางการเมือง เพื่อวางแนวทางให้หน่วยงานภายในกระทรวงฯ เดินหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พุ่งเป้าทำนโยบายสำคัญอันดับต้น ๆ คือ การพิจารณาแผนปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับที่รัฐบาลเร่งให้ดำเนินการเสนอขอจากงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 ขณะนี้ทางกรมการท่องเที่ยวได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเตรียมเสนอขอใช้เกือบ 20,000 ล้านบาท จำนวนเกือบ 2,639 โครงการ ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่เมืองรองราว 1,843 โครงการ นั้น
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะต้องดูรายละเอียดความจำเป็นของโครงการที่เสนอปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนา จะต้องสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด และมุ่งให้ทางท้องถิ่นมีส่วนร่วมฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศจัดทำโครงการตามความต้องการด้วย อีกครั่งจะพิจารณาโดยใช้เกณฑ์หลักเพื่อสร้างความยั่งยืนตมมแหล่งท่องเที่ยว ครั้งนี้จะพุ่งเป้าทำโครงการขนาดเล็กที่ได้ประโยชน์จริง และพับโครงการประเภทเมกะโปรเจ็กต์ไว้ก่อน
ประการสำคัญกำลังพิจารณาอาจจะต้องผ่าโครงสร้างงานใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะภารกิจงานปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาการท่องเที่ยว อาจจะต้องนำกลับไปให้การท่องเที่ยวแก่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการพร้อมกับบริหารงบประมาณที่เบิกจ่ายมาใช้ด้วย เนื่องจากหลังมีพระราชบัซญัติจัดตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้วย้ายภารกิจการเบิกจ่ายงบปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมการท่องเที่ยว ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาการทำงานยังไม่ได้เป็นตามเจตนาของกระทรวงเท่าที่ควร ดังนั้นในครั้งนี้เมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้เสนิของบกลางปี 2561 จึงจะต้องขอทบทวนระหว่างกรมท่องเที่ยวกับ ททท.ซึ่งเดิมเคยทำภารกิจนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกได้ดีอยู่แล้วและมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถกระจายอยู่ในสำนักงานตามพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศ น่าจะทำภารกิจนี้ได้ดีกว่าหรือไม่ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศซึ่งต้องพึ่งพาพลังของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้ได้
ข่าวที่สอง “รมว.วีระศักดิ์เปิดใจรุกรับสื่อ12ประเด็นฮ็อต”
“วีระศักดิ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล จัดเวที “Meet The Press : พูดคุยเก๋ไก๋สไตล์รัฐมนตรี” ครั้งที่ 1 วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ในทุกคำถามมีคำตอบ รวม ๆ 12 ประเด็น เกี่ยวกับ การขับเคลื่อนท่องเที่ยวและกีฬา ทางด้านนโยบาย ส่งเสริมการลงทุน การส่งเสริม พัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ที่จะเกิดในยุคนี้ 3 เรื่องใหญ่ คือ
1.เสนอเมืองท่องเที่ยวผลิตคูปองเมืองรองหารายได้ไปพัฒนาชุมชน 2.เพิ่มกฎหมายจัดเก็บภาษีวัสดุภัณฑ์พลาสติก 3.ปฏิวัติองคาพยพของคนเพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงาน วิธีคิด ไปสู่เทรนด์โลกยุคใหม่ พร้อมทั้งได้พูดคุยกันนัดแรก 12 ประเด็นฮ็อต
ประเด็นที่ 1 ขณะนี้ได้สร้างเครื่องมือสำคัญขึ้นมาแล้วโดยใช้ LINE @tourism1 เป็นศูนย์แจ้งซ่อม @tourism2 เป็นศูนย์แจ้งสร้าง เพื่อให้คนไทยซึ่งใช้ไลน์สื่อสารกันมากที่สุดเมื่อเข้าไปเที่ยวสถานที่ใดแล้วเห็นเรื่องราวที่ต้องแก้ไขปรับปรุง เช่น ห้องน้ำไม่สะอาด ขาดทางลาด หรือถนนชำรุด และอื่น ๆ ก็แจ้งเข้ามายังศูนย์ดังกล่าว
จากนั้นจะได้แยกบทบาทระหว่าง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) รวบรวมภาพสวย ๆเพื่อตอบโจทก์การทำตลาด ส่วนกระทรวงรวบรวมภาพที่ต้องแก้ไขเพื่อเข้าไปพัฒนาฟื้นฟูปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวแล้วติดรหัสกำกับด้วยเลข 13 หลัก เป็นการเริ่มต้นระบบเพื่อทำให้มีกระดานทำงานบอกไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากทุกแห่งกระทรวงและ ททท.ไม่ได้มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเลยสักแห่ง ไม่ว่าจะเป็นแหล่ง โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม ทั้งที่ปัจจุบันมีชาวต่างชาติเข้ามา 35 ล้านคน เป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรไทย ต้องสื่อสารกันมากกว่า 100 ภาษา ทิศทางต่อไปจะเร่งสร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการท่องเที่ยวขานรับเทรนด์โลก Volunteer Tourism
ประเด็นที่ 2 “แนวคิดเสนอจัดทำคูปองท่องเที่ยวเมืองรอง” ต่อเนื่องจากมาตรการลดหย่อนภาษีซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง แต่คูปองแนวใหม่ที่เสนอเพิ่มให้เมืองรองทำขึ้นไม่ควรจะนำไปหว่านเหมือนกันหมด แต่ต้องออกแบบตามลักษณะของกิจกรรมเพื่อให้แต่ละจังหวัดนำไปวางแผนเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ โดยจังหวัดกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด ออกแบบผลิตประกาศวิธีการนำคูปองไปใช้เป็นส่วนลดราคามีทั้งหมดกี่รายการ พอครบวันก็ให้นำไปขึ้นเงินได้ อายุคูปองควรจะสั้น ๆ เพื่อป้องกันการปลอม จุดประสงค์ต้องตอบโจทก์ตามเป้าหมายให้ไปใช้กับท้องถิ่นอย่างแท้จริง ประการสำคัญต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ไปศึกษารูปแบบเพราะต้องนำไปสร้างประโยชน์มิใช่สร้างปัญหา
ขณะนี้ต้องการใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นกลไกลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริงยั่งยืน แต่ต้องไม่ใช่เครื่องมือสร้างความร่ำรวยให้อาเสี่ย เพราะรัฐต้องการเพิ่มรายได้ลดความเหลื่อมล้ำให้ชาวบ้าน รวมถึงการเลือกลงทุนการท่องเที่ยวก็ ต้องถ่วงน้ำหนักระหว่างผู้เชี่ยวชาญในแต่ละพื้นที่ซึ่งมีจุดขายไม่เท่ากัน หรือการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก (EEC) บางโครงการใช้เงินไม่มากแต่ก็สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ หรือแม้แต่การออกแบบท่าอากาศยานอู่ตะเภาต่อไปควรทำถึงขึ้น สามารถปั่นจักรยานออกไปอร่อยทุกไร่ชิมไปทุกสวนได้ โดยมีถนนลาดยางเชื่อมเข้าสวน ซึ่งจะเกิดการลงทุนอื่น ๆ ตามมา เช่น ร้านขายน้ำ ขายกาแฟ กิจกรรมนั่งสมาธิ กลายเป็น Creative Tourism เป็นอีกวิธีเพิ่มรายได้แก่นักลงทุนเงินน้อยแต่มีโอกาสทำได้
ประเด็นที่ 3 การผ่าหรือแยกร่างโครงสร้างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในเชิงนโยบายแยกไม่ยากเพราะมีบุคลากรด้านกีฬาจำนวนมาก แต่ท่องเที่ยวจะมีใครเข้ามาเป็นข้าราชการกระทรวง วันนี้หากทำได้เร็วสุดคือให้ ททท.ซึ่งเป็นผู้พัฒนาตลาดรับภารกิจงานบางส่วนกลับไปทำเองบ้าง ควบคู่กับการหันมาพัฒนาในรูปแบบ “คลัสเตอร์เมืองท่องเที่ยว” ไปพลาง ๆ ก่อน
ประเด็นที่ 4 การวางแผนนำเข้านักท่องเที่ยวต่างประเทศ ยังต้องย้ำเรื่องความปลอดภัยกับความสะอาดเป็นหลัก จุดเปลี่ยนการเดินทางทุกวันนี้ต่างจากอดีตที่กลับข้างจากปัจจุบันมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายแล้ว กระบวนการทำให้เกิดความรู้สึกว่าการท่องเที่ยวมีระบบบริการดีขึ้น
ประเด็นที่ 5 แนวทางการวางสัดส่วนจีดีพีของรายได้การท่องเที่ยว อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างสนับสนุนเถ้าแก่หรือสร้างเอสเอ็มอีชุมชน ตอบโจทก์ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมซึ่งการท่องเที่ยวจะดีขึ้นตัวชี้วัดจากร้อยยิ้มความสุขของคนในท้องถิ่น หากขาดการจัดการมีปัญหาตามมามากมายก็ไม่ถือว่าดีขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมให้ชุมชนมีอาชีพและรายได้ย่อมสำคัญมากกว่าให้เถ้าแก่เข้าไปลงทุน
ประเด็นที่ 6 การสร้างการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All ของโครงสร้างพื้นฐานการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในทุกจุดต้องรองรับทั้งเด็ก เยาวชน คนสูงวัย คนพิการ
ประเด็นที่ 7 นักท่องเที่ยวจึนเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นทุกปี จะต้องเตรียมจัดการด้วยการทำข้อศึกษาปัญหาต่าง ๆ ให้เป็นระบบ กรณีทัวร์จีนศูนย์เหรียญ หรือถูกหลอกและเอาเปรียบ เนื่องจากยังต้องพึ่งพาภาษากลางที่สื่อสารเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะนักเดินทางอิสระ F.I.T.ตลาดจีนเติบโตรวดเร็วมาก ประเทศไทยจึงต้องทำป้ายบอกทางและเครื่องมือสื่อสารให้ชาวจีนใช้งานไปด้วยกันได้ เป็นภาวะใหญ่ของโลก แนวโน้มตรุษจีนปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะมาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 10 % โดยจีนพบว่าไทยจัดฉลองได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในโลก จึงมอบหมายให้ ททท.กระจายการท่องเที่ยวตรุษจีนสู่เมืองรอง และกำชับให้ท้องถิ่นต้อนรับด้วย “ยิ้มแย้ม ยืดหยุ่น” ซึ่งอยู่ในสายเลือดคนไทยเป็นเสน่ห์ยิ่งใหญ่คิดมูลค่าไม่ได้มีอยู่คู่ ททท.มากว่า 57 ปี
ประเด็นที่ 8 นักท่องเที่ยวจองซื้อท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์กำลังเผชิญปัญหามากขึ้น นั้น ตามกลไกใหม่ Sharing Economy นำทรัพยากรส่วนตัวมาแบ่งปันให้คนอื่นมารองรับท่องเที่ยว แต่การลงทุนตอนนี้กลายเป็นการลงทุนสร้างแล้วนำมาขายนักท่องเที่ยวจนกลายเป็นปัญหาต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ประเด็นที่ 9 “การเก็บขยะตามแหล่งท่องเที่ยว” ที่เดินทางลงพื้นที่ไปเก็บเอง ก็เพื่อตอกย้ำให้ผู้นำองค์กรท้องถิ่นลุกขึ้นมาร่วมกันปลุกจิตสำนึก และวางวิธีบริหารจัดการเพื่อนำขยะกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ รวมถึงทำให้ทุกฝ่ายที่จัดงานกิจกรรม อีเวนต์ งานประเพณีของชาติ ต้องให้ทุกงานมีวิธีจัดเก็บและช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการเก็บขยะ แล้วนำโมเดลไปใช้กับงานวัดหรืองานระดับชาติได้
ส่วนขยะทะเลเห็นพ้องกันต้องบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติในการทำ “ภาษีวัสดุภัณฑ์พลาสติก” เพราะอายุการใช้พลาสติกของภาชนะต่าง ๆ นั้นสั้นเหลือเกินแต่อยู่กับโลกนานนับร้อยปี ต้นทุนการผลิตต่ำแต่ต้นทุนการกำจัดนั้นสูงมาก (ระหว่างอธิบาย รมว.วีระศักดิ์ ได้เปิดตัวอย่างของเสื้อกล้ามที่ใส่ข้างในมีส่วนผสมของการนำพลาสรีไซเคิลมาผลิต เขียนว่าบนด้านหน้าเสื้อว่า because there is no plannet B นำมาผสมกับฝ้ายหรือโพลีเอสเตอร์ ราคาแพงกว่าเสื้อปกติ และยังมีกระเป๋าเป้อีกใบที่นำแหอวนชาวประมงมาผลิต อายุการใช้งานยาวนานมาก มีทั้งเป้ กระเป๋ ราคาใบละกว่า 3,000 บาท คนซื้อเพราะมีคุณค่าที่ได้ช่วยรักษามหาสมุทร ซึ่งเป็นลมหายใจใหญ่สุดของคนไทยและชาวโลก)
ประเด็นที่ 9 การทำให้เกิดอีเวนต์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติ อีเวนต์ตัว อย่างคือการเป็นเจ้าภาพจัด Moto GP 2018 เป็นครั้งแรกจัดในเมืองรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ในเดือน 5-7 ตุลาคม 2561 ที่จะมีผู้คนนับแสนคน จะต้องจัดการอาหาร ที่พัก รถบัสภายในจังหวัด และการคมนาคมเชื่อมโยง นั้นปีแรกท้าทายมาก แล้วไทยได้จัดต่อเนื่องถึง 3 ปี ดังนั้นปีแรกจึงต้องขอบารมีรองนายกรัฐมนตรีเข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังมีอีเวนต์ Sport ACCORD เบอร์ 1 ของสหพันธ์กีฬาทุกประเทศและฟีฟ่า จะมาประชุมช่วงสงกรานต์ 3,000 คน มีกิจกรรมกีฬาและไปรวมตัวกันตรงราชประสงค์
ประเด็นที่ 10 พัฒนาการของประเทศไทยในการนำกีฬาไทยสู่โลก ประเด็นที่ 11 การถ่ายทอดสดจัดแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งมีกฎ Must Carry Must have จึงทำให้เกิดการสะดุดอยู่บ้างเรื่องถ่ายทอดสดเพื่อให้แฟนบอลชม ซึ่งจะต้องไปแก้ไขที่ต้นเหตุ แม้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะไม่เกี่ยวข้องหรือมีอำนาจในเรื่องดังกล่าว แต่พร้อมอาสาช่วยแก้ปัญหาโดยไม่ใช้เงินงบประมาณของประเทศ ประเด็นที่ 12 มองอนาคตการพัฒนากีฬานำเยาวชนก้าวสู่ระดับโลก จะมองไปอีก 8 ปีข้างหน้า อย่างแรกต้องเร่งปลดล็อกการสร้างนักกีฬา เริ่มต้นจากวัยของเด็กจะต้องไม่รับภาระหนักการศึกษากับกีฬามากเกินไป สัปดาห์หน้าจะไปยืนบนเวทีกับ 191 เพื่อทำให้เด็กสมหวังทางการศึกษาและกีฬา
ข่าวที่สาม “ไทยเนื้อหอมกาตาร์บินเพิ่มเมืองหลัก71เที่ยว/สัปดาห์”
นายอัคบาร์ อัล เบเกอร์ ผู้บริหารสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้เมื่อ 27 มกราคม 2561 ได้เพิ่มเส้นทางบินตรง ไป-กลับ จากกรุงโดฮาสู่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว ประกอบด้วย เที่ยวบิน QR828 ออกเดินทางจาก Doha (DOH) ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.05 น. ถึงพัทยา (UTP) 06:30 น. ในวันถัดไป และ QR829 ออกจากอู่ตะเภา ทุกวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ 7.50 น. ถึงเมืองโดฮา 11:40 น.บริการด้วยฝูงบินโบอิ้ง B787 ดรีมไลน์เนอร์ ประกอบด้วยชั้นธุรกิจ 22 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 232 ที่นั่ง
ช่วงตารางบินฤดูร้อนตั้งแต่ 25 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป กาตาร์ แอร์เวย์ส จะเพิ่มความถี่ ไป-กลับ โดฮาสู่ประเทศไทย รวมสัปดาห์ละ 71 เที่ยว จาก 64 เที่ยว ด้วยการเพิ่มเข้ามายังกรุงเทพฯ จากวันละ 5 เป็น 6 เที่ยว (ปัจจุบันบินสัปดาห์ละ 35 เที่ยว) ภูเก็ต สัปดาห์ละ 14 เที่ยว กระบี่ วันละ 1 เที่ยว เชียงใหม่ สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ช่าวที่สี่ “บางกอกแอร์บินฟูกว๊วกฉลุยรุกบินเพิ่ม5เที่ยว/สัปดาห์”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า ระหว่างวันนี้ไปจนถึง 24 มีนาคม 2561ได้เพิ่มความถี่เที่ยวบิน กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – เกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) สัปดาห์ละ 5 เที่ยว คือวันเสาร์) จากเดิมบินเพียง 4 เที่ยว ทุกอังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์ เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
บริการด้วยเครื่องบินเอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดย PG991 ออกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 11:30 น. ถึงเกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) 13:10 น. และ PG992 ออกจากเกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) 13:50 น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 15:35 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มที่ www.bangkokair.com หรือ Call Center โทร 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ห้า “ภูเก็ตจัดเทศกาลโคมไฟเที่ยวตรุษจีน9กพ.-2มี.ค.นี้”
ศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต ชวนร่วมงานสืบทอดเทศกาล “ป้างเตงโห่ย – หง่วนเซียวเจ๊ะ” งานประเพณีประดับโคมไฟ ที่ชุมชนจะนำมาแขวนไว้หน้าบ้านให้เป็นประเพณีที่รื่นเริงสนุกสนานของชาวภูเก็ต ไปท่องเที่ยวงานนี้ได้เ 9 กุมภาพันธ์ -2 มีนาคม 2561 (พิธีเปิดงานวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.00 น. ณ หน้าศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต)
เทศกาล “ป้างเตงโห่ย-หง่วนเซียวเจ๊ะ” หรือเทศกาลโคมไฟ นพ.บรรเจิด ตันติวิท ได้เขียนประวัติย่อๆ ไว้ให้ลูกหลานชาวภูเก็ตได้สืบสานประเพณีสำคัญใน คืน ยวนเซียว เป็นวันเพ็ญของเดือนตรุษจีน จะมีการจัดเทศกาลโคมไฟตามบ้านต่างๆ จะมีการทำโคมไฟสวยๆ มาแขวนไว้หน้าบ้านปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานเป็นอีกเทศกาลที่น่าไปชม
ข่าวที่หก “ททท.ชวนเที่ยวฟรีอุ่นไอรักสนามเสือป่า8กพ-11มี.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเข้าร่วม "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ณ สนามเสือป่า ระหว่าง 8 ก.พ.-11 มี.ค. 2561 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และเพื่อมอบความสุขให้แก่ประชาชน พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรมไทย ททท. เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดงาน ขสมก. มีรถบริการจากสนามม้านางเลิ้ง - พระลานพระราชวังดุสิต เมื่อไปถึงงานจะได้ชมพื้นที่ของ ททท. 64 ตารางเมตร จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 3 โซน ที่น่าสนใจ ได้แก่
โซนที่ 1 : จำลองโรงภาพยนตร์ แบบในยุคปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเต็มไปด้วยความเจริญแบบก้าวกระโดด ที่แพร่มาจากประเทศตะวันตกอย่างรวดเร็ว โรงภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรารับวัฒนธรรมมา และเป็นดั่งความบันเทิงร่วมสมัยอย่างมีระดับ ที่ได้รับความนิยมและพูดถึงในสมัยนี้
โซนที่ 2 : สยามบรรณาคาร จำลองกลิ่นอาย บรรยากาศ ที่แสนมีเสน่ห์ ของเวิ้งนครเขษม ซึ่งเป็นตลาดเก่าที่มีเอกลักษณ์ เปรียบเสมือนสยามสแควร์ในปัจจุบัน ความเจริญแบบร่วมสมัยจากชาวตะวันตก จึงเต็มไปด้วยร้านค้า สถานที่ทันสมัยต่างๆ มากมายในย่านนี้ "ร้านหนังสือ" นี้จึงจำลองให้ได้กลิ่นอายนั้นจริงๆ โดยมี POP UP หนังสือเล่มใหญ่ที่มีเนื้อหาด้านในเสมือนหนังสือเล่มจริง รวมทั้งจำหน่ายหนังสือจาก ททท.
โซนที่ 3 : การแต่งกายย้อนยุค โดยจัดให้มีชุดไทยสมัยรัชกาลต่างๆ มาให้เช่า เพื่อนำมาย้อนยลเสน่ห์ และเพื่ออนุรักษ์ในความเป็นไทยให้กับรุ่นลูก รุ่นหลาน สืบต่อไป
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM.97.0 MHz.
จัดสงกรานต์5เมืองรองเหนือ-ใต้-อีสาน-ตะวันออก
คิงเพาเวอร์จัดเดือนแห่งรักช้อปแบรนด์ลดทั้งเว็บ20%
ททท.ลุ้นงบกลางปี1.5พันล้านปลุกทัวร์Go Local
บางจากชูแผน5ปีทุ่ม1.1แสนล้านขึ้นผู้นำกรีนเอเชีย
วาเลนไทน์เที่ยวดินแดนดอกไม้”ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน”
เคล็ดลับการนอนให้ถูกวิธีตื่นสดชื่นสุขภาพดีตลอด
รมว.ท่องเที่ยวเข้มแผนปฏิรูปผ่ากระทรวงครั้งใหญ่
“วีระศักดิ์”พบสื่อรุกและรับความท้าทาย12เรื่องฮ็อต
กาตาร์ปลื้มไทยแห่บินเพิ่ม25มี.ค.นี้ 71เที่ยว/สัปดาห์
บางกอกแอร์โกยอื้อเกาะฟูกว๊วก 5 เที่ยว/สัปดาห์
ภูเก็ตฟื้นโคมไฟตรุษจีนรับกระแสเที่ยวชุมชนเก่า
ททท.ชวนเที่ยวอุ่นไอรักเสือป่า8 ก.พ.-11มี.ค.นี้
สวัสดีวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 “คุณนพดล ภาคพรต” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเล่าถึง การเตรียมเร่งเครื่องการตลาดกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากช่วงครึ่งปีแรก ด้วยการอัดเทศกาลขายปลุกกระแสคนเที่ยวในประเทศ พร้อม ๆ กับงัดโปรเจ็กต์ท่องเที่ยวขานรับการใช้งบรายจ่ายกลางปี’61 ผลักดัน 100 ชุมชน 55 เมืองรองแจ้งเกิดด้วยจุดขายใหม่ Open to the New Shades อีกทั้งยังชิมลางบูมจัดสงกรานต์ 5เมืองรอง “สิงห์บุรี-กำแพงเพชร-กาฬสินธุ์-นครศรีธรรมราช-จันทบุร ลุ้นทำยอดตลาดคุณภาพสร้างมูลค่ารายได้เที่ยวในประเทศเข้าเป้า 1 ล้านล้านบาท พร้อมยึดแผนปฏิบัติการตลาดปลุกกระแสกำลังซื้อด้วย “วิถีไทย-อาหารถิ่น-รักสิ่งแวดล้อม
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าวางกลยุทธ์ปลุกกำลังซื้อคนไทยเที่ยวในประเทศ ต่อเนื่องจากเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เมื่อเดือนมกราคม 2561 โดยแนะนำแต่ละภาคไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปยังคงเน้นความเป็นวิถีไทย ชุมชน อาหารถิ่น และการรักษาสิ่งแวดล้อมตามแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นช่วงครึ่งปีแรกจะมีกิจกรรมใหญ่ระดับประเทศ
งานแรก เดือนกุมภาพันธ์นี้มีรายการใหญ่จัดแข่งขัน “Moto GP 2018” ที่บุรีรัมย์ รวบรวมสิงห์นักบิดมาประชันกันในวินเตอร์แรก ททท.ต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานไปเยือนชุมชนจึงได้สร้างโปรแกรมท่องเที่ยวตอบสนองคนไทยและนานาชาติ
งานที่สอง เทศกาลตรุษจีน จะจัดยิ่งใหญ่ในกรุงเทพฯ นครสวรรค์ และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางกระทรวงวัฒนธรรมจีนนำคณะการแสดงมาในเมืองไทย
งานที่สาม เทศกาลสงกรานต์ 13-15 เมษายน วางแผนจัดสงกรานต์เมืองรอง 5 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนื-กำแพงเพชร ภาคกลาง-สิงห์บุรี ภาคอีสาน-กาฬสินธุ์ ภาคใต้-นครศรีธรรมราช ภาคตะวันออก-จันทบุรี ทุกพื้นที่จัดใหม่เป็นครั้งแรกเพื่อการกระจายตัวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง เพื่อให้ชาวไทยและต่างชาติเห็นบรรยากาศสงกรานต์ในแบบอัตลักษณ์แตกต่างกัน อย่างสงกรานต์เมืองผลไม้ จัดที่อำเภอขลุง จันทบุรี หรือ กาฬสินธุ์ ก็จะเป็นอีกไฮไลต์จะเต็มไปด้วยความสนุกชวนไปเล่นน้ำกับไดโนเสาร์ และยังจะมีผู้บริหารสมาคมกีฬาระดับโลกและฟีฟ่าเดินทางเข้ามาร่วมสงกรานต์บริเวณราชประสงค์ด้วย
ในทำนองเดียวกันก็ได้สร้างความสนใจเที่ยวเมืองรอง ปลุกคนไทยไปเที่ยวโดยการชิมอาหารอย่างเอร็ดอร่อยไปพร้อมกับใช้ชีวิตกับชาวบ้านอย่างหลากหลาย
แนวทางกระตุ้นด้วยพื้นที่และกิจกรรมจะนำ Open to the New Shades เสริมทัพการขายท่องเที่ยว 55 เมืองรอง แต่ละชุมชนซึ่งมีมากกว่าเกษตรกรรมที่จะถูกนำเสนอออกมาเป็น 55 ชุมชน 55 เมืองรอง โดยคงคอนเซ็ปต์เลือกชุมชนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะเป็นของแปลกใหม่นักท่องเที่ยวไม่เคยสัมผัส อาทิ ชุมชนประมง มีมากกว่าการไปชมวิธีตกปลา ตกหมึก แต่ให้นักท่องเที่ยวไปร่วมหาวัตถุดิบอาหารกับชาวบ้านมาทำเมนูเอง พร้อมทั้งได้เพิ่มโจทก์ในแต่ละภูมิภาค จะเน้นความเป็นความนวัตกรรม โดยเฉพาะ โชเชียลมีเดีย สร้างเนื้อหาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น เนื้อหาการท่องเที่ยวตอบโจทก์เด็กและเยาวชน ต่อไปจะบรรจุไว้ในสมาร์ทโฟน รวมทั้งจะเป็นช่องทางที่ถูกจริตกับกลุ่มคนรุ่นใหม่
รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 ททท.ได้เสนอแผน 55 ทางเลือกเที่ยวเมืองรอง ไปพัฒนาเจียรนัยแหล่งท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทก์คนไทยเที่ยวในประเทศ ตั้งเป้า 100 ชุมชน ต้องกระพือการท่องเที่ยวภายใน 6 เดือน โดยได้คัดเลือกชุมชนที่มีพื้นฐานความพร้อมระดับมาตรฐานก่อน เพื่อป้องกันผลกระทบทั้งเรื่องวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม ส่วนการก้าวสู่สเต็ปที่สองก็เป็นอีกขั้นตอนที่ต้องประคองต่อไปให้ได้
การกระตุ้นตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ททท.ต้องสร้างภาคีเครือข่ายพันธมิตร การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว การดูแลสถานที่ท่องเที่ยวต้องสมบูรณ์ ผนวกกับต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจ ทั้ง 3 ส่วนต้องไปด้วยกัน รูปแบบจะไปสัมพันธ์กันทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน เรื่ององค์กรปกครองท้องถิ่นการจัดการด้านคมนาคมทางอากาศ ในทำนองเดียวกันแหล่งท่องเที่ยวที่รัฐหรือหน่วยงานต่าง ๆ ดูแลก็ต้องจัดการให้ได้ด้วยกัน มีความร่วมมืออีกมากที่จะต้องใช้ทุกภาคส่วนสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งจากการทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้บูรณาการสูงสุดและมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ดังนั้นการออกตัวแรงในทุกด้านตั้งแต่ต้นปี จะทำให้รายได้ท่องเที่ยวในประเทศเข้าเป้า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต้องมองยาวไปถึง “การสร้างมูลค่าทางรายได้” เพิ่มบทบาทความชัดเจน ดึงประชาชนและเอกชนเข้ามาเสริมทัพทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายสู่ฐานรากของประเทศได้จริง ๆ
สำหรับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยคนรวยหรือมีกำลังซื้อสูง ททท.ก็พุ่งเป้าเจาะด้วยเช่น เบื้องต้น ได้จัดทำโครงการการท่องเที่ยวสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย ส่วนระดับบนก็รุกอย่างเต็มที่เพื่อตอบโจทก์การสร้างมูลค่าโดยบริหารให้มีปริมาณให้เหมาะสมกับขีดความสามารถทางการรองรับด้วยเช่นกัน
สำหรับการตอบโจทก์ปลุกกำลังซื้อตลาดคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ตั้งแต่ต้นปีจากงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เรื่อยไปจนถึง ตรุษจีน สงกรานต์ และการได้งบประมาณรายจ่ายกลางปีเข้ามาเสริมทัพ เพื่อนำร่อง 100 ชุมชน กับพิสูจน์การสร้างกระแสขาย 55 เมืองท่องเที่ยวรอง ด้วยเม็ดเงินพิเศษดังกล่าว
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงเป็นมากกว่า “พลังสร้างเศรษฐกิจฐานราก” หากแต่จะต้องเป็นพลังสร้างภาพลักษณ์บทบาทรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการก้าวเข้าสู่การเมืองใหม่เมื่อถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องก้าวเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างจริงจังในอนาคตข้างหน้าด้วยเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดเดือนแห่งรักกพ.ช้อปลดทั้งเว็บ20%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนไปช้อปกับแคมเปญ “Endlessly Sweet” ลดทั้งเว็บสูงสุดถึง 20 % ระหว่างวันนี้ -14 กุมภาพันธ์ 2561 ด้วยวิธีง่าย ๆ เพียงเข้าไปชมสินค้าที่ชื่นชอบแล้วเลือกซื้อด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท ผ่านทางเว็บไซต์ www.kingpoweronline.com โดยวิธีง่าย ๆ นิดเดียวแค่ใส่รหัสส่วนลด Sweet 2018 จะมีสินค้าที่เข้าร่วมรายการ ทั้งนาฬิกา เครื่องหนัง กระเป๋าสะพายของสุภาพสตรี น้ำหอมแบรนด์ชั้นนำ โทรศัพท์มือถือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง
ขณะนี้มีสินค้าที่เข้าร่วมรายการให้เลือกช้อปซึ่งเป็น HOT ITEM คือกลุ่มนาฬิกา SEIKO SAMURAI Zimbe Prospex SRPC43 Limited Edition เริ่มต้นเรือนละ 22,900 บาท ต้องขอย้ำว่าเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟสามารถอยู่ในระดับน้ำลึกได้ถึง 200 เมตร นำเข้ามาในเมืองไทยโดยมีซีรีย์นัมเบอร์เครื่องเพียง 1,500 เรือนเท่านั้น
ส่วนผลิตภัณฑ์กระเป๋าสุภาพสตรีแบรนด์ COACH FA 16 ทำจากวัสดุหนังสีดำชั้นเยี่ยมตกแต่งด้วยเงิน ราคาเริ่มต้น 15,500 บาท
อีกทั้งยังมีสินค้าแบรนด์เนมให้เลือกช้อปเพื่อรับส่วนลดทั้งเว็บสูงสุดถึง 20 % กับ “Endlessly Sweet” ไปจนถึงวาเลนไทน์ปีนี้
ข่าวที่ 2 “ททท.รับงบกลางปี1,500ล้านเทลงชุมชนGo Local”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตามแผนการเสนอของบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 เบื้องต้นในขณะนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับมาก้อนแรก 4,500 ล้านบาท ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้นโยบาย ททท.รับผิดชอบบริหารงบก้อนแรก 1,500 ล้านบาท ให้จัดทำโครงการใช้เงินเพื่อเชื่อมโยงกันระหว่างกิจกรรม สินค้าและตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศกระจายลงสู่ชุมชน 55 เมืองรอง
ขณะนี้ผู้บริหาร ททท.โดยเฉพาะรองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานทั้ง 5ภูมิภาค เหนือ ใต้ กลาง อีสาน ตะวันออก ประชุมหารือและคัดสรรชุมชนที่มีศักยภาพพร้อมที่จะใช้งบประมาณกลางปีดังกล่าวเข้าไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากภายใน 6 เดือน เพื่อสร้างรายได้เร่งด่วนในจังหวัดที่มีปัญหาเหลื่อมล้ำอีกทั้งยังต้องยอมรับถึงศักยภาพของแต่ละจังหวัดปัจจุบันยังมีไม่เท่ากัน
ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณมาใช้ตามแผนนั้น ตามขั้นตอนจะต้องเสนอโครงการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณา จากนั้นต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาอนุมัติ แล้วประกาศเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 มูลค่ารวมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะเป็นของ ททท.1,500 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จประกาศใช้ภายในเมษายนปีนี้
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าจะมุ่งเน้นนำงบประมาณมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของ ททท.ปี2561 ประกอบด้วยโครงการ Go Local- การท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยว 55 เมืองรอง และการจัดทำข้อมูล Big Data ซึ่งโครงการส่วนใหญ่แนวโน้มจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างขนาดประมาณโครงการละ 5 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานจัดจ้างอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลลัพธ์ตามนโยบายที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดแผน5ปีทุ่มลงทุน1.1แสนล้านขึ้นผู้นำเอเชีย”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนธุรกิจต่อเนื่อง 5 ปี ระหว่างปี 2561-2565 เดินหน้าพัฒนาควบคู่กันในการใช้งบลงทุนรวม 1.1 แสนล้านบาท สร้างบางจากฯ และบริษัทในกลุ่ม ขยายธุรกิจหลักและเกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรมด้านพลังงานที่ทันสมัยมาพัฒนาต่อยอดเตรียมความพร้อมทุกมิติก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจไทยยุค 4.0 โดยกำหนดทิศทาง วางกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถ มุ่งสู่กลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชีย ที่มีบรรษัทภิบาลที่ดีและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางแบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน
เริ่มจากธุรกิจโรงกลั่นจะดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น เน้นการดูแลสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเป็นอันดับสูงสุดในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต และปีนี้เตรียมจะหยุดซ่อมบำรุง 45 วันในเดือนเมษายน – มิถุนายน 2561
ธุรกิจการตลาด จะสร้างระบบนิเวศน์สีเขียวและประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Eco System) เพิ่มความทันสมัยในทำเลยุทธศาสตร์ในรูปแบบ Greenovative Experience นำระบบดิจิทัลมาใช้ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการ
รวมทั้งขยายธุรกิจร้าน SPAR Supermarket นำผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเกษตรกรไทยเข้ามาจำหน่ายในร้าน SPAR สาขาต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสสินค้าชุมชนเข้าสู่ตลาดโลก ส่วนร้านกาแฟอินทนิลจะขยายสู่ตลาดกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้ง กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม
ขณะที่ นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะบริษัทเครือบางจากบริหารธุรกิจผลิตไฟฟ้า หลังจากนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายเดือนกันยายน ปี 2559 ได้รับความสนใจและเชื่อมั่นจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัท ณ สิ้นปี 2560 สูงกว่า 46,000 ล้านบาท (มากกว่า 50,000 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากวันแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (มาร์เก็ตแคป 19,900 ล้านบาท) ตลอดปี 2560 บริษัท บีซีพีจีฯ ใช้เงินลงทุนขยายธุรกิจราว 15,000 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี 2560 บริษัท บีซีพีจีฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามสัดส่วนถือหุ้นรวมอยู่ที่ประมาณ
600 เมกะวัตต์
ตามแผนการลงทุนของบีซีพีจี 3 ปีข้างหน้า ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดจะใช้งบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท เน้นโครงการที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และ EBITDA ไม่ต่ำกว่าปีละร้อยละ 15-20
ปี 2561 บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้อีก 200 เมกะวัตต์ จากสิ้นปี 2560 โดยวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนรีเทลผ่านธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในประเทศด้วยรูปแบบต่างๆ อีก 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจรูปแบบปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศอีก 170 เมกะวัตต์
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีจีไอ จำกัด กล่าวว่า บริษัท บางจากฯ ได้มีการควบรวมบริษัทระหว่าง บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)) เป็นบริษัท บีบีจีไอ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีกำลังการผลิตรวม 1.71 ล้านลิตรต่อวัน โดยไบโอดีเซล B100 มีกำลังการผลิตที่ 810,000 ลิตรต่อวัน และเอทานอล มีกำลังการผลิตที่ 900,000 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสทางการเติบโตไปสู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพอื่นๆ ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังของ ปี 2561 พร้อมปักธงจะขยายการลงทุนด้านธุรกิจชีวภาพในเขต EEC ภายใน 5 ปี
อีกทั้งบางจากฯ ยังเร่งธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ จะพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม ธุรกิจ Start up ผ่านศูนย์ Bangchak Initiative and Innovation Center (BIIC) มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการพลังงาน และเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งปัจจุบันบางจากฯ ร่วมเป็นสมาชิกของ Plug & Play Tech Center เพื่อมองหา (Scout) ธุรกิจ Start up ที่น่าลงทุนจาก 3 แหล่งการลงทุนที่มีศักยภาพ ทั้ง Silicon valley สหรัฐอเมริกา, TEL Aviv อิสราเอล และสาธารณรัฐประชาชนจีน
ช่วงที่ 2 ต้อนรับเดือนแห่งความรักกุมภาพันธ์ ด้วยการชวนขึ้นดอยไปเที่ยวบนที่สูงอันงดงามแห่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินไทย “ปางอุ๋ง ปางตอง” จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดินแดนเย็นสบาย ๆ เมืองแห่งดอกไม้สลับกันเบ่งบานสวยสดตลอดปี ทั้งทุ่งนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานทั่วทั้งหุบเขา ต้นเมเปิ้ลสีแดงสว่างตา และพืชพรรณไม้เมืองหนาวที่มีคุณค่า สร้างความร่มเย็น เที่ยวเสร็จก็มาดูแลสุขภาพกับการรู้ว่าจะนอนอย่างไรให้ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นตลอดทั้งวัน ส่วนข่าวท้ายชั่วโมง สัปดาห์นี้ต้องยกให้ “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โหมโรงหนักตั้งแต่เดือนแรกปีจอ ทั้งเปิดระดม 7 หน่วยประชุมรับนโยบายก่อนปฏิรูปและผ่าโครงสร้าง เปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน ต่อด้วยเปิดตึกนารีสโมสรทอล์กกับสื่อนานกว่าชั่วโมงครึ่ง รวบทั้งปัญหาและชี้ช่องโอกาสของท่องเที่ยวและกีฬาใน 12 ประเด็นฮ็อต ตามด้วยข่าวดีเรื่องกาตาร์แอร์เวย์สเพิ่มจุดบินใหม่ โดฮา-อู่ตะเภา และจะเพิ่มความถี่เข้ากรุงเทพฯ สัปดาห์ละ 71 เที่ยว บางกอกแอร์เวย์ส เพิ่มความถี่ กรุงเทพฯ-เกาะฟูกว๊วก (เวียดนาม) และอื่น ๆ
@ดื่มด่ำแดนดอกไม้ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน
แหล่งท่องเที่ยว ตามรอยพระบาท ยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและ ส่งเสริมอาชีพ ในภาคเหนือ “ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดําริ”
สายหมอกยามเช้า ที่ป่าสนริมอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง คือกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของคนที่ได้มาเยือนแม่ฮ่อนสอน ซึ่งปางอุ๋งนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดําริ แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ปางอุ๋งเท่านั้น
เพราะที่ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริหรือศูนย์ปางตอง ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่โดยแบ่งเป็น โครงการพระราชดำริปางตอง 1 (ห้วยมะเขือส้ม)โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) โครงการ พระราชดำริปางตอง 3 (แม่สะงา-หมอกจำแป่) และโครงการพระราชดำริปางตอง 4 (พระตำหนักปางตอง) พัฒนาเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้บนพื้นที่สูง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพระบาทแห่งสำคัญ
ศูนย์ปางตอง คือแหล่งเรียนรู้สู่การขยายผล เพื่อชุมชน คน และป่าในพื้นที่เป้าหมาย ประกอบไปด้วยศูนย์การวิจัยเชิงพัฒนาส่งเสริมอาชีพบนพื้นที่สูงหลายแขนง สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์ การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า ตลอดจนศูนย์อนุรักษ์และจัดการพื้นที่ป่า และการพัฒนาระบบไฟฟ้าพลังน้ำ เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ที่นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังมีความรู้มากมายติดตัว กลับไปเต็มกระเป๋า
เส้นทางท่องเที่ยวปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จ.แม่ฮ่องสอน
วันแรก : เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน “ช่วงเช้า” ชมวิวที่จุดชมวิวดอยกิ่วลม “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมหลวงพ่ออุ่นเมือง วัดน้ำฮู และเจดีย์อนุสรณ์สถานพระสุพรรณกัลยา พระธาตุแม่เย็น ช็อปปิ้งถนนคนเดินปาย
วันที่สอง : แม่ฮ่องสอน “ช่วงเช้า”เดินทางไปจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล บ้านสันติชล แวะจุดชมวิวปางมะผ้า “ช่วงบ่าย” โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) พระตำหนักปางตอง ชมพื้นที่เลี้ยงแกะ ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองพระตำหนักปางตอง แล้วเยี่ยมชมพูโคลนคันทรีคลับ “ช่วงเย็น” เยี่ยมชมพระธาตุดอยกองมู เดินเล่นถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนชมทัศนียภาพที่วัดจองคำ-วัดจองกลาง ยามค่ำ
วันที่สาม : แม่ฮ่องสอน “ช่วงเช้า” เยี่ยมชมวัดต่อแพ ชมผ้าม่าน 100 ปี เยี่ยมชมอนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น “ช่วงบ่าย” ชมบ้านเมืองปอน และวัดแม่ปาง วัดพระธาตุจอมแจ้ง และศูนย์วัฒนธรรมแม่สะเรียง
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ไปชมพระตำหนักปางตอง ชมเรือนประทับแรมไม้ 6 หลัง ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนไหล่เขา สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าปางตอง ชมสัตว์ป่าหาดูยากกว่า 30 ชนิด เช่น เสือลายเมฆ หมีควาย ไก่ฟ้า นกยูง เป็นต้น สถานีแปลงพันธุ์ไม้ดอก ชมเรือนเพาะชำต้นกล้าไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์
กิจกรรมห้ามพลาด ลัดเลาะเนินเขา ข้ามลำธารขึ้นไปชมพระตำหนักปางตอง ที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ชมฝูงแกะและฝูงม้าที่ลานทุ่งหญ้ากว้าง แปลงผักปลอดสารพิษและผักพื้นเมือง
@ นอนอย่างไร ให้ตื่นมาสดชื่น
การนอนหลับที่ดีต้องไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก จนทำให้นอนไม่เต็มอิ่ม และรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลาทำงานระหว่างวัน เคล็ดลับในการนอนให้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นและมีพลังมาฝาก มีดังนี้
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และกาเฟอีน เนื่องจากมีผลทำให้ร่างกายขับน้ำออกมามาก ทำให้ต้องตื่นปัสสาวะบ่อยๆ
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และกาเฟอีนก่อนนอนอย่างน้อย 4 ชม.
- เลือกชุดนอนที่เหมาะสม ใส่แล้วรู้สึกสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่หนาจนเกินไป ใส่แล้วไม่อึดอัด เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าซาติน
- เลือกเครื่องนอนที่ไม่แข็งจนเกินไป หรืออ่อนยวบจนยุบตัวเป็นหลุม เพราะนอกจากจะทำให้นอนหลับไม่สนิท หลับไม่สบายแล้ว ยังอาจทำให้ปวดหลังได้ด้วย
- เลิกนิสัยเปิดทีวีหรือวิทยุทิ้งไว้ตอนนอน เพราะนอกจากจะเปลืองค่าไฟโดยไม่จำเป็นแล้ว แสง สี และเสียง จากทีวีอาจส่งผลกระทบต่อการนอนของคุณ ทำให้นอนไม่หลับ หรือหลับได้ไม่เต็มที่
- ไม่ควรเปิดไฟนอน แนะนำให้เลือกใช้โคมไฟที่มีแสงนวลตา เช่น แสงสีเหลือง-ส้ม นำไปวางไว้ให้ห่างจากเตียงพอสมควร เพราะแสงสีเหลือง-ส้มนี้จะช่วยให้ประสาทตาของเราทำงานได้น้อยลงหรือถูกรบกวนจากแสงได้น้อยลง แต่ถ้าจะให้ดีควรปิดไฟนอนจะดีกว่า
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.ท่องเที่ยวจ่อผ่าโครงสร้างกระทรวงครั้งใหญ่”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและก๊ฬา เปิดเผยว่า ได้จัดการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการและรายงานความคืบหน้าความคืบหน้าในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทุกหน่วยงานในสังกัดท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2561เร่งเดินหน้านโยบายปฎิรูปการทำงานไปพร้อม ๆ กับผ่าโครงสร้างระบบภายในก่อนการเลือกตั้งทางการเมือง เพื่อวางแนวทางให้หน่วยงานภายในกระทรวงฯ เดินหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พุ่งเป้าทำนโยบายสำคัญอันดับต้น ๆ คือ การพิจารณาแผนปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับที่รัฐบาลเร่งให้ดำเนินการเสนอขอจากงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 ขณะนี้ทางกรมการท่องเที่ยวได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเตรียมเสนอขอใช้เกือบ 20,000 ล้านบาท จำนวนเกือบ 2,639 โครงการ ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่เมืองรองราว 1,843 โครงการ นั้น
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะต้องดูรายละเอียดความจำเป็นของโครงการที่เสนอปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนา จะต้องสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด และมุ่งให้ทางท้องถิ่นมีส่วนร่วมฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศจัดทำโครงการตามความต้องการด้วย อีกครั่งจะพิจารณาโดยใช้เกณฑ์หลักเพื่อสร้างความยั่งยืนตมมแหล่งท่องเที่ยว ครั้งนี้จะพุ่งเป้าทำโครงการขนาดเล็กที่ได้ประโยชน์จริง และพับโครงการประเภทเมกะโปรเจ็กต์ไว้ก่อน
ประการสำคัญกำลังพิจารณาอาจจะต้องผ่าโครงสร้างงานใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะภารกิจงานปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาการท่องเที่ยว อาจจะต้องนำกลับไปให้การท่องเที่ยวแก่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการพร้อมกับบริหารงบประมาณที่เบิกจ่ายมาใช้ด้วย เนื่องจากหลังมีพระราชบัซญัติจัดตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้วย้ายภารกิจการเบิกจ่ายงบปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมการท่องเที่ยว ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาการทำงานยังไม่ได้เป็นตามเจตนาของกระทรวงเท่าที่ควร ดังนั้นในครั้งนี้เมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้เสนิของบกลางปี 2561 จึงจะต้องขอทบทวนระหว่างกรมท่องเที่ยวกับ ททท.ซึ่งเดิมเคยทำภารกิจนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกได้ดีอยู่แล้วและมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถกระจายอยู่ในสำนักงานตามพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศ น่าจะทำภารกิจนี้ได้ดีกว่าหรือไม่ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศซึ่งต้องพึ่งพาพลังของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้ได้
ข่าวที่สอง “รมว.วีระศักดิ์เปิดใจรุกรับสื่อ12ประเด็นฮ็อต”
“วีระศักดิ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล จัดเวที “Meet The Press : พูดคุยเก๋ไก๋สไตล์รัฐมนตรี” ครั้งที่ 1 วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ในทุกคำถามมีคำตอบ รวม ๆ 12 ประเด็น เกี่ยวกับ การขับเคลื่อนท่องเที่ยวและกีฬา ทางด้านนโยบาย ส่งเสริมการลงทุน การส่งเสริม พัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ที่จะเกิดในยุคนี้ 3 เรื่องใหญ่ คือ
1.เสนอเมืองท่องเที่ยวผลิตคูปองเมืองรองหารายได้ไปพัฒนาชุมชน 2.เพิ่มกฎหมายจัดเก็บภาษีวัสดุภัณฑ์พลาสติก 3.ปฏิวัติองคาพยพของคนเพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงาน วิธีคิด ไปสู่เทรนด์โลกยุคใหม่ พร้อมทั้งได้พูดคุยกันนัดแรก 12 ประเด็นฮ็อต
ประเด็นที่ 1 ขณะนี้ได้สร้างเครื่องมือสำคัญขึ้นมาแล้วโดยใช้ LINE @tourism1 เป็นศูนย์แจ้งซ่อม @tourism2 เป็นศูนย์แจ้งสร้าง เพื่อให้คนไทยซึ่งใช้ไลน์สื่อสารกันมากที่สุดเมื่อเข้าไปเที่ยวสถานที่ใดแล้วเห็นเรื่องราวที่ต้องแก้ไขปรับปรุง เช่น ห้องน้ำไม่สะอาด ขาดทางลาด หรือถนนชำรุด และอื่น ๆ ก็แจ้งเข้ามายังศูนย์ดังกล่าว
จากนั้นจะได้แยกบทบาทระหว่าง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) รวบรวมภาพสวย ๆเพื่อตอบโจทก์การทำตลาด ส่วนกระทรวงรวบรวมภาพที่ต้องแก้ไขเพื่อเข้าไปพัฒนาฟื้นฟูปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวแล้วติดรหัสกำกับด้วยเลข 13 หลัก เป็นการเริ่มต้นระบบเพื่อทำให้มีกระดานทำงานบอกไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากทุกแห่งกระทรวงและ ททท.ไม่ได้มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของเลยสักแห่ง ไม่ว่าจะเป็นแหล่ง โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม ทั้งที่ปัจจุบันมีชาวต่างชาติเข้ามา 35 ล้านคน เป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรไทย ต้องสื่อสารกันมากกว่า 100 ภาษา ทิศทางต่อไปจะเร่งสร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการท่องเที่ยวขานรับเทรนด์โลก Volunteer Tourism
ประเด็นที่ 2 “แนวคิดเสนอจัดทำคูปองท่องเที่ยวเมืองรอง” ต่อเนื่องจากมาตรการลดหย่อนภาษีซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง แต่คูปองแนวใหม่ที่เสนอเพิ่มให้เมืองรองทำขึ้นไม่ควรจะนำไปหว่านเหมือนกันหมด แต่ต้องออกแบบตามลักษณะของกิจกรรมเพื่อให้แต่ละจังหวัดนำไปวางแผนเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ โดยจังหวัดกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด ออกแบบผลิตประกาศวิธีการนำคูปองไปใช้เป็นส่วนลดราคามีทั้งหมดกี่รายการ พอครบวันก็ให้นำไปขึ้นเงินได้ อายุคูปองควรจะสั้น ๆ เพื่อป้องกันการปลอม จุดประสงค์ต้องตอบโจทก์ตามเป้าหมายให้ไปใช้กับท้องถิ่นอย่างแท้จริง ประการสำคัญต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ไปศึกษารูปแบบเพราะต้องนำไปสร้างประโยชน์มิใช่สร้างปัญหา
ขณะนี้ต้องการใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นกลไกลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริงยั่งยืน แต่ต้องไม่ใช่เครื่องมือสร้างความร่ำรวยให้อาเสี่ย เพราะรัฐต้องการเพิ่มรายได้ลดความเหลื่อมล้ำให้ชาวบ้าน รวมถึงการเลือกลงทุนการท่องเที่ยวก็ ต้องถ่วงน้ำหนักระหว่างผู้เชี่ยวชาญในแต่ละพื้นที่ซึ่งมีจุดขายไม่เท่ากัน หรือการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก (EEC) บางโครงการใช้เงินไม่มากแต่ก็สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ หรือแม้แต่การออกแบบท่าอากาศยานอู่ตะเภาต่อไปควรทำถึงขึ้น สามารถปั่นจักรยานออกไปอร่อยทุกไร่ชิมไปทุกสวนได้ โดยมีถนนลาดยางเชื่อมเข้าสวน ซึ่งจะเกิดการลงทุนอื่น ๆ ตามมา เช่น ร้านขายน้ำ ขายกาแฟ กิจกรรมนั่งสมาธิ กลายเป็น Creative Tourism เป็นอีกวิธีเพิ่มรายได้แก่นักลงทุนเงินน้อยแต่มีโอกาสทำได้
ประเด็นที่ 3 การผ่าหรือแยกร่างโครงสร้างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในเชิงนโยบายแยกไม่ยากเพราะมีบุคลากรด้านกีฬาจำนวนมาก แต่ท่องเที่ยวจะมีใครเข้ามาเป็นข้าราชการกระทรวง วันนี้หากทำได้เร็วสุดคือให้ ททท.ซึ่งเป็นผู้พัฒนาตลาดรับภารกิจงานบางส่วนกลับไปทำเองบ้าง ควบคู่กับการหันมาพัฒนาในรูปแบบ “คลัสเตอร์เมืองท่องเที่ยว” ไปพลาง ๆ ก่อน
ประเด็นที่ 4 การวางแผนนำเข้านักท่องเที่ยวต่างประเทศ ยังต้องย้ำเรื่องความปลอดภัยกับความสะอาดเป็นหลัก จุดเปลี่ยนการเดินทางทุกวันนี้ต่างจากอดีตที่กลับข้างจากปัจจุบันมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายแล้ว กระบวนการทำให้เกิดความรู้สึกว่าการท่องเที่ยวมีระบบบริการดีขึ้น
ประเด็นที่ 5 แนวทางการวางสัดส่วนจีดีพีของรายได้การท่องเที่ยว อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างสนับสนุนเถ้าแก่หรือสร้างเอสเอ็มอีชุมชน ตอบโจทก์ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมซึ่งการท่องเที่ยวจะดีขึ้นตัวชี้วัดจากร้อยยิ้มความสุขของคนในท้องถิ่น หากขาดการจัดการมีปัญหาตามมามากมายก็ไม่ถือว่าดีขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมให้ชุมชนมีอาชีพและรายได้ย่อมสำคัญมากกว่าให้เถ้าแก่เข้าไปลงทุน
ประเด็นที่ 6 การสร้างการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All ของโครงสร้างพื้นฐานการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในทุกจุดต้องรองรับทั้งเด็ก เยาวชน คนสูงวัย คนพิการ
ประเด็นที่ 7 นักท่องเที่ยวจึนเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นทุกปี จะต้องเตรียมจัดการด้วยการทำข้อศึกษาปัญหาต่าง ๆ ให้เป็นระบบ กรณีทัวร์จีนศูนย์เหรียญ หรือถูกหลอกและเอาเปรียบ เนื่องจากยังต้องพึ่งพาภาษากลางที่สื่อสารเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะนักเดินทางอิสระ F.I.T.ตลาดจีนเติบโตรวดเร็วมาก ประเทศไทยจึงต้องทำป้ายบอกทางและเครื่องมือสื่อสารให้ชาวจีนใช้งานไปด้วยกันได้ เป็นภาวะใหญ่ของโลก แนวโน้มตรุษจีนปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะมาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 10 % โดยจีนพบว่าไทยจัดฉลองได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในโลก จึงมอบหมายให้ ททท.กระจายการท่องเที่ยวตรุษจีนสู่เมืองรอง และกำชับให้ท้องถิ่นต้อนรับด้วย “ยิ้มแย้ม ยืดหยุ่น” ซึ่งอยู่ในสายเลือดคนไทยเป็นเสน่ห์ยิ่งใหญ่คิดมูลค่าไม่ได้มีอยู่คู่ ททท.มากว่า 57 ปี
ประเด็นที่ 8 นักท่องเที่ยวจองซื้อท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์กำลังเผชิญปัญหามากขึ้น นั้น ตามกลไกใหม่ Sharing Economy นำทรัพยากรส่วนตัวมาแบ่งปันให้คนอื่นมารองรับท่องเที่ยว แต่การลงทุนตอนนี้กลายเป็นการลงทุนสร้างแล้วนำมาขายนักท่องเที่ยวจนกลายเป็นปัญหาต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ประเด็นที่ 9 “การเก็บขยะตามแหล่งท่องเที่ยว” ที่เดินทางลงพื้นที่ไปเก็บเอง ก็เพื่อตอกย้ำให้ผู้นำองค์กรท้องถิ่นลุกขึ้นมาร่วมกันปลุกจิตสำนึก และวางวิธีบริหารจัดการเพื่อนำขยะกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ รวมถึงทำให้ทุกฝ่ายที่จัดงานกิจกรรม อีเวนต์ งานประเพณีของชาติ ต้องให้ทุกงานมีวิธีจัดเก็บและช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการเก็บขยะ แล้วนำโมเดลไปใช้กับงานวัดหรืองานระดับชาติได้
ส่วนขยะทะเลเห็นพ้องกันต้องบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติในการทำ “ภาษีวัสดุภัณฑ์พลาสติก” เพราะอายุการใช้พลาสติกของภาชนะต่าง ๆ นั้นสั้นเหลือเกินแต่อยู่กับโลกนานนับร้อยปี ต้นทุนการผลิตต่ำแต่ต้นทุนการกำจัดนั้นสูงมาก (ระหว่างอธิบาย รมว.วีระศักดิ์ ได้เปิดตัวอย่างของเสื้อกล้ามที่ใส่ข้างในมีส่วนผสมของการนำพลาสรีไซเคิลมาผลิต เขียนว่าบนด้านหน้าเสื้อว่า because there is no plannet B นำมาผสมกับฝ้ายหรือโพลีเอสเตอร์ ราคาแพงกว่าเสื้อปกติ และยังมีกระเป๋าเป้อีกใบที่นำแหอวนชาวประมงมาผลิต อายุการใช้งานยาวนานมาก มีทั้งเป้ กระเป๋ ราคาใบละกว่า 3,000 บาท คนซื้อเพราะมีคุณค่าที่ได้ช่วยรักษามหาสมุทร ซึ่งเป็นลมหายใจใหญ่สุดของคนไทยและชาวโลก)
ประเด็นที่ 9 การทำให้เกิดอีเวนต์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติ อีเวนต์ตัว อย่างคือการเป็นเจ้าภาพจัด Moto GP 2018 เป็นครั้งแรกจัดในเมืองรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ในเดือน 5-7 ตุลาคม 2561 ที่จะมีผู้คนนับแสนคน จะต้องจัดการอาหาร ที่พัก รถบัสภายในจังหวัด และการคมนาคมเชื่อมโยง นั้นปีแรกท้าทายมาก แล้วไทยได้จัดต่อเนื่องถึง 3 ปี ดังนั้นปีแรกจึงต้องขอบารมีรองนายกรัฐมนตรีเข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังมีอีเวนต์ Sport ACCORD เบอร์ 1 ของสหพันธ์กีฬาทุกประเทศและฟีฟ่า จะมาประชุมช่วงสงกรานต์ 3,000 คน มีกิจกรรมกีฬาและไปรวมตัวกันตรงราชประสงค์
ประเด็นที่ 10 พัฒนาการของประเทศไทยในการนำกีฬาไทยสู่โลก ประเด็นที่ 11 การถ่ายทอดสดจัดแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งมีกฎ Must Carry Must have จึงทำให้เกิดการสะดุดอยู่บ้างเรื่องถ่ายทอดสดเพื่อให้แฟนบอลชม ซึ่งจะต้องไปแก้ไขที่ต้นเหตุ แม้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะไม่เกี่ยวข้องหรือมีอำนาจในเรื่องดังกล่าว แต่พร้อมอาสาช่วยแก้ปัญหาโดยไม่ใช้เงินงบประมาณของประเทศ ประเด็นที่ 12 มองอนาคตการพัฒนากีฬานำเยาวชนก้าวสู่ระดับโลก จะมองไปอีก 8 ปีข้างหน้า อย่างแรกต้องเร่งปลดล็อกการสร้างนักกีฬา เริ่มต้นจากวัยของเด็กจะต้องไม่รับภาระหนักการศึกษากับกีฬามากเกินไป สัปดาห์หน้าจะไปยืนบนเวทีกับ 191 เพื่อทำให้เด็กสมหวังทางการศึกษาและกีฬา
ข่าวที่สาม “ไทยเนื้อหอมกาตาร์บินเพิ่มเมืองหลัก71เที่ยว/สัปดาห์”
นายอัคบาร์ อัล เบเกอร์ ผู้บริหารสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้เมื่อ 27 มกราคม 2561 ได้เพิ่มเส้นทางบินตรง ไป-กลับ จากกรุงโดฮาสู่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว ประกอบด้วย เที่ยวบิน QR828 ออกเดินทางจาก Doha (DOH) ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.05 น. ถึงพัทยา (UTP) 06:30 น. ในวันถัดไป และ QR829 ออกจากอู่ตะเภา ทุกวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ 7.50 น. ถึงเมืองโดฮา 11:40 น.บริการด้วยฝูงบินโบอิ้ง B787 ดรีมไลน์เนอร์ ประกอบด้วยชั้นธุรกิจ 22 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 232 ที่นั่ง
ช่วงตารางบินฤดูร้อนตั้งแต่ 25 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป กาตาร์ แอร์เวย์ส จะเพิ่มความถี่ ไป-กลับ โดฮาสู่ประเทศไทย รวมสัปดาห์ละ 71 เที่ยว จาก 64 เที่ยว ด้วยการเพิ่มเข้ามายังกรุงเทพฯ จากวันละ 5 เป็น 6 เที่ยว (ปัจจุบันบินสัปดาห์ละ 35 เที่ยว) ภูเก็ต สัปดาห์ละ 14 เที่ยว กระบี่ วันละ 1 เที่ยว เชียงใหม่ สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ช่าวที่สี่ “บางกอกแอร์บินฟูกว๊วกฉลุยรุกบินเพิ่ม5เที่ยว/สัปดาห์”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า ระหว่างวันนี้ไปจนถึง 24 มีนาคม 2561ได้เพิ่มความถี่เที่ยวบิน กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – เกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) สัปดาห์ละ 5 เที่ยว คือวันเสาร์) จากเดิมบินเพียง 4 เที่ยว ทุกอังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์ เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
บริการด้วยเครื่องบินเอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง โดย PG991 ออกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 11:30 น. ถึงเกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) 13:10 น. และ PG992 ออกจากเกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) 13:50 น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 15:35 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มที่ www.bangkokair.com หรือ Call Center โทร 1771 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ห้า “ภูเก็ตจัดเทศกาลโคมไฟเที่ยวตรุษจีน9กพ.-2มี.ค.นี้”
ศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต ชวนร่วมงานสืบทอดเทศกาล “ป้างเตงโห่ย – หง่วนเซียวเจ๊ะ” งานประเพณีประดับโคมไฟ ที่ชุมชนจะนำมาแขวนไว้หน้าบ้านให้เป็นประเพณีที่รื่นเริงสนุกสนานของชาวภูเก็ต ไปท่องเที่ยวงานนี้ได้เ 9 กุมภาพันธ์ -2 มีนาคม 2561 (พิธีเปิดงานวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.00 น. ณ หน้าศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต)
เทศกาล “ป้างเตงโห่ย-หง่วนเซียวเจ๊ะ” หรือเทศกาลโคมไฟ นพ.บรรเจิด ตันติวิท ได้เขียนประวัติย่อๆ ไว้ให้ลูกหลานชาวภูเก็ตได้สืบสานประเพณีสำคัญใน คืน ยวนเซียว เป็นวันเพ็ญของเดือนตรุษจีน จะมีการจัดเทศกาลโคมไฟตามบ้านต่างๆ จะมีการทำโคมไฟสวยๆ มาแขวนไว้หน้าบ้านปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนานเป็นอีกเทศกาลที่น่าไปชม
ข่าวที่หก “ททท.ชวนเที่ยวฟรีอุ่นไอรักสนามเสือป่า8กพ-11มี.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเข้าร่วม "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ณ สนามเสือป่า ระหว่าง 8 ก.พ.-11 มี.ค. 2561 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และเพื่อมอบความสุขให้แก่ประชาชน พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรมไทย ททท. เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดงาน ขสมก. มีรถบริการจากสนามม้านางเลิ้ง - พระลานพระราชวังดุสิต เมื่อไปถึงงานจะได้ชมพื้นที่ของ ททท. 64 ตารางเมตร จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 3 โซน ที่น่าสนใจ ได้แก่
โซนที่ 1 : จำลองโรงภาพยนตร์ แบบในยุคปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเต็มไปด้วยความเจริญแบบก้าวกระโดด ที่แพร่มาจากประเทศตะวันตกอย่างรวดเร็ว โรงภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรารับวัฒนธรรมมา และเป็นดั่งความบันเทิงร่วมสมัยอย่างมีระดับ ที่ได้รับความนิยมและพูดถึงในสมัยนี้
โซนที่ 2 : สยามบรรณาคาร จำลองกลิ่นอาย บรรยากาศ ที่แสนมีเสน่ห์ ของเวิ้งนครเขษม ซึ่งเป็นตลาดเก่าที่มีเอกลักษณ์ เปรียบเสมือนสยามสแควร์ในปัจจุบัน ความเจริญแบบร่วมสมัยจากชาวตะวันตก จึงเต็มไปด้วยร้านค้า สถานที่ทันสมัยต่างๆ มากมายในย่านนี้ "ร้านหนังสือ" นี้จึงจำลองให้ได้กลิ่นอายนั้นจริงๆ โดยมี POP UP หนังสือเล่มใหญ่ที่มีเนื้อหาด้านในเสมือนหนังสือเล่มจริง รวมทั้งจำหน่ายหนังสือจาก ททท.
โซนที่ 3 : การแต่งกายย้อนยุค โดยจัดให้มีชุดไทยสมัยรัชกาลต่างๆ มาให้เช่า เพื่อนำมาย้อนยลเสน่ห์ และเพื่ออนุรักษ์ในความเป็นไทยให้กับรุ่นลูก รุ่นหลาน สืบต่อไป
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM.97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น