ปี’61“เที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่างคิด”แค่หลักพัน
ททท.-บางกอกแอร์กอดคอทำ1เมย.-15กย.
รับด่วนอั่งเปา-ไอโพนเอ็กซ์ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ
จัดใหญ่ตรุษจีนต่อยอดทัวร์วัฒนธรรมอาหาร
ไทย-กิวชูญี่ปุ่นทำยอดนักเที่ยวปีละ2ล้านคน
ต้นปีบางจากมาแรงกวาด4รางวัลแห่งเอเชีย
เที่ยวพุทธภูมิศักดิ์สิทธิ์เมืองรอง”ตาก-เมียวดี”
บินไทยผูก2ไทยกรุ๊ปโค้ดแชร์บินใหม่ทั่ว ปท.
4ปัจจัยปีจอล่อคนไทยแห่เที่ยวนอก10ล้าน
ภูเก็ตเพิ่มพื้นที่พักคอยอีกเท่าตัวในสนามบิน
พบกันวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ฟังเรียลไทม์ทางมือถือ และอ่านได้ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ติดตามมุมใหม่ “เที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่างที่คิด” จาก “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต 1 เม.ย.- 15 ก.ย.ปีนี้ มีแพกเกจเริ่มต้นเพียง 1,699 บาท ครบทั้งตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ห้องพัก โปรแกรมเที่ยว และนักดวลวงสวิงต้องซื้อแพกเกจเล่นกอล์ฟสนามติดทะเลแค่ 3,000 บาท และมีแห่งเดียวในเมืองไทยมหกรรมซูเปอร์ยอร์ชโชว์ และตรุษจีนย้อนอดีตย่านเมืองเก่า ที่จะทำให้เศรษฐกิจเกาะภูเก็ตเงินสะพัดตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้
“กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตตลอดเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มีความหนาแน่นสูงสุดต่อเนื่องจากฤดูเดินทางตั้งแต่ตุลาคมปี 2560 ขณะนี้ยังเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาภูเก็ตปีที่ผ่านมาเกินกว่า 10 % ผนวกกับเที่ยวบินขึ้น-ลง ท่าอากาศยานภูเก็ต เฉลี่ยมากสุดวันละกว่า 60,000 คน จาก 300-400 เที่ยวบิน แต่ทางทีมบริการสนามบินทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาเฉพาะเนื่องจากกำลังก่อสร้างขยายสนามบิน ตั้งแต่ 17-21 กุมภาพันธ์ นี้ มีเที่ยวบินตรงจากจีนเข้าภูเก็ต 89 เที่ยว ประเมินแล้วจะมีเงินสะพัดเกาะภูเก็ตช่วงตรุษจีนราว 400 ล้านบาท
นอกเหนือจากเทศกาลตรุษจีนแล้ว ระหว่างวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ นี้ ภูเก็ตยังมีต่อเนื่องอีก 2 งาน คือ งานแรก ตรุษจีนย้อนอดีต 21-23 กุมภาพันธ์ จัดย่านเมืองเก่าจะปิดถนน พร้อมกับนำอาหารถิ่นในฐานะเมือง Gastronomy นำเสนอเมนูใหม่และเมนูพื้นถิ่นหากินยากมารวมไว้ในงานนี้ พร้อมสาธิต เชื่อมสัมพันธ์ด้วยกิจกรรมเพื่อให้คนเข้าชมงานทดลองทำได้ด้วย พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ ไฮไลต์การแสดงศิลปวัฒนธรรมมณฑลจีน งานที่สอง 22-25 กุมภาพันธ์ จัดงานไทยแลนด์ ยอร์ช โชว์ 2018 โดยมีท่าเทียบเรือใหญ่ถึง 4 ท่าด้วยกัน เป็นจุดนัดพบของนักธุรกิจซูเปอร์ยอร์ชนานาชาติ มูลค่าซูเปอร์ยอร์ชบางลำสูงถึง 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีจอดอยู่ในภูเก็ตประมาณ 50 ลำ อนาคตตั้งเป้าประมาณ 200 ลำ นอกจากการใช้จ่ายเงินในพื้นที่ แล้วยังกระตุ้นการเติบโตนักท่องเที่ยวระดับบน
สำหรับตลาดในประเทศก็มีตลาดหลากหลาย โดยเฉพาะชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมของอาเซียน รับที่สิงคโปร์ จึงมีกิจกรรมนำชม ชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนร่วมมือรร่วมใจกันนำเสนออัตลักษณ์แห่งวิถีชีวิต อาหารการกิน วัฒนธรรมทางภาษา ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ หรืออย่างขนมเฉพาะถิ่น ข้าวเหนียวราดข้าวเหนียวดำเป็นชื่อเฉพาะคือบีโกหมอยเป็นภาษีฮกเกี้ยน ขณะเดียวกันก็มีอาหารดั้งเดิมหลายอย่างคล้ายจีน สิงคโปร์ ปีนัง ซึ่งมีไม่แพ้พื้นที่อื่น ๆ
หากเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวหรือทั่วไป สามารถมาท่องเที่ยวภูเก็ตด้วยแพกเกจใหม่ล่าสุด “เที่ยวภูเก็ต ไม่แพงอย่างที่คิด” ททท.ร่วมกับสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส และผู้ประกอบการโรงแรม เสนอขายแพกเกจให้เลือกได้สบายกระเป๋า 3 ราคา/แพกเกจ คือ 1,699 บาท , 6,999 บาท และ 8,999 บาท ขึ้นอยู่กับการเลือกโรงแรม มีที่พัก 2 คืน พร้อมตั๋วเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ส่วนกลุ่มตลาดนักกอล์ฟก็ทำแพกเกจพิเศษด้วยเช่นกัน คือ “ตีกอล์ฟภูเก็ต ไม่แพงอย่างที่คิด” เพื่อดึงดูดนักกอล์ฟ โดยมีสนามกอล์ฟรวม กรีนฟี และแคดดี้ เมื่อบินกับบางกอกแอร์ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เพื่อมากอล์ฟได้ในราคาเพียงคนละ 3,000 บาทเท่านั้น
ทั้ง 2 แพกเกจนี้ใช้ได้ระหว่าง 1 เมษายน – 15 กันยายน นี้ หากจองในแพกเกจ ททท.จะให้คูปองเพิ่มอีก 200 บาท นักกอล์ฟสามารถนำไปใช้ในสนามกอล์ฟได้ แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไทยให้นำคูปองไปชิมชาและเครื่องดื่มตามร้านต่าง ๆ ยกเว้นช่วงเทศกาลสงกรานต์นักท่องเที่ยวหนาแน่นบางโรงแรมอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายบ้างเล็กน้อย แต่จะขอแนะนำให้มาท่องเที่ยววันธรรมดา เพราะทุกวันนี้แต่ละหาดมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นทั้งชาวต่างชาติและคนไทย ถ้าจะมาภูเก็ตเพื่อเที่ยวชุมชนชายหาดก็ได้ เช่น หาดราไว ความเป็นจริงแล้วแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะมากตลอดทุกเดือนก็ยังสามารถหาวิถีชุมชนท้องถิ่นได้ อย่าง เกาะเฮ เกาะราชา เกาะไม้ท่อน บนเกาะยังรักษาวิถีชุมชนเดิม ๆ ไว้ เช่น เลี้ยงควาย ทำการเกษตร
ขณะที่การกระจายนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตสู่เมืองรองรอบพื้นที่ ด้วยศักยภาพของภูเก็ตมีเที่ยวบินแต่ละวันจำนวนมาก ก็เดินทางต่อไปยัง ตรัง ระนอง เพราะพังงา กระบี่ ขณะนี้ก็ไม่ใช่เมืองรองแล้ว ททท.จึงส่งเสริมให้เดินทางทางเรือจากภูเก็ตไปยังระนองได้ เพราะพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวให้มีความต่างซึ่งเป็นจุดขายอย่าง “วิถีชาวปารานากัน” แบบฮกเกี้ยน ในระนองก็ยังมีเหมือนกันมาจากจีนพื้นถิ่นเดียวกัน
ส่วน “ราคาห้องพักโรงแรมภูเก็ต” โดยภาพรวม ตามปกติความเข้าใจของคนไทยจะคิดว่าราคาห้องพักจับต้องไม่ได้หรือแพงเกินไป เปรียบเทียบห้องพักระดับหรูอย่าง “วิลล่าหรูส่วนตัวเป็นหลัง” ห้องพิเศษจริง ๆ ราคาประมาณ 30,000 บาท/ห้อง/คืน แต่ถ้าเป็นห้องพักทั่วไป ก็เริ่มตั้งแต่ 500 บาท/ห้อง/คืน หรือ 1,000 บาท/ห้อง/คืน และกำลังพอเหมาะอยู่ติดทะเลจะประมาณ 3,000 บาท/ห้อง/คืน แนะนำวิธีการจ่ายโดยซื้อแพกเกจ 1 เมษายน-15 กันยายน 2561 ถือเป็นราคาคุ้มสุด ๆ
นางสาวกนกกิตติกา กล่าวว่า วางแผนร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชนในภูเก็ตเดินทางไปทำการขายมหกรรมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของโลก International Travel Berlin 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมันี ขณะนี้เตรียมโปรดักซ์ไว้แล้ว แยกหมวดชัดเจน คือ กิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายอย่าง มาราธอน วิ่ง ปั่น กาตามารัน กิจกรรมชุมชน อาหารการกิน แยกกิจกรรมไปนำเสนอ การเรียนการสอนทำอาหารไทย กิจกรรมกีฬา อย่างโชว์ชกมวยไทย คัดเลือกให้ตรงกับความต้องการของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวสหภาพยุโรปซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักของภูเก็ต
ช่วงนั้นทางสมาคมท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรมภูเก็ต ระดมสมาชิกจำนวน 25 ราย ไปร่วมเจรจาธุรกิจในงาน ITB 2018 โดยเช่าพื้นที่แยกบูธภูเก็ตออกจาก ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน นอกจากร่วมขายในงานแล้ว ยังวางแผนไปทำการตลาดเจาะลึกหลังงานด้วยใน 2 พื้นที่ ได้แก่ วอซอร์ โปแลนด์ และกรุงปร้าก สาธารณรัฐเช็ค นำเสนอให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในใจของนักท่องเที่ยวตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์แจกอั่งเปาช้อปปิ้งถึง18ก.พ.นี้”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนนักช้อปต้องห้ามพลาด ฉลองตรุษจีน ได้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ (กรุงเทพฯ) พบกับขบวนพาเหรดมอบอั่งเปาส่วนลด on top 5 % บวก ลงทะเบียนซื้อสินค้า เพื่อลุ้นรับอั่งเปาสูงสุด 1,00บาท ลูกค้าที่แต่งกายชุดจีนรับ 2 สิทธิ์ ให้ได้ลุ้น รายการแรก ช้อปครบ 3,000 บาท รับคูปองรับประทานอาหารฟรี 200 บาท ช้อปครบ 12,000 บาท ลุ้น รายการที่ 2 รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท ช้อปครบ 20,000 บาท ลุ้นรายการที่ 3 กิฟท์โวเชอร์คืนสูงสุด 30,000 บาท พร้อมลุ้นไอโฟน เอ็กซ์ อีกรางวัล ตามรายการที่กำหนดไว้ในเทศกาลตรุษจีนปีนี้
สอบถามเพิ่มได้ที่ คอล เซนเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ไทย-ญี่ปุ่นรุกท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนปีละ2ล้านคน”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ได้นำทีมร่วมคณะไปกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางไปโร้ดโชว์เชิญชวนนักลงทุนในภูมิภาคกิวชู ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ทางด้านโลจิสติกส์ระบบราง และ 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นประธานสักขีพยาน ในงานของ ททท.ในพิธีร่วมลงนาม LOI -Letter of Intent (LOI) กับนายสุสุมะ อิชิฮาระ ประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู (Kyushu Tourism Promotion Organization) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันต่อเนื่อง 2 ปี ตามเป้าภายในปี 2563 จะเพิ่มตลาดญี่ปุ่นเข้าไทยให้ถึงปีละ 2 ล้านคน จากปีนี้ 1.56 ล้านคน ทำรายได้ 70,210 ล้านบาท
รวมทั้งได้เปิดตัว Open to the New Shades กับผู้ประกอบการตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น ตั้งเป้ากระตุ้นชาวญี่ปุ่นท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเดินทางครั้งแรกและกลุ่มท่องเที่ยวซ้ำหันมาเที่ยวเมืองรองและชุมชนใหม่ ๆ ของไทย นำร่องโปรโมตเมืองรองในญี่ปุ่น 2 จังหวัดแรก คือ น่าน และระนอง ชวนนักท่องเที่ยวจากกิวชูทั้ง7 จังหวัดเที่ยวเมืองไทย ได้แก่ ประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ จังหวัดซะกะ จังหวัดนางาซากิ จังหวัดคุมะโมโตะ จังหวัดโออิตะ จังหวัดมิยะซะกิ และจังหวัดคะโงะชิมะ
ส่วนกลุ่มเป้าหมายภาพรวมการเจาะตลาดญี่ปุ่นจะเพิ่มส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวผู้หญิง 50% จากตอนนี้มีเพียง 30% โดยเฉพาะสตรีวัยรุ่นอายุ 20-30 ปี ปีนี้ ททท.ได้แต่งตั้งวงเกิร์ลกรุ๊ป Nogizaka 46 เป็นฑูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นด้วยอีกทาง และยังมีกลุ่มนักกีฬาที่ชื่นชอบการลงแข่งขันมาราธอน กลุ่มคุณภาพตลาดนักลงทุนญี่ปุ่นใน EEC ในลักษณะ Business Traveller กระตุ้นการใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยวในไทยปี 2561 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 44,987 จากเดิม 43,460 บาทต่อคนต่อทริป
ขณะเดียวกันทางองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Japan National Tourism Organization : JNTO) ก็ตั้งเป้าจัดกิจกรรมกระตุ้นคนไทยไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปี 2561 ให้ถึง 1 ล้านคนด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน มีเที่ยวบินบริการแบบประจำ ไป-กลับ ไทย-ญี่ปุ่น รวมสัปดาห์ละ 194 เที่ยว ประกอบด้วย
การบินไทย บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สัปดาห์ละ 75 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 21 เที่ยว โตเกียว(ฮาเนดะ) 14 เที่ยว ฟูกูโอกะ 7 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว นาโกยา 12 เที่ยว ซัปโปโร 7 เที่ยว เจแปน แอร์ไลน์ บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 52 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 7 เที่ยว นาโกยา 7 เที่ยว ออล นิปปอน แอร์เวย์ส บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 28 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว
ไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ สัปดาห์ละ 28 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว ไทยเกอร์แอร์ สัปดาห์ละ 11 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 8 เที่ยว โอซาก้า 3 เที่ยว นกสกู๊ต สัปดาห์ละ 6 เที่ยว โตเกียว(นาริตะ) 6 เที่ยว พีซแอร์ไลน์ จาก โอกินาวา สัปดาห์ละ 7 เที่ยว
ข่าวที่ 3 “ไทยจัดใหญ่ตรุษจีนต่อยอดเที่ยววัฒนธรรมอาหาร”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยจัดเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ ล่าสุดร่วมกับ Mr. Yang Zhijin (หยาง จื้อจิน) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันตรุษจีน ปี 2561 และชมกิจกรรมตอกย้ำความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศผ่านการแสดงนาฎศิลป์รอบพิเศษ โดยรัฐบาลจีนได้จัดการแสดงทางวัฒนธรรมมาไทยระหว่างวันนี้ - 22 กุมภาพันธ์ นี้ จาก 9 มณฑล ได้แก่ มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลไหหลำ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มณฑลซานตง มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลเจ้อเจียง มณฑลหูหนาน มณฑลซานซี และมณฑลหูเป่ย์ มีนักแสดงจำนวน 135 คน แสดงในรูปแบบของนาฏศิลป์ กายกรรม ศิลปะการต่อสู้ งิ้ว ดนตรีพื้นบ้าน โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมสุดยอดการแสดงได้ใน 5 พื้นที่ 2 ช่วง คือ
ช่วงแรก ในวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ กรุงเทพมหานคร (การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลเจ้อเจียง การแสดงศิลปะการต่อสู้ มณฑลหูหนาน การแสดงดนตรีพื้นบ้าน มณฑลซานซี) จังหวัดเชียงใหม่ (การแสดงงิ้วหุ่น มณฑลฝูเจี้ยน การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลไหหลำ) จังหวัดอุดรธานี (การแสดงกายกรรม มณฑลซานตง การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลเฮยหลงเจีย) จังหวัดสงขลา(หาดใหญ่) (การแสดงนาฏศิลป์จากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน)
ช่วงที่สอง วันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2561 ในจังหวัดภูเก็ต(การแสดงกายกรรม มณฑลซานตง การแสดงนาฏศิลป์จากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลหูเป่ย์)
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ททท. ได้ร่วมนำการแสดงแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย-จีนแสดงหน้าพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช และนำผู้บริหารระดับสูงของสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวถวายพระพรและทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก ในโอกาสเดียวกัน
รวมทั้งโชว์วัฒนธรรมด้านอาหาร โดยนำเชฟจากสมาพันธ์อาหารจีนโลก จากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นอาหารทางใต้ของจีน เชฟที่เคยปรุงอาหารให้ผู้นำประเทศ G20 ครั้งที่ 11 ณ นครหางโจว เดินทางมาปรุงพระกระยาหารเพื่อถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานตรุษจีนเยาวราช และสาธิตการทำอาหารและขนมมงคลในเทศกาลตรุษจีนเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานตรุษจีนเยาวราช
ทั้งนี้ ททท.ตั้งเป้าตลอดตรุษจีนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี เพชรบุรี นครราชสีมา อุดรธานี ชลบุรี สงขลา (หาดใหญ่) ตรัง และภูเก็ต ภาพรวมจะเดินทางท่องเที่ยว 7.3 แสนคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 2,600 ล้านบาท
ทางด้าน “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย Mr. Wu Li ประธานสมาพันธ์อาหารจีนโลก (World Federation of Chinese Catering Industry) ร่วมงาน “ประชันอาหารสานสัมพันธ์ไทย-จีน” มุ่งต่อยอดจากเทศกาลตรุษจีนด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหาร โดยได้รับเกียรติจาก เชพนำชัย เบญจรุ่งโรจน์ ร้านแสนยอด และเชฟชาวจีน 5 คน ตัวแทนสมาพันธ์อาหารจีนโลก จากมณฑลเจ้อเจียงสนับสนุนเรื่องอาหารด้วย
ทั้งนี้ “ร้านแสนยอด” จัดได้ว่าเป็นอาหารจีนกวางตุ้งที่ถือว่าเก่าแก่มากและมีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับรางวัลบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmands) ในมิชลิน ไกด์ บุ๊ค ของไทย ให้บริการมากว่า 50 ปี เมนูอร่อยเด่น ๆ อาทิ เป็ดย่างเตาถ่านหมัก ราดหน้า บะหมี่ไข่สูตรกวางตุ้งแท้ๆ ปัจจุบันร้านแสนยอดมีทั้งหมด 4 สาขา ไดพ้แก่ สาขา สาธร-บางรัก สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาเสนาเฟสชั้น 2 และสาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่
ข่าวที่ 4 “ต้นปีบางจากกวาด4รางวัลแห่งเอเชีย”
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทนรับมอบ 4 รางวัลในงาน Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) 2017 ในฐานะ The Winner ประกอบด้วย
รางวัลรายงานความยั่งยืนยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ Asia’s Sustainability Report of the Year จาก H.E. Mr. Scott Wightman, the British High Commissioner ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้กับบริษัทในภูมิภาคเอเชียที่มีความเป็นผู้นำในการจัดทำรายงานความยั่งยืนและแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
รางวัลการรายงานที่แสดงสารัตภาพยอดเยี่ยม (Asia’s Best Materiality Reporting) (Joint Winner)
รางวัลการรายงานการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสียยอดเยี่ยม (Asia’s Best Stakeholder Reporting)
รางวัลการรายงานกิจกรรมชุมชนและสังคมยอดเยี่ยม (Asia’s Best Community Reporting) ในฐานะที่บริษัท บางจากฯ มีความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืน รายงานประเด็นสำคัญอย่างครบถ้วนครอบคลุม มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ ซึ่งมี 69 บริษัทจาก 15 ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย จัดโดย CSRWorks International Pte Ltd และ The British High Commissioner in Singapore
ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเที่ยวแดนพุทธภูมิเมืองรองในชายแดนไทย-เมียนมา “ตาก-เมียวดี” มี “วัดศักดิ์สิทธิ์” แปลกตาให้สักการะเพียบ และตลาดขายสินค้า อาหาร หลากหลายรอต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนการดูแลสุขภาพช่วงนี้ต้องยกให้ “วิธีเลี่ยงฝุ่นละอองในอากาศ” และข่าวท้ายชั่วโมง ถึงเวลาที่ “พี่ใหญ่-การบินไทย” ต้องกอดคอ “ไทยกรุ๊ป” ไทยสไมล์-นกแอร์ ใช้โค้ดแชร์เป็นเครื่องมือเพิ่มรายได้บินเมืองรองทั่วไทย ส่วน ทอท.ภูเก็ต เร่งเพิ่มที่พักคอยผู้โดยสารของอาคารโดเมสติกเพิ่มอีก 1 เท่า และ มี 4 ปัจจัยล่อใจคนไทยแห่เที่ยวเมืองนอกแนวโน้มปีนี้จะทะลุถึง 10 ล้านคน
@ เที่ยวแดนพุทธเมืองรองชายแดนตาก-เมียวดี
การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทริปนี้จะชวนไปเติมประสบการณ์เก๋ ๆ ในเมืองรองดินแดนแห่งแคว้นพุทธภูมิ ถิ่นวัฒนธรรมเมืองชายแดน “ตาก-เมียวดี” เชื่อมวิถีบุญสองแผ่นดิน ประตูอีกบานของอาเซียนหรือ AEC
วางแผนไปเที่ยวสัก 2 วัน 1 คืน มุ่งหน้าสู่ถนนสายทัวร์บุญถิ่นธรรมะ ไปแวะสักการะเจ้าพ่อพะวอ ก่อนจะไปอำเภอบ้านตาก ไหว้พระขอพรยัง “วัดพระบรมธาตุ” มีพระเจดีย์ใหญ่สีทองคล้ายชเวดากอง บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสาริกธาตุส่วนพรนลาฎ เหมาะกับคนเกิดปีมะเมีย วัดนี้มีหลวงพ่อทันใจศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อไปถึงแม่สอด จังหวัดตากแล้วต้องห้ามพลาดแวะ “ตลาดพาเจริญ” ชิม “โรตีโอ่ง” ย่างแป้งโรตี้สดในโอ่งโดยไม่ต้องทอดรับประทานคู่กับชาพม่า กาแฟ โอวัลติน นมข้น หรือแกงกระหรี่ ก็ได้
จากนั้นก็เข้าอำเภอใช้เส้นทางบ้านตาก-แม่ระมาด-แม่สอด เพื่อไป “วัดไทยวัฒนาราม” หรือ “วัดแม่ตาว” อีกสักแห่ง อยู่ติดชายแดน ประดิษฐานพระพุทธมหามุณีคู่บ้านคู่เมืองของชาวมัณฑเลย์แห่งเมียนมา ภายในบริเวณวัดมีรูปปูนปั้นปิดทองคล้ายนกผสมหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไทยใหญ่ ถ้าไปเป็นกลุ่มสามารถติดต่อกรรมการวัดจัดการแสดงศิลปะชนเผ่า และอาหารพื้นเมือง ไว้ต้อนรับได้ด้วย
ตื่นเช้าของวันต่อมา มุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา เพื่อเข้าไปชมวิถีชีวิตชาวเมียวดี เมียนมา ซึ่งมี “วัดส่วยมินหวุ่น” หรือ “วัดเจดีย์ทอง” ชื่อเต็ม ๆ ว่า “เจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้” สร้างก่อนสมัยอยุธยา เป็นวัดคู่บ้านเมืองเมียวดีเก่าแก่ที่สุด มีศิลปะมอญ-เมียนมา ชัดเจน โดยมีเจดีย์ขนาดเล็ก 28 องค์ ล้อมองค์ระฆังประดับด้วยเส้นเข็มขัดรัดองค์ระฆังไว้ ให้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
ต่อด้วย “วัดมิเจาโก-วัดจระเข้” ลักษณะแตกต่างจากวัดทั่วไทย มีรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ทาสีเขียวสดใสทั้งตัว แล้วแวะอีกสักวัดคือ “วัดเจ้าโหล่งจี” (วัดก้อนหินใหญ่) ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขาเห็นยอดเจดีย์แต่ไกลจากพื้นราบ นิยมไปเสี่ยงหายจากหินสีทองลูกกลม ๆ น้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ก่อนยกต้องอธิษฐานจะได้ผลหรือไม่ก็ต้องดูว่ายกหินก้อนนั้นขึ้นไหวหรือเปล่า
เสร็จจากขอพรไหว้พระ เรียบร้อยแล้ว ต้องแวะไป “ตลาดบุเรงนอง” ศูนย์รวมของกิน ของช้อป ด้านหน้าตลาดมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องใช้หลากหลายส่วนใหญ่มาจากจีน ด้านหลังเป็นตลาดสดมีวัตถุดิบและอาหารให้ลองชิมตามชอบ หรือจะแวะ “ตลาดริมเมย” สุดเขตแดนไทย-เมียนมา เพื่อชมบรรยากาศ ช้อปปิ้งอีกสักรอบก็ยังไหว
สำหรับ “ตลาด” ก็เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง มีทั้ง ตลาดริมเมย เป็นศูนย์รวมต้นไม้หยกพร้อมสาธิตการทำด้วย “ตลาดมูเซอ” จำหน่ายสินค้าเกษตรโดยฝีมือชาวไทยภูเขา และ “ตลาดอัญมณีแม่สอด” แหล่งจำหน่ายพลอยต้นตำรับเมียนมา ก็ยังคงมีกลิ่นอายการค้าขายให้เห็นอยู่บ้าง ซื้อผัก ผลไม้ ตลาดมูเซอ แล้วเดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุข
@ข้อแนะนำหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองในอากาศ
หมอกควัน หมายถึงการสะสมของควันหรือฝุ่นละอองในอากาศ จัดเป็นมลพิษทางอากาศอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ความเป็นอันตรายของฝุ่นละอองต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับขนาดของฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ ความเข้มข้น และระยะเวลาที่สัมผัส รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้รับแต่ละคนด้วย ฝุ่นควันหรือฝุ่นขนาดที่เล็กกว่า 10 ไมครอน ที่เกิดจากการเผาไหม้จะส่งผลกระทบ ทำให้มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ทางผิวหนัง อาการทางตา ทำให้เกิดโรคหัวใจมากขึ้นด้วย
คำแนะนำการปฏิบัติตนเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ
1. ควรปิดประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้หมอกควันลอยเข้าสู่บ้าน
2. หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น
3. ก่อนออกจากบ้านควรสวมแว่นตา เพื่อป้องกันการระคายเคืองตา และสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองที่เหมาะสม
4. หลีกเลี่ยงการสูดดมละอองควันไฟเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และลดปริมาณการสูดดมพิษจากฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย
5. หากมีอาการผิดปกติหลังจากสูดดมฝุ่นละอองหมอกควัน เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด แสบตา ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
6. ในช่วงที่มีสถานการณ์หมอกควัน ควรงดการรองน้ำฝนมาใช้เพื่อการอุปโภคชั่วคราว
7. หลีกเลี่ยงการเผาขยะหรือวัสดุใด ๆ รวมถึงการสูบบุหรี่ที่จะเป็นการเพิ่มปัญหาควันมากขึ้น
8. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายใด ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในบริเวณกลางแจ้ง
9. หากขับขี่ยานพาหนะในช่วงที่มีหมอกควันควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
10. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ควรเตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอ และหากเกิดปัญหาสุขภาพควรพบแพทย์
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยกอดคอไทยกรุ๊ปชูโค้ดแชร์ปั๊มเงินเมืองรอง”
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เริ่มใช้กลยุทธ์ “ไทยกรุ๊ป” ประกอบด้วย การบินไทย ไทยสไมล์ (การบินไทยถือหุ้น 100 %) นกแอร์ (การบินไทยถือหุ้น 29 %) อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2561 นำร่องความร่วมมือโครงการแรก ทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วมบริการ หรือ Codeshare เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) -แม่ฮ่องสอน สัปดาห์ละ 3 เที่ยว เริ่ม 25 มีนาคม นี้เป็นต้นไป โดยใช้นกแอร์ทำการบินด้วยเครื่อง ATR-72 ขนาดลำละ 70 ที่นั่ง ขายตั๋วเริ่มต้น 1,500 บาท และโดยภาพรวมตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้จากกลยุทธ์โค้ดแชร์ในเส้นทางอื่น ๆ ในประเทศตลอดปีเพิ่มขึ้นกับไทยกรุ๊ปอีก 5 %
โดยไทยกรุ๊ปจะเปิดเส้นทางบินเมืองรองร่วมกันในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 เมือง จากกรุงเทพฯ ไปยัง แม่ฮ่องสอน สกลนคร นครพนม และเพชรบูรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากก่อนหน้านี้ การบินไทยกับไทยสมายล์ทำโค้ดแชร์ไปแล้วหลายเส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง (ลาว), กรุงเทพฯ-เกาสง (ไต้หวัน)
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นกแอร์พร้อมใช้ฝูงบินใบพัด ATR-72 ขนาด 70 ที่นั่ง ให้บริการไปยังแม่ฮ่องสอนได้ทันที เบื้องต้นจะบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยว ทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ คาดจะสามารถขนส่งนักท่องเที่ยวได้ราวปีละ 20,000 คน หากนักท่องเที่ยวตอบรับดีก็จะพิจารณาเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์ละ 5-7 เที่ยว
ข่าวที่สอง “ทอท.ภูเก็ตเพิ่มที่พักคอยในสนามบินอีกเท่าตัว”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ตระหนักถึงปัญหาความแออัดในช่วงที่มีการปิดพื้นที่ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และเพื่อบรรเทาความแออัดรวมทั้งตั้งแต่16 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นวันตรุษจีน มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทอท.จึงเร่งรัดการเปิดพื้นที่บริการเพิ่มพื้นที่พักคอยบริเวณห้องโถงพักคอยผู้โดยสารขาออกด้านทิศเหนือ จากเดิมที่มีพื้นที่เพียง 2,000 ตารางเมตร ซึ่งเดิมสามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งได้สูงสุด 2,000 คน เพิ่มเป็น 5,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งเพิ่มสูงสุดได้ 3,500 คน พร้อมเพิ่มเก้าอี้พักคอยให้ผู้โดยสารได้มากถึง 200 ที่นั่ง ในส่วนของระบบปรับอากาศที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจึงแก้ไขปัญหาเบื้องต้นโดยใช้วิธีติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม อำนวยความสะดวกผู้โดยสารทุกช่องทาง
ข่าวที่สาม “เปิด4ปัจจัยล่อใจคนไทยแห่เที่ยวนอก10ล้านคน”
นายศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์ปี 2561 มีสัญญาณถึงแนวโน้มคนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมถึง 10.2 ล้านคน มากกว่าปีที่ผ่านมาเที่ยวต่างประเทศเพียง 9.8 ล้านคน โดยมี 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.บริษัทนำเที่ยวแข่งกันจัดโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กระตุ้นการทำยอดขายสินค้า 2.องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างชาติรุกทำกิจกรรมโปรโมชั่นในไทยมากขึ้น ทั้ง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และอื่น ๆ 3.สายการบินโลว์คอสต์ และสายการบินกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แข่งขันกันด้วยราคาและเปิดเส้นทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก 4.เงินบาทแข็งค่าทำให้ใช้เงินท่องเที่ยวถูกลงโดยอัตโนมัติ
สำหรับประเทศยอดนิยมของคนไทย ยังคงเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน ส่วนแหล่งท่องเที่ยวข้ามทวีปที่กำลังมาแรงก็มี ยุโรปตะวันออก รัสเซีย และพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น เปรู โมร็อกโก เคนยา อาร์เจนตินา
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ททท.-บางกอกแอร์กอดคอทำ1เมย.-15กย.
รับด่วนอั่งเปา-ไอโพนเอ็กซ์ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ
จัดใหญ่ตรุษจีนต่อยอดทัวร์วัฒนธรรมอาหาร
ไทย-กิวชูญี่ปุ่นทำยอดนักเที่ยวปีละ2ล้านคน
ต้นปีบางจากมาแรงกวาด4รางวัลแห่งเอเชีย
เที่ยวพุทธภูมิศักดิ์สิทธิ์เมืองรอง”ตาก-เมียวดี”
บินไทยผูก2ไทยกรุ๊ปโค้ดแชร์บินใหม่ทั่ว ปท.
4ปัจจัยปีจอล่อคนไทยแห่เที่ยวนอก10ล้าน
ภูเก็ตเพิ่มพื้นที่พักคอยอีกเท่าตัวในสนามบิน
พบกันวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ฟังเรียลไทม์ทางมือถือ และอ่านได้ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ติดตามมุมใหม่ “เที่ยวภูเก็ตไม่แพงอย่างที่คิด” จาก “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต 1 เม.ย.- 15 ก.ย.ปีนี้ มีแพกเกจเริ่มต้นเพียง 1,699 บาท ครบทั้งตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ห้องพัก โปรแกรมเที่ยว และนักดวลวงสวิงต้องซื้อแพกเกจเล่นกอล์ฟสนามติดทะเลแค่ 3,000 บาท และมีแห่งเดียวในเมืองไทยมหกรรมซูเปอร์ยอร์ชโชว์ และตรุษจีนย้อนอดีตย่านเมืองเก่า ที่จะทำให้เศรษฐกิจเกาะภูเก็ตเงินสะพัดตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้
กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต |
“กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของภูเก็ตตลอดเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มีความหนาแน่นสูงสุดต่อเนื่องจากฤดูเดินทางตั้งแต่ตุลาคมปี 2560 ขณะนี้ยังเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาภูเก็ตปีที่ผ่านมาเกินกว่า 10 % ผนวกกับเที่ยวบินขึ้น-ลง ท่าอากาศยานภูเก็ต เฉลี่ยมากสุดวันละกว่า 60,000 คน จาก 300-400 เที่ยวบิน แต่ทางทีมบริการสนามบินทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาเฉพาะเนื่องจากกำลังก่อสร้างขยายสนามบิน ตั้งแต่ 17-21 กุมภาพันธ์ นี้ มีเที่ยวบินตรงจากจีนเข้าภูเก็ต 89 เที่ยว ประเมินแล้วจะมีเงินสะพัดเกาะภูเก็ตช่วงตรุษจีนราว 400 ล้านบาท
นอกเหนือจากเทศกาลตรุษจีนแล้ว ระหว่างวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ นี้ ภูเก็ตยังมีต่อเนื่องอีก 2 งาน คือ งานแรก ตรุษจีนย้อนอดีต 21-23 กุมภาพันธ์ จัดย่านเมืองเก่าจะปิดถนน พร้อมกับนำอาหารถิ่นในฐานะเมือง Gastronomy นำเสนอเมนูใหม่และเมนูพื้นถิ่นหากินยากมารวมไว้ในงานนี้ พร้อมสาธิต เชื่อมสัมพันธ์ด้วยกิจกรรมเพื่อให้คนเข้าชมงานทดลองทำได้ด้วย พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ ไฮไลต์การแสดงศิลปวัฒนธรรมมณฑลจีน งานที่สอง 22-25 กุมภาพันธ์ จัดงานไทยแลนด์ ยอร์ช โชว์ 2018 โดยมีท่าเทียบเรือใหญ่ถึง 4 ท่าด้วยกัน เป็นจุดนัดพบของนักธุรกิจซูเปอร์ยอร์ชนานาชาติ มูลค่าซูเปอร์ยอร์ชบางลำสูงถึง 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีจอดอยู่ในภูเก็ตประมาณ 50 ลำ อนาคตตั้งเป้าประมาณ 200 ลำ นอกจากการใช้จ่ายเงินในพื้นที่ แล้วยังกระตุ้นการเติบโตนักท่องเที่ยวระดับบน
สำหรับตลาดในประเทศก็มีตลาดหลากหลาย โดยเฉพาะชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมของอาเซียน รับที่สิงคโปร์ จึงมีกิจกรรมนำชม ชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนร่วมมือรร่วมใจกันนำเสนออัตลักษณ์แห่งวิถีชีวิต อาหารการกิน วัฒนธรรมทางภาษา ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ หรืออย่างขนมเฉพาะถิ่น ข้าวเหนียวราดข้าวเหนียวดำเป็นชื่อเฉพาะคือบีโกหมอยเป็นภาษีฮกเกี้ยน ขณะเดียวกันก็มีอาหารดั้งเดิมหลายอย่างคล้ายจีน สิงคโปร์ ปีนัง ซึ่งมีไม่แพ้พื้นที่อื่น ๆ
หากเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวหรือทั่วไป สามารถมาท่องเที่ยวภูเก็ตด้วยแพกเกจใหม่ล่าสุด “เที่ยวภูเก็ต ไม่แพงอย่างที่คิด” ททท.ร่วมกับสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส และผู้ประกอบการโรงแรม เสนอขายแพกเกจให้เลือกได้สบายกระเป๋า 3 ราคา/แพกเกจ คือ 1,699 บาท , 6,999 บาท และ 8,999 บาท ขึ้นอยู่กับการเลือกโรงแรม มีที่พัก 2 คืน พร้อมตั๋วเดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ส่วนกลุ่มตลาดนักกอล์ฟก็ทำแพกเกจพิเศษด้วยเช่นกัน คือ “ตีกอล์ฟภูเก็ต ไม่แพงอย่างที่คิด” เพื่อดึงดูดนักกอล์ฟ โดยมีสนามกอล์ฟรวม กรีนฟี และแคดดี้ เมื่อบินกับบางกอกแอร์ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต เพื่อมากอล์ฟได้ในราคาเพียงคนละ 3,000 บาทเท่านั้น
ทั้ง 2 แพกเกจนี้ใช้ได้ระหว่าง 1 เมษายน – 15 กันยายน นี้ หากจองในแพกเกจ ททท.จะให้คูปองเพิ่มอีก 200 บาท นักกอล์ฟสามารถนำไปใช้ในสนามกอล์ฟได้ แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไทยให้นำคูปองไปชิมชาและเครื่องดื่มตามร้านต่าง ๆ ยกเว้นช่วงเทศกาลสงกรานต์นักท่องเที่ยวหนาแน่นบางโรงแรมอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายบ้างเล็กน้อย แต่จะขอแนะนำให้มาท่องเที่ยววันธรรมดา เพราะทุกวันนี้แต่ละหาดมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นทั้งชาวต่างชาติและคนไทย ถ้าจะมาภูเก็ตเพื่อเที่ยวชุมชนชายหาดก็ได้ เช่น หาดราไว ความเป็นจริงแล้วแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะมากตลอดทุกเดือนก็ยังสามารถหาวิถีชุมชนท้องถิ่นได้ อย่าง เกาะเฮ เกาะราชา เกาะไม้ท่อน บนเกาะยังรักษาวิถีชุมชนเดิม ๆ ไว้ เช่น เลี้ยงควาย ทำการเกษตร
ขณะที่การกระจายนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตสู่เมืองรองรอบพื้นที่ ด้วยศักยภาพของภูเก็ตมีเที่ยวบินแต่ละวันจำนวนมาก ก็เดินทางต่อไปยัง ตรัง ระนอง เพราะพังงา กระบี่ ขณะนี้ก็ไม่ใช่เมืองรองแล้ว ททท.จึงส่งเสริมให้เดินทางทางเรือจากภูเก็ตไปยังระนองได้ เพราะพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวให้มีความต่างซึ่งเป็นจุดขายอย่าง “วิถีชาวปารานากัน” แบบฮกเกี้ยน ในระนองก็ยังมีเหมือนกันมาจากจีนพื้นถิ่นเดียวกัน
ส่วน “ราคาห้องพักโรงแรมภูเก็ต” โดยภาพรวม ตามปกติความเข้าใจของคนไทยจะคิดว่าราคาห้องพักจับต้องไม่ได้หรือแพงเกินไป เปรียบเทียบห้องพักระดับหรูอย่าง “วิลล่าหรูส่วนตัวเป็นหลัง” ห้องพิเศษจริง ๆ ราคาประมาณ 30,000 บาท/ห้อง/คืน แต่ถ้าเป็นห้องพักทั่วไป ก็เริ่มตั้งแต่ 500 บาท/ห้อง/คืน หรือ 1,000 บาท/ห้อง/คืน และกำลังพอเหมาะอยู่ติดทะเลจะประมาณ 3,000 บาท/ห้อง/คืน แนะนำวิธีการจ่ายโดยซื้อแพกเกจ 1 เมษายน-15 กันยายน 2561 ถือเป็นราคาคุ้มสุด ๆ
นางสาวกนกกิตติกา กล่าวว่า วางแผนร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชนในภูเก็ตเดินทางไปทำการขายมหกรรมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของโลก International Travel Berlin 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมันี ขณะนี้เตรียมโปรดักซ์ไว้แล้ว แยกหมวดชัดเจน คือ กิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายอย่าง มาราธอน วิ่ง ปั่น กาตามารัน กิจกรรมชุมชน อาหารการกิน แยกกิจกรรมไปนำเสนอ การเรียนการสอนทำอาหารไทย กิจกรรมกีฬา อย่างโชว์ชกมวยไทย คัดเลือกให้ตรงกับความต้องการของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวสหภาพยุโรปซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักของภูเก็ต
ช่วงนั้นทางสมาคมท่องเที่ยว และสมาคมโรงแรมภูเก็ต ระดมสมาชิกจำนวน 25 ราย ไปร่วมเจรจาธุรกิจในงาน ITB 2018 โดยเช่าพื้นที่แยกบูธภูเก็ตออกจาก ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน นอกจากร่วมขายในงานแล้ว ยังวางแผนไปทำการตลาดเจาะลึกหลังงานด้วยใน 2 พื้นที่ ได้แก่ วอซอร์ โปแลนด์ และกรุงปร้าก สาธารณรัฐเช็ค นำเสนอให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในใจของนักท่องเที่ยวตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์แจกอั่งเปาช้อปปิ้งถึง18ก.พ.นี้”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนนักช้อปต้องห้ามพลาด ฉลองตรุษจีน ได้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ (กรุงเทพฯ) พบกับขบวนพาเหรดมอบอั่งเปาส่วนลด on top 5 % บวก ลงทะเบียนซื้อสินค้า เพื่อลุ้นรับอั่งเปาสูงสุด 1,00บาท ลูกค้าที่แต่งกายชุดจีนรับ 2 สิทธิ์ ให้ได้ลุ้น รายการแรก ช้อปครบ 3,000 บาท รับคูปองรับประทานอาหารฟรี 200 บาท ช้อปครบ 12,000 บาท ลุ้น รายการที่ 2 รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท ช้อปครบ 20,000 บาท ลุ้นรายการที่ 3 กิฟท์โวเชอร์คืนสูงสุด 30,000 บาท พร้อมลุ้นไอโฟน เอ็กซ์ อีกรางวัล ตามรายการที่กำหนดไว้ในเทศกาลตรุษจีนปีนี้
สอบถามเพิ่มได้ที่ คอล เซนเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ไทย-ญี่ปุ่นรุกท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนปีละ2ล้านคน”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ได้นำทีมร่วมคณะไปกับ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางไปโร้ดโชว์เชิญชวนนักลงทุนในภูมิภาคกิวชู ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ทางด้านโลจิสติกส์ระบบราง และ 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นประธานสักขีพยาน ในงานของ ททท.ในพิธีร่วมลงนาม LOI -Letter of Intent (LOI) กับนายสุสุมะ อิชิฮาระ ประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู (Kyushu Tourism Promotion Organization) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันต่อเนื่อง 2 ปี ตามเป้าภายในปี 2563 จะเพิ่มตลาดญี่ปุ่นเข้าไทยให้ถึงปีละ 2 ล้านคน จากปีนี้ 1.56 ล้านคน ทำรายได้ 70,210 ล้านบาท
รวมทั้งได้เปิดตัว Open to the New Shades กับผู้ประกอบการตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น ตั้งเป้ากระตุ้นชาวญี่ปุ่นท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเดินทางครั้งแรกและกลุ่มท่องเที่ยวซ้ำหันมาเที่ยวเมืองรองและชุมชนใหม่ ๆ ของไทย นำร่องโปรโมตเมืองรองในญี่ปุ่น 2 จังหวัดแรก คือ น่าน และระนอง ชวนนักท่องเที่ยวจากกิวชูทั้ง7 จังหวัดเที่ยวเมืองไทย ได้แก่ ประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ จังหวัดซะกะ จังหวัดนางาซากิ จังหวัดคุมะโมโตะ จังหวัดโออิตะ จังหวัดมิยะซะกิ และจังหวัดคะโงะชิมะ
ส่วนกลุ่มเป้าหมายภาพรวมการเจาะตลาดญี่ปุ่นจะเพิ่มส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวผู้หญิง 50% จากตอนนี้มีเพียง 30% โดยเฉพาะสตรีวัยรุ่นอายุ 20-30 ปี ปีนี้ ททท.ได้แต่งตั้งวงเกิร์ลกรุ๊ป Nogizaka 46 เป็นฑูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นด้วยอีกทาง และยังมีกลุ่มนักกีฬาที่ชื่นชอบการลงแข่งขันมาราธอน กลุ่มคุณภาพตลาดนักลงทุนญี่ปุ่นใน EEC ในลักษณะ Business Traveller กระตุ้นการใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยวในไทยปี 2561 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 44,987 จากเดิม 43,460 บาทต่อคนต่อทริป
ขณะเดียวกันทางองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Japan National Tourism Organization : JNTO) ก็ตั้งเป้าจัดกิจกรรมกระตุ้นคนไทยไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปี 2561 ให้ถึง 1 ล้านคนด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน มีเที่ยวบินบริการแบบประจำ ไป-กลับ ไทย-ญี่ปุ่น รวมสัปดาห์ละ 194 เที่ยว ประกอบด้วย
การบินไทย บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สัปดาห์ละ 75 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 21 เที่ยว โตเกียว(ฮาเนดะ) 14 เที่ยว ฟูกูโอกะ 7 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว นาโกยา 12 เที่ยว ซัปโปโร 7 เที่ยว เจแปน แอร์ไลน์ บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 52 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 7 เที่ยว นาโกยา 7 เที่ยว ออล นิปปอน แอร์เวย์ส บินไป-กลับ เข้าสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) รวมสัปดาห์ละ 28 เที่ยว คือ โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โตเกียว (ฮาเนดะ) 14 เที่ยว
ไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ สัปดาห์ละ 28 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 14 เที่ยว โอซาก้า 14 เที่ยว ไทยเกอร์แอร์ สัปดาห์ละ 11 เที่ยว จาก โตเกียว(นาริตะ) 8 เที่ยว โอซาก้า 3 เที่ยว นกสกู๊ต สัปดาห์ละ 6 เที่ยว โตเกียว(นาริตะ) 6 เที่ยว พีซแอร์ไลน์ จาก โอกินาวา สัปดาห์ละ 7 เที่ยว
ข่าวที่ 3 “ไทยจัดใหญ่ตรุษจีนต่อยอดเที่ยววัฒนธรรมอาหาร”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยจัดเทศกาลตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ ล่าสุดร่วมกับ Mr. Yang Zhijin (หยาง จื้อจิน) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันตรุษจีน ปี 2561 และชมกิจกรรมตอกย้ำความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศผ่านการแสดงนาฎศิลป์รอบพิเศษ โดยรัฐบาลจีนได้จัดการแสดงทางวัฒนธรรมมาไทยระหว่างวันนี้ - 22 กุมภาพันธ์ นี้ จาก 9 มณฑล ได้แก่ มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลไหหลำ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มณฑลซานตง มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลเจ้อเจียง มณฑลหูหนาน มณฑลซานซี และมณฑลหูเป่ย์ มีนักแสดงจำนวน 135 คน แสดงในรูปแบบของนาฏศิลป์ กายกรรม ศิลปะการต่อสู้ งิ้ว ดนตรีพื้นบ้าน โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมสุดยอดการแสดงได้ใน 5 พื้นที่ 2 ช่วง คือ
ช่วงแรก ในวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ กรุงเทพมหานคร (การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลเจ้อเจียง การแสดงศิลปะการต่อสู้ มณฑลหูหนาน การแสดงดนตรีพื้นบ้าน มณฑลซานซี) จังหวัดเชียงใหม่ (การแสดงงิ้วหุ่น มณฑลฝูเจี้ยน การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลไหหลำ) จังหวัดอุดรธานี (การแสดงกายกรรม มณฑลซานตง การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลเฮยหลงเจีย) จังหวัดสงขลา(หาดใหญ่) (การแสดงนาฏศิลป์จากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน)
ช่วงที่สอง วันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2561 ในจังหวัดภูเก็ต(การแสดงกายกรรม มณฑลซานตง การแสดงนาฏศิลป์จากเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน การแสดงนาฏศิลป์ มณฑลหูเป่ย์)
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ททท. ได้ร่วมนำการแสดงแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย-จีนแสดงหน้าพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช และนำผู้บริหารระดับสูงของสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวถวายพระพรและทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก ในโอกาสเดียวกัน
รวมทั้งโชว์วัฒนธรรมด้านอาหาร โดยนำเชฟจากสมาพันธ์อาหารจีนโลก จากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเป็นอาหารทางใต้ของจีน เชฟที่เคยปรุงอาหารให้ผู้นำประเทศ G20 ครั้งที่ 11 ณ นครหางโจว เดินทางมาปรุงพระกระยาหารเพื่อถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานตรุษจีนเยาวราช และสาธิตการทำอาหารและขนมมงคลในเทศกาลตรุษจีนเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานตรุษจีนเยาวราช
ทั้งนี้ ททท.ตั้งเป้าตลอดตรุษจีนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี เพชรบุรี นครราชสีมา อุดรธานี ชลบุรี สงขลา (หาดใหญ่) ตรัง และภูเก็ต ภาพรวมจะเดินทางท่องเที่ยว 7.3 แสนคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 2,600 ล้านบาท
ทางด้าน “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย Mr. Wu Li ประธานสมาพันธ์อาหารจีนโลก (World Federation of Chinese Catering Industry) ร่วมงาน “ประชันอาหารสานสัมพันธ์ไทย-จีน” มุ่งต่อยอดจากเทศกาลตรุษจีนด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหาร โดยได้รับเกียรติจาก เชพนำชัย เบญจรุ่งโรจน์ ร้านแสนยอด และเชฟชาวจีน 5 คน ตัวแทนสมาพันธ์อาหารจีนโลก จากมณฑลเจ้อเจียงสนับสนุนเรื่องอาหารด้วย
ทั้งนี้ “ร้านแสนยอด” จัดได้ว่าเป็นอาหารจีนกวางตุ้งที่ถือว่าเก่าแก่มากและมีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับรางวัลบิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmands) ในมิชลิน ไกด์ บุ๊ค ของไทย ให้บริการมากว่า 50 ปี เมนูอร่อยเด่น ๆ อาทิ เป็ดย่างเตาถ่านหมัก ราดหน้า บะหมี่ไข่สูตรกวางตุ้งแท้ๆ ปัจจุบันร้านแสนยอดมีทั้งหมด 4 สาขา ไดพ้แก่ สาขา สาธร-บางรัก สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาเสนาเฟสชั้น 2 และสาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่
ข่าวที่ 4 “ต้นปีบางจากกวาด4รางวัลแห่งเอเชีย”
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทนรับมอบ 4 รางวัลในงาน Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) 2017 ในฐานะ The Winner ประกอบด้วย
รางวัลรายงานความยั่งยืนยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ Asia’s Sustainability Report of the Year จาก H.E. Mr. Scott Wightman, the British High Commissioner ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้กับบริษัทในภูมิภาคเอเชียที่มีความเป็นผู้นำในการจัดทำรายงานความยั่งยืนและแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
รางวัลการรายงานที่แสดงสารัตภาพยอดเยี่ยม (Asia’s Best Materiality Reporting) (Joint Winner)
รางวัลการรายงานการดำเนินงานกับผู้มีส่วนได้เสียยอดเยี่ยม (Asia’s Best Stakeholder Reporting)
รางวัลการรายงานกิจกรรมชุมชนและสังคมยอดเยี่ยม (Asia’s Best Community Reporting) ในฐานะที่บริษัท บางจากฯ มีความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืน รายงานประเด็นสำคัญอย่างครบถ้วนครอบคลุม มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ ซึ่งมี 69 บริษัทจาก 15 ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย จัดโดย CSRWorks International Pte Ltd และ The British High Commissioner in Singapore
ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเที่ยวแดนพุทธภูมิเมืองรองในชายแดนไทย-เมียนมา “ตาก-เมียวดี” มี “วัดศักดิ์สิทธิ์” แปลกตาให้สักการะเพียบ และตลาดขายสินค้า อาหาร หลากหลายรอต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนการดูแลสุขภาพช่วงนี้ต้องยกให้ “วิธีเลี่ยงฝุ่นละอองในอากาศ” และข่าวท้ายชั่วโมง ถึงเวลาที่ “พี่ใหญ่-การบินไทย” ต้องกอดคอ “ไทยกรุ๊ป” ไทยสไมล์-นกแอร์ ใช้โค้ดแชร์เป็นเครื่องมือเพิ่มรายได้บินเมืองรองทั่วไทย ส่วน ทอท.ภูเก็ต เร่งเพิ่มที่พักคอยผู้โดยสารของอาคารโดเมสติกเพิ่มอีก 1 เท่า และ มี 4 ปัจจัยล่อใจคนไทยแห่เที่ยวเมืองนอกแนวโน้มปีนี้จะทะลุถึง 10 ล้านคน
@ เที่ยวแดนพุทธเมืองรองชายแดนตาก-เมียวดี
การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทริปนี้จะชวนไปเติมประสบการณ์เก๋ ๆ ในเมืองรองดินแดนแห่งแคว้นพุทธภูมิ ถิ่นวัฒนธรรมเมืองชายแดน “ตาก-เมียวดี” เชื่อมวิถีบุญสองแผ่นดิน ประตูอีกบานของอาเซียนหรือ AEC
วางแผนไปเที่ยวสัก 2 วัน 1 คืน มุ่งหน้าสู่ถนนสายทัวร์บุญถิ่นธรรมะ ไปแวะสักการะเจ้าพ่อพะวอ ก่อนจะไปอำเภอบ้านตาก ไหว้พระขอพรยัง “วัดพระบรมธาตุ” มีพระเจดีย์ใหญ่สีทองคล้ายชเวดากอง บรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสาริกธาตุส่วนพรนลาฎ เหมาะกับคนเกิดปีมะเมีย วัดนี้มีหลวงพ่อทันใจศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อไปถึงแม่สอด จังหวัดตากแล้วต้องห้ามพลาดแวะ “ตลาดพาเจริญ” ชิม “โรตีโอ่ง” ย่างแป้งโรตี้สดในโอ่งโดยไม่ต้องทอดรับประทานคู่กับชาพม่า กาแฟ โอวัลติน นมข้น หรือแกงกระหรี่ ก็ได้
จากนั้นก็เข้าอำเภอใช้เส้นทางบ้านตาก-แม่ระมาด-แม่สอด เพื่อไป “วัดไทยวัฒนาราม” หรือ “วัดแม่ตาว” อีกสักแห่ง อยู่ติดชายแดน ประดิษฐานพระพุทธมหามุณีคู่บ้านคู่เมืองของชาวมัณฑเลย์แห่งเมียนมา ภายในบริเวณวัดมีรูปปูนปั้นปิดทองคล้ายนกผสมหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไทยใหญ่ ถ้าไปเป็นกลุ่มสามารถติดต่อกรรมการวัดจัดการแสดงศิลปะชนเผ่า และอาหารพื้นเมือง ไว้ต้อนรับได้ด้วย
ตื่นเช้าของวันต่อมา มุ่งหน้าสู่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา เพื่อเข้าไปชมวิถีชีวิตชาวเมียวดี เมียนมา ซึ่งมี “วัดส่วยมินหวุ่น” หรือ “วัดเจดีย์ทอง” ชื่อเต็ม ๆ ว่า “เจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้” สร้างก่อนสมัยอยุธยา เป็นวัดคู่บ้านเมืองเมียวดีเก่าแก่ที่สุด มีศิลปะมอญ-เมียนมา ชัดเจน โดยมีเจดีย์ขนาดเล็ก 28 องค์ ล้อมองค์ระฆังประดับด้วยเส้นเข็มขัดรัดองค์ระฆังไว้ ให้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
ต่อด้วย “วัดมิเจาโก-วัดจระเข้” ลักษณะแตกต่างจากวัดทั่วไทย มีรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ทาสีเขียวสดใสทั้งตัว แล้วแวะอีกสักวัดคือ “วัดเจ้าโหล่งจี” (วัดก้อนหินใหญ่) ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขาเห็นยอดเจดีย์แต่ไกลจากพื้นราบ นิยมไปเสี่ยงหายจากหินสีทองลูกกลม ๆ น้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ก่อนยกต้องอธิษฐานจะได้ผลหรือไม่ก็ต้องดูว่ายกหินก้อนนั้นขึ้นไหวหรือเปล่า
เสร็จจากขอพรไหว้พระ เรียบร้อยแล้ว ต้องแวะไป “ตลาดบุเรงนอง” ศูนย์รวมของกิน ของช้อป ด้านหน้าตลาดมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องใช้หลากหลายส่วนใหญ่มาจากจีน ด้านหลังเป็นตลาดสดมีวัตถุดิบและอาหารให้ลองชิมตามชอบ หรือจะแวะ “ตลาดริมเมย” สุดเขตแดนไทย-เมียนมา เพื่อชมบรรยากาศ ช้อปปิ้งอีกสักรอบก็ยังไหว
สำหรับ “ตลาด” ก็เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง มีทั้ง ตลาดริมเมย เป็นศูนย์รวมต้นไม้หยกพร้อมสาธิตการทำด้วย “ตลาดมูเซอ” จำหน่ายสินค้าเกษตรโดยฝีมือชาวไทยภูเขา และ “ตลาดอัญมณีแม่สอด” แหล่งจำหน่ายพลอยต้นตำรับเมียนมา ก็ยังคงมีกลิ่นอายการค้าขายให้เห็นอยู่บ้าง ซื้อผัก ผลไม้ ตลาดมูเซอ แล้วเดินทางกลับบ้านกันอย่างมีความสุข
@ข้อแนะนำหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองในอากาศ
หมอกควัน หมายถึงการสะสมของควันหรือฝุ่นละอองในอากาศ จัดเป็นมลพิษทางอากาศอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ความเป็นอันตรายของฝุ่นละอองต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับขนาดของฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ ความเข้มข้น และระยะเวลาที่สัมผัส รวมทั้งสภาพร่างกายของผู้รับแต่ละคนด้วย ฝุ่นควันหรือฝุ่นขนาดที่เล็กกว่า 10 ไมครอน ที่เกิดจากการเผาไหม้จะส่งผลกระทบ ทำให้มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ทางผิวหนัง อาการทางตา ทำให้เกิดโรคหัวใจมากขึ้นด้วย
คำแนะนำการปฏิบัติตนเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ
1. ควรปิดประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้หมอกควันลอยเข้าสู่บ้าน
2. หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น
3. ก่อนออกจากบ้านควรสวมแว่นตา เพื่อป้องกันการระคายเคืองตา และสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองที่เหมาะสม
4. หลีกเลี่ยงการสูดดมละอองควันไฟเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และลดปริมาณการสูดดมพิษจากฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย
5. หากมีอาการผิดปกติหลังจากสูดดมฝุ่นละอองหมอกควัน เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด แสบตา ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
6. ในช่วงที่มีสถานการณ์หมอกควัน ควรงดการรองน้ำฝนมาใช้เพื่อการอุปโภคชั่วคราว
7. หลีกเลี่ยงการเผาขยะหรือวัสดุใด ๆ รวมถึงการสูบบุหรี่ที่จะเป็นการเพิ่มปัญหาควันมากขึ้น
8. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายใด ๆ หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในบริเวณกลางแจ้ง
9. หากขับขี่ยานพาหนะในช่วงที่มีหมอกควันควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
10. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ควรเตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอ และหากเกิดปัญหาสุขภาพควรพบแพทย์
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยกอดคอไทยกรุ๊ปชูโค้ดแชร์ปั๊มเงินเมืองรอง”
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เริ่มใช้กลยุทธ์ “ไทยกรุ๊ป” ประกอบด้วย การบินไทย ไทยสไมล์ (การบินไทยถือหุ้น 100 %) นกแอร์ (การบินไทยถือหุ้น 29 %) อย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2561 นำร่องความร่วมมือโครงการแรก ทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วมบริการ หรือ Codeshare เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) -แม่ฮ่องสอน สัปดาห์ละ 3 เที่ยว เริ่ม 25 มีนาคม นี้เป็นต้นไป โดยใช้นกแอร์ทำการบินด้วยเครื่อง ATR-72 ขนาดลำละ 70 ที่นั่ง ขายตั๋วเริ่มต้น 1,500 บาท และโดยภาพรวมตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้จากกลยุทธ์โค้ดแชร์ในเส้นทางอื่น ๆ ในประเทศตลอดปีเพิ่มขึ้นกับไทยกรุ๊ปอีก 5 %
โดยไทยกรุ๊ปจะเปิดเส้นทางบินเมืองรองร่วมกันในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 เมือง จากกรุงเทพฯ ไปยัง แม่ฮ่องสอน สกลนคร นครพนม และเพชรบูรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากก่อนหน้านี้ การบินไทยกับไทยสมายล์ทำโค้ดแชร์ไปแล้วหลายเส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง (ลาว), กรุงเทพฯ-เกาสง (ไต้หวัน)
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นกแอร์พร้อมใช้ฝูงบินใบพัด ATR-72 ขนาด 70 ที่นั่ง ให้บริการไปยังแม่ฮ่องสอนได้ทันที เบื้องต้นจะบินสัปดาห์ละ 3 เที่ยว ทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ คาดจะสามารถขนส่งนักท่องเที่ยวได้ราวปีละ 20,000 คน หากนักท่องเที่ยวตอบรับดีก็จะพิจารณาเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์ละ 5-7 เที่ยว
ข่าวที่สอง “ทอท.ภูเก็ตเพิ่มที่พักคอยในสนามบินอีกเท่าตัว”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ตระหนักถึงปัญหาความแออัดในช่วงที่มีการปิดพื้นที่ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และเพื่อบรรเทาความแออัดรวมทั้งตั้งแต่16 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นวันตรุษจีน มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทอท.จึงเร่งรัดการเปิดพื้นที่บริการเพิ่มพื้นที่พักคอยบริเวณห้องโถงพักคอยผู้โดยสารขาออกด้านทิศเหนือ จากเดิมที่มีพื้นที่เพียง 2,000 ตารางเมตร ซึ่งเดิมสามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งได้สูงสุด 2,000 คน เพิ่มเป็น 5,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารในชั่วโมงคับคั่งเพิ่มสูงสุดได้ 3,500 คน พร้อมเพิ่มเก้าอี้พักคอยให้ผู้โดยสารได้มากถึง 200 ที่นั่ง ในส่วนของระบบปรับอากาศที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจึงแก้ไขปัญหาเบื้องต้นโดยใช้วิธีติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม อำนวยความสะดวกผู้โดยสารทุกช่องทาง
ข่าวที่สาม “เปิด4ปัจจัยล่อใจคนไทยแห่เที่ยวนอก10ล้านคน”
นายศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์ปี 2561 มีสัญญาณถึงแนวโน้มคนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมถึง 10.2 ล้านคน มากกว่าปีที่ผ่านมาเที่ยวต่างประเทศเพียง 9.8 ล้านคน โดยมี 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.บริษัทนำเที่ยวแข่งกันจัดโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กระตุ้นการทำยอดขายสินค้า 2.องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างชาติรุกทำกิจกรรมโปรโมชั่นในไทยมากขึ้น ทั้ง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และอื่น ๆ 3.สายการบินโลว์คอสต์ และสายการบินกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แข่งขันกันด้วยราคาและเปิดเส้นทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก 4.เงินบาทแข็งค่าทำให้ใช้เงินท่องเที่ยวถูกลงโดยอัตโนมัติ
สำหรับประเทศยอดนิยมของคนไทย ยังคงเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน ส่วนแหล่งท่องเที่ยวข้ามทวีปที่กำลังมาแรงก็มี ยุโรปตะวันออก รัสเซีย และพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น เปรู โมร็อกโก เคนยา อาร์เจนตินา
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น