https://www.matichon.co.th/news/834677
รองนายกฯ สมคิดควง"ยุทธศักดิ์" ผู้ว่าททท.
รุกตลาดญี่ปุ่นตั้งเป้าปี'63โกยปีละ2ล้านคน
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว และบล็อกเกอร์ #gurutourza
#Amazingthailand #Opentothenewshades
ผู้ว่าฯ "ยุทธศักดิ์" ร่วมคณะ "ดร.สมคิด" รองนายกรัฐมนตรี นำทีมผนึกความร่วมมือผู้นำเกาะกิวชู ฟูกูโอกะ ของญี่ปุ่น ทำข้อตกลงความร่วมมือ LOI เปิด Open to the New Shades ตั้งเป้าปี'61 โกยรายได้เข้าไทยกว่า 7 หมื่นล้านบาท เล็งเปิด ททท.ฟูกูโอกะ และนำร่องขายเมืองรอง น่าน ระนอง ควบอสหาร วัฒนธรรม หาดทรายชายทะเลในมุมใหม่ หวังปี '63 ปลุกชาวญี่ปุ่นเที่ยวไทยปีละ 2 ล้านคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนาม LOI -Letter of Intent กับ Mr. Susumu Ishihara ประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู Kyushu Tourism Promotion Organization โดยได้รับเกียรติจาก รับเกียรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักทำบันทึกแสดงเจตนารมณ์ ระหว่าง ททท.และองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ต่อเนื่อง 2 ปี รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าเมืองไทยปีนี้รวมทั้งปีกว่า 1.56 ล้านคน สร้างรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 70,200 ล้านบาท และภายในปี 2563 ตั้งเป้าจะนำนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าประเทศไทยให้ได้ปีละ 2 ล้านคน ดังนั้นในภายปี 2561 จึงเตรียมกลับมาเปิดสำนักงาน ททท.ฟูกูโอกะ อีกครั้ง
เป้าหมายการทำ LOI ครั้งนี้ 1.การให้ความสำคัญทำตลาด 2 ทาง เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวของญี่ปุ่นและไทย 2.ทำการร่วมมือกันผลักดันให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไปใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเมืองไทยอีก 2 ปีข้างหน้าให้ได้ ปีละ 2 ล้านคน จากปีนี้จะทำให้ถึง1.56 ล้านคน พร้อมทั้งจะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้หญิงให้ได้สัดส่วน 50% จากตอนนี้มีเสัดส่วนเพียง 30% เนื่องจากเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง รวมถึงกลุ่มนักกีฬาที่ชื่นชอบการลงแข่งขันวิ่งมาราธอน เรื่อยไปจนถึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ คือนักลงทุนญี่ปุ่นที่กำลังจะเข้าไปร่วมในการพัฒนาบริเวณพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก ( Eaestern Economic Coridor : EEC) ในลักษณะ Business Traveller รวมทั้งกระตุ้นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้พร้อมจะใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวในไทยปี 2561 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 44,987 จากเดิม 43,460 บาทต่อคนต่อทริป
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าหลังจากการลงนาม LOI แล้ว ยังได้เปิดตัว Open to the New Shades กับผู้ประกอบการตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น โดยได้กระตุ้นใก้ชาวญี่ปุ่นไปท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนใหม่ ๆ ของไทย นำร่อง 2 จังหวัดแรก คือ น่าน และ ระนอง
ปัจจุบัน ททท.ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินชั้นนำ คือ การบินไทย ไชน่าแอร์ไลน์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ ให้บริการเที่ยวบินตรงเข้ามาขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่ประเทศไทย และตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ -6 พฤษภาคม นี้ การบินไทยจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องบินในเส้นทาง ฟูกูโอกะ-กรุงเทพฯ เป็นโบอิ้ง B777-200/300 ขนาดกว่า 350 ที่นั่ง แทนที่ฝูงบิน A330-300 ซึ่งบรรทุกได้เพียง 299 ที่นั่งเท่านั้น และยังเตรียมเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากสัปดาห์ละ 7 เป็น 10 เที่ยว
ส่วนเนื้อหาหลักในการทำ LOI ครั้งนี้ คือการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยและนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคคิวชู ให้มีการเดินทางแลกเปลี่ยนระหว่างกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) จังหวัดซะกะ (Saga) จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) จังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto)จังหวัดโออิตะ (Oita) จังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) และจังหวัดคะโงะชิมะ (Kagoshima)
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้ฉลองครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีงามมาโดยตลอด ปีนี้ ททท. จะเดินหน้ากลยุทธ์กำหนดแนวทางว่งเสริมการตลาดเชิงรุกให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็น Preferred Destination พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างความชัดเจนในการใช้ Thai Local Experience เป็นจุดขายหลักอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสื่อสารในแนวคิดใหม่ ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรต่างสาขา เพื่อหามุมมองใหม่ ๆ ในการทางานร่วมกับชุมชนกลุ่มต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าบริการและกระจายรายได้ไปยังชุมชน ภายใต้แคมเปญ Open to the New Shades นำเสนอผ่านสินค้าท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้แก่
- อาหาร : อาหารไทยมีความหลากหลายทั้ง street food อาหารชาววัง อาหารผสมผสาน หรืออาหารดั้งเดิมในครัวเรือน อีกทั้งขนมและของหวานที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ธรรมชาติและชายหาดทะเล : ที่คนจากทั่วโลกได้มาเห็นก็เชื่อแบบเดียวกัน อาทิ จังหวัดกระบี่ และระนอง
- ศิลปะและงานหัตถกรรม : สะท้อนออกมาในผลงานของศิลปะและหัตถกรรมที่สามารถพบเห็นได้ในทั่วไปในทุกวันนี้ อาทิ การทำผ้าย้อมคราม
- วัฒนธรรม : ประเพณีของไทยนั้นมีความหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของคนไทย ความเชื่อทางศาสนา เทศกาล รวมถึงศิลปะทางการแสดง และอื่นๆอีกมากมาย
- วิถีชีวิต : วิธีที่จะสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไทยได้นั้น มีเพียงวิธีเดียวก็คือการมายังประเทศไทยและใช้ชีวิตแบบคนไทยในท้องถิ่น อาทิ จังหวัดแพร่ และน่าน
สำหรับการเดินทางทำตลาดญี่ปุ่น ระหว่าง 8-9 กุมภาพันธ์ 2561 นายยุทศักดิ์ ได้นำผู้บริหาร ททท. ร่วมเดินทางไปกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาหารือกับผู้นำเกาะกิวชู ผู้ว่าราชการจังหวัดฟูกูโอกะ และภาคเอกชน สื่อมวลชนญี่ปุ่น และจัดสีมมนาเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าไปร่วมพัฒนาการลงทุนใน EEC โดยมีทีมของคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมการลงทุน กระทรวงพานิชย์ ร่วมเดืนทางมาเปิดการสัมมนากระตุ้นนักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนใน EEC และเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวมุมใหม่ ๆ ในแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก ที่มีมากกว่าพัทยา ชลบุรี นั่นคือ ระยอง จันทบุรี เรื่อยไปจนถึงพื้นที่ใหม่ทางภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
ระหว่างเดินทางในญี่ปุ่น ดร.สมคิด ยังได้ไปดูงานเมืองปัญญาประดิษฐ์ AI Village ซึ่งเป็นผู้นำการผลิตหุ่นยนต์เบอร์ 1 ของเอเชีย ที่สามารถสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาใช้งานแทนแรงงานมนุษย์ ซึ่งมีแนวโน้มจะขยายเข้ามาลงทุนใน EEC ของไทยต่อไป และได้ไปเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการด้านบริการรถไฟฟ้าใต้ดินของญี่ปุ่นด้วย
รองนายกฯ สมคิดควง"ยุทธศักดิ์" ผู้ว่าททท.
รุกตลาดญี่ปุ่นตั้งเป้าปี'63โกยปีละ2ล้านคน
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว และบล็อกเกอร์ #gurutourza
#Amazingthailand #Opentothenewshades
ผู้ว่าฯ "ยุทธศักดิ์" ร่วมคณะ "ดร.สมคิด" รองนายกรัฐมนตรี นำทีมผนึกความร่วมมือผู้นำเกาะกิวชู ฟูกูโอกะ ของญี่ปุ่น ทำข้อตกลงความร่วมมือ LOI เปิด Open to the New Shades ตั้งเป้าปี'61 โกยรายได้เข้าไทยกว่า 7 หมื่นล้านบาท เล็งเปิด ททท.ฟูกูโอกะ และนำร่องขายเมืองรอง น่าน ระนอง ควบอสหาร วัฒนธรรม หาดทรายชายทะเลในมุมใหม่ หวังปี '63 ปลุกชาวญี่ปุ่นเที่ยวไทยปีละ 2 ล้านคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนาม LOI -Letter of Intent กับ Mr. Susumu Ishihara ประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู Kyushu Tourism Promotion Organization โดยได้รับเกียรติจาก รับเกียรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักทำบันทึกแสดงเจตนารมณ์ ระหว่าง ททท.และองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ต่อเนื่อง 2 ปี รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าเมืองไทยปีนี้รวมทั้งปีกว่า 1.56 ล้านคน สร้างรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 70,200 ล้านบาท และภายในปี 2563 ตั้งเป้าจะนำนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าประเทศไทยให้ได้ปีละ 2 ล้านคน ดังนั้นในภายปี 2561 จึงเตรียมกลับมาเปิดสำนักงาน ททท.ฟูกูโอกะ อีกครั้ง
เป้าหมายการทำ LOI ครั้งนี้ 1.การให้ความสำคัญทำตลาด 2 ทาง เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวของญี่ปุ่นและไทย 2.ทำการร่วมมือกันผลักดันให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไปใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเมืองไทยอีก 2 ปีข้างหน้าให้ได้ ปีละ 2 ล้านคน จากปีนี้จะทำให้ถึง1.56 ล้านคน พร้อมทั้งจะเพิ่มกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้หญิงให้ได้สัดส่วน 50% จากตอนนี้มีเสัดส่วนเพียง 30% เนื่องจากเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง รวมถึงกลุ่มนักกีฬาที่ชื่นชอบการลงแข่งขันวิ่งมาราธอน เรื่อยไปจนถึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ คือนักลงทุนญี่ปุ่นที่กำลังจะเข้าไปร่วมในการพัฒนาบริเวณพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก ( Eaestern Economic Coridor : EEC) ในลักษณะ Business Traveller รวมทั้งกระตุ้นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้พร้อมจะใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวในไทยปี 2561 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 44,987 จากเดิม 43,460 บาทต่อคนต่อทริป
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าหลังจากการลงนาม LOI แล้ว ยังได้เปิดตัว Open to the New Shades กับผู้ประกอบการตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนญี่ปุ่น โดยได้กระตุ้นใก้ชาวญี่ปุ่นไปท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนใหม่ ๆ ของไทย นำร่อง 2 จังหวัดแรก คือ น่าน และ ระนอง
ปัจจุบัน ททท.ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินชั้นนำ คือ การบินไทย ไชน่าแอร์ไลน์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ ให้บริการเที่ยวบินตรงเข้ามาขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่ประเทศไทย และตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ -6 พฤษภาคม นี้ การบินไทยจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องบินในเส้นทาง ฟูกูโอกะ-กรุงเทพฯ เป็นโบอิ้ง B777-200/300 ขนาดกว่า 350 ที่นั่ง แทนที่ฝูงบิน A330-300 ซึ่งบรรทุกได้เพียง 299 ที่นั่งเท่านั้น และยังเตรียมเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากสัปดาห์ละ 7 เป็น 10 เที่ยว
ส่วนเนื้อหาหลักในการทำ LOI ครั้งนี้ คือการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยและนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคคิวชู ให้มีการเดินทางแลกเปลี่ยนระหว่างกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) จังหวัดซะกะ (Saga) จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) จังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto)จังหวัดโออิตะ (Oita) จังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) และจังหวัดคะโงะชิมะ (Kagoshima)
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้ฉลองครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีงามมาโดยตลอด ปีนี้ ททท. จะเดินหน้ากลยุทธ์กำหนดแนวทางว่งเสริมการตลาดเชิงรุกให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็น Preferred Destination พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างความชัดเจนในการใช้ Thai Local Experience เป็นจุดขายหลักอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสื่อสารในแนวคิดใหม่ ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรต่างสาขา เพื่อหามุมมองใหม่ ๆ ในการทางานร่วมกับชุมชนกลุ่มต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าบริการและกระจายรายได้ไปยังชุมชน ภายใต้แคมเปญ Open to the New Shades นำเสนอผ่านสินค้าท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้แก่
- อาหาร : อาหารไทยมีความหลากหลายทั้ง street food อาหารชาววัง อาหารผสมผสาน หรืออาหารดั้งเดิมในครัวเรือน อีกทั้งขนมและของหวานที่มีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ธรรมชาติและชายหาดทะเล : ที่คนจากทั่วโลกได้มาเห็นก็เชื่อแบบเดียวกัน อาทิ จังหวัดกระบี่ และระนอง
- ศิลปะและงานหัตถกรรม : สะท้อนออกมาในผลงานของศิลปะและหัตถกรรมที่สามารถพบเห็นได้ในทั่วไปในทุกวันนี้ อาทิ การทำผ้าย้อมคราม
- วัฒนธรรม : ประเพณีของไทยนั้นมีความหลากหลายและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของคนไทย ความเชื่อทางศาสนา เทศกาล รวมถึงศิลปะทางการแสดง และอื่นๆอีกมากมาย
- วิถีชีวิต : วิธีที่จะสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของคนไทยได้นั้น มีเพียงวิธีเดียวก็คือการมายังประเทศไทยและใช้ชีวิตแบบคนไทยในท้องถิ่น อาทิ จังหวัดแพร่ และน่าน
สำหรับการเดินทางทำตลาดญี่ปุ่น ระหว่าง 8-9 กุมภาพันธ์ 2561 นายยุทศักดิ์ ได้นำผู้บริหาร ททท. ร่วมเดินทางไปกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาหารือกับผู้นำเกาะกิวชู ผู้ว่าราชการจังหวัดฟูกูโอกะ และภาคเอกชน สื่อมวลชนญี่ปุ่น และจัดสีมมนาเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าไปร่วมพัฒนาการลงทุนใน EEC โดยมีทีมของคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมการลงทุน กระทรวงพานิชย์ ร่วมเดืนทางมาเปิดการสัมมนากระตุ้นนักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนใน EEC และเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวมุมใหม่ ๆ ในแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก ที่มีมากกว่าพัทยา ชลบุรี นั่นคือ ระยอง จันทบุรี เรื่อยไปจนถึงพื้นที่ใหม่ทางภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง ภาคใต้
ระหว่างเดินทางในญี่ปุ่น ดร.สมคิด ยังได้ไปดูงานเมืองปัญญาประดิษฐ์ AI Village ซึ่งเป็นผู้นำการผลิตหุ่นยนต์เบอร์ 1 ของเอเชีย ที่สามารถสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาใช้งานแทนแรงงานมนุษย์ ซึ่งมีแนวโน้มจะขยายเข้ามาลงทุนใน EEC ของไทยต่อไป และได้ไปเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการด้านบริการรถไฟฟ้าใต้ดินของญี่ปุ่นด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น