ททท.ปลุกรุ่นใหม่2ล้านคนเช็คอิน-กิน-เที่ยว
นำบล็อกเกอร์จุดพลุขายปราจีนฯ-สระแก้ว
คิงเพาเวอร์ชูซัมเมอร์ช้อปดิวตี้ฟรี3สนามบิน
ดันอะเมซิ่งเทรดมีทดูดทัวร์เศรษฐีจีน 20%
บางจาก-Appกสิกรไทยแจกรางวัลเพียบ
ทอท.จ่อใช้1.2แสนล้านผุดใหม่2สนามบิน
มหัศจรรย์ขับรถเที่ยวไทยสู่นครวัดกัมพูชา
เลือกกินของดีสุดทั้งผัก-ผลไม้เพื่อสุขภาพ
รร.ดิโอกุระฉลอง6ปีลดใหญ่13-14พ.ค.
มาเลย์ชวนเด็กไทยประกวดบทความเที่ยว
แบงก์ชาติชี้ท่องเที่ยวทำรายได้แรงไม่หยุด
ดุสิตฯเชียงใหม่จัดทัพติ่มซำบุฟเฟต์สุดถูก
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ฟังเทรนด์การท่องเที่ยวแนวใหม่กับ “วิบูลย์ นิมิตวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เขย่าวงการท่องเที่ยวเป็นครั้งแรกด้วยการงัดใช้กลยุทธ์บุกเบิกทำตลาดการขายเมืองรอง “ปราจีนบุรี-สระแก้ว” ด้วยจัดโปรเจ็กต์ “Travel Blogger Challenge 2018” สำรวจแหล่ง “เช็คอิน-กิน-เที่ยว” เจาะลึกทุกตารางนิ้วในเมืองสมุนไพร แหล่งอารยธรรมขอม แหล่งประวัติศาสตร์ อาหารสตรีทฟู้ดเก่าแก่กว่า 70 ปี เซอร์ไพรส์กับสวนทุเรียนนมสดแห่งแรกในประเทศ และหลากหลายมุมครบถ้วนทั้ง 5 ช. ชม-ชิม-แชะ-แชร์-ช่วย”
วิบูลย์ นิมิตวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์โปรโมต 2 เมืองรอง ปราจีนบุรี สระแก้ว โดยนำร่องทำกิจกรรมโครงการ “Travel Blogger Challenge 2018-เที่ยวตะวันออก เช็คอิน กิน เที่ยว” นำบล็อกเกอร์ชั้นนำของเมืองไทย 14 บล็อกเกอร์ ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มสร้างการรับรู้ถึงแหล่งท่องเที่ยวของทั้งสองจังหวัด เพื่อเปิดแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ อาหารถิ่น สตรีทฟู้ด ร้านเด็ด ร้านดัง โดยใช้รถสามล้อตุ๊กตุ๊กเข้ามามีส่วนร่วมบริการการเดินทางตลอดการแข่งขัน นำลัดเลาะตามแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการโปรโมตทั่วอำเภอเมืองปราจีนบุรี
โจทก์หลักของการจัดกิจกรรมนี้ “Travel Blogger Challenge 2018-เที่ยวตะวันออก เช็คอิน กิน เที่ยว” บล็อกเกอร์ทั้งหมดจะต้องแข่งขันกันนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ แล้วอัพโหลดเผยแพร่ผ่านออนไลน์แบบสด ๆ ทันที โดยมีบล็อกเกอร์ยอดนิยมอย่าง โลคอลคอร์สไทยแลนด์, ไปไหนดี, เที่ยวไหมครับ, กิน-เที่ยว-ถ่าย, วันเดย์, วิศวะพาเที่ยว, พู่กันเจอร์นี่, นายสองสามก้าว, แพร่รีวิว, แฮงทูเก็ตเตอร์, เที่ยวให้ยับ เจอร์นี่อะฮอลิก และแฮงรีวิว ในการเดินทางครั้งจะสามารถสร้างการรับรู้เข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วไทยได้ประมาณ 1.5 ล้านวิว
วันแรกนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้ว จุดแรก นำไปชมความยิ่งใหญ่ของ “ปราสาทสด็อกก๊อกธม” อำเภอโคกสูง ซึ่งเป็นปราสาทหินอายุกว่าพันปีตามแบบศิลปะปาปวนของขอม สวยงามครบถ้วน โดยเฉพาะปรางค์ประธานสูง 10 เมตร เป็นศูนย์กลางการทำพิธีพุทธสถาน
จุดที่ 2 “วัดนครธรรม” มีหลวงพ่อขาวหรือหลวงพ่อปูน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ สร้างด้วยปูนจากหนองดินจี่อายุกว่าร้อยปี มีความศักดิ์สิทธิ์นักท่องเที่ยวชอบไปขอโชคลาภด้วย
จุดที่ 3 “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์” อำเภอเมืองสระแก้ว เป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรและปศุสัตว์เป็นโรงเรียนฝึกสอนควายที่ชาวนานำมาใช้ทำการเกษตร เพราะปัจจุบันชาวนาใช้รถ ดังนั้นจึงต้องนำควายมาเข้าโรงเรียนแล้วสอนการไถนาก่อนจะนำไปใช้ในงานจริง
จุดที่ 4 พาไปสำรวจแหล่งช้อปสำคัญ “ตลาดโรงเกลือ” มีสินค้ามากมายเหมาะกับทุก Gen ทั้งกลุ่มสูงวัย เจนวาย ครอบครัว และอื่น ๆ
จุดที่ 5 แหล่ง“อาหารถิ่น” รวมถึง “เช็ค อิน กิน” ตามร้านกาแฟเก๋ ๆ
เป็นมุมใหม่ที่จะนำเสนอในสระแก้ว
วันที่สอง บล็อกเกอร์เดินทางเข้า “ปราจีนบุรี” สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ ได้แก่ จุดแรก “บ้านเล่าเรื่อง” อายุเก่าแก่กว่า 70 ปี ของมูลนิธิโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ ตั้งอยู่ใกล้ศาลหลักเมือง มีบริการอาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม สมุนไพร ต้นตำรับโบราณ ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว พร้อมกับมีเรื่องราวผ่านภาพที่ประดับอยู่ตามห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน สถานที่แห่งนี้สามารถรองรับการจัดงานเลี้ยง ประชุม พรี-เวดดิ้ง หรือนักท่องเที่ยวจะแวะไปชิมอาหารสมุนไพรแบบไทย อร่อยทุกเมนู
จุดที่ 2 “โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์” แหล่งสมุนไพรไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก มีกิจกรรมสาธิตการทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร นิทรรศการแสดงเรื่องราวความเป็นมาของโรงพยาบาลเชื่อมต่อกับอภัยภูเบศร์ในเมืองพระตะบอง กัมพูชา
จุดที่ 3 พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสบายเป็นศูนย์รวมของสะสมตะเกียงเก่าแก่แต่ละยุคนับพันดวง
จุดที่ 4 เป็นเส้นทางสายกิน ตั้งแต่ร้านอาหารท้องถิ่นริมถนนรสชาติอร่อย เช่น ร้านข้าว 3 หน้า-หมูแดง-ไก่-หมูกรอบ ทำมา 50 ปี ร้านพันธ์ทองไก่ทอด ร้านสมาร์ทก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ ส่วนของหวานก็มี ร้านเค้กครัวนภา ร้านข้าวเหนียวมะม่วงแม่สายหยุดในตลาดสดปราจีนบุรี และร้านสไตล์ชิค ๆ เทรนดี้เหมาะสำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ไฮไลต์คือ “ร้านเดอย่า คาเฟ่” และการบุกไปชิมผลไม้ในสวนลึกกลางชุมชนที่ “สวนทุเรียนนมสดลุงสำเภา” ซึ่งมีทุเรียนรสเลิศ ที่คนรอคอยมาตลอดทั้งปีผลผลิตจะออกช่วงเมษายน-พฤษภาคม ของทุกปี เป็นสวนนำร่องในประเทศไทยที่ใช้นมสดปีละหลายหมื่นกระป๋องมารดเพื่อเพิ่มความ หวาน มัน หนึบเหนียว อร่อยกว่าทุเรียนภาคอื่น ๆ
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า ตลอดการแข่งขันในรายการ “Travel Blogger Challenge 2018” ได้เปิดให้บล็อกเกอร์ประชันกันระดมแฟนคลับติดตามเข้ามากดไลท์กดแชร์ให้ได้มากที่สุด เพื่อลุ้นรางวัลชนะเลิศ ส่วนผลลัพธ์ที่ได้คือได้โปรโมตแหล่ง “เช็คอิน-กิน-เที่ยว ปราจีนบุรี สระแก้ว” เผยแพร่เข้าถึงผู้ติดตามจำนวนหลักล้านคน กระตุ้นความสนใจให้เลือกปราจีนบุรี กับ สระแก้ว เป็นเมืองรองอันดับต้น ๆ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในทุกโอกาสตลอดไป
สำหรับสถานที่พักยอดนิยมตอนนี้คือ “เซเรนิตี้ โฮเต็ล สปา แอนด์ ออนเซ็น กบินทร์บุรี” ตั้งอยู่ที่อำเภอนาดี ปราจีนบุรี ภายในมีออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น รองรับทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวญี่ปุ่นระดับบริหารที่เข้ามาทำงานอยู่ในนิคมแถวกบินทร์บุรี เป็นรีสอร์ตสุขภาพมีระดับมาตรฐานสากล
อีกทั้งยังมี “อ่างเก็บน้ำนฤบดินทร์จินดาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” หรือเรียกว่าอ่างเก็บห้วยโสมง ในตำบลแก่งดินสอ อ.นาดี ถือได้ว่าเป็นโครงการแหล่งน้ำในพระราชดำริโครงการสุดท้ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพื้นที่ขนาดใหญ่สวยงาม สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันก็มีแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา “วัดรัตนเนตราราม” เป็นประติมากรรมวัดจากเปลือกหอยทะเลเป็นงานพุทธศิลป์อย่างแท้จริง เนื่องจากหลวงพ่อได้นำเปลือกหอยหลายชนิดมาตกแต่งตั้งแต่บันไดไปจนถึงวิหารทำให้เกิดความตระการตาดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมี “ร้านอาหาร” แนะนำให้แวะไปคือ “บ้านเนินน้ำ” ต้นตำรับเมนูท้องถิ่นนำผักกะเฉดชะลูดน้ำขึ้นอยู่ใต้น้ำมาปรุงเมนูอาหาร รสชาติหวานกรอบอร่อย
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า กิจกรรมการแข่งขันของกลุ่มบล็อกเกอร์ครั้งนี้ เพื่อเปิดเส้นทางตัวอย่างให้นักท่องเที่ยว ได้ทดลองตามมาท่องเที่ยวกันทั้งในสระแก้วและปราจีนบุรี ซึ่งมีความหลากหลายทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ แหล่งช้อปปิ้ง อาหารถิ่น โดยภาพรวมต้องการวางกลยุทธ์กระตุ้นคนไทยทุกวัยเดินทางไปท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน
สถิติปี 2560 ปราจีนบุรี มีนักท่องเที่ยว 1.7 ล้านคน รายได้ 4,500 ล้านบาท สระแก้ว มีนักท่องเที่ยว 2.7 ล้านคน สร้างรายได้ 7,500 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเมืองค้าชายแดนจึงมีการขายค่อนข้างคึกคักมาก เป้าหมายปี 2561 โดยภาพรวมจะกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองที่อยู่ในความดูแลของ ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก มีรายได้เติบโตตามเป้าหมายหลั่งไหลเข้าสู่ท้องถิ่น 8-10 % โดยปูพรมเน้นสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว และการกระตุ้นภาคเอกชนทุกกลุ่มในพื้นที่ร่วมมือกันสร้างสรรโปรดักซ์มัดใจตลาดทุกกลุ่ม เร่งขยายกลยุทธ์ 5 ช.“ชม-ชิม-ช้อป-แชร์-ช่วย” เพราะทั้งปราจีนบุรี และสระแก้ว มีทรัพยากรธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลขับรถเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
ททท.พร้อมเดินหน้าแจ้งเกิดการท่องเที่ยว 2 เมืองใหม่ “ปราจีนบุรี-สระแก้ว” ผ่านช่องทางสื่อแนวใหม่บล็อกเกอร์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ที่สามารถเพิ่มแรงจูงใจให้คนทุกวัยเข้าไปท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ๆ เพื่อทำให้ปีท่องเที่ยว วิถีไทยเก๋ไก๋อย่างยั่งยืน เป็นแม่เหล็กขั้วใหญ่ดึงรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างจริงจังทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดซัมเมอร์ช้อปดิวตี้ฟรี3สนามบิน”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้จัดแคมเปญ “ENDLESS SUMMER : AIRPORT” ต้อนรับซัมเมอร์นี้รายการส่งเสริมการขายระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2561 โดยจัดรายการส่งเสริมการขาย PC Get Discount Up to 400 Baht ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต (ร้านค้าขาออก)
พิเศษสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ ลดทันที 400 บาท เพียงช็อปสินค้าแผนกน้ำหอม และเครื่องสำอางครบ 4,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ และลดทันที 1,000 บาท เพียงช็อปสินค้าแผนกน้ำหอม และเครื่องสำอางครบ 8,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ และ ลดทันที 1,200 บาท เพียงช็อปแผนกแฟชั่น นาฬิกา เครื่องประดับ และจิวเวลรี่ ครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จขึ้นไป
สอบถามเพิ่มเติมที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.เปิดเทรดใหญ่เจาะทัวร์จีนไฮเอนด์เล็งเพิ่ม20%”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าวางกลยุทธ์เจาะกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มคุณภาพระดับเศรษฐี ตลอดปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มฐานตลาดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ให้ได้ถึง 20% โดยการเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลักชัวรี่ของไทย 35 ราย เจรจาธุรกิจกับคู่ค้าจีนในงาน “Amazing Thailand Trade Meet 2018” ซึ่งมีตัวแทนไทยเข้าร่วม 35 ราย อาทิ โรงแรมและรีสอร์ต สปา บริษัทนำเที่ยว สายการบิน มีโอกาสแลกเปลี่ยนการค้ากับผู้ซื้อของจีน 12 ราย และอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ 9 ราย สหภาพยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง 10 ราย สหรัฐฯ 4 ราย
ตลอปี 2560 นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เงินตลอดการพักผ่อนในไทยเฉลี่ยคนละ 51,554 บาท/ทริป เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 2.67% สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่ม11.66% ทว่าส่วนแบ่งตลาดสูงสุดยังคงเป็นนักท่องเที่ยวระดับฐานล่าง ส่วนระดับกลางบนเริ่มทยอยเพิ่มในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ข่าวที่ 3 “บางจากชูใช้Appกสิกรไทยจ่ายเงินลุ้นรางวัลเพียบ”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับธนาคารกสิกรไทย จัดกิจกรรมโปรยแก๊ง- 30 มิ.ย.61ลุ้นรับฟรี SAMSUNG GALAXY NOTE 8 จำนวน 20 รางวัล รวมมูลค่า 678,000 บาท* เมื่อใช้จ่ายด้วย QR Code ผ่านแอปพลิเคชั่น K PLUS หรือ จ่ายด้วยบัตรเครดิตและเดบิตกสิกรไทย ครบทุก 50 บาท ชำระเงินที่ร้าน SPAR/INTHANIN/LEMONKITCHEN เฉพาะสาขาที่เข้าร่วมรายการ
ทั้งนี้ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น สงวนสิทธิ์ลูกค้าที่ได้รับรางวัลสูงสุด 1 คนต่อ 1 รางวัล ตลอดรายการ โดยทางธนาคารกสิกรไทยติดต่อผู้โชคดีโดยตรง และจะประกาศผลทางเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทย www.kasikornbank.com ในวันที่ 13 ก.ค. 2561
ข่าวที่ 4 “ทอท.จ่อลงทุน1.2แสนล้านสนามบินลำพูน/พังงา”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ขณะนี้กำลังศึกษาโครงการก่อสร้าง 2 สนามบินใหม่ในเมืองรอง โดยเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ในวันที่ 25 เมษายน 2561 ตามผลการศึกษพบปัจจัยสนับสนุนดังนี้คือ สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 บริเวณ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ส่วนสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 คือพื้นที่ จ.พังงา
โดยจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาเห็นชอบในหลักการลงทุนก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ใน 2 จังหวัด ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 12,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารแห่งละ 10 ล้านคน ประกอบด้วย สนามบินพังงาจะใช้เงินลงทุน 70,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 10 ล้านคน ส่วนสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 จ.ลำพูน จะใช้เงินลงทุน 50,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 10 ล้านคน
ปัจจุบัน ทอท. มีเงินสดอยู่กว่า 62,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีเงินสดเป็นกำไรยังไม่หักค่าเสื่อมเข้ามาอีกว่าปีละ 30,000 ล้านบาท จึงไม่มีปัญหาผลกระทบระยะสั้นและระยะยาว ยกเว้นช่วงปี 2563 อาจจะมีผลอยู่บ้างเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็สามารถกู้เงินระยะสั้นมาใช้ได้ โดยไม่สะเทือนไปถึงสภาพคล่องการใช้เงินแต่อย่างใด
ช่วงที่ 2 เที่ยวกันเถอะพวกเรา ในเส้นทางแห่งฝันของหลาย ๆ คน เพื่อดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ “ไทยสู่นครวัด กัมพูชา” บนถนนแห่งความท้าทายระยะทาง 500 กม.แล้วจะรู้ว่าชีวิตยังมีเรื่องดี ๆ ให้ทำอีกมากมาย ส่วนการดูแลสุขภาพ ทำเลยในการเลือกกินผัก-ผลไม้ ที่ดีสุด ๆ และข่าวเด็ด ๆ
@มหัศจรรย์เที่ยว“ไทยถึงนครวัดกัมพูชา”
ความใฝ่ฝันของหลาย ๆ คน ว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะต้องไปชม1 ใน 7 มรดกโลกใกล้บ้านเรา “นครวัด-นครธม” จังหวัดเสียมราฐ กัมพูชา วันนี้จากไทยไปถึงเสียมราฐไม่ได้ยากอย่างที่คิดอีกต่อไปแล้ว สามารถขับรถท่องเที่ยวแบบชีล ๆ แวะไปเรื่อยในเวลาไม่เกิน 5 วัน จาก “อรัญประเทศ-นครวัด-พนมเปญ” ระยะทางราว 500 กิโลเมตร
ตั้งหลักจาก “ด่านปอยเปต” ข้ามชายแดนไทยตรง “อำเภออรัญประเทศ” ใช้ทางหลวงหมายเลข 6 ขับรถชมวิวท้องทุ่งนา วิถีชุมชนชาวบ้าน ราว 170 กิโลเมตร ก็จะถึงเมืองมรดกโลกเสียมราฐ พักค้างสัก 2 วัน เพื่อดื่มด่ำโบราณสถานที่กลิ่นอายความเก่าแก่หลายพันปี
จุดแรก “นครวัด” มหัศจรรย์มรดกโลกซึ่งเป็นที่สุดแห่งปราสาทขอม ภายในมีแผนผังนับเป็นวิวัฒนาการขั้นเทพของปราสาทขอม รายล้อมด้วยผนังของภาพแกะสลักนูนต่ำรอบระเบียงปราสาท และภาพนางอัปรากว่าหนึ่งพันนางสวมใส่เครื่องแต่งกายและจัดทำทรงผมไม่ซ้ำแบบ
จุดที่ 2 “ปราสาทบายน” นักท่องเที่ยวจะได้พบกับภาพสลักหินใบหน้า “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 หน้า” บนยอดปรางค์ 37 ยอด น่าค้นหาถึงความลึกลับเรื่อยไปจนถึงการเดินชมรูปสลักพื้นรอบบริเวณระเบียงชั้นล่างของปราสาท
จุดที่ 3 “ปราสาทตาพรหม” เป็นปราสาทที่มีต้นสะปงขนาดยักษ์ ขึ้นปกคลุมตัวปราสาทอยู่หลายส่วน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ติดตาของนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เคยแวะเวียนเข้ามายังปราสาทแห่งนี้
จุดที่ 4 “โตนเลสาบ” ก่อนโบกมือลาจังหวัดเสียมราฐเข้าสู่มหานคร “พนมเปญ” เมืองหลวง ระหว่างทางแวะไปดูทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์น้ำ แหล่งประมงน้ำจืดที่ใช้หล่อเลี้ยงผู้คนและเป็นเส้นทางสัญจรจากเสียมราฐสู่พนมเปญสายน้ำคัญด้วย
การขับรถจากเสียมราฐเข้ากรุงพนมเปญต้องใช้ทางหลวงหมายเลข 6 ระยะทางราว 316 กิโลเมตร เมื่อถึงตัวเมืองแล้วก็แวะชมความศิวิไลของชาวกัมพูชาในเมืองกัน เพราะพนมเปญได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปารีสแห่งตะวันออก” เลยทีเดียว มีตึกเก่าแก่สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล แบบชิโน-โปรตุกีส วัด วัง ศิลปะขอม หรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จัดแสดงวัตถุโบราณจากนครวัด-นครธม เรื่อยไปจนถึง พระราชวังเขมรินทร์ ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหมุนี”
แล้วก็ถึงเวลาขับรถกลับประเทศไทย โดยขับย้อนเส้นทางเดิมมาออกด่านเดิมตรงอรัญประเทศ ถึงเมืองไทยพร้อม ๆ กับความรู้และประสบการณ์เดินทางที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
@การเลือกกินผัก-ผลไม้เพื่อสุขภาพจริง ๆ
การเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์เข้าสู่ร่างกายมีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงขอนำข้อมูลจากนักโภชนาการมาบอกกัน ทั้งการกินผักและผลไม้ที่ดีที่สุดดังนี้
ผักที่ดีที่สุด ใบเขียวเข้มที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากที่สุดคือ ผักโขม ผักคะน้า ผักกาดเขียวปลี และบร็อคโคลี่ เนื่องจากเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด เต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีที่ช่วยปกป้องเซลล์และสร้างระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดให้กับร่างกาย ที่สำคัญคือแคลอรี่น้อยมาก ซึ่งนักวิชาการแนะนำว่า ควรกินผักใบเขียวประเภทนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ถ้วย จะกินแบบนำไปห่อกับสลัดหรือนำไปทำแซนวิชก็ไม่เลว ใครอยากจะกินแบบเป็นน้ำปั่นสมูทตี้เพื่อสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมก็สามารถนำปั่นผสมกับกรีกโยเกิร์ต เติมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยก็อร่อยได้
สำหรับผักคะน้าเป็นผักที่โดดเด่นเรื่องคุณค่าทางโภชนาการจนได้ชื่อว่าเป็น ซุปเปอร์ผัก (cruciferous) เพียงอย่างเดียว ยังมีผักอื่นๆในตระกูลกะหล่ำปลีอย่าง กะหล่ำดาว กะหล่ำดอก และผักอื่นๆอีกมากมาย ผักเหล่านี้จะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและได้รับการยืนยันจากนักโภชนาการแล้วว่าช่วยลดการเกิดมะเร็งและไขมันหน้าท้องได้ อีกทั้งสารซีแซนทีน แคโรทีนอยด์ และลูทีน ที่พบในผักตระกูล cruciferous นี้ จะช่วยปกป้องดวงตาจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายจากแสงแดดและสารอนุมูลอิสระในสิ่งแวดล้อมที่ต้องพบเจอในแต่ละวันด้วย
ส่วนผลไม้ที่ดีที่สุด ต้องยกให้ อะโวคาโด อาจมีไขมันสูง แต่ก็เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) และมีโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและหัวใจ รวมทั้งไฟเบอร์ วิตามินอี วิตามินบี และโพแทสเซียม ลองหั่นอะโวคาโดสักสี่ชิ้นลงในแซนด์วิชมื้อเช้า หรือนำไปคลุกกับสลัดผักนตอนกลางวันก็จะช่วยเพิ่มพลังงานให้คุณได้เป็นอย่างดี
รวมไปถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อย่างบลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารโพลีฟีนอล และแอนโทไซยานิน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและภาวะสมองเสื่อม ผลเบอร์รี่มักจะมีวิตามินซีสูงและแคลอรีต่ำเพียง 80 แคลอรี่เท่านั้น คนที่กำลังลดน้ำหนักนิยมกิน แถมมีคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการดูดซึมวิตามินซีและแมงกานีสซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้การเผาผลาญสารอาหารกลายเป็นพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้
และการดื่มสมูทตี้จากผลไม้นอกฤดู ความสดใหม่ของผลไม้แช่แข็งจะยังคงคุณค่าทางสารอาหารเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน และสะดวกกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “โรงแรมดิโอกุระฉลอง6ปีครั้งใหญ่ลด16%”
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ฉลองครบรอบ 6 ปี โดยมอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าที่สำรองห้องพักพร้อมอาหารเช้า 2 คืนเป็นต้นไป จะได้รับส่วนลด 16% จากราคาปกติ แถมโบนัสพิเศษให้สิทธิรับประทานอาหารมื้อค่ำ 1 มื้อ มูลค่า 2,600 บาท (สุทธิ) ต่อห้อง ได้ระหว่างเข้าพักเลือกจาก 2 ห้องอาหาร คือ ห้องญี่ปุ่นยามาซาโตะ ห้องอาหารระดับ “มิชลิน เพลท” หรือห้องอาหารเอเลเมนท์ ที่ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน จากคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงเทพฯ
โปรโมชั่นนี้เปิดให้จองห้องพักพร้อมอาหารเช้าผ่านทาง www.okurabangkok.com หรือโทร. 02 687 9000 ระหว่าง 14 - 31 พฤษภาคม 2561 เพื่อเข้าพักระหว่าง 14 พฤษภาคม - 30 กันยายน 2561 เท่านั้น
ทั้งนี้ราคาห้องพักพร้อมอาหารเช้า ดีลักซ์เริ่มต้นที่ 9,100 บาท++ ต่อคืน รวมอาหารเช้า 2 คน เลือกรับประทานบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ห้อง อัพ แอนด์ อะบัฟ หรือที่ห้องยามาซาโตะ ส่วนการจองห้องพักแบบ โอกุระ คลับ จะได้สิทธิใช้บริการคลับ เล้าจน์บนชั้น 33 มีบริการของว่างและเรื่องดื่มตลอดทั้งวัน เครื่องดื่มค็อกเทลยามเย็น ตั้งแต่ 17.30 -19.30 น. รับบริการพิเศษอีกหลายรายการ อาทิ บริการซัก รีด เสื้อผ้า 2 ชิ้นต่อวันระหว่างที่เข้าพัก บริการ เช็คอิน และ เช็คเอ้าท์ ภายใน คลับ เล้าจน์ และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มที่เว็บไซต์ www.okurabangkok.com หรือโทร. 02 687 9000
ข่าวที่สอง “มาเลย์ชวนเด็กไทยประกวดบทความท่องเที่ยวถึง30มิ.ย.”
สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยจัดโครงการประกวดบทความ "NAK SUK SA PAI MALAYSIA ADVENTURE 2018" เพื่อร่วมรำลึกถึงวาระครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศมาเลเซียและประเทศไทย โดยมี ฯพณฯ ดาโต๊ะ โจจี้ ซามูเอ็ล เอ็ม ซี ซามูเอ็ล เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดโครงการ
โดยเชิญชวนนิสิต นักศึกษา อายุ 17-25 ปี ส่งบทความประกวดได้ในหัวข้อ "ทำไมฉันถึงอยากจะผจญภัยที่มาเลเซีย" ทยอยส่งได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2561 ผ่านช่องทาง www.facebook.com/embassyofmalaysiabangkok เพื่อรับแบบฟอร์มลงทะเบียน กรอกข้อมูลและส่งกลับพร้อมบทความไปที่อีเมล์ naksuksa.pai.malaysia@gmail.com
สำหรับผู้ชนะ 5 รางวัล จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวมาเลเซียช่วงกรกฎาคม – ตุลาคม นี้ โดยมีผู้สนับสนุนคือ สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ การท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานการศึกษามาเลเซีย กระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ และ บริษัท Conceptual Events Co. Ltd.
ฯพณฯ ดาโต๊ะ โจจี้ ซามูเอ็ล เอ็ม ซี ซามูเอ็ล เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย กล่าวว่าการประกวดบทความครั้งนี้จะสร้างความตระหนักรู้ถึงความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย ให้กับเยาวชนไทยรุ่นใหม่ รวมถึงเป็นการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกลุ่มการศึกษาและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ และการประกวดบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาได้พัฒนาความสามารถในการวิจัย หาข้อมูลเพิ่มเติม และรู้จักประเทศมาเลเซียมากขึ้น
ข่าวที่สาม “แบงก์ชาติชี้มี.ค.ท่องเที่ยวทำรายได้โตต่อเนื่อง”
นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงการสรุปภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ว่า ตลอดเดือนมีนาคม 2561 ว่าการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทำรายได้ดีขึ้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐลดลง
ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.55% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 0.08% ในเดือนก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน ประกอบกับราคาอาหารสดติดลบน้อยลงตามราคาข้าวและนมที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.8% ทรงตัวจากเดือนก่อน
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 เงินฝากทั้งระบบเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 4.2% ชะลอลงจากเดือนก่อน เงินฝากชะลอลงทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ(SFIs) ด้านสินเชื่อคงค้างทั้งระบบเพิ่มขึ้น2.4% ชะลอลงเช่นกัน โดยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์หดตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับนโยบายการให้สินเชื่อแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ ขณะที่สินเชื่อ SFIs ขยายตัวต่อเนื่อง
ข่าวที่สี่ “ดุสิตปริ๊นเซสเชียงใหม่จัดติ่มซำบุฟเฟต์แสนถูก”
โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส เชียงใหม่ จัดโปรแรง ระหว่างวันนี้ – 31 พฤษภาคม 2561 มา 4 จ่าย 3 ติ่มซำมื้อเที่ยง DAILY Dim Sum All You Can Eat ที่ห้องอาหารจัสมิน ให้อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นกับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำมื้อเที่ยง กว่า 30 เมนู ทั้ง เผือดทอด ลูกชิ้นกุ้งห่อเกี๊ยวกรอบ, ฮาเก๋า, ขนมจีน, ซาลาเปาไส้ต่างๆแสนอร่อย พร้อมเมนูซุป, อาหารจานหลัก และของหวานที่มีให้คุณเลือกทานตามชอบ ในบรรยากาศแสนสบาย และการบริการอันเป็นกันเอง อิ่มอร่อยได้ทุกวันตั้งแต่ 11.30-14.30 น.
ราคาผู้ใหญ่ ราคา 399 บาท ต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มชาจีนและน้ำเก็กฮวย) เด็ก ราคา 199 บาท ต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มชาจีนและน้ำเก็กฮวย) เด็กอายุ 3 ปี หรือต่ำกว่า ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz
นำบล็อกเกอร์จุดพลุขายปราจีนฯ-สระแก้ว
คิงเพาเวอร์ชูซัมเมอร์ช้อปดิวตี้ฟรี3สนามบิน
ดันอะเมซิ่งเทรดมีทดูดทัวร์เศรษฐีจีน 20%
บางจาก-Appกสิกรไทยแจกรางวัลเพียบ
ทอท.จ่อใช้1.2แสนล้านผุดใหม่2สนามบิน
มหัศจรรย์ขับรถเที่ยวไทยสู่นครวัดกัมพูชา
เลือกกินของดีสุดทั้งผัก-ผลไม้เพื่อสุขภาพ
รร.ดิโอกุระฉลอง6ปีลดใหญ่13-14พ.ค.
มาเลย์ชวนเด็กไทยประกวดบทความเที่ยว
แบงก์ชาติชี้ท่องเที่ยวทำรายได้แรงไม่หยุด
ดุสิตฯเชียงใหม่จัดทัพติ่มซำบุฟเฟต์สุดถูก
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ฟังเทรนด์การท่องเที่ยวแนวใหม่กับ “วิบูลย์ นิมิตวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เขย่าวงการท่องเที่ยวเป็นครั้งแรกด้วยการงัดใช้กลยุทธ์บุกเบิกทำตลาดการขายเมืองรอง “ปราจีนบุรี-สระแก้ว” ด้วยจัดโปรเจ็กต์ “Travel Blogger Challenge 2018” สำรวจแหล่ง “เช็คอิน-กิน-เที่ยว” เจาะลึกทุกตารางนิ้วในเมืองสมุนไพร แหล่งอารยธรรมขอม แหล่งประวัติศาสตร์ อาหารสตรีทฟู้ดเก่าแก่กว่า 70 ปี เซอร์ไพรส์กับสวนทุเรียนนมสดแห่งแรกในประเทศ และหลากหลายมุมครบถ้วนทั้ง 5 ช. ชม-ชิม-แชะ-แชร์-ช่วย”
วิบูลย์ นิมิตวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์โปรโมต 2 เมืองรอง ปราจีนบุรี สระแก้ว โดยนำร่องทำกิจกรรมโครงการ “Travel Blogger Challenge 2018-เที่ยวตะวันออก เช็คอิน กิน เที่ยว” นำบล็อกเกอร์ชั้นนำของเมืองไทย 14 บล็อกเกอร์ ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มสร้างการรับรู้ถึงแหล่งท่องเที่ยวของทั้งสองจังหวัด เพื่อเปิดแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ อาหารถิ่น สตรีทฟู้ด ร้านเด็ด ร้านดัง โดยใช้รถสามล้อตุ๊กตุ๊กเข้ามามีส่วนร่วมบริการการเดินทางตลอดการแข่งขัน นำลัดเลาะตามแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการโปรโมตทั่วอำเภอเมืองปราจีนบุรี
โจทก์หลักของการจัดกิจกรรมนี้ “Travel Blogger Challenge 2018-เที่ยวตะวันออก เช็คอิน กิน เที่ยว” บล็อกเกอร์ทั้งหมดจะต้องแข่งขันกันนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ แล้วอัพโหลดเผยแพร่ผ่านออนไลน์แบบสด ๆ ทันที โดยมีบล็อกเกอร์ยอดนิยมอย่าง โลคอลคอร์สไทยแลนด์, ไปไหนดี, เที่ยวไหมครับ, กิน-เที่ยว-ถ่าย, วันเดย์, วิศวะพาเที่ยว, พู่กันเจอร์นี่, นายสองสามก้าว, แพร่รีวิว, แฮงทูเก็ตเตอร์, เที่ยวให้ยับ เจอร์นี่อะฮอลิก และแฮงรีวิว ในการเดินทางครั้งจะสามารถสร้างการรับรู้เข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วไทยได้ประมาณ 1.5 ล้านวิว
วันแรกนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้ว จุดแรก นำไปชมความยิ่งใหญ่ของ “ปราสาทสด็อกก๊อกธม” อำเภอโคกสูง ซึ่งเป็นปราสาทหินอายุกว่าพันปีตามแบบศิลปะปาปวนของขอม สวยงามครบถ้วน โดยเฉพาะปรางค์ประธานสูง 10 เมตร เป็นศูนย์กลางการทำพิธีพุทธสถาน
จุดที่ 2 “วัดนครธรรม” มีหลวงพ่อขาวหรือหลวงพ่อปูน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ สร้างด้วยปูนจากหนองดินจี่อายุกว่าร้อยปี มีความศักดิ์สิทธิ์นักท่องเที่ยวชอบไปขอโชคลาภด้วย
จุดที่ 3 “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์” อำเภอเมืองสระแก้ว เป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรและปศุสัตว์เป็นโรงเรียนฝึกสอนควายที่ชาวนานำมาใช้ทำการเกษตร เพราะปัจจุบันชาวนาใช้รถ ดังนั้นจึงต้องนำควายมาเข้าโรงเรียนแล้วสอนการไถนาก่อนจะนำไปใช้ในงานจริง
จุดที่ 4 พาไปสำรวจแหล่งช้อปสำคัญ “ตลาดโรงเกลือ” มีสินค้ามากมายเหมาะกับทุก Gen ทั้งกลุ่มสูงวัย เจนวาย ครอบครัว และอื่น ๆ
จุดที่ 5 แหล่ง“อาหารถิ่น” รวมถึง “เช็ค อิน กิน” ตามร้านกาแฟเก๋ ๆ
เป็นมุมใหม่ที่จะนำเสนอในสระแก้ว
วันที่สอง บล็อกเกอร์เดินทางเข้า “ปราจีนบุรี” สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ ได้แก่ จุดแรก “บ้านเล่าเรื่อง” อายุเก่าแก่กว่า 70 ปี ของมูลนิธิโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ ตั้งอยู่ใกล้ศาลหลักเมือง มีบริการอาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม สมุนไพร ต้นตำรับโบราณ ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว พร้อมกับมีเรื่องราวผ่านภาพที่ประดับอยู่ตามห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน สถานที่แห่งนี้สามารถรองรับการจัดงานเลี้ยง ประชุม พรี-เวดดิ้ง หรือนักท่องเที่ยวจะแวะไปชิมอาหารสมุนไพรแบบไทย อร่อยทุกเมนู
จุดที่ 2 “โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์” แหล่งสมุนไพรไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก มีกิจกรรมสาธิตการทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร นิทรรศการแสดงเรื่องราวความเป็นมาของโรงพยาบาลเชื่อมต่อกับอภัยภูเบศร์ในเมืองพระตะบอง กัมพูชา
จุดที่ 3 พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสบายเป็นศูนย์รวมของสะสมตะเกียงเก่าแก่แต่ละยุคนับพันดวง
จุดที่ 4 เป็นเส้นทางสายกิน ตั้งแต่ร้านอาหารท้องถิ่นริมถนนรสชาติอร่อย เช่น ร้านข้าว 3 หน้า-หมูแดง-ไก่-หมูกรอบ ทำมา 50 ปี ร้านพันธ์ทองไก่ทอด ร้านสมาร์ทก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ ส่วนของหวานก็มี ร้านเค้กครัวนภา ร้านข้าวเหนียวมะม่วงแม่สายหยุดในตลาดสดปราจีนบุรี และร้านสไตล์ชิค ๆ เทรนดี้เหมาะสำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ไฮไลต์คือ “ร้านเดอย่า คาเฟ่” และการบุกไปชิมผลไม้ในสวนลึกกลางชุมชนที่ “สวนทุเรียนนมสดลุงสำเภา” ซึ่งมีทุเรียนรสเลิศ ที่คนรอคอยมาตลอดทั้งปีผลผลิตจะออกช่วงเมษายน-พฤษภาคม ของทุกปี เป็นสวนนำร่องในประเทศไทยที่ใช้นมสดปีละหลายหมื่นกระป๋องมารดเพื่อเพิ่มความ หวาน มัน หนึบเหนียว อร่อยกว่าทุเรียนภาคอื่น ๆ
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า ตลอดการแข่งขันในรายการ “Travel Blogger Challenge 2018” ได้เปิดให้บล็อกเกอร์ประชันกันระดมแฟนคลับติดตามเข้ามากดไลท์กดแชร์ให้ได้มากที่สุด เพื่อลุ้นรางวัลชนะเลิศ ส่วนผลลัพธ์ที่ได้คือได้โปรโมตแหล่ง “เช็คอิน-กิน-เที่ยว ปราจีนบุรี สระแก้ว” เผยแพร่เข้าถึงผู้ติดตามจำนวนหลักล้านคน กระตุ้นความสนใจให้เลือกปราจีนบุรี กับ สระแก้ว เป็นเมืองรองอันดับต้น ๆ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในทุกโอกาสตลอดไป
สำหรับสถานที่พักยอดนิยมตอนนี้คือ “เซเรนิตี้ โฮเต็ล สปา แอนด์ ออนเซ็น กบินทร์บุรี” ตั้งอยู่ที่อำเภอนาดี ปราจีนบุรี ภายในมีออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น รองรับทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวญี่ปุ่นระดับบริหารที่เข้ามาทำงานอยู่ในนิคมแถวกบินทร์บุรี เป็นรีสอร์ตสุขภาพมีระดับมาตรฐานสากล
อีกทั้งยังมี “อ่างเก็บน้ำนฤบดินทร์จินดาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” หรือเรียกว่าอ่างเก็บห้วยโสมง ในตำบลแก่งดินสอ อ.นาดี ถือได้ว่าเป็นโครงการแหล่งน้ำในพระราชดำริโครงการสุดท้ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพื้นที่ขนาดใหญ่สวยงาม สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันก็มีแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา “วัดรัตนเนตราราม” เป็นประติมากรรมวัดจากเปลือกหอยทะเลเป็นงานพุทธศิลป์อย่างแท้จริง เนื่องจากหลวงพ่อได้นำเปลือกหอยหลายชนิดมาตกแต่งตั้งแต่บันไดไปจนถึงวิหารทำให้เกิดความตระการตาดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมี “ร้านอาหาร” แนะนำให้แวะไปคือ “บ้านเนินน้ำ” ต้นตำรับเมนูท้องถิ่นนำผักกะเฉดชะลูดน้ำขึ้นอยู่ใต้น้ำมาปรุงเมนูอาหาร รสชาติหวานกรอบอร่อย
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่า กิจกรรมการแข่งขันของกลุ่มบล็อกเกอร์ครั้งนี้ เพื่อเปิดเส้นทางตัวอย่างให้นักท่องเที่ยว ได้ทดลองตามมาท่องเที่ยวกันทั้งในสระแก้วและปราจีนบุรี ซึ่งมีความหลากหลายทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ แหล่งช้อปปิ้ง อาหารถิ่น โดยภาพรวมต้องการวางกลยุทธ์กระตุ้นคนไทยทุกวัยเดินทางไปท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน
สถิติปี 2560 ปราจีนบุรี มีนักท่องเที่ยว 1.7 ล้านคน รายได้ 4,500 ล้านบาท สระแก้ว มีนักท่องเที่ยว 2.7 ล้านคน สร้างรายได้ 7,500 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเมืองค้าชายแดนจึงมีการขายค่อนข้างคึกคักมาก เป้าหมายปี 2561 โดยภาพรวมจะกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองที่อยู่ในความดูแลของ ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก มีรายได้เติบโตตามเป้าหมายหลั่งไหลเข้าสู่ท้องถิ่น 8-10 % โดยปูพรมเน้นสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว และการกระตุ้นภาคเอกชนทุกกลุ่มในพื้นที่ร่วมมือกันสร้างสรรโปรดักซ์มัดใจตลาดทุกกลุ่ม เร่งขยายกลยุทธ์ 5 ช.“ชม-ชิม-ช้อป-แชร์-ช่วย” เพราะทั้งปราจีนบุรี และสระแก้ว มีทรัพยากรธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลขับรถเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
ททท.พร้อมเดินหน้าแจ้งเกิดการท่องเที่ยว 2 เมืองใหม่ “ปราจีนบุรี-สระแก้ว” ผ่านช่องทางสื่อแนวใหม่บล็อกเกอร์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ที่สามารถเพิ่มแรงจูงใจให้คนทุกวัยเข้าไปท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ๆ เพื่อทำให้ปีท่องเที่ยว วิถีไทยเก๋ไก๋อย่างยั่งยืน เป็นแม่เหล็กขั้วใหญ่ดึงรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างจริงจังทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดซัมเมอร์ช้อปดิวตี้ฟรี3สนามบิน”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้จัดแคมเปญ “ENDLESS SUMMER : AIRPORT” ต้อนรับซัมเมอร์นี้รายการส่งเสริมการขายระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2561 โดยจัดรายการส่งเสริมการขาย PC Get Discount Up to 400 Baht ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต (ร้านค้าขาออก)
พิเศษสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ ลดทันที 400 บาท เพียงช็อปสินค้าแผนกน้ำหอม และเครื่องสำอางครบ 4,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ และลดทันที 1,000 บาท เพียงช็อปสินค้าแผนกน้ำหอม และเครื่องสำอางครบ 8,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ และ ลดทันที 1,200 บาท เพียงช็อปแผนกแฟชั่น นาฬิกา เครื่องประดับ และจิวเวลรี่ ครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จขึ้นไป
สอบถามเพิ่มเติมที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.เปิดเทรดใหญ่เจาะทัวร์จีนไฮเอนด์เล็งเพิ่ม20%”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าวางกลยุทธ์เจาะกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มคุณภาพระดับเศรษฐี ตลอดปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มฐานตลาดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ให้ได้ถึง 20% โดยการเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลักชัวรี่ของไทย 35 ราย เจรจาธุรกิจกับคู่ค้าจีนในงาน “Amazing Thailand Trade Meet 2018” ซึ่งมีตัวแทนไทยเข้าร่วม 35 ราย อาทิ โรงแรมและรีสอร์ต สปา บริษัทนำเที่ยว สายการบิน มีโอกาสแลกเปลี่ยนการค้ากับผู้ซื้อของจีน 12 ราย และอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ 9 ราย สหภาพยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง 10 ราย สหรัฐฯ 4 ราย
ตลอปี 2560 นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เงินตลอดการพักผ่อนในไทยเฉลี่ยคนละ 51,554 บาท/ทริป เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 2.67% สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่ม11.66% ทว่าส่วนแบ่งตลาดสูงสุดยังคงเป็นนักท่องเที่ยวระดับฐานล่าง ส่วนระดับกลางบนเริ่มทยอยเพิ่มในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ข่าวที่ 3 “บางจากชูใช้Appกสิกรไทยจ่ายเงินลุ้นรางวัลเพียบ”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับธนาคารกสิกรไทย จัดกิจกรรมโปรยแก๊ง- 30 มิ.ย.61ลุ้นรับฟรี SAMSUNG GALAXY NOTE 8 จำนวน 20 รางวัล รวมมูลค่า 678,000 บาท* เมื่อใช้จ่ายด้วย QR Code ผ่านแอปพลิเคชั่น K PLUS หรือ จ่ายด้วยบัตรเครดิตและเดบิตกสิกรไทย ครบทุก 50 บาท ชำระเงินที่ร้าน SPAR/INTHANIN/LEMONKITCHEN เฉพาะสาขาที่เข้าร่วมรายการ
ทั้งนี้ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น สงวนสิทธิ์ลูกค้าที่ได้รับรางวัลสูงสุด 1 คนต่อ 1 รางวัล ตลอดรายการ โดยทางธนาคารกสิกรไทยติดต่อผู้โชคดีโดยตรง และจะประกาศผลทางเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทย www.kasikornbank.com ในวันที่ 13 ก.ค. 2561
ข่าวที่ 4 “ทอท.จ่อลงทุน1.2แสนล้านสนามบินลำพูน/พังงา”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ขณะนี้กำลังศึกษาโครงการก่อสร้าง 2 สนามบินใหม่ในเมืองรอง โดยเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ในวันที่ 25 เมษายน 2561 ตามผลการศึกษพบปัจจัยสนับสนุนดังนี้คือ สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 บริเวณ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ส่วนสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 คือพื้นที่ จ.พังงา
โดยจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาเห็นชอบในหลักการลงทุนก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ใน 2 จังหวัด ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 12,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารแห่งละ 10 ล้านคน ประกอบด้วย สนามบินพังงาจะใช้เงินลงทุน 70,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 10 ล้านคน ส่วนสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 จ.ลำพูน จะใช้เงินลงทุน 50,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 10 ล้านคน
ปัจจุบัน ทอท. มีเงินสดอยู่กว่า 62,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีเงินสดเป็นกำไรยังไม่หักค่าเสื่อมเข้ามาอีกว่าปีละ 30,000 ล้านบาท จึงไม่มีปัญหาผลกระทบระยะสั้นและระยะยาว ยกเว้นช่วงปี 2563 อาจจะมีผลอยู่บ้างเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็สามารถกู้เงินระยะสั้นมาใช้ได้ โดยไม่สะเทือนไปถึงสภาพคล่องการใช้เงินแต่อย่างใด
ช่วงที่ 2 เที่ยวกันเถอะพวกเรา ในเส้นทางแห่งฝันของหลาย ๆ คน เพื่อดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ “ไทยสู่นครวัด กัมพูชา” บนถนนแห่งความท้าทายระยะทาง 500 กม.แล้วจะรู้ว่าชีวิตยังมีเรื่องดี ๆ ให้ทำอีกมากมาย ส่วนการดูแลสุขภาพ ทำเลยในการเลือกกินผัก-ผลไม้ ที่ดีสุด ๆ และข่าวเด็ด ๆ
@มหัศจรรย์เที่ยว“ไทยถึงนครวัดกัมพูชา”
ความใฝ่ฝันของหลาย ๆ คน ว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะต้องไปชม1 ใน 7 มรดกโลกใกล้บ้านเรา “นครวัด-นครธม” จังหวัดเสียมราฐ กัมพูชา วันนี้จากไทยไปถึงเสียมราฐไม่ได้ยากอย่างที่คิดอีกต่อไปแล้ว สามารถขับรถท่องเที่ยวแบบชีล ๆ แวะไปเรื่อยในเวลาไม่เกิน 5 วัน จาก “อรัญประเทศ-นครวัด-พนมเปญ” ระยะทางราว 500 กิโลเมตร
ตั้งหลักจาก “ด่านปอยเปต” ข้ามชายแดนไทยตรง “อำเภออรัญประเทศ” ใช้ทางหลวงหมายเลข 6 ขับรถชมวิวท้องทุ่งนา วิถีชุมชนชาวบ้าน ราว 170 กิโลเมตร ก็จะถึงเมืองมรดกโลกเสียมราฐ พักค้างสัก 2 วัน เพื่อดื่มด่ำโบราณสถานที่กลิ่นอายความเก่าแก่หลายพันปี
จุดแรก “นครวัด” มหัศจรรย์มรดกโลกซึ่งเป็นที่สุดแห่งปราสาทขอม ภายในมีแผนผังนับเป็นวิวัฒนาการขั้นเทพของปราสาทขอม รายล้อมด้วยผนังของภาพแกะสลักนูนต่ำรอบระเบียงปราสาท และภาพนางอัปรากว่าหนึ่งพันนางสวมใส่เครื่องแต่งกายและจัดทำทรงผมไม่ซ้ำแบบ
จุดที่ 2 “ปราสาทบายน” นักท่องเที่ยวจะได้พบกับภาพสลักหินใบหน้า “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 หน้า” บนยอดปรางค์ 37 ยอด น่าค้นหาถึงความลึกลับเรื่อยไปจนถึงการเดินชมรูปสลักพื้นรอบบริเวณระเบียงชั้นล่างของปราสาท
จุดที่ 3 “ปราสาทตาพรหม” เป็นปราสาทที่มีต้นสะปงขนาดยักษ์ ขึ้นปกคลุมตัวปราสาทอยู่หลายส่วน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ติดตาของนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เคยแวะเวียนเข้ามายังปราสาทแห่งนี้
จุดที่ 4 “โตนเลสาบ” ก่อนโบกมือลาจังหวัดเสียมราฐเข้าสู่มหานคร “พนมเปญ” เมืองหลวง ระหว่างทางแวะไปดูทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์น้ำ แหล่งประมงน้ำจืดที่ใช้หล่อเลี้ยงผู้คนและเป็นเส้นทางสัญจรจากเสียมราฐสู่พนมเปญสายน้ำคัญด้วย
การขับรถจากเสียมราฐเข้ากรุงพนมเปญต้องใช้ทางหลวงหมายเลข 6 ระยะทางราว 316 กิโลเมตร เมื่อถึงตัวเมืองแล้วก็แวะชมความศิวิไลของชาวกัมพูชาในเมืองกัน เพราะพนมเปญได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปารีสแห่งตะวันออก” เลยทีเดียว มีตึกเก่าแก่สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล แบบชิโน-โปรตุกีส วัด วัง ศิลปะขอม หรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จัดแสดงวัตถุโบราณจากนครวัด-นครธม เรื่อยไปจนถึง พระราชวังเขมรินทร์ ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหมุนี”
แล้วก็ถึงเวลาขับรถกลับประเทศไทย โดยขับย้อนเส้นทางเดิมมาออกด่านเดิมตรงอรัญประเทศ ถึงเมืองไทยพร้อม ๆ กับความรู้และประสบการณ์เดินทางที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
@การเลือกกินผัก-ผลไม้เพื่อสุขภาพจริง ๆ
การเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์เข้าสู่ร่างกายมีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงขอนำข้อมูลจากนักโภชนาการมาบอกกัน ทั้งการกินผักและผลไม้ที่ดีที่สุดดังนี้
ผักที่ดีที่สุด ใบเขียวเข้มที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากที่สุดคือ ผักโขม ผักคะน้า ผักกาดเขียวปลี และบร็อคโคลี่ เนื่องจากเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด เต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีที่ช่วยปกป้องเซลล์และสร้างระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดให้กับร่างกาย ที่สำคัญคือแคลอรี่น้อยมาก ซึ่งนักวิชาการแนะนำว่า ควรกินผักใบเขียวประเภทนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ถ้วย จะกินแบบนำไปห่อกับสลัดหรือนำไปทำแซนวิชก็ไม่เลว ใครอยากจะกินแบบเป็นน้ำปั่นสมูทตี้เพื่อสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมก็สามารถนำปั่นผสมกับกรีกโยเกิร์ต เติมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยก็อร่อยได้
สำหรับผักคะน้าเป็นผักที่โดดเด่นเรื่องคุณค่าทางโภชนาการจนได้ชื่อว่าเป็น ซุปเปอร์ผัก (cruciferous) เพียงอย่างเดียว ยังมีผักอื่นๆในตระกูลกะหล่ำปลีอย่าง กะหล่ำดาว กะหล่ำดอก และผักอื่นๆอีกมากมาย ผักเหล่านี้จะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและได้รับการยืนยันจากนักโภชนาการแล้วว่าช่วยลดการเกิดมะเร็งและไขมันหน้าท้องได้ อีกทั้งสารซีแซนทีน แคโรทีนอยด์ และลูทีน ที่พบในผักตระกูล cruciferous นี้ จะช่วยปกป้องดวงตาจากรังสี UV ที่เป็นอันตรายจากแสงแดดและสารอนุมูลอิสระในสิ่งแวดล้อมที่ต้องพบเจอในแต่ละวันด้วย
ส่วนผลไม้ที่ดีที่สุด ต้องยกให้ อะโวคาโด อาจมีไขมันสูง แต่ก็เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) และมีโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและหัวใจ รวมทั้งไฟเบอร์ วิตามินอี วิตามินบี และโพแทสเซียม ลองหั่นอะโวคาโดสักสี่ชิ้นลงในแซนด์วิชมื้อเช้า หรือนำไปคลุกกับสลัดผักนตอนกลางวันก็จะช่วยเพิ่มพลังงานให้คุณได้เป็นอย่างดี
รวมไปถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อย่างบลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารโพลีฟีนอล และแอนโทไซยานิน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและภาวะสมองเสื่อม ผลเบอร์รี่มักจะมีวิตามินซีสูงและแคลอรีต่ำเพียง 80 แคลอรี่เท่านั้น คนที่กำลังลดน้ำหนักนิยมกิน แถมมีคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการดูดซึมวิตามินซีและแมงกานีสซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยให้การเผาผลาญสารอาหารกลายเป็นพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้
และการดื่มสมูทตี้จากผลไม้นอกฤดู ความสดใหม่ของผลไม้แช่แข็งจะยังคงคุณค่าทางสารอาหารเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน และสะดวกกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “โรงแรมดิโอกุระฉลอง6ปีครั้งใหญ่ลด16%”
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ฉลองครบรอบ 6 ปี โดยมอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าที่สำรองห้องพักพร้อมอาหารเช้า 2 คืนเป็นต้นไป จะได้รับส่วนลด 16% จากราคาปกติ แถมโบนัสพิเศษให้สิทธิรับประทานอาหารมื้อค่ำ 1 มื้อ มูลค่า 2,600 บาท (สุทธิ) ต่อห้อง ได้ระหว่างเข้าพักเลือกจาก 2 ห้องอาหาร คือ ห้องญี่ปุ่นยามาซาโตะ ห้องอาหารระดับ “มิชลิน เพลท” หรือห้องอาหารเอเลเมนท์ ที่ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน จากคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงเทพฯ
โปรโมชั่นนี้เปิดให้จองห้องพักพร้อมอาหารเช้าผ่านทาง www.okurabangkok.com หรือโทร. 02 687 9000 ระหว่าง 14 - 31 พฤษภาคม 2561 เพื่อเข้าพักระหว่าง 14 พฤษภาคม - 30 กันยายน 2561 เท่านั้น
ทั้งนี้ราคาห้องพักพร้อมอาหารเช้า ดีลักซ์เริ่มต้นที่ 9,100 บาท++ ต่อคืน รวมอาหารเช้า 2 คน เลือกรับประทานบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ห้อง อัพ แอนด์ อะบัฟ หรือที่ห้องยามาซาโตะ ส่วนการจองห้องพักแบบ โอกุระ คลับ จะได้สิทธิใช้บริการคลับ เล้าจน์บนชั้น 33 มีบริการของว่างและเรื่องดื่มตลอดทั้งวัน เครื่องดื่มค็อกเทลยามเย็น ตั้งแต่ 17.30 -19.30 น. รับบริการพิเศษอีกหลายรายการ อาทิ บริการซัก รีด เสื้อผ้า 2 ชิ้นต่อวันระหว่างที่เข้าพัก บริการ เช็คอิน และ เช็คเอ้าท์ ภายใน คลับ เล้าจน์ และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มที่เว็บไซต์ www.okurabangkok.com หรือโทร. 02 687 9000
ข่าวที่สอง “มาเลย์ชวนเด็กไทยประกวดบทความท่องเที่ยวถึง30มิ.ย.”
สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยจัดโครงการประกวดบทความ "NAK SUK SA PAI MALAYSIA ADVENTURE 2018" เพื่อร่วมรำลึกถึงวาระครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศมาเลเซียและประเทศไทย โดยมี ฯพณฯ ดาโต๊ะ โจจี้ ซามูเอ็ล เอ็ม ซี ซามูเอ็ล เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดโครงการ
โดยเชิญชวนนิสิต นักศึกษา อายุ 17-25 ปี ส่งบทความประกวดได้ในหัวข้อ "ทำไมฉันถึงอยากจะผจญภัยที่มาเลเซีย" ทยอยส่งได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2561 ผ่านช่องทาง www.facebook.com/embassyofmalaysiabangkok เพื่อรับแบบฟอร์มลงทะเบียน กรอกข้อมูลและส่งกลับพร้อมบทความไปที่อีเมล์ naksuksa.pai.malaysia@gmail.com
สำหรับผู้ชนะ 5 รางวัล จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวมาเลเซียช่วงกรกฎาคม – ตุลาคม นี้ โดยมีผู้สนับสนุนคือ สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ การท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานการศึกษามาเลเซีย กระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ และ บริษัท Conceptual Events Co. Ltd.
ฯพณฯ ดาโต๊ะ โจจี้ ซามูเอ็ล เอ็ม ซี ซามูเอ็ล เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย กล่าวว่าการประกวดบทความครั้งนี้จะสร้างความตระหนักรู้ถึงความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย ให้กับเยาวชนไทยรุ่นใหม่ รวมถึงเป็นการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกลุ่มการศึกษาและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ และการประกวดบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาได้พัฒนาความสามารถในการวิจัย หาข้อมูลเพิ่มเติม และรู้จักประเทศมาเลเซียมากขึ้น
ข่าวที่สาม “แบงก์ชาติชี้มี.ค.ท่องเที่ยวทำรายได้โตต่อเนื่อง”
นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักงานภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงการสรุปภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ว่า ตลอดเดือนมีนาคม 2561 ว่าการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทำรายได้ดีขึ้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐลดลง
ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.55% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 0.08% ในเดือนก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน ประกอบกับราคาอาหารสดติดลบน้อยลงตามราคาข้าวและนมที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.8% ทรงตัวจากเดือนก่อน
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 เงินฝากทั้งระบบเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 4.2% ชะลอลงจากเดือนก่อน เงินฝากชะลอลงทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ(SFIs) ด้านสินเชื่อคงค้างทั้งระบบเพิ่มขึ้น2.4% ชะลอลงเช่นกัน โดยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์หดตัวจากเดือนเดียวกันปีก่อนเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับนโยบายการให้สินเชื่อแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ ขณะที่สินเชื่อ SFIs ขยายตัวต่อเนื่อง
ข่าวที่สี่ “ดุสิตปริ๊นเซสเชียงใหม่จัดติ่มซำบุฟเฟต์แสนถูก”
โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส เชียงใหม่ จัดโปรแรง ระหว่างวันนี้ – 31 พฤษภาคม 2561 มา 4 จ่าย 3 ติ่มซำมื้อเที่ยง DAILY Dim Sum All You Can Eat ที่ห้องอาหารจัสมิน ให้อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นกับบุฟเฟ่ต์ติ่มซำมื้อเที่ยง กว่า 30 เมนู ทั้ง เผือดทอด ลูกชิ้นกุ้งห่อเกี๊ยวกรอบ, ฮาเก๋า, ขนมจีน, ซาลาเปาไส้ต่างๆแสนอร่อย พร้อมเมนูซุป, อาหารจานหลัก และของหวานที่มีให้คุณเลือกทานตามชอบ ในบรรยากาศแสนสบาย และการบริการอันเป็นกันเอง อิ่มอร่อยได้ทุกวันตั้งแต่ 11.30-14.30 น.
ราคาผู้ใหญ่ ราคา 399 บาท ต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มชาจีนและน้ำเก็กฮวย) เด็ก ราคา 199 บาท ต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มชาจีนและน้ำเก็กฮวย) เด็กอายุ 3 ปี หรือต่ำกว่า ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น