ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว3จังหวัดแดนใต้โตครึ่งหมื่นล้าน-เที่ยวสายใหม่ในระยอง

ททท.ฟื้นเที่ยว3จังหวัดใต้พุ่งเกินครึ่งหมื่นล้าน
นำมิชลินปักหมุดในภูเก็ต-พังงาบูมอาหารถิ่น
คิงเพาเวอร์อัดแคมเปญ4โปรแรงช็อปแหลก
ททท.เหนือผนึกpantip.comจัดทัวร์รถไฟฟรี
บางจากQ1ปี61กำไรพองามธุรกิจไปได้สวย
ทอท.ชี้สนามบินสุวรรณภูมิปลอดภัยหายห่วง
ฟินกินเที่ยวระยองลุยกินผลไม้-ซีฟู้ดรสแซบ
หมอญี่ปุ่นแนะผู้สูงวัยลุกเดินเสริมแคลเซี่ยม
การบินไทยQแรกปี61กำไร/ขาดทุนสุดพิลึก
AAV-TAAฟุ้งQ1ปี61กำไรพุ่งเกินพันล้าน
ไทยแอร์รอผุด3โปรเจ็กต์ดอนเมือง-อู่ตะเภา
แควนตัสผนึกAISลดตั๋วบินออสซี่/นิวซีแลนด์

ต้อนรับสู่ รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza

ช่วงที่ 1 เกาะติดภารกิจสำคัญของ “กฤษฎา รัตนพฤกษ์” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศชูธงนำการฟื้นฟู “การท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนใต้” นราธิวาส-ปัตตานี-ยะลา โดยมีเดิมพันเรื่องเศรษฐกิจชุมชนเป็นเป้าหมายจะต้องทำให้ได้ ขณะเดียวกันก็ได้โหมใช้ “มิชลิน ไกด์ บุ๊ค” เป็นหัวหอกสร้างกระแสอาหารถิ่นภาคใต้ นำร่องจากจังหวัดดัง ๆ อย่าง ภูเก็ต พังงา ก่อนจะขยายแนวรุกเต็มพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ ภายใน 5 ปีหน้า




นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนหลังเตรียมบริหารจัดการกระตุ้นการท่องเที่ยวนอกฤดู ระหว่างพฤษภาคม-ตุลาคม ของทุกปีนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีจำนวนน้อยลง จึงวางแผนหากลุ่มอื่นเข้ามาแทนยุโรปในช่วงนอกฤดูคือตลาดจีน ซึ่งจะส่งเสริมกลุ่มเดินทางอิสระด้วยตนเอง (F.I.T.) จะทำให้กรีนซีซันคึกคักขึ้นมาได้

ส่วนตลาดในประเทศจะเพิ่มนักท่องเที่ยว 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก คนไทยเดินทางเข้าไปเพิ่มด้วยแรงดึงดูดคือราคาห้องพักในจังหวัดชายทะเลภาคใต้ลดลงถึง 50 %  กลุ่มที่สอง การประชุมสัมมนาสามารถมาเติมเต็มได้เป็นอย่างดี โดยจะนำสินค้าท่องเที่ยวชุมชนมาขายให้ได้มากที่สุด ทั้งผลิตภัณฑ์ของกินของใช้ และแหล่งท่องเที่ยวครอบคลุมหลายประเภทด้วยกัน โดยเฉพาะชุมชนท่องเที่ยวได้คัดไว้ 8 แห่ง ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ชุมชนท่าดินแดง ชุมชนตะกั่วป่า พังงา ชุมชนบ้านเกาะกลาง กระบี่ ล้วนแล้วแต่มีความพร้อมและคุณภาพบริการโดยมีวิธีบริหารจัดการและกำหนดขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวแต่ละครั้งไว้เรียบร้อยแล้ว



อีกทั้งยังจะเพิ่มความโดดเด่นนำเสนอขายการท่องเที่ยวมุมใหม่ตามคอนเซ็ปต์ New Shades ไฮไลต์ 3 กลุ่ม  ประกอบด้วย 1.วิถีชีวิตผนวกกับอาหารถิ่น” แต่ละพื้นที่ซึ่งมีความแตกต่างและกลิ่นอายใต้แท้ ๆ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง พัทลุง 2.การท่องเที่ยวกลุ่มอันดามันระดับพรีเมียมเกรด ซึ่งเป็น Once in the Life Time เก็บเงินมาเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต

3.การท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา จะปลุกกระแสฟื้นกลับคืนมาใหม่ให้ได้รับความนิยมอีกครั้ง  ททท.จะนำเสนอความแปลกใหม่ทั้งความสวยงาม สดใหม่ อย่าง เบตง ทำไมหนาวได้ในภาคใต้ มีดอกไม้งาม ทะเลหมอก สิ่งเหล่านี้จะถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และวิถีชีวิตมุสลิมที่มีความทันสมัย ยุคใหม่ ของคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น มีระบบการจัดงานอย่างดีเหมือนกับภาคอื่น ๆ



“จากการประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อสงกรานต์ปีนี้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้น ททท.จะทำหน้าที่ฟื้นฟูการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ นำเสนอผ่านวีทีอาร์สั้น ๆ เพื่อสะท้อนภาพจริงให้ปรากฎต่อสาธารณะต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป”

นายกฤษฎากล่าวว่าระหว่างนี้กระทรวงคมนาคมยังได้เร่งขยายสนามบินเบตง โดยก่อสร้างทางวิ่งเครื่องบินเพิ่มความยาวเป็น 1,800 เมตร จะเปิดบริการต้นเดือนมกราคม 2562 จะยิ่งเพิ่มความคึกเข้าสู่เบตงโดยขยายจากหาดใหญ่เข้ามามากขึ้น ทำให้สโลแกนติดปากที่ว่า OK เบตง จะกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน

สำหรับรายได้ของ 3 จังหวัด มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วนหลักมาจากสุไหงโกลก ดังนั้นการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะต้องสร้างความเชื่อมั่นกับมุมใหม่ ๆ จะทำภาพผ่านวีทีอาร์เพื่อสร้างสีสันจูงใจคนเข้าไปท่องเที่ยวเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนโครงการจัดทำ “มิชลิน ไกด์ บุ๊ค” ที่จังหวัดภูเก็ต ททท.ดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้อนุมัติให้ใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาท เพราะแบรนด์มิชลินทำมานานกว่า 100 ปี หลังจากเปิดตัว มิชลิน ไกด์ บุ๊ค เมื่อปี 2560 มีร้านสตรีทฟู้ดที่ได้รับการรับรองเป็นร้านมิชลินด้วยนั้น ผ่านมาเพียงปีเดียวสามารถเพิ่มยอดขายสร้างรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20 % ปี 2561 จะขยายโครงการมิชลิน ไกด์ บุ๊ค ไปยังเมืองท่องเที่ยว นำร่องในจังหวัดภูเก็ตและพังงา



ขณะนี้ได้ส่งทีมอินสเป็คเตอร์หรือนักชิมของมิชลินทยอยลงพื้นที่ไปสำรวจตามร้านอาหารต่าง ๆ แล้ว เพื่อเตรียมประกาศรายชื่อร้านที่เข้าตามเกณฑ์มาตรฐานระดับโลกช่วงปลายปี 2561 ซึ่งมิชลิน ไกด์ บุ๊ค จะเป็นแม่เหล็กสร้างความเชื่อมั่นจากนักบริโภคทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว การสนับสนุนเรื่องอาหารมิชลินจึงจะเกิดประโยชน์เชื่อมโยงไปยังกลุ่มเกษตรกร ชาวประมง ผู้ผลิตวัตถุดิบในระดับรากหญ้ามีการกระจายเม็ดเงินจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง

ตามแผนงานจะขยายโครงการจัดทำ มิชลิน ไกด์ บุ๊ค ต่อไปยังพื้นที่รอบปริมณฑลในจังหวัด ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสงคราม และอื่น ๆ ซึ่งทาง ททท.มีภาคีพันธมิตรกลุ่มมิชลินที่จะทำร่วมกันตามแผน 5 ปี ซึ่งจะสามารถประกาศร้านมิชลินได้ทั่วประเทศ อันจะเป็นพลังสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ชุมชนท่องเที่ยวเติบโตเข้าเป้าทุกปี



แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีสนามบินใหม่เบตงเป็นศูนย์กลางสร้างเศรษฐกิจครั้งสำคัญ กับการนำ “มิชลิน” มาเป็นกลไกหลักปลุกกระแสอาหารถิ่นภาคใต้และเมืองรองทั่วประเทศ จึงนับเป็นภารกิจท้าทายการทำงานของ ททท.อย่างมีนัยสำคัญ

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัด4โปรแรงช็อปลดแหลกถึงมิ.ย.61”



กลุ่มคิง เพาเวอร์ ผู้นำการบุกเบิกร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมืองไทย ชวนร่วมแคมเปญ ENDLESS SUMMER : AIRPORT ใน 3 สนามบินแถวหน้าของเมืองไทย ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ระหว่างวันนี้ – 30 มิถุนายน 2561พบกับ 4 โปรโมชั่นแรง ๆ

1. PC Get Discount Up to 400 Baht ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต (ร้านค้าขาออก) พิเศษพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ลดทันที 400 บาท  เพียงช็อปสินค้าแผนกน้ำหอม และเครื่องสำอางครบ 4,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ลด 400 บาท และครบ 8,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ลดทันที 1,000 บาท

2. Shop 15,000 Save 1,200 Baht ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต (ร้านค้าขาออก) พิเศษพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์
ลดทันที 1,200 บาท เพียงช็อปแผนกแฟชั่น นาฬิกา เครื่องประดับ และจิวเวลรี่ ครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ

3.Get Free Discount Up to 300 Bath ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ร้านค้าขาเข้า) พิเศษพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ลดทันที 300 บาท เพียงช็อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ส่วนที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง และภูเก็ต (ร้านค้าขาเข้า) พิเศษพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ ลดทันที 250 บาท เพียงช็อปครบ 2,500 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ

4.Shop & Save ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง พิเศษพาสปอร์ตไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ เพียงมียอดซื้อสินค้าที่ร้านค้า ขาออก  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ดอนเมือง  รับทันทีคูปองส่วนลด สำหรับซื้อสินค้าร้านค้าขาเข้า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ดอนเมือง หรือ คิง เพาเวอร์ รางน้ำรับคูปองส่วนลด 1,000 บาท สำหรับซื้อสินค้า 3,000 บาทขึ้นไป (Gross Sales) / ใบเสร็จรับเงิน  (1 สิทธิ์/ ใบเสร็จรับเงิน)

ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.kingpower.com หรือคอลเซ็นเตอร์ 1631

ข่าวที่ 2 “ททท.เหนือผนึกpantipจัดทัวร์รถไฟฟรี7-10มิ.ย.”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ร่วมมือกับ Pantip.com จัดกิจกรรมชวนเหล่าสาวกโซเชียล ตะลุยท่องเที่ยวเมืองเหนือฟรีทางรถไฟตู้นอนรุ่นใหม่ มุ่งหน้าไปยัง 3 จังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ระหว่าง 7 - 10 มิถุนายน 2561

เพียงแค่ทำตามกติกาการเข้าร่วมสนุกดังนี้ 1.รับพิจารณาเฉพาะสมาชิกอย่างเป็นทางการ(ที่ยืนยันด้วยบัตรประชาชน)เท่านั้น 2.ระบุว่า "ต้องการไปท่องเที่ยวในเส้นทางไหน พร้อมเหตุผล" ลงในกระทู้นี้ pantip 3. เมื่อตอบคำถามในกล่องความคิดเห็นหลักแล้ว จะต้องกรอกข้อมูลการติดต่อกลับให้ชัดเจน 4.แต่ละล็อกอินสามารถแสดงความคิดเห็นได้เพียงครั้งเดียว 5.เพื่อสะสมแต้มบุญในครั้งต่อไปแต่ละคนจะต้องกลับมาเขียนรีวิวภายใน 1 เดือน ช่วง 11 มิ.ย. - 11 ก.ค. 2561 หากไม่รีวิวภายในเวลาที่กำหนด ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์การพิจารณาเข้าร่วมกิจกรรมในกรณีพิเศษ (Fast Track) และกิจกรรมอื่นๆ ของทางเว็บไซต์ Pantip.com

ส่วนนักเดินทางที่ได้รับการคัดเลือกร่วมทริปเที่ยวภาคเหนือทางรถไฟแบบใหม่ ทริปนี้ จะต้องเป็น เฉพาะสมาชิกอย่างเป็นทางการ(ที่ยืนยันด้วยบัตรประชาชน)  มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีโรคประจำตัว และพร้อมออกผจญภัยกับเพื่อนร่วมทาง โดยการเดินทางคู่จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20-40 ปี ทางผู้จัดไม่อนุญาตให้นำเด็กและห้ามนำสัตว์เลี้ยงร่วมเดินทางไปด้วย

ข่าวที่ 3 “บางจากไตรมาสแรกปี’61ทุกธุรกิจรื่นไหลดี”

         นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 44,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 2,992 ล้านบาท ลดลง 27 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลการดำเนินงานครั้งนี้โดยมีผลมาจากไตรมาสที่ 1 และ 4 ปี 2560 มีการรับรู้รายได้จากรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น รายได้ดอกเบี้ยจากภาษีได้รับคืน กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ ฯลฯ มีกำไรสุทธิ 1,337 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,146 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.83 บาท

ตลอดไตรมาสแรกปีนี้ ธุรกิจโรงกลั่น มีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่ 109,350 บาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับแผนการผลิต ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ค่าการกลั่นรวมปรับลดลงอยู่ที่ 6.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันดิบส่วนเพิ่มปรับตัวกว้างขึ้น ประกอบกับส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิงในบางผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง รวมทั้งในไตรมาสนี้รับรู้ Inventory Loss จำนวน 70 ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA 1,279 ล้านบาท ต่างจากปีที่ผ่านมาในไตรมาส 1 มีกำไรจากสต๊อคน้ำมัน 292 ล้านบาท

ธุรกิจการตลาด มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,514 ล้านลิตร ลดลง 2 % ตลาดค้าปลีกบางจากฯ มียอดจำหน่ายเติบโตเร็วกว่าตลาดคือเพิ่มขึ้นกว่า 7 % ส่วนภาพรวมตลาดสถานีบริการขยายตัวเพิ่มขึ้น 3 % และมีส่วนแบ่งการตลาด 15.8 %

ธุรกิจ Non – oil ภายใต้การบริหารของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการค่อนข้างสูงในระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ SPAR แต่ยังคงพัฒนาและขยายอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีร้านกาแฟอินทนิล 457 สาขา และร้าน SPAR 35 สาขา โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัท บางจาก รีเทลฯ ได้ลงนามสัญญาการมอบสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ ร้านกาแฟอินทนิลในกัมพูชาและลาว ให้แก่ บริษัท อาร์ซีจี รีเทล จำกัด (กัมพูชา) โดยเริ่มเปิดให้บริการสาขาแรกที่เสียมราฐ รวมทั้งขยายสาขาแฟล็กชิป สโตร์ กลางกรุงพนมเปญ ที่เปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายร้านกาแฟอินทนิลที่ประเทศลาวภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ รวมไปถึงการขยายสาขาทั้งในประเทศลาวและกัมพูชาอีกกว่า 100 สาขา


สถานีบริการน้ำมัน เปิดเพิ่มขึ้น 65 สาขา และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ปัจจุบันบางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันทั้งสิ้น 1,127 แห่ง มีค่าการตลาดรวม 0.83 บาทต่อลิตร มี EBITDA รวม 735 ล้านบาท

ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ บริหารโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มีรายได้ 801 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร0.4 % มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้า 75.19 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่น มี EBITDA รวม 664 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 304 ล้านบาท โดย บริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด มีรายได้ 1,718 ล้านบาท ไบโอดีเซลปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ B100 เพิ่มขึ้น 20 ล้านลิตร บริหารงานโดย บริษัท บางจากไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด มีรายได้ 867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230 %  มีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 130 พันลิตรต่อวัน และ บริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด มีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 311 พันลิตรต่อวัน เป็นผลจากการรับรู้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการควบบริษัท และปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น


ขณะที่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ควบรวมบริษัท ระหว่าง บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (BBH) บริษัทย่อยของบริษัท บางจากฯ กับบริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (KSLGI) บริษัทย่อยของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) อยู่ในระหว่างการยื่นคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมา และคาดว่าจะจดทะเบียนในครึ่งปีหลัง 2561

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 68 ล้านบาท โดยหลักเป็นของธุรกิจสำรวจและผลิต ปิโตรเลียม โดย Nido Petroleum Limited  ที่มีปริมาณการจำหน่ายรวม 195,439 บาร์เรล มีรายได้ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 % เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้น แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Galoc มีอัตราการผลิตเฉลี่ย 3,465 บาร์เรลต่อวัน

ข่าวที่ 4 “ทอท.ยันสนามบินสุวรรณภูมิปลอดภัยหายห่วง”



บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานถึงสถานการณ์หลังสมาพันธ์นักบินนานาชาติส่งหนังสือถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รอบ 2 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2561 โดยระบุท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความแข็งแรงของพื้นผิวสนามบินจะมีผลต่อทางวิ่งทางขับ และจุดจอดของเครื่องบิน ทั้งที่ได้ถูกตรวจพบตั้งแต่ปี 2551 และเคยมีหนังสือเตือนเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2557 ให้ดำเนินการแก้ไขแล้วโดย ทอท.ได้ยืนยันถึงสาเหตุที่พื้นผิวสนามบินอ่อนตัวเพราะมีน้ำอยู่ด้านล่างและเกิดจากยางมะตอยที่นำมาก่อสร้าง เมื่อใช้งานอย่างหนักตลอด 2 ปี จึงทำให้เกิดปัญหา ทั้งที่ความเป็นจริงควรมีอายุประมาณ 7 ปี แต่ก็ได้เดินหน้าแก้ไขตามมาตรฐานสากลมาอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.กมล วงศ์สมบุญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายบำรุงรักษา อธิบายว่า ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องพื้นผิวต่อเนื่อง ภายใต้แผน 3 ระยะ คือ 1.แผนระยะสั้นมีเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง หากตรวจพบพื้นผิวชำรุด จะปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซมทันที 2.ระยะกลางจะก่อสร้างซ่อมแซมพื้นผิว เปลี่ยนชั้นวัสดุยางมะตอยให้เป็นยางมะตอยตามมาตรฐานความปลอดภัย  3.ระยะยาวอยู่ระหว่างออกแบบก่อสร้างซ่อมแซมพื้นผิว ด้วยวัสดุปอร์ตแลนด์ซีเมนต์คอนกรีต ซึ่งเมื่อออกแบบแล้วเสร็จ จะเปิดประมูลหาบริษัทผู้รับเหมาต่อไป

รวมทั้งยังได้ทดลองติดตั้งระบบระบายน้ำใต้ดินเพื่อซ่อมบริเวณพื้นที่ที่มีปัญหาจนพิสูจน์ได้ว่าสามารถใช้งานด้วยดี แต่การปิดซ่อมพื้นที่บางช่วงเวลาอาจส่งผลต่อความคับคั่งการจราจรของอากาศยาน จึงต้องขอความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการสายการบิน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพราะแนวทางการปฏิบัติงานของ ทอท.มุ่งสร้างความปลอดภัยสูงสุดเป็นหลัก


ช่วงที่ 2 ได้เวลาฟินกินเที่ยว “เมืองระยอง ฮิ !!” ลุยสวนผลไม้ ชิมอาหารทะเลตามร้านดัง ริมฝั่งอ่าวไทย จากนั้นก็แวะชม แชร์ เช็คอิน ตามแหล่งท่องเที่ยวของคนแต่ละวัย จากพิพิธภัณฑ์โลกใต้ทะเล พิพิธภัณฑ์เมืองของเล่น นั่งรถกินลมชมวิวทะเลบ้านเพ ช้อปปิ้งตลาดท้องถิ่น ไหว้พระเสริมสิริมงคลก่อนกลับ ส่วนเรื่องสุขภาพ มีคำแนะนำของหมอชาวญี่ปุ่นชี้ให้เห็นถึง “การเดินช่วยสร้างแคลเซี่ยมให้ผู้สูงวัยได้” ไม่ต้องกินแคลเซี่ยมให้เปลืองเงิน ส่วนข่าวร้อน ๆ เสาร์นี้ ธุรกิจไตรมาสแรกของ 3 สายการบิน “การบินไทย-นกแอร์” ยังติดกับดักขาดทุน ส่วน “ไทยแอร์เอเชีย” กำไรฉลุยนับพันล้าน แถมมีแรงลงทุนเพิ่มอีก 3 โปรเจ็กต์ใหม่ในอู่ตะเภาและดอนเมือง ส่วนข่าวดี ผู้ใช้มือถือ AIS ทางสายการบินแควนตัสจัดแคมเปญลดตั๋วโดยสารบินไป 8 เมืองในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ให้ 8 %

@ฟินกินเที่ยวระยองตลุยสวนชิมซีฟู้ดเด็ดทัวร์สุดชีล

ได้เวลาสุดฟินกันอีกครั้งบนถนนท่องเที่ยวสายสีเขียวนำทางไปสู่ “สวนผลไม้” ภาคตะวันออก ในเมืองรอง “จังหวัดระยอง” ก็แค่ใช้บายพาสหมายเลข 7 ตรงมาเรื่อยๆ เบี่ยงซ้าย ตัดเข้าถนนหมายเลข 36 ประเดิมแวะสวนแรก “สวนแสงแดด” ตำบลตะพง มีผลไม้นานาชนิดให้ชิมกันอย่างจุใจ


ต่อด้วย “สวน Rayong Smile Plants” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในกลุ่มเกษตรรุ่นใหม่ หรือ Young Smart Farmer เป็นแห่งเดียวในไทยที่ได้รวบรวมพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงกว่า 500 สายพันธุ์



ส่วนสถานที่เช็คอิน 5 จุด ต้องห้ามพลาด แห่งแรก “สะพานรักษ์แสม” สะพานแขวนทางเดินไม้ที่ทอดผ่านป่าชายเลนคลองท่าตาโบ๊ย บ้านเนินฆ้อ   อำเภอแกลง แล้วต้องลงลุยทำกิจกรรม CSR ปล่อยพันธุ์ปู ทำบ้านปลา ธนาคารปู คืนธรรมชาติให้สัตว์น้ำได้พักอาศัยในระยะยาว


แห่งที่ 2 “พิพิธภัณฑ์บ้านครูกั้ง” แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่ได้รวบรวมของสะสมมายาวนานกว่า 40 ปี โดยเนรมิตบ้านในพื้นที่เกือบ 2 ไร่ เป็นเมืองของเล่น ของเก่าโบราณไว้มากมาย อาทิ ของใช้สอยต่างๆ รถโบราณ ธนบัตร ตะเกียง รถเข็น เครื่องครัว เครื่องดนตรี

แห่งที่ 3 ไปเยี่ยมชม “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง” หรือ Rayong Aquarium เป็นศูนย์รวมพันธุ์ปลาสวยงามหายาก นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวต้องห้ามพลาดพาลูกหลานมาเปิดโลกทัศน์ภาพจำลองโลกของธรรมชาติใต้ทะเล

แห่งที่ 4 “วัดป่าประดู่” วัดเก่าแก่ของจังหวัดระยอง ภายในมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ตะแคงซ้าย แวะไปเพื่อขอพรพระศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลแก่ชีวิต
แห่งที่ 5 “บ้านเพ” ลองเลียบชายหาดไปกินลมชมวิวทะเล ลัดเลาะผ่านหาดสวนสนบนถนนอุโมงค์ต้นสนอันร่มรื่น เส้นทางเชื่อมต่อไปยังแหล่งช้อปปิ้งสินค้าทะเลได้ด้วย



ส่วน “ร้านอาหารและเครื่องดื่ม” ตลอดเส้นทางเที่ยวในระยอง มื้อกลางวันเป็นช่วงเร่งรีบแนะนำรับประทานเมนูง่าย ๆ  แวะชิมก๋วยเตี๋ยวปลา “ร้านเจ๊จิ๋ม” สาขาข้างบิ๊กซีระยอง มื้อค่ำต้องลองชิมอาหารทะเลท้องถิ่นขึ้นชื่อ “ร้านโจโจ้ ซีฟู๊ด” สั่งได้เลย 6 เมนูยอดนิยมทั้งปลากะพงทอดราดน้ำปลา เนื้อปูผัดผงกะหรี่  กรรเชียงปูนึ่ง ปลาอินทรีแดดเดียว  ปลาหมึกผัดไข่เค็ม และ เอ็นหอยผัดฉ่า หรือจะลองชิมอาหารถิ่นกันได้ที่ “ร้านบ้านสิมิลัน” เมนูเด็ดต้องห้ามพลาด ได้แก่  แกงหมูชะมวง แกงคั่วหอยขม เกี๋ยวห่อชีส ทอดมันกุ้ง

ในแต่ละวันพอแดดร่มลมตกไปหาสถานที่เติมความสดชื่นนั่งซดกาแฟกลิ่นหอมอร่อยของชาวระยอง โดยมีร้านแนะนำที่ “De Poem Café and Bistro” หาดแหลมแม่พิมพ์ กับ “ร้านกาแฟ 7 Tique café” เสิร์ฟกาแฟคู่กับเค้กโฮมเมดรสต่าง ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสวน ดูร่มรื่นสบาย ๆ


มาถึงแหล่งแวะช้อปปิ้งของฝากของดีเมืองระยองถนนเส้นเดียวกับบ้านเพขับรถลอดอุโมงค์สวนสนต่อไปเรื่อย ๆ จะมีตลาดขายทั้งอาหารทะเลสดและแปรรูปราคาย่อมเยา ผลไม้แปรรูป ซื้อได้เต็มที่เพื่ออุดหนุนชาวประมงชายฝั่ง

ระยองไม่ไกลอย่างที่คิด มีเวลาพักผ่อนเพียง 48 ชั่วโมง ก็สามารถมาชาร์ตพลังกันได้ครบทุกบรรยากาศ เที่ยวเมืองไทยได้ประโยชน์คุ้มจริง ๆ

@ เดินมากชดเชยแคลเซี่ยมให้ผู้สูงวัยได้

นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาล 4 แห่งในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้เขียนหนังสือซึ่งเป็นผลงานระดับ Best seller ในญี่ปุ่น ได้นำเสนอบทความเรื่อง “มาชดเชยแคลเซียมด้วยการเดินกันเถอะ” ซึ่งเหมาะกับผู้สูงวัย ที่น่าสนใจ

คุณหมอโยะชิโนะริแนะนำว่า  ถ้าอยากทำให้กระดูกแข็งแรง ต้องเดินให้มากเป็น 2 เท่าของคนทั่วไป เพราะแรงโน้มถ่วง  จะทำให้กระดูกเพิ่มปริมาณแคลเซียมในกระดูกได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากเดิม  กระดูกเป็นเหมือนธนาคาร  ซึ่งเก็บสะสมแคลเซียมเอาไว้ เมื่อแคลเซียมในเลือดลดลง  ก็จะนำแคลเซียมจากกระดูกมาใช้แทน  และเมื่อผู้สูงวัยเดินไม่เพียงพอ กระดูกก็จะค่อย ๆ เปราะบางลง

ถึงจะพยายามกินแคลเซียมมากเพียงใด  ก็ไม่มีผลช่วยอะไรมากนัก  เพราะปัจจัยหลักที่สำคัญ คือ "ปริมาณการออกกำลังกาย" ที่ผู้สูงวัยมีลดน้อยลง  ซึ่งบางรายในแต่ละวัน แทบไม่ได้มีการขยับตัวเลยนั่นเอง

อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับปริมาณฮอร์โมนที่ลดลงอีกด้วย เพราะเดิมทีฮอร์โมนเพศ  ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิง  หรือฮอร์โมนเพศชาย  ต่างก็มี “ฤทธิ์เสริมสร้าง” ทำให้กระดูกแข็งแรงและกล้ามเนื้อบึกบึน

โดยส่วนใหญ่แล้วผู้สูงวัยมีแนวโน้มเดินน้อยลงเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น  จึงยิ่งทำให้ขาดแคลเซียมมากขึ้นไปอีก ส่งผลทำให้มีอาการปวดหัวเข่า  และ ปวดสะโพก พอปวดแล้วก็จะยิ่งเดินน้อยลงไปอีก  จนถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น  กระดูกก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปจนเดินด้วยขาตนเองไม่ได้

ส่วนวัยหนุ่มสาว หากนั่งทำงานอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์จนแทบไม่ได้ขยับตัว  จู่ ๆ จะลุกขึ้นมาใช้ขาอย่างหักโหมในการไปท่องเที่ยวทันที  ก็จะมีอาการปวดข้อปวดเข่า เพราะร่างกายไม่เคยชิน ดังนั้น เราจึงควรฝึกนิสัยรักการเดินให้เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ

การเดินออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นอีกช่องทางที่จะทำให้แคลเซียมในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “การบินไทยQ1ปี’61ขาดทุน2.4พันล้าน”



นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 2561 การบินไทยและบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating profit) 3,836 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 49.4% มาจากรายได้เพิ่มขึ้น 1.รายได้ค่าบัตรโดยสารและน้ำหนักส่วนเกิน 2.รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ 3.การบริการอื่นๆ และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 583 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตีค่าทางบัญชี ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ  2,737 ล้านบาท

แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่มีสาเหตุหลักเกิดจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 2,473 ล้านบาท

ขณะที่ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 2.2% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 80.6% (ภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 80.9%) ต่ำกว่าปีก่อนทำไว้ 82.8% และมีจำนวนผู้โดยสารรวม 6.25 ล้านคน
ต่ำกว่าปีก่อน 4.1%


โดยสรุปตลอดไตรมาส 1 ปี 2561 การบินไทยและบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 53,466 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,662 ล้านบาท หรือ 7.4% แยกเป็น
“รายได้” จากค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน ค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์และรายได้จากการบริการอื่น ๆ 2.ค่าใช้จ่ายรวม 49,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,393 ล้านบาท (5.1%) เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 1,189 ล้านบาท (9.3%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 22.8%

“ค่าใช้จ่าย” ไม่รวมค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น 1,280 ล้านบาท (3.9%) สาเหตุหลักเกิดจากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน และค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 2,473 ล้านบาท จากมูลค่ายุติธรรมของเครื่องบินที่ปลดระวางและรอการขายจากผู้ประเมินราคามาตรฐานที่บริษัทฯ ใช้อ้างอิง ปรับลดลงจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะเครื่องบินแอร์บัส A340

ข่าวที่สอง “ไทยแอร์เอเชียฟุ้งQ1กำไรเกินพันล้าน”



นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) “AAV” และบริษัท ไทย แอร์เอเชีย (TAA) เจ้าของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2561 AAV มีรายได้รวม 11,642.8 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,004.1 ล้านบาท ส่วน TAA มีรายได้รวม 11,642.8 ล้านบาท ทำสถิติกำไรสุทธิ 1,834.6 ล้านบาท จากทำอัตราบรรทุกขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยได้ถึง 91 % จำนวนรวม 5.64 ล้านคน เพิ่มขึ้น16 % ได้รับมอบเครื่องบิน 3 ลำ ตลอดไตรมาสแรกปีนี้จึงฝูงบินทั้งสิ้น 59 ลำ

ไทยแอร์เอเชียสามารถขยายการบิน 1.เปิดเส้นทางบินใหม่ไตรมาสแรกปีนี้รวม 7 เส้นทาง จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่ปลายทาง ระนอง และชุมพร ซึ่งประสบความสำเร็จสูงมาก ที่เหลือก็บินไปยัง ยะโฮร์ บาห์รู, เฉิงตู  เที่ยวบินจากภูเก็ต สู่ มาเก๊า, คุนหมิง และจากเชียงใหม่สู่อุดรธานี 2.เพิ่มความถี่บิน 12 เส้นทาง จาก กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) และ พัทยา (อู่ตะเภา) และยกเลิกเส้นทางบินกรุงเทพฯ -ติรุจิรัปปัลลิ, เชียงใหม่-อุบลราชธานี และอุบลราชธานี-พัทยา

ขณะนี้ไทย แอร์เอเชีย ที่มีเที่ยวบินครอบคลุมภาคใต้มากที่สุด 9 จุดหมายปลายทาง 19 เส้นทางบิน  และมีความถี่วันละ69 เที่ยว

@ไทยแอร์เอเชียจ่อลงทุนใหม่3โปรเจ็กต์

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า เตรียมแผนขยายลงทุนโครงการขนาดใหญ่ 3 โปรเจ็กต์หลัก ๆ ประกอบด้วย 1.ศูนย์ซ่อมบำรุง หรือ Maintenance, Repair and Overhaul : MRO อู่ตะเภา ได้รับการจัดสรรพื้นที่จากรัฐบาล 60 ไร่ และได้หารือกับพันธมิตรไว้แล้ว 3 ราย ภายในพฤษภาคมนี้เมื่อรัฐบาลได้ข้อสรุปจะใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี ทำให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 ปี 2562

2.ลงทุนอาคารผู้โดยสารสายการบินราคาประหยัด หรือ lowcost terminal ที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ตามแผนแม่บทระยะยาว 10 ปีที่จะขยายปริมาณการรองรับผู้โดยสารเพิ่มจากปัจจุบัน 3 ล้านคน เป็นปีละ 30 ล้านคน  3.ลงทุนสร้างอาคารสำนักงานและศูนย์ฝึกอบรมนักบินและลูกเรือ บนที่ดิน 19 ไร่ (ย่านดอนเมือง) มูลค่า 1,500 ล้านบาท ประมาณสิงหาคมปีนี้จะเริ่มก่อสร้างใช้เวลา1 ปีครึ่ง หรือแล้วเสร็จปลายปี 2562


ข่าวที่สาม “แควนตัสผนึกAISมอบส่วนลดตั๋วออสซี่/กีวี”



  สายการบิน แควนตัส รายงานว่าได้ร่วมมือกับค่ายเอไอเอสในกรุงเทพฯ มอบส่วนลด 8% ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ AIS  ระหว่างวันนี้ - 31 กรกฏาคม 2561 สำหรับผู้ใช้เอไอเอสในเขตกรุงเทพฯ ที่มียอดใช้บริการ 300 บาทต่อเดือน สามารถซื้อตั๋วโดยสารแควนตัสบินไป-กลับ สู่ออสเตรเลีย ใน 4 เมือง คือ ซิดนีย์ อะดิเลด บริสเบน เมลเบิร์น หรือกรุงเทพฯ ยัง 4 เมืองในนิวซีแลนด์ ได้แก่ โอ๊คแลนด์ เวลลิงตัน ควีนสทาวน์ หรือ ไคร้ชเชิร์ส

  วิธีรับสิทธิ์ก็เพียงแค่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือค่ายเอไอเอสกด *545*162# จากโทรศัพท์มือถือของตนเองแล้วโทรออกเพื่อรับรหัสซื้อตั๋วโดยสาร 1 ใบต่อคนต่อวัน ที่สำนักงานสายการบิน แควนตัส ชั้น 21 อาคารอิสสระ ทาวเวอร์ 1 ถนนสุริวงศ์ กรุงเทพฯ โทร.02 632 6611 หรือที่ทีวีแอร์บุ๊คกิ้ง  สาขาดิเอ็มโพเรียม ชั้น 3 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม โทร.02 664 8500-6 ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.qantas.com

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.เวลา 11.001-12.00 น.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai