เปิดใจ "ชำนาญ ศรีสวัสดิ์" ประธานสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวภูมิภาคแห่งประเทศไทยSMEท่องเที่ยวเจ็บหนัก-ททท.ระยองพลิกใช้เพจเป็นตลาดนัดชวนท่องที่ยวขายสินค้าออนไลน์ท้องถิ่น

เปิดใจผู้นำ”สมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยว”SMEทั่วไทยสาหัสหนัก

วอนรัฐดันนโยบายเร่ง“ทุกพื้นที่ปฏิบัติ”ลงมือเยียวยาด่วน3เรื่อง

กระเป๋าคอลเลคชั่นพิเศษต้อนรับซัมเมอร์จากแบรนด์มหานคร

สมัครบัตรคิงเพาเวอร์ออนไลน์ได้สิทธิ์คุ้มทั้งแต้ม/วันเกิด2ต่อ”

ททท.ระยองงัดใช้เพจสำนักงานเปิดตลาดช่วยท้องถิ่นหารายได้

ททท.ผนึกโรงแรมไทย-GETหนุนขายอาหารออนไลน์ส่งถึงบ้าน

บางจากชวนแลกสิทธิ์100แต้มรับส่วนลดมื้ออร่อยร้านซิซเลอร์

“4กิจกรรมสร้างภูมิคุ้มใจ” แม้กายจะห่างกันในช่วงโควิด-19

“กลินท์”เตรียมนำทีมชงรัฐผ่อนคลายธุรกิจ-ร้านอาหารพ.ค.นี้

แบงก์ชาติจัดสรรเงินกู้เฟส3ให้SMEsท่องเที่ยว 1.1 หมื่นล้าน

คนแห่กู้ฉุกเฉิน”ออมสิน-ธ.ก.ส.”สินเชื่อบุคคลทะลุ 2 ล้านราย

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #SMEท่องเที่ยวเจ็บหนัก #stayhome  #kingpowerShopSaveSaft #ร้านอาหารโรงแรมdeliveryGET

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” หรือ “โกจง”
ประธานสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวภูมิภาคแห่งประเทศไทย 

            ช่วงที่ 1 ล้วงลึกทุกเม็ด “ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” หรือ “โกจง” ประธานสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวภูมิภาคแห่งประเทศไทย ชำแหละสถานการณ์เสาหลักธุรกิจท่องเที่ยวภาคใต้ “กระบี่ ภูเก็ต” ทรุดหนัก วอนขอภาครัฐช่วยเหลือด่วน ๆ 3 เรื่องใหญ่ “1.แบงก์พักชำระหนี้ผู้ประกอบการลดต้นลดดอกเบี้ย 3-6 เดือน 2.ขอปล่อยซอฟท์โลนล็อตใหม่ที่กู้ได้เงิน เพื่อไปดูแลกิจการและลูกจ้าง3.ประกันสังคมมาตรา 33 จ่ายเงินเยียวยาด่วนอย่าเล่นเกมยื้อ” ชี้แรงงาน 1 ล้านคน กำลังจะตาย ส่วน “ธุรกิจ” จากปิดชั่วคราวอาจต้องปิดถาวรกันเป็นแถว ยันได้แรงหนุน ททท.เตรียมติดอาวุธเที่ยวอย่างปลอดภัย คิดโปรเจ็กต์กระตุ้นพร้อมขายรอไว้แล้ว โปรเจ็กต์ “เที่ยวช่วยชาติ”  หวังพึ่งรายได้จาก อบต. อบจ.เทศกาลทั่วเมืองไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัวรุ่นใหม่

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวภูมิภาคแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทั่วประเทศล็อกดาวน์ส่วนใหญ่โรงแรม ร้านอาหาร ปิดบริการชั่วคราว โดยเฉพาะกระบี่หยุดร้อยเปอร์เซนต์ จากการหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกวันพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ ระนอง สตูลและอีกหลายจังหวัดล็อกดาวน์จนถึง 30 เมษายน 2563 มีบางจังหวัดที่ปิดแบบเบาบาง เช่น ตรัง พังงา

ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม ส่วนใหญ่จึงประเมินการรับมือช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด ต้องสั่งลูกจ้างภาคบริการหยุดงานรวม ๆ แล้วกว่า 1 ล้านคน คิดเป็น 25 % จากแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยตรงทั่วประเทศกว่า 4 ล้านคน ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมเรื่องการหาแหล่งเงินมาเยียวยาทั้งลูกจ้างและธุรกิจ จนถึงปัจจุบันหลังจากรัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือทั้งระบบ แต่ก็เป็น “เพียงนโยบาย” ในทางปฏิบัติลูกจ้างในระบบประกันสังคม มาตรา 33 และภาคธุรกิจที่ยื่นขอเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ยังไม่มีกลุ่มไหนเข้าถึงแหล่งและยังไม่ได้รับเงินอย่างเป็นรูปธรรมเลย นโยบายชัดเจนแต่ระดับการปฏิบัติไม่ชัดเจน

ขณะนี้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขอเพียงได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐโดยอยากเห็นเป็นรูปธรรมหลัก ๆ 3 ส่วน ดังนี้ 1.พักชำระหนี้ผู้ประกอบการพร้อมลดต้นลดดอกเบี้ย 3-6 เดือน 2.ขอปล่อยเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำเงินไปดูแลกิจการและลูกจ้างช่วง 3.ประกันสังคมมาตรา 33 นำเงินมาจ่ายด่วน ๆ ไม่ใช่ดึงเรื่องไว้อย่างทุกวันนี้ เพราะลูกจ้างส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินต้องกินต้องใช้แบบวันต่อวันกันแทบทั้งหมด

การติดต่อประสานกับเจ้าหน้าที่ประกันสังคมหรือธนาคารในพื้นที่ที่รัฐบาลมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลเยียวยาลูกจ้างและภาคธุรกิจ ยืนยันยังไม่มีเอกสารคำสั่งจากส่วนกลางลงมาในพื้นที่ จึงไม่สามารถดำเนินการรับลงทะเบียนหรือเดินหน้าให้ความช่วยเหลือได้ ต้องรอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวระดับพื้นที่อย่างกิจการของผมเองก็มี บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รถเรือ ขนส่งนักท่องเที่ยว วิเคราะห์แล้วสาเหตุหลักที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาเลย หลัก ๆ อาจจะมาจาก 1.ประกันสังคมอาจจะต้องรอต่อคิวแค่โครงการ อาชีพอิสระที่เข้าไปลงทะเบียนใน เราไม่ทิ้งกัน.com เพียงบางส่วน 2.เงินภาครัฐมีเพียงพอจ่ายจริงหรือไม่

ส่วนกรณ๊ที่นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)ได้รับแต่งตั้งจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ให้ดำรงตำแหน่ง 1 ใน 14 ที่ปรึกภาคเอกชนศูนย์ฯ ดังกล่าว เพื่อให้ข้อมูล คำแนะนำนั้น ทางผมซึ่งเป็นรองประธานสภาอุตสาหกรรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้หารือกันตลอดเพื่อดูแลภูมิภาค ตอนนี้มีเรื่องหลักที่เรียกร้องกันมากที่สุดคือ “การเจรจาเสนอขอกู้เงิน” ประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 ขอให้ทางธนาคารเจ้าหนี้ลดต้นลดดอกเบี้ย 3 เดือน ตอนนี้เริ่มได้รับความช่วยเหลือบ้างแล้ว

ส่วนที่ 2 เงินกู้ซอฟท์โลน ตอนนี้ยันยันว่ายังไม่มีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก SMEs รายใดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับการช่วยเหลือเลย

จากการหารือกับทางประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ จะพยายามใช้เวที “คณะกรรมการที่ปรึกษาภาคเอกชนศูนย์โควิด-19” เร่งทำให้ธนาคารต่าง ๆ ที่รัฐมอบหมายช่วยปล่อยเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยต่ำโดยเร็วที่สุด

ในกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรมต่างจังหวัดภายในเดือนเมษายน นี้เป็นต้นไป ส่วนใหญ่ให้ลูกจ้างหยุดงานเกือบหมดแล้ว โดยใช้วิธีควักเงินนายจ้างจ่ายเงินบางส่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนลูกจ้าง รวมทั้งประสานกับทาง สำนักงานประกันสังคมจังหวัดกระบี่ส่งรายชื่อสถานประกอบการและลูกจ้าง “ผู้ประกันตน” ตามมาตรา 33 ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือต้องรออีกหลายขั้นตอน เช่น รอการประกาศกฎกระทรวง และอื่น ๆ

นายชำนาญกล่าวว่าในส่วนการเตรียมความพร้อมทำโครงการกิจกรรมตลาดซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ช่วยเอกชนทุกอย่างทั้งการพาไปพบธนาคารออมสิน บสย.เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาปล่อยเงินกู้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ส่วนเรื่องการทำกิจกรรมตลาดเตรียมรับสถานการณ์กลับสู่ปกติ ก็ร่วมมือกันเต็มที่จากนายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการ ททท.ด้านตลาดในประเทศ ยื่นเสนอความต้องการและสิ่งที่สามารถทำได้เร็วที่สุดไว้ ซึ่งทางภาคใต้วางแผนในช่วงซ่อม-สร้าง ได้พูดคุยกันไว้เรื่อง การแนะนำปรึกษา ปูพรมสร้างความเข้าใจทุกสมาคมท่องเที่ยวว่าสถานการณ์ใหม่ที่กลับมาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เป้าหมายอันดับแรก คือโหมทำโครงการ “เที่ยวช่วยชาติ  รณรงค์ให้คนในประเทศกลับมาเดินทาง “ไทยเที่ยวไทย”  เบื้องต้นต้องให้ภาครัฐปลุกองค์กรส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลทั่วไทย แบ่งงบมาจัดท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา ก่อนลำดับแรก เพราะมีงบประมาณประจำอยู่แล้ว ส่วนทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งประเทศตอนนี้ก็ต้องวางแผนแล้วเรื่องการ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรครถรับส่งนักท่องเที่ยว เปลี่ยนวิธีให้บริการ แม้จะไม่ง่ายแต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด คือ “เน้นเรื่องการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานการดูแลสุขภาพนักท่องเที่ยวครบวงจร” โดย ททท.ส่งข้อความเดียวกันให้เอกชนท่องเที่ยวทุกกลุ่มทำขั้นตอนการดูแลความปลอดภัยตามมาตรฐานใหม่อย่างละเอียดยิบ ตั้งแต่การตรวจวัดอุณหภูมินักท่องเที่ยวก่อนเดินทาง ไปจนถึงการพานำเที่ยว

เมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ “ราคา” โรงแรม ห้องพัก แพเกจ รับรองดึงดูดความสนใจแน่นอน โรงแรมระดับ 5 ดาว อาจจะลดลงถง 50 % ก็เป็นได้

โครงการที่ 2 ปรับกลยุทธ์หันมาเสนอขายโปรแกรมท่องเที่ยวขนาดเล็กในครอบครัว 3-5 คน/ทริป ซึ่งมีความมั่นใจจะเดินทางไปเที่ยวด้วยกันได้ ไม่ต้องกลัวจะติดเชื้อโรคจากใคร

ช่วงระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าต้องประคองธุรกิจและลูกจ้างให้อยู่รอดได้ จากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มจนนักท่องเที่ยวหายไปจน ล่วงเลยมาจนถึงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ผู้ประกอบการรถ เรือ หยุดร้อยเปอร์ ผู้ประกอบการช่วยเหลือกันตามอัตภาพ ภาพที่เห็นมีแม้กระทั่งแบ่งปันข้าวสารของกิจการร้านอาหาร เพื่อให้ลูกน้องไปหุงหาประทังชีวิตพลาง ๆ

ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเฝ้ารอ “ความช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ” เช่นเดียวกันกับในต่างประเทศทั่วโลกกำลังทำ เช่น จ่ายค่ายังชีพเดือนละ 5,000 บาท สัก 3 เดือน ก็ได้ เพื่อให้ลูกจ้างอยู่รอดปลอดภัย เป็นความคาดหวังแต่ตอนนี้ทุกคนก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ที่ผ่านมาธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้ ช่วงฤดูท่องเที่ยว high Season ระหว่างตุลาคม 2562-ปัจจุบัน พอเข้าฤดูนักท่องเที่ยวหนาแน่นเอกชนส่วนใหญ่ก็นำเงินไปลงทุนปรับปรุงรถ เรือโดยสาร ห้องพัก ตกแต่งสถานที่ เตรียมพร้อมรับปีใหม่ยาวไปจนถึงก่อนจะเป็นนอกฤดูท่องเที่ยว (low season) แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาเร็วมาก จึงไม่ได้ “ตุนรายได้” ไว้เลย จึงเป็นเหตุให้ทุกคนออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและประกันสังคมช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมายังไม่ทันได้ตั้งหลักกันเกือบสักราย

ปัจจุบันโรงแรม ห้องพัก แค่ 2 จังหวัด รวมกันเกือบ 1 แสนห้อง ได้แก่ ภูเก็ต 70,000 ห้อง กระบี่ 20,000-30,000 ห้อง มีส่วนแบ่งการตลาดมากเกินกว่า 70 % ของภาคใต้ ปัจจุบันโรงแรมปิดบริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด แนวโน้มหากยังไม่สามารถขอเงินกู้และเงินประกันสังคมเข้ามาช่วยเหลือก็จะต้องปิดถาวร แต่พอการเยียวยายังไม่เกิดขึ้นมีเพียงนโยบายที่ประกาศรายวันเท่านั้น

ข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวแรก “กระเป๋าคอลเลคชั่นพิเศษต้อนรับซัมเมอร์จากแบรนด์มหานคร

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำเสนอ “แบรนด์มหานคร” เป็นผลิตภัณฑ์ดีไซน์ อันเกิดจากการจับมือกับ พิชัย แก้ววิชิต วินมอเตอร์ไซค์ผู้รักในการถ่ายภาพ ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวของ “กรุงเทพมหานคร” ในมุมมองที่แตกต่าง จากศิลปะภาพถ่ายผ่านเลนส์กล้อง สู่ลวดลายบนกระเป๋าคอลเลคชั่นพิเศษ 3 แบบ 3 เรื่องราว

ซัมเมอร์นี้อยู่บ้านไม่ต้องกลัวตกเทรนด์ กับคอลเลคชั่นสุดพิเศษนี้ ในราคาเพียงเซ็ตละ 1,490 บาท ช้อปออนไลน์ได้ทาง Facebook และ Instagram Mahanakhonshop_bkk

ลายแรก “สีสันแห่งสายน้ำ” เป็นกระเป๋าผ้าใบคุณสมบัติกันน้ำ พิมพ์ลายสีสันของเรือหางยาวที่แล่นอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ในเซ็ตประกอบไปด้วย Tote Bag ขนาด 14 x 16 in. ที่มากด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ไม่ว่าจะถือเป็น Tote Bag หรือปรับเป็นเป้สะพายหลัง ก็ช่วยเสริมลุคสตรีตเท่ๆ   Pouch Bag ขนาด 9 x 7 in. ใบกะทัดรัด ที่จะทำให้การเดินทางที่ไม่จำเจอีกต่อไป และ Postcard ภาพถ่ายที่บอกเล่าเรื่องราวของกรุงเทพมหานคร

ลายที่สอง “สีสันของหลังคาวัด” กระเป๋าผ้าใบเนื้อหนาที่มีความทนทาน จุของได้เยอะ ลงรายละเอียดในการพิมพ์ให้ได้ลวดลาย และการดีไซน์แพตเทิร์น แบบหลังคาวัด ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอย่างหนึ่งของไทย ในเซ็ตประกอบไปด้วย

   Tote Bag ขนาด 14 x 16 in.   Pouch Bag ขนาด 9 x 6 in. และ Postcard ภาพถ่ายที่บอกเล่าเรื่องราวของกรุงเทพมหานคร

 ลายที่สาม “สีสันของหัวลำโพง”  กระเป๋าผ้าใบพิมพ์ลายกระจกโมเสกอันเป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟหัวลำโพง ในเซ็ตประกอบไปด้วย Tote Bag สีดำ สไตล์มินิมอล แมตช์เข้าได้กับทุกลุค ขนาด 13.5 x 14.5 in. เพิ่มลูกเล่นด้วยการ ซ้อนเป็นเลเยอร์ ดีไซน์เลียนแบบขบวนรถไฟ  Pouch Bag ขนาด 9 x 7 in. ที่มาพร้อมลูกเล่นของช่องเก็บของทั้งด้านบนและด้านข้าง และ Postcard ภาพถ่ายที่บอกเล่าเรื่องราวของกรุงเทพมหานคร

ข่าวที่ 2 “สมัครบัตรคิงเพาเวอร์ออนไลน์ได้สิทธิ์คุ้มทั้งแต้มและวันเกิด2ต่อ”

กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ชวนสมัครออนไลน์ กับ KING POWER MEMBERSHIP PRIVILEGES ทางwww.kingpower.com เพื่อรับสิทธิประโยชน์เติมเต็มทุกการเดินทาง มีให้เลือกสมาชิก 3 ประเภท ได้แก่ NAVY / SCARLET / ONYX อายุการใช้งาน 2 ปี รับสิทธิ์คุ้มทุกอย่าง ทั้งสะสมแต้มทุกยอดซื้อ100 บาท รับ 1 กะรัตสะสม พร้อมสิทธิ์วันเกิดมอบ 2 สิทธิพิเศษ เพียงซื้อสินค้าราคาปกติตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป (1 ชิ้น)

ต่อที่ 1: รับ Cash Back 30% ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี มหานคร พัทยา และภูเก็ต

ต่อที่ 2: รับ Cash Back 25% ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต

ห้องรับรองพิเศษ King Power Lounge

ส่วนลดสายการบิน โรงแรม อัตราแลกเปลี่ยน บริการรถเช่า แพ็กเกจทัวร์

และหากสามารถกลับมาเดินทางได้ตามปกติก็สามารถใช้เป็นส่วนลดตามร้านอาหารต่าง ๆ ของ คิง เพาเวอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และรางน้ำ

 ข่าวที่ 3 “ททท.ระยองเปิดให้ใช้เพจตลาดนัดออนไลน์ขายสินค้าถิ่น

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง รายงานว่า เปิดหน้า Page facebook ตลาด​นัด ททท. สำนักงานระยอง เพื่อเป็นสื่อกลางในระหว่างที่ส่วนใหญ่จะต้องอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ จึงเปิดให้เจ้าของ​กิจการ​ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม อาหารทุกประเภท ในระยอง ใช้หน้าเพจของ ททท.โปรโมทขนมและร้านของตัวเองได้เลยนะ ร่วมด้วยกันกันสนับสนุนชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่มีรายได้ระบายสินค้าสู่ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ในช่วงที่ ททท.เองมีนโยบายให้แต่ละแห่งทำงานอยู่บ้าน ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563

ส่วนสินค้าที่จะนำมาเสนอขายบนหน้าเพจ ต้องซื้อ-ขายด้วยความโปร่ง​ใส งดเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ททท.เป็นเพียงสื่อกลางไม่สามารถรับผิดชอบผู้ซื้อ-ผู้​ขา​ยทุกคนได้ทั้งหมด จึงขอให้ร่วมมือกันค้าขายสินค้าดี ๆ ในท้องถิ่นให้แก่ผู้บริโภค โดยใช้ช่องทางเพจให้เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้ช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19

ข่าวที่ 4 “ททท.ผนึกโรงแรมไทย-GETหนุนขายอาหารออนไลน์ส่งถึงบ้าน”

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จับมือกับสมาคมโรงแรมไทยและ GET (เก็ท) ผู้ให้บริการแบบออนดีมานด์และแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เปิดตัวแคมเปญ “Flavors from Top Hotels” สนับสนุนธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ และ GET ร่วมมือกันเปิดบริการเดลิเวอรี่ส่งอาหารจากร้านอาหารชั้นนำของโรงแรมโดยมีส่วนลดค่าคอมมิชชั่นให้โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ

แคมเปญนี้จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าประชาชนซึ่งส่วนใหญ่ปรับพฤติกรรมทำงานอยู่บ้าน Work from Home รวมถึงเป็นช่องทางสร้างสภาพคล่องให้ธุรกิจโรงแรมและส่งเสริมการจ้างงาน ควบคู่การประชาสัมพันธ์ร้านอาหารในโรงแรมต่าง ๆ

นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สมาคมตั้งใจช่วยเหลือธุรกิจโรงแรมต่าง ๆ ที่กำลังประสบปัญหาการทำธุรกิจจากพิษไวรัสโควิด-19 จึงต้องปรับตัวนำอาหารชั้นเลิศจากโรงแรมมาบริการทุกกลุ่มได้ถึงหน้าประตูบ้าน รักษาระยะห่างทางสังคมหรือ Social Distancing ป้องกันการแพร่กระจายของโรค COVID-19 ตามนโยบายรัฐบาล

               

ขณะนี้มีร้านอาหารของโรงแรมในกรุงเทพฯ เข้าร่วมผ่านแอพพลิเคชั่น GET แล้ว 9 แห่ง เช่น โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอร์ราตัน โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ โรงแรมนารายณ์ โรงแรมเดอะ เฮอริเทจ  

นายภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอพพลิเคชั่น GET ย้ำ แพลตฟอร์มของ GET เป็นตัวกลางเชื่อมร้านอาหารและโรงแรมต่าง ๆ ไปยังลูกค้าหลายล้านคน การเข้าร่วมแคมเปญนี้จะทำให้ร้านอาหารต่าง ๆ ของโรงแรม มีช่องทางทำยอดขายได้ในช่วงที่สถานการณ์รอบด้านอยู่ภาวะต้องอยู่บ้านเป็นหลัก อีกทั้งยังพร้อมจะสนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่งเสาหลักเศรษฐกิจผ่านพ้นวิกฤตครั้งไปด้วยกัน

ข่าวที่ 5 “บางจากชวนแลกสิทธิ์100แต้มรับส่วนลดมื้ออร่อยร้านซิซเลอร์”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีแคมเปญให้เลือกแลกรับฟรี ! ส่วนลด 100 บาท มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรบางจาก ใช้ 399 คะแนน ทุกเมนูในร้าน Sizzler สามารถกดรับสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้- 31 สิงหาคม 2563

วิธีรับสิทธิ์ กด รับสิทธิ์ ผ่าน Bangchak Rewards ทาง Mobile Application หรือ เว็บไซต์ แล้วแสดงรหัสเพื่อใช้สิทธิ์ ภายใน 1 ชั่วโมง เท่านั้น ตามกติกา คือ

1. กด รับสิทธิ์ ผ่าน Bangchak Rewards ทาง Mobile Application หรือ เว็บไซต์  2. จำกัด 1,000 สิทธิ์ / แคมเปญ 3. จำกัด 1 สิทธิ์ / ใบเสร็จ / เดือน 4. แสดงรหัสเพื่อรับสิทธิ์ได้ที่ Sizzler ทุกสาขา  5. หากสมาชิกทำ Code สูญหาย หรือ ลบข้อความ ไม่สามารถขอ Code ทดแทน หรือขอคืนคะแนนภายหลังได้

6. Code ที่ได้รับไม่สามารถใช้ซ้ำได้ และไม่สามารถขอคืนคะแนนได้ทุกกรณี 7. รหัสที่หมดอายุ และไม่ได้นำมาใช้สิทธิ์ถือว่าสละสิทธิ์ และไม่สามารถขอคืนแต้มได้กรณีที่ลูกค้าใส่รายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ผิด ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์การรับผิดชอบในทุกกรณี

8. กรณีที่ราคาค่าอาหารของใบเสร็จต่ำกว่ามูลค่า 100 บาท ลูกค้าไม่สามารถขอคืนส่วนต่างได้ หรือในกรณีที่ค่าอาหารของใบเสร็จมูลค่าสูงกว่า 100 บาท ลูกค้าจ่ายส่วนต่างเพิ่มเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตได้

9. ราคาของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (E Voucher) นี้ได้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วตามมาตรา 78/3 จึงไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้อีก

10. บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากลูกค้า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 1651 (กด 4)

ช่วงที่ 2 คนไทยยังต้องรักษาวินัยการใช้ชีวิตในช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด หันมาทำ “4กิจกรรมสร้างภูมิใจ” แม้กายห่างกัน แล้วฟังข่าวซึ่งเป็นทางออกของชีวิตยามนี้ “กลินท์ สารสิน” เตรียมนำทีมเสนอรัฐบาลปลดล็อกหลังหมดเคอร์ฟิวให้ธุรกิจบางประเภท ร้านอาหาร กิจการ ต่าง ๆ ทยอยเปิดบริการได้ภายใน พ.ค.นี้ “แบงก์ชาติกันเงินไว้ให้SMEท่องเที่ยว” 1.1 หมื่นล้านบาท กู้ไปฟื้นฟูธุรกิจได้ “แบงก์ออมสิน-ธ.ก.ส.” เปิดกู้เงินฉุกเฉินประเภท “สินเชื่อบุคคล” แค่สองวันแรกยอดคนไทยแห่กู้ทะลุเกินล้านคน

@4กิจกรรมสร้างภูมิคุ้มใจแม้กายจะห่างกันในช่วงโควิด

ดร.จิรัฐกาล พงศ์ภคเธียร รองผู้อำนวยการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ทุกคนมีเวลาหยุดอยู่บ้านเป็นเวลานาน ๆ นั้น เป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและครอบครัว และหันกลับมาดูแลตัวเอง กิจกรรม “เมนูสร้างภูมิคุ้มกันใจ 14 วันฉันทำได้” เป็นแนวทางปฏิบัติง่าย ๆ โดยมีเกณฑ์หลัก 4 ข้อ คือ  

1.กิจวัตรประจำวันที่สร้างความรู้เนื้อรู้ตัวหรือมีสติ (Readjust) เช่น อาบน้ำ รับประทานอาหาร ล้างมือ ล้างจาน

2.การหันกลับมาสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของตัวเองและใคร่ครวญชีวิตที่ผ่านมา (Reflect)

3.การดูแลความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้าง (Relate) 

4.การทำกิจกรรมที่ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง (Retreat) เช่น งานศิลปะ กีฬา การเจริญภาวนา  

กิจกรรมในแต่ละเมนูจะช่วยให้เกิดความผ่อนคลายจิตใจ เป็นเครื่องมือช่วยเยียวยา พัฒนาคุณภาพ  จิตใจให้เกิดสติ เกิดความหวังพลังใจ เข้าถึงภาวะความสงบ ความสุขในภาวะตึงเครียดของสถานการณ์ได้ สนใจติดตามได้ทางเว็บไซต์ www.happinessisthailand.com และเฟซบุ๊กแฟนเพจ ความสุขประเทศไทย 

ข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “กลินท์เตรียมนำทีมชงรัฐผ่อนคลายธุรกิจ-ร้านอาหารพ.ค.นี้”

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะประธานกลุ่มมาตรการเพื่อการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ ได้เสนอคณะทำงานศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) พิจารณาให้บางธุรกิจหรือบางกิจการเปิดบริการได้ หลังครบกำหนดประกาศเคอร์ฟิววันที่ 30 เมษายน 2563  ทยอยให้ผู้ประกอบการบางประเภทเปิดบริการได้เริ่มเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาผลกระทบสภาพคล่องและการจ้างงานโดยกำหนดวิธีเลือกให้ชัดเจน 2 แนวทาง คือ 1.กำหนดพื้นที่ที่จะเปิดบริการ 2.กำหนดธุรกิจหรือกิจการ

การกำหนดพื้นที่ควรแบ่งเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.พื้นที่สีเขียว พิจารณาจังหวัดที่ไม่มีการแพร่ระบาดและไม่มีผู้ติดเชื้อ 2.พื้นที่สีเหลือง เป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนไม่มาก 3.พื้นที่สีแดง เป็นพื้นที่จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และมีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้น อาจจะไม่พิจารณาให้เปิดเพราะเสี่ยงสูง

ส่วนจังหวัดที่สามารถเปิดบริการธุรกิจบางประเภทได้ จะกำหนดให้โหลดแอปพลิเคชั่น”หมอชนะ” ซึ่งเป็นระบบเก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชน เพื่อให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบและประเมินระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 จากสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อควบคุมป้องกันการคัดกรองความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะนี้คณะทำงานของกลุ่มมาตรการเพื่อการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ ได้วางหลักเกณฑ์เบื้องต้น คือ 1.ต้องบริหารจัดการควบคุมการระบาดได้มีประสิทธิภาพ 2.มีระบบบริหารพื้นที่เพื่อสร้างระยะห่างได้ โดยเฉพาะศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าต้องควบคุมจำนวนผู้เข้าไปใช้บริการได้ 3.ทุกสถานที่จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ล้างมือ เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย 

กลุ่มร้านอาหารบางประเภทที่จะเปิดได้ ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดดังนี้ 1.จัดโต๊ะและเก้าอี้ให้มีระยะห่าง 2.ควบคุมจำนวนคนที่จะเข้าไปทานอาหารในร้าน 3.กำหนดเวลารับประทานอาหาร 4.ผู้ปรุงอาหารและบริกรต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน

ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากและหนาแน่นคงต้องปิดไปก่อนเพื่อป้องกันการระบาด เช่น สนามมวย สนามกีฬา

ข่าวที่สอง “แบงก์ชาติจัดสรรพ.ร.ก.เงินกู้เฟส3ให้SMEsท่องเที่ยว1.1หมื่นล้าน”

ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ได้จัดทำผังแสดงให้ "กิจการ SMEs" ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ใช้สิทธิ์ยื่นขอเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยต่ำหรือ Soft Loan ที่รัฐบาล ประกาศใช้ "พระราชกำหนดเงินกู้" 1.9 ล้านล้านบาท

โดยให้แบงก์ชาติดูแลรับผิดชอบ 9 แสนล้านบาท แบ่งใช้เงินเป็น 2 กอง

        1.กอง 4 แสนล้าบาท ใช้ดูแลกองทุนตราสารหนี้ที่ครบชำระ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

        2.กอง 5 แสนล้านบาท ก้อนนี้กิจการท่องเที่ยว โรงแรม สามารถยื่นกู้เงินกองนี้ได้ เพราะแบงก์ชาติจะนำเงินมาให้แบงก์รัฐที่ได้รับมอบหมาย ใช้ปล่อยกู้ ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเเศรษฐกิจ และ โควิด-19 ซึ่งเจ้าของกิจการสามารถขอกู้ใหม่ และกู้เพิ่มเติมได้

         ในจำนวนนี้มีเงินแบ่งให้ SMEs สามารถกู้ใหม่หรือกู้เพิ่มเติม วงเงินกู้ได้รวม 396,000 ล้านบาท ให้สิทธิ์ กิจการ 7 ประเภท โดยมีท่องเที่ยวอยู่ด้วย 2 ประเภท คือ

       1.ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 10,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการจัดทำเงื่อนไขที่ชัดเจน

       2.ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชน 1,000 ล้านบาท (รายละไม่เกิน 200,000 บาท 6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 3% จากนั้นคิดอัตรา MRR/MLR)

ข่าวที่สาม “คนไทยแห่กู้“ออมสิน-ธ.ก.ส.”สินเชื่อฉุกเฉินบุคคลเกิน2ล้านราย”

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนกู้เงินฉุกเฉินสินเชื่อบุคคลจาก 2 ธนาคารหลัก คือ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ระหว่างวันที่ 15-19 เมษายน 2563 จำนวนรวมกว่า 2 ล้านคน ยอดเงินรวมกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารได้รับมอบหมายเปิดให้ประชาชนขอสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยใช้จากเงินกู้ฉุกเฉิน เพียง 2 วันแรก มีคนเข้ามาลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Government Savings Bank จะมีผู้ลงทะเบียนยื่นกู้ตามยอดตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนถึงเวลา 16.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2563 รวมทั้งสิ้น 1,085,166 ราย เงินกู้รวม 26,822.30 ล้านบาท ทางออมสินจะเปิดให้ลงทะเบียนขอสินเชื่อทั้ง 2 ประเภท ได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 พร้อมกับจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเพื่อการรองรับการลงทะเบียนจำนวนอย่างต่อเนื่องให้สามารถรองรับการยื่นเรื่องได้รวดเร็วขึ้น  

สำหรับขั้นตอนหลังจากระบบรับเรื่องแล้วจะต้องทำดังนี้ 1.ตรวจสอบคุณสมบัติและข้อมูลต่างๆ เบื้องต้นของผู้กู้ทันทีซึ่งใช้เวลาก่อนจะอนุมัติ 2.รอรับข้อความ SMS เพื่อให้ไปที่สาขาตามนัดหมายต่อไป

ทั้งนี้การปล่อยสินเป็นสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้ง 2 ประเภท มีเงื่อนไขดังนี้

ประเภทที่ 1 สินเชื่อวงเงินกู้สูงสุด 10,000 บาท/คน อัตราดอกเบี้ยเดือนละ 0.10% (Flat Rate) ผ่อนชำระคืนนานถึง 2 ปี ไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 งวดแรก  ไม่ต้องใช้หลักประกัน  คุณสมบัติผู้กู้ ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถโดยสารแท็กซี่-สามล้อ มัคคุเทศก์  มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้

ประเภทที่ 2 สินเชื่อวงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาท/คน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19  อัตราดอกเบี้ยเดือนละ 0.35% (Flat Rate) ผ่อนชำระคืนนานถึง 3 ปี ต้องค้ำประกัน โดยใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ได้ ผู้กู้มีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย เป็นผู้มีรายได้ประจำแต่รายได้ลดลงหรือขาดรายได้เพราะเหตุการณ์โควิด-19 และภัยอื่นๆ  ผู้กู้จะต้องมีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน

ขณะที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รายงานว่า มีประชาชนสนใจลงทะเบียนขอสินเชื่อฉุกเฉิน ผ่านระบบ LINE Official BAAC Family ธ.ก.ส.ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ถึงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 18 เมษายน 2563 มีทั้งสิ้น 1,214,699 ราย รวมเป็นวงเงินกู้ 12,140 ล้านบาท

ทาง ธ.ก.ส.ได้ตั้งวงเงินสินเชื่อฉุกเฉินไว้ 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกรและครอบครัวของเกษตรกรช่วงไวรัสโควิดแพร่ระบาด สามารถให้กู้รายละ 10,000 บาท ดอกเบี้ยเดือนละ 0.1% ผ่อนนานสุด 2 ปี 6 เดือน

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.