ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.งัดดิจิทัลติดอาวุธท่องเที่ยวพลิกโอกาสฝ่าวิกฤตโควิด ชูเทรนด์ลุยเปิดตลาดนัดออนไลน์VirtualMart-Virtual tour คิงเพาเวอร์ชูโปรเจ็กต์ค้าออนไลน์KingPowerTeamPower


ททท.งัดดิจิทัลติดอาวุธท่องเที่ยวพลิกโอกาสฝ่าวิกฤตโควิด
ชูเทรนด์ลุยเปิดตลาดนัดออนไลน์VirtualMart-Virtual tour
คิงเพาเวอร์ชูโปรเจ็กต์ค้าออนไลน์KingPowerTeamPower
ททท.ผุดFacebook Group-ชวนท่องเที่ยวฝากร้านขายสินค้า
กระทรวงการท่องเที่ยวฯเร่งทำโพลล์เยียวยาชงรัฐบาล16เรื่อง
บางจากลุยขายเจลแอลกอฮอล์ในปั๊มทั้ง4ภาค20,30 เม.ย.นี้
TCEBรุกช่วยอุตไมซ์สู้โควิดอัด2โปรเจ็กต์แรกแจก3หมื่นบาท
อลเวง!!ประกันสังคมส่อเค้าไม่มีเงินพอจ่ายเยียวยาลูกจ้างม.33
สมคิด”สั่งตั้งกรรมการชุดใหม่ฟื้นการบินไทยยังไม่กู้7หมื่นล้าน
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #ThailandTourismVirtualMart  #ฝากร้านแห่งประเทศไทย  #KingPowerTeamPower

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร
รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ช่วงที่ 1 เปิดแนวรุกดิจิทัลออนไลน์การค้าท่องเที่ยว กับ “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อาวุธทะลวงกำแพงตลาดฝ่าวิกฤตไวรัสโควิด-19 กำลังลุยทำบิ๊กโปรเจ็กต์ “Thailand Tourism Virtaul Mart -ตลาดนัดดิจิทัลออนไลน์ท่องเที่ยว” ขับเคลื่อนสินค้าทั่วประเทศ และเทรนด์เทรดยุคใหม่ในการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับคู่ค้าทั่วโลก พร้อมตื่นตากับ Virtual Tour-ท่องเที่ยวเสมือนจริง บนยูทูบเด็ด ๆ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ และอะเมซิ่ง ไทยเท่ ช่วยคลายความคิดถึงเมืองไทยใน 5 ภาค

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การวางแผนติดอาวุธการท่องเที่ยวนำเครื่องมือดิจิทัลเข้ามาโดยใช้ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลกไม่สามารถเดินทางได้ จึงต้องทำ 2 ส่วนหลัก คือ

ส่วนแรก หาวิธีประคองเยียวยาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนให้อยู่รอดปลอดภัยจากวิกฤต เพราะหากสถานการณ์กลับสู่ปกติต้องการให้เอกชนรอดมาร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงได้เปิดออนไลน์ Amazing Thailand กับ อะเมซิ่ง ไทยเท่ ให้ผู้ประกอบการนำสินค้าเข้ามาฝากร้านขายของต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เปิดแล้วเริ่มตั้งแต่ 9 เมษายน 2563 เป็นต้นมา “ใครใคร่ค้า ค้าเลย” มีทั้งรายเล็กและรายใหญ่มีกระแสตอบรับที่ดี เพียงแค่ใช้เฟสบุ๊ค หลังจากนั้นก็เปิดให้ขาย “หน้ากากท้องถิ่น” กำลังพัฒนาสู่หมวด “เครื่องประดับ เสื้อผ้า” โดยนำเครือข่าย ททท.ทั้งหมดเชื่อมโยงเข้ามาร่วมนำสินค้าไปขายให้ผู้ประกอบการทั้งประเทศ

ส่วนที่สอง วางแผนอนาคต เดินหน้าซ่อมสร้าง ใช้กลยุทธ์ “เปิดตลาดนัดออนไลน์ท่องเที่ยว” เริ่มจากในประเทศให้ผู้ขายท้องถิ่นพบกับผู้ซื้อทั่วไปแล้ว ขณะนี้เตรียมขยายช่องทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับคู่ค้าต่างชาติ ภายในเดือนเมษายนนี้จะเริ่มทำโครงการ “Thailand Tourism Virtaul Mart” โดยจะเปิดให้ผู้ประกอบการไทย(ผู้ขาย) เข้ามาลงทะเบียนในตลาดนัดออนไลน์ เพราะเดิมต้องเดินทางไปเจรจากับผู้ซื้อในเวทีต่างประเทศโดยตรง แต่ครั้งนี้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก แล้วเมื่อทุกอย่างพร้อมเหตุการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็มาค้าขายกันบนโลกดิจิทัล

ขณะนี้ไล่เรียงทำตามขั้นตอนโหมดแรก “เยียวยา” โหมดที่สอง “ช้อนตลาด” ซึ่งเป็นอนาคต ซึ่งแต่ละโหมดมีความพร้อม เพียงแต่ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันประคองธุรกิจวันนี้ไว้ให้รอดปลอดภัยก่อนเท่านั้น



นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า โปรเจ็กต์ “ตลาดนัดออนไลน์ในประเทศ” ผู้ประกอบการสามารถนำสินค้าเข้ามาวางขายบนชั้นได้ทุกหมวด ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค ศิลปิน ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศมองหาให้ลูกค้าให้เรื่องใหม่ ๆ ประการสำคัญที่สุด การท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยคือสิ่งใหม่ที่นักเดินทางทั่วโลกต้องการเมื่อทุกอย่างกลับสู่ปกติเป็น New Normal ด้วยมาตรฐาน Safty and Health Administration –SHA” ททท.จะนำขึ้นมาเป็นหนึ่งบนแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ ซึ่งโครงการนี้กระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับรองมาตรฐาน และมีกระทรวงต่าง ๆ เข้ามาร่วมด้วย เรื่อยไปจนถึงเอกชนไทยทั้งภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ตอกย้ำนักเดินทางทั่วโลกถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่เชื่อถือได้เมื่อเลือกมาท่องเที่ยวเมืองไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 ยุติลง
ส่วนการเดินหน้า “Tourism Virtaul ” นำเสนอการท่องเที่ยวในโลกเสมือนจริง ททท.ก็ได้เตรียมทั้งภาพนิ่งและ VDO สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ถ่ายทำทั้ง 5 ภูมิภาค เบื้องต้นที่มีอยู่ในออนไลน์ขณะนี้คือ Virtual Tourism Game Reality Station เป็นเรื่องเกมออนไลน์เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ทางด้านวิถีชีวิต ได้แก่ มวยไทย ทำกระทง ปลูกข้าว ทำอาหาร เจาะกลุ่มเฉพาะ (niche market) ขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถชมผ่าน Youtube สามารถเข้าไปดู Virtaul Reality ได้แล้วทั้งภาพนิ่งและVDO ซึ่งเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ 

จากนี้ก็จะพัฒนาร่วมกับแหล่งท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นนำเสนอภาพและ VDO ทำเป็น Thailand Dreaming บอกเล่าเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวนำเสนอให้คนรู้จักเตรียมรับตลาดเมื่อโลกกลับสู่ปกติ เมื่อเข้า youtuba  Amazing Thailand 360 ซึ่งอาจจะยังไม่มากแต่ก็พอให้นักท่องเที่ยวหายคิดถึงการเดินทางไปตามแหล่งสวยงามได้

ตัวอย่าง “เทศกาลสงกรานต์โซเชียล” ททท.หลายส่วนร่วมกันทำกิจกรรมรณรงค์ให้คนยังรำลึกถึงสงกรานต์เมืองไทย เช่น ผลิตอีการ์ดส่งอวยพรผู้ใหญ่ ออนไลน์แชร์กิจกรรมดี ๆ ชื่อ My HERO คือแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ คุณพ่อ-คุณแม่ ครอบครัว มีการนำเสนอผ่านโซเชียลออนไลน์หลากหลายมาก กระแสตอบรับสงกรานต์ดังกล่าวค่อนข้างดี เพราะคนไทยให้ความร่วมมือ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” กันจริง ๆ โดยทุกคนร่วมมือแชร์กิจกรรมพร้อมทั้งเสนอแนะข้อคิดเห็นให้ ททท.นำไปพัฒนาต่อไปด้วย

อีกทั้ง ททท.ยังได้เตรียมการท่องเที่ยวเสมือนจริง Virtual Tour เวอร์ชั่นต่อไปนั่นคือ “การท่องเที่ยวหน้าฝน -Green Virtual Tour” เป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวสวนผลไม้ ท่องเที่ยวธรรมชาติ ช่วยให้นักท่องเที่ยวผ่อนคลายการอยู่จำเจในบ้านแล้วมาดูการท่องเที่ยวให้หายคิดถึงไปพร้อม ๆ กัน

นายศิริปกรณ์ ยืนยันว่า ขณะนี้ ททท.ปรับโหมดดิจิทัลเข้าไปช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยได้ปรับเป็น Digital transformation เกือบทุกยูนิตใน ททท. โดยเฉพาะในช่วง Work from Home อย่างเต็มที่ ความหมายของดิจิทัลไม่ใช่เฉพาะเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลเสียงสะท้อนของทุกกลุ่มไว้ด้วย มีการรับฟังแล้วแชร์สิ่งที่ดี หรือ Social listening จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาให้นักท่องเที่ยวได้ตรงจุดในช่วงที่ผ่านมา

โดยสรุปคือ ททท.ใช้โซเชียลและดิจิตอล รวบรวมข้อมูล ความเห็น ของภาคีเครือข่ายพันธมิตร กลุ่มผู้ประกอบการทั้งอุตสาหกรรม ชุมชน ท้องถิ่น และหน่วยงานเกี่ยวข้อง แบบครบวงจร

สำหรับนโยบาย ททท.ประกาศการทำงานอยู่บ้าน Work from Home ตอนนี้คนไทยคุ้นชินกับ VDO call มากขึ้น ส่วน ททท.นำร่องใช้มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงขณะนี้รวมกว่า 6 ปี จุดเริ่มครั้งนั้นเกิดจากการจัดตั้ง TAT Intelligent Center ติดต่อกันระหว่าง สำนักงานใหญ่กับ ททท.สำนักงานทั่วโลก 29 แห่ง และ สำนักงานในประเทศ 45 แห่ง โดยเก็บข้อมูลเป็นของเราเองมาหลายปี พอมาเจอเหตุการณ์ต้องร่วมมือกันทำงานที่บ้านช่วงไวรัสโควิด-19 จึงถือว่าองค์กรโชคดีที่คุ้นชินกับการใช้ระบบวิดีโอ คอล มาก่อนแล้ว มีความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานของผู้บริหารระดับหนึ่งอาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เฉพาะด้านการสื่อสารเห็นหน้าตาระหว่างประชุมผ่านวิดีโอเท่านั้น แต่ยังได้ทำระบบ e-office เอกสารต่าง ๆ ตอนนั้นเริ่มทำ Paperless ซึ่งอยู่ในระบบทั้งหมด แล้วก็นำมาใช้ได้ในตอนนี้ ถึงแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกพอสมควร ถือเป็นโอกาสดีในการทดสอบประสิทธิภาพการใช้ระบบมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทุกคนทำงาน โดยมีการบันทึกหลักฐาน ทั้งส่วนตัวและภาพรวม พร้อมเปิดเผยข้อมูลได้

ส่วนการทำงานร่วมกับ ททท.สำนักงานต่างประเทศทั่วโลก พร้อมติดต่อกับทุกแห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการพัฒนาวิธีทำงานรูปแบบใหม่ แต่มีประเด็นท้าทายคือ “การอนุมัติทางระบบ” หากไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงินจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเงินการคลัง ซึ่งยังคงมีข้อบังคับของภาครัฐที่ยังไม่สามารถทางดิจิทัลได้ เช่นการลงนามคำสั่งแบบ e-signature ต้องเปิดระเบียบว่าทำได้หรือไม่ ตอนนี้เชื่อมั่นว่าภาครัฐที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ คงจะพัฒนาระบบอยู่ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงใหม่
ขณะที่ ททท.ต้องการเสริมทัพการนำดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือการทำงาน การค้า การทำตลาด คือเสริมทัพด้าน “Up Skill -Re Skill” ตอนนี้จะเห็นทุกสถาบัน ให้นักเศรษฐศาสตร์ ภาคธุรกิจ หันมาปล่อยฟรีออนไลน์ เป็นเรื่องที่ดีก่อให้เกิดกระแสสังคมใหม่ทั่วไทยและทั่วโลก

ททท.เองจะใช้ออนไลน์เปิดคอร์สอบรมบุคลากร e-learning , workshop ทางการท่องเที่ยว และเชิญชวนการเพิ่มทักษะขยายอาชีพการทำงานด้านอื่น ในอนาคตหากธุรกิจท่องเที่ยวประสบปัญหาจะได้มีอาชีพเสริมไว้รองรับ ขณะนี้กำลังจัดหมวดหมู่เป็นขุมคลังทางปัญญา ตอนนี้กำลังเตรียมและจะเร่งเปิดเร็ว ๆ นี้ มีพันธมิตรเข้ามาร่วมแล้ว โดยมีกลุ่ม Travel Tec Start up เข้ามาช่วยเต็มที่ ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นไปจะเห็นการทำอบรม พัฒนาทักษะ บุคลากรท่องเที่ยวผ่านดิจิทัลออนไลน์ในโครงการUp &Re Skill เต็มรูปแบบอย่างแน่นอน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดโปรเจ็กต์KingPowerTeamPower”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ในฐานะผู้นำการบุกเบิกร้านค้าปลอดภาษี (duty free) ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว ภายใต้การนำของ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ วางกลยุทธ์พลิกเกมธุรกิจฝ่าวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยรุกจับมือกับพันธมิตรทางการค้าและพนักงาน เปิดตัวโครงการเฉพาะกิจ ภายใต้กลยุทธ์ “KING POWER TEAM POWER” จะเปลี่ยนพนักงานทุกส่วนเป็น ‘นักขายสินค้าออนไลน์มืออาชีพ’ ทำให้องค์กรขยายเครือข่ายจากกลยุทธ์การขายหน้าร้าน (onground) สู่ ‘ดิจิทัลออนไลน์’ เต็มรูปแบบ ทำแผนพัฒนาธุรกิจให้เกิดประโยชน์กับทั้งพันธมิตรทางการค้า พนักงานและลูกค้าอย่างสูงสุด ตอบโจทย์การขอความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐ 2 มาตรการสำคัญของประเทศช่วยกันหยุดการแพร่กระจายเชื้อไวรัส

ประกอบด้วย 1.Social Distancing 2.อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ทุกคนไม่ต้องเดินทางออกจากบ้านหรือออกนอกบ้านให้น้อยที่สุด

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จึงเปิดกลยุทธ์ใหม่สร้างเครือข่ายนำสินค้าหมวดต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก เชิญชวนคนทั่วประเทศเข้ามาช้อปทางออนไลน์อย่างเพลิดเพลิน ตอบสนองกำลังซื้อทุกกลุ่มอาชีพซึ่งส่วนใหญ่ทำงานอยู่บ้านแล้วสามารถคลิกเข้ามาช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทาง www.kingpower.com เป็นกลยุทธ์คืนกำไรให้ลูกค้าอย่างจุใจ เพื่อร่วมฝ่าวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน

เมื่อคลิกปุ๊บก็จะได้เจอปั๊บสินค้าออนไลน์ให้ช้อปกันได้แบบไม่อั้นกับแคมเปญ  KING POWER # SHOPSAVESTAYSAFE  #ช้อปที่บ้านมีแต่Save กับ Safe เลือกช้อปได้อย่างจุใจทั้ง 1.สินค้า Non Duty Free ซื้อได้ทันทีไม่ต้องมีตั๋วเดินทางต่างประเทศ เลือกโปรโมชั่นทุกหมวดสินค้าตั้งแต่ของกิน สุขภาพ ข้าวของเครื่องใช้ และอื่น ๆ 2.รับฟรีบริการอำนวยความสะดวกส่งสินค้าถึงบ้านโดยผู้ซื้อไม่ต้องมียอดช้อปขั้นต่ำ 3.เลือกช้อปผลิตภัณฑ์สินค้าแบรนด์เนมราคาดิวตี้ฟรี ที่คัดสรรเพิ่มเติมเป็นพิเศษตลอดแคมเปญนี้โดยเฉพาะ

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบต่อระบบโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจทั้งในไทยและต่างประเทศทั่วโลก ส่งผลถึงภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และประชาชน ผนวกกับสถานการณ์ปัจจุบันการแพร่ระบาดในไทยยังคงอยู่มีต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาล ต้องออกประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด ทยอยปิดสถานที่ให้บริการต่างๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรคระบาด มีทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยวสาขาอาชีพต่าง ๆ

การปิดสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งการออกมาตรการรณรงค์ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข หยุดการแพร่กระจายเชื้อโรค ตามคอนเซ็ปต์ “การรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing” เรื่อยไปจนถึงมาตรการที่หน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชนหันมาปฏิบัติตามนโยบายรัฐอย่างเคร่งครัด ด้วยการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ” ประกาศให้พนักงานทำงานอยู่บ้านเป็นหลัก หรือ Work From Home  :WFH มาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม จนถึงปัจจุบัน   

ดังนั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและสินค้าปลอดอากร (Travel Retail) ชั้นนำระดับโลก ตระหนักและให้ความสำคัญร่วมมือกับทุกภาคส่วนร่วมเผชิญวิกฤตนี้ อย่างมีส่วนความรับผิดชอบต่อสังคมสูงสุดทุกด้าน ตามที่คิง เพาเวอร์ ได้ยึดถือปฏิบัติมาตลอด 30 ปี

ทั้งนี้ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้จัดทัพการพัฒนานักขายออนไลน์มืออาชีพ โดยการสร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยวิธีการเปลี่ยนให้ทุกคนเป็น ‘นักขาย’ มืออาชีพ เข้าร่วมคอร์สอินเทนซีฟฝึกอบรมด้านการขายสินค้าออนไลน์แบบครบวงจร สร้างโอกาสใหม่ที่สำคัญให้ทีมได้เรียนรู้ระบบการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นเป็นประโยชน์กับพนักงานต่อไปในอนาคต รวมทั้งเป็นการตอกย้ำแนวรุกใหม่ทางการค้าทำคู่ขนานกันไปได้ทุกรูปแบบทั้งออนกราวนด์และออนไลน์

ข่าวที่ 2 “ททท.ผุด Facebook Group-ฝากร้านแห่งประเทศไทยขายสินค้า”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รายงานว่า ได้เปิดเพจ Facebook Group  การฝากร้านแห่งประเทศไทย - Amazing Market” เป็นช่องทางช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนำสินค้าเข้ามาวางขายผ่านทางออนไลน์ได้ ในรูปแบบ “ใครใคร่ค้า ค้าได้เลย” สร้างพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น ชุมชน ร้านอาหาร เข้ามาฝากร้านเสนอขายสินค้าเพื่อสร้างรายได้ในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งสามารถสมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยอุดหนุนสินค้าจากชุมชนและผู้ประกอบการทั่วไทย หรือนำเสนอขายและซื้อสินค้าได้
เบื้องต้นทางกลุ่มได้เปิดให้โพสต์ขายสินค้าชุมชน ร้านอาหาร เครื่องแต่งกายท้องถิ่น ส่วน “ผู้ประกอบการโรงแรม” จดทะเบียนถูกกฎหมายสามารถโพสต์จำหน่าย Voucher มีอายุ 1 ปีขึ้นไปได้ ขณะที่ โฮมสเตย์ กิจกรรมทางการท่องเที่ยว บริษัททัวร์ รถเช่า ก็ประชาสัมพันธ์กิจการได้ แต่ขอสงวนสิทธิ์เรื่องงดขายแพ็กเกจช่วงเวลานี้ ขอให้ทุกอย่างสงบจึงจะพัฒนาการขายออนไลน์เพิ่มกว้างมากขึ้นต่อไป

สำหรับข้อตกลงการฝากร้าน

1. ฝากร้านอาหาร -พืชผักผลไม้ อาหารท้องถิ่น อาหารแปรรูป เครื่องปรุงรส อาหารแบบซื้อกลับบ้าน ส่งถึงบ้าน หรือส่งไปรษณีย์ได้
2. ฝากร้านเครื่องแต่งกายท้องถิ่น -ผ้าทอ เครื่องประดับจากวัสดุท้องถิ่น ชุดแต่งกายจากผ้าไทย หน้ากากผ้า (เฉพาะแบบที่ใช้ผ้าเอกลักษณ์ชุมชน)
3. ฝากร้านสินค้าท้องถิ่นอื่นๆ - ได้แก่ ข้าวของเครื่องใช้หรือของแต่งบ้านที่ผลิตจากวัสดุท้องถิ่น หรือของที่ระลึกทางการท่องเที่ยว
4. รีวิวสินค้า/ถามหาสินค้า -แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเอง ทุกท่านก็สามารถแนะนำสินค้าเด่นประจำจังหวัดของท่านได้ ทั้งยังสามาลงรีวิวสินค้าที่ซื้อจากกลุ่มนี้แล้วประทับใจ หรือสามารถตั้งโพสต์เพื่อถามหาสินค้าที่ต้องการซื้อได้อีกด้วย
5. Social Distancing - รับฝากเฉพาะที่พัก โรงแรม ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย โดยขอให้โพสต์จำหน่ายเฉพาะ Voucher ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี
ส่วนแพ็กเกจทัวร์ รถเช่า สามารถโพสต์ประชาสัมพันธ์กิจการได้ แต่ขอสงวนสิทธิ์การขายแพ็กเกจ โดยขออนุญาตพิจารณาเปลี่ยนแปลงต่อไปเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลง
6. พูดคุยอย่างสุภาพ -ไม่โพสต์หยาบคาย ชวนทะเลาะ เรื่องเสื่อมเสีย และการเมืองในทุกกรณี -ไม่โพสต์เชิงหาคู่ -ไม่แปะลิ้งค์จากช่องทางแฟนเพจหรือสื่อออนไลน์อื่น -ไม่โพสต์บ่อยครั้งจนเกินไป -ไม่คอมเม้นท์เพื่อตัดราคากัน
7.ไม่รับฝากร้านสินค้าผิดกฎหมาย รวมถึงสินค้าไร้คุณภาพ หลอกลวง ฉ้อโกง
8. พบผู้กระทำผิดกฎกรุณาแจ้งแอดมินลบทันที

ข่าวที่ 3 “กระทรวงท่องเที่ยวฯเร่งทำโพลล์เยียวยาชงรัฐบาล16เรื่อง”

กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ได้จัดทำแบบสอบถามเจ้าของกิจการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งประเทศ ให้ช่วยเข้ามาตอบข้อมูลในแบบสอบถาม “การสำรวจผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว” โดยขอความร่วมมือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชนท่องเที่ยว ร่วมประชาสัมพันธ์ แบบสอบถามให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 12 หัวข้อใหญ่ เพื่อจะนำมาประมวลผลกระทบ  เพื่อเสนอภาครัฐดูแลต่อเนื่องในอนาคต ทางด้านการให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งอุตสาหกรรม 13 สาขาอาชีพ อย่างถูกต้องตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง

จึงขอให้เจ้าของธุรกิจที่มีรายได้หมุนเวียนก่อนวิกฤตโรคโควิด-19 เดือนละ 100,000 บาท – 50 ล้านบาท และมีขนาดเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวร น้อยกว่า 100,000 บาท - มากกว่า 50 ล้านบาท ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม

1.โรงแรม สถานที่พักแรม 2.ร้านอาหาร/ภัตตาคาร/แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น 3.ร้านขายสินค้า/ของที่ระลึก/ห้างสรรพสินค้าในแหล่งท่องเที่ยว 4.สถานบันเทิง/การแสดงโชว์ต่างๆ 5.สถานบริการสุขภาพ เช่น สปา นวดไทย 6.สถานที่จัดประชุม สัมมนา และแสดงสินค้า 7.โรงพยาบาลที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ  8.บริการขนส่งผู้โดยสารทางบก/บริการให้เช่ารถยนต์/รถจักรยานยนต์/ยานพาหนะอื่นๆ 9.บริการขนส่งทางน้ำ 10.บริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ 11.มัคคุเทศก์ 12.บริษัทท่องเที่ยว/ทัวร์/รับจองตั๋วเครื่องบิน/อื่น ๆ 12.บริการนักท่องเที่ยว เช่น สปีดโบ๊ท สอนดำน้ำ 13.แหล่งท่องเที่ยวชุมชน/แหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตร 14.สนามกอล์ฟ สนามมวย
แนวคำถามที่น่าสนใจ ได้แก่ 

การปรับตัวเพื่อสู้กับวิกฤตโรคโควิด-19 ประกอบด้วย 1.เปิดบริการตามปกติ 2.เปิดบริการลดลงกว่าปกติไม่เกิน 50 % 3. 2.เปิดบริการลดลงกว่าปกติเกิน 50 % 4.เพิ่มบริการด้านออนไลน์ ซึ่งในภาวะปกติไม่เคยเปิดออนไลน์ 5.ให้ความสำคัญกับออนไลน์มากขึ้น (ปกติก็เปิดออนไลน์อยู่แล้ว) 6.เจรจากับเจ้าหน้าขอพักชำระหนี้/ลดดอกเบี้ย 7.ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือค่าใช้จ่ายที่สามารถลดลงได้ 8.ขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง 9.ลดจำนวนพนักงาน 10.ปรับลดเงินเดือนพนักงน 11.ให้พนักงานทำงานอยู่บ้าน work from home 

ความต้องการขอให้รัฐมีมาตรการให้ความช่วยเหลือ 

1.ขอให้ธนาคารออมสิน ขยายเวลาชำระหนี้และค่าธรรมเนียมธนาคารออมสิน ที่ขยายเวลาชำระหนี้ให้ 2 เท่า คงเวลาเหลือตามสัญญาสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
2.ขอให้ธนาคารออมสิน ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft Loan) แก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ดอกเบี้ยคงที่ 2 ปี อัตราปีละ 2 % ระยะเวลากู้เงินสูงสุดไม่เกิน 10 ปี
3.ขอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ลดดอกเบี้ยเงินกู้และงวดผ่อนชำระไม่เกิน 6 เดือน กลุ่ม พนักงานโรงแรม ไกด์นำเที่ยว ผู้ประกอบการรายย่อยที่ขายสินค้าตามแหล่งท่องเที่ยว
4.ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 12 เดือน ให้ลูกค้า SMEs เดิมของ บสย.ได้แก่กลุ่มธุรกิจบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก
5.มาตรการภาษ๊สนับสนุนการปรับปรุงโรงแรม กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในปี 2563
6.มาตรการลดภาษีสรรพสามิตค่าน้ำมันเครื่องบินไอพ่น เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินในไทย
7.ขยายเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี 2562 ภ.ง.ด.50 จากปกติต้องยื่นภายในพฤษภาคม 2563 ไปเป็น  31 สิงหาคม 2563 และ ภ.ง.ด.51 จากเดิมสิงหาคม 2563 เป็น 30 กันยายน 2563
8.ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างเหลือ 4 %
9.ลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของลูกจ้างเหลือ 1 %

10.เลื่อนการจ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุ ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปจนถึง กันยายน 2563
11.ลดชั่วคราว การวางหลักประกันของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551
12.ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2562 จากเดิมสิ้นสุด 31 มี.ค.2563 เป็น 31 สิงหาคม 2563
13.ขอธนาคาออมสิน ให้สินเชื่อผู้มีอาชีพอิสระ
14.ช่วยเหลือลูกจ้าง 13 สาขาวิชาชีพ ตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544 ให้เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยตามมาตรา 79/1 ของพระราชบัญญัติประกันสังคม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาแรงงานท่องเที่ยวทางตรงที่เสนอ ครม.เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563
15.ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการใด ๆ ของภาครัฐ
16.อื่น ๆ
ข่าวที่ 4 “บางจากลุยขายเจลแอลกอฮอล์ช่วยไทยในปั๊ม4ภาค20,30 เม.ย.นี้”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าจำหน่ายแอลกอฮอล์ทำความสะอาดชนิดน้ำราคาพิเศษ ช่วยคนไทยสู้โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง  ในภาคกลางจะเริ่ม 20 เม.ย. 63 ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เริ่ม 30 เม.ย. 63 ตั้งแต่เวลา 8.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าของจะหมด ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการและวันที่จำหน่ายได้ที่ www.bangchakmarketplace.com หรือ call center 1651

การแจกแอลกอฮอล์ของบางจากมีการตอบรับอย่างดีช่วงที่ขายในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. และเพิ่มเติมตามปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ) เมื่อ 10 เม.ย. 63

บางจากฯ จัดหาแอลกอฮอล์ทำความสะอาดชนิดน้ำมาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาพิเศษ ขนาด 500 มิลลิลิตรเพียงขวดละ 50 บาท  ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากประมาณ 1,150 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ กำหนดสิทธิ์การซื้อ 1 ท่าน ต่อ 1 ขวด โดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมัน ซื้อสินค้าหรือใช้บริการใดๆ จุดจำหน่ายตั้งอยู่บริเวณหน้าสำนักงานของสถานีบริการ และการต่อแถวรอซื้อ ณ จุดจำหน่าย ต้องเว้นระยะห่างต่อกันอย่างน้อย 1 เมตร

ข่าวที่ 5 “TCEBรุกช่วยอุตไมซ์สู้โควิดเฟสแรก2โปรเจ็กต์แจก3หมื่นบาท”



นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”  เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการเพื่อช่วยภาคอุตสาหกรรมไมซ์ในช่วงที่ทั้งประเทศได้รับผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หันมาร่วมมือกันเตรียมความพร้อมไว้รองรับสถานการณ์เมื่อทุกอย่างคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ โดยได้เน้นเสริมมาตรการของรัฐบาลเกี่ยวกับเตรียมความพร้อมมาตรฐานสถานที่จัดงานและผู้ประกอบการไมซ์หลัก ๆ  คือ การสร้างมาตรฐานความปลอดภัย และการจัดงานไมซ์โดยใช้เทคโนโลยีออนไลน์ ระยะแรกรวม 2 โครงการ ประกอบด้วย

โครงการแรก “จัดประชุมอย่างไร ปลอดภัยไร้ COVID-19” ทางทีเส็บได้จัดงบประมาณไว้ทั้งสิ้น 6,480,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างเมษายน-มิถุนายน 2563 เพื่อให้การสนับสนุนสถานประกอบการไมซ์รายละ 30,000 บาท ตั้งเป้าจะช่วยเหลือทั่วประเทศให้ได้ 216 แห่ง นำเงินไปจัดทำแผน จัดหาอุปกรณ์ตามมาตรการคัดกรองและป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขด้านการควบคุมและป้องกันไวรัสโควิด-19 สร้างความมั่นใจให้สถานที่จัดงานของไทยมีมาตรฐานที่ดี เช่น การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าร่วมงาน การตรวจประวัติของผู้ที่เข้ามาร่วมงาน การติดตั้งจุดล้างมือ จุดบริการแอลกอฮอล์ และการเว้นระยะห่างทางสังคม

ส่วน “คุณสมบัติ” ของ “ผู้ประกอบการ” ที่จะยื่นของบโครงการจัดประชุมอย่างไรให้ปลอดภัยไร้ COVID-19 จะต้องทำตามหลักเกณฑ์ดังนี้ 1.เป็นสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standard (TMVS) หรือ 2.เป็นผู้ประกอบการโรงแรมซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย (Thai Hotel Association : THA) สอบถามรายละเอียดและลงทะเบียนขอรับการสนับสนุนได้ที่ ฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ ทีเส็บ อีเมล MICEstandards@gmail.com

โครงการที่สอง “Virtual Meeting Space หรือ VMS” ทีเส็บมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ส่งเสริมการจัดงาน และเพิ่มทักษะความรู้ผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 จะเริ่มสนับสนุนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป สอบถามได้ที่ ฝ่าย MICE Intelligence และนวัตกรรม ทีเส็บ อีเมล vms@tceb.or.th โดยมีให้เลือก  3 กิจกรรม คือ

กิจกรรมแรก Webinar หรือ จัดการประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านออนไลน์ ทีเส็บพร้อมสนับสนุนการจัดหาและบริหารจัดการแพลทฟอร์มออนไลน์แก่ผู้จัดงานและผู้ประกอบการไมซ์ ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละงานผ่านออนไลน์ได้ตั้งแต่ระดับหลัก 10 คน ไปจนถึงสูงสุด 10,000 คน โดยทีเส็บจะเข้าไปช่วยด้านบริหารจัดการ การผลิต และจัดเตรียมสตูดิโอเพื่อไลฟ์ (LIVE) เตรียมผู้ประสานงานทางเทคนิค ช่วยดูแลระบบระหว่างการไลฟ์ (LIVE) ซึ่งผู้จัดงานสามารถทำทุกอย่างพร้อม ๆ กันได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งประชุม สัมมนา นำเสนอสไลด์ดิจิทัล (Slide Presentation) ขึ้นจอโชว์ เพื่อแชร์ประสบการณ์ การพูดคุยร่วมกับวิทยากร การสอบถามด้วยวิธียกมือแสดงความคิดเห็น เรื่อยไปจนถึงการทำโพลแบบสำรวจ 

กิจกรรมที่สอง O2O หรือ Offline to Online เป็นวิธีการจัดงานแสดงสินค้าผ่านออนไลน์ ทางทีเส็บจะให้การสนับสนุนจัดหาและบริหารจัดการแพลทฟอร์มออนไลน์ให้แก่ผู้จัดงานแสดงสินค้า ในการถ่ายทอดสดผ่านไลฟ์สตรีมมิ่งทั้งจากสตูดิโอหรือสถานที่ของผู้จัดงาน ร่วมวางคิว ผลิต ควบคุม และดูแลระบบระหว่างการถ่ายทอดสดผ่านไลฟ์สตรีมมิ่ง จัดเตรียมผู้ประสานงานทางเทคนิคทุกขั้นตอนให้แก่ผู้จัดงานแสดงสินค้า ซึ่งผู้ร่วมแสดงสินค้าจะสามารถนำเสนอกิจกรรมและสินค้าบริการต่างๆ พร้อมการชำระเงินออนไลน์เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อีกด้วย

กิจกรรมที่สาม E-Learning Platform หรือศูนย์การเรียนรู้คอร์สฝึกอบรมออนไลน์ ให้ผู้ประกอบการไมซ์ที่สนใจ สมัครเข้าอบอรม 250 ราย เพื่อเพิ่มทักษะและทบทวนความรู้ (Upskills and Reskills) เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ทำงานได้ช่วงที่งานได้รับผลกระทบ สามารถรองรับการทำงานที่ปฏิบัติจริงได้ทันที และเตรียมความพร้อมปูพื้นฐานการใช้เทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการไมซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเรียนผ่านแพลตฟอร์ม YourNextU จากสถาบัน Southeast Asia Center หรือ SEAC รวมทั้งสิ้น 6 หลักสูตร ประกอบด้วย 1. หลักสูตรการบริหารโครงการ (Project Management) 2. หลักสูตรทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonnel Skills) 3. หลักสูตรการจัดการ (Management) 4. หลักสูตรการสื่อสาร (Communication) 5. หลักสูตรความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) และ 6. หลักสูตรการใช้ดิจิตอล (Digital) ระยะเวลาเรียนออนไลน์ 6 เดือน ระหว่างพฤษภาคม-ตุลาคม 2563 ทางทีเส็จะมอบประกาศนียบัตรรับรองให้ผู้เข้าเรียนรายวิชาครบตามที่กำหนด

ช่วงที่ 2 ตามไปฟัง “วิธีเลือกซื้ออาหารช่วงอยู่บ้านสู้โควิด” และข่าวคืบหน้าของ “ลูกจ้าง” ม.33 การรับเงินประกันสังคม 3 เดือน “การบินไทยรอดหรือล้ม” เมื่อเงินสดหมดหน้าตักมีพอแค่จ่ายเงินเดือนพนักงานได้แค่ เม.ย.นี้

@วิธีเลือกซื้ออาหารในช่วงสถานการณ์โควิด-19

อ.แววตา เอกชาวนา” นักโภชนาการบำบัด และผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ วิทยากรประจำศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ได้แนะนำเทคนิคเลือกซื้ออาหารในช่วงหลบภัยโควิด-19

ประเภทข้าวและแป้ง ควรเลือกซื้อข้าวซ้อมมือ, เส้นหมี่แห้ง, วุ้นเส้นไม่ฟอกสี, ข้าวเหนียว, ข้าวโอ๊ต และถั่วเขียว
ประเภทเนื้อสัตว์ เลือกเนื้อปลา เนื้อสัตว์ไขมันน้อยไว้แช่แข็ง และโปรตีนจากพืช เช่น ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง, สาหร่าย และเห็ด มีประโยชน์ไม่แพ้เนื้อสัตว์ และเก็บรักษาง่ายกว่า
         
ประเภทไขมัน ซื้อน้ำมันพืช ติดบ้านไว้ตามขนาดครอบครัว ไม่ควรกินน้ำมันมากกว่าวันละ 9 ช้อนชา

ประเภทผักและผลไม้ มีผักและผลไม้หลายชนิดที่สามารถเก็บไว้ได้นาน อาทิ มันฝรั่ง, มันหวาน, ขิงแก่, กระเทียม, หอมใหญ่, พริกขี้หนู, มะนาว, กะหล่ำปลี, แคร์รอต, ผลไม้แห้ง

อีกทางเลือกที่ทำให้เราได้กินผลไม้แทนขนมหวาน ซื้อเก็บไว้บ้าง เลือกชนิดที่ไม่เคลือบน้ำตาล หรือน้ำผึ้ง เช่น กล้วยตาก, ลูกเกด, สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง

นายแพทย์บัญชา ค้าของ” รองอธิบดีกรมอนามัย แนะนำการออกกำลังกายที่บ้านว่า ควรเน้นความเหมาะสมตามบริบทของผู้ออกกำลังกาย อุปกรณ์ สถานที่ หากไม่มีอุปกรณ์หรือพื้นที่ อาจเลือกชนิดการออกกำลังกายที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก เช่น 1.การเดินเร็วรอบ ๆ บ้าน 2. กระโดดเชือก 3. เต้นแอร์โรบิก 4. เล่นโยคะ 5. ออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรง แบบบอดี้เวท 6. เลือกใช้สิ่งของทดแทน เช่น การยกน้ำหนัก โดยใช้ขวดน้ำแทน 7. เปิดเว็บไซต์ดูตัวอย่างการออกกำลังกาย สามารถทำตามได้ทันที 8. การทำงานบ้าน

ข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ลูกจ้างม.33อลเวงหลังครม.ปลดล็อกประกันสังคมส่อเงินไม่พอจ่าย”

นางอรุณี ศรีโต คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด) ฝ่ายผู้ประกันตน กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2563 ยังคงมีความกังวลเรื่องการหาเงินมาจ่ายให้ลูกจ้างประกันสังคม มาตรา 33 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 เมษายน 2563 อนุมัติให้จ่ายได้ตามเกณฑ์เป็นเหตุสุดวิสัย ต้องปิดกิจการชั่วคราว ทั้งกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และอื่น ๆ มีจำนวนลูกจ้างรวมแล้วมากถึง 11 ล้านคน

เป็นการจ่ายเพิ่มเติมจาก มติ ครม.วันที่ 24, 30 มีนาคม 2563 ซึ่งตอนนี้มีจำนวน 7 แสนคน ในกรณีรัฐสั่งให้หยุดหรือปิดชั่วคราว สามารถใช้เงินผ่านช่องทาง "เงินกองทุนคุ้มครองแรงงาน" เช่นเดียวกันกับ กรณีเลิกจ้าง ว่างงาน  แต่กรณีธุรกิจปิดเอง แล้วอ้างเหตุสุดวิสัย ตอนนี้บอร์ดประกันสังคม ยังถกกันอยู่ นายจ้างต้องจ่ายเงินให้ลูกจ้างเอง แต่พอไปปลดล็อก "เหตุสุวิสัย"(โควิด) ใช้เงินจากประกันสังคม 62% เป็นเวลา 3 เดือน

ผลที่จะเกิดตามมา คือ 1.เงินมีไม่เพียงพอ เมื่อมามีลูกจ้างมายื่นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน 2.ปลายปี 63-ต้นปี 64 จะต้องมีคนถูกบอกเลิกจ้างงานต่อเนื่อง ซึ่งพวกเขาคือเจ้าของเงินตัวจริง ถึงเวลานั้น จะทำกันอย่างไร

รวมทั้งมีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการประชุม ครม.วันที่ 15 มีนาคม 2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับการรายงานจากปลัดกระทรวงการคลังว่าจะต้องใช้เงินเยียวยาลูกจ้างตาม ม.33 ไม่ต่ำกว่า 2.2 แสนล้านบาท

ทางด้าน ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกประกาศเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 “กฎกระทรวง -การได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย อันเกิดจากระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ” เพื่อรองรับมติ ครม.วันที่ 15 เมษายน 2563 เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานจ่ายเงินลูกจ้าง ม.33 ได้
ข่าวที่สอง “สมคิด-อุตตม”สั่งตั้งกรรมการชุดใหม่ฟื้นบินไทยยังไม่ให้กู้7หมื่นล้าน”

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังเรียกประชุมเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 ทั้งทีม ดร.อุตตม สวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 2 รัฐมนตรีคมนาคม นายศํกดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ นายถาวร เสนเนม รัฐมนตรีช่วยว่าการ และปลัดพร้อมทีมบริหารทั้งสองกระทรวง  สรุปมีนโยบายตั้งคณะกรรมการไม่เป็นทางการ 1 ชุด มาดูแลแผนฟื้นฟูการบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินคู่ประเทศไทยมานาน ประสบปัญหามาตลอด โดยเฉพาะช่วงโรคโควิด-19 ในมุมมองรัฐบาลสามารถเป็นองค์กรที่แข็งแรงต่อไปได้ แต่ต้องตั้งบนเงื่อนไขเมื่อการบินไทยเปลี่ยนมาดีขึ้นเข็มแข็งขึ้น ทางกระทรวงการคลังได้หารือโดยตั้งคณะกรรมการไม่เป็นทางการ  1 ชุด เพื่อแนะนำวิเคราะห์ 3-6 เดือนหน้า ส่วนการบินไทยต้องแสดงความสามารถออกมาให้ได้ในการเป็นสายการบินแห่งชาติ รัฐบาลจะทำในนามกระทรวงคลังและคมนาคมควบคู่กันไป
อนาคตการบินไทยต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อรักษาสถานะสายการบินแห่งชาติ เพราะตอนนี้เหนื่อย แต่ถ้าร่วมมือกันก็จะไปได้ จะเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป รัฐบาลจะหาทางออกที่ดีที่สุด
สำหรับตัวแปรไม่ได้เฉพาะเงินกู้มาฟื้นฟูเพียงอย่างเดียว แต่ขีดเส้นโดยสภาพคล่องทางการเงินอยู่แล้ว การทำงานต้องควบคู่กันไปถ้าระยะสั้นมองไม่เห็น ระยะยาวก็มองไม่เห็นเช่นกัน
สรุปทุกฝ่ายจะต้องได้เห็นการแก้ไข ทั้งรัฐบาล เอกชน การบินไทย จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ดร.อุตตม สวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องการขายหุ้นคลังให้ใคร และในฐานะผู้ถือหุ้นแทนรัฐบาลยังไม่ได้ถึงขั้นเจรจากับนักลงทุนรายได้ และไม่สามารถตอบได้ เพราะผู้ทำแผนฟื้นฟูก็เร่งอยู่ ส่วนตัวเลขเงินกู้ 70,000 ล้านบาท ก็จะสะท้อนอยู่ในแผนนั้น รอให้แผนออกมาคือ การเงิน ยุทธศาสตร์ ความมั่นคง การดูแลบุคลากร โครงสร้าง ภาพใหญ่ต้องมาพร้อมกันหมด
สำหรับกรณีที่ฝ่ายบริหารการบินไทยยืนยัน ขณะนี้มีเงินสดอยู่ในระบบเหลืออยู่ 10,000-12,000 ล้านบาท แค่พอมาจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ถึงสิ้นเดือน เม.ย.2563 เท่านั้น ก็เป็นอีกปัญหาที่จะต้องหาวิธีแก้ไขกันต่อไป

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai