ผู้นำททท.เดินหน้าติดอาวุธท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ผนึกเอกชนขับเคลื่อน“SHA-RoadTrip-OTA”รับNew Normal
ผู้นำททท.เดินหน้าติดอาวุธท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
ผนึกเอกชนขับเคลื่อน“SHA-RoadTrip-OTA”รับNew Normal
คิงเพาเวอร์ยิงยาวโปรแรงช้อปออนไลน์/APPลดถึง30มิ.ย.นี้
เลสเตอร์ซิตี้สร้างความยิ่งใหญ่ทำรูปปั้น“วิชัย
ศรีวัฒนประภา”
ททท.พร้อมใช้5Reบุกกลุ่มแรกตลาดในประเทศหลังโควิดสงบ
ททท.บูมMore
Funโหมบิ๊กโปรโมชั่น9สนามกอล์ฟดังทั่วชลบุรี
บางจากQ1ขาดทุนลั่นลุยเสริมแกร่งรักษาสถานะการเงินปี63
TCEBผุดคู่มือไมซ์เวนิวไฮยีนไกด์ไลน์สรอลุยตลาดหลังโควิด
กินดีอยู่ดีด้วยหลักง่ายๆ 5 วิธี ปูพรมสร้างชีวิตความสุขเสมอ
ครม.ไม่เคาะแผนฟื้นฟูบินไทยทำฝุ่นตลบวุ่นวายกันทั้งประเทศ
นกแอร์ยื้อส่งงบQ1-แอร์เอเชียยอมลดเป้าปี’63เหลือ11ล้านคน
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TATSafetyHealthAdministration # # #
#
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ช่วงที่ 1 เจาะลึก “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร”
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ปลุกทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวติดอาวุธเตรียมพร้อมรับมือครึ่งปีหลัง มิถุนายนนี้
“ตลาดในประเทศ” เริ่มขยับ วางแผนใช้ 3 เฟส ทะลวงทัวร์ไทยพุ่งเป้าโหมโปรโมต “ขับรถเที่ยว
Road Trip”
เดินหน้ากลยุทธ์ขานรับ New Normal ชูไฮไลต์
3 เรื่อง “SHA”
ชูจุดเด่นแผนปฏิบัติการภาครัฐด้านความปลอดภัยกับภาคเอกชนเพิ่มคุณภาพสินค้าและบริการ
“TTVM”
ผุดแพลตฟอร์มจับคู่เจรจาธุรกิจเสมือนจริงนำร่องงานแรกไทยแลนด์ แทรเวล มาร์ท พลัส 2020 ผนึกขาใหญ่ OTA ระดับโลกโปรโมตชุดข้อมูลใหม่
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
การเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อรับมือการคลายล็อกดาวน์ประเทศ
จะต้องพิจารณาปัจจัยหลัก ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 ประเมินสถานการณ์ตามการแพร่ระบาด
บวกกับมาตรการของรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขยังห้ามการเดินทาง ปัจจัยที่ 2 แบ่งระยะเวลาการฟื้นฟู 3 ระยะ คือ
ระยะที่
1 ผ่อนปรน
สามารถทำกิจกรรมได้แต่มีข้อจำกัดการเดินทาง เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการมากกว่า
จะใช้จังหวะนี้ ฟื้นฟู ซ่อมสร้าง ปรับตัวสู่ New Normal ให้มีความพร้อมเมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
ระยะที่
2 เดินทางได้แต่ยังถูกจำกัดในเชิงพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายด้วย
ตัวอย่างซึ่งทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 : ศบค.แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 พื้นที่ไม่ติดเชื้อเลย กลุ่มที่ 2 พื้นที่มีผู้ติดเชื้อบางส่วนมาไม่ต่ำกว่า 28
วัน กลุ่มที่ 3 ยังคงมีการแพร่ระบาดติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
ททท.มองว่าหากรัฐบาลอนุมัติให้เดินทางได้ก็จะเริ่มรณรงค์การเดินทางพื้นที่แรก
ท่องเที่ยวภายในจังหวัดเดียวกัน จากนั้นจึงเริ่มขยายสู่การเดินทางข้ามจังหวัด
โดยนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
อาจจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางประเทศเข้ามาต้องมีใบอนุญาตของแพทย์เดินทางเข้ามาบางพื้นที่ด้วย
พร้อมกับประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ จะต้องยินยอมด้วย
ระยะที่ 3 เปิดทั้งหมดทุกพื้นที่เดินทางได้
แต่การกลับมาท่องเที่ยวจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จึงจะต้องเน้นกลุ่มตลาดคุษภาพ
ผนวกการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ควบคู่กันไป
ขณะนี้การเตรียมผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนมีนาคมมาจนถึงปัจจุบันนี้
ระยะที่ 1 ให้ความช่วยเหลือเข้าถึงแหล่งเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยต่ำ
(Soft Loan)
การเยียวยาลูกจ้างจากเงินประกันสังคม หลังจากนั้น ททท.ร่วมกับทางสาธารณสุข
จัดทำแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อสุขภาพเรียกว่า SHA : Safty & Health
Administration เพื่อสร้างความมั่นใจ
ซึ่งเป็นการรวมกัน 2 อย่าง คือ อย่างแรก
มาตรการของรัฐ ทางด้านความปลอดภัยด้านสาธารณสุข อย่างที่สอง
มาตรการของเอกชนด้านคุณภาพในการสร้างมาตรฐานสินค้าและบริการ
จะช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว
ขณะนี้ SHA อยู่ในขั้นตอนการขอความเห็นชอบ จากนั้นจะเผยแพร่
แล้วเปิดให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการได้ตลอดห่วงโซ่การท่องเที่ยว
นำร่องมีผู้เข้าร่วมมาตรฐาน SHA รวม 10
กิจการ ประกอบด้วย
1.โรงแรมห้องพัก 2.ภัตตาคาร/ร้านอาหาร 3.สถานที่จัดประชุม 4.นันทนาการสถานที่ท่องเที่ยว 5.ยานพานหะ 6.บริษัทนำเที่ยว 7.สปานวดเพื่อสุขภาพความงาม 8.ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 9.กีฬาและการท่องเที่ยว โรงละคร/โรงมหรสพ 10.การจัดกิจกรรมร้านของที่ระลึกและร้านค้าอื่น ๆ
สำหรับเทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวแบบ New
Normal คือ “ดิจิทัล”
จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ ขึ้นมารองรับความต้องการของกลุ่มนักเดินทาง
ไม่ว่าจะเป็น Health Passport, ลดการสัมผัส
ระบบการจำกัดคนเพื่อลงทะเบียนล่วงหน้า จจะทำให้ชัดเจนภายในเดือนพฤษภาคม 2563
นี้
โดยจะแยกกันทำบางส่วนนโครงการ SHA เป็นทางด้าน Supply Size ส่วนแพลตฟอร์มดิจิทัล New Normal เป็นทางด้านของนักท่องเที่ยวมากกว่า
แต่ก็จะมีส่วนที่จะต้องนำมาผสมกัน การนำตำแหน่งต่าง ๆ มาวางบนแพลตฟอร์ม เช่น
ร้านอาหาร ไฮไลต์สำคัญที่สุดคือการทำแพลตฟอร์ม Higene Navigator ขึ้นมา คือจุดไหนปลอดภัยบ้าง
รวมทั้งการเตรียม “ชุดข้อมูลใหม่”
แตกต่างจากเดิมให้บล็อกเกอร์เข้ามารีวิว แต่ก่อนกับหลังโควิด ข้อมูลจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เช่น
สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ปลอดภัยอยู่อีกหรือไม่
กำลังปรึกษาผู้ประกอบการเพื่อดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น
หลัก ๆ ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมเครื่องมือใหม่ไว้ในชุดข้อมูลใหม่
ก็มี SHA และอื่น ๆ ทาง
ททท.จะมีแพลตฟอร์มกลางให้ทุกฝ่ายนำข้อมูลเข้ามาวางได้ ขณะนี้มีนโยบายให้
ททท.สำนักงานในประเทศทั้ง 45 แห่ง
ระดมเก็บข้อมูลในแต่ละพื้นที่แล้วเป็นเท็มแพลต 1.สถานที่เป็นอย่างไร 2.ความสะอาดปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจ
เพราะคาดการณ์อีกไม่นาน “ตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ” เริ่มจะขยับตัวแล้ว
เพื่อนำชุดข้อมูลใหม่มาใช้อย่างเหมาะสม
ภายในเดือนมิถุนายนนี้จะเริ่มเห็นการท่องเที่ยวในประเทศจะขยับได้
เพราะการล็อกดาวน์นาน ๆ อาจกระทบเศรษฐกิจประเทศ
รวมถึงหลังจากสายการบินเริ่มหันมาเปิดบริการใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม
2563 ผมมีโอกาสทดลองเดินทางด้วยตนเอง
ผลปรากฎว่า New Normal ใหม่ที่นำมาใช้ในการขึ้นเครื่องบิน
ไม่ได้สร้างความยุ่งยากแต่อย่างใด เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ
ขั้นตอนก็เปลี่ยน 2 เรื่อง คือ
เรื่องแรกอาจจะเป็นส่วนของผู้ประกอบการเองอาจต้องจำกัดผู้โดยสาร
เว้นระยะห่างทางสังคม เช่น เครื่องบินแต่ละลำอาจจะขายเพียงครึ่งลำ ขนาด 140
ที่นั่ง ก็อาจจะขายได้แค่ 70-80
ที่นั่ง
ต้นทุนอาจสูงขึ้นแต่เพิ่มความปลอดภัย เรื่องที่ 2 การลำเลียงผู้โดยสารขึ้นและลงเครื่องบิน
เริ่มเปลี่ยนเป็นแบบให้ทยอยเดินออกทีละแถว
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศที่จะกลับมาระยะแรก
อาจจะเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ จำนวนมาก เพื่อเลือกไปกับคนที่รู้จัก
กรุ๊ปเดินทางแต่ละครั้งอาจจะมีขนาดเล็กลง 2-3 คน ททท.ได้เตรียมโปรโมตการทำRoadTrip บวกกับน้ำมันราคาลดลง ก็จะเป็นแรงจูงใจได้มากขึ้น
ส่วนประเด็นการร่วมวิดีโอ
คอนเฟอเรนซ์ กับทาง Expedia ซึ่งเป็น
Online Travel Agents : OTA ผู้ให้บริการจองท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่อันดับต้น
ๆ ของโลก มีลูกค้ากว่า 200-300 ล้านคนนั้น
ททท.ร่วมทำงานด้วยอย่างใกล้ชิด ส่วนที่ 1 โปรโมตการท่องเที่ยว
เชื่อว่าไทยเป็นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี
ซึ่งจะสามารถทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเลือกเที่ยวเป็นอันดับต้น ๆ
ดังนั้นจึงใช้ช่องทางการประชาสัมพันธ์ผ่าน Expedia เรื่องมาตรฐาน SHA ที่จะสร้างความมั่นใจหลังโควิด
ส่วนที่
2 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวคนไทย
ใช้ Expedia ในการเดินทางท่องเที่ยว
สัดส่วนประมาณ 16-20 % ก็จะนำมาช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มอีก
5-10 %
ส่วนที่
3 จะใช้เป็นช่องทางขยายผลชุดข้อมูลใหม่ที่จะไปตอบพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยว
ที่หันมาให้ความสนใจ ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยในสุขภาพ และอื่น ๆ
ก็เป็นอีกเรื่องที่จะต้องทำร่วมกับ OTA
ทั้งนี้
ททท.เปิดรับที่จะทำงานร่วมกับ OTA ทุกค่าย
ที่พร้อมจะเดินหน้าตามวัตถุประสงค์เดียวกัน
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวถึงกลยุทธ์การเปิดแนวรุกด้วย Virtual Trade : การจับคู่เจรจาธุรกิจเสมือนจริงบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกยุคใหม่
ททท.เองจึงพัฒนาแพลตฟอร์มขึ้นมาเพราะหากเกิดปัญหาคนเดินทางไม่ได้แต่การค้ายังต้องดำเนินต่อไป
ซึ่งการจับคู่ธุรกิจของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะมีความแตกต่างจากการซื้อขายทั่วไป
เพราะเป็นการตกลงกันไว้ก่อนเพื่อตลาดการขายล่วงหน้า
ครั้งนี้ก็หวังว่าตลาดต่างประเทศจะเริ่มทยอยกลับมาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นต้นไป
ดังนั้นจะนำร่องทำ Virtual Trade งานแรก Thailand
Travel Mart Plus 2020 ต้องการทำให้เกิดได้เร็วที่สุด
แต่ก็ไม่อยากเปิดตัวแล้วใช้งานได้ไม่สมบูรณ์
เป้าหมายต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการฟื้นฟูตลาดกลับมาให้เร็วที่สุด
ปรับตัวเข้าสู่ New Normal ซึ่งตามปกติ
ททท.จัดงานนี้เป็นประจำทุกปี ปี 2563
เตรียมจัดที่ภูเก็ตแต่บังเอิญเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 เสียก่อน
แต่การค้าก็ยังคงต้องทำต่อไปจึงเปลี่ยนจาก Onground เป็น Online โดยเปิดแพลตฟอร์มทำ Thai Traveller
Virtual Mart :TTVM ขึ้น
ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาขั้นตอนสุดท้าย คือ รับสมัคร “ผู้ขาย”
เป็นกลุ่มผู้ประกอบการในไทย กับ “ผู้ซื้อ” เป็นกลุ่มผู้ประกอบการต่างประเทศ
มาทดลองใช้ระบบดูถึงการตอบสนองการใช้งานอย่างเป็นมิตรมากขนาดไหน
ททท.ตั้งเป้าหมายให้
TTVM สามารถตอบโจทย์การจับคู่เจรจาธุรกิจท่องเที่ยวรายการใหญ่ประจำปีอย่าง
TTM Plus 2020 เพื่อในอนาคตจะสามารถนำมาต่อยอดใช้งานบริการผู้ประกอบการต่อไปตามการเปลี่ยนแปลงไปสู่
New Normal อนาคตอาจจะเป็นเครื่องมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพก็ได้
ส่วนแผนงานช่วงครึ่งปีหลัง
ททท.จะเข้าไปช่วยผู้ประกอบการ ตามการเปลี่ยนแปลงสู่ New Normal ในอุตสาหกรรมที่จะต้องรณรงค์กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
ท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
การท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน และต้องมุ่งแก้ไขภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
และแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ททท.จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จะต้องร่วมผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน
นี้ ททท.จะประกาศแผนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ผ่านวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ Webinar เพราะคงจะไม่สามารถทำงานโดยลำพังองค์กรเดียวได้
จะต้องร่วมกับทุกฝ่าย และ ททท.เป็นลมใต้ปีกนำอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สำหรับการขับเคลื่อนแผนอีก 6 เดือนข้างหน้า
คือ การกำหนดเป้าหมาย การวางอนาคต หลังผ่านวิกฤตโควิด
เพราะทุกส่วนรับทราบปัญหาที่สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้แล้ว
ซึ่งความหนักเบาไม่เท่ากัน
แต่ทำอย่างไรจะประคองให้อยู่ได้ก็ต้องคุยกันในวันดังกล่าว
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิงเพาเวอร์ยิงยาวโปรแรงช้อปออนไลน์/แอพลดทุกรูปแบบถึง30มิ.ย.
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ยกขบวนกองทัพสินค้าแบรนด์เนมมาให้ช้อปกันง่ายๆ ถึงบ้าน ช้อปผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทาง www.kingpower.com และ King Power Application โดยมีสินค้าราคาดิวตี้ฟรีถูกและดีโดยไม่ต้องมีตั๋วเครื่องบิน
แถมมั่นใจไร้กังวลซื้อแล้วได้ของแท้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น นาฬิกา
สกินแคร์ น้ำหอม เครื่องสำอางแบรนด์ดังต่างๆ ส่งตรงถึงบ้านฟรี
พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563
เลือกช้อปได้อย่างสะดวกจากโปรโมชั่นแรง ๆ Supper Hot Deal 1.ส่วนลดสินค้าปกติ 5 – 20% 2.
ส่วนลดสินค้าพิเศษ ลดสูงสุดถึง 45% และ 3.รหัสส่วนลด: SAVESAFE เมื่อช้อปครบ
3,000 บาท
พิเศษ 1. สามารถแบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน
เมื่อมียอดซื้อครบตามที่กำหนด 2.รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 10,000
บาท** > http://bit.ly/37Wmvxv
3.สมัครสมาชิกออนไลน์ รับส่วนลด 200 บาท > http://bit.ly/390zXR8
คอยอัพเดทติดตามโปรโมชั่นและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook/เว็บไซต์: KING POWER
ข่าวที่ 2 เลสเตอร์ซิตี้สร้างความยิ่งใหญ่รูปปั้นวิชัย
ศรีวัฒนประภา
กลุ่มบริษัท คิง
เพาเวอร์ รายงานความคืบหน้าถึง สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีนายอัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา เป็นประธาน ได้จัดทำพร้อมเผยแพร่รายละเอียดสู่สาธารณะถึงรูปปั้นของนายวิชัย
ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรผู้ล่วงลับ โดยจะทำรูปปั้นจากทองแดง
สูง 4.7 เมตร ฐานสูง 2 เมตร ตรงฐานจะมีรูปสัญลักษณ์ของนายวิชัย
ศรีวัฒนประภา ฟาวน์เดชั่น หรือมูลนิธิของสโมสรที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติด้วย
ส่วนสถานที่ตั้งรูปปั้นนี้จะอยู่บริเวณด้านหน้าร้านที่ระลึกประจำสโมสร
ซึ่งทางสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ได้ส่งหนังสือถึงสภาเมืองเลสเตอร์ ขออนุญาตปรับภูมิทัศน์รอบคิงเพาเวอร์
สเตเดียม เพื่อทำให้รูปปั้นนายวิชัยดึงดูดความน่าสนใจ ควบคู่กับรวมการบอกเล่าถึงมรดกที่นายวิชัยได้ทิ้งไว้ให้สโมสรแห่งนี้
โครงการทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างความประทับใจให้ผู้คนทั้งหลายที่มีโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชม
คิงเพาเวอร์ สเตเดียม ต่อไป
ข่าวที่ 3 ททท.พร้อมใช้ 5 Reบุกกลุ่มแรกตลาดในประเทศหลังโควิดสงบ
นายนพดล
ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.เตรียมพร้อมนำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเข้าสู่ New Normal ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ ตั้งแต่มกราคม-ปัจจุบัน
หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เข้ามามีบทบาทสูงมากทั้งตลาดในและต่างประเทศ ติดลบลงเรื่อย ๆ
และลบสูงมากช่วงมีนาคม-เมษายน ทาง ททท.จึงต้องมองอนาคตข้างหน้า แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก
ช่วงกระทบรุนแรงจะเยียวยาอย่างไร ส่วนที่สอง เมื่อโควิดผ่อนคลายจะทำอย่างไร
เรื่องความปลอดภัย อารมณ์ ความรู้สึก โดยวิเคราะห์ตามแนวทางที่เปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและเชื่อมั่น
โดยขนาดของนักท่องเที่ยวจะเดินทางกลุ่มเล็กลง
ททท.มองถึงการกลับมาใหม่
ทำเรื่อง 5 Re ประกอบด้วย 1.Re Boot สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มค่าใช้จ่าย
ด้วยให้เกิดการเที่ยวซ้ำ Go Local เศรษฐกิจฐานราก
2.Re Build ซ่อม สร้าง
รับพฤติกรรมใหม่ของนักท่องเที่ยว 3.Re Brand ความเชื่อมั่น สื่อสาร ภาพลักษณ์ใหม่ทางการตลาด
หรือเรื่องความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยสำคัญสุด โดยทำให้เกิด Top of Mind ให้คนเชื่อมั่นอยากมาเที่ยวเมืองไทย
ต่อจากนี้มองตลาดต่างประเทศ ทำ 4.Re Bound เล็งหากลุ่มตลาดศักยภาพสูง
Go High End
อาจปรับตลาดที่มีคุณภาพ 5.Re Balance ปรับสมดุล
เที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
เตรียมเครื่องมือพร้อมใช้ด้วย
“ดิจิทัล” ในการสร้างงาน สร้างรายได้ เสริมสภาพคล่อง
ผ่านการกระตุ้นการบริโภคกลุ่มแรก ตลาดในประเทศ ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศด้วยกันเอง
ในทำนองเดียวกันการสร้างรายได้เจาะกลุ่มกำลังซื้อคุณภาพสูง
กระจายของนักท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่าง ๆ พัฒนาเชิงโครงสร้าง
เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตอนนี้
ททท.กำลังปรับทุกอย่างให้สอดคล้องมีความเป็นไปได้สูงสุด
และทำให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งและเครื่องมือเสริมสภาพคล่อง
ทั้งนี้
นายนพดล
ได้นำเสนอรายละเอียดทั้งหมดระหว่างเข้าร่วมเวทีสัมมนาออนไลน์ของสมาคมโรงแรมไทย (THA) ที่ได้จัดทำหัวข้อ “สร้างกลยุทธ์
เตรียมความพร้อมการฟื้นตัว หลังผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19” หัวข้อ
เป้าหมายแรกในการขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมด้วยช่องทางออนไลน์ : นักท่องเที่ยวชาวไทยและเอเชีย”
ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการโรงแรมไทย ก่อนถึงงาน Food Hotel
Thailand กำหนดจัดระหว่าง
12-20 กันยายน 2563
ระหว่างนี้สมาคมโรงแรมไทยได้จัดทำสัมมนา
ทำ 3 EP เจาะนักท่องเที่ยวรายแรกของไทยและเอเชีย
เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ New Normal หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
สงบลง
ข่าวที่ 4 ททท.จัดMore Funบิ๊กโปรโมชั่น9สนามกอล์ฟดังทั่วชลบุรี
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานพัทยา รายงานว่า หลังจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ให้เข้าไปทำกิจกรรมในสนามกอล์ฟได้
ททท.จึงร่วมกับสนามกอล์ฟชื่อดังระดับโลกในชลบุรี 9 แห่ง เชิญชวนผู้ที่หลงรักการดวลวงสวิง Golf Lover มาใช้บริการอย่าง
คุ้มค่า คุ้มราคา กับโปรโมชั่น Green Fee ราคาพิเศษลดมากกว่า
50% ขึ้นไป ลดชนิดช็อกเซลเพื่อกระตุ้นตลาดในประเทศต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้- กันยายน
2563 หลายสนามกอล์ฟลดราคาเหลือเพียงแค่ 350 บาท/ครั้ง เท่านั้น
ททท.สำนักงานพัทยา
จึงขอเชิญชวนผู้หลงรักการเล่นกอล์ฟ มาผ่อนคลายกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟได้
เลือกสนามที่ชอบ ในสไตล์ที่ใช่ ทุกสัปดาห์ช่วงวันจันทร์ – พฤหัสบดี ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์
เลือกเล่นตามโปรโมชั่นที่หลากหลายได้จาก 9 แห่ง ดังต่อไปนี้
สนามที่
1 สนามกอล์ฟฟีนิกซ์โกลด์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ (Phoenix
Gold Golf and Country Club Pattaya) ขนาด 27หลุม แบ่งการหวดสวิงให้เล่นสบาย
ๆ 3 คอร์สด้วยกัน คือ
คอร์สแรก
The Mountain Course ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเขาชีจรรย์
แฟร์เวย์ของ เดอะ เมาท์เทิร์น คอร์ส
คอร์สที่
2The Ocean Course บรรดานักกอล์ฟทุกระดับชื่นชอบ
แฟร์เวย์เรียงรายไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งสองด้าน
คอร์สที่
3 The Lakes Course ออกเเบบเลย์เอาท์ท้าทายความสามารถให้นักกอล์ฟได้วางแผนการเล่นกันอย่างเต็มที่
ส่วนการปรับปรุงครั้งล่าสุดทางสนามได้เพิ่มเลย์เอาต์ใหม่
เปลี่ยนตำแหน่งหลุมและกรีนใหม่เพื่อให้สนุกและท้าทายมากยิ่งขึ้น
สนามฟินิกซ์โกลด์
กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ จัดโปรโมชั่น ให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น
400 สิทธ์ ลดราคาพิเศษเฉพาะวันจันทร์ – พฤหัสบดี ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์
ไม่รวมค่าแคดดี้ 400 บาท และรถกอล์ฟ 700 บาท รวมทั้งจะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น จองผ่านทาง www.phoenixgoldgolf.com Facebook:
phoenixgoldgolfandcountryclub โทร: 084 873 5363 , 092 225 8449 เปิดบริการทุกวันเวลา ตั้งแต่ 5:30–19:00น.
สนามที่
2 สนามกอล์ฟสยาม คันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ (Siam
Country Club Rolling Hills) จัดเต็มโปรโมชั่น Green Fee ราคาพิเศษ 1,200 บาท ลดจากราคาปกติ 4,000 บาท โดย นักกอล์ฟจะต้องโทรจองเวลาออกรอบล่วงหน้า 7
วัน เปิดบริการตั้งแต่ 08.00-17.00 น.หากเปลี่ยนใจต้องการยกเลิกเวลาออกรอบ ต้องโทรแจ้งอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้า ก่อนวันเล่น ส่วนการจองออกรอบ เฉพาะวันธรรมดา ใช้ในวันหยุดวันนักขัตฤกษ์ได้
และจำกัดจำนวนนักกอล์ฟออกรอบกลุ่มละไม่เกิน 4 – 5 คน หรือออกรอบขั้นต่ำอย่างน้อย
2 คนขึ้นไป จองทาง www.siamcountryclub.com
โทร: 038 909 700
สนามที่
3 สยามคันทรีคลับ วอเตอร์ไซด์ (Siam Country Club Waterside) มีโปรโมชั่น
Green Fee ราคาพิเศษ 1,200 บาท
จากราคาปกติ 4,000 บาท นักกอล์ฟจะต้องโทรจองเวลาออกรอบล่วงหน้า
7 วัน ในเวลาทำการ 08.00-17.00 น.
หากยกเลิกเวลาออกรอบ
โทรแจ้งอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้าก่อนวันเล่น
สามารถจองออกรอบได้เฉพาะวันธรรมดาไม่สามารถใช้ในวันหยุดวันนักขัตฤกษ์ได้ และจำนวนนักกอล์ฟออกรอบกลุ่มละ
4 – 5 คน จะต้องออกรอบขั้นต่ำอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป จองผ่านทาง www.siamcountryclub.com
สนามที่
4 กรีนวูด กอล์ฟคลับ ชลบุรี (Green
Wood Golf Club) มีโปรโมชั่น
Green Fee ราคาพิเศษ 390 บาท จากปกติ
1,500 บาท โดยต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ราคาพิเศษดังกล่าวจะไม่รวมค่าแคดดี้ 350 บาท และรถกอล์ฟ 600บาท จองผ่านทาง www.gwgolfclub.com
โทร: 089 833 8948
สนามที่
5 สนามกอล์ฟ ราชนาวี พลูตาหลวง (Plu
Ta Luang Royal Thai Navy Golf Course ) มีโปรโมชั่น Green Fee ราคาพิเศษ 390 บาท จากปกติ
700 บาท ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ผ่านทาง www.ptlnavygolfcourse.com และ โทร 081-003 3811 , 080-209 9175
สนามที่
6 บางพระ อินเตอร์เนชั่นแนล กอล์ฟคลับ (Bangphra
International Golf Club) มีโปรโมชั่น: Green Fee ราคาพิเศษ 490 บาท (ปกติ2,000
บาท) ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ผ่านทาง www.bangpragolf.com และโทร
038 341149-50 , 081-295-6154
สนามที่
7 สนามกอล์ฟบูรพา กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท (Burapha
Golf and Resort) มีโปรโมชั่น Green Fee ราคาพิเศษ
560 บาท (ปกติ2,400 บาท)
ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ผ่านทาง www.buraphagolfthailand.com โทร
038 372 700
สนามที่
8 สนามกอล์ฟแหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล คันทรีคลับ (Laem
Chabang International Country Club) มีโปรโมชั่นGreen Fee ราคาพิเศษ 938 บาท จากปกติ 3,210 บาท ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ราคานี้ไม่รวมค่าแคดดี้ 400 บาท และค่ารถกอล์ฟ 749 บาท จองผ่านทาง www.laemchabanggolf.com โทร
082 222 3031
สนาที่
9 สนามกอล์ฟพัฒนา กอล์ฟคลับ แอนด์ รีสอร์ท ( Pattana
Golf Club and Resort ) มีโปรโมชั่น Green Fee จำกัดจำนวน 400 สิทธิ์ราคาพิเศษ 690 บาท จากราคาปกติ 2,600 บาท) ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น จองผ่าน www.pattana.co.th โทร 038 318 999
ข่าวที่
5 บางจากQ1ขาดทุนลั่นพร้อมเสริมแกร่งรักษาสถานะการเงินปี63
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบางจาก ไตรมาสแรกปี 2563 บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม
43,070 ล้านบาท ลดลง 14 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนลดลง
5 % ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน
มี EBITDA ติดลบ 2,546
ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนลดลง 205 % และเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนลดลง
230 % จึงได้เตรียมความพร้อมรักษาสถานะทางการเงินในช่วงต่อไปให้มีความแข็งแกร่งช่วงปี
2563 นี้
โดยมี Inventory Loss 3,434
ล้านบาท รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 1,689
ล้านบาท และสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้บันทึกการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 1,366 ล้านบาท
ส่งผลให้ไตรมาสนี้ขาดทุนสุทธิรวม 4,316 ล้านบาท เป็นการขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่
4,661 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 3.49
บาท
ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก บางจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19
ที่มีต่อเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นเหตุให้อุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกลดลง
มีผลต่อราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวลดลง
ประกอบกับการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร
ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องลดการผลิตน้ำมันได้
กดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลงอย่างรุนแรงช่วงปลายไตรมาส
ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 50.41
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 11.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือลดลงจากไตรมาสก่อนเกือบ
20 %
ทั้งนี้การแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสายการบินที่ต้องหยุดให้บริการ
รวมถึงการประกาศภาวะฉุกเฉินและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
ส่งผลให้ผลประกอบการของทั้งอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปรับตัวลดลง
ข่าวที่ 6 TCEBผุดคู่มือไมซ์เวนิวไฮยีนไกด์ไลน์สลุยตลาดหลังโควิด
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่าตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป ทีเส็บและพันธมิตรอย่างสมาคมโรงแรมไทย
ร่วมกันจัดทำโครงการ “พัฒนาและจัดทำแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์
(MICE Venue Hygiene
Guidelines) สถานที่จัดงาน ผู้จัดงานประชุม นิทรรศการ และงานอีเวนต์” เป็นแผนงานตามนโยบายของ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งได้ให้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาหลักเกณฑ์มาตรการและแนวทางการเตรียมความพร้อมเปิดกิจการหรือการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและกีฬา
เป็นศูนย์กลางควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด
โครงการดังกล่าวทำขึ้นเพื่อป้องกันและควบคุมการติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) และโรคติดต่ออื่นๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไมซ์ภายในประเทศทั่วทุกภูมิภาคได้ศึกษาทำความเข้าใจ
เตรียมความพร้อมในการกลับมาจัดงานไมซ์อีกครั้ง
หากได้รับการผ่อนปรนให้ดำเนินกิจการได้ตามพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
โดยยังคงมาตรการความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้ร่วมงานตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
โดยเน้น 5 มาตรการหลัก ดังนี้
1.จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ
(จำนวน 1 คนต่อพื้นที่ 2 ตารางเมตร)
2.ตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย
(ต้องมีระบบดูแล ส่งต่อ และติดตามผู้ป่วย เช่น การใช้ Application)
3.การเว้นระยะห่างในสถานประกอบการ
เช่น สถานที่จัดงาน : ห้องประชุม บันไดเลื่อน ห้องน้ำ ห้องอาหาร เป็นต้น
4.ระบบติดตามผู้ใช้บริการ (Tracking system) กรณีผู้ใช้บริการป่วย
หลังจากมาใช้บริการในสถานประกอบการ
5.จัดระบบคิว
โดยแยกพื้นที่รอก่อนใช้บริการ
แนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ จะครอบคลุมตั้งแต่
ก่อนเริ่มงาน ระหว่างงาน และหลังจบงาน
ส่วนที่ 1 แนวทางปฏิบัติก่อนเริ่มงาน ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมของพนักงาน
การจัดการเดินทางระหว่างงาน การจัดตั้งจุดคัดกรอง
การจัดทำคู่มือสื่อสารผู้เกี่ยวข้องกับงาน เช่น การขออนุญาตจัดงาน
จำนวนคนที่รวมกลุ่มในการจัดงาน คำแนะนำและแนวทางในการทำกิจกรรมขนาดใหญ่
การจัดทำคู่มือและวีดีโอคำแนะนำการปฏิบัติตัวด้านสุขอนามัยให้กับผู้เข้าร่วมงาน
การนำส่ง Self-Screening
Application หรือเว็บไซต์คัดกรองตนเองให้ผู้ร่วมงานตอบกลับภายใน
24 ชั่วโมงก่อนงานเริ่มทุกครั้ง
ส่วนที่ 2 แนวปฏิบัติระหว่างงาน มุ่งเน้นมาตรการด้านความปลอดภัยสาธารณสุข
ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยลดความเสี่ยง เช่น
จัดเตรียมความพร้อมของสถานที่เพื่อลดจุดสัมผัส การทำความสะอาดในจุดสัมผัสต่างๆ
อย่างสม่ำเสมอ จุดลงทะเบียนและการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจควรใช้ระบบ QR Code และกระจายให้เพียงพอต่อผู้ร่วมงานเพื่อลดความแออัด
การจัดประชุมสัมมนา จัดแผนผังของห้องให้มีระบบอากาศถ่ายเทสะดวก
จัดที่นั่งเว้นระยะห่างทางกายภาพไม่ต่ำกว่า 2 เมตร วางไมโครโฟนไว้ตามจุดต่างๆ
และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทำความสะอาดทุกครั้งที่มีผู้ใช้งาน กรณีที่มีวิทยากรเดินทางข้ามจังหวัดหรือข้ามประเทศเข้ามา
ต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้เข้าอบรมด้วยการชี้แจงมาตรการควบคุมป้องกันโรคและการอำนวยความสะดวกให้แก่วิทยากรเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค
เช่น บริการรถรับส่ง หรือเลือกที่พักใกล้สถานที่จัดประชุม
การจัดนิทรรศการ
ควรนำเทคโนโลยีในการจองคิวล่วงหน้ามาใช้จองรอบเข้าดูนิทรรศการแต่ละบูธเพื่อลดความแออัด
หรือนำเทคโนโลยีการจัดงานเสมือนจริง (Virtual Exhibition) มาใช้งานสร้างประสบการณ์ของผู้ร่วมงานระหว่างรอคิวเข้าชมนิทรรศการ
และสร้างแพลทฟอร์มออนไลน์ (Online
Platform) ให้สามารถจองหรือสั่งซื้อสินค้าภายในงานได้ทันที
ส่วนที่ 3 แนวปฏิบัติหลังจบงาน ผู้จัดงานต้องตรวจสอบประกาศคําสั่งและข้อกําหนดที่ได้จากรัฐและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เรื่องการจัดทํารายงานผลการจัดงานชี้แจงต่อหน่วยงานที่อนุญาตให้จัดงาน
และจัดระบบการจัดการขยะมูลฝอยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้สามารถดาวน์โหลดคู่มือได้ที่ http://www.micecapabilities.com/mice/uploads/attachments/MICE_Hygiene_Guidelines_(Post_COVID-19).pdf”
ช่วงที่ 2 ฟังเคล็ดลับการ “กินง่าย 5 วิธี”
จะทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข พร้อมอัพเดท “ครม.ไม่เคาะแผนฟื้นฟูการบินไทย”
ทำฝุ่นตลบวุ่นวายทั้งประเทศ “นกแอร์เลื่อนส่งงบ” อ้างไวรัสทำผลการดำเนินงานป่วน
ส่วน “แอร์เอเชีย” โชว์ขาดทุน 671 ล้านบาท
ยอมรับต้องปรับเป้าผู้โดยสารปี’63 เหลือ 11 ล้านคน และ “สมาคมค้าตั๋วเครื่องบิน”
ยันไม่ได้กินส่วนต่างกำไรจนทำให้การบินไทยเจ๊ง
พร้อมเปิดไส้ในเอเย่นต์ขาใหญ่ตัวจริง
กินดีอยู่ดีด้วยหลัก5วิธีชีวิตย่อมมีความสุขเสมอ
การกินเป็นรากฐานของการดูแลสุขภาพ เรียกได้ว่า “You are what you eat” แปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า
“คุณกินอะไรเข้าไป คุณก็เป็นอย่างนั้น”
ซึ่งไม่ว่าใครก็อยากจะมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวกันทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเรื่องการกินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ขอนำเสนอการดูแลสุขภาพ ด้วย 5
เคล็ดลับการกินดี เพื่อให้มีอายุยืนยาว และยังแฮปปี้ไปได้ตลอด
1.กินอาหารให้น้อยลง
การกินน้อยกับเรื่องของอายุยืนนั้นมีส่วนเชื่อมโยงกัน
แต่สำหรับการกินอาหารให้น้อยลงนั้น ต้องควบคุมให้ได้สารอาหารครบถ้วน
มิเช่นนั้นอาจจะมีผลกระทบทางด้านร่างกายอื่นๆ ได้ เช่น ผมร่วง กล้ามเนื้อน้อย
เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ต้องลดมื้ออาหาร
เพียงแค่ปรับลดปริมาณลงให้เหมาะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2.จำกัดเวลากินให้เหลือ 8 – 10 ชั่วโมง
คือการกำหนดกรอบเวลาของการกินอาหารให้อยู่ในช่วงเวลา 8 – 10 ชั่วโมง โดยยังครบทั้ง 3 มื้อ
เช่น หากกินอาหารเช้าเวลา 7.00 น.
ก็ควรกินมื้อสุดท้ายของวันในเวลา 15.00 – 17.00 น.
เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหาร และว่างเว้นจากอาหารในเวลาที่เหมาะสม
3.ไม่กินน้ำตาลและไขมันมากเกินไป
การกินอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลมากเกินไป
แม้ว่าจะเป็นอาหารที่รสชาติอร่อย แต่ก็ทำให้ระดับของคอเลสเตอรอลในร่างกายสูงเกินไป
ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานและโรคความดัน จึงควรหลีกเลี่ยงและห้ามใจอย่างเด็ดขาด
และแบ่งกินอาหารประเภทอื่นให้ครบหมู่ทดแทน
4.หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
ไม่ว่าจะเผ็ด เปรี้ยว เค็ม
หวานก็ล้วนแล้วแต่อันตรายต่อผู้สูงวัยทั้งนั้น เพราะอาหารรสจัดเหล่านี้ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไต
โรคเบาหวาน หรือการกินเปรี้ยวมากเกินไปอาจทำให้กระเพาะอาหารมีกรดเกิน
ควรกินอาหารรสอ่อนที่ย่อยง่าย ปลอดภัย แถมยังสบายกระเพาะมากกว่า
5.งดกินจุบจิบและอาหารมื้อดึก
นาฬิกาชีวิตถูกกำหนดมาแล้วตามธรรมชาติในดีเอ็นเอของร่างกาย
จึงควรกินอาหารให้ผสมผสานไปกับนาฬิการ่างกายเพื่อสุขภาพที่ดี
คืออย่ากินจุบจิบทั้งวันทั้งคืน ควรให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้มีเวลายาวๆ
เพื่อพักผ่อน ซ่อมแซ่ม และฟื้นฟูทุกวัน นอกจากนี้การไม่กินมื้อดึกยังช่วยให้การนอนดียิ่งขึ้นด้วย
ข่าวแรก
“ครม.ไม่เคาะแผนฟื้นฟูบินไทยทำทั้งประเทศวุ่นวายฝุ่นตลบ”
ความร้อนแรงเรื่อง
“แผนฟื้นฟูการบินไทย” สายการบินแห่งชาติ ตลอด 2 สัปดาห์ตั้งแต่ 1-16 พฤษภาคม 2563 ที่มีผู้คนมากมายทั้งนักการเมืองในอดีต ปัจจุบัน
ผู้เชี่ยวชาญ ประชาชน คนไทย ดาหน้ากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ
ทั้งโซเชียล ออนไลน์ สื่อกระแสหลัก ขอให้รัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจโดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นหลัก
หลังจากทั้งฝ่ายจัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง
ยื้อกันไปกันมาตั้งแต่หลังมติคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่
29 เมษายน 2563
ให้ไปพูดคุยกันให้เรียบร้อยก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
แต่จนถึงขณะนี้เข้าสู่สัปดาห์ที่
3 แล้ว
ทางกระทรวงคมนาคมและคลัง ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้
อีกทั้งความล่าช้าในการตัดสินใจของรัฐบาล
ยังส่งผลลุกลามไปถึงเครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์ที่นำเงินมาลงทุนในสหกรณ์การบินไทยมูลค่ารวมกันแล้วกว่า
84,000 ล้านบาท
สมาชิกกว่า 75 สหกรณ์
แตกตื่นพากันไปถอนเงินเพราะเกรงจะสูญเงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิต
เมื่อวันศุกร์สุดสัปดาห์
15 พฤษภาคม 2563
ประเด็นความคืบหน้าการจัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทย
หลัก ๆ คือ จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) อีกครั้งในวันที่
18 พฤษภาคม 2563 หลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี
พรรคภูมิใจไทย นำนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กับนายถาวร
เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยคมนาคม รายงานพลเอกประยุทธ์
เรื่องความคืบหน้าล่าสุดในการประชุมที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม แต่ไม่มีนายอุตตม สวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมวางกรอบแนวทางแผนฟื้นฟูการบินไทย
ซึ่งต้องการให้ใช้พระราชบัญญัติฟฟื้นฟูกิจการ โดยการบินไทยเป็นผู้ยื่นล้มละลายเอง
ทางด้านนายศักดิ์สยามยังคงยืนยันว่า
คณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทยเสนอมาเองเรื่องมีความเสี่ยง 23 เรื่อง ซึ่งที่ถูกต้องแล้วจะต้องเสนอทางออกไม่ให้มีความเสี่ยงแม้แต่ข้อเดียว
เพื่อเดินหน้าเลือกแนวทางแก้ปัญหาทำให้การบินไทยอยู่รอดต่อไปได้
ขณะเดียวกันก็มีข่าวสะพัดว่าทางกระทรวงการคลังจะแต่งตั้ง
นายชาติชาย พยุหนาวี กรรมการผู้จัดการธนาคารออมสิน
ที่จะเกษียนภายในเดือนกันยายนนี้ มาเป็นหัวหน้าทีมมือผ่าตัดใหญ่จัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทยร่วมกับนายเทวินทร์
วงศ์วานิช อดีตผู้บริหารกลุ่มบริษัท
ปตท.เพราะตอนนี้หนี้สินต่อทุนของการบินไทยพุ่งทะยานสัดส่วน 70 เท่า
หรือเท่ากับปัจจุบันก็อยู่ในสภาพล้มละลายโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
ขณะนี้คงมีเพียงข่าวที่เปิดเผยจากรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง
แต่แนวทางฟื้นฟูการบินไทยจะไปในทิศทางใดจะต้องรอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในเดือนพฤษภาคม 2563
ข่าวที่สอง “นกแอร์ยื้อส่งงบQ1-แอร์เอเชียขาดทุนลดเป้าเหลือ11ล้านคน”
บริษัท
สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) “NOK” ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ว่าขอผ่อนผันการนำส่งงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ไตรมาส 1 ปี 2563 เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ
6 ประเทศ รวม 26 เส้นทางและทยอยปิดเส้นทางลงตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19
ของประเทศนั้นๆ ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงข้อมูลบางส่วน
และการสอบทานงบการเงินของผู้สอบบัญชีอย่างมีนัยสำคัญ จึงขอขยายระยะเวลาในการจัดทำและส่งงบการเงิน
โดยจะน่านำส่งให้ได้ภายในวันที่ 14 สิงหาคม 2563
ขณะที่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) “AAV” ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1
ปี 2563 AAV มีรายได้รวม 9,399 ล้านบาท ลดลง 19 % จากช่วงเดียวของปีก่อน
และขาดทุนสุทธิ 671 ล้านบาท มีผู้โดยสารใช้บริการ 4.5
ล้านคน ลดลง 23% และมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่
84% สอดคล้องกับผลกระทบจากมาตรการจำกัดด้านการเดินทางและความต้องการเดินทางที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายสันติสุข คล่องใช้ยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท
ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA) กล่าวว่า ตลอดปี 2563
เตรียมปรับลดเป้าหมายผู้โดยสารเหลือ 11 ล้านคน
ลดลงจากปีที่ผ่านมา 51% ลดอัตราบรรทุกเฉลี่ยเหลือ 80%
ข่าวที่สาม “สมาคมขายตั๋วเคลียร์เอเย่นต์ไม่ใช่แพะทำบินไทยเจ๊ง”
นายชรินทร์ นุกรณ์นวรัตน์ นายกสมาคมผู้จำหน่ายตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ
(International Ticketing Agent : ITA) เปิดเผยว่า
ได้จัดทำแถลงการณ์ในนามสมาคม ITA ชี้แจงสื่อผ่านสาธารณะ
เรื่องผู้ประกอบการขายตั๋วโดยสารเครื่องบินในประเทศหรือเอเยนต์ขายตั๋วต้องตกเป็นแพะในสังคม
กรณีมีรายได้จากส่วนต่างการขายตั๋วเพียง 5 เอเย่นต์ สูงถึง 18,000 ล้านบาท
ข้อกล่าวหาที่ว่ามี 5 เอเย่นต์
ทำส่วนต่างรายได้เป็นเงินกำไรข้ากระเป๋าปีละกว่า 18,000 ล้านบาท
จนทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่การบินไทยขาดทุนถึงขั้นรัฐบาลต้องเข้ามาอุ้ม และ/หรือ
ทำแผนฟื้นฟูครั้งใหญ่ในวันนี้ ซึ่งปัจจุบันยังคงถกเถียงกันว่าต้องนำเข้าสู่พระราชบัญญัติล้มละลายถึงหรือไม่นั้น
จากการตรวจสอบข้อมูล จาก บริษัท
การบินไทย จำกัด(มหาชน) ตลอดปี 2562 มียอดขายตั๋วโดยสารผ่านเอเย่นต์ 10 อันดับแรก
ไม่ปรากฎรายชื่อ 5 เอเยนต์ที่ถูกกล่าวหาว่ามียอดขายมากมายตามที่ปรากฎเป็นกระแสสังคมอยู่ในขณะนี้
ข้อมูลจริง ปี 2562 มีรายชื่อ
5เอเย่นต์แรก ที่ทำยอดขายตั๋วการบินไทยมากที่สุด มีดังนี้
อันดับ 1 จี.เอ็ม.ทัวร์ แอนด์ แทรเวล
ขายได้ 2,281 ล้นบาท อันดับ 2 จรัล บิสิเนส ขายได้ 1,808 ล้านบาท
อันดับ 3 Traveloka 748
ล้านบาท อันดับ 4 Global Express 736
ล้านบาท อันดับ
5 Federal 682
ล้านบาท
สัดส่วนยอดขายตั๋วเครื่องบินโดยรวมของการบินไทย
ปี 2562 มีจำนวนรวม 758 เอเย่นต์
ประกอบด้วย 1.ตลาดในประเทศ มาจากเอเยนต์และ e-ticket 400 เอเยนต์ 2.ตลาดต่างประเทศ มาจาก
เอเยนต์และ e-ticketing 298 เอเยนต์ 3.BSP เอเยนต์
60 เอเย่นต์
ทั้งนี้ การทำรายได้จากยอดขายตั๋วโดยสาร ปี
2562 ของการบินไทย ถอยหลังลดลงจากปี 2560 และ 2561 อย่างเห็นได้ชัด
1.ตลาดในประเทศปี 2562 เหลือ 10,438 ล้านบาท ปี
2561 ขายได้ 11,230 ล้นบาท ปี 2560 ขายได้ 11,626 ล้านบาท
2.ตลาดเอเชีย ปี 2562 เหลือ 74,774 ล้านบาท ปี
2561 ขายได้ 81,330 ล้านบาท ปี 2560 ขายได้ 85,670 ล้านบาท
3.ตลาดยุโรป ปี 2562 เหลือ 37,383 ล้านบาท ปี
2561 ขายได้ 42,628 ล้านบาท ปี 2560 ขายได้ 42,119 ล้านบาท
4.ตลาดนิวซีแลนด์-ออสเตรเลีย ปี 2562 เหลือ
10,858 ล้านบาท ปี 2561 ขายได้ 14,074
ล้านบาท ปี 2560 ขายได้ 14,586 ล้านบาท
นาย ชูติวุฒิ สุวานิชย์กุล
เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาเจสติก แทรเวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 1 ใน 5
ผู้ค้าตั๋วโดยสารการบินไทยที่ถูกกล่าวหา ได้เปิดสำนักงานแถลงความจริงกับสื่อมวลชน
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ยืนยันความบริสุทธิ์ว่า
ไม่ได้มีส่วนได้เสียเรื่องส่วนต่างราคามากมายจากการขายตั๋วโดยสารการบินไทย
ตามคำกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินธุรกิจขายตั๋วโดยสารสายการบินนานาชาติเกือบทุกแอร์ไลน์ที่มีอยู่ในเมืองไทย
โดยได้ปฏิบัติตามกลไกการค้าตามราคาตลาดปกติ
เนื่องจากตามระเบียบแล้วบริษัทผู้ค้าตั๋วเครื่องบินจะมีสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(IATA) และ Bank
Setle Plan : BSP เป็นหน่วยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นจึงขอให้สังคมรับรู้ข้อมูลอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง
ซึ่งสามารถตรวจสอบได้
และขอให้ความเป็นธรรมกับเอเย่นต์ที่ถูกกล่าวหาจนกลายเป็นแพะว่าทำให้การบินไทย
ประสบปัญหาการขาดทุนมโหฬาร
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น