ททท.บูมขายเที่ยว“ภาคเหนือ”4เมืองใหญ่“เชียงใหม่/เชียงราย/น่าน/ตาก” เปิดใหม่”มหานครดอกไม้-น้ำตกสายรุ้ง”แจกกล่องเซอร์ไพรส์ทัวร์CSR
ททท.บูมขายเที่ยว“ภาคเหนือ”4เมืองใหญ่“เชียงใหม่/เชียงราย/น่าน/ตาก”
เปิดใหม่”มหานครดอกไม้-น้ำตกสายรุ้ง”แจกกล่องเซอร์ไพรส์ทัวร์CSR
ภาคเหนือเล็งจับคู่นำเข้าเอเชีย5ชาติ”เกาหลี-ญี่ปุ่น-ฮ่องกง-ไต้หวัน-มาเลย์
คิงเพาเวอร์ออนไลน์อัดโปร12เดือน12แจกส่วนลดเพิเศษ600โค้ด4บิ๊กดีล
เริ่มแล้ว”คิงเพาเวอร์เช็คอินภูเก็ต”ลุยเลยช้อปสนุก-กินสนั่นวันนี้-12ธ.ค.64
โปร!!คิงเพาเวอร์ส่งท้ายปี4หมวดดังบิวตี้-แกตเจ็ท-ของขวัญ”ลดแรง45%
ททท.ยันโอไมครอนไม่กระทบต่างชาติยื่นจองไทยแลนด์พาสแล้ว3แสน
ททท.ต่อสัญญามิชลินไกด์5ปี65-69ดึงต่างชาติใช้เงินกินอาหารโต2เท่า
บางจากชิมรางรับเงินคริปโตจ่ายในร้านอินทนิลนำร่องธ.ค.นี้ 21
สาขา
เช็คอิน”อุบลฯ”กางเตนท์ปฏิบัติธรรมสัมผัสไอหนาวริมน้ำโขง-วัดป่าดัง
6อันตรายจากแสงสีฟ้าของคนที่หมกมุ่นใช้ไฮเทคโซเชียลแบบไม่ระวัง
เที่ยวด่วน!!เทศกาลเกลือศิลป์สุดชิคลานริมเขื่อนสมุทรสาคร4-5ธ.ค.64
ทอท.ยืดแผนช่วยแอร์ไลน์-ร้านค้าสนามบินปี’66คาดผู้โดยสารไม่เข้าเป้า
วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#ทททภูมิภาคภาคเหนือ #KingpowerHolidayChekinPhuket #มหานครดอกไม้เชียงใหม่ #น้ำตกสายรุ้งตาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1775725942621456&id=100005522016696
ช่วงที่
1 เที่ยววิถีใหม่หนาวนี้ที่ภาคเหนือกับ “นางสาวสรัสวดี
อาสาสรรพกิจ” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กระตุ้นท่องเที่ยวไฮไลต์เหนือ 4 เมืองใหญ่
“เชียงใหม่-เชียงราย-น่าน” ปลุกจุดขายธรรมชาติต้องไปแดนใหม่สุด “มหานครดอกไม้”
สันป่าตอง ของครูลิลลี่ เปิดสด ๆ ร้อน ๆ งานดีไซน์วีค เทศกาลดอกไม้อาเซียน วิ่งเทรลนานาชาติ “ตาก” มาแรงแจกกล่องเซอร์ไพรส์ 300 คนแรกจองแพกเกจ 3 วัน 2 คืน
พักโรงแรม SHA +ทำ 4 กิจกรรม ทัวร์CSR
เที่ยวอย่างรับผิดชอบ ห้ามพลาดอะเมซิ่งน้องใหม่ “น้ำตกสายรุ้ง” ปี65 เล็งเป้า 2 ตลาด “สูงวัยหัวใจเด็ก-ครอบครัววัยรุ่น”
และจับลุยคู่ขายร่วมกับ ททท.เอเชีย 5 ตลาดหลัก เกาหลี
ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย
นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวปลายปี 2564 เป็นต้นไป ทุกจังหวัดในภาคเหนือเหมาะจะเดินทางไปท่องเที่ยว ด้วยสภาพอากาศหนาวเย็น ธรรมชาติ ต้นไม้ ใบไม้สดชื่นมาก รับปลายฝนต้นหนาว มีกิจกรรมจัดเต็มที่ หลังจากคนไทยห่างหายจากการท่องเที่ยวไปนาน ผนวกกับมาตรการผ่อนคลายเดินทางรถ เครื่องบิน ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยภายใต้ตราสัญลักษณ์ SHA :Safty & Health Administration
ขณะนี้
ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ ได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เริ่มจาก “เมืองใหญ่”
ได้แก่ “เชียงใหม่” ครูลิลลี่สอนภาษาไทยได้ลงทุนสร้างจุดขายใหม่โครงการ “มหานครดอกไม้”
อำเภอสันป่าตอง เปิดตัววันที่ 2 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป มีทั้งลานดอกไม้ ลานกิจกรรม ลานกางเต็นท์
ส่วนกิจกรรมโดยรวมท่องเที่ยวเชียงใหม่ ตามปฏิทินประกอบด้วย
งานแรก
“เชียงใหม่ ดีไซน์ วีค 25564”
ระหว่าง 4-12 ธันวาคม 2564
กระจายจัดใจกลางเมืองแถวบริเณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ศาลากลางเก่า
และส่วนที่เป็นสำนักงานอาคารยาสูบเก่าสวยงามมากของเชียงใหม่ นำมาจัดนิทรรศการ งานนี้เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน
เจ้าภาพหลักคือ ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ TCDC :Thailand Creative
&Design Center ภายในงานจะมี
ป็อบมาร์เก็ตซึ่งมีความพิเศษของงานศิลปะ งานคราฟท์ มีความน่าสใจไม่เหมือนใคร
การแสดงดนตรี จัดเอ็กซิบิชั่น และเวิร์คช็อป
งานที่
2 มหกรรมวิ่ง Thailand ดอยอินทนนท์
By UTMB 2021 เหมาะกับนักกีฬาที่ชื่นชอบวันวิ่ง จัดระหว่าง 9-12
ธันวาคม นี้ เป็นอัลตร้าเทรล :Altra Trail ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอลิมปิกของนักวิ่งทั่วโลก
จะสามารถสร้างความคึกคักให้เชียงใหม่ได้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไป
งานที่
3 วิ่งอัลต้าเทรล อำเภอปัว จังหวัดน่าน วันที่
17-19 ธันวาคม 2564 รองรับผู้นักวิ่งระดับนานาชาติ
และน่านยังเตรียมจัดอีกงานคือ “วิ่งผ่าหมอก ปั่นสู่อ้อมกอดแห่งขุนเขา” วันที่ 26
ธันวาคม ที่อำเภอนาน้อย
ขณะนี้น่านเปิดร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
โดยมีกิจกรรมดึงดูดการท่องเที่ยว เช่น นั่งรถรางชมเมือง ถนนคนเดิน
กาดข่วงเมืองน่าน
“จังหวัดเชียงราย” เป็นการท่องเที่ยวดอกไม้ ที่คุ้นเคยคือ ดอยตุง แต่ละปีคนจะรอคอยไปเที่ยว 2 งานหลัก ได้แก่ งานแรก “ไม้ดอกอาเซียน เชียงราย” จัดวันที่ 18 ธันวาคม 2564 – 1 มกราคม 2565 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก งานที่สอง เชียงรายดอกไม้งาม จัด 24 ธันวาคม 2564 -9 มกราคม 2565 ณ สวนตุงและโคม ใจกลางเมือง โดยภาพรวมตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไปจะเน้นท่องเที่ยวเมืองดอกไม้สวยงาม
“จังหวัดตาก” มีโครงการ “ตากเที่ยวได้ให้ด้วย” โปรโมตให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ทำบุญไปพร้อมท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ Responsible Tourism เดินทางไปตากตอนนี้อากาศสดชื่นเย็นสบาย สามารถทำได้ 4 กิจกรรม คือ
กิจกรรมแรก
เช็คอินจุดที่ 1 นำยาเหลือใช้ไปบริจาคโรงพยาบาลอุ้มผาง
กิจกรรมสอง
เช็คอินจุดที่ 2 ชมน้ำตกสายรุ้ง สวยมาก ๆ ขอแนะนำต้องไปเที่ยว
เพราะรุ้งที่นี่เมื่อล่องแพไปยังน้ำตกใช้เวลารา 1 ชั่วโมง
เวลาประมาณ 9.30 น.จะเห็นรุ้งสองชั้นอยู่ตรงหน้านักท่องเที่ยว
ซึ่งคนเรือที่ถ่อแพยางจะรู้เวลาปรากฎการณ์รุ้งตรงตามเวลาทุกวัน
เมื่อผ่านจุดนี้ไปแล้วก็จะพาขึ้นบกไปเที่ยวสถานที่อื่นต่อไป
แนะนำให้นักท่องเที่ยวควรจองแพกเกจจากโรงแรมที่พักในตาก 3 วัน 2 คืน นอกจากจะสะดวกการเที่ยวตามโปรแกรม ไปน้ำตกสายรุ้งจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพื้นที่ แต่ละวันไม่เกิน 50 คน ในแพกเกจจะพาไปชมน้ำตกทีลอซู พร้อมรับประทานอาหารด้วย 1 มื้อ
กิจกรรมที่สาม เช็คอินจุดที่ 3 เพาะกล้าไม้ กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไปปลูกในป่าเสื่อมโทรม
กิจกรรมที่สี่
เช็คอินจุดที่ 4 อุปถัมภ์เด็กนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์
โดยโรงเรียนในอำเภออุ้มผาง
เมื่อนักท่องเที่ยวร่วมโครงการ “ตากเที่ยวได้ให้ด้วย” ครบทั้ง 4 กิจกรรมแล้ว ททท.จังหวัดตากจะมีเซอร์ไพรส์คืนกำไรให้แก่นักท่องเที่ยว 300 คนแรก ทำครบ 4 กิจกรรม โดยซื้อแพกเกจจากโรงแรมที่พักเข้าร่วมโครงการ 20 แห่ง ได้มาตรฐาน SHA เรียบร้อยแล้ว ช่องทางที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปซื้อแพกเกจคือ ติดต่อทาง ททท.สำนักงานตาก โทร. 055-514-341 ถึง 3 หรือพิมพ์ชื่อโครงการ “ตากเที่ยวได้ให้ด้วย” บริการทั้งหมดมั่นใจได้ถึงมาตรฐานความปลอดภัย
ผอ.สรัสวดี
ย้ำว่า การท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปี 2565
ตัวอย่างกิจกรรมทั้ง 4 จังหวัด เชียงใหม่
เชียงราย น่าน ตาก
มีความครบเครื่องทั้งการท่องเที่ยวดอกไม้สวยงาม
ท่องเที่ยวเชิงกีฬาวิ่งอัลตร้าเทรลระดับนานาชาติ ท่องเที่ยวเชิงบำเพ็ญประโยชน์หรือCSR ท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ (RT)
ส่วน
“กางเต็นท์เที่ยวภาคเหนือ” ตอนนี้เริ่มเปิดพื้นที่แล้วได้แก่ ดอยอินทนนท์
สามารถติดต่อโดยตรงได้ทันที อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
แต่ละจังหวัดเริ่มทยอยเปิดบริการ สำหรับพื้นที่กางเต็นท์เอกชน ก็มีจุด Glamping
มีเรื่องราวของรถบ้าน มีแหล่งชิคและฮิปเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น เช่น
ช่องเย็น ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.กำแพงเพชร และอีกหลายแห่ง
ผอ.สรัสวดี
กล่าวว่า ปี 2565 วางกลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อ “ตลาดในประเทศ”
มองไปยัง 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
กลุ่มที่
1 Active Senior -ผู้สูงวัยที่สนุกกับการเดินทาง
ทั้งหญิงและชาย ไปกับเพื่อนฝูง เป็นกลุ่มมีเงิน ไม่มีภาระ
ท่องเที่ยวโดยมีไลฟ์สไตล์แบบวัยรุ่น แตกต่างจากอดีต ไม่ใช่ทัวร์น้ำหมากอีกต่อไป
ปัจจุบันกลุ่มสูงวัยจะนิยมใช้เงินพักในสถานที่สะดวกสบาย สถานที่ท่องเที่ยวถ่ายรูปสวย
ๆ เช็คอิน โพสต์ท่า โดยมีการนำท่าทางมาเทียบแล้วทำตามเช่นเดียวกับวัยรุ่น
นักท่องเที่ยวสูงวัย ซึ่งชื่นชอบเดินทางโดยรถตู้ ขับรถเองน้อย ได้ใช้มาตรฐาน SHA
เข้าไป
กลุ่มที่
2 Young Couple -วัยทำงาน
หรือมีครอบครัวขนาดเล็ก ๆ มีโมเมนต์กับคู่ชีวิต พร้อมกับพาลูก ๆไปหาประสบการณ์
นิยมขับรถไปกันเอง
ททท.จึงดีไซน์แพกเกจ
“ขับรถท่องเที่ยว”
นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานด้านสุขอนามัย
เพราะล่าสุดมีผลวิจัยพบว่า “นักท่องเที่ยวต้องการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย”
โดยเฉพาะต้องปลอดโควิด-19 จะแนะนำให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 กลุ่ม ส่วนรสนิยมก็เน้น “ขับรถเที่ยว” เป็นหลัก
เน้นโปรโมตท่องเที่ยวภายในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงกัน และการท่องเที่ยวเชื่อมโยง
“บินไปขับรถเที่ยว” โดยมีบริการรถเช่าต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน
ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ วางกลยุทธ์ “ตลาดต่างประเทศ”
ด้วยการจับคู่การทำงานร่วมกันระหว่าง ททท.สำนักงานพื้นที่กับ
ททท.สำนักงานต่างประเทศที่เป็นตลาดเป้าหมาย
ตั้งแต่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศโดยไม่กักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และการเปิดเมืองเชียงใหม่ Chaing Mai Charming เริ่มต้นปีงบประมาณ 2565 เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นไป
พื้นที่นำร่อง
คือ “ททท.เชียงใหม่” นำ เชียงใหม่ ลำพูน จับคู่ ททท.โซล สาธาณรัฐเกาหลี
นำเข้านักท่องเที่ยวกอล์ฟตลาดเกาหลี โดยมีเจจูแอร์ไลน์
ทำเช่าเหมาลำแบบประจำเข้ามายังเชียงใหม่ ทุกวันศุกร์ ระหว่างพฤศจิกายน 2564-มีนาคม 2565 เริ่มเที่ยวแรกเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2564 นำนักกอล์ฟเกาหลีเข้ามาประมาณ 83
คน จากนั้นก็มีเที่ยวละกว่า 100 คน
สำหรับคู่อื่น
ๆ มองตลาดสำคัญต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น
อีกตลาดสามารถจะเห็นความเป็นไปได้เริ่มชัดเจนคือ กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ทาง
ททท.ตลาดอาเซียน อยู่ระหว่างเจรจากันอยู่
โดยเตรียมทำเที่ยวบินจากกัวลาลัมเปอร์เข้ามาไทยช่วงเดือนธันวาคม นี้
แต่กลยุทธ์จับคู่ของ
ททท.ภูมิภาคภาคเหนือกับตลาดต่างประเทศ
ได้ปฏิบัติตามประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ควบคู่กับการจะต้องพิจารณาถึง “ประเทศต้นทาง”
ที่อนุญาตให้ประชาชนของตนเองเดินทางเที่ยวต่างประเทศด้วยว่า
เมื่อมาแล้วกลับเข้าประเทศตนเองยังจะต้องโดนกักตัวหรือไม่
รวมทั้งเรื่องเที่ยวบินระหว่างประเทศด้วย
เพราะหากมีเรื่องเหล่านี้อยู่ก็ยังเป็นอุปสรรคการทำตลาดเหมือนกัน
ส่วนเกาหลีที่เดินทางมาไทยได้เมื่อกลับไปจะไม่โดนกักตัวจึงเป็นโอกาสของเชียงใหม่กับลำพูนเดินทางเข้ามาได้จริง
ผอ.สรัสวดี
ยืนยันหนักแน่นว่า ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ จะพยายามต่อไปด้วยความหวัง
เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อตลาดในประเทศ และการจับคู่สร้างสัมพันธ์ที่ดีเพื่อนำเข้านักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายสู่ท้องถิ่นทั่วภาคเหนือของประเทศต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ออนไลน์อัดโปร12เดือน12แจกส่วนลด600โค้ด4ดีล
“คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ขอส่งความสุขแบบไม่มีขีดจำกัด
กับโปรโมชั่นส่งท้ายปี 2564 ในแคมเปญพิเศษ KING POWER CELEBRATION 2022 A NEW JOURNEY BEGINS WITH A SMILE LIVE
A LIFE BEYOND BOUNDARIES “12.12
YEAR-END SALE” ช้อปยาว ๆ แบบพิเศษสุดตั้งแต่วันที่
8-24 ธันวาคม 2564
รอรับ 4 ดีลพิเศษ พร้อมแจกตลอดแคมเปญ
600 โค้ดพิเศษ และพลาดไม่ได้กับช่วง POWER DEAL วันที่
12 เดือน 12 วันที่ 12 ธันวาคม 2564 วันเดียว เท่านั้น คิง เพาเวอร์
ออนไลน์ ทาง www.kingpower.com จัดเต็มส่วนลดสินค้าจุใจลดสูงสุดถึง
70% ช้อปได้อย่างปลอดภัย
เข้ามาเปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์กับ
คิง เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการ Home Delivery จัดส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาท ทางเว็บไซต์ www.kingpower.com และ
Kingpower Application
ข่าวที่ 2 เริ่มแล้ว”คิงเพาเวอร์เช็คอินภูเก็ต-ช้อปสนุก-กินสนั่น”ถึง12ธ.ค.นี้
เริ่มแล้ววันนี้ที่ภูเก็ต! King Power Holiday Check-In เช็กอินความสุข ช้อปสนั่น กินสนุก รับวันหยุดยาว! พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นสุดคุ้มที่รอให้ช้อปกันสนั่น มีไฟลต์บินหรือไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ ตั้งแต่วันนี้ - 12 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 - 21.00 น.
พบกับหลากกิจกรรมความสุขส่งท้ายปีที่จะมาสร้างสีสันและรอยยิ้ม เช็กอินเก็บภาพประทับใจไปกับประติมากรรมดอกไม้แสนสวยตระการตาจากทีมงานรักดอก พร้อมอิ่มอร่อยที่ THAI TASTE HUB @ PHUKET กับสตรีตฟู้ดในตำนานจากกรุงเทพฯ ที่ยกขบวนมาประชันกับเมนูดังของเจ้าถิ่นกันถึงที่
คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต การันตีด้วยเครื่องหมาย SHA Plus ตามมาตรฐานการให้บริการของจังหวัดภูเก็ตและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจรีเทลเพื่อการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก เน้นย้ำมาตรการป้องกันและข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยในทุกมิติ เพื่อสุขอนามัยขั้นสูงสุดในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติการทั้งหมด เพราะความปลอดภัยและความสบายใจของลูกค้าตลอดการช้อปทุกครั้ง
สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ King Power Contact Centre 1631
การเดินทาง - https://goo.gl/maps/YzASjCQSR7PZLWT5A
ข่าวที่ 3 โปร!!คิงเพาเวอร์ส่งท้ายปี4หมวดดังบิวตี้-แกตเจ็ท-ของขวัญ”ลดแรง45%
คิง เพาเวอร์ มอบแคมเปญช้อป “KING POWER CELEBRATION 2022” รวมโปรโมชั่นเด็ดจากคิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ตลอดเดือนธันวาคม 2564 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับดีลเด็ดโดนใจ ช้อปง่ายสบายกระเป๋า เริ่มแล้ว “PARTNET PROMOTION” ช้อปคิงเพาเวอร์ จ่ายด้วยบัตรของธนาคารพันธมิตรที่เข้าร่วมรายการ รับทันทีเครดิตเงินคืนสูงสุด 100% เลือกช้อปสินค้าแต่ละหมวด แต่ละสไตล์ พร้อมใจกันมอบส่วนลดสุดพิเศษ แบบไม่ต้องมียอดช้อปขั้นต่ำ ดังนี้
1.ผลิตภัณฑ์ความงาม “BEAUTY GIFT GUIDE” รับลดสูงสุด 45% ระหว่าง 1 - 7 ธันวาคม 2564 เพียงกดรับรหัสส่วนลด BGIFT ก็ช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3l7M7Ak
2.อุปกรณ์ไฮเทค “GADGETS OF THE MONTH” สินค้าราคาพิเศษ ลดเพิ่มสูงสุด 25% ระหว่าง1 - 31 ธันวาคม 2564 เพียงกดรับรหัสส่วนลด 12GGM ช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3FQWe4t
3.สินค้าของขวัญสำหรับเทศกาล GIFT FESTIVAL ลดสูงสุด 50% + ลดเพิ่มสูงสุด 45% ระหว่าง1 - 31 ธันวาคม 2564 เพียงกดรับรหัสส่วนลด GFESTช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3rh6AGu
4.สุดคุ้ม SUPER BONUS PRICE สินค้าส่งบ้านราคาดิวตี้ฟรี
ลดสูงสุด 30% ระหว่าง 1 - 31 ธันวาคม 2564
เพียงกดรับรหัสส่วนลด DECSPBN ช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3HOHsgt
ข่าวที่ 4 ททท.ยันโอไมครอนไม่กระทบต่างชาติยื่นจองไทยแลนด์พาสแล้ว3แสน
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีนโยบายให้ติดตามสถานการณ์ไวรัสกลายพันธุ์
“โอไมครอน” อย่างใกล้ชิดจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกการเดินทางเข้าไทย
โดยตั้งแต่เปิดประเทศครบ 1 เดือนตั้งแต่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ยื่นลงทะเบียนของ
THAILAND PASS รวมแล้วกว่า 300,000 คน เฉพาะพฤศจิกายนเดือนเดียวจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา
100,000 คน ส่วนผลรวม10 เดือนแรกปีนี้ คาดตลอดทั้งปี 2564 น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยรวมถึง
500,000 คน
จนถึงขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเดินทางเข้าไทยปกติ โดยเฉพาะเยอรมัน เยอรมนี พบยอดจองล่วงหน้าเดินทางมาไทยดีมาก แต่ก็ยังมียกเว้นยุโรปบางประเทศซึ่งเกิดการกลับมาอีกครั้งแต่ไม่เกี่ยวกับสายพันธุ์โอไมครอน
ข่าวที่ 5 ททท.ต่อสัญญามิชลินไกด์5ปี65-69ดึงต่างชาติใช้เงินกินอาหารโต2เท่า
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทสไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท.
เล็งเห็นความสำคัญของโครงการ The MICHELIN
Guide Thailand ททท. จึงผนึกความร่วมมือกับทาง
The MICHELIN Guide ทำต่อเนื่องไปอีก 5
ปี ระหว่างปี 2565-2569
ตั้งเป้าขยายพื้นที่สำรวจเพิ่มอย่างน้อย 3 จังหวัด ได้แก่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด และเพิ่มเติมใหม่ 2 จังหวัด ซึ่งทางThe MICHELIN Guide จะเพิ่มเติมรางวัลประเภทใหม่
MICHELIN Guide Thailand Service Award presented by TAT ให้แก่บุคลากรผู้ให้บริการยอดเยี่ยม
เพื่อผลักดันไทยก้าวสู่ประเทศจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแรงและยั่งยืนในทุกมิติต่อไป
ตามที่
ททท.เห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(Creative Economy) ภายใต้แนวคิด BCG Model มุ่งให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ควบคู่กับการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมผ่านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอาหาร
(Gastronomy Tourism) ให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ
นำไปสู่การส่งเสริมการลงทุน ขับเคลื่อนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เฟสแรก
รวม 5 ปี ระหว่างปี 2560 - 2564 พร้อมกับจัดทำคู่มือ
“มิชลิน ไกด์” 5 ฉบับ ฉบับแรกชื่อว่า “The MICHELIN
Guide Bangkok 2018” แล้วขยายจังหวัดมีทั้งกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล
ภูเก็ต พังงา และเชียงใหม่
ช่วงปีที่
4 เมื่อปี 2563 ได้เพิ่ม 3
รางวัลประเภทใหม่ ได้แก่ 1.MICHELIN Guide Young Chef Award มอบให้เชฟรุ่นใหม่ที่โดดเด่น 2.MICHELIN Guide Service Award รางวัลสำหรับบุคลากรผู้ให้บริการยอดเยี่ยม และ 3.MICHELIN Green
Star รางวัลที่มอบให้ร้านอาหารซึ่งใส่ใจในสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ปีที่
5 ปี 2564 ได้ขยายพื้นที่ร้านมิชลินไปยังพระนครศรีอยุธยา
ในชื่อว่า “The MICHELIN Guide Bangkok, Phra Nakhon Si Ayutthaya, Chiang
Mai, Phuket & Phang-Nga 2022”
ดร.ยุทธศักดิ์
ยืนยันว่าจากผลการวิจัยโครงการประเมินภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านอาหาร (Gastronomy Tourism) ของประเทศไทย สำรวจโดย บริษัท
เคเนติกส์ คอนซัลติ้ง จำกัด ของ ททท. และผลการดำเนินโครงการ The MICHELIN
Guide Thailand ประจำปี 2560 - 2563 โดย Ernst
& Young สะท้อนให้เห็นความสำเร็จของโครงการนี้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านต่าง
ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านอาหารจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยต่อมื้อสูงถึง
2 เท่า
สถิติปี
2562 เกิดความสำเร็จเป็นรูปธรรมดังนี้ 1.สร้างมูลค่าได้ถึง 842.40 ล้านบาท 2.เกิดการจ้างงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกว่า 4,800
ตำแหน่ง 3.เกิดการจัดกิจกรรมทางด้านอาหารในประเทศไทย อาทิ
การจัดกิจกรรมดินเนอร์กับเชฟมิชลิน เพิ่มขึ้น 33 % เมื่อเปรียบเทียบจำนวนร้านอาหารระดับ Street Food ถึง
Fine Dining ที่ได้รับรางวัลมิชลิน ปี 2560 - 2564 พบว่าเพิ่มขึ้นของจำนวนร้านอาหาร 137 %
4.เกิดการพัฒนาและยกระดับร้านอาหารในประเทศไทย
เพื่อรักษามาตรฐานของร้านอาหารเพิ่มขึ้น 60 % 5.ดึงดูดเชฟชั้นนำจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้น
6.ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเปิดร้านอาหารระดับไฟน์
ไดนิ่ง (Fine Dining) ในไทยมากขึ้นด้วย
ข่าวที่ 6 บางจากชิมรางรับเงินคริปโตจ่ายในร้านอินทนิลนำร่องธ.ค.นี้21สาขา
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยนายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มงานบัญชีและการเงิน เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับผู้บริหาร บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จับมือกับทาง
นายกวิน พงษ์พันธ์เดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บิทาซซ่า จำกัด
นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ชั้นนำของไทย
(www.bitazza.com) ประกาศความร่วมมือสร้างการใช้งานจริงของคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ในชีวิตประจำวัน ในร้านอินทนิลบางจากเริ่มตั้งแต่
1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
โดยบางจากฯ
เป็น “ธุรกิจพลังงานรายแรก” ที่เปิดบริการรับชำระด้วยคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อเพิ่มความสะดวก
เป็นทางเลือกและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า
พร้อมทั้งตอบโจทย์ความต้องการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคดิจิทัล (Digital Experience) และบิทาซซ่ายังมีโซลูชั่นในการแปลงคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินบาททันที
ซึ่งสะดวกต่อทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าที่ไม่ต้องรับความผันผวนของมูลค่าคริปโตเคอร์เรนซี
บางจากฯ
เริ่มรับชำระด้วยคริปโตเคอร์เรนซีที่ร้านกาแฟอินทนิลตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2564
จำนวน 21 สาขาและจะเพิ่มอีก 100 สาขา ในวันที่ 1 มกราคม 2565
ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจะขยายไปทั่วประเทศภายในไตรมาส 2 รวมทั้งมีแผนจะขยายสู่ธุรกิจอื่น ๆ ของบางจากฯ เช่น
ธุรกิจคาร์แคร์ สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
พิเศษ
สำหรับลูกค้าอินทนิลรับส่วนลด 10 บาททุกเมนูเมื่อชำระด้วยคริปโตเคอร์เรนซี ตั้งแต่ 1 ธันวาคม
2564 - 31 มกราคม 2565 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.inthanincoffee.com/
ช่วงที่ 2 ออกเที่ยวกันเถอะ จับจองเช็คอินสัมผัสไอหนาว “อุบลราชธานี” แนะนำจุดกางเต๊นท์เด่น ๆ ผาชะนะได ริมแม่น้ำโขง และเลือกเสริมพลังปฏิบัติธรรม วัดหนองป่าพง วัดบุ่งขี้เหล็ก แล้วมาปรับแก้พฤติกรรม “เลี่ยง 6 อันตรายจากแสงสีฟ้าหน้าจอ” ป้องกันโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ พร้อมข่าวสดใหม่ “ททท.” ชวนไปเที่ยว “งานเกลือศิลป์ริมเขื่อน” 4-5 ธ.ค.นี้ กับ ข่าวดี “ทอท.”ยืดมาตรการเยียวยาแอร์ไลน์ ร้านค้าสนามบิน ไปเป็นปี’66 หวังรายได้กลับคืนกว่า 6,000 ล้านบาท
พาเที่ยว-เช็คอิน”อุบลฯ”“กางเตนท์ปฏิบัติธรรมรับไอหนาวผาชะนะไดริมโขงวัดดัง
ออกมาเที่ยวกันเถอะ
หนาวนี้ต้องที่ “อุบลราชธานี” เปิดจุด “กางเตนท์” สัมผัสไอหนาว หรือเข้าวัดใหญ่
“ปฏิบัติธรรม”
เช็คอินจุดที่ 1 “ผาชะนะได” หนาวนี้ต้องได้สัมผัสไอเย็นเหนือ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สถานที่ที่จะชวนนักท่องเที่ยวไปรับแสงแรกรับตะวันก่อนใครในสยาม ตอนนี้เส้นทางสู่ผาชะนะได ผ่านป่าดงนาทาม ทำถนนลาดยางตลอดสายแล้ว ตั้งแต่แยกเข้าวัดถ้ำปาฏิหาริย์ไปจนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดงนาทาม ทำเป็น ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ พักแรม จุดจอดรถ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากจุดขึ้นไปอีกประมาณ 500 เมตร เพื่อสัมผัสกับแสงแรกแห่งสยามที่ผาชะนะได และเดินไป “น้ำตกห้วยพอก”
ตอนนี้ทางอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จึงต้องจัดระเบียบเพื่อความปลอดภัย จัดคิว รถขึ้น-ลง วันละ 2 รอบ ช่วงเช้าและบ่าย
ช่วงเช้า : รถรอบขาขึ้น เริ่มเวลา 04.30-07.00 น. โดยมีจุดเก็บค่าธรรมเนียมตรง “แยกวัดถ้ำปาฏิหาริย์” จุดชมทะเลหมอกบริเวณผาชะนะได ส่วนขาลงจากศูนย์ดงนาทาม เวลา 08.30-10.30 น. ส่วนช่วงบ่าย : รถรอบขาขึ้น ขาขึ้นเวลา 13.00-15.30 น. ขาลง 16.30-17.30 น.
เช็คอินจุดที่ 2 จุดกางเตนท์แห่งใหม่ “สวนพ่อเป๋อ แคมปิ้ง” เกษตรริมโขง บ้านตามุยใกล้อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม มีมุมให้เลือกกางเตนท์ค้างแรมบริเวณ 3 ลาน คิดค่าบริการกางเต็นท์ 100 บาท/คน/วัน ฟรีไฟฟ้า
ลานที่
1 “ลานข้างบนสวน” ในบรรยากาศใต้ต้นลำไย ร่มรื่นใกล้ห้องน้ำ
ห้องอาบน้ำ ลานที่ 2 “ลานเนินดินติดริมโขง” นักท่องเที่ยวสามารถนำรถยนต์
มอเตอร์ไซต์ จอดไว้ใกล้บริเวณกางเต็นท์ได้สบาย ลานที่ 3 “ลานหาดทรายริมฝั่งโขง”
ติดริมน้ำ ทรายนุ่ม ๆ นั่งปิ้งย่าง หรือนำเบ็ดมาตกปลาได้ด้วย สอบถาม ลานกางเต็นท์สวนพ่อเป๋อแคมปิ้ง
โทร. 086 175 2390 https://goo.gl/maps/ZqdqSPuLePoq5H7s7
เช็คอินจุดที่ 3 “สวนธนากร ช่องเม็ก” อำเภอสิรินธร กางเต็นท์นอนดูดาว
ปิ้งย่างบาร์บีคิวรอบกองไฟ ฟังเพลงสุดโรแมนติก เข้าถึงธรรมชาติ มีห้องน้ำให้ครบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบแสงไฟ เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า
ค่าบริการ คนละ 100 บาท โทร.097
050 9815 ปักหมุดhttps://goo.gl/maps/25Xugp78vQvuuVEP6
ส่วนนักท่องเที่ยวสายธรรมเติมพลังศรัทธาได้ด้วยการเดินทางไปพักค้างแรมทำวัดปฏิบัติ
ได้ ที่ วัดหนองป่าพง และวัดบุ่งขี้เหล็ก
“วัดหนองป่าพง” ของหลวงปู่ชา
สุภัทโท ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ เป็นสถานปฎิบัติธรรม
เป็นต้นแบบของวัดป่าในประเทศและนานาชาติกว่า 100
แห่ง สำนักปฏิบัติธรรม
แวดล้อมด้วยธรรมชาติ อันสงบอันสงัด มีบรรยากาศร่มเย็นเหมาะ
แก่การพำนักอาศัยเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมชีวิตพระในวัดหนองป่าพง
มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การประพฤติพรหมจรรย์์ตามรอยพระยุคลบาท ของพระบรมศาสดา
ที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพอย่างสงบเงียบ และเรียบง่ายภายในป่า
เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์ แล้วทรงนำความรู้แจ้งเห็นจริงนั้น
มาเผยแผ่เกื้อกูลความสุขแก่มหาชนทั่วไป
“วัดบุ่งขี้เหล็ก”
เลขที่ 139 หมู่ 4 บ้านบุ่งขี้เหล็ก วัดที่มีหลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร
เป็นเจ้าอาวาสและผู้สืบสานวิทยาคมจากพระเถราจารย์แห่งราชอาณาจักรลาว
ศิษย์ยุคสุดท้ายของสมเด็จลุน แห่ง สสป.ลาว ภายในวัดโดดเด่นด้วยเจดีย์อริยเมตตรัย
รูปทรงสูงใหญ่สวยแปลกตากว่าที่อื่น ๆ และมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาว 56 องค์
วางเรียงอย่างสวยงาม เกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านบุ่งขี้เหล็กและผู้เลื่อมใสหลวงปู่จันทร์หอม
สุภาทโร สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธา นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาร่วมปฏิบัติธรรมได้
หนาวนี้ต้องที่
“อุบลราชธานี” เป็นอีกจังหวัดทางเลือก เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม
สุขภาพ
-6อันตรายจากแสงสีฟ้าของคนที่หมกมุ่นใช้ไฮเทคโซเชียลแบบไม่ระวัง
ทุกวันนี้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในชีวิต
ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนเราในแทบทุกด้าน แต่รู้ไหมว่า
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ยังมาพร้อมกับอันตรายที่แอบซ่อนไว้
โดยจะมีอะไรที่ควรระวังกันบ้าง พบคำตอบได้ที่นี่
1.อันตรายจากแสงสีฟ้า : แสงต่าง ๆ ที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันนี้แบ่งออกเป็น 7 สี (สีแดง ม่วง ส้ม เหลือง น้ำเงิน/ฟ้า คราม และเขียว) และถูกพบได้ทั่ว ๆ
ไป ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์
แต่ที่ส่งผลกระทบถึงคนส่วนใหญ่มากที่สุด คือ แสงสีฟ้า
เป็นหนึ่งในแสงที่สามารถเข้าไปสู่จอประสาทตาได้อย่างง่ายดาย
โดยผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน
และแท็บเล็ตที่คนเรานิยมใช้กันตลอดเวลา โดยแสงสีฟ้านี้จะทำให้เกิดอาการภาวะตาล้า (Digital
Eye Strain) และอาจจะทำให้เซลล์ในดวงตาตายได้ ถ้าเราไม่ดูแล รักษา
ป้องกันดวงตาของเราให้ดี
2. หน้าจอมีเชื้อแบคทีเรียยิ่งกว่าโถชักโครก.
: สถาบันวิจัยที่มีชื่อว่า Which? จากประเทศอังกฤษได้มีการยืนยันงานวิจัยล่าสุด
พบว่า หน้าจอทัชสกรีนของแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ มีเชื้อโรค
แบคทีเรียมากกว่าโถชักโครกถึง 20 เท่า
โดยแบคทีเรียนี้มีชื่อเรียกว่า สตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus
Aureus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสารพิษและทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนและท้องร่วงได้
3. ส่งผลต่อการสนทนา : Pew
Research Center สถาบันวิจัยจากวอชิงตัน
ดี.ซี.ได้ทำการศึกษาข้อมูลของผู้ใช้สมาร์ทโฟน พบว่า 82% ของคนส่วนใหญ่มีปัญหาการสนทนาในชีวิตจริง
เนื่องจากเลือกพิมพ์ข้อความสนทนากันมากขึ้นและใช้เวลากับการอ่านหนังสือน้อยลง
ทำให้ประสิทธิภาพในการพูดคุยกันลดลงตามไปด้วย
4. สร้างจุดด่างดำบนใบหน้า :
ความร้อนที่สูงเกินไปจากการใช้สมาร์ทโฟนสนทนาอาจก่อให้เกิดปัญหาผิวโดยเฉพาะที่บริเวณหน้าส่วนที่ใช้สัมผัสกับหน้าจอสมาร์ทโฟนบ่อย
ๆ โดยความร้อนเหล่านี้จะไปรบกวนการผลิตสารที่ชื่อว่าเมลานิน (Melanin) และนำไปสู่การเกิดจุดด่างดำและสีผิวที่คล้ำลงได้ ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้ผิวหน้าของคุณรับความเสียหายโดยไม่จำเป็น
ก็ควรหยุดพักจากอุปกรณ์เทคโนโลยีบ้างและใช้อย่างเหมาะสม
5. ความจำไม่ดี
: การใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้สมองถูกทำลาย
และส่งผลให้เราฉลาดน้อยลง นอกจากนี้ยังทำให้เรามีสมาธิลดลงอีกด้วย โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสค้นพบว่า
คนส่วนใหญ่มีความสามารถในการจดจำข้อมูลได้ไม่ดีนัก หากมีสมาร์ทโฟนอยู่ใกล้ ๆ ตัว
โดยการทดลองพบว่า การมีสมาร์ทโฟนอยู่บนโต๊ะทำงานหรือในกระเป๋ารบกวนผู้ใช้
ซึ่งจะส่งผลให้เราไม่มีสมาธิ เพราะต้องคอยหันไปมองหรือคำนึงถึงสมาร์ทโฟนอยู่เป็นประจำ
6. คลื่นแม่เหล็กเสี่ยงมะเร็ง :
การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งสมองถึง 2 เท่า
เนื่องจากมีคลื่นแม่เหล็กจะถูกส่งเข้ามาที่อุปกรณ์สื่อสารโดยตรง โดยมะเร็งจะเกิดที่ศีรษะด้านเดียวกับด้านที่ใช้สมาร์ทโฟนนั้นเป็นประจำ
นอกจากนี้งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดที่ได้รับทุนจากบริษัทมือถือสรุปผลออกมาแล้วว่า การใช้โทรศัพท์มือถือส่งผลให้เซลล์มนุษย์เปลี่ยนแปลง และอาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้ คำแนะนำที่ควรปฏิบัติตามคือ ให้กดรับโทรศัพท์ให้ห่างตัวก่อนพูดคุยตามปกติ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
เที่ยวด่วน!!เทศกาลเกลือศิลป์สุดชิคลานริมเขื่อนสมุทรสาคร4-5ธ.ค.64
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม ขอชวน
ทุกๆคน มาเที่ยวงาน “
เกลือศิลป์ สร้างสรรค์ สมุทรสาคร หรือ Art : Craft : Food :
Music : Workshop : Sea Salt ระหว่าง 3-5 ธันวาคม
2564 ตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็น เป็นต้นไป ณ
ลานริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
เป็นงานสไตล์ ซีฟู้ด & อาร์ตมาร์เก็ตในบรรยากาศชิลรับลมหนาว อัดแน่น
ไปด้วยการแสดง หลากหลาย กิจกรรมชิค ๆ มากมาย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ดังนี้
1.ชมการจัดประกวดแข่งขัน Music, Painting, Food Stylist
2.ชมนิทรรศการศิลปะ Workshop,
กิจกรรม Workshop ผลงานนักเรียนที่เข้าประกวดแข่งขันวาดภาพ
3.ชมการแสดงต่างๆ เช่น บรรเลงเพลง
การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคจากเกลือทะเล
4.ชมการโชว์วงดนตรี
จากวงที่เข้ารอบการประกวด
5.ฟังเพลงเพราะๆ จากศิลปิน นักร้อง
ปราโมทย์ วิเลปะนะ และแอ๊นท์ Emotion Town
6.ฟังเพลงวงดนตรีร่วมสมัย
วิทยาลัยนาฏศิลปะ / การแสดงโขน ตอน ลักษมีสีดา ( วิทยาลัยนาฏศิลป์ )
7.ชมกิจกรรม สร้างสรรค์จากเกลือ /
มัดย้อม ถุงผ้า / Screen
ถุงผ้า
8.การแข่งขันการทำอาหารและการจัดจานเมนูเกี่ยวกับเกลือ
9.การโชว์เล่นว่าว โดยลุงเม่น
ว่าวไทย
10.การออกร้านจำหน่ายสินค้า
พร้อมกิจกรรมนาทีทอง ราคาพิเศษ !!
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรสาคร
โทร. 0
3441 1010 หรือ ททท. สมุทรสงคราม โทร. 0 3475 2847-8
ทอท.ยืดแผนเยียวยาแอร์ไลน์-ร้านค้าสนามบินปี’66คาดปี65ผู้โดยสารไม่เข้าเป้า
ดร.นิตินัย
ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน)
“ทอท.” เปิดเผยว่า ได้ขอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.พิจารณาอนุมัติขยายมาตรการเยียวยาสายการบินและผู้ประกอบการร้านค้าสนามบินออกไปอีก
1 ปี ให้ไปสิ้นสุดความช่วยเหลือในวันที่ 31 มีนาคม 2566 จากเดิมกำหนดไว้จากเดิมสิ้นสุด
31 มีนาคม2565 เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการดังกล่าวดำเนินธุรกิจต่อและยังคงจัดส่งรายได้ให้กับ
ทอท.ในอนาคตได้ต่อไป
ประเมินแล้วมาตรการเยียวยาที่ยืดเวลาออกไปอีก
1 จะช่วยให้
ทอท.มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าไม่ได้ทำอะไร นั่นปี 2565 ทอท.ยังจะมีรายได้เพิ่ม 3,037 ล้านบาท ปี 2565
เพิ่มขึ้นอีก 6,171 ล้านบาท เป็นผลดีเรื่องอาจใช้เงินกู้น้อยลงกว่าที่เคยขอบอร์ดอนุมัติไว้
25,000 ล้านบาท
รวมทั้งมีสาเหตุที่จะต้องขยายมาตรการเยียวยา
เพราะตามคาดการณ์อุตสาหกรรมการบินในประเทศจะฟื้นได้ในปี 2566 จากเดิมปี
2565 เพราะตอนนี้โควิด-19
ระบาดต่อเนื่อง ทอท.เองก็ต้องปรับลดจำนวนผู้โดยสารที่ผ่านเข้าออกสนามบินลงเหลือปีละเกือบครึ่งหนึ่งของเดิมที่ตั้งเป้าไว้คือ
ปี 2565 จะเหลือเพียง 62 ล้านคน จากเดิมคาดจะมีถึง 113 ล้านคน ปี 2566 เหลือ 116
ล้านคน จากเดิมคาดจะมี 147 ล้านคน
ดร.นิตินัยยืนยันว่าช่วงโควิด-19 ระบาด
ส่งผลให้ผู้ประกอบการในสนามบินของ ทอท. 1 ใน 3 หรือประมาณ 33% ต้องทยอยปิดกิจการขณะนี้ยกเลิกไปแล้วกว่า
900 สัญญา จากทั้งหมด 2,783 สัญญา ดังนั้น ทอท.จำเป็นจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยารักษาเลิกสัญญาที่เหลืออีก
48% ไว้ให้ได้
ล่าสุด ทอท.สำรวจสถานการณ์ร้านค้าต่าง
ๆ ในสนามบิน แบ่งได้ 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 ยังเช่าพื้นที่อยู่
47.76% เท่านั้น กลุ่มที่ 2 ปล่อยพื้นที่ว่าง
26.41% 26.84% กลุ่มที่ 3 ผู้ประกอบการขาดทุนขอหยุดกิจการ
ขณะที่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศรับต่างชาติเดินทางเข้าไทยโดยไม่กักตัว
ทำให้มีผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 4,000 คน
จากเดิมสัปดาห์ละ 2,000 คน คาดเดือนธันวาคมนี้จะเริ่มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากล่าสุดมีสายการบินจองตารางเวลาการทำการบินเพิ่มขึ้นแล้วอีก
20%
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น