ททท.ภาคเหนือบุกหนักครึ่งหลังปี’65คัดสินค้าท่องเที่ยวขาย4F+4Mจัดหนัก“เฟสติวัล+อีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง”10งานรวด ยอดพักเข้าเป้า50%“เชียงใหม่/เชียงราย/สุโขทัย”FDpต่างชาติ33%
ททท.ภาคเหนือบุกหนักครึ่งหลังปี’65คัดสินค้าท่องเที่ยวขาย4F+4M
ตลุยจัดหนัก“เฟสติวัล+อีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง”กรกฎา-ธันวา10งานรวด
ยอดพักเข้าเป้า50%“เชียงใหม่/เชียงราย/สุโขทัย”โกยต่างชาติได้33%
คิง เพาเวอร์ ออนไลน์+แอพลดส่งท้ายมิ.ย.เปิด2ดีลดีลดสูงสุด
60%
พูลแมนคิงเพาเวอร์เปิดควิซีนอันปลั๊กโปรมื้อค่ำจองออนไลน์ลด30%
ททท.โตเกียวใช้เรียลิตี้โชว์ญี่ปุ่นแฟนคลับ14.6ล้านรายบูมเที่ยววไทย
TCEBควงภูเก็ตบุกฝรั่งเศสชิงงานExpo
2028จ่อดึงรายได้4.9หมื่นล้าน
“BFPL”ในกลุ่มบางจากเพิ่มบริการเครือข่ายส่งน้ำมันทางท่อครบวงจร
ทริปเที่ยวพิษณุโลกหน้าฝนสุดชีลปีนเขาล่องเรือตาหมื่นชิมคาเฟ่นามุง
เคล็ดลับปรับพฤติกรรมใช้ชีวิตใหม่เพื่อห่างไกลโรคNCDsได้ด้วย5อย่าง
ทอท.ประเมินยอดผู้โดยสารตลอดปี’65ลุ้นสุดตัวได้45ล้านคนฟื้นแค่33%
CEAระดมกูรูปลุกพลังSoftPowerเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยขายได้ขายดี
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 ภาคเหนือยืนหนึ่ง “นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดีไซน์จุดขายท่องเที่ยวด้วยเมนูประสบการณ์เทรนด์ใหม่
“4F+4M” ปั้นกลยุทธ์สร้างรายได้ “บิ๊ก F-Festival” กระหน่ำจัดเทศกาลเที่ยวเหนือครึ่งปีหลัง 10
งานใหญ่ ชวนชิมอาหารพรีเมี่ยม เลือกช้อปแฟชั่นอาร์ตแอนด์คราฟ ทัวร์ Faith-ศรัทธานำทางเส้นทางนำเที่ยว ลุย Booster shot อัดฉีดงบให้เอกชนจัดกิจกรรมปัง
ๆ ขานรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวเปิดแล้วกว่า 50 % ปลื้ม OR ยอดพักโรงแรมเกินกว่า 50 % “สุโขทัย-เชียงใหม่-เชียงราย” ยิ้มออกต่างชาติแห่เที่ยว 30 % ตลาดดาวเด่นคือ อินเดีย มาเลเซีย เมียนมา
สปป.ลาว เตรียมจับเข่ามูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฟื้นจัด “ไหว้สาแม่ฟ้าหลวง” ปลุกรายได้
ต.ค.-ธ.ค.65
นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
การวางกลยุทธ์การขายสินค้ากระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้าภาคเหนือต่อเนื่อง 4 เดือนหลังปีนี้ ระหว่างมิถุนายน-กันยายน 2565 ซึ่งมีสินค้าท่องเที่ยวที่สอดคล้องเหมาะกับวิถีใหม่ ตามนโยบายของ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.พุ่งเป้านำเสนอ 5F :
food/อาหาร-Fashion/การออกแบบแฟชั่นไทย-Flight/ท่องเที่ยวกีฬาต่อสู้-Film/สถานที่ถ่ายภาพยนตร์-Festival/งานเทศกาลประเพณี +4M : Music/ดนตรี-Museum/พิพิธภัณฑ์-Master/เจ้าบ้าน Meta/ความนิยมเทคโนโลยี
สถานการณ์ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวคนไทยในภาคเหนือเที่ยวภาคเหนือด้วยกันเกิน
50 % และคนกรุงเทพฯ กับภาคกลาง อีก 50 % มีพฤติกรรม “ชอบถ่ายรูป” ต่อด้วยช้อปปิ้ง ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชิมอาหาร
ชมวิวทิวทัศน์
ททท.ภูมิภาคภาคเหนือได้ประยุกต์จุดขายตามกลยุทธ์ 5F +4M โดยการจัดทำเป็น “เมนูประสบการณ์” เป็นเรื่องของ “เสน่ห์วันวาน เมืองเหนือ” ประกอบด้วย Soft Power 4 ตัว 4 F ได้แก่
1.Fashion การออกแบบ ตอบรับกระแสความชอบของนักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายรูปกับช้อปปิ้ง จึงดีไซน์สินค้า Art & Craft งานศิลปะหัตถกรรม
2.Food อาหาร แบ่งเป็น “ภาคเหนือตอนบน” จะเล่นเรื่องอาหารระดับพรีเมี่ยม ในเชียงใหม่ เชียงราย “ภาคเหนือตอนล่าง” เล่นเรื่องอาหารถิ่น แคมเปญในลักษณะเส้นทางกินอาหารถิ่นริมน้ำ เดินทางรถแล้วไปยังแหล่งอร่อย ๆ ในพื้นที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อยู่หลายจังหวัดด้วยกัน
3.Faith -ศรัทธานำทาง เส้นทางท่องเที่ยว เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเดินทางไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาคเหนือจะมีวัดสวย ๆ พร้อมสถาปัตยกรรม และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้เลือกได้หลายแห่ง เช่น พระสิงห์ เชียงใหม่
4.Festival -งานเทศกาลโดยเฉพาะการท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ที่มีให้เลือกถึง 10 งาน เฉพาะงานท่องเที่ยวเทศกาล ได้แก่
1.งานประเพณีกลางน้ำ กว๊านพะเยา จ.พะเยา หนึ่งเดียวในเมืองไทย
จัดระหว่าง 13-15 กรกฎาคม 2.งานออกหว่าแม่สะเรียง
จ.แม่ฮ่องสอน จัดช่วงออกพรรษา 8-10 ตุลาคม 3. งาน 12 มนต์ล่องผ่องไต
จ.แม่ฮ่องสอน จัด 6-8 พฤศจิกายน 4.งานประเพณีลอยกระทง
เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย ประจำปี 2565 ธีม
“สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงสุโขทัย วันที่ 30 ตุลาคม -8 พฤศจิกายน 5.งานกระทงสายไหลประทีปพันดวง จ.ตาก
ช่วงเดือนพฤศจิกายน
และส่วนที่เป็น
“อีเวนต์ มาร์เก็ตติ้ง” เตรียมจัดภายในปี 2565 จะมีอีก 5 งาน ได้แก่ 1.นั่งรถผ่อเมืองลำพูนยามค่ำคืน
จ.ลำพูน ช่วงตุลาคม-ธันวาคม ททท.ลำปางดูแลการจัดงานทั้งหมด 2.งาน Pai Tubing Music & Film 2022 จ.แม่ฮ่องสอน
ช่วง 24-25 กันยายน 3.กิจกรรมวิ่งเทรล Cross Country จ.แม่ฮ่องสอน ช่วง 10
กันยายน 4.Amazing Night Sukhothai Countdown 2023 จ.สุโขทัย จัด 29-31 ธันวาคม 5.Countdown บอลลูนทะลุหมอก@เพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ จัด 29-31 ธันวาคม 2565
สำหรับ 4 M ประกอบด้วย Music ก็สามารถจัดเทศกาลดนตรีตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้ เรื่อยไปจนถึง Merit การทำบุญที่จะเชื่อมโยงเข้ากับการนำเสนอขาย Faith ศรัทธานำทาง เส้นทางท่องเที่ยว ได้ เช่น การเวียนเทียนทางน้ำกว๊านพะเยา
ผอ.สรัสวดี กล่าวว่า ช่วงเดือนกรกฎาคม นี้ ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ ให้ทำ Booster Shot ที่จะทำร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจกลับมาโดยเร็วแล้วกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปีเพิ่มขึ้นมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งทางภาคเหนือจะหารือกับผู้ประกอบการทั้งหมดในพื้นที่วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน นี้ ส่วนงานท่องเที่ยวประเพณีเด่น ๆ คือ เวียนเทียนกลางน้ำกว๊านพะเยากรกฎาคมนี้ แล้วก็มีเส้นทางศรัทธานำทาง เส้นทางท่องเที่ยวกระจายไปตามจังหวัดต่าง ๆ
ช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม
2565 ภาคเหนือมีแรงดึงดูดการท่องเที่ยวหน้าฝน
ซึ่งกำลังประเมินโครงการตามแผน Booster Shot ที่จะจับมือกับพันธมิตรโรงแรมกระตุ้นคนเข้าพักมากขึ้นโดยมีอินเซ็นทีฟ
หรือร่วมกับทางร้านอาหารที่ได้รับมิชลินเพื่อกระตุ้นคนเข้าไปใช้จ่ายเงินรับประทานอาหารสร้างรายได้มากขึ้น
เบื้องต้นจะทำเป็นลักษณะกรอบโครงการที่จะทำอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้เกิดการกระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินระหว่างพักผ่อนให้มากที่สุด
สถานการณ์โดยภาพรวมของ “ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเหนือ” หลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลงแล้ว ช่วงมิถุนายน 2565 ทยอยกลับมาเปิดบริการแล้วกว่า 50 % ประเมินอัตราการเข้าพักของโรงแรม OR : Occupacy Rate ไต่ระดับดีขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้มีประมาณกว่า 50 % ตามนโยบายผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ มุ่งให้ตลาดในประเทศทุกภูมิภาคทำ OR ให้ได้เฉลี่ย 55 % ของภาคเหนือตอนนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ผนวกกับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ในเชียงใหม่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
อีกทั้งผู้ประกอบการธุรกิจในภาคเหนือ ต้องการให้ ททท.เข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูรายได้แบ่งตามลักษณะตลาดเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 พื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวคนไทยเป็นหลัก รวมทั้งจังหวัดท่องเที่ยวซึ่งเป็นเมืองรองก็พอจะประคองตัวอยู่ได้ เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก สำหรับ “เมืองหลัก” ได้รับอานิสงจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ตั้งแต่กรกฎาคม 2565 จะมี “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ต่อขยาย” เสริมทัพโดยให้สิทธิ์จองห้องพักได้อีกถึง 1.5 ล้านสิทธิ์
รวมทั้งปลายปีนี้ทางภาครัฐจะนำเทศกาลต่าง ๆ กระจายไปจัดงานในเมืองหลักเพิ่มขึ้น ผนวกกับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดิน-วิ่ง เทรล ดนตรี และอื่น ๆ เพื่อสร้างความคึกคักให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ หาก ททท.มีงบประมาณก็จะกระตุ้นคนเข้าไปใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ทันที
ส่วนที่ 2 พื้นที่ท่องเที่ยวของตลาดต่างประเทศ ตอนนี้เริ่มมีเข้ามาบ้างแล้ว เช่น จังหวัดสุโขทัย เชียงใหม่ถึงจะมีต่างชาติ 30 % โดยเริ่มทยอยเข้ามาทั้งในเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งมีตลาดอินเดียเข้ามาเพิ่มเติม ที่ยังรออยู่คือนักท่องเที่ยวจีน
แล้วในวันที่ 26 มิถุนายน นี้ ทางผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ จะร่วมกับ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ หารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยจะนำเสนอเพิ่ม “จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน-seat capicity” จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเส้นทางที่ยังไม่มีเที่ยวบินเข้ามายังเชียงใหม่ จึงจะต้องช่วยกันหาช่องทางวิธีดึงเที่ยวบินกลับเข้ามาอีกครั้งได้อย่างไรบ้าง
หลัก
ๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าเชียงใหม่ ปลายปี 2565 เป็นต้นไป จะมีนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียน
กลุ่มหลักคือ “มาเลเซีย” หากมีเที่ยวบินเข้ามาก็จะยิ่งดีเพราะชื่นชอบธรรมชาติ
เรื่อยไปจนถึง นักท่องเที่ยวพรีเมี่ยม จาก เมียนมา สปป.ลาว
ที่ชื่นชอบสินค้าท่องเที่ยวเวลเนสสปา ซึ่งเชียงใหม่มีโรงพยาบาลกรุงเทพ
มีบริการชาวต่างชาติ แล้วยังมีชาวต่างชาติพำนักในไทย (expat)
จากลำพูนเป็นลูกค้าหลักอีกตลาดด้วย
ผอ.สรัสวดี
กล่าวตอนท้ายว่า ปลายปี 2565 ต้องการจะเห็น
“ตลาดในประเทศ” คนไทยเที่ยวภาคเหนือ ทั้งจากคนภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพฯ ทาง
ททท.ได้คุยกับทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จัดงาน “ไหว้สาแม่ฟ้าหลวง”
เว้นว่างไม่ได้ทำมาหลาย 10 ปีแล้ว ในจังหวัดเชียงราย
จะจัดช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 ต่อเนื่องไปถึงเทศกาลดอกไม้ต่าง
ๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือกัน ในส่วน “ตลาดต่างประเทศ”
จะส่งเสริมเที่ยวบินนำนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้ามา
รวมทั้งหากจีนอนุญาตให้คนเดินทางออกมาเที่ยวได้เชียงใหม่ก็จะเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่ได้รับอานิสงนี้ทันที
เพราะชาวจีนชื่นชอบเชียงใหม่เป็นอันดับต้น ๆ นั่นเอง
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์ ออนไลน์+แอพลดส่งท้ายมิ.ย.เปิด2ดีลดีลดสูงสุด 60%
ช้อปสนุกทุกสิ้นเดือนกับ
คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ www.kingpower.com และ
คิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชัน ได้ ระหว่างวันนี้-30 มิถุนายน 2565
ยกขบวนสินค้าแบรนด์เนมราคาดิวตี้ฟรี กว่า 10,000 รายการ มาให้เฉพาะลูกค้าคนพิเศษในช่วงเวลาแห่งความสุขแบบไม่มีขีดจำกัด
ด้วยแคมเปญ “FASCINATING PAYDAY 7 วัน “
ช้อปสนุกทุกสิ้นเดือน พร้อมช้อปไอเทมเด็ด ทั้งเครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม
สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ แว่นกันแดด
ช้อปได้ง่ายๆ ไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ ฟรี ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รีบเลย 2 ดีลดี ดังนี้
ดีลที่ 1 โปรโมชั่นตลอด 7 วัน รับส่วนลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 4,000 บาท และลดเพิ่มทันที 5% เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท เพียงใส่รหัส FPJUN
ดีลที่ 2 เปิดดีลช้อปได้เฉพาะวันที่ 30 มิถุนายน 2565 24 ชั่วโมงเท่านั้น กับโปรโมชั่น FASCINATING PAYDAY POWER DEAL ดีลสุดคุ้มราคาพิเศษ เลือกช้อปสินค้าแบรนด์เนมราคาพิเศษ SELECTED ITEMS มากมาย ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 60% ไม่มีขั้นต่ำ ไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด
เปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์ได้ทุกวัน
สะดวกง่ายแค่ปลายนิ้ว พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 1,200 บาท
เพียงใส่รหัสส่วนลด SV Code รับรหัสได้จากพนักงาน คิง
เพาเวอร์ ทุกคน ส่วนลูกค้าใหม่สมัครสมาชิกทางออนไลน์รับไปเลยส่วนลดพิเศษ 200 บาท
ข่าวที่ 2 พูลแมนคิงเพาเวอร์เปิดควิซีนอันปลั๊กแจกโปรมื้อค่ำจองออนไลน์ลด30%
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ในเครือกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดโปรโมชั่นดี ๆ “มื้อค่ำสุดอลังการ” ชวนมาลองบุฟเฟต์ซีฟู้ดและบาร์บีคิว ที่ห้องอาหาร “ควิซีน อันปลั๊ก” ได้ทุกวันตั้งแต่ 18.00 – 22.30 น. ในราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 945 บาทสุทธิ หากจองออนไลน์รับส่วนลด 30% พบกับหลากหลายเมนูอาหารทะเลที่สดใหม่ให้คุณได้เลือกทาน เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กั้ง กุ้งแดง ปูม้า และกุ้งแม่น้ำ รวมถึงเนื้อวากิวออสเตรเลีย ขาแกะนิวซีแลนด์ หมูคุโรบูตะ และไก่ออร์แกนิกไทย
รายการพิเศษ
!! ทุกวันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ จะเสิร์ฟเพิ่ม ปูอลาสก้า หอยนางรมฟินเดอแคลร์ หอยนางรมเกาหลี ปลากะพงขาวอลาสก้า ปลาหมึก
เคบับไก่สไตล์อินเดีย ขาแกะตุ๋น 8 ชั่วโมง เนื้อวัว
และขาหมูเยอรมัน
จองออนไลน์ราคาสบายกระเป๋ารับส่วนลด
30% ระหว่างวันจันทร์ – วันพุธ 1,350 บาทสุทธิ/คน รวมน้ำเปล่า 1 ขวด วันพฤหัสบดี –
วันอาทิตย์ ราคา 1,850 บาทสุทธิ/คน รวมน้ำเปล่า 1 ขวด
สิทธิพิเศษ
จองออนไลน์ลด 30% เมื่อใช้บัตรสมาชิก
คิง เพาเวอร์ หรือบัตรแอคคอร์ พลัส รับส่วนลดตามสิทธิประโยชน์จากราคาปกติ ฟรีเด็กอายุ
0-5 ปี เด็กอายุ 6-11 ลด 50% จากราคาเต็ม
ข่าวที่ 3 ททท.โตเกียวใช้เรียลิตี้โชว์ญี่ปุ่นแฟนคลับ14.6ล้านรายบูมเที่ยวไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโตเกียว รายงานว่า ตลอดเดือนกรกฎาคม 2565 ผู้ผลิตรายการเรียลิตี้โชว์ The Bachelorette Japan Season 2 ซึ่งได้รับความนิยมสูงมากจากกลุ่มสตรีวัยรุ่น และคนวัยทำงานในญี่ปุ่นเตรียมเผยแพร่ออกอากาศสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำในเมืองไทยที่จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านแพลตฟอร์ม Prime Video ของ Amazon Prime Japan ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีสมาชิกมากที่สุด 14.6 ล้านเมมเบอร์ คิดเป็น 33 % จากผู้ให้บริการ Steaming Video ในญี่ปุ่น
ตามแผนจะทยอย 4 ครั้ง ครั้งละ 3 Episode ครั้งแรกเริ่มวันที่ 7 กรฎาคม 2565 มี Episode (Ep.) 1, 2, 3 ครั้งที่สอง วันที่ 14 กรกฎาคม Episode 4, 5, 6 ครั้งที่สาม วันที่ 21 กรกฎาคม Episode 7 & 8 Studio talk และ ครั้งที่สี่ วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 Episode 9 & 10, Final Rose Ceremony
สำหรับโครงการนี้ ททท.ร่วมกับ YD Creation บริษัทที่ได้รับสิทธ์ผลิตเรียลิตี้โชว์ The Bachelorette Japan Season 2 ให้บริษัท Warner Brothers และ Amazon Prime Japan โดยมีทีมงานนักแสดงจากญี่ปุ่น 65 คน เดินทางเข้ามาถ่ายทำรายการในเมืองไทยเมื่อเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2564 ที่เชียงใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการด้านสาธารณสุขของไทยช่วงสถานการณ์โควิด-19 และประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดกลุ่มสตรีวัยทำงานในประเทศญี่ปุ่น
ส่วน The Bachelorette Japan Season 2 เป็นรายการเรียลิตี้โชว์
ประเภทนัดเดท (Dating) โดยฝ่ายผู้หญิงที่เป็น Bachelorette
จะเป็นคนเลือกผู้ชายที่มาเดท
ซีซั่นนี้ผู้ผลิตรายการได้เลือกเซเลบริตี้เป็น The Bachelorette
Japan คือ Ms. Miki
Ozaki ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท DINETTE inc. เจ้าของเครื่องสำอางค์ญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์
PHOEBE Beauty Up ที่ฮิตฮ็อตมากในกลุ่มตลาดผู้หญิงวัยรุ่น
คนวัยทำงานนิยมมากที่สุด
สามารถเป็นแม่เหล็กดึงดูดชาวญี่ปุ่นให้สนใจเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย
หลังจากการทางผู้ผลิตได้เผยแพร่ออกสู่สายตาประชาชนทั่วประเทศญี่ปุ่น
ข่าวที่ 4 TCEBควงภูเก็ตบุกฝรั่งเศสชิงงานExpo 2028ดึงรายได้4.9หมื่นล้าน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำกับดูแลทีเส็บ ได้เดินทางไปสนับสนุนการนำเสนอชิงประมูลงาน Specialised Expo 2028 ที่จะดึงมาจัดเมืองไทยในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางคณะกรรมการ BIE :Bureau International des Expositions ได้ให้ทุกประเทศเดินทางไปเสนองาน ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งทริปนี้ทีมงานที่แข็งแกร่งร่วมอยู่ในการนำเสนองาน ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ผู้บริหารทีเส็บ และผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ รวมพลังกันทำงานอย่างเต็มที่
ตามขั้นตอนหลังเสร็จสิ้นการร่วมแข่งประมูลงาน
Specialised Expo 2028 ที่ฝรั่งเศสเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทางคณะกรรมการ BIE จะเดินทางมาภูเก็ตเพื่อสำรวจความพร้อมและรายละเอียดต่าง
ๆ ระหว่าง 25-29 กรกฎาคม
2565
และหากประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานในภูเก็ต
จะจัดระหว่างวันที่ 20
มีนาคม -17 มิถุนายน
2571 โดยตั้งเป้าจะมีคนเข้าชมงานประมาณ
4.9 ล้านคน
สร้างรายหมุนเวียน 49,000 ล้านบาท
เกิดการจ้างงานในพื้นที่กว่า 113,000
อัตรา
สำหรับการชิงประมูลงาน Specialised Expo 2028
ครั้งนี้ TCEB พร้อมทีมจากประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต
จะต้องนำเสนอข้อมูร่วมประมูลสิทธิแข่งกับ 4 ประเทศหลัก ได้แก่
1.อาเจนติน่า นำเสนอ Bariloche
stands for “Plan B to build a new beginning”, with the Expo project rooted in
the concept of “Nature + Technology = A new beginning”
2.อเมริกา
นำเสนอ Minnesota “Healthy People, Healthy Planet:
Wellness and Well-Being for All”, is based on the understanding that “healthy
populations depend on access to resources that only a healthy planet can
provide”
3.สเปน นำเสนอ Malaga, located in the
“dynamic & thriving” Costa del Sol, which attracts millions of tourists
every year
4.เซอร์เบีย นำเสนอ Belgrade, as
a meeting place of East and West, is “the perfect place to host Specialised
Expo 2027”
ทั้งนี้ก่อนการนำเสนอข้อมูลกับคณะกรรมการ
BIE ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการ
TCEB เข้าพบ
นายธนา เวสโกสิทธิ์ เอกอัครราชทูตไทย เพื่อนำเรียนความพร้อมในการนำเสนอ 1st Country Presentation ของที่ประชุมใหญ่
General Assemble ครั้งที่
170th และการจัด
Dinner Reception ของ
Phuket Night ที่
Aquarium de Paris
ข่าวที่ 4 “BFPL”ในกลุ่มบางจากชูบริการเครือข่ายส่งน้ำมันทางท่อครบวงจร
นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์
ผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (Bangkok Fuel Pipeline and Logistics Company Limited – BFPL) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท BFPL ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
พร้อมให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงและโลจิสติกส์อย่างครบวงจรแบบ Win- Win
Solution ขณะนี้ BFPL เปิดให้บริการระบบท่อขนส่งน้ำมันเบนซินและดีเซลจากคลังน้ำมันในกรุงเทพมหานครถึงคลังน้ำมันบางปะอิน
จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเครือข่ายขนส่งน้ำมันอากาศยานที่มีศูนย์จ่ายน้ำมันอยู่บางปะอินส่งน้ำมันอย่างต่อเนื่องไปยัง
2 สนามบินคือสุวรรณภูมิและดอนเมืองได้อย่างต่อเนื่อง เริ่ม 1 มกราคม 2565
โดย BPFL ได้ใช้จุดแข็งเรื่องความครบเครื่องหลังจากมีระบบขนส่งน้ำมันทางท่อเข้ามาเสริม
จากเดิมมีเฉพาะเครือข่ายขนส่งทางน้ำ ทางบก และตัวถังเก็บน้ำมัน ตอนนี้มีครบวงจรทั้งเรือ
รถ ถัง และท่อ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกรูปแบบการขนส่งเชื้อเพลิงที่หลากหลาย
เชื่อมต่อกันง่ายและเกิดความคุ้มค่าในเชิงต้นทุนได้มากที่สุด
สำหรับ
“เส้นท่อ” สามารถขนส่งน้ำมันได้หลากหลายทั้งดีเซล เบนซิน และน้ำมันเครื่องบิน
ผ่านการจัดการอย่างเป็นระบบ มีความปลอดภัยสูง
สร้างความมั่นใจตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงมือลูกค้า ข้อดีของการขนส่งทางท่อ คือ
ควบคุมเวลาได้ ตัดปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด ลดการใช้เชื้อเพลิง
ไม่มีเรื่องของเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งด้วยยานพาหนะ
ช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนได้อีกทาง
ซึ่งสิทธิการบริหารระบบท่อขนส่งน้ำมันยังครอบคลุมระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานเข้าสู่ท่าสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ตอบโจทย์กลุ่มใช้น้ำมันเครื่องบิน รวมถึง ท่อก๊าซธรรมชาติ เข้าสู่บริษัท บางจาก
ไบโอฟูเอล จำกัด บางปะอิน
โดยท่อขนส่งน้ำมันทุกวันนี้ยังมีศักยภาพรองรับการขนส่งน้ำมันได้อีกมาก
พร้อมให้บริการแก่หน่วยงานที่มองหาพาร์ทเนอร์จัดการด้านภาพรวมการขนส่งเชื้อเพลิง
ช่วงที่ 2 เที่ยวง่ายใกล้กรุง กับทริป “เที่ยวพิษณุโลก” สัมผัสวิถี “ชาวบ้านมุง” สุดแอดเวนเจอร์ที่สักครั้งในชีวิตได้ไปปีน “เขาล่องเรือตาหมื่น” ที่อดีตเมื่อ 300 ล้านปีเคยเป็นทะเลมาก่อน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จากนั้นก็แวะพักผ่อนชีล ๆ ที่ร้าน “นามุงคาเฟ่” จิบกาแฟหรือเครื่องดื่มเย็น ๆ กลางธรรมชาติ ตามด้วยเรื่อง “เคล็ดลับการปรับพฤติกรรมใหม่” ห่างไกลโรค NCDsได้ด้วย 5 เรื่อง และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ทอท.ประเมินผู้โดยสารปี65” ลุ้นสุดตัวได้45ล้านคนฟื้นแค่ 33 % ข่าวที่สอง “CEAผนึกกูรูดันซอฟท์เพาเวอร์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยขายได้ขายดี
ท่องเที่ยว- ทริปเที่ยวพิษณุโลกหน้าฝน“เขาล่องเรือตาหมื่น-คาเฟ่นามุง”สุดชีล
ทริปพักผ่อนต้อนรับหน้าฝนปน
ๆ ฤดูร้อน ใน “พิษณุโลก” กับการผจญภัยสายแอดเวนเจอร์ต้องชวนกันไปท้าท้ายปีนเขาหินปูนตระการตาสูงชัน
“เขาล่องเรือตาหมื่น” มีลักษณะคล้ายภาพวาด ในบรรยากาศยามเช้าและค่ำคืนที่มีความงดงามแตกต่างกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดให้เป็น 1 ใน Unseen New Series Thailand ด้วยลักษณะพิเศษของ
“เขาล่องเรือตาหมื่น” ท่ามกลางพื้นที่โล่งๆ กับภูเขาหินปูนทรงแปลกตา ที่บรรดาจอมพลังหนุ่มสาวนิยมไปทำกิจกรรมปีนเขาสุดท้าทายพร้อมหามุมถ่ายรูปที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน
“เขาล่องเรือตาหมื่น” เป็นภูเขาหินปูนแปลกตา สวยงดงามเข้ากับธรรมชาติ เหมาะกับสายแอดเวนเจอร์สุด ๆ ส่วนชื่อนี้มีที่มา ย้อนไปสมัยก่อนมีทหารยศนายหมื่นมาตัดต้นตะเคียนในเขาแห่งนี้ เพื่อนำไปทำเรือตอนนำไม้ตะเคียนลงเขาต้องล่องไม้ลงมาตามซอกเขา ชาวบ้านมุงเลยเรียกเขาล่องเรือตาหมื่น และหากย้อนไป 300 ล้านปี กล่าวกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นทะเลยุคทางธรณีกาลที่ชื่อว่า Permain ใต้ป้ายชื่อ พิชิตยอดเขา จะมีฟอสซิลปลาติดกับหินปรากฏให้เห็นด้วย
เสร็จภารกิจปีนเขาหินปูนแล้ว
ก็ลงสู่พื้นราบ มองหาร้านคาเฟ่เก๋ ๆ
วิถีใหม่ของชาวบ้านมุง อย่าง “นามุงคาเฟ่”
บริการร้านเครื่องดื่มเทรนด์สมัยใหม่พื้นที่โล่งๆ กับภูเขาหินปูนทรงแปลกตา
ทุ่งหญ้าเขียวๆ สลับกับแปลงดอกไม้บานความไม่ปรุงแต่ง และชีวิตที่สงบ
เรียบง่าย
กิจกรรมฮ็อตสุด ๆ เป็นประสบการณ์พิเศษต้องห้ามพลาด คือ จองที่พักนอนค้างแรม “โฮมเสตย์” ในชุมชน “กางเต๊นท์นอนดูดาว” แล้วตื่นเช้ามาใส่บาตรแล้วก็นั่งรถอีแต๊กเที่ยวชมวิถีชีวิตผู้คน สาย ๆ ออกเดินทางไปมุดถ้ำสวย ๆ เที่ยวน้ำตก ดูค้างคาวทุกวันตอนเย็น ค้างคาวหลายล้านตัวจะพากันบินออกจากถ้ำ เพื่อไปหากินภาพฝูงค้างคาวนับล้านๆ บนท้องฟ้า
มาเที่ยวชมวิถีบ้านมุงสักครั้ง แล้วลองปีน “เขาล่องเรือตาหมื่น”
นั่งชีล ๆ ร้านคาเฟ่เก๋ ๆ แล้วจะประทับใจไม่รู้ลืม ธรรมชาติช่วยเติมความสุขให้เราได้ทุกเวลา
สุขภาพ
-เคล็ดลับปรับพฤติกรรมใช้ชีวิตใหม่ห่างไกลโรคNCDsได้ด้วย5อย่าง
การมีพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตแบบผิด
ๆ มีผลต่อสุขภาพของทุกคนเป็นอย่างมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคที่สั่งอาหารได้สะดวก รวดเร็ว
ทำให้เกิดวิถีการกินแบบตามใจปาก หรือแม้กระทั่งการนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ
รวมทั้งการมีภาวะเครียดสะสม ส่วนหนึ่งนั้นมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบไม่ระวัง
โดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเตือนความเสื่อมสภาพของร่างกายเรานั่นเอง
ดังนั้นจึงนำเคล็ดลับปรับพฤติกรรมให้ห่างไกลจากโรค NCDs มาบอกมี 5 ข้อดังนี้
1.หากนั่งนานๆ ควรมีการขยับร่างการบ่อย ๆ และจัดท่วงท่านั่งที่สบายขึ้น
2.เลี่ยงการรับประทานรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด ลดการเติม
หรือปรุงอาหารด้วยเครื่องปรุงรส
3.หากต้องมีประชุมติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ควรพักเบรก เพื่อยืดเส้น ยืดสาย
แก้การปวดเมื่อยจากการนั่งท่าเดิม ๆ
4.พักผ่อนให้เพียงพอ
5.ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย
ลดการวิตกกังวล
ปัจจุบันกลุ่มโรค NCDs มีทั้งหมด 6 โรค ดังนี้ 1.โรคมะเร็ง/Cancer 2.โรคเบาหวาน/Diabetes Mellitus 3.โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ/Cardiovascular & Celebrovascular Diseases 4.โรคถุงลมโป่งพอง/Emphysema) 5.โรคความดันโลหิตสูง/Hypertension 6.โรคอ้วนลงพุง/Obesity
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ทอท.ยันประเมินผู้โดยสารปี’65ลุ้นสุดตัวได้45ล้านคนฟื้นแค่33%
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.หรือ AOT” รายงานว่า ได้จัดทำประมาณการการจราจรทางอากาศ ล่าสุดเดือนมิถุนายน 2565 คาดตลอดปีงบประมาณ 2565 จะมีผู้โดยสารใช้บริการรวม 45 ล้านคน กลับมา 33 % ด้วยจำนวนเที่ยวบิน 400,000 เที่ยว คิดเป็น 45 % เป็นสถิติที่เปรียบเทียบกับสถานการณ์ก่อนเกิดโควิด-19
อีกทั้ง ทอท.ยังได้ประมาณการณ์ปีงบประมาณ 2566 จะมีผู้โดยสาร 96 ล้านคน ฟื้นกลับมา 68 % และมีเที่ยวบิน 665,000 เที่ยว กลับมาได้ 74 % ปี 2567 จะมีผู้โดยสาร 142 ล้านคน จะกลับมา 99 % โดยมีเที่ยวบิน 892,000 เที่ยว ฟื้นกลับมา 99 %
ในการทบทวนประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศยังคงมีหลายปัจจัยสำคัญที่ยังต้องจับตาพร้อมติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น 1.นโยบายการเปิดประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน 2.โอกาสการกลับมาระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หรือ 3.โรคระบาดอื่น ๆ 4.ผลกระทบของสงครามรัสเซียยูเครน
ทั้งนี้ ทอท.เคยทำประเมินสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2564 พบว่ามีปัจจัยที่มีนัยสำคัญส่งผลต่อผู้โดยสารที่จะตัดสินใจเดินทางของผู้โดยสาร โดยเฉพาะ “ตลาดต่างประเทศ” ประกอบด้วย
ปัจจัยแรก - เชิงนโยบาย ได้แก่ การเปิดประเทศที่รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 มีผลให้สายการบินต้องปรับลดตารางการบิน (slot) และอัตราบรรทุกผู้โดยสารลดลงตามไปด้วย
ปัจจัยสอง -มาจากภายนอก ซึ่งได้แก่นโยบายของประเทศต่าง ๆ ในการเปิดประเทศเหมือนไทยโดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามในยูเครน
ทอท.ได้รวบรวมปัจจัยดังกล่าวเพื่อเดินหน้าจัดทำแผนทบทวนประมาณการปริมาณจราจรทางอากาศให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยใช้ฐานผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริงปี 2565 ประกอบกับข้อมูลการขอจัดสรรตารางการบินฤดูหนาวเดือนตุลาคม
2565 หรือฤดูกาลท่องเที่ยวปีงบประมาณ 2566 ยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเที่ยวบินจีน ซึ่งเป็นตลาดนักเดินทางหลักของไทยก่อนเกิดโควิด-19 เข้ามาไทยปีละเกือบ 10 ล้านคน
ข่าวที่สอง -CEAระดมกูรูดันพลังSoftPowerเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยขายได้ขายดี
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับภาคเอกชน บริษัท เวรียนส์ แอนด์ พาร์ทเนอส์
จำกัด จัดงาน Creative
Economy Forum Thailand 2022 เวทีส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้
ประสบการณ์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เข้าร่วม’ได้มีส่วนร่วมพัฒนาและผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยให้ก้าวไปข้างหน้า
ขานรับนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย (Creative Economy) เป็นจุดเริ่มการผลักดันพลัง
Soft Power เป็นจุดเริ่มต้นของประเทศไทยที่สะท้อนคุณค่าและตัวตนของชาติ
ที่สามารถส่งออกให้ต่างชาติยอมรับ ที่ต้อง ‘ขายได้และขายดี’
โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ขึ้นเวทีนำเสนอในหัวข้อ Steering the Growth of
Creative Economy amid Technological and Pandemic Disruption เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยก้าวไปด้วยเทคโนโลยี
ท่ามกลางโรคระบาดอุบัติใหม่ ในวันที่ 23 มิถุนายน 2565
ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น M TCDC กรุงเทพฯ
โดยมี
ดร.อรรชกา
สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นประธาน ปาฐกถาในหัวข้อ ภาพรวมสถิติ
บทบาท และวิสัยทัศน์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
หน่วยงานรัฐบาลที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ให้ขับเคลื่อน GDP ของประเทศไทย
ส่วนผู้เชี่ยวชาญได้นำเสนอ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
ประเด็นที่ 1 “อนาคตอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย หลังพลิกฟื้นจากโควิด-19 และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี” โดย ดร. สุวิทย์
เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดร. เสาวรัจ
รัตนคำฟู ผู้อำนวยการวิจัย
ด้านนโยบายนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และ ดร. ชาคริต พิชญางกูร
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
ประเด็นที่ 2 เศรษฐกิจสร้างสรรค์กับการขับเคลื่อนภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ โดยนายศิริปกรณ์
เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางสุวรรณี
สุวรรณแสงโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน)
นายธีรทัศน์ กรุงแก้ว ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และบริหารการลงทุน
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
ประเด็นที่ 3 นวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่การยกระดับอัตลักษณ์พื้นถิ่นให้เป็น Soft
Power
โดย ดร. ศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา
บริษัท เน็ตฟลิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ทิฆัมพร
ภูพันนา นักสร้างสรรค์ตัวแทนกลุ่มหมอลำโฮโลแกรม
ดร.กรกต อารมย์ดี เจ้าของแบรนด์ KORAKOT งานหัตถกรรมดีไซน์ ลักษมณ์ เตชะวันชัย ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยี
บริษัท มวยไทย ไอ.กล้า จำกัด
และรองประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และสุทธิพงษ์ สุริยะ ผู้สร้างแบรนด์
Karb
Studio และผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น