ผู้นำททท.กอดคอธุรกิจเอกชนเร่งเกมบุกเทรดโชว์โกยตลาดโลก4ทวีปจ่อนำเข้ารัสเซีย1ล้านคน+รุกลูกค้าIMEI-บูมเราเที่ยวด้วยกันเฟส4หมื่นล้าน
ผู้นำททท.กอดคอธุรกิจเอกชนเร่งเกมบุกเทรดโชว์โกยตลาดโลก4ทวีป
จัดTTM+2022กระหึ่มภูเก็ต-จ่อนำเข้ารัสเซีย1ล้านคน+รุกลูกค้าIMEI
ดัน!!เราเที่ยวด้วยกันเฟส4ต่อขยาย27มิ.ย.กระจายเงินทั่วไทยหมื่นล้าน
คิงเพาเวอร์แจกโปรMidYearSaleแจกส่วนลด+ฟรีเงินช้อปถึง30มิ.ย.นี้
ช้อปสุดคุ้ม4บริการคิงเพาเวอร์@Line-ออนไลน์-Call & Chat to Shop
คิงเพาเวอร์โปรLONGLAIลด20%+เปิดมหานครชั้น76เสิร์ฟเม็กซิกันแท้
ททท.โชว์ซอฟท์เพาเวอร์ไทยชูอาหารถิ่น+ดนตรีกระหึ่มงานTTM+2022
“TCEB”เปิดใหญ่Thailand
MICE: Meet the Magicแคมเปญบุกไมซ์โลก
กลุ่มบางจากหนุนปั้นอาชีพเด็กโปรเจ็กต์‘อาชีวะพัฒนาพลังงานยั่งยืน’
เที่ยวง่ายสุดชีลตะลอนชิมทุเรียนภูเขาชะอมแก่งคอย1เดียวในสระบุรี
แนะนำวัยทำงานอย่านิ่งต้องออกกำลังกายอย่าน้อย150นาที/สัปดาห์
คมนาคมดันโร้ดแมฟฟื้นอุตบินเมืองไทยปี68ปั๊มผู้โดยสาร167ล้านคน
นายกฯลุงตู่แจกยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวSMILEสู่ยั่งยืนโกยเงินตลาดโลก
วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#ตลาดท่องเที่ยวใหม่IMEI #ชิมทุเรียนภูเขาชะอมแก่งคอย
#คิงเพาเวอร์MidYearSale
ฟัง Live สด QFM97 จากลิงค์นี้...
https://fb.watch/dzS_JmvBJQ/
ช่วงที่
1 รุกทุกเกมโกยรายได้ตลาดโลกกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฟื้นงาน TTM +2022
วัดใจคู่ค้าทั่วโลกได้กว่า 1,290 ล้านบาท อัดฉีด
“ตลาดยุโรป”ใช้เงินพุ่งกระฉูดสองเท่า 80,000 บาท/คน/ทริป
ฝ่าสงครามผนึกเอเย่นต์ทำชาเตอร์ไฟลต์ขนรัสเซียเที่ยวไทย ส.ค.-ธ.ค.นี้ 1 ล้านคน
ลั่นปรับเป้า “ตะวันออกกลาง”ฉลุย 3.25 ล้านคน
ดันตลาดเทรนด์ใหม่ IEMI
: อินเดีย+ตะวันออกกลาง+อินโดนีเซีย
เต็มรูปแบบ ส่วนในประเทศ เคลื่อนทัพ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ต่อขยาย”
เริ่มเปิดจอง 27 มิ.ย.65 โชว์ผลงานกระจายรายได้ทั่วไทย
10,000 ล้านบาท
จังหวัดท็อปเทน ธุรกิจโรงแรม ร้านค้า ฟื้นถ้วนหน้า
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.ได้นำงานท่องเที่ยวกลับมาจัดอีกครั้งหลายงานด้วยกัน อย่าง Thailand Travel Mart Plus :TTM +2022 เมื่อ
8-10 มิถุนายน
2565 ที่จังหวัดภูเก็ต
ตั้งเป้าหมายนำรายได้ถึง 1,290
ล้านบาท
จากจำนวน 8,900 นัดหมาย
ซึ่ง
ททท.ได้นำรูปแบบการจัดเป็นไฮบริดตามกระแสความต้องการของผู้ประกอบการในประเทศและทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ต้องจัดแบบออนไลน์ตอนนี้ขอเดินทางมาร่วมงานจริงออนไซด์มากขึ้น
จึงมีผู้ซื้อต่างประเทศเข้างานมากถึง 275 ราย 45 ประเทศ
แบ่งเป็นเข้าร่วมจริงในภูเก็ต 220 ราย 42 ประเทศ และเข้าร่วมผ่านออนไลน์อีก 3
ประเทศ จีน ฮ่องกง และ Trade
Visitors อีก 28 ราย จากซาอุดิอาระเบีย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยมีกลุ่มผู้ซื้อลงทะเบียนเข้ามาร่วม TTM +2022 ครั้งนี้มากเกือบ 46 % มาจากกลุ่มตลาดใหม่และเดิมของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย แสดงความสนใจค่อนข้าง เป็นการกระจายทั้งตลาดระยะใกล้ และระยะไกล
รวมทั้งก่อนหน้านี้ ททท.นำผู้ประกอบการเข้าร่วมโรดโชว์และเทรดโชว์ท่องเที่ยวเชิงรุกในตลาดยุโรป เมื่อย้อนไปก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ททท.นำเข้านักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าประเทศปี 2562 มากถึง 40 ล้านคน แต่พอปี 2563 เหลือแค่ 6.7 ล้านคน ปี 2564 เหลือเพียง 44,000 คนเท่านั้น แต่รัฐบาลไทยได้เพิ่มมาตรการผ่อนคลายเริ่มจากโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ จังหวัดภูเก็ต จากนั้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ประกาศยกเลิกการใช้ Test & Go ตรวจหาเชื้อโควิดจากผู้เดินทางเข้าประเทศ
ปรากฎว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม -6 มิถุนายน
2565 ทำได้มากถึง
1.4
ล้านคน นั่นหมายความตัวเลขปัจจุบันเกินจากตลอดทั้งปีแล้วไปถึง 1 ล้านคน
การเติบโตก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากกลยุทธ์ของ
ททท.ลุยทำหมดทั้งโร้ดโชว์และเทรดโชว์
ตลาดประเทศไหนเปิดก็เดินทางไปทำทันทีประกอบด้วย ลูกค้ารายใหญ่ 4 ทวีป
1.ตลาดยุโรป ททท.นำเอกชนไปทำการขาย 3 ประเทศหลัก
ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม
2.ตลาดอเมริกาก็เข้าร่วมงาน Romance Travel Forum 2022 ทาง
ททท.สำนักงานนิวยอร์ก เข้าร่วมขายในงาน Sea Trade
เน้นบุกเจาะตลาดคุณภาพกลุ่มท่องเที่ยวเรือสำราญ
เพื่อดึงผู้มีรายได้สูงเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย
3.ตลาดตะวันออกกลาง
ททท.นำเอกชนท่องเที่ยวไทย 25
ราย
เข้าร่วมการขายในงาน ATM
2022 -Arabian Travel Mart กรุงดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
4.ตลาดเอเชียใต้ SATE 2022 -South Asia’s Travel & Tourism
Exchange (SATTE) 2022 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
สามารถสร้างผลสาเร็จทางธุรกิจ 6,895 นัดหมาย
สามารถสร้างรายได้กลับเข้าไทยประมาณ 689.44 ล้านบาท
ล่าสุดได้ประชุมกับทางผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคยุโรป และตะวันออกกลาง ทั้งหมด โดยได้ปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวใหม่ที่จะนำเข้าประเทศไทย ปรับเพิ่มขึ้นในปี 2565 เป็น 3.25 ล้านคน จากเดิมไม่เกิน 2.8 ล้านคน นั่นหมายความว่าเป้าหมายใหม่ต้องขยับเพิ่มอีกกว่า 450,000 คน
ทั้งนี้ตลาดยุโรปที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยหลังโควิด-19 มีการใช้จ่ายเงินสูงขึ้นตั้งแต่ไทยเปิดแซนด์บ็อกซ์เฉลี่ย 60,000-70,000 บาท/คน/ทริป จากปี 2562 ใช้จ่ายเฉลี่ย 47,000 บาท/คน/ทริป โดยภาพรวมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 7,000 บาท/คน/ทริป เป็นผลมาจากการพำนักนานวันมากขึ้น และจากการได้มีโอกาสพูดคุยกันทางสถานฑูตไทยประจำกรุงปารีส ฝรั่งเศส ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้มีผู้ต้องการยื่นวีซ่าต้องการพำนักมากกว่า 30 วัน/คน/ทริป นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปเข้าไทยต่อคนต่อทริปสูงขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับขึ้นไปถึง 80,000-90,000 บาท/คน/ทริป ด้วย
แล้วยังได้พิจารณาเพิ่มตลาด
“รัสเซีย” ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
ตั้งเป้าจะนำเข้ามาภายในปีนี้ประมาณ 1 ล้านคน
ททท.ได้พูดคุยกับทางเอเย่นต์ต่าง ๆ พบว่าตอนนี้ยังการบินยังทำไม่ได้ตามปกติ
เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์สงคราม ดังนั้นจึงร่วมกันพยายามนำอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเครื่องบินกลับมาเดินทางอีกครั้งให้ได้อย่างน้อย
50 % ของเดิมที่เคยทำไว้เมื่อปี
2562
ถึงแม้ตลาดรัสเซียจะมีความซับซ้อนอยู่บ้าง ถึงแม้จะมีสายการบินแต่ก็ยังไม่สามารถให้บริการได้ตามปกตินั้น ททท.จะเป็นคนกลางจะหารือกับบริษัทเอเย่นต์และสายการบินเปิด “เที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือ Charter Flight” เพื่อเพิ่มเที่ยวบิน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวปัจจุบันมีมากถึง 3 เท่า จึงต้องหาที่นั่งมาเพิ่มแล้วโอกาสที่จะได้เห็นนักท่องเที่ยวรัสเซียกลับมาเที่ยวเมืองไทยจะเริ่มตั้งแต่ซัมเมอร์นี้ คือ สิงหาคม-กันยายน 2565 ต่อเนื่องถึงฤดูท่องเที่ยวหน้าหนาวหรือ winter ทางบริษัทเอเย่นต์ยืนยันกับ ททท.ว่าสามารถเพิ่มรัสเซียได้เกินเป้าหมายรวมกว่า 1 ล้านคน
สำหรับอุปสรรคการใช้จ่ายเงินสกุลรูเบิ้ลของนักท่องเที่ยวรัสเซียซี่ปัจจุบันอาจจะไม่คล่องตัวนั้น
มี 2 วิธี
คือ 1.นักท่องเที่ยวรัสเซียควรจะถือเงินสกุลสากลที่เข้ามาใช้ได้ในเมืองไทย
2.นักท่องเที่ยวบางส่วนก็อยากใช้รูเบิ้ลเพราะค่าเงินแข็งสามารถแลกเป็นเงินได้มูลค่ามากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนในอนาคตเมื่อนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ททท.ก็จะหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กำจัดอุปสรรคเหล่านี้
เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นตลอดการท่องเที่ยวอยู่ในเมืองไทย
ซึ่งจะเป็นผลดีกับประเทศในช่วงที่ต้องการฟื้นเศรษฐกิจด้วย
สำหรับตลาดระยะใกล้
ระหว่างมกราคม-ต้นมิถุนายน 2565 มีแซกเข้ามาติดอันดับ 1 ใน 5 ที่เดินทางเข้าเมืองไทยด้วย
ได้แก่ อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย
ดังนั้นโอกาสที่
ททท.จะปิดการขายปี 2565 นำนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าเมืองไทย
7-10
ล้านคน ตามนโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย่อมเป็นไปได้สูงมาก
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักที่ตลาดยุโรป และเอเชีย
ต้องการพักผ่อน คือ เมืองติดท็อปยอดนิยม 5 อันดับแรก
ยังคงเป็นจังหวัดหาดทรายชายทะเล ภูเก็ต สมุย(สุราษฎร์ธานี) พัทยา(ชลบุรี)
และเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่
ส่วนตลาดระยะใกล้หรือ Shorthaul จะเติบโตในพื้นที่ด่านชายแดนทางบกระหว่างไทย-มาเลเซีย 8 ด่าน ส่งผลให้มาเลเซียเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยมากเป็นอันดับที่ 2 ของทั้งหมด ตั้งแต่ 1 มกราคม-5 มิถุนายน 2565 มีมากถึง 104,198 คน
ขณะนี้
ททท.มุ่งเน้นเพิ่มฐานนักท่องเที่ยวที่เรียกว่าตลาดอีมี่ IEMI : I ตัวแรก
คือ อินเดีย ME คือ Middle East หรือตะวันออกกลาง
และ I ตัวสุดท้าย
คือ อินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 2 I มีประชากรค่อนข้างมาก
เมื่อเปิดประเทศนักท่องเที่ยวก็ต้องการเดินทางออกต่างประเทศมายังไทย โดยเฉพาะ
ตะวันออกกลาง ต้องขอบคุณ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ที่ไปฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย จึงได้เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยดูจากแนวโน้มของสายการบินซาอุดิอาระเบียจะเพิ่มเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯมากขึ้น
รวมทั้งบินตรงเข้าภูเก็ตด้วย
ทางด้านการทำตลาดเชิงรุก
“ในประเทศ” ไฮไลต์โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ส่วนขยาย”
เป็นการใช้งบประมาณส่วนที่ค้างมาจากเฟส 4 ที่รัฐให้การสนับสนุนนักท่องเที่ยวจองสิทธิ์พักโรงแรมไม่เกิน
3,000 บาท/คน/คืน
แต่ข้อเท็จจริงแล้วใช้เพียง 1,200-2,000 บาท/คน/คืน
ซึ่งไม่ได้ใช้เงินสูงขนาดนั้น จึงทำให้มีเงินเหลือพอนำมาใช้ต่อเนื่องในเฟส 4 ต่อขยาย
จากไทม์ไลน์ที่ได้หารือกัน
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์จะต้องทำธุรกรรมผ่านระบบ
“เป๋าตังค์”ของธนาคารกรุงไทย ตอนนี้มีพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA :Personal Data Protection Act เพราะฉนั้นจึงจะต้องจัดการนำเข้าเอกสาร
การยอมรับการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลใหม่ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มิถุนายน
2565 จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนไทยเข้าร่วมได้ตามระยะเวลาเริ่มโครงการ ดังนี้
1.วันที่ 27 มิถุนายน 2565 เปิดให้ลงทะเบียนสาหรับประชาชนผู้ไม่เคยใช้สิทธิ
2 วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 จะเป็นวันแรกของการเปิดให้จองโรงแรมที่พัก
3.วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 จะเป็นวันแรกในการเดินทาง เข้าพัก และลงทะเบียนค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ซึ่งสามารถเข้าไปจองตั้งแต่ 3 กรกฎาคม 2565
4.วันที่ 23 ตุลาคม 2565 จะเป็นวันสุดท้ายของการจองโรงแรมที่พัก
5.วันที่ 31 ตุลาคม 2565 จะเป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง หรือสิ้นสุดโครงการ
6.วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 จะวันสุดท้ายของการลงทะเบียนค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน
7.วันที่ 30 ธันวาคม 2565 จะเป็นวันสุดท้ายในการเบิกจ่ายเงินจากโครงการ
สำหรับ “ผู้ประกอบการท่องเที่ยว” ที่เปิดให้เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ต่อขยาย ทาง ททท.ไม่ได้เพิ่มจำนวนใหม่เข้ามา เนื่องจากมีจำนวนมากพอสมควรแล้ว รวมทั้งหมด 8,921 แห่ง แบ่งเป็น 1.เป็นโรงแรมทั่วประเทศไทย 5,293 แห่ง 2.ร้านค้า ร้านอาหาร 3,343 ร้าน 3.อื่น ๆ ทั้งแหล่งบริการท่องเที่ยว รถ เรือ สปา อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่จึงไม่ได้เข้ามาเพิ่มแต่อย่างใด
ส่วน
“ประชาชนไทย” ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4
ฐานข้อมูลเดิมมีอยู่ 9.8 ล้านคน
สามารถใช้สิทธิ์ต่อในเฟส 4
ต่อขยายได้ตามปกติ
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดทำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”ตั้งแต่ เฟส 1- เฟส 4 มีรายได้กระจายเข้าระบบเศรษฐกิจเกือบ
10,000 ล้านบาท
เป็นรัฐสนับสนุน 40 % ประชาชนจ่ายเอง
60 % ซึ่งทำให้ธุรกิจพออยู่ได้
จากเม็ดเงินในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส
4 ช่วง 1 กุมภาพันธ์ -31 พฤษภาคม 2565 ประชาชน ลงทะเบียนสะสมทั้งหมด 9.60
ล้านคน มีมูลค่าห้องพักที่จองทั้งหมด
7,118.81 ล้านบาท ประกอบด้วยประชาชนจ่ายเอง 4,435.56 ล้านบาท รัฐสนับสนุนอีก
2,683.25 ล้านบาท จากราคาเฉลี่ยห้องพักต่อคืนจอง 3,606 บาท จองโรงแรมรวมทั้งสิ้น 4,728 แห่ง
สำหรับ “พื้นที่มีนักท่องเที่ยวเลือกเข้าเดินทางเข้าไปใช้บริการมากที่สุด”
ในจังหวัดยอดนิยมที่มียอดจองห้องพักโรงแรมคิดเป็น 78 % เรียงตามลำดับคือ 1.ภูเก็ต 884 ล้านบาท 2.ชลบุรี 839 ล้านบาท 3.ประจวบคีรีขันธ์ 754
ล้านบาท 4.กระบี่ 709 ล้านบาท 5.สุราษฎร์ธานี467
ล้านบาท 6.เพชรบุรี 412
ล้านบาท 7.ตราด 405 ล้านบาท 8.พังงา 399 ล้านบาท 9.กรุงเทพฯ 364
ล้านบาท และ 10.ระยอง 301 ล้านบาท
ขณะที่ “ยอดการใช้คูปองใช้จ่ายผ่าน อี-โวเชอร์”
10 จังหวัดแรก
คิดเป็นยอดรวมคิดเป็นประมาณ 75 % ประกอบด้วย 1.ภูเก็ต 207 ล้านบาท 2.กระบี่ 206 ล้านบาท 3.ชลบุรี 180 ล้านบาท 4.ประจวบคีรีขันธ์ 136
ล้านบาท 5.กรุงเทพฯ 103
ล้านบาท 6.พังงา 99 ล้านบาท 7.สุราษฎร์ธานี 92 ล้านบาท 8.ตราด 87 ล้านบาท 9.เพชรบุรี 76
ล้านบาท 10.เชียงใหม่ 57 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 มีการกระจายตัว เป็นที่น่าพอใจ
จึงเป็นโครงการที่สามารถช่วยฟื้นธุรกิจภาคเอกชนได้พอสมควร
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 -คิงเพาเวอร์แจกโปรMidYearSaleแจกส่วนลด+ฟรีเงินช้อปถึง30มิ.ย.นี้
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้ปรับกลยุทธ์ตลาดการขายด้วยบริการใหม่เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของการดำเนินชีวิตหลังโควิด-19
จึงได้นำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบการบริหารจัดการธุรกิจ โดยวางเป้าหมายบูรณาการโปรแกรมการช้อปปิ้งให้สามารถสร้างประสบการณ์ความคุ้มค่า
ความสะดวกรวดเร็ว เพื่อให้นักเดินทางได้รับประสบการณ์ที่เดียวจบท่องเที่ยครบวงจร
ขณะนี้คิง เพาเวอร์ ได้พัฒนาช่องทางการช้อปปิ้งรองรับได้ทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งกับลูกค้าที่มีไฟลต์บินและไม่มีไฟลต์บินเข้าถึงการช้อปได้ง่ายอย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ภายใต้แนวคิด “King
Power The Infinite Shopping Beyond Boundaries ที่สุดแนวคิดของการช้อปปิ้งไร้ขีดจำกัด”
ด้วยประสบการณ์ใหม่ 4 ช่องทาง 1.ฟีเจอร์ใหม่ Line @kingpower 2.www.kingpower.com แล้วกดใช้บริการ
KING POWER CLICK&COLLECT เพื่อรับสินค้าที่สนามบินขาเข้า-ขาออก 3.KING POWER CHAT TO SHOP และ
4.KING POWER CALL TO SHOP
เพื่อต้อนรับช่องทางการช้อป
คิง เพาเวอร์ ด้วยเทคโนโลยีครบจบที่เดียวด้วยฟีเจอร์ใหม่ จึงได้จัดแคมเปญ MID YEAR SALE 360 องศา
SHOP AND WANDER ระหว่างวันนี้ – 30 มิถุนายน 2565 ด้วยโปรโมชั่นพิเศษรัว ๆ ดังนี้
1.เพียง Add LINE: @kingpower รับฟรี! คูปองส่วนลด 1 ใบ มูลค่า 1,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
2.สะสมยอดช้อปครบ 8,000 บาท (สุทธิ) ภายในวันเดียวกัน
รับกะรัตรีวอร์ด เพิ่ม 10 เท่า รวมทั้งสิ้น 800 กะรัต โดย 1 กะรัต มีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าที่ คิง เพาเวอร์
หรือใช้แลกรับสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์จากร้านค้า โรงแรม
สปาและฟิตเนสที่ร่วมรายการ
3.รับความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เมื่อซื้อ
CASH CARD 10,000 บาท รับฟรี GIFT CARD มูลค่า 3,000 บาท และซื้อ CASH CARD 23,000 บาท รับฟรี GIFT CARD 7,000 บาท
4.รับฟรี! พวงกุญแจ DISNEY จำนวน 1 ชิ้น เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,000บาทขึ้นไป (สุทธิ) (จำกัด 20,000 สิทธิ์ ตลอดรายการ)
5.พิเศษ!
สมัครสมาชิกใหม่ได้เงินช้อปเพิ่ม สมัครสมาชิกใหม่ SCARLET เพียงเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 6,000 บาท
รับวงเงินช้อปเพิ่มทันทีอีก 1,500 บาท และสมัครสมาชิกใหม่
ONYX เพียงเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 60,000
บาท รับวงเงินช้อปเพิ่มทันทีอีก 18,000 บาท
ยอดเงินที่ใช้ในการสมัครสมาชิกฯ สามารถนำมาใช้ ช้อปปิ้งได้เต็มจำนวน)
ข่าวที่ 2 ช้อปสุดคุ้ม4บริการคิงเพาเวอร์@Line-ออนไลน์-Call&Chat to Shop
คิง เพาเวอร์ แนะนำ
นักเดินทางขาช้อปพบประสบการณ์ใหม่ล่าสุดการช้อปจบครบที่เดียวด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้น
“คิง เพาเวอร์” พร้อมมอบประสบการณ์เทรนด์ใหม่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทันใจ ได้จาก 4 ช่องทาง ดังนี้
ช่องทางที่ 1 อัพเกรดใหม่ ฟีเจอร์ KING POWER
LINE OFFICIAL ในชื่อ @kingpower ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการตลาดสำคัญที่นำมาใช้สื่อสารกับลูกค้าได้มากกว่าปกติ
ไม่เฉพาะการให้ LINE ทำหน้าที่เพียงโปรโมชั่นฮับเพียงอย่างเดียว โดยนำฟีเจอร์ใหม่การใช้งาน LINE มากกว่าเดิม ซึ่งทาง คิง เพาเวอร์ คาดการณ์จะตอบสนองและช่วยสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะเจาะจงแก่สมาชิก
คิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติแบบ 1 on 1 ซึ่งมีฐานผู้ใช้ LINE อยู่แล้วกว่า
12 ล้านราย
นับจากนี้เป็นต้นไปแอดเพิ่ม
@kingpower ฟีเจอร์ใหม่เพื่อปรับการใช้งานเพิ่มขึ้นในหลายมิติ
ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือทางการตลาดบูรณาการเชื่อมโยงโซลูฮับแบบครบวงจร
หรือ Total CRM Solution Hub ช่วยให้นักช้อปหรือผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
ถึง 6 บริการ ด้วยกัน คือ
1.สิทธิประโยชน์ของสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ 2.โปรโมชั่น
3.ช่องทางเลือกบริการช้อปปิ้งได้ทันที 4.ค้นหาร้านค้าและผลิตภัณฑ์หมวดต่าง
ๆ 5.ช่องทางการสื่อสารโดยมีผู้ช่วยแนะนำระหว่าง คิง เพาเวอร์
กับลูกค้า 6.การค้นหาสินค้า บริการ ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว
ช่องทางที่ 2 การช้อปผ่าน คิง
เพาเวอร์ ในระบบออนไลน์ อยู่ไหนก็ช้อปได้ 24 ชั่วโมงผ่านทางเว็บไซต์ www.kingpower.com
หรือแอพลิเคชั่น King Power Application เลือกช้อปได้ทั้งสินค้า
ดิวตี้ ฟรี ของนักเดินทางที่มีไฟลต์บิน
ช้อปเสร็จเรียบร้อยก็ใช้บริการ KING
POWER CLICK&COLLECT ควบคู่กันไปเพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้งได้จนถึงนาทีสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องถึง
2 ชั่วโมง โดยสามารถรับสินค้าง่ายขึ้นตรงสนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก ประการสำคัญยังสามารถช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพในรูปแบบโฮม
เดลิเวอรี่ ส่งถึงบ้านได้ด้วย
ช่องทางที่ 3 KING POWER CHAT TO SHOP แค่แชทก็ช้อปได้กับ
คิง เพาเวอร์ ผ่าน LINE @KP_ChatToShop ตั้งแต่ 09.00-21.00
น.
ช่องทางที่ 4 KING POWER CALL TO SHOP จบทุกการช้อปด้วย Shopping
Assistant โทร.02-3387870 ช้อปเพลิดเพลินสบาย
ๆ ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-21.00 น.
ขณะนี้ช่องทางบริการช้อป คิง เพาเวอร์ ทั้ง 4 เทรนด์ ได้พัฒนาโปรแกรมเชื่อมโยงบริการแบบครบวงจร เพื่อให้นักช้อปการเข้าถึงสินค้าได้ด้วยการย่อโลกการสื่อสารมาไว้จบครบที่เดียวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นักช้อป
นักเดินทาง ทั้งคนไทยและต่างชาติ สามารถที่จะช้อป คิง เพาเวอร์ ได้ทั้ง 4 ช่องทาง 4 เทรนด์ใหม่ แบบง่าย ๆกับ #คิงเพาเวอร์ไม่บินก็ฟินได้ #360ShoppingWander
โดยสามารถช้อปได้ทั้งทางออนไลน์และออนกราวนด์หน้าร้านที่ คิง
เพาเวอร์ ในเมืองอีก 4 สาขา ได้แก่ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต
และศรีวารี (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์) ห้ามพลาดเลือกช้อปอย่างตามสบายด้วยบริการ
CHAT TO SHOP , CALL TO SHOP และ www.kingpower.com
ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์โปรLONGLAIลด20%+มหานครชั้น76เสิร์ฟเม็กซิกันแท้
ช้อปสนุกทุกวันที่
“คิง เพาเวอร์” มอบความพิเศษโปรโมชั่นสินค้าแฟชั่นแบรนด์คนไทย LONGLAI
จัดเต็ม “Special
Promotion! Enjoy 20% off and Get Free Gift” สนุกกับการชอปกระเป๋าใบใหม่ตลอดเดือนมิถุนายน
วันนี้ -30 มิถุนายน2565 เพียงซื้อสินค้าแบรนด์ LONGLAI รับส่วนลดทันที 20% พิเศษยิ่งกว่า
ชอปครบ 2,500 บาท รับฟรี Longlai
eva mini bag red มูลค่าสูงถึง
3,200บาท
กินอร่อยที่โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก
มหานคร เปิดแล้ว ห้องอาหารสุดหรูเสิร์ฟเมนูสไตล์เม็กซิกันแท้ ๆ บนชั้น 76 เพื่อให้ผู้ที่หลงรักอาหารได้สัมผัสรสชาติอันจัดจ้านในสไตล์เม็กซิกันแท้
นำทีมโดยเชฟมากฝีมือ Francisco Paco Ruano เสิร์ฟตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ครบทั้งมื้อกลางวัน ตั้งแต่ 11.30น ถึง 14.30น และมื้อค่ำตั้งแต่ 17.30น เป็นต้นไป
สำรองที่นั่งได้ที่ https://bit.ly/3PSdnk4 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มทาง LINE
OA ได้ที่
@ojobangkok
ข่าวที่
4 ททท.โชว์ซอฟท์เพาเวอร์ไทยอาหารถิ่น+ดนตรีกระหึ่มงานTTM+2022
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.
เร่งยกระดับศักยภาพห่วงโซ่อุปทานและสร้างโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 ฟื้นจัด Thailand
Travel Mart Plus 2022 (TTM+ 2022)
งานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ระหว่าง 8-10
มิถุนายน 2565 ณ โรงแรมอังสนา ลากูน่า จ.ภูเก็ต ตั้งเป้าจะสร้างรายได้จากท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำก่า
1,290 ล้านบาท ถือเป็นการกลับมาจัดงาน TTM+ อีกครั้งในรอบ 2 ปี จัดด้วยรูปแบบใหม่ไฮบริดผสมผสานระหว่างให้คนเดินทางเข้างานจริงและเจรจาธุรกิจผ่านออนไลน์
โดยมีผู้ประกอบการทั่วโลกกลุ่มผู้ซื้อ
(buyer) เข้าร่วมทั้งสิ้น
275 ราย จาก 45 ประเทศ เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 45.7
% อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยกลุ่มผู้ขาย
(saller) ตลอดงานรวม 264
ราย
การเปิดงานวันแรกเมื่อค่ำคืนวันที่
8 มิถุนายน 2565 ได้รับเกียรติจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต้อนรับ พร้อมทั้ง ททท.
ได้จัดกิจกรรมต้อนรับผู้เข้าร่วมงานขายทั้งหมดจัดทำเป็น Welcome Reception
TTM+ 2022 โชว์พลัง “ซอฟเพาเวอร์ ออฟ ไทยแลนด์”
ชวนทุกคนสัมผัสอย่างใกล้ชิดทางวัฒนธรรมหลัก ๆ คือ
1.วัฒนธรรมการกินอาหารถิ่นภูเก็ต
เสิร์ฟหลากหลายเมนูขึ้นชื่อ ได้แก่ แกงปูหมี่หุ้น เกี๊ยนทอด หมี่ฮกเกี้ยนซีฟู้ด
ปอเปี๊ยะสด ราดซอสแดง อาโป้ง ข้าวเหนียวมะม่วง กุ้งป๊อบคอร์น ลูกชิ้นปลาภูเก็ต
ไก่สะเต๊ะหมักงา และช่อม่วงไส้หมูฮ้อง
2.วัฒนธรรมการแสดง Glory
Thailand ไทยโมเดิร์นแดนซ์
นำเสนอความเจริญรุ่งเรืองของไทยผ่านวัฒนธรรม 4 ภาค
ต่อด้วยชุด Beyond the future พาสู่โลกอนาคต ผสมผสานเทคนิค Cube
Show และโฮโลแกรม ทั้งยังเพิ่มบรรยากาศด้วยเสียงดนตรีเพราะๆ
จากศิลปิน Sunbird BAND ทอม อิศรา กิจนิย์ชีว์ และดีเจ
ROXY JUNE ดีเจหญิงแถวหน้าของเมืองไทย เจ้าของรางวัลชนะเลิศ
PRO LADY DJ CHAMPIONSHIP ปี 2010
อีกทั้ง
ททท.ยังมุ่งสร้างประสบการณ์ให้ตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อและสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่เข้าร่วมงาน
TTM+ 2022 ร่วมกันผลักดันประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายตอบโจทย์การท่องเที่ยววิถีใหม่
3 เทรนด์ใหญ่ ประกอบด้วย 1.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
(Health and Wellness) 2.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports
Tourism) 3.ทำงานท่องเที่ยวได้ด้วยหรือกลุ่ม Workcation & Remote Workers ผ่านโครงการ Amazing
Thailand Workplace Paradise โดยได้สร้างสรรค์เส้นทางต่าง ๆ
ขึ้นมารองรับพฤติกรรมความต้องการของนักเดินทางกลุ่มดังกล่าว
พร้อมกับนำเสนอความพร้อมของไทยที่จะเป็นจุดหมายปลายทางจัดงานระดับโลกต่าง
ๆ เช่น Global Summit of Women APEC TBEX ASIA 2022 มุ่งสู่การท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน
ททท.คาดการณ์ปี 2565 จะสร้างรายได้เข้าประเทศให้ได้รวม
1.5 ล้านล้านบาท
จากตลาดต่างประเทศ 7-10 ล้านคน-ครั้ง และในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสม1.23
ล้านคน ช่วงนอกฤดูเดินทางระหว่างพฤษภาคม-กันยายน จะนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนละ
500,000 คน ส่วนฤดูท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น
ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 จะเพิ่มเป็นเดือนละ
1 ล้านคน
ปี 2566 ททท. คาดจะทำรายได้ท่องเที่ยวสูงขึ้นเป็นปีละ
2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80 %ของสถานการณ์รายได้ปกติปี
2562 (ก่อนเกิดไวรัสโควิด-19) ปูพรมก้าวสู่ปี
2567 จะทำให้ได้ขยับเท่าสถานการณ์ปีละไม่ต่ำกว่า 3
ล้านล้านบาท
ข่าวที่ 5 “TCEB”เปิดใหญ่Thailand MICE: Meet the
Magicแคมเปญบุกไมซ์โลก
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) หรือ “TCEB” รายงานว่า ได้เปิดตัวแคมเปญ
“Thailand MICE: Meet the Magic”แบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยตลาดต่างประเทศ
อย่างยิ่งใหญ่เมื่อเร็ว ๆ ในงาน IMEX Frankfurt 2022 ท่ามกลางสื่อมวลชนต่างชาติและผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากจากทั่วโลก
สำหรับ
“Thailand MICE: Meet the Magic” เป็นกลยุทธ์การสร้งแบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยเพื่อนำไปใช้สื่อสารในตลาดต่างประเทศ
ที่ตอกย้ำให้ผู้เกี่ยวข้องกับไมซ์ทั่วโลกได้เข้าใจถึงบทบาทประเทศไทยพร้อมจะเป็นพันธมิตรสร้างความประทับใจทุก
ๆ การจัดงานไมซ์ พร้อมจะตอบสนองและขับเคลื่อนไมซ์ไทยเคียงข้างไปกับเทรนด์โลกใหม่ยุคดิจิทัลและนิวนอร์มัล
ทีเส็บจึงมุ่งเน้นนำเสนอเนื้อหา
“Thailand MICE: Meet the Magic” ด้วยแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์เน้นศักยภาพประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางการจัดงานไมซ์ระดับโลก
ที่มีเอกลักษณ์ทั้งด้านซอฟท์เพาเวอร์ หรือศักยภาพทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น อาหาร
วัฒนธรรม การบริการ ศิลปะ สินค้า และอื่น ๆ ส่วน ฮาร์ด เพาเวอร์ หรือศักยภาพความเจริญด้านเศรษฐกิจ
ก็ก้าวหน้าไปมาก ทั้งเรื่อง ระบบโครงสร้างโลจิสติกส์ เทคโนโลยี มาตรการสุขอนามัย
สถานที่จัดงาน และอีกมากมาย
ข่าวที่ 6 กลุ่มบางจากหนุนปั้นอาชีพเด็กโปรเจ็กต์‘อาชีวะพัฒนาพลังงานยั่งยืน’
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ ร่วมลงนามในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการ
“อาชีวะ พัฒนาพลังงานยั่งยืน” กับนายสุเทพ แก่งสันเทียะ
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จับมือกันพัฒนานักศึกษาอาชีวศึกษา
เพิ่มพูนความรู้ และเพิ่มทักษะความสามารถในการประกอบอาชีพ
รองรับความต้องการตำแหน่งงานต่าง ๆ ในกลุ่มบางจากฯปัจจุบันมีทั้ง
1.ธุรกิจหลักที่สามารถรับคนเข้าทำงานได้ เช่น
ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้จัดการหน้าลาน พนักงานแคชเชียร์ พนักงานชงกาแฟ
ในสถานีบริการน้ำมันบางจากและร้านกาแฟอินทนิล 2.ธุรกิจที่บางจากกำลังมีการขยายงาน เช่น
ช่างเทคนิค ช่างซ่อมบำรุง
ในธุรกิจแพลตฟอร์มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพร้อมจุดสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติวินโนหนี้
(Winnonie) 3.ธุรกิจติดตั้งโซลาร์เซลล์
โครงการนี้จะร่วมกันสร้างโอกาสให้เยาวชนได้เพิ่มพูนทักษะ
และเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานกำลังคนสายอาชีพให้มีความสามารถในหลากหลายศาสตร์ หรือ
Multidisciplinary โดยได้รับการสนับสนุนค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายแก่ครอบครัวต่อไป
สำรหับการลงนามในครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางความร่วมมือของกลุ่มบางจาก
ในธุรกิจจัดตั้งร้านกาแฟอินทนิล แบรนด์กาแฟรักษ์โลก ที่จะใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้นอกห้องเรียนในวิทยาลัยต่าง
ๆ ทั่วประเทศ รวมถึง
การมีส่วนร่วมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับกลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษา
สอดรับกับแนวทางการขยายธุรกิจของกลุ่มบางจากฯ
ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
ที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยนวัตกรรมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน
เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มีการประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
(Net Zero) ค.ศ. 2050 โดยมีเป้าหมายแรก คือ
ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon
Neutrality) ปีค.ศ. 2030
ช่วงที่ 2 ตลุยเที่ยวสวนผลไม้ใกล้กรุง
ในเทศกาลเปิด “ฤดูกาลผลไม้@ชะอม” อำเภอแก่งคอย ชาวสวน 15 แห่ง เปิดสวนรอต้อนรับให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปชิม
ททท.นำแจกคูปองส่วนลดด้วย ไปด่วน ๆ วันนี้-31 ก.ค.นี้ แล้วดูแลสุขภาพ
“คนวัยทำงานควรออกกำลัง150นาที/สัปดาห์” เกาะติดข่าวร้อน ๆ
ปิดท้ายด้วย ข่าวแรก “คมนาคมเปิดโร้ดแมฟฟื้นอุตสาหกรรมการบิน” ปี68 ลั่นปลุกผู้โดยสารทั่วโลกเข้าไทย 168 ล้านคน ข่าวที่สอง “นายกฯ ลุงตู่”
โชว์วิสัยทัศน์แจกยุทธศาตร์ท่องเที่ยวใช้สูตร SMILE
นำหลักยั่งยืนโกยเงินนักท่องเที่ยวรวย
ๆ
พาเที่ยว-เที่ยวง่ายสุดชีลตะลอนชิมทุเรียนภูเขาชะอมแก่งคอย1เดียวในสระบุรี
เที่ยวสุขใจ
ใกล้กรุง เดือนมิถุนายนนี้ เตรียมตัวให้พร้อมไปลองของใหม่แต่ละปีจะมีครั้งเดียว
ที่จะได้เที่ยว “ฤดูกาลผลไม้@ชะอม” อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ไปตะลอนทัวร์สวนทุเรียนภูเขารสหวานมันหนึ่งเดียวในสระบุรีตลอด
2 เดือน ตั้งแต่วันนี้ต่อเนื่องไปจนถึง
31 กรกฎาคม
2565
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ดูแลพื้นที่การตลาดท่องเที่ยวสระบุรีด้วย
ร่วมกับชาวสวนผลไม้ 15 แห่ง เปิด
“ฤดูกาลผลไม้@ชะอม”
อำเภอแก่งคอย เริ่มตั้งแต่วันนี้ -31 กรกฎาคม
2565 เชิญชวนให้ท่องเที่ยวและอุดหนุนด้วยโปรโมชั่น
ซื้อครบ 500 บาทขึ้นไป/ครั้ง
รับส่วนลดทันที 100 บาท
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม “เที่ยวสระบุรี สุขใจ ใกล้กรุง”
นักท่องเที่ยวสามารถขับรถแวะไปชิมผลไม้ที่มีไฮไลต์เป็
“ทุเรียนภูเขาชะอม รสชาติหวานมัน หนึ่งเดียวในจังหวัดสระบุรี”
จึงเชิญชวนไปชิมกันหนึ่งปีมีครั้งเดียวในทั้ง 15 สวน ได้แก่ สวนป้าแหม่ สวนทรัพทวีพร สวนBoom
Boom, สวนรอคนล้นแคมปิ้ง
สวนริมน้ำยายอี๊ด โอ๋บ้านสวน สวนลุงตี๋ป้าจา สวนสองสลึงแคมป์ สวนลุงชัย
สวนผลไม้จินดา สวนผลไม้บ้านบุญ สวนทุเรียนแม่บุญยัง สวนลุงสมศรี และสวนลุงแพร
ต้องการข้อมูลเพิ่มเพติม
สอบถาม ททท.พระนครศรีอยุธยา 035-246-076-7 หรือวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรัก์ชะอม
โทร. 065-706-2959, 062-678-9864, 093-159-6989
สำหรับ ตำบลชะอม เกษตรกรมีอาชีพหลักด้านการปลูกทุเรียนพื้นที่เชิงเขาซึ่งน้ำไม่ขัง
ทุเรียนจึงมีลักษณะเนื้อแห้ง และมีชั้นดินที่แทรกด้วยหิน มีช่องอากาศดี
ต้นทุเรียนจึงเติบโตอย่างสมบูรณ์ ทำให้รสชาติอร่อย หวานมัน หอมละมุน เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นสร้างชื่อเสียงของทุเรียนภูเขาชะอม
ที่จะผลผลิตต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการขายผลไม้สวนทุเรียน
เนื่องจากชะอมเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นกเงือกจะพากันมาอาศัยของนกเงือกอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อนักท่องเที่ยวมาชิมทุเรียนก็จะได้ชมนกเงือกไปด้วย
อีกทั้งชาวสวนจะจัดกิจกรรม
“บุฟเฟ่ต์ทุเรียนภูเขาชะอม” เพื่อเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวสามารถกินได้ไม่อั้น
จ่ายราคาเพียงคนละ 600 บาท จำกัดเวลาให้รับประทานภายใน 1 ชั่วโมง รวมทั้งเมนูแปรรูปอื่น
ๆ เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ลอดช่องทุเรียน ผสมผสานกับบริการผลไม้ตามฤดูกาลของตำบลชะอม
เช่น เงาะ มังคุด สัปปะรด ส้มโอ กระท้อน และอีกหลากหลายผลไม้เมืองร้อนของไทย
นักท่องเที่ยวที่ต้องการับสิทธิ์ท่องเที่ยวและซื้อผลิตภัณฑ์จากสวนที่เข้าร่วมโปรโมชั่นโครงการ
“ฤดูกาลผลไม้@ชะอม”
อำเภอแก่งคอย ตั้งแต่วันนี้ -31 กรกฎาคม
2565 จะต้องปฏิบัติตามกติกาดังนี้
1.จะต้องแสดงบัตรประชาชนว่าเป็นอยู่นอกพื้นที่จังหวัดสระบุรี
2.หากต้องการใช้สิทธิ์จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบเรียบร้อยแล้ว
2 เข็ม 3.สามารถรับคูปองจากสวนผลไม้ที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่
31 กรกฎาคม นี้ 4.สามารถใช้คูปองได้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม นี้ หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด จำกัด 50
สิทธิ์/สวน
5.คูปองใช้เป็นส่วนลด
100 บาท
เมื่อซื้อผลไม้ในสวนต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ มูลค่า 500 บาทขึ้นไป
แล้วคูปองดังกล่าวจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนทอนเป็นเงินสดได้ 6.ททท.และสวนผลไม้ในโครงการนี้ขอให้สิทธิ์ 1 คน/สิทธิ์/วัน
7.สงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
เที่ยวเมืองไทย
อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย ลองไปชิมทุเรียนภูเขาในงานเปิดเทศกาล
“เที่ยวสวนผลไม้@ชะอม” แก่งคอย
สระบุรี มีของดีรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน
สุขภาพ - แนะนำวัยทำงานอย่านิ่งต้องออกกำลังกายอย่าน้อย150นาที/สัปดาห์
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แนะนำ คนวัยทำงาน หมั่นเคลื่อนไหว มีกิจกรรมทางกาย และออกกำลังกาย อย่างน้อย 150
นาที/สัปดาห์ หรือ 30 นาที/วัน เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง ลดเสี่ยงอ้วนลงพุง
และสร้างสุขภาพที่ดี เพราะส่วนใหญ่มักจะกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ
ส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง และมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ส่วนใหญ่จะนั่งทำงานนานถึง
8 ชั่วโมง ดังนั้น กลุ่มวัยทำงานควรมีกิจกรรมทางกาย มีการเคลื่อนไหวร่างกาย
และออกกำลังกายอย่างเพียงพอ โดยเพิ่มกิจกรรมทางกายสะสมในแต่ละช่วงเวลาของวัน เช่น
ในเวลาทำงาน หรือการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการลุกยืน และเดินไปดื่มน้ำ
หรือเข้าห้องน้ำ การยืนในช่วงเวลาเบรค หลังจากนั่งเก้าอี้ทำงานทุก 1 ชั่วโมง
การเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ และเดินทางด้วยการเดินหรือปั่นจักรยานเพิ่มขึ้น
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้กลุ่มวัยทำงานได้มีกิจกรรมทางกายเพิ่มมากขึ้น
และเป็นการลดพฤติกรรมเนือยนิ่งด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –คมนาคมดันโร้ดแมฟฟื้นอุตฯบินเมืองไทยปี68ปั๊มผู้โดยสาร167ล้านคน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า
ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือน ได้ประชุมร่วมกับกรรมการพร้อมทั้งมีมติรับร่าง Roadmap แผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน
ปี 2565-2568 และร่างนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศจะเป็นแนวทางสำคัญอย่างมากช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน
และเศรษฐกิจของไทย ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาการบินอย่างยั่งยืน
สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
ใน“แผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน ปี 2565-2568” ได้วางกรอบแนวคิดและแผนปฏิบัติมุ่งเน้นให้อุตสาหกรรมการบินของไทย
“อยู่รอด
เข้มแข็ง และยั่งยืน”
ปี 2565 มีเป้าหมายระยะ Quick-win ตามมาตรการ “อยู่รอด” คือ
อุตสาหกรรมการบินมีความพร้อมเปิดทำการบินเต็มรูปแบบโดยมีเป้าหมาย เช่น
ผู้ประกอบการการบินสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงที่ยังคงมีการระบาด พร้อมมีกลยุทธ์เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
ผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวก
พัฒนาความร่วมมือขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน เพื่อกระตุ้นความต้องการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศ
พร้อมกับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ประกอบการ
เพื่อให้ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน
ปี 2566-2568
เป้าหมายระยะกลางตามมาตรการ “เข้มแข็ง และ ยั่งยืน” คือ
ประเทศไทยมีความพร้อมของอุตสาหกรรมการบินที่จะรองรับการจราจรทางอากาศเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติหรือเทียบเท่ากับปี
2562
ในปี 2568 ที่มีจำนวนผู้โดยสารสูงถึง 165
ล้านคน และจำนวนเที่ยวบิน 1.07 ล้านเที่ยวบิน
โดยมีเป้าหมายหลัก เช่น
สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยระบบกำกับดูแลทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ
สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดการเดินทางแบบ New Normal ในอุตสาหกรรมการบิน
รวมถึงพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมการบิน โดยพัฒนาสถาบันฝึกอบรมให้เป็นที่ยอมรับ
รวทั้งยกระดับมาตรฐานใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ของไทยให้ทัดเทียมสากล
เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการบินของของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ
10 ปี
ปี 2563
มีผู้โดยสารลดลงจากปี 2562 ถึง 64.7 % และปริมาณเที่ยวบินทั้งหมดลดลง 53.1 %
ปี 2564
มีจำนวนผู้โดยสารลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 64.1 % และปริมาณเที่ยวบินทั้งหมดลดลง
48.5 % ส่งผลให้การจ้างงานในอุตสาหกรรมการบินลดลง 20.88
% และรายรับในการประกอบการการบินลดลงมากถึง 70.96 %
ข่าวที่สอง –นายกฯลุงตู่แจกยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวSMILEสู่ยั่งยืนโกยเงินตลาดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.เอก ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน
กระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมกับเป็นประธานในพิธี
เปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย -Thailand Tourism
Congress 2022” โดยมีผู้ว่าราชการภูเก็ต นายกสมาคม ท่องเที่ยว พร้อมผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในภูเก็ต
และทั่วทุกภูมิภาค
พลเอกประยุทธ์
ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน”
ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ อำเภอเมือง จ.ภูเก็ต
ตามนโยบายการสนับสนุนทุกภาคส่วนเร่งนำการท่องเที่ยวเข้ามาเป็นกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศให้นานาประเทศเดินทางเข้ามาได้อย่างสมบูรณ์แบบเริ่มตั้งแต่มิถุนายน
2565 เป็นต้นไป
โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าตามแผน
“ยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม หรือ SMILES” เพื่อเป็นกรอบระดมสมอง
และประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยให้น้ำหนักความสำคัญกับแต่ละตัวอักษร
ดังนี้ คือ
S – Sustainability ให้ความสำคัญกับความมั่นคงยั่งยืน
M – Manpower ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ทางด้านการท่องเที่ยวที่มีทักษะในระดับนานาชาติ
I – Inclusive Economy ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วมกันสร้างการเติบโต
L
– Localization ให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่
ชูจุดเด่นที่แตกต่างกัน
E – Ecosystems ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางการท่องเที่ยว
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น