ททท.ถอดรหัสค่าเหยียบแผ่นดินต่างชาติปี’66ใครได้ใครเสีย ต.ค.-ธ.ค.65ลุยขาย3งานทัวร์โลกITBAsia+TTG+WTMบูม3เทศกาล“ลอยกระทง-เคาน์ดาวน์-ไหว้ครูมวย”
ททท.ถอดรหัสค่าเหยียบแผ่นดินต่างชาติปี’66ใครได้ใครเสีย
ต.ค.-ธ.ค.65นำธุรกิจลุยขาย3งานทัวร์โลกITBAsia+TTG+WTM
ในประเทศโกยเงิน3เทศกาล“ลอยกระทง-เคาน์ดาวน์-ไหว้ครูมวย”
ช้อปคิงเพาเวอร์“WOMEN'SFESTIVAL”ออนไลน์ลดแรง50+40%
พูลแมนคิงเพาเวอร์แจกสนั่นโปรเที่ยวไทย3บุฟเฟต์ซื้อ10 แถม1
สมาชิกคิงเพาเวอร์ซื้อทัวร์ยุโรปลด2พัน/โปรแกรม15ก.ย.-8ม.ค.
ททท.ควงGRABแจก4ล้านปั๊มยอดทัวร์ไทยก.ย.-ต.ค.นี้24ล้านคน
TCEBผู้ว่าฯชัชชาติยกกรุงเทพฯเมืองไมซ์โลกเพิ่มรายได้พ.ย.65
บางจาก+บีบีจีไอ+ธนโชคฯเปิดBSGFขายน้ำมันเครื่องบินปี’67
อะเมซิ่ง “บ่อน้ำพุเค็มร้อน-สปาโคลนดำ”
ท่าฉาง สุราษฎร์ธานี
10
เรื่องสร้างสุขภาวะทางใจได้ด้วยตนเองเริ่มเร็วสุขภาพดีเร็ว
ภูเก็ตแฟนตาซีเปิดเมกะคาร์วัลเมจิกแห่งแรกของโลก20ก.ย.65
สุวรรณภูมิ”เปิดใหม่ใช้PVSตรวจยืนยันตัวผู้โดยสารเริ่มก.ย.65
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน
2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #เที่ยวท่าฉางสุราษฎร์ธานี
#สุวรรณภูมิเปิดใช้PVSตรวจผู้โดยสาร
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/fiBG1QffuX/
ช่วงที่
1 ถอดรหัสท่องเที่ยวกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้มุมบวกเก็บค่าค่าธรรมเนียมใหม่ต่างชาติ คนละ
300 บาทตามพรบ.ท่องเที่ยวแห่งชาติปี’66 ไทยพร้อมคืนประโยชน์สูงสุดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก
10
ล้านคน “ต่างประเทศ” ลั่นเข้มคัดเอกชนร่วมเทรดโชว์ โรดโชว์ ทะลวงตลาดคุณภาพเข้าไทย
ต.ค.-ธ.ค.นี้ 3 งานใหญ่
“ITB Asia
สิงคโปร์-TTG
อิตาลี-WTMลอนดอน
“ในประเทศ” ปล่อยของช่วยนักท่องเที่ยวลดต้นทุนเพิ่มวันพัก ปลุกพลังขาย 3 เทศกาลทำเงิน
“ลอยกระทง-เคาน์ดาวน์-ไหว้ครูมวยไทย”
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ขณะนี้การเดินหน้าตามแนวทางการปฏิบัติเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติ
(พรบ.) นโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ มีความชัดเจน 1.เก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
2.นำมาใช้ดูแลนักท่องเที่ยวนานาชาติเข้าเมืองไทยเมื่อประสบอุบัติเหตุแล้วประกันภัยไม่ครอบคลุม
ซึ่งได้รับการร้องขอจากทางสถานฑูตด้วยเช่นกันว่าไม่มีกำลังเพียงพอจะดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว
3.ขณะนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบหมายให้สถาบันการศึกษาหาวิธีจัดเก็บรวมทั้งจำนวนที่เหมาะสม
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่เป็นภาระแก่ผู้เดินทาง ซึ่งจะมีรายละเอียดออกมาเร็ว
ๆ นี้
สำหรับเงินที่จัดเก็บจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าเมืองไทย
นอกจากจะนำไปใช้ในการดูแลด้านความปลอดภัยแล้ว
ก็จะใช้พัฒนาบริการเพื่อเป็นหลักประกันถึงทุกจุดที่นักท่องเที่ยวผ่านเข้าออกจะได้รับความสะดวก
ตัวอย่างใน “ญี่ปุ่น” ก็จัดเก็บเงินในการเดินทางขาออกประเทศโดยใช้ชื่อ
“ซาโยนาระแท็กซ์” ดังนั้นไทยจึงไม่ใช่ประเทศแรกที่จะดำเนินการ
ททท.จะทำความเข้าใจกับแต่ละฝ่ายนั่นคือ
เงินเหล่านี้จะจัดเก็บจากนักท่องเที่ยวแล้วก็นำไปคืนประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวนั่นเอง
เบื้องต้นทราบจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จะจัดเก็บอัตรา 300 บาท/คน
กำหนดเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินประมาณต้นปี 2566 เป็นต้นไป
โดยจะมีรายละเอียดอย่างชัดเจนทั้ง 1.เก็บนักเดินทางกลุ่มใด 2.วิธีเก็บจะรวมอยู่ในตั๋วโดยสารเครื่องบิน
หรือลงเครื่องแล้วนำส่งเงิน ข้อมูลเหล่านี้มีอยู่พอสมควรแล้ว
ส่วนบทบาทหน้าที่ของ
ททท.จะทำ 2 ส่วน
คือ ส่วนที่ 1 ทำความเข้าใจกับนักเดินทางในฐานะองค์กรดูแลด้านการตลาดถึงว่าเงินที่เงินนี้จะนำมาใช้สร้างประโยชน์ให้แก่นักท่องเที่ยว
อาจจะไม่ใช่ทางตรง แต่จะเป็นในลักษณะนำไปใช้ดูแลด้านความปลอดภัย ส่วนที่ 2 ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว
หากเน้นการนำเข้านักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้น
ถึงประโยชน์โดยไม่ได้เป็นภาระและไม่ได้เป็นต้นทุน
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า ปลายปี 2565 ททท.วางกลยุทธ์เน้นนำเอกชนเดินทางไปทำตลาดตามรูปแบบจะเน้นการเจรจาธุรกิจ
business to business มากว่า
โดยประเมินถึงความต้องการของผู้ประกอบการตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องชะลอเดินทางโอกาสเจอคู่ค้าก็เป็นไปได้ยาก
จึงจะไปเข้าร่วมโร้ดโชว์ เทรดโชว์ เพื่อสานประโยชน์ทางการตลาดกันต่อไป
ดังนั้นเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าไทยช่วงต้นปีหน้าประกอบด้วย
3 งานนานาชาติ
เริ่มต้นจาก งานแรก “ITB ASIA 2022” ระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคม
2565 ที่สิงคโปร์
เป็นตลาดระยะใกล้ ได้ให้นโยบายทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจัดทำเต็มรูปแบบ
ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นแล้ว ททท.ต้องเลือกนำผู้ประกอบการไปได้จำนวนน้อยลง งานที่สอง
TTG ระหว่าง
12-14 ตุลาคม
2565 ที่อิตาลี
เป็นงานจับคู่เจรจาธุรกิจ งานที่สาม-WTM :World Travel Mart 2022 ระหว่าง
7-9 พฤศจิกายน
2565
เป็นอีกงานใหญ่ระดับโลกของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ททท.จะต้องให้ความสำคัญกับการนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปร่วมเจรจาการขายปลายปีนี้ทั้ง
3 งาน
จากประสบการณ์เคยเปิดให้ลงทะเบียนจอง 30 ราย
มีผู้ใช้สิทธิ์จนหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 40 วินาที
เพื่อสานประโยชน์กับคู่ค้าต่อไป
การตั้งเป้าหมายในการเข้าร่วมงานเทรดโชว์
โร้ดโชว์ ทั้ง 3 งาน
นั้น ททท.ต้องการนำผู้ประกอบการไปพบปะคู่ค้ากันซึ่งหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์
พร้อมกับติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวตลาดในแต่ละประเทศอัพเดทสินค้าใหม่ ๆ
เพื่อวางแผนส่งเสริมการขายปีต่อไป
และเดินหน้าสื่อสารนโยบายรัฐบาลถึงการมุ่งมั่นเจาะตลาดคุณภาพเข้าเมืองไทย
โดยชูจุดขายโดดเด่นถึงนโยบายรัฐบาลซึ่งประกาศปีท่องเที่ยวไทย
Visit Thailand Year
2022-2023 ด้วย Amazing New Chapters เป็นธีมหลัก
ไม่เฉพาะเรื่องธีมเท่านั้นหากจะต้องนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวอย่างชัดเจน
เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงการเตรียมตัวตามประกาศเปิดประเทศของรัฐบาลต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด-19
จะมีรูปธรรมอย่างชัดเจน
ททท.มีสินค้าท่องเที่ยวด้วยการเปลี่ยนเป็น
“เมนูประสบการณ์” แทนโปรดักซ์แคตาล็อก มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่ A to Z Thailand has it All
มีครบทุกอย่าง ซึ่งสินค้า Z
จะเน้น Zero Food Waste เน้นย้ำการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม และสังคมไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับวิธีคัดเลือกผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมแต่ละงาน
จะเน้นคุณสมบัติพื้นฐานเบื้องต้น คือ 1.กลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่มีลูกค้าสอดคล้องกับเป้าหมายของ
ททท. เช่น
เซกเมนท์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม (Health & Wellness)
หรือกลุ่มการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ 2.ได้การรับรองด้วยตราสัญลักษณ์ SHA :Safety and Health Administration
และมาตรฐานการดูแลสิ่งแวดล้อม
ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยว
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การมองเห็นโอกาสทางการตลาด คงต้องให้ความสำคัญกับ 1.ลูกค้าเก่าของไทย
โดยย้ำถึงประเทศไทยเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว ภายใต้ข้อจำกัด 2.กลุ่มเดินทางได้ก่อนใคร
First Mover พุ่งเป้าไปยังตลาดระยะใกล้
เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอื่น ๆ
โดยจะกระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นจาก
2
เรื่อง เรื่องแรก -นำเสนอโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่
ๆ เล็งให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น นักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อสุขภาพองค์รวม
ซึ่งโลกยุคใหม่หันมาให้ความใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
จากตัวเลขที่ผ่านมากลุ่มนี้เดินทางเข้ามาแล้วใช้จ่ายเงินสูงกว่านักท่องเที่ยวปกติ 2 เท่า
เรื่องที่สอง-ทำให้นักท่องเที่ยวพักค้างอยู่ในไทยนานวันมากขึ้น
เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งทางศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.)
และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแล้ว ทาง ศบค.จึงมีมติให้ขยายวีซ่าต่างชาติ 1.วีซ่านักท่องเที่ยวทั่วไปพำนักในไทยได้ครั้งละ
45
วันแทนของเดิม 30 วัน
และขยายวีซ่า VOA :Visa
On Arrival เพิ่มเป็น 30 วัน จากปกติ 15 วัน
ขณะที่การประเมินสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวระหว่างกันยายน-ธันวาคม
2565
ข้อมูล “ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทย” ระหว่างมกราคม-สิงหาคมนี้ ทำได้รวมกว่า
4.5 ล้านคน
หรือคิดเป็น 35 % ของสถานการณ์ปกติปี
2562 ตอนนั้นมีการเดินทางเข้าประเทศเฉลี่ยเดือนละ
3 ล้านคน
ส่งผลให้การคำนวณระหว่างมกราคม-กันยายน นี้ จะมีต่างชาติเที่ยวไทยรวม 5.5 ล้านคน
จากนั้นเดือนตุลาคม-ธันวาคม
นี้ หากสามารถนำเข้าได้อีกเดือนละ 1.5 ล้านคน
ซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวรวมทั้ง
ททท.ผลักดันให้เพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเข้าประเทศให้ถึง 50 % เมื่อรวมจำนวน
9
เดือนแรก มกราคม-กันยายน ได้ 5.5 ล้านคน +ตุลาคม-ธันวาคมนี้อีก 4.5 ล้านคน
ผลลัพธ์รวมตลอดปี 2565 จะเข้าเป้าตามนโยบายนายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคือไม่น้อยกว่า 10
ล้านคน
“ตลาดในประเทศ”
เมื่อโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ต่อขยาย”
กำลังจะสิ้นสุดเดือนตุลาคมนี้ ตอนนี้เหลือห้องให้จองเพียง 20,000-30,000 ห้องเท่านั้น
ททท.จะขยายผลต่อเนื่องโดยใช้เงินงบประมาณบู๊สเตอร์จากรัฐบาลบวกกับเงินงบประมาณของ
ททท.ต้นปี 2566
ก็หวังจะสร้างกระแสการเดินทางเพิ่มขึ้นให้เป็นตามเป้าหมาย 160 ล้านคน-ครั้ง
ททท.เตรียมทำโครงการเน้นหนัก
2 เรื่อง
ได้แก่ เรื่องแรก ลดต้นทุนการเดินทาง กำลังหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้สิทธิประโยชน์ไปยังนักท่องเที่ยวโดยตรง
เรื่องที่ 2 เพิ่มจำนวนวันพักค้างคืนมากขึ้น
ผลักดันอัตราการเข้าพักโรงแรมทั่วประเทศเฉลี่ย (OR)
ทำได้ไม่น้อยกว่า 55 %
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไฮไลต์เทศกาลกระตุ้นท่องเที่ยวไทยปลายปีนี้
จะชูขายเทศกาลท่องเที่ยวหลัก ๆ คือ 1.ลอยกระทง
จะพยายามยกระดับเป็นเทศกาลระดับภูมิภาคหรือประเทศให้มากขึ้น 2.ร่วมมือกับเอกชนจัดมหกรรมเคาน์ดาวน์
ส่งท้ายปี 3.เทศกาลไหว้ครูมวยไทย
จะจัดต้นปี 2566
ส่วนช่วงเทศกาลเดินทางหนาแน่นต้องการให้คนไทยช่วยกัน “พลิกโฉมประเทศ
พลิกโฉมท่องเที่ยว” เพื่อไม่ให้กลับไปเหมือนเดิม ด้วยการร่วมกันท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อตนเอง
ต่อสังคม ต่อชุมชน รวมถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งไม่เพียงแต่รักษาเพียงเพื่อไว้ถ่ายรูปสวย ๆ เท่านั้น
หากจะต้องสร้างประโยชน์ต่อไปได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
รวมทั้งการนำยุทธศาสตร์ของรัฐบาลทางด้าน
BCG Economy Model สร้างเศรษฐกิจชีวภาพ
หมุนเวียน สีเขียว โดยร่วมมือกันนำสิ่งต่าง ๆ
หมุนเวียนกลับมาใช้ทำให้เกิดพลังสีเขียว
สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงมูลค่าและยั่งยืนให้มีความเป็นไปได้สูงต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1
ช้อปคิงเพาเวอร์สนุกกับ“WOMEN'S FESTIVAL”ออนไลน์ลด50+40%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ต้อนรับเดือนกันยายน 2565 ชวนช้อปตั้งแต่สัปดาห์แรกได้แบบไม่ยั้ง
แคมเปญ “WOMEN'S FESTIVAL” ลดสูงสุด 50% และลดเพิ่มสูงสุด 40% ระหว่างวันนี้ - 28กันยายน 2565 เปิดออนไลน์ให้รับรหัสส่วนลด WF50 เพื่อนำไปใช้เลือกซื้อสินค้าสุภาพสตรีได้ทางเว็บไซต์
www.kingpower.com และแอปพลิเคชัน KING POWER โดยไม่มีต้องยอดสั่งซื้อขั้นต่ำที่เข้าร่วมส่งเสริมการขายในรายการนี้
โดยลูกค้าจะต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์
kingpower.com พร้อมล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดตามกติกา
แต่จะใช้ร่วมกับสิทธิ์อื่น ๆ ไม่ได้ เช่น ส่วนลดฉลองวันเกิด บัตรส่วนลดอื่นอย่าง E-Purse,
E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher
รวมทั้งสามารถช้อปไอเทมโดนใจทุกการช้อปรับความคุ้มค่าที่
คิง เพาเวอร์ ตั้งแต่วันนี้-28 กันยายน 2565 ที่ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และคิง
เพาเวอร์ ศรีวารี เปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ รับทันที 2 ต่อ ดังนี้
ต่อที่ 1: ช้อปครบลดทันที ลดทันที 1,000 บาท จากยอดช้อป 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) /
ใบเสร็จ
ต่อที่ 2:
ช้อปครบรับคูปองส่วนลดไปช้อปต่อ รับเพิ่ม! คูปองส่วนลด 2,000 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)
/ ใบเสร็จ สำหรับคูปองส่วนลด 2,000 บาท
นำไปใช้เลือกซื้อสินค้ารวม 4,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
“สมัครสมาชิก” ก่อนช้อปได้ทันที จะมีไฟลต์บินหรือไม่มีไฟลต์บิน
ก็สมัครสมาชิกก่อนได้ง่าย ๆ 2 ช่องทาง 1. Member Service ทุกสาขา 2. ผ่านช่องทาง LINE:
@kingpower
แล้วใช้สิทธิ์สมาชิกช้อปให้คุ้ม จากบัตรแต่ละประเภท
ได้แก่ 1. ONYX
60,000
บาท รับ E-Gift Card ช้อปเพิ่ม 18,000 บาท 2.SCARLET 6,000 บาท รับ E-Gift
Card ช้อปเพิ่ม
1,500 บาท 3.NAVY 1,000 บาท รับฟรี! คูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาท นำไปซื้อสินค้า 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ยอดเงินที่ได้จากการสมัครสมาชิกสามารถนำมาช้อปปิ้งได้เต็มจำนวนด้วย
ระหว่างวันนี้ -28 กันยายน 2565 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และคิง
เพาเวอร์ ศรีวารี เปิดทุกเสาร์-อาทิตย์
เพิ่ม!! สิทธิต่าง ๆ คือ 1.บัตรสมาชิกอายุนาน 2 ปี แต่ละครั้งโชว์บัตรเพื่อรับส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าดิวตี้
ฟรี ด้วยบัตร ONYX ลด 15% SCARLET ลด 10% และ NAVY ลด 5% 2.วันเกิดสุดคุ้มรับเงินสดคืนกลับหรือ Cash
Back 25% ได้ถึง
2
สิทธิ์ เพื่อนำไปซื้อสินค้าได้สิทธิละ
1
ชิ้น 3.สะสมกะรัตแล้วใช้คะแนนแทนเงินสดทุก
100
บาทสุทธิ/ ใบเสร็จ = รับ 1 กะรัต โดยแลกกะรัตเป็นส่วนลดได้ 1 กะรัต 1 บาท
ข่าวที่ 2
พูลแมนคิงเพาเวอร์แจกสนั่นโปรเที่ยวไทย3บุฟเฟต์ซื้อ10แถม1
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม
“ซื้อ10 แถม 1” ที่ห้องอาหาร “ควิซีน
อันปลั๊ก” มีบิ๊กโปรโมชั่นร่วมขายในโครงการ “ไทยเที่ยวไทย
ครั้งที่ 63” เปิดให้ทุกคนซื้อคูปองผ่านทางออนไลน์ในราคาพิเศษระหว่างวันนี้
– 4 กันยายน 2565 อร่อยกับบุฟเฟต์อาหารทะเลสุดอลังการของโรงแรม
พร้อมกับสามารถใช้ส่วนลดเพิ่มได้ในขั้นตอนเช็คอินเสร็จให้แสดงบัตรสมาชิกลดอีก 10% ส่วนตอนชำระเงินก็ให้แจ้งประเภทบัตรคิง
เพาเวอร์ใส่รหัส “KP10” บัตรแอคคอร์ พลัส
ใส่รหัส “AP10” คูปองหมดอายุ 28 ก.พ.66 เลือกได้ถึง 3 โปรโมชั่น ดังนี้
โปรโมชั่นแรก SUNDAY BRUNCH ราคา 1,500 บาทสุทธิ/คน
ซื้อแล้วนำมาใช้รับประทานบุฟเฟต์วันอาทิตย์มื้อสาย รวมเครื่องดื่มซอฟท์ดริ๊งค์เติมได้ตลอด
ฟรีเด็ก 1 คน อายุต่ำกว่า 12 ปี E-voucher นี้ นำมารับประทานอาหารได้เฉพาะวันอาทิตย์
เวลา 12:00 -15:00 น.
โปรโมชั่นที่ 2
SEAFOOD &BBQ บุฟเฟต์และบาร์บีคิวมื้อค่ำสุดอลังการ
ราคา 900 บาทสุทธิ/คน รวมน้ำดื่ม 1 ขวด
เฉพาะวันจันทร์ - วันพุธ เด็กอายุ ไม่เกิน5 ปี รับประทานอาหารฟรี
เด็กอายุ 6-11 ปี จ่ายแค่ 50% จากราคาเต็ม
โปรโมชั่นที่ 3
Weekend Dinner Seafood & BBQ Buffet อิ่มอร่อยกับปูอลาสก้า ทุกวันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ ราคา
1,200 บาทสุทธิ/คน รวมน้ำดื่ม 1
ขวด ฟรีเด็กอายุไม่เกิน 5 ปี เอ็กอายุ 6-11 ปี ลด 50% ราคาปกติ
แคมเปญ
บุฟเฟต์และบาร์บีคิว ทั้ง 3 โปรโมชั่น ที่ห้อง
ควิซีน อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ก่อนจะใช้บัตรกำนัลจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย
3 วัน ได้ที่ โทร. 02 680 9999
หรือทางอีเมลล์ H6323-FB2@accor.com แล้วนำบัตรกำนัลเพื่อแสดงก่อนเข้าใช้ที่ห้องอาหารดังกล่าว
ข่าวที่ 3
สมาชิกคิงเพาเวอร์ซื้อทัวร์ยุโรปลด2พัน/โปรแกรม15ก.ย.-8ม.ค.66
สมาชิก คิง เพาเวอร์ รับส่วนลดทันที 2,000 บาท/โปรแกรม เมื่อซื้อรายการนำเที่ยวกับ บริษัท UNITY
2000 TOUR จำกัด จองซื้อพร้อมเดินทางได้แล้วตั้งแต่วันนี้–
30 ธันวาคม 2565 ผู้ที่ถือบัตร VEGA, CROWN,
ONYX, SCARLET และ NAVY โชว์สถานะสมาชิกและหลักฐานการแลกรับสิทธิ์เพื่อใช้ส่วนลด
1 บัตร ใช้สิทธิ์ส่วนลดจองได้ไม่จำกัดจำนวนตลอดรายการ ด้วยการกดรับสิทธิ์ผ่านทาง LINE
OFFICIAL ACCOUNT : @kingpower หรือ member.kingpower.com รับรหัสส่วนลดแล้วนำรหัสที่ได้ไปติดต่อจองโปรแกรมทัวร์กับ บริษัท ยูนิตี้
2000 ทัวร์ จำกัด จองซื้อแพกเกจเดินทางท่องเที่ยวครั้งละ
10 วัน รวม 4 โปรแกรมทัวร์ ได้แก่
โปรแกรมที่ 1 ยุโรปคริสต์มาส 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมัน ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์
เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เดินทางระหว่าง 26 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม หรือ 3 -12 ธันวาคม 2565
บินกับการบินไทย ราคาห้องพักคู่เริ่มต้น 129,000 บาท/คน/ทริป
โปรแกรมที่ 2
ยุโรปโครเอเชีย A มุ่งหน้าสู่
โครเอเชีย สโลวีเนีย ออสเตรีย มอนเตเนโกร เดินทาง 6 -15
ตุลาคม , 14-23 ตุลาคม , 21-30 ตุลาคม 2565 บินกับออสเตรียน แอร์ไลน์ส
ราคาห้องพักคู่เริ่มต้นที่ 135,000 บาท/คน/ทริป
โปรแกรที่ 3
สโนว์โมบิล-ไอซ์เบรกเกอร์
B มุ่งหน้าสู่ ฟินแลนด์ สวีเดน
เอสโตเนีย เดินทาง 24 ธันวาคม 2565
– 2 มกราคม 2566 บินกับฟินแอร์
ราคาห้องพักคู่เริ่มต้น 218,000 บาท/คน/ทริป
โปรแกรมที่ 4
แกรนด์สวิตเซอร์แลนด์
3 เดินทาง 29 ธันวาคม 2565-7 มกราคม 2566
, 30 ธันวาคม -8 มกราคม 2566 บินกับสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ส ราคาห้องพักคู่ เริ่มต้นต้นที่ 157,000
บาท/คน/ทริป
มุ่งหน้าสู่เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม
ซูริค สไตน์อัมไรน์ ลูเซิร์น เบิร์น อันเทอร์มาเคิน เจนีวา อีววร์ โลซาน เวเว่
มองโทรซ์ ท๊าซ เซอร์แบตต์ อันเดอร์แมตต์ เบลลินโซนา โคโม ทีราโน เซนต์มอริตซ์
วาดุ๊ซ สนุกกับการนั่งรถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส รถไฟเบอร์นินา เอ็กซ์เพรส
ขึ้นอยู่ยอดเขาจุงเฟรา ยอดเขาไคลน์มัตเทอร์ฮอร์น
สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ทุกประเภท
ใช้สิทธิส่วนลดพิเศษโดยสามารถจองตรงกับบริษัท ยูนิตี้ 2000 ทัวร์ จำกัด ตั้งแต่วันนี้หรือจนกว่าที่นั่งจะเต็ม แล้วเดินทางท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วัน
16 กันยายน 2565 – 8 มกราคม 2566
ข่าวที่ 4 ททท.ควงGRABแจก4ล้านปั๊มยอดทัวร์ไทยก.ย.-ต.ค.นี้24ล้านคน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ร่วมกับแกร็บ-GRAB เปิดตัวโครงการ “เที่ยวกับแกร็บ อะเมซิ่งยิ่งกว่า”
ชวนคนไทยออกมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยมีกิจกรรมใช้แกร็บทั่วไทยให้ผู้ใช้บริการร่วมสนุกรวมมูลค่ากว่า
4 ล้านบาท ตั้งแต่ 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2565 คาดหวังผลักดันให้โครงการนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะนำการท่องเที่ยวสร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า
20 ล้านบาท พร้อมกับสร้างการรับรู้กระจายในกลุ่มนักเดินทางทั่วประเทศได้ไม่ต่ำกว่า
24,580,000 คน-ครั้ง
รวมทั้งเป็นกลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามทิศทางส่งเสริมการตลาดปี 2565 สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเลือกเดินทางตามเมืองหลักโดยหันมาเดินทางด้วยตนเองและรถยนต์ส่วนตัวถึง
97.93 %
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวระหว่าง
เมษายน-มิถุนายน 2565 มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 30.86 ล้านคน-ครั้ง
เพิ่มขึ้น316 % สร้างรายได้135,375
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 292 %
นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมการเดินทาง
ประกอบด้วย 1.ท่องเที่ยวด้วยตนเองสูงถึง 97.93 % ส่วนมากใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นยานพาหนะเดินทาง
2.เลือกจุดหมายปลายทางเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก 50.41 %
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท. เห็นศักยภาพของบริการแกร็บ
ซึ่งมีทั้ง 1.Grab Transport 2.Grab Food 3.Grab Mart 4.Grab Express และบริการท่องเที่ยว
เช่น จองที่พัก รับจองบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว โดยได้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
SHA :Amazing Thailand Safety & Health Administration จึงมั่นใจจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับท่องเที่ยว
และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจหลายภาคส่วนฟื้นตัวได้ในเร็ววันนี้
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะแพลตฟอร์มให้บริการด้านการเดินทาง จึงร่วมกับ
ททท.ขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจเชิญชวนคนออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง
ด้วย3 กิจกรรมหลัก
ได้แก่
กิจกรรมที่ 1 เที่ยวกับ Grab Challenge ชวนทุกคนมาร่วมแชร์เรื่องราวการเดินทางหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ตัวเองประทับใจ
ชิงรางวัลสุดพิเศษมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท อาทิ หูฟัง AirPods
กล้อง Polaroid Now ไดร์เป่าผม Dyson และอื่น ๆ
กิจกรรมที่ 2 GrabMoreAmazing เกมทายสถานที่ท่องเที่ยวจากนิสัยเพื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช่ในสไตล์ของนักเดินทาง
กิจกรรมที่ 3 มอบโค้ดส่วนลดการเดินทางบนแกร็บมูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท สร้างความสะดวกสบาย และความอุ่นใจให้ทุกคน
นักท่องเที่ยวที่จะเข้าร่วมรับโค้ดรับส่วนลดในแคมเปญ
“เที่ยวกับแกร็บ อะเมซิ่งยิ่งกว่า”
ตามรายละเอียดดังนี้ 1.โค้ดส่วนลด “AMAZING”
ส่วนลด 40% สูงสุด 200 บาท
ใช้ในการเดินทางไป-กลับ สนามบิน และ
2.โค้ดส่วนลด “TRAVEL” ส่วนลด 40%
สูงสุด 100 บาท ในในการเดินทางระหว่างการท่องเที่ยว
ข่าวที่ 5 TCEB ร่วมผู้ว่าฯชัชชาติยกกรุงเทพฯเมืองไมซ์โลกเพิ่มรายได้พ.ย.-ธ.ค.65
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า
ได้เข้าร่วมประชุมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานต่าง ๆ ตื่นตัวที่จะผลักดันให้กรุงเทพฯ เพิ่มรายได้จากตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ตลาดในประเทศและทั่วโลก
เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมกันกำหนดแผนงานให้เกิดเป็นรูปธรรมนำร่องปูพรมจัดกิจกรรมในช่วงเดือน
11 หรือพฤศจิกายน และเดือน 12 หรือธันวาคม
2565 แล้วประมวลผลเพื่อขยายการเติบโตกรุงเทพฯ เมืองไมซ์เติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตต่อไป
อุตสาหกรรมไมซ์
: MICE แปลงเป็นกิจกรรมให้สอดคล้องกับแต่ละประเภท
ซึ่งมีรายละเอียดหลักแต่ละกลุ่มแตกต่างกันด้วย 4 ตลาด ประกอบด้วย
ตลาดที่
1 M :Meeting
การจัดประชุม 3 ประเภท คือ 1.การประชุมกลุ่มสมาคม (Association
Meeting) 2.กลุ่มบริษัทเอกชน (Corporate Meeting) 3.การประชุมกลุ่มองค์กรภาครัฐ (Government Meeting) คือ
การประชุมของกลุ่มบุคคลหรือผู้แทนจากหน่วยงานราชการ ซึ่งมาจากหลาย ๆ หน่วยงานทั่วโลก
2. I : Incentive
การจัดการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล นำพนักงานหรือบุคคลที่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้
บริษัทก็จะให้รางวัลโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแล้วให้พนักงานเดินทางฟรี
3.C : Conventions
การประชุมนานาชาติ โดยกลุ่มบุคคลต่างองค์กรในสาขาอาชีพเดียวกัน
หรือสมาคมวิชาชีพเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็น
มีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการจัดโดยสมาคมระดับนานาชาตินั่นเอง
4. E : Exhibitions การจัดนิทรรศการและการแสดงสินค้า หรือบริการการiขายให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และเปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วมงานด้วย มี 2 ประเภท คือ 1.Trade Show เป็นการแสดงสินค้าระหว่างผู้ประกอบการในการเจรจาจับคู่ธุรกิจกัน
2. Consumer Show เป็นการแสดงสินค้าทั่วไปที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วมซื้อขายได้
“อุตสาหกรรมไมซ์”
เป็นเครื่องมือสำคัญสามารถนำรายได้เข้าประเทศได้สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3 เท่า เพราะนักเดินทางกลุ่มไมซ์เฉลี่ยทริปละ 5-7
วัน ใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 89,000 บาท/ทริป โดยมีผลการศึกษายืนยันสรุปไมซ์
ช่วยสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ทำให้ดุลการชำระเงินดีขึ้น ช่วยสร้างงาน กระจายรายได้สู่ธุรกิจเกี่ยวข้อง
โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นองค์ประกอบในอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์ด้วยครอบคลุมทุกภาคส่วน
ได้แก่ “ภาครัฐ” เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) TCEB และสร้างรายได้เข้ารัฐด้วยภาษีเงินได้จากรายรับจากธุรกิจไมซ์
“ภาคธุรกิจเอกชน” อย่าง โรงแรม สถานที่จัดประชุม ผู้จัดงานการประชุมมืออาชีพ ผู้จัดงานแสดงสินค้ามืออาชีพ
บริษัทรับจัดการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง และ “ภาคประชาชน”
ได้ประโยชน์จากการลงทุนของรัฐ เมื่อจัดกิจกรรมไมซ์ ช่วยสร้างรายได้ทางอ้อมให้บุคลากรสาขาอาชีพต่าง
ๆ เช่น ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และอื่น
ๆ
ข่าวที่ 6 บางจาก+บีบีจีไอ+ธนโชคออยล์เปิดBSGFขายน้ำมันเครื่องบินปี’67
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด
(มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ ลงนามข้อตกลง
ร่วมทุนจัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ด้วยงบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท โดยมีบางจากถือหุ้นใหญ่
51% ธนโชค ออยล์ ไลท์ 29% และ บีบีจีไอ
20% นำร่องธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
หรือ SAF : Sustainable Aviation Fuel เป็นรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่ได้นำน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร
(Used Cooking Oil) มาผลิตน้ำมันเครื่องบินดังกล่าว
โดยได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอันโดดเด่นของทั้ง 3 พันธมิตร มาร่วมวางรากฐานที่มั่นคงให้บริษัท BSGF ทั้งด้านการจัดหาวัตถุดิบ
การผลิต และการจัดจำหน่าย ประสานความแข็งแกร่ง ร่วมกันอย่างชัดเจน
นำโดย บริษัท บางจากฯ ผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
โรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย ผู้บุกเบิกการรับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารในครัวเรือนเพื่อผลิตไบโอดีเซลรายแรกในไทย
รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการค้าน้ำมันผ่านบริษัท BCP Trading จำกัด หรือ BCPT
ปัจจุบันเป็นผู้ค้าน้ำมันอิสระอันดับหนึ่งในตลาดสิงคโปร์ บริษัท ธนโชค ออยล์
ไลท์ฯ มีประสบการณ์การจัดหาวัตถุดิบอย่างน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารมายาวนาน บริษัท บีบีจีไอฯ เป็นผู้นำอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
สำหรับบริษัท BSGF จะเริ่มดำเนินธุรกิจก่อสร้างหน่วยผลิต SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil)
ภายในบริเวณโรงกลั่นน้ำมันบางจาก คาดจะเริ่มเปิดบริการช่วงปลายปี 2567 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นวันละ 1 ล้านลิตร
เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันทีโดยไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์
ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบินลงได้ประมาณ 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
(เทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเชื้อเพลิงการบินในปัจจุบัน)
นายชัยวัฒน์ ย้ำว่า บริษัท BSGF
พร้อมขยายเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการใช้ SAF ในอนาคตของทั่วโลก สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรปได้ระบุสัดส่วนการผสม SAF
ในน้ำมันอากาศยานที่จะบินเข้าสู่สนามบินในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับมติของสมาชิกสภายุโรป เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2565 เริ่มปี
2568 กำหนดไว้ 2% จากนั้นทุก 10
ปี จะทยอยเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ ปี 2573 เพิ่มเป็น 6 % ปี 2583 ขยับเป็น
37% และปี 2593 เพิ่มสูงสุดเป็น 85%
สอดคล้องกับมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International
Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International
Air Transport Association: IATA) ได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกยกระดับการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์หรือNet
Zero ภายในปี 2593
อีกทั้งการร่วมทุนก่อตั้งบริษัท BSGF และหน่วยผลิต SAF ด้วยน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารรายแรกและรายเดียวในไทย ถือเป็นบทใหม่ของวงการพลังงานประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยนวัตกรรมพลังงานสีเขียว
รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญตามแผน BCP 316 NET ของกลุ่มบางจาก
มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์(Net Zero) ให้สำเร็จภายในปี
2593 และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้า Net Zero ภายในปี 2608 (ค.ศ.2065)
ให้ได้เช่นกัน
นายธนวัฒน์ ลินจงสุบงกช กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์
จำกัด กล่าวว่า บริษัท ธนโชคฯ มั่นใจการร่วมทุนและเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่ไปกับดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมมาตลอด เช่นเดียวกับธนโชคฯกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันใช้แล้ว
โดยลงพื้นที่จัดเก็บในชุมชน ป้องกันการนำกลับไปใช้ซ้ำหรือระบายทิ้งลงในพื้นที่สาธารณะหรือแหล่งน้ำต่าง
ๆ ปัจจุบันมีเครือข่ายเก็บรวบรวมน้ำมันใช้แล้วครอบคลุมทั่วประเทศ 77 จังหวัด มีศักยภาพการจัดเก็บและรวบรวมน้ำมันใช้แล้วประมาณเดือนละ 17
ล้านลิตร
ดังนั้นทางธนโชค ออย ไลท์ฯ มุ่งเน้นพัฒนาวิธีการและจัดหาน้ำมันใช้แล้ว
เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบการผลิต SAF ยกระดับมาตรฐานธุรกิจจัดเก็บและรวบรวมน้ำมันใช้แล้วให้พร้อมรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมการบินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตต่อไป
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความชำนาญด้านปฏิบัติการโรงงานไบโอดีเซลโดยมีมีเทคโนโลยี
และ feedstock เพื่อการผลิต SAF ทำให้กลุ่มบีบีจีไอ
สามารถสนับสนุนวัตถุดิบให้กับหน่วยผลิต SAF ได้อย่างเพียงพอ
ทั้งยังมีหน่วยที่สามารถปรับปรุงคุณภาพวัตถุดิบให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิต SAF เช่น กรดไขมันปาล์มและน้ำมันใช้แล้ว
สำหรับผลิตภัณฑ์ SAF จากน้ำมันใช้แล้วในการทำอาหารนั้น
เรียกได้ว่าส่งผลดีทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ BCG
Economy Model ครบวงจร ตั้งแต่เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-economy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
โดยเน้นพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular
Economy) คำนึงถึงการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจ
แต่ต้องพัฒนาควบคู่กับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อม
ๆ กันด้วย
ช่วงที่
2 เที่ยวใต้ไป “ท่าฉาง” สุราษฎร์ธานี มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่
ๆ “แช่น้ำพุร้อนเค็ม” และ “อาบสปาโคลนดำ” ของคนเขาถ่านมาชวนไปลอง แปลกมหัศจรรย์ดีต่อการเพิ่มประสบการณ์สุขภาพด้วย
แล้วก็มาเช็คลิสต์ “10เรื่องสร้างสุขภาพทางใจ” ด้วยตนเอง
และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ภูเก็ตแฟนตาซี่ผุดคาร์นิวัลเมจิก” แห่งแรกของโลก เปิดให้เที่ยว
20ก.ย.นี้ ข่าวที่สอง “สุวรรณภูมิ”เริ่มใช้ PVS ระบบใหม่ตรวจยืนยันผู้โดยสารไทย-ต่างชาติแล้ว ตั้งแต่ ก.ย.65 เป็นต้นไป
ท่องเที่ยว
-อะเมซิ่ง “บ่อน้ำพุเค็มร้อน-สปาโคลนดำ” ท่าฉาง สุราษฎร์ธานี
เที่ยวใต้หร็อยแรง
กับ การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี
นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว “บ่อน้ำพุร้อนเค็ม” บ้านธารน้ำร้อน ตำบลเขาถ่าน
อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี แหล่งท่องเที่ยวใหม่มาแรง ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปแช่น้ำร้อนเค็มและหมักสปาโคลนดำได้
คนในชุมชนเขาถ่านมีความเชื่อกันว่า
“บ่อน้ำพุร้อนเค็ม” ท่าฉางแห่งนี้ มีแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยรักษาโรคได้ อย่างคนที่อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเมื่อได้ลงไปแช่แล้วจะผ่อนคลายหายได้
ที่แปลกอีกอย่างน้ำเค็มในบ่อน้ำพุแต่ไม่ได้ตัวเหนียวเหนอะหนะเหมือนน้ำทะเลปกติทั่วไป
แนะนำวิธี
“แช่น้ำพุร้อนเค็ม” ซึ่งมีอุณหภูมิร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส นั้น นักท่องเที่ยวจะต้องค่อย ๆ หย่อนเท้าแช่ลงไป
เพื่อให้ร่างได้ซึมซับอุณหภูมิความพร้อมแล้วปรับให้เข้ากับสภาพความร้ออในบ่อ ซึ่งเป็นน้ำที่มีเกลือแร่รสเค็ม
แต่ไม่มีกำมะถันเจือปน
ล่าสุดองค์การบริหารส่วนตำบลเขาถ่าน
ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์จัดทำทำทางเดินรอบบ่อเป็นคอนกรีตกับโรยด้วยหิน ใช้แผ่นคอนกรีตทับอีกชั้นเพื่อวางทางเดินได้อย่างสะดวก
และวางท่อนไม้ไว้ในน้ำรอบบ่อเพื่อให้ผู้มาใช้บริการนั่งอาบหรือนั่งแช่ตัว มีห้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า
และบ่อน้ำพุร้อนเค็มแห่งนี้จึงยังคงสภาพธรรมชาติเดิมไว้เป็นอย่างดี
บริเวณนี้มีเส้นทาง “ป่าชายเลน” ให้เดินชมและศึกษาธรรมชาติ
และความมหัศจรรย์ “บ่อโคลนดำ” สีดำสนิท ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำพุร้อนเค็ม
นักท่องเที่ยวจึงนิยมนำโคลนดำมาพอกตัว เพราะเชื่อกันว่าจะสามารถทำให้ผิวพรรณผ่องใส
อ่อนวัยมากขึ้น เป็นผลดีต่อร่างกาย
ลองมาเที่ยว ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี สักครั้ง แล้วจะได้รับประสบการณ์ดี
ๆ จากธรรมชาติ กลับบ้านอย่างมีความสุข มาแช่น้ำพุร้อนเค็ม กับทำสปาโคลนดำกันให้สนุกด้วยกัน
สุขภาพ
-10 เรื่องสร้างสุขภาวะทางใจได้ด้วยตนเองเริ่มเร็วสุขภาพดีเร็ว
1. มีกิจวัตรประจำวันแน่นอน
- ช่วยสร้างนิสัยการใช้ชีวิตที่ดีได้
2. ออกกำลังกายโดยการเดิน
- ช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งแจ่มใส เลือดไหลเวียนสู่ร่างกายและสมองได้ดี
3. บันทึกเรื่องราวประจำวันลงสมุด
– การบันทึกความรู้สึกนึกคิดช่วยให้เราได้ทบทวนและเข้าใจตนเองมากขึ้น
4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ผัก ผลไม้ และอาหารสมอง อย่างปลาที่มีไขมันดี ถั่ว และธัญพืช
เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
5. ยืดเส้นยืดสาย -
เล่นโยคะเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายร่างกาย
6. นั่งสมาธิ -
ช่วยควบคุมลมหายใจและการเต้นของหัวใจได้ดี ลดความเครียด และทำให้มีสมาธิมากขึ้น
7. ห่างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สักพัก
- ใช้เวลาอยู่หน้าจอน้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน
ลดระดับความเครียด
8. ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ
- ลดระดับความเครียด อาจดูแลสัตว์เลี้ยง หรือเดินเล่นที่สวนสาธารณะ
9. พบปะเพื่อนฝูง -
ทำให้รู้สึกถึงความรักและเอาใจใส่จากคนรอบกาย แม้แต่การสนทนาสั้น ๆ
ทางโทรศัพท์ก็ช่วยได้
10. พักผ่อนให้เพียงพอ
- มีผลต่อการดูแลสุขภาวะทางกายและใจของเรามาก
เลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคาเฟอีนก่อนนอน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ภูเก็ตแฟนตาซีเปิดเมกะคาร์วัลเมจิกแห่งแรกของโลก20ก.ย.65
นายกิตติกร คิ้วคชา
กรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด และ บริษัท คาร์นิวัลเมจิก
จำกัด เปิดเผยว่า
เปิดเผยว่า ได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 6,600 ล้านบาท
เตรียมเปิดตัวเมกะโปรเจ็กต์ท่องเที่ยว “คาร์นิวัลเมจิก-
มหัศจรรย์เมืองไฟ” เริ่มต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ชูจุดขายสวนสนุกแห่งเดียวในโลก
ที่นำวิถีวัฒนธรรมไทยมาจัดแสดงไว้ในพื้นที่กว่า 100 ไร่ ใน “เมืองไฟ หรือ Kingdom of Light” ตกแต่งประดับดวงไฟรูปทรงต่าง
ๆ ตระการตาสร้างความตื่นตาประสบการณ์แปลกใหม่รวมกว่า 40 ล้านดวง
โดยได้ใช้เวลาก่อสร้าง คาร์นิวัลเมจิก-มหัศจรรย์เมืองไฟ
นานกว่า เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ตื่นตาภายในโครงการได้ 4 โซนหลัก ดังนี้
โซนที่ 1 ถนนช้อปปิ้ง หรือ Carnival
Fun Fair ดีไซน์ร้านค้าสไตล์คาวินัลสวยงามแตกต่างจากทั่วไป
เพื่อให้นักท่องเที่ยวสนุกสนานกับกิจกรรมตลอดทั้งคืน โดยมีศูนย์รวมเครื่องเล่น VR
มากมาย
โซนที่ 2 ภัตตาคาร เบิร์ด ออฟ พาราไดซ์
รองรับได้ 3,000 ที่นั่ง จำลองบรรยากาศให้นักท่องเที่ยวเกิดอารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนสวรรค์
บริการบุฟเฟ่ต์นานาชาติกว่า 100 เมนู แบ่งพื้นที่เสิร์ฟ อาหารฮาลาล อินเดีย และ นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มส่วนตัว
โซนที่ 3 โรงละคร หรือ River
palace ขนาดใหญ่สุดในโลก
ยาว 200 เมตร รองรับได้มากกว่า 2,200 ที่นั่ง เน้นการแสดงผสมผสานศิลปะไทยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่อลังการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาใช้บริการซ้ำ
ๆ
โดยมีไฮไลต์เป็นขบวนพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก 70 เมตร เทียบเท่ากับเครื่องบินแอร์บัสเอ 380
ขบวนพาเหรดลอยฟ้าขนาดมหึมา ด้วยฉากวันลอยกระทง ที่ใช้เทคโนโลยี Animatronics
ระบบเครื่องยนต์ในการเคลื่อนไหว ระยะแรกจะโชว์วันละ 2รอบ รอบละ 50 นาที จากนั้นจะโชว์วันละ
4 รอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชมอย่างจุใจ
โซนที่ 4
เมืองไฟ หรือ Kingdom of light ประดับไฟซึ่งเลือกใช้
LED มีความปลอดภัยกว่า
40 ล้านดวง กระจายอยู่ใน 9 พื้นที่ เช่น นำไฟมาประดับโครงเหล็กดัดล้อมรอบทะเลสาบยาวเทียบเท่าเกาะภูเก็ต
50 กิโลเมตร
ทั้งนี้ “คาร์นิวัลเมจิก
มหัศจรรย์เมืองไฟ” ยังได้การรับรองสถิติโลกจาก กินเนสเวิล์ด เรคคอร์ด ซึ่งเป็นที่สุดในโลก
รวม 9 รางวัล คือ 1.รถพาเหรดที่ยาวที่สุด 2.การแสดงแสงสีเสียงโดยใช้ไฟ LED
มากที่สุด 3. รูปปั้นไฟ LED ใหญ่ที่สุด 4. โครงสร้างไฟLED ที่ใหญ่ที่สุด 5. ตู้ป๊อปคอร์น ใหญ่ที่สุด 6.
โคมระย้า ใหญ่ 7.
รูปปั้นเปเปอร์มาเช่ ใหญ่สุด 8.
กรอบเวทีสูงที่สุด 9.รถตู้ติดไฟ LED มากที่สุด
ข่าวที่สอง
-“สุวรรณภูมิ”เปิดใหม่ใช้PVSตรวจยืนยันตัวผู้โดยสารเริ่มก.ย.65
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน
2565 เป็นต้นไป
ที่สนามบินสุวรรณภูมิได้เปิดใช้งานระบบตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร (Passenger
Validation System : PVS) บริเวณทางเข้าจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ
และบริเวณทางขึ้นจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ อาคารผู้โดยสารชั้น 4 เพื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร
เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองผู้โดยสารและยกระดับมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย
โดยได้ทยอยเปิดใช้งานระบบตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร
หรือ Passenger Validation System: PVS
เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกคอยให้คำแนะนำขั้นตอนการใช้งานตลอดจนให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร ตามรายละเอียดดังนี้
1.ทางเข้าจุดตรวจค้นผู้โดยสาร “ขาออกภายในประเทศ”
หลังเคาน์เตอร์เช็คอิน ROW C-D 8 ช่องตรวจ กับบริเวณทางขึ้นจุดตรวจค้นผู้โดยสาร
“ขาออกระหว่างประเทศ” โซน 2 หลังเคาน์เตอร์เช็คอิน ROW J-K
อีก 2 ช่องตรวจ และหลังเคาน์เตอร์เช็คอิน ROW
L-M อีก 2 ช่องตรวจ
2.บริเวณทางขึ้นจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศโซน
3 หลังเคาน์เตอร์เช็คอิน ROW S-T จำนวน
3 ช่องตรวจ
“ขั้นตอน” การใช้งานระบบ PVS ให้ผู้โดยสารนำ
Boarding Pass หรือ E- Boarding Pass วางลงบนเครื่องตรวจสอบ
แล้วระบบในเครื่องจะทำการอ่านและตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร เพื่อคัดกรองผู้โดยสารได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
ป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้ามพื้นที่ควบคุมหรือเขตการบิน
อีกทั้งระบบ PVS ยังสามารถป้องกันไม่ให้นำ
Boarding Pass ที่ใช้งานผ่านระบบ PVS แล้วกลับมาใช้งานผ่านระบบ
PVS ซ้ำได้อีก
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวมีวัตถุประสงค์
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน
รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของสายการบินและตัวแทนสายการบินในการตรวจสอบข้อมูลผู้โดยสาร
และระบบ
PVS ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่สนามบินสุวรรณภูมิจะนำมาพัฒนาปรับปรุงบริการต่าง
ๆ ให้ทันสมัย ปลอดภัย สะดวกสบาย และรวดเร็ว เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็น Digital
Airport และพร้อมมุ่งสู่การเป็นสนามบินที่ดีระดับโลกต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น