“TCEB”ตีปีกโกยMIประชุม+อินเซนทีฟโลก1แสนคนเข้าไทยปี’65
“อินเดีย-มาเลเซีย”พาเหรด5ธุรกิจหอบเงินใช้ทั่วกรุงเทพฯ-พัทยา
เร่งเคลื่อนทัพไมซ์ด่วน4ภารกิจนำไทยผงาดเดสนิเตชั่นโชว์เคส
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อ่ทิตย์FM97 #TCEB
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/fB2s-kTr0R/
“TCEB” จัดชุดใหญ่โกย “อินเซนทีฟทั่วโลก” หลังครองแชมป์2ปีซ้อน Best Meeting &Incentive Asia สิ้นปี’65 MI เข้าเป้า 1 แสนคน อินเดีย มาเลเซีย แซงทุกตลาด หอบเงินมาจัดงานปลายปีนี้รวมกว่า 2,000 ล้าน จาก 5 กลุ่มมาแรง 1.ตัวแทนยา 2.เวชภัณฑ์ 3.อิเลคทรอนิกส์ 4.ประกันภัย 5.ขายตรง กรุงเทพ พัทยา รวยอู้ฟู่สุดๆ ทีเส็บเร่งเดินหน้าทำด่วน 4 ภารกิจ “ฟื้นฟูตลาดเชิงรุก-รักษาความสัมพันธ์ลูกค้าทั่วโลก-ยกระดับมาตรฐานสถานที่จัดงาน-ขับเคลื่อนเดสติเนชั่นโชว์เคส”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไมซ์ในการนำประเทศคว้ารางวัล “สุดยอดจุดหมายปลายทางด้านการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในเอเชียปี 2565 :The Best Meeting and Incentive Destination (Asia) 2022” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเจ้าของหนังสือ M&C Asia ในสิงคโปร์เปิดให้ผู้ประกอบการไมซ์ทั่วเอเชียโหวตให้คะแนน นั้นประเทศไทยประสบความสำเร็จมาจากทุกฝ่ายทุ่มเทร่วมใจกันทำงานท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ภายใต้มาตรฐานการทำงานและบริการอย่างมีคุณภาพ ด้วยการพัฒนาระบบนิเวศน์ธุรกิจไมซ์ :MICE Ecosystem ตั้งแต่ระดับเมืองไมซ์ สถานที่จัดงาน เส้นทางสายไมซ์ วัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ไทยอันหลากหลากหลาย และบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์
กลุ่มต่างประเทศที่นิยมมาจัดไมซ์ MI :Meeting Incentive การประชุมและเดินทางมาเพื่อเป็นรางวัลในพื้นที่ยอดนิยม 6จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน/ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ เขาหลัก/สุราษฎร์ธานี
สถิติมีนักเดินทางไมซ์ต่างชาติ MI กลุ่มประชุมและเดินทางเดินทางเข้าไทย ตั้งแต่เมษายน-มิถุนายน 2565 แล้วกว่า 68,700 ราย ช่วงไตรมาสสุดท้ายเดือน ตุลาคม-ธันวาคม อีกกว่า 30,700 ราย ส่งผลทำให้สิ้นปี 2565 จะมีนักเดินทางไมซ์กลุ่มดังกล่าวมาไทยรวม 100,000 ราย โดยส่วนใหญ่คือตลาด อินเดีย มาเลเซีย เป็นหลัก
ตามแผนทีเส็บเตรียมรุกเจาะ “อินเซ็นทีฟตลาดต่างประเทศ” หลังรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกตั้งแต่กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา กระแสตอบรับจากอินเซ็นทีฟดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตอนนี้มีกลุ่มตลาดใหม่ ๆ จากต่างประเทศมาไทย ได้แก่ ตะวันออกกลาง ซาอุดิอาระเบีย อเมริกา โดยเฉพาะอันดับหนึ่งคือมาเลเซีย เข้ามาทางชายแดนไทย-มาเลเซีย เข้ามาจัดงานที่หาดใหญ่ สงขลา
ขณะนี้ทีเส็บประชุมร่วมกับสมาคม ICCA และกลุ่มพัฒนาตลาดเมกะอีเวนต์ ได้รายงานถึงสถานการณ์อินเซ็นทีฟกับกลุ่มประชุมเข้ามาเร็วมาก รวมถึงเอ็กซิบิชั่นจะกลับมาเร็วกว่าปกติภายในปี 2566 การเตรียมความพร้อมในส่วนสำคัญสุดคือ “การอบรมแรงงานไมซ์” ได้คัดสรรนักศึกษาอาชีวะศึกษาเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของไมซ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายจิรุตถ์กล่าวว่า จะเพิ่มความเข้มข้นทำงานเชิงรุก 1.สถานการณ์ภาพรวมกำลังหาตลาดทดแทนหันไปบุกอินเดีย อเมริกาใต้ ญี่ปุ่น จะต้องสร้างความเชื่อมั่นถึงศักยภาพไทยทางด้านความปลอดภัยด้านสุขอนามัย H2Y ทั้ง hygiene, Health 2.การใช้ศักยภาพของตัวแทนการตลาดไมซ์ MICE Marketing Representative ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ใช้กลยุทธ์เจาะเป็นรายเมืองที่มีความพร้อมก่อนลำดับแรก ๆ ซึ่งมีข่าวดีจะปล่อยนักธุรกิจจีนเดินทางมาจัดประชุมในไทย เช่น บริษัททางด้านเทคโนโลยี ซึ่งอาจจะทำการประชุมแบบไฮบริดก่อนแล้วจึงจะเดินทางเข้ามาจริง
ตอนนี้ทางฝ่ายนวัตกรรมทีเส็บได้พัฒนาเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ได้สนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยใส่ไว้ในระบบออนไลน์เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดงานไมซ์เข้ามาส่องหาเครื่องมือดังกล่าวแล้ว รวมทั้งจัดทำข้อมูลโดยได้ถอดบทเรียนนำวิธีมาเสนอแนะใช้งานจริง เรื่องการจัดประชุมช่วงสถานการณ์โควิด-19 สามารถทำได้จากก่อนหน้านี้ประชุมขนาด 30,50,100 คน/ครั้ง ตอนนี้สามารถจัดได้ครั้งละขนาดหลักพันและหมื่นคน
ทีเส็บคาดการณ์ตลาดไมซ์ MI จะเข้ามาไทยช่วงปลายปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 21,000 ราย สร้างรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท ตลาดหลักมาจาก อินเดีย มาเลเซีย ใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ตัวแทนยา 2.เวชภัณฑ์ 3.อิเลคทรอนิกส์ 4.ประกันภัย 5.ขายตรง เลือกกรุงเทพฯ พัทยา เป็นสถานที่หลักในการจัดงาน ส่วนการจัดงานอินเซ็นทีฟจากตลาดต่างประเทศ จะประกอบด้วย เดือนตุลาคม 2565 อินเดีย 10,000 คน มาเลเซีย 2,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท และเดือนพฤศจิกายน 2565 อินเดีย 12,000 คน รายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ปี 2565 ทีเส็บมุ่งทำ 4 ภารกิจสำคัญ ได้แก่
ภารกิจที่ 1 การเชื่อมต่อและฟื้นฟูตลาดต่าง ๆ เชิงรุก การสร้างความสัมพันธ์ และนำเสนอจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจรองรับการกลับมาของนักเดินทางไมซ์นานาชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ภูมิภาคโดยมีแผน 5 แนวทางหลัก คือ 1. ผลักดันการเพิ่มปริมาณนักเดินทางผ่านกิจกรรมการตลาด และการสนับสนุนต่าง ๆ แนวทางที่ 2.การตลาดแบบมีส่วนร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร 3. การจัดงานที่มีความสาคัญ และเป็นงาน Flagship Event เช่น งาน TIME 4. การสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มเป้าหมาย 5. การสร้างศักยภาพในตลาดต่างประเทศผ่านผู้แทนตลาด
ภารกิจที่ 2 การทำกิจกรรมมุ่งรักษาความสัมพันธ์ของทีเส็บ ผู้ประกอบการไมซ์ กับกลุ่มลูกค้างานประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในตลาดต่าง ๆ และทำงานร่วมกับผู้แทนทีเส็บในต่างประเทศอย่างใกล้ชิดให้เป็นผู้ติดตามและถ่ายทอดสถานการณ์ให้ผู้ประกอบการไมซ์ทั้งในไทยและต่างประเทศรับรู้ข้อมูลทันสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาใช้วางแนวทางเจาะตลาดดึงงานประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลมาจัดในไทย
ภารกิจที่ 3 เร่งยกระดับมาตรฐานการจัดงาน สถานที่จัดงาน โดยเฉพาะมาตรฐานด้านสุขอนามัย สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีใหม่ ในการจัดงาน เป็นตัวกลางให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยเข้าถึงและเข้าใจตลาดงานประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในสถานการณ์ที่ท้าทายและปรับตัวปรับแนวทางการปฏิบัติงานให้ตอบรับเงื่อนไขใหม่กับตลาดของลูกค้า
ภารกิจที่ 4 สรุปมาตรการต่าง ๆ เพื่อดึงงานการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล หลังจากเปิดประเทศ คือ 1.เร่งฟื้นความสัมพันธ์กับกลุ่มตลาดหลัก 2.ขับเคลื่อน Destination Showcase เพื่อนำเสนอภาพเมืองไทยให้เห็นถึงระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมามีพัฒนาการด้านอุตสาหกรรมไมซ์มากมาย เช่น สถานที่จัดงานใหม่ จุดหมายใหม่ กิจกรรมใหม่ และประสบการณ์ใหม่ เพราะหลังสถานการณ์โควิด ลูกค้ามองหาความใหม่ 3.มุ่งเสาะหาพันธมิตรรายใหม่ หรือ Strategic Partners ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสให้เข้าถึงตลาดได้กว้างขวางขึ้น และเพิ่มช่องทางสื่อสารใหม่ควบคู่กันไปด้วย
สำหรับตลาดเอ็กซิบิชั่น ได้ขยายตลาดเพิ่มในกลุ่ม CLMV กัมพูชา สสป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น มี speaker กว่า 10 คน เลือกจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเปิดให้เห็นโปรดักซ์ใหม่ รวมทั้งนำเสนอการจัดเอ็กซิบิชั่นเทรนด์ใหม่ แต่ละตลาดพร้อมจะนำทั้งบริษัทธุรกิจ ผู้ซื้อ เข้ามาเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าไมซ์ในเมืองไทย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น