นายกTTAAระดมสมาคม+NTOsทั่วโลกปลุกคนไทยเที่ยวปี’65-66ศูนย์สิริกิติ์600บูธขายเที่ยวทั่วไทยไทยทั่วโลก16-19ก.พ.66 ไทยเที่ยวนอกเจอตั๋วราคาพุ่ง30%
นายกTTAAระดมสมาคม+NTOsทั่วโลกปลุกคนไทยเที่ยวปี’65-66
ประเดิมศูนย์สิริกิติ์600บูธขายเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก16-19ก.พ.66
ไทยเที่ยวนอกเจอค่าตั๋วเครื่องบินแพงระยับราคาพุ่งกว่าปกติ30%
สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์รับ E-Gift Cardช้อปฟรีสูงสุด18,000บาท
คิงเพาเวอร์มหานครชวนทัวร์“Wonders of Nature”โลกกลางคืน
ททท.บูมเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึงขายโวเชอร์9บาทถึง15พ.ย.นี้
TCEBเปิดแพลตฟอร์มหางานไมซ์จัดนัดพบเด็กใหม่-ธุรกิจเอกชน
BFPLเปิดทางสะดวกอีสานส่งน้ำมันโรงกลั่นบางจากสู่คลังขอนแก่น
เที่ยวสนุก!!เจ้าพระยา4จังหวัด
กรุงเทพฯ -นนทบุรี-ปทุม-อยุธยา
5วิธีเลือกซื้อนมถั่วเหลืองดื่มให้ได้คุณค่าทั้งโปรตีนและโภชนาการ
ททท.ร่วม3กระทรวงนำร่องบูมทัวร์3อารยะอยุธยา/ละโว้/ทวารวดี
ชมด่วนงานSX 2022ตื่นตากับ5โซนมัลติมีเดียที่NCC26 ก.ย.-2ต.ค.
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว #ล่องเรือเที่ยวเจ้าพระยากรุงเทพนนท์ปทุมอยุธยา
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/fCnpiDRJhB/
ช่วงที่
1 เริ่มแล้วทัพธุรกิจเอกชนกับ
“เจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (TTAA :Thai Travel Agents Association)
ระดมบริษัททัวร์ทุกสมาคม NTOsทุกชาติ ร่วมมหกรรมขาย 2
งานใหญ่ “เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก”
ยึดพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์ให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวแห่คัดสินค้ามาวางจำหน่ายกว่า 600 บูธ 16-19 ก.พ.66 ต่อด้วยงานที่สอง
“เที่ยวไทย” ในเดือนส.ค.66 ชี้เอกชนต้องพึ่งรายได้ตลาดในประเทศยาวอีก 1 ปี
หลังเปิดประเทศราคาตั๋วบินพุ่งกระฉูดต้นทุนเพิ่มกว่า 30 % แถมเงื่อนไขการเดินทางไม่เอื้อให้คนไทยเห่อเที่ยวนอกเป็นหมู่คณะอีกต่อไป
ที่นั่งน้อย แอร์ไลน์มีอล็อตเมนท์และเที่ยวบินแต่ละเส้นทางจำกัด
นายเจริญ
วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (TTAA :Thai Travel Agents Association)
เปิดเผยว่า สถานการณ์แนวโน้มตลาดนักเดินทางคนไทยหลังโควิดดีขึ้นตามลำดับ
“คนไทยเที่ยวในประเทศ” ต้อนรับฤดูหนาวน่าจะคึกคัก
อานิสงกับการท่องเที่ยวภาคเหนือได้รับความนิยมสูง
เนื่องจากการเดินทางต่างประเทศยังไม่สะดวกเท่าที่ควร เพราะสายการบินต่าง ๆ ก็ใช้วิธีทยอยเปิดบริการไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องใช้เวลาสักระยะ
เพราะปัจจัยการเดินทางมีเงื่อนไขแตกต่างกันไม่ส่งเสริมให้คนกระตือรือร้นไปเที่ยวต่างประเทศ
ขณะนี้ทางบริษัทสมาชิกสมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว
หันมาขายเส้นทางในประเทศที่มีลักษณะคล้ายต่างประเทศ อย่างภาคเหนือ
มีหลายเส้นทางที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวคนไทยเพิ่มขึ้น
รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทยที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเงินท่องเที่ยวเปิดรับจองเพียงไม่กี่วันก็มีนักท่องเที่ยวจองเต็มเกือบหมดแล้ว
ส่งผลดีกับไทยเที่ยวไทย สร้างประสิทธิภาพ แต่ก็ยังอยากให้รัฐบาลทำโครงการเพิ่มเติมเพราะความจริงแล้วตอนนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ได้ฟื้นเท่าที่ควร
เช่น ตลาดต่างประเทศยังไม่ฟื้น
ก็ยังต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศอีกอย่างน้อย 1 ปี
เพราะตลาดต่างประเทศซึ่งเคยเป็นลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย
มีปัจจัยลบรุมล้อมอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ สงคราม โรคระบาด
ดังนั้นเอกชนไทยก็ยังคงต้องขอความช่วยเหลือ หรือช่วยมอนิเตอร์สถานการณ์ร่วมกัน
เพื่อแสดงพลังให้มีประสิทธิผลสามารถวัดความสำเร็จเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศได้
นายเจริญกล่าวถึงนโยบายการทำงานสมาคมก้าวสู่เดือนที่
5 แล้ว
นโยบายหลักคือการอบรมพัฒนาบุคลากรมืออาชีพเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกครั้งอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยจัดหาวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถมาฝึกอบรมเดือนละ 3-4 ครั้ง
กระแสตอบรับเข้าร่วมดีมาก รวมทั้งการจัดสัมมนากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะ
“การแก้ปัญหาการยื่นขอวีซ่าเข้ายุโรป”
เพราะจะต้องให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าใจตรงกัน
ถึงวิธีใหม่ที่จะนำมาจัดการผ่านบริษัทเอาต์ซอร์ซ มีขั้นตอนแตกต่างจากเดิม
เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคออกไปให้ได้มากและเร็วที่สุด
ทางตัวแทนสถานฑูตและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างประเทศในไทย
ก็ให้ความร่วมมือกับทางสมาคมเป็นอย่างดีเช่นกัน
ส่วนแผนงานปลายปี
2565 ต่อเนื่องปี
2566 สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว
เตรียมจัด งานที่ 1 มหกรรม
“ท่องเที่ยวไทยไปทั่วโลก” จัดเป็นครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์
2566
โดยเลือกใช้ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ครั้งแรกที่กลับมาให้บริการอีกครั้ง
ทางสมาคมตั้งเป้าขายพื้นที่ให้ได้ประมาณ 600 บูธ
โดยได้ขายพื้นที่แบบเออรี่เบิร์ดหรือพรีเซลไปแล้ว การตอบรับดีมาก โดยดึงทุกภาคส่วน สมาคมท่องเที่ยวทุกกลุ่ม7-8 สมาคม
เข้ามาร่วมอยู่ในงาน จะเป็นงานกิจกรรมของสายวิชาชีพท่องเที่ยวที่จะรักษาไว้เพื่อดึงดูดคนเข้าร่วมมากที่สุด
ภายในงานจะทำในลักษณะ BtoC /business to consumer คือเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกช้อปการท่องเที่ยวอันหลากหลายได้อย่างเต็มที่ โดยได้เชิญองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย (NTOs :National Tourism Organization) ทุกประเทศพร้อมเข้ามาร่วมเปิดบูธ
สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยวจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
มาร่วมกันออกงาน
ร่วมฟื้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อถือว่าธุรกิจกำลังกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว
งานที่ 2 จัดมหกรรมท่องเที่ยวซื้อขายเต็มรูปแบบ ในเดือนสิงหาคม 2566 มีทั้งการจับคู่เจรจาธุรกิจ BtoB : Business to Business และคนทั่วไปเข้ามาเลือกซื้อสินค้าท่องเที่ยวได้ BtoC :Business to Consumer
นายเจริญกล่าวว่า
โดยภาพรวมหลังเปิดประเทศเพราะโควิด-19 คลี่คลายลงมาก
ทางสมาคมไทยบริการการท่องเที่ยวพยายามจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสายการบินนานาชาติ
แต่ด้วยข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 มาจนถึงขณะนี้ 1.สายการบินไม่มีจำนวน
Alotment ที่นั่งโดยสารมากเพียงพอ
จึงทำให้การทำร่วมโปรโมชั่นค่อนข้างไม่คล่องตัว เช่น ตลาดในประเทศ จับมือกับนกแอร์
ทำโปรแกรมท่องเที่ยวเบตง หรือบางกอกแอร์เวย์สก็ทำได้บางเส้นทาง 2.เส้นทางบินยังไม่ได้เปิดครบเหมือนปกติทั่วไป
ล่าสุดได้ลองทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังญี่ปุ่น จอร์เจีย
และกำลังรอทางสาธารณรัฐเกาหลี ไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งจะต้องรอความชัดเจนในการเดินทางเข้าออกทั้ง 3 ประเทศ
ตอนนี้คนไทยจึงนิยมไปเที่ยวเวียดนามเป็นหลัก
ส่วน
“ราคาตั๋วโดยสารเครื่องบิน” เปรียบเทียบก่อนกับหลังสถานการณ์โควิด
ต้นทุนใหม่แตกต่างกันมากปัจจุบันขยับสูงกว่าแต่ก่อนเกิน 30 % แต่ผู้โดยสารยังคงมีภาพจำราคาดั้งเดิมค่อนข้างถูก
แล้วจะขอให้บริษัทตัวแทนนำเที่ยวทำราคาถูกคงจะไม่ได้อีกต่อไป เพราะแม้แต่มาม่ายังต้องปรับขึ้นราคา
ดังนั้นตั๋วเครื่องบินที่ปรับสูงขึ้นก็เป็นไปตามกลไกลการตลาดปกติที่ปรับสูงขึ้นนั่นเอง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์รับ E-Gift Cardช้อปฟรีสูงสุด18,000บาท
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ให้สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ คุ้มค่า รับ E-Gift Card หรือคูปองส่วนลด ตั้งแต่วันนี้ – 28 กันยายน 2565ที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และทุกวันเสาร์
– อาทิตย์ ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
1.สมัครสมาชิก ONYX 60,000
บาท รับ E-Gift Card ช้อปเพิ่ม 18,000 บาท*
2.สมัครสมาชิก SCARLET 6,000
บาท รับ E-Gift Card ช้อปเพิ่ม 1,500 บาท*
3.สมัครสมาชิก NAVY 1,000
บาท รับฟรี! คูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาท* สำหรับช้อป 3,000
บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ(ยอดเงินในการสมัครสมาชิกสามารถนำมาช้อปปิ้งได้เต็มจำนวน)
ด้วย 5 ขั้นตอนง่ายๆ ในการใช้ E-Gift Card และคูปองส่วนลด
ขั้นตอนที่ 1 : เพิ่มเพื่อนผ่าน LINE : @kingpower เลือกแถบเมนู “KING POWER MEMBER”
ขั้นตอนที่
2 : Log-in เข้าสู่บัญชีสมาชิกฯ
ขั้นตอนที่
3
: กดที่รูปบัตรสมาชิกเพื่อแสดงเมนู
ขั้นตอนที่
4 : กด E-Coupon
หรือ E-Gift Card ตามแพ็กเกจที่ได้รับจากการสมัครสมาชิก
ขั้นตอนที่
5 :แสดง QR Code กับพนักงาน Cashier เพื่อชำระค่าสินค้า
ข่าวที่ 2
คิงเพาเวอร์มหานครชวนทัวร์“Wonders of Nature”โลกกลางคืน4สไตล์
คิง
เพาเวอร์ มหานคร ชวนมาปลุกความมหัศจรรย์ของธรรมชาติยามค่ำคืนกับ “Wonders of Nature” ที่นำศิลปะผสมผสานกับเทคโนโลยี
ออกแบบและสื่อสารผ่าน “แสง” “สี” “เสียง” มาเป็นดินแดนต่างๆ
ที่สะท้อนความสวยงามของธรรมชาติในยามค่ำคืนได้อย่างตื่นตาตื่นใจ
มาค้นหากันได้บริเวณจุดชมวิวสูงที่สุดชั้น 74 คิง เพาเวอร์
มาหานคร ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 19.00 – 22.00 น. ในโลกของธรรมชาติยามค่ำคืนที่แสนลึกลับ
แต่ภายใต้ความลึกลับนั้นล้วนมีสิ่งมหัศจรรย์ซ่อนอยู่และเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
แวะมาถ่ายรูปกับมุมเก๋ๆ ที่จุดชมวิวที่สูงที่สุดในงาน “Wonders of Nature” ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติยามค่ำคืน
กับ 4 ดินแดน
1. Shiny Bubble 2.Thhe Way to Paradise 3. Forest Square 4.Cloud of You วันนี้ – 15 พ.ย. 65 เวลา 19.00
– 22.00 น.z ชั้น 74 คิง
เพาเวอร์ มหานคร ราคาบัตรคนละ 350 บาท ที่ โทร 0 2677 8721
1.บับเบิลน้ำสีเงินวาววับ
“น้ำ”
คำสั้นๆ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย
เราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีน้ำ เพราะ “น้ำคือชีวิต”
น้ำดึงดูดใจเราให้เข้าหาอยู่เสมอ
และรู้ไหมว่าการที่มนุษย์ชอบอยู่ใกล้น้ำไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากเพราะน้ำมีสีที่สวยงามตามธรรมชาติ
ช่วยเยียวยาจิตใจของเราให้พบ “ความสงบ” ได้มากขึ้น ในดินแดนนี้
จำลองให้เห็นถึงความสวยงามของท้องน้ำด้วยบับเบิลสีเงินวาววับ
ให้คุณได้จำลองตัวเองในโลกใต้น้ำอันแสนสงบและลืมความวุ่นวายในชีวิตประจำวันไปชั่วคราว
2.The Way to
Paradiseทางเดินสู่สรวงสวรรค์ที่เต็มไปด้วยกลิตเตอร์บนท้องทะเล
ในเวลาพลบค่ำ
พระอาทิตย์ตกส่องแสงลงมาสู่ท้องทะเล ยิ่งดูยิ่งหลงใหล สะท้อนกับน้ำให้แสงที่สวยงาม
มีแมงกระพรุนตัวน้อยๆ ว่ายอยู่ท่ามกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่ รู้สึกถึงความเงียบสงบ
ได้ฟังเสียงของหัวใจเต้นเป็นจังหวะ สัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกของตัวเอง
สมองโล่งปลอดโปร่ง รับกับความละมุนละไมที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้ให้ทุกคน
3.Forest Square
ป่าไม้สีรุ้ง สวยงามมีความลึกลับซ่อนอยู่
ป่าไม้ในโลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์มากมาย
ในเวลากลางวันดูสวยงาม มีความเขียวชอุ่มหนาแน่น ในเวลากลางคืนบางแห่งก็ลึกลับจนดูน่ากลัว
แต่บางแห่งกลับสว่างไสวสวยงามราวกับเทพนิยาย “ต้นไม้”
เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีความสำคัญและมีคุณค่ายิ่ง
เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อมวลมนุษย์สรรพสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
เมื่อรวมกันจำนวนมากกลายเป็นผืนป่าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ป่าไม้”
เกิดแหล่งทรัพยากรต่างๆ เช่น
ทรัพยากรทางน้ำ ทะเล อากาศ แร่ธาตุ ทั้งใต้ดินและบนดิน
สิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์เหล่านี้ต่างอาศัยซึ่งกันและกัน จากผืนป่าสู่แม่น้ำลำธาร
เป็นแหล่งให้ที่อยู่ที่กินของสรรพสัตว์ เกิดอากาศบริสุทธิ์
เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุที่เป็นทรัพยากรที่สามารถนำมาพัฒนาให้มีความเจริญยั่งยืนต่อไป
4.Cloud of You มวลหมู่ก้อนเมฆที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เพราะก้อนเมฆไม่ได้บอกถึงเพียงสภาพอากาศ
หลายคนชอบมองก้อนเมฆเพราะมีรูปทรงที่แปลกตา สะกดให้เราหยุดมองและเกิดจินตนาการรูปต่างๆ
แม้จะเป็นเมฆก้อนเดียวกันก็ตาม ต่างคนต่างมองก็จินตนาการต่างกัน
บางครั้งเมฆก็สีสวยเสียจนอยากหยิบกล้องมาเก็บภาพบันทึกไว้
เมฆผูกพันกับชีวิตเราในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในชื่อเฉพาะ สำนวนภาษา วรรณกรรม
ตลอดจนคติความเชื่อต่างๆ ท้องฟ้าที่แต้มแต่งด้วยมวลหมู่เมฆ
ล้วนเป็นความสุขจากฟากฟ้าที่ใครก็สัมผัสได้
ข่าวที่ 3 ททท.บูมเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึงขายโวเชอร์9บาทถึง15พ.ย.นี้
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้เปิดตัวโครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” กระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย พร้อมจัดกิจกรรม “วงล้อแห่งความคิดถึง” ผ่านเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandimissyou ชวนหมุนวงล้อลุ้นรับ Voucher ราคาสุดพิเศษ สำหรับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทย หวังดันเป้าหมายจำนวนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 160 ล้านคน-ครั้ง ภายในสิ้นปี 2565 โดยมีนายแมทธิว ดีน และน้องเดมี่ ดีน
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเลือกซื้อ Voucher ได้ทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/thailandimissyou ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่ 16 กันยายน – 18 พฤศจิกายน 2565 (เฉพาะวันศุกร์เท่านั้น) ผู้ที่ซื้อ Voucher ภายใต้กิจกรรมวงล้อแห่งความคิดถึง มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลฟรีจากทางโครงการฯ 10 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท
โครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” ททท.ดำเนินการภายใต้แคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายปี 2565 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทย 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 656,000 ล้านบาท ต่อเนื่องจากสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2565 มีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวไทยแล้วกว่า 113,635,246 คน-ครั้ง แบ่งเป็นนักท่องเที่ยว 74,335,927 คน-ครั้ง และนักทัศนาจร 48,702,397 คน-ครั้ง
การจัดทำโครงการ
เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง เพื่อกระตุ้นคนเที่ยวทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ช่วยกระจายรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวครบวงจรทั้ง
ธุรกิจด้านที่พัก ร้านอาหาร สปา แหล่งท่องเที่ยว
ธุรกิจรายย่อยที่ประกอบกิจการในพื้นที่ต่าง ๆ
ดังนั้น ททท. จึงไฮไลต์จัดกิจกรรม “วงล้อแห่งความคิดถึง” ดึงดูดคนเข้าร่วมกิจกรรมจะต้องหมุนวงล้อ ซึ่งเปิดเฉพาะวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์
ในวงล้อประกอบไปด้วย Voucher ราคาพิเศษ,
Voucher 9 บาท, Voucher ฟรี!,
เส้นทางท่องเที่ยวให้หายคิดถึง, ตอบคำถามเที่ยวฟรี,
และดีลดี หายคิดถึง จำกัดสิทธิ์ หมุนวงล้อ 3
ครั้ง/คน/สัปดาห์ หากผู้เข้าร่วมกิจกรรมหมุนวงล้อได้ในตัวเลือก Voucher ราคาพิเศษ
และ Voucher 9 บาท จะได้รับสิทธิ์เลือกซื้อ Voucher ในหมวดตัวเลือกนั้น
ๆ ได้อย่างน้อย 1 Voucher/คน/สัปดาห์ มีทั้งหมด 1,500
รายการ จากสินค้าท่องเที่ยว 5 หมวดประกอบด้วย 1. วงล้อแหล่งท่องเที่ยวที่คิดถึงที่สุด
2.วงล้อที่พักที่คิดถึงที่สุด 3. วงล้อร้านอาหารที่คิดถึงที่สุด
4. วงล้อการเดินทางที่คิดถึงที่สุดและ 5.วงล้อกิจกรรมท่องเที่ยวที่คิดถึงที่สุด
ข่าวที่ 4 TCEBเปิดแพลตฟอร์มหางานไมซ์จัดนัดพบเด็กใหม่กับธุรกิจเอกชน
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) TCEB เชิญชวนนักศึกษาจบใหม่และผู้ที่สนใจงานไมซ์ (การจัดประชุมสัมมนา การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล งานประชุมนานาชาติ งานแสดงสินค้า และงานอีเวนต์) โดยได้เปิดตัว MICE Student Chapter แพลตฟอร์มจัดหางานสำหรับนักศึกษาจบใหม่หรือผู้ที่สนใจงานไมซ์ เข้ามาได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.micestudentchapter.com
หรือจะเป็นผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมไมซ์ ที่ต้องการเปิดรับและให้โอกาสคนคุณภาพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไมซ์ สร้างช่องทางเข้าถึงตลาดออนไลน์ในการหางานและหาคนของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไมซ์ที่มีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกว่า 30 แห่ง
นอกจากการหางานแล้ว MICE Student Chapter ยังมีคอร์สเรียนต่าง ๆ ที่เป็นความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ในมิติต่าง ๆ ให้ผู้สนใจเข้ามาลงเรียนได้ฟรี
ผู้ที่สนใจอยากมาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไมซ์ สามารถเข้าไปหางาน
ศึกษาข้อมูล หรือดูคอร์สเรียนต่าง ๆ ได้ที่ www.micestudentchapter.com
ข่าวที่ 5 BFPLเปิดทางสะดวกอีสานส่งน้ำมันโรงกลั่นบางจากสู่คลังขอนแก่น
นายนิพนธ์
เลิศทัศนีย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์
จำกัด (BFPL) เปิดเผยว่า ได้ BFPL เป็นธุรกิจในเครือ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ล่าสุดได้อำนวยความสะดวกจัดส่งน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
สู่คลังน้ำมันขอนแก่นของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด (TPN) เพื่อสนับสนุนการเปิดใช้บริการคลังน้ำมันแห่งใหม่ในขอนแก่น
โดยนับเป็นรถบรรทุกน้ำมันคันแรกที่เข้าสู่คลังฯ
ผ่านเครือข่ายการขนส่งเชื้อเพลิงที่ครบครัน
ครอบคลุมตั้งแต่ท่อขนส่งน้ำมันกรุงเทพ-บางปะอิน เสริมด้วยเครือข่ายการขนส่งทางรถ
เส้นทางบางปะอิน-คลังน้ำมันขอนแก่น อ.บางไผ่ จ. ขอนแก่น
ภายในงานส่งมอบรถบรรทุกน้ำมันลิตรแรกเข้าสู่คลังน้ำมันขอนแก่น
(First Oil Arrival) ในครั้งนี้ มีนายปฏิวัติ
ทิวะศะศิธร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ-โรงกลั่น
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารบางจากฯ
และนายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท
กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด หรือ BFPL ร่วมแสดงความยินดีแก่นายลือชัย
สุดสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ก จำกัด
นายนิพนธ์
เลิศทัศนีย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์
จำกัด (BFPL) กล่าวว่า บริษัท BFPL ได้ดำเนินการขนส่งน้ำมันของบางจากฯ
จากโรงกลั่นน้ำมัน บางจากเข้าสู่คลังน้ำมันขอนแก่นของ TPN เพื่อสนับสนุนการทดสอบระบบคลังน้ำมันขอนแก่น
ที่เปิดให้บริการคลังน้ำมันอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2565 เป็นต้นไป
โดยเครือข่ายขนส่งเชื้อเพลิงที่ครบวงจรของ BFPL จะครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งผ่านระบบท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางกรุงเทพฯ-คลังน้ำมันบางปะอิน
ความยาว 69 กิโลเมตร ต่อด้วยการขนส่งทางรถจากคลังน้ำมันบางปะอิน -
คลังน้ำมันขอนแก่น
“คลังน้ำมันขอนแก่นนี้เป็นคลังน้ำมันแห่งใหม่ที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นบนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่
ความจุถังรวมประมาณ 157 ล้านลิตร
การขนส่งน้ำมันสู่คลังขอนแก่นในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคอีสานสามารถลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน
สามารถคำนวณและควบคุมระยะเวลาขนส่งได้ดีขึ้น โดยช่วยลดระยะทางวิ่งขนส่งน้ำมันราว
365 กิโลเมตร และลดเวลาวิ่งรถบนท้องถนนลง 12 ชั่วโมง” นายนิพนธ์กล่าว
ทั้งนี้
บริษัท BFPL ได้สิทธิในการบริหารระบบท่อขนส่งน้ำมันทางท่อความยาวท่อรวม
99 กิโลเมตร ครอบคลุมเส้นทางกรุงเทพฯ-คลังน้ำมันบางปะอิน ความยาว 99 กิโลเมตร
(ความยาวช่วงกรุงเทพ-บางปะอิน 69 กิโลเมตร และท่อน้ำมันอากาศยาน 30 กิโลเมตร)
ครอบคลุมระบบท่อส่งน้ำมันเบนซินและดีเซลระหว่างโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
คลังน้ำมันอื่นๆ และคลังน้ำมันบางปะอิน ระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง
รวมถึงท่อก๊าซธรรมชาติ เข้าสู่บริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด
(ตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) รวมระยะเวลา 20 ปี
เริ่มต้นจากวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2584
นายนิพนธ์
กล่าวเสริมว่า ด้วยเครือข่ายการขนส่งน้ำมันที่ครบวงจร
หลังจากที่บริษัทมีระบบท่อขนส่งน้ำมันเข้ามาเสริมในปีนี้
ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอทางเลือกรูปแบบการขนส่งเชื้อเพลิงที่หลากหลาย
เชื่อมต่อกันง่ายเบ็ดเสร็จในจุดเดียว
และเกิดความคุ้มค่าในเชิงต้นทุนได้มากที่สุดสำหรับผู้ค้าน้ำมันทุกรายที่สนใจ
ขนส่งน้ำมันได้หลากหลายทั้งดีเซล เบนซิน และน้ำมันเครื่องบิน
ผ่านการจัดการอย่างเป็นระบบ ควบคุมเวลาได้ ตัดปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด
ลดการใช้เชื้อเพลิง ไม่มีเรื่องของเสีย ที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งด้วยยานพาหนะ
และยังช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนได้อีกทาง
ช่วงที่ 2 เที่ยวกันเถอะ เมืองไทยกับสายน้ำ
ล่องเรือไฟฟ้าชมวิถีริมสองเจ้าพระยาได้ถึง 4 จังหวัด
“กรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยา” เปิดมุมมองใหม่ในการเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสร้างเศรษฐกิจสีเขียว
แล้วมาก็ดู “5วิธีเลือกซื้อนมถั่วเหลืองดื่มได้คุณค่า”
และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ททท.ผนึก3กระทรวงขายทัวร์3อารยะ “อยุธยา/ละโว้/ทวารวดี” และ ข่าวที่สอง “ชมด่วนSX 2022กับ5โซนมัลติมีเดียงานรักษ์โลก” ที่ NCC หรือศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 26ก.ย.-2 ต.ค.65
ท่องเที่ยว-เที่ยวสนุก!!เจ้าพระยา4จังหวัด กรุงเทพฯ -นนทบุรี-ปทุม-อยุธยา
ทริปนี้มาชวนกันเที่ยวเมืองไทยเส้นทางสร้างสรรค์
“ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 4 จังหวัด”
กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และ พระนครศรีอยุธยา
เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำในการดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงหรือกลุ่ม
Premium และ Premium mass ที่แสวงหาประสบการณ์การท่องเที่ยวมุมใหม่ของการท่องเที่ยวทางน้ำไปพร้อมกับการทำกิจกรรมตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจ
Bio Circular และ Green หรือ BCG
Model โดยคำนึงถึงความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยวและการมีส่วนร่วมของชุมชน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้นำร่องจัดทริปล่องเรือไฟฟ้า
และการใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
ตลอดจนยังได้ส่งเสริมผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA และส่งเสริมความร่วมมือในการต่อยอดให้เกิดการพัฒนาคุณภาพโครงข่ายทางด้านการท่องเที่ยวต่อไป
ระหว่างเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ ที่ “จังหวัดปทุมธานี” นำเสนอแวะเยี่ยมชมความหลากหลายวัฒนธรรมชาวไทย-มอญ
เข้ากับกิจกรรมร่วมสมัยต่าง ๆ เริ่มต้นเส้นทางจาก ท่าเรือ Riverdale Marina ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Riverdale
District อยู่ระหว่างการพัฒนาจุดพักผ่อนแห่งใหม่อย่างเต็มรูปแบบ
มีทั้ง สนามกอล์ฟระดับสากล โรงแรม ศูนย์สุขภาพ คอมมูนิตี้มอลล์
และได้แวะเยี่ยมชม และทำกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด
คือ
1.ไหว้ขอพรเซียนแปะโรงสี ณ วัดศาลเจ้า
2.ชมความงามของวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยาพร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสิงห์
3.แวะทำกิจกรรม DIY ที่ Pumpkin
Art Town ร้านอาหาร คาเฟ่
และแหล่งรวมงานอาร์ตที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
4.ทดลองขับ Scooter ไฟฟ้ารอบจัตุรัสปทุม
เพื่อชมความงามของอาคารเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6
5.เยี่ยมชมวัดบางหลวง
วัดมอญที่มีลักษณะพิเศษในการสร้างโดยไม่มีเสา และเป็นที่ประดิษฐานของ
“หลวงพ่อใหญ่” พระประธานปางมารวิชัยที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในจังหวัดปทุมธานี
6.ออกกำลังกายพาย SUP ในแม่่น้ำเจ้าพระยา พร้อมชมวิถีริมน้ำที่ SUP Station Thailand
กิจกรรมทางการท่องเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา ได้สร้างสรรค์เรื่องราวอัตลักษณ์ของไทย
เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวให้สูงขึ้นและสามารถกลับมาเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้
ใน “ปทุมธานี” เชิญชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งความหลากหลายชวนค้นหาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
วัดวาอาราม โบราณสถาน และกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
การท่องเที่ยววิถีชุมชนและกีฬาทางน้ำ ซึ่งสอดรับกับหลัก Happy model ได้แก่ การกินดี อยู่ดี
ออกกำลังกายดีและแบ่งปันสิงดี ๆ ร่วมกัน
โครงการจัดทำข้อมูลและสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำกรุงเทพมหานคร-พระนครศรีอยุธยา
สามารถต่อยอดให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำของประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคตซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประเทศและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น
ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
นักท่องเที่ยวเข้าไปดาวโหลดดูเสนทางท่องเที่ยวล่องแม่น้ำเจ้าพระยาได้ที่ Download E - book ได้ทาง www.https://tourismproduct.tourismthailand.org
สุขภาพ- 5วิธีเลือกซื้อนมถั่วเหลืองดื่มให้ได้คุณค่าทั้งโปรตีนและโภชนาการ
นมถั่วเหลืองเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมานาน เนื่องจากมีสารอาหารที่ครบถ้วน อีกทั้งยังเหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้ที่มีข้อจำกัดทางสุขภาพบางกรณี เช่น ผู้ที่มีภาวะทนต่อน้ำตาลแลคโตสในนมวัวไม่ได้ คือ ผู้ที่มีอาการท้องเสีย ท้องอืด ไม่สบายท้องหลังจากดื่มนมวัว ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้โปรตีนนมวัว และผู้ที่เป็นมังสวิรัติแบบที่ไม่เลือกดื่มนมวัว แต่เราก็มักประสบปัญหาการ “เลือกไม่ถูก” เมื่อเดินเข้าไปในร้านซูเปอร์มาเก็ตหรือร้านขายของชำที่มีนมถั่วเหลืองมากมายหลายสูตรให้เลือกดื่มกัน วันนี้เรามีเคล็ดลับจากนักกำหนดอาหารมาฝากกันว่า ควรเลือกนมถั่วเหลืองอย่างไร ให้ดีต่อสุขภาพที่สุด
วิธีเลือกนมถั่วเหลือง (ที่วางขายให้เลือกละลานตาเหลือเกิน)
1.ผ่านสายตากับคำกล่าวอ้างด้านหน้ากล่องก่อนสิ่งอื่นใด ควรมองหานมถั่วเหลืองหรือเครื่องดื่มธัญพืชที่มีการระบุว่า
– น้ำตาลน้อย, น้ำตาลน้อยกว่าสูตรปกติ, หวานน้อย,
หวานพอดี– มีแคลเซียม, มีแคลเซียมสูง–
มีวิตามิน, มีแร่ธาตุ ทั้งนี้
เพื่อเป็นการคัดกรองเบื้องต้นว่า ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
เอาใจใส่ผู้บริโภคในการปรับเพิ่มคุณค่าสารอาหาร ก่อนที่จะหยิบมาอ่านฉลากโภชนาการดูรายละเอียดกันต่อ
2.พลิกไปดูจำนวนหน่วยบริโภค
การอ่านฉลากโภชนาการจะทำให้เราได้ทราบข้อมูลสารอาหารต่าง ๆ
ในผลิตภัณฑ์ที่เราสนใจ ข้อสำคัญคือ ด้านบนสุดของกรอบฉลากโภชนาการจะมีการระบุ
“จำนวนหน่วยบริโภค” เอาไว้ เพื่อแสดงให้เราทราบว่า ผลิตภัณฑ์กล่องหรือขวดที่เราถืออยู่
“ควรแบ่งกินกี่ครั้ง” และข้อมูลสารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ด้านล่างลงไป
เป็นข้อมูลของสารอาหาร ต่อการรับประทาน 1 ครั้ง ถ้าใครบริโภคกล่องที่เขียนว่า
จำนวนหน่วยบริโภคต่อกล่อง : 4
แปลว่าแบ่งรับประทานได้ 4 ครั้ง แต่หากเราเทดื่มรวดเดียวหมด ก็ให้นำสารอาหารที่อ่านเจอคูณ
4 ไปด้วยนะครับ
3.มองหาปริมาณโปรตีน
เนื่องจากนมถั่วเหลืองหรือนมธัญพืชต่างๆ
จะมีปริมาณโปรตีนที่ต่ำกว่านมวัวโดยพื้นฐานอยู่แล้ว
เราจึงควรเปรียบเทียบปริมาณโปรตีนจากแต่ละยี่ห้อให้ดี คำแนะนำในการบริโภคคือ
ควรมีโปรตีนตั้งแต่ 6 กรัมขึ้นไปต่อ 1 หน่วยบริโภคหรือ 1 กล่องขนาดทั่วไป (ปริมาณ
200-250 มิลลิลิตร) เทียบจากการบริโภคไข่เบอร์ 3 หนึ่งฟอง
เพื่อให้ได้โปรตีนอย่างคุ้มค่า
4.อ่านน้ำตาลให้ขาด
เรารู้กันดีว่า น้ำตาลเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความอ้วนได้
กระนั้นก็อย่าถึงกับแบนน้ำตาลเลย เราสามารถบริโภคน้ำตาลได้ประมาณวันละ 6
ช้อนชาโดยไม่ต้องกังวลว่ารอบเอวจะเพิ่ม โดยเราสามารถทราบว่านมถั่วเหลืองแต่ละกล่อง
หรือแต่ละหน่วยบริโภคมีน้ำตาลกี่ช้อนชาได้ ด้วยการอ่านปริมาณน้ำตาลเป็นกรัม
จากฉลากโภชนาการและนำมาหารด้วยเลข 4
จะได้จำนวนช้อนชาของน้ำตาลต่อหน่วยบริโภคหรือกล่องนั้น ๆ (เพราะน้ำตาล 1
ช้อนชาจะหนักประมาณ 4 กรัมครับ) ยกตัวอย่าง
นมถั่วเหลืองยี่ห้อหนึ่งกล่าวอ้างว่าบนฉลากว่ามีน้ำตาลน้อย แล้วอ่านพบว่ามีน้ำตาล
2 กรัม เราก็จะทราบได้ว่ามีน้ำตาลอยู่ 2 หาร 4 เท่ากับ 0.5
หรือครึ่งช้อนชาต่อการดื่ม 1 กล่องนั่นเอง เราก็สามารถดื่มได้วันละ 2
กล่องอย่างสบายใจ (แต่ก็ต้องระวังปริมาณน้ำตาลเพิ่มเติมจากเครื่องดื่มหวานอื่นๆ
ด้วยนะครับ)
5.ไขมัน
ต้องแคร์ไหม
หลายคนก็ยังคงเกรงกลัวการกินไขมัน แต่ความจริงแล้วไขมันสามารถช่วยในการดูดซึมวิตามินหลากหลายชนิด
รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทในการต้านมะเร็งได้
และยังทำให้เราอิ่มท้องได้หลังจากกินอีกด้วย อย่างไรก็ตาม
เราควรดูตัวเลขปริมาณไขมันอิ่มตัวบนฉลากโภชนาการ ซึ่งไม่ควรได้รับมากจนเกินไป
แต่โดยธรรมชาติแล้ว นมถั่วเหลืองจะมีปริมาณไขมันอิ่มตัวอยู่น้อยมาก (ไม่เกิน 1-2
กรัมต่อกล่อง)
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –ททท.ร่วม3กระทรวงนำร่องบูมทัวร์3อารยะอยุธยา/ละโว้/ทวารวดี
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้รับนโยบายจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ให้ดำเนินการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับภาครัฐและเอกชน 3 องค์กร คือ กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวตกรรม หอการค้าไทย สำนักบริหารวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์
และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย จับมือกันบูรณาการ
ออกแบบเส้นทางแห่งประสบการณ์ทรงคุณค่า ด้วยมรดกล้ำค่า
เส้นทางประวัติศาสตร์อารยธรรมไทยสร้างสรรค์ 5 ภูมิภาค นำร่อง 3 เส้นทางอารยะ ได้แก่
อยุธยา ละโว้ ทวารวดี อันจะเป็นเส้นทางนำร่องสามารถขับเคลื่อนเมนูประสบการณ์พัฒนาและส่งเสริมสินค้า
BCG กลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพ หมุนเวียนและสีเขียวได้ ตามนโยบายรัฐบาลในคอนเซ็ปต์Happy
Model อย่างเป็นรูปธรรมได้
ททท. เล็งเห็นถึงผลสำเร็จจากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ทั้ง 3 องค์กร
สามารถต่อยอดสร้างสรรค์เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ไปยังแหล่งท่องเที่ยวอารยะอื่น
ๆ เช่น อารยธรรมตามพรลิงค์ อารยธรรมโคตรบูร อารยธรรมล้านลา อารยธรรมศรีวิชัย
และอารยธรรมทวารวดี กระตุ้นให้การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ช่วยส่งเสริมวิถีชีวิตชุมชน
อาหารและการแต่งกาย สถาปัตยกรรม เทศกาลงานประเพณี ตลาดและการค้าท้องถิ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่สนใจเที่ยวในลักษณะเพิ่มพูนความรู้และทัศนคติต่อการเป็นชาติไทยเป็นพลเมืองไทยที่ดีสืบไป
สำหรับพิธีร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์สร้างสรรค์ครั้งนี้มีตัวแทน
ประกอบด้วย ศาสตร์จารย์ ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.นายธวัชชัย เศรษฐจินดา
รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นางสาวสิริธรรม ณ ระนอง
ผู้อำนวยการสำนักบริหารวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์
และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย
นับจากนี้เป็นต้นไปทั้ง 3 องค์กร จะเร่งเดินหน้าพัฒนาเส้นทาง
และชุดข้อมูลประวัติศาสตร์แหล่งท่องเที่ยวศักยภาพซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของไทย ด้วยการออกแบบสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำ
ช่วยพัฒนาผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้มีศักยภาพรองรับและแข่งขันได้ รวมทั้งช่วยส่งเสริมการตลาดและการโฆษณาประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้เป็นวงกว้างเข้าถึงกลุ่มหมายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ข่าวที่สอง -ชมด่วนงานSX
2022ตื่นตากับ5โซนมัลติมีเดียที่NCC26 ก.ย.-2ต.ค.
ชวนไปชมงาน Sustainability Expo 2022 (SX2022) จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่
3 กับมหกรรมด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ภายใต้แนวคิด
“พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” และห้ามพลาด! Food Fest เมนูอร่อยไร้ขยะจากเหล่าเชฟ
ช็อปสินค้าและงานคราฟโดนใจเพื่อชุมชนและสังคม และโซน Kids Zone ฐานกิจกรรมพิทักษ์โลกแสนสนุกสำหรับเหล่าตัวจิ๋ว บนพื้นที่กว่า 40,000 ตร.ม. ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 7 วัน เปิดให้เข้าฟรี ตั้งแต่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคม 2565
ในวันจันทร์
ที่ 26 กันยายน 2565 นี้ เตรียมเปิดตัว Sustainability Expo 2022 (SX 2022) เวลา 14.00 น. บริเวณชั้น G
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีเครือข่ายองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนภาครัฐ
และเอกชน พันธมิตรทุกภาคส่วนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
งาน Sustainability Expo 2022 (SX2022) เกิดจากความร่วมของทุกภาคส่วนในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของเมืองไทย งานเดียวที่รวม 50 องค์กร 100วิทยากร 200 เครือข่ายธุรกิจยั่งยืนมาไว้ที่เดียว พบกับ 5 โซนนิทรรศการมัลติมีเดียเต็มรูปแบบ
ได้แก่
โซนที่ 1 SEP Inspiration ร่วมเจาะลึกหัวใจแห่ง SX แรงบันดาลใจจาก
Sufficiency Economy Philosophy และ UNSDGs พาไปเข้าใจสมดุลใหม่บนจอโอบล้อมรอบตัว บอกเล่าเรื่องราวของโลกในมิติต่างๆ และความรู้ใหม่จากองค์กรที่เป็นนักปฏิบัติด้านความยั่งยืน
โซนที่ 2 Planet Possible at SX Grand
Plenary Hall : Immersive Experience Pavilion ฉายภาพยนตร์สุดอลังการ
จาก National Geographic พบประสบการณ์ใหม่ที่คุณจะเข้าใจว่าโลกต้องการอะไร
โซนที่ 3 BETTER ME ร่วมสัมผัสนวัตกรรมแสนสนุกที่ดีต่อเรา
ดีต่อโลก ทั้งด้านโภชนาการ การเกษตรสมัยใหม่
ผลงานด้านความยั่งยืนจากคนรุ่นใหม่ทุกสาขาวิชา
รวมไปถึงการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อชีวิตวิถีใหม่พร้อมการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
โซนที่ 4 BETTER LIVING ตื่นตากับ Noah’s Ark Theatre แสงสีเสียงอิ่มตาในเรือโนอาห์ยักษ์ยานพาหนะสุดท้ายในตำนานวันสิ้นโลก
พบหลากหลายตัวอย่างสำคัญจากองค์กรผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับโลกจากไทยและต่างประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจและรวมองค์ความรู้มากมาย
โซนที่ 5 BETTER COMMUNITY อัพเดทเทรนด์สุดล้ำเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในยุคสมัยที่เทคโนโลยีพาเราไปถึงโลกเสมือน
แต่ยังต้องใส่ใจโลกในทุกมิติ อาทิ Green Space, Smart City, Creative
Economy และ EV Park
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น