ททท.ปี2566เปิดกลยุทธ์ตลาดยุโรปABCD Fast Forward ดึงท่องเที่ยว4ทวีปยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง อเมริกา เข้าไทย30%
ททท.ผ่าใหม่ปี’66โกยตลาดไกล4ทวีปงัดABCD Fast Forward
“ยุโรป-อเมริกา-ตะวันออกกลาง”ตั๋วบินเข้าไทยเต็มถึงก.พ.66
เร่งแอร์ไลน์โลกลุยเพิ่ม“เส้นทาง+ที่นั่ง+ความถี่”เพิ่มรายได้30%
สมัครคิงเพาเวอร์NAVY&SCARLETรับพลัสขั้นกว่ารับปีใหม่66
ฉลองตรุษจีน3ไทยเทสต์ฮับคิงเพาเวอร์”รางน้ำ/ศรีวารี/มหานคร”
“ยุทธศักดิ์”ผนึก8รองผู้ว่าททท.เปิดVisitThailandเขย่าตลาดโลก
บางจากซื้อหุ้นสามัญเอสโซ่5.5หมื่นล้านเสร็จในครึ่งหลังปี66
ทัวร์พัทยาสุดฟินปีกระต่ายทองปักหมุดหมายชวนกันไป5พิกัด
กต.หยั่งเสียงสมาชิกBIEทั่วโลกโหวต“ไทยเจ้าภาพExpo 2028”
บางกอกแอร์แจกโปรดีNew Year Gift2023ลดตั๋วบินทั่วไทย20%
ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร
รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง อเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #VisitThailandYear2023
#เที่ยวแม่ฮ่องสอน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่
1 พลิกเกมตลาดกับ
“ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง
และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำ 4 ทวีป
งัดใช้กลยุทธ“ABCD
Fast Forward” ฝ่าความท้าทาย “ตั๋วบิน” ยุโรป
อเมริกา เต็มยาวถึง ก.พ.66 “อัตราบรรทุกผู้โดยสารแน่น 90 % แต่ต้องเร่งความเร็วหาแอร์ไลน์สใหม่ฟื้นเส้นทางและความถี่
ได้แรงหนุน แอร์แคนาดา เดลต้าแอร์ โคเรียนท์แอร กับ 13 สายการบินตะวันออกกลาง
และชาเตอร์ไฟลต์ สานฝันเข้าเป้าปีกระต่าย รายได้ 40 % ของ 1.7 ล้านล้านบาท
จำนวนทัวร์ต้องได้ 30
% ของ 25 ล้านคน
นายศิริปกรณ์
เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง
และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวปี 2566 ตลาดทั้ง
4 ทวีป
ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ทั้งหมดเป็นระยะไกล (longhaul)
ซึ่งจะต้องให้น้ำหนักกับเรื่อง “การบิน”
เพราะการเดินทางแต่ละประเทศมาไทยจะต้องใช้เวลา 6-12 ชั่วโมง ขณะนี้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำให้ไทยเป็นประเทศมั่นคง
ปลอดภัย เชื่อมั่นได้ โดยจะดันเป้าหมายทั้ง 4 ทวีปภาพรวมด้าน “รายได้” ให้ถึง 40 % ของต่างประเทศทั้งหมดปีนี้ตั้งไว้
1.5 ล้านล้านบาท
กับ “จำนวนนักท่องเที่ยว” 30
% (จากทั้งหมด 25 ล้านคน)
เพราะพักเฉลี่ยนานวันกว่าตลาดอื่น ๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับ
ทำให้อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร
(Load Factor)
สายการบินทำได้ถึง 80-90
% ยอดจองที่นั่งเที่ยวบินก็เต็มยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์
2566 แต่
ททท.ก็ยังหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เพราะ “จำนวนเที่ยวบินและที่นั่งโดยสาร”
เต็มแบบจำกัด ต้องหาวิธีเพิ่มความถี่เที่ยวบินกลับมาให้ใกล้เคียงกับช่วงสถานการณ์ปกติปี
2562
ททท.พยายามเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุกร่วมกับสายการบินต่อไป
ในจังหวะที่นักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลพักในเมืองไทยนานวันขึ้น
ผลจากการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 50 ประเทศ ขยายวันพัก VISA On Arrival อยู่ในไทยได้นานถึงครั้งละ
45 วัน
จากเดิมเพียง 30 วัน
จากผลสำรวจพบว่า ตอนนี้มีต่างชาติ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเดินทางเป็นคู่ (couple)
กับกลุ่มผู้สูงวัย อยู่ในไทยนานถึง 40 วัน
ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าต่อด้วย
กลยุทธ์ “A B C D Fast Forward” ขับเคลื่อน
A-Airlines ร่วมมือกับสายการบิน
ประกอบด้วย 1.บินตรงแบบไม่แวะพัก
(Regular flight)
ไฮไลต์คือ “แอร์แคนาดา”
ได้เปิดประวัติศาสตร์ครั้งแรกจากแวนคูเวอร์มากรุงเทพฯ บินตรงแบบไม่แวะพัก (Regular flight)
ใช้เวลา 18 ชั่วโมง
แต่จะบินสัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ตั้งแต่ 3 ธันวาคม
2565
ไปจนถึงเมษายน 2566
ต่อด้วย“เดลต้าแอร์”
จับมือ “โคเรียนท์แอร์” ขายตั๋วเป็นแพกเกจข้ามทวีป
นำผู้โดยสารจากอเมริกามาต่อเครื่องที่เกาหลีใต้ แล้วเดินทางมาเมืองไทย
ซึ่งตรงกับสูตรการตลาดของไทย “เมืองรอง ไม่เป็นสองรองใคร”
เพราะเครือข่ายเส้นทางบินของเดลต้าแอร์จะบินจากเมืองรองมากมายมาท่องเที่ยว
ซึ่งทางโคเรียนแอร์ไลน์ส จะกระจายบินไปยังภูเก็ต เชียงใหม่ แล้วยังมีอีกหลายสายการบินอย่าง “แอโร่ฟลอต”
รัสเซีย
2.เที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter flight) เพื่อรองรับผู้โดยสารที่ไม่สามารถหาซื้อตั๋วโดยสารจากเที่ยวบินตรงปกติได้
ตอนนี้หลายบริษัทได้คุยกับแอร์ไลน์ส ทั้งจากรัสเซีย แมนเชสเตอร์ โปแลนด์
สาธารณรัฐเชค และอีกหลายเมืองทวีปไกลก็สนใจทำเช่าเหมาลำมาเที่ยวเมืองไทย
เนื่องจากมีสล็อตบินเหลือจากการที่สายการบินปกติไม่ได้ใช้สิทธิการบินทั้งหมด
สำหรับ
“ตะวันออกกลาง” บินมาไทยมีถึง 13 สายการบิน เอมิเรตส์ จะมีสายการบินลูกอย่าง Fly Dubai ไปลงกระบี่
อู่ตะเภา(พัทยา)
ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่กำลังแสวงหาประสบการณ์อย่างมีคุณค่าและความหมาย สอดคล้องตามคอนเซ็ปต์การส่งเสริมของททท.เรื่อง
Meaningful Travel
รวมทั้งได้ใช้ศักยภาพประเทศในตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทย
ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินต่อเครื่องของยุโรปมาไทยได้ด้วย ซึ่งมีเด่น ๆ ได้แก่
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และดาวดวงใหม่คือ “ซาอุดิอาระเบีย” มีการบินไทย
ซาอุเดียแอร์ไลน์ส บินทุกวัน วันละ 1 เที่ยว ภายในเวลาไม่ถึงปี
มีนักท่องเที่ยวมาไทยเกือบ 100,000 คน แซงหน้าประเทศอื่นแล้ว ส่วน “อิสราเอล”
บินกับแอลอัลแอร์ไลน์ส บินตรงกรุงเทพฯ ภูเก็ต เริ่มกลับมาคึกคักแล้ว
ส่วนดาวเด่นจาก
4 ทวีป
ที่ “สร้างรายได้” มาจาก “3
เพิ่ม”
เพิ่มเม็ดเงิน เพิ่มวันพักเฉลี่ย เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อวัน
ซึ่งแต่ละประเทศล้วนมีความโดดเด่นเกือบทั้งหมด อย่าง แคนาดา อเมริกา ซึ่ง
ททท.จับมือกับบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวหรูหราลักชัวรี่ ต่อด้วย “ยุโรป” ได้แก่
สหราชอาณาจักร/อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สวีเดน หรือรัสเซีย ไทยเคยทำได้ปีละกว่า 1 ล้านคน
ปี 2566
อาจจะทำได้อีกครั้ง เพราะมีสายการบินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคุณภาพกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะเวลเนส ผู้สูงวัย และ “ตะวันออกกลาง”
ก็จะมี ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ซึ่งชื่นชอบโปรแกรมสุขภาพชูการขายสินค้าเวลเนสเต็มรูปแบบ ซึ่งตอนนี้ก็มี “อันดามัน
เวลเนส” ส่วนกรุงเทพฯ มีเวลเนสเป็นจำนวนมาก
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่า การต้อนรับปีท่องเที่ยวไทย-VISIT THAILAND YEAR 2023 เปิดตัวเมื่อ
12 มกราคม
2566 จะเน้นประโยชน์
“สร้างคุณค่า เพิ่มประสบการณ์ อย่างมีความสุข” Meaningful Travel หลากหลายประสบการณ์
ดังนั้นจึงได้ใช้สูตร “A
B C D Fast Forward” กลยุทธ์ที่ 1 A-Airlines สร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับทุกสายการบิน กลยุทธ์ที่
2 B-Big City & Beyond กระจายฐานนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง
ทั้งจากต้นทางของตลาดและปลายทางแหล่งท่องเที่ยวในไทย
กลยุทธ์ที่ 3 C-Collaboration ททท.มีสำนักงานในยุโรป
แอฟริกา ตะวันออกกลาง 8 แห่ง
ในอเมริกา แคนาดา 3 แห่ง
พร้อมจะประสานความสัมพันธ์ทำงานร่วมกับพันธมิตร
กำหนดเป้าหมายจะต้องมีการลงนมกับพันธมิตร 1 สำนักงาน 1 พันธมิตร เช่น ททท.มอสโก จับมือ Intourist รัสเซีย
หรือ REWE ห้างสรรพสินค้าใหญ่ในเยอรมันก็เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับท่องเที่ยวไทยได้
กลยุทธ์ที่ 4 D-Destination For All ต้องมาเที่ยวเมืองไทยตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวทุกเซกเมนท์จะต้องมาเที่ยวได้ตลอดทุกวัน แบ่งเป็น
ช่วงฤดูเดินทางหน้าหนาว ระหว่างตุลาคม-มีนาคม ของทุกปี จะมีตลาดหลักคือ ยุโรป
อเมริกา อเมริกา ช่วง ระหว่างเมษายน-พฤษภาคม ของทุกปี
เป็นเทศกาลวันหยุดก่อนและหลังอีสเทอร์
กับเดือนรอมดอนของประเทศแถบตะวันออกกลาง เรื่อยไปจนถึง “พฤติกรรมใหม่”
การท่องเที่ยวช่วงปิดเทอม จะโปรโมตท่องเที่ยววันหยุดซัมเมอร์กับตลาดเด็ก
ๆและครอบครัว
ควบคู่กับการมุ่งส่งเสริมการขายอย่างจริงจังเรื่อง
“การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน/Sustainable Tourism”
ตอนนี้แอร์แคนาดาทำแล้วขึ้นทะเบียนประกาศเป็นสายการบินโลว์คาร์บอน
ดังนั้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเมืองไทยก็จะต้องให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืนทั้งโรงแรมที่พัก
แหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้ All
Year Round สามารถมาเที่ยวไทยได้ทุกฤดูตอบสนองทุกเพศทุกวัย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1
สมัครคิงเพาเวอร์NAVY&SCARLETรับพลัสขั้นกว่ารับปีใหม่66
คิง
เพาเวอร์ จัด PRIVILEGES & PROMOTION รับ “พลัสขั้นกว่าเพื่อนักช้อป” เพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์
ระหว่างวันนี้– 18 มกราคม 2566
1.รับทันทีคูปองส่วนลด 1,000 บาท สำหรับช้อป 8,000 บาท ขึ้นไป / ใบเสร็จ คูปองหมดอายุภายในวันที่สมัคร เพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY และเติมเงิน 1,000 บาท รับส่วนลดทุกการช้อป
5%
2.ช้อปได้จริง 22,000 บาทเพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET และเติมเงิน 20,000 บาท
รับส่วนลดทุกการช้อป 10%
สมัครง่าย ผ่าน 2 ช่องทาง ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และ ภูเก็ต และ LINE Official Account : @KINGPOWER พร้อมรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก
คิง เพาเวอร์ เท่านั้น
ข่าวที่ 2 ฉลองตรุษจีน3ไทยเทสต์ฮับคิงเพาเวอร์”รางน้ำ/ศรีวารี/มหานคร”
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ชวนอิ่มอร่อยรับ “เทศกาลตรุษจีน” ได้ที่ “ไทย เทสต์ ฮับ”
สาขาในเมืองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ คิง เพาเวอร์
ศรีวารี และ คิง เพาเวอร์ มหานคร ให้เลือกรวมกว่า
61 ร้าน ดังนี้
1.คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ในอาคาร คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ชั้น 3 มาสัมผัสบรรยากาศโมเดิร์นร่วมสมัยย้อนวันวานสไตล์ห้องแถวแบบไทย โดยไม่ต้องรอคิวนานก็ได้ลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับทั้งคาวและหวาน
กำลังรอต้อนรับนักชิมทุกคนถึง 34 ร้าน แบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่
โซนปกติ
มี 20 ร้าน คือ 1.ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี
2.ห่านท่าดินแดง 3.ข้าวขาหมูจุฬา สามย่าน
4.นายอ้วนเย็นตาโฟ 5.ละมัย หอยทอดเยาวราช
5.สว่างบะหมี่ก้ามปู 6.เจ็กเม้งข้าวมันไก่สองสี
7.ก๋วยจั๊บฮ่องเต้ 8.การิม โรตี มะตะบะ
9.กะเพราหม่อมแม่ 10.ธีรชัยไก่ย่าง 11.กุ้งเผาอยุธยา 12.เชียงการีลา 13.Thai Street
Food by Asian Corner 14.เทพนคร 15. ลามูน
ตบท้ายด้วยของหวาน
1.ฮอทฟรายด์ บาย ดิเอมเมอรัลด์ 1992 2.เอี๊ยงออเฮ่าชือ 3.ขนมครกประมวล มีศิลป์ 4.ออล โคโค และ 5.Amatissimo Caffè
โซน “ไทย
เทสต์ ฮับ เอกซ์เพรส” ได้รวบรวมร้านอร่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้ได้ชิมอย่างจุใจ
ถึง 14 ร้าน ได้แก่ 1.ขนมเบื้องแม่ประภา
2.Fruit for Health 3.ขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช 4.TOKYO
BEAN 5. YA KUN KAYA TOAST 6.เสี่ยวเสฉวน 7.กุยช่ายเหล่าหอเจี๊ยะ
by เจ้น้อย 8.อาหยาว 9.ชุมพลปาท่องโก๋ 10.หมึกย่างแดนมังกรเยาวราช
11.ยี่ สับ หลก เอกซ์เพรส 12.หน่ำเตียง
13.หนม-จีน ฮับ by Khao 14.อะคัพ บาย อานัม
หากอยู่ใกล้โซนสาทร-นราธิวาส-สีลม
พบความอร่อยจากสตรีตฟู้ดชื่อดังระดับตำนานและมิชลินแนะนำได้ที่ “ไทย เทสต์ ฮับ
มหานคร คิวบ์” ห้ามพลาดชิมได้จาก 14 ร้านอาหาร ได้แก่ 1.ร้านผัดไทยไฟทะลุ 2.ก๋วยจั๊บนายเอ็ก 3.สุกี้เมาเวอริค 4.ยี่ สับ หลก 4.บุญเลิศ 5.เผ็ดเผ็ด เฮ่! 6. ร้าน
9 แสนล้าน 10.ร้านผิน 11.ลิ้ม เหล่า ซา
12.ร้านครวญ 13.ชุมพลปาท่องโก๋ และ
14. ป้าหงษ์ขนมไทย
หรือฝั่งบางนา-ลาดกระบัง
ก็แวะฉลองได้ที่ “ไทย เทสต์ ฮับ” คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น มอบความอร่อยมีให้เลือกถึง 13 ร้าน ได้แก่ 1.กะเพราหม่อมแม่ 2.ธีรชัยไก่ย่าง 3.ยี่ สับ หลก เอกซ์เพรส 4.ลิ้มเหล่าซา 5.สว่างบะหมี่ก้ามปู 6.ขนมครกประมวลมีศิลป์ 7.เอี๊ยงออเฮ่าชือ 8. All Coco 9.KIN TO GO 10.LE GOURMET 11.TOKYO
BEAN 12.รามายณะ และ 13.ลามูนสลัดบาร์
พร้อมบริการ
“ฟู้ดดิเลเวอรี่” เพิ่มความสะดวกสบายไปอีกขั้นส่งตรงความอร่อยถึงบ้าน
ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Robinhood, LINE MAN และ GrabFood ให้คุณและครอบครัวอิ่มอร่อยได้ทุกที่ เพียงค้นหาบนแอปพลิเคชันว่า Thai
Taste Hub King Power Rangnam, Thai Taste Hub Mahanakhon CUBE หรือ
Thai Taste Hub Srivaree (เฉพาะ Robinhood)
ข่าวที่
3 “ยุทธศักดิ์”ผนึก8รองผู้ว่าททท.เปิดVisitThailandเขย่าตลาดโลก
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ได้นำทีมรองผู้ว่าการ ททท.ทุกคน รวม 8 ด้าน ทั้งด้านวางแผนและพัฒนา
ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา ด้านบริหาร ด้านสื่อสารการตลาด ด้านตลาดในประเทศ
และด้านตลาดต่างประเทศระยะใกล้ (เอเชียแปซิฟิก) และด้านตลาดต่างประเทศระยะไกล
(ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง อเมริกา) ผนึกกำลังกันเปิดตัว “ปีท่องเที่ยวไทย 2566
-Visit Thailand Year 2023 :Amazing New Chapters”
ร่วมขับเคลื่อนรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและทั่วโลกให้เป็นไปตามเป้าปี
2566 ให้ได้ 2.38
ล้านล้านบาท
จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน และคนไทยกว่า 250 ล้านคน-ครั้ง
โดยจะใส่พลังที่จะผลักดันไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของโลกด้วย 3
ใจ ได้แก่ “ใจรักษ์”
สำนึกดีต่อชุมชนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “ประทับใจ” ในประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
ซึ่งทุกฝ่ายได้ออกแบบให้เป็นพิเศษ และ “มีใจ”
รักประเทศไทยเมื่อมีโอกาสจะกลับมาเยือนเมืองไทยหรือแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง ทำให้เศรษฐกิจประเทศเติบโต
อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
โดย
ททท.ชูการขับเคลื่อน “ปีท่องเที่ยวไทย 2566” ด้วย
3 มิติ คือ
มิติที่
1 ส่งมอบคุณค่าและความหมายการท่องเที่ยว
(Meaningful travel)
มิติที่
2 เพิ่มจุดขายด้วยพลัง
“ซอฟท์ เพาเวอร์ 5F”
เพื่อมาค้นหาการท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างหลายใจครบทั้ง 3 ใจ ทั้งใจรักษ์ ประทับใจ และมีใจ
ด้วยการออกแบบท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism)
มิติที่
3 จะก้าวสู่การเป็น
จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวมูลค่าสูงและยั่งยืน ด้วยการแปลงโจทย์ยุทธศาสตร์แนวคิด
BCG Model ชูจุดเด่นการท่องเที่ยวเชิงอาหาร
(Gastromony Tourism) ด้วยการวิเคราะห์สกัดต้นแบบการทำงานด้านแผนพัฒนานำเสนออาหารอินทรีย์
ปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นำไปสู่การนำรายได้กลับสู่ภาคธุรกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก้าวสู่ “Smart
Tourism”
เสริมทัพด้วย
“ด้านจิทัล วิจัยและพัฒนา” ซึ่งเน้นไฮไลต์ Digital as Game Changer
สร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยววิถีใหม่ รวมศูนย์ทั้งเรื่องโครงการ TAT
NFTs การพัฒนาศิลปะดิจิทัล
การสร้างเมตาเวิร์สท่องเที่ยวในโลกเสมือนจริง และขับเคลื่อน 3I
พร้อมทั้งพัฒนา
“สินค้าและกิจกรรมทางการท่องเที่ยว” ด้วยคอนเซ็ปต์ Amazing 5F and More จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชื่อมโยงกับ ซอฟท์
เพาเวอร์ ออฟ ไทยแลนด์ ผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ 2 เรื่อง กลุ่มตลาดใหม่(New Area) และกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ (New Segment)
ขณะที่การยกระดับกำลังซื้อกระตุ้นนักท่องเที่ยวออกเดินทาง
จาก “ตลาดในประเทศ” จะชูโปรเจกต์ “ไทยเที่ยวไทย Limited Edition” ด้วยเมนูท่องเที่ยวในโครงการขนาดใหญ่ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”
ผ่านดีลพิเศษ โครงการ 100 เดียวเที่ยวได้งาน
กับ โครงการ วิจิตรไทยแลนด์ 2566
โครงการ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เฟสติวัล เอ็กซ์พีเรียนซ์ 2566 โครงการมหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
ด้าน “ตลาดต่างประเทศ”
แบ่งเป็น 2 ตลาด
ได้แก่ ตลาดแรก “ประเทศระยะใกล้” (shorthaul)
ในอาเซียน/เอเชียแปซิฟิก ประกาศใช้ The Great Resumtion Episode II ขับเคลื่อนด้วย 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.China is Back จีนกลับมาแล้ว 2.7 digitTarget พุ่งเป้าสร้างตลาดที่มาเที่ยวเมืองไทยประเทศละเกิน
7 หลักหรือเกิน 1
ล้านคน 3.Color Your Life by
Amazing Thailand สร้างแบรนด์
อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ให้ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวทุกตลาดเป้าหมย 4.Responsible
Tourism ปลุกกระแสการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
และ 5.Teir, Second to None เมืองรองไม่เป็นสองรองใคร
ตลาดที่สอง “ประเทศระยะไกลข้ามทวีป” (longhaul) ชู A
B C D Fast Forward 4 กลยุทธ์
ได้แก่ กลยุทธ์ที่ A-Airline focus เน้นจับมือกับสายการบิน
เพิ่มเส้นทางบินตรงใหม่ เพิ่มความถี่เที่ยวบินตรง และร่วมกับตะวันออกกลางสายการบินหลักอย่าง
เอมิเรตส์ กาตาร์แอร์เวย์ส เอทิฮัด โอมานแอร์
กลยุทธ์ที่
B – Big Cities and Beyond ขยายโอกาสทางการตลาดไปยังพื้นที่ต้นทางใหม่ ๆ ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เช่น กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย และกรุงโซเฟีย บัลแกเรีย
กลยุทธ์ที่ C –Collaboration is Key ร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ที่โดดเด่นในพื้นที่ตลาด
เช่น สายการบิน เดลต้า (อเมริกา) แอร์แคนาดา ฟลายดูไบ(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
แอโรฟลอต (รัสเซีย) และบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ เช่น Almosafer , SAGA Holidays
กลยุทธ์ที่ D – Destination for All ผลักดันให้ไทยเป็น All
Year-Round Destination ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มและทุกช่วงเวลา
ทั้งกลุ่มครอบครัว Family หรือกลุ่มเมดิคัลเวลเนส ในยุโรปและตะวันออกกลาง หรือกลุ่มเพศสภาพ LGBTQ
ในตลาดยุโรป และอเมริกา
ททท.เปิดศักราช
ปี 2566
เร่งขับเคลื่อน “ปีท่องเที่ยวไทย 2566 -Visit Thailand Year 2023 :Amazing
New Chapters” เต็มรูปแบบ
ตั้งเป้านำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือหลักฟื้นเศรษฐกิจไทยกลับสู่ความมั่งคั่งยั่งยืนอย่างปลอดภัย
และสามารถกระจายรายได้ไปยังภาคธุรกิจตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงขั้นสูงให้เป็นไปตามเป้าหมาย
2.38-2.4 ล้านล้านบาท
ข่าวที่ 4 บางจากซื้อหุ้นสามัญเอสโซ่5.5หมื่นล้านเสร็จในครึ่งหลังปี66
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บางจากฯ”)
ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่
1/2566 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ได้มีมติเอกฉันท์อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมและเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท
เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“เอสโซ่”) จาก ExxonMobil Asia Holdings
Pte. Ltd. (“ExxonMobil”)
โดยบางจากฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 มกราคม
2566 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี
2566 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนด
และเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (tender offer) ของเอสโซ่ หลังจากการทำธุรกรรมกับ ExxonMobil เสร็จสิ้น
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การลงทุนครั้งนี้
เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจากฯ และประเทศไทย
เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น
ผมเชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจากฯ
และประเทศไทย”
การลงทุนครั้งนี้มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องคือโรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น
174,000 บาร์เรลต่อวัน
เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท
โดยจะทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง
สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น
และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของทั้ง 2 โรงกลั่น
และให้บริการด้านการตลาดครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมัน
ทั่วประเทศ
รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี
ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน
สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและก่อให้เกิดการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า
และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่จาก ExxonMobil
โดยมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น
ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามงบการเงินสอบทานในไตรมาส 3/2565
ของเอสโซ่ จะได้ราคาเบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อ
1 หุ้น โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้
สำหรับ แหล่งเงินทุน บางจากฯ
จะใช้เงินทุนทั้งแหล่งภายนอกจากสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
และจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นจาก
ExxonMobil เสร็จสิ้น อนึ่ง ExxonMobil จะยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้
การเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจะอยู่ภายใต้การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
และขึ้นอยู่กับการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 โดยคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี
2566
ช่วงที่ 2
ท่องเที่ยว
-พัทยาสุดฟินปีกระต่ายทองปักหมุดหมายชวนกันไป 5 พิกัด
เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน ทริปนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา
ชวนปักหมุดฟิน ๆ เที่ยวเมืองชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวทะเลอ่าวไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก
5 พิกัด
พิกัดที่
1 “ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข อ่างศิลา” ขอพรสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่
ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข พร้อมสักการะขอพรเจ้าแม่กวนอิม กับเทพเจ้าจีน
ในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนปลายเดือนมกราคมนี้
พิกัดที่
2 ตลาดเก่านาเกลือ อ.บางละมุง แหล่งอาหารทะเล และของกินแสนอร่อย
เดินกินถิ่นนาเกลือได้ในบรรยากาศสบาย ๆ หากไปวันธรรมดาจันทร์-พฤหัสบดี ของสัปดาห์ หรือช่วงที่ไม่มีการจัดงาน
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรับประทานอาหารทะเลสดจริงได้แบบแสนสบายพุง
พิกัดที่
3 หาดนาจอมเทียนพัทยา วิวยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าลงทะเลตรงหาดจอมเทียนสวยสุด
ๆ อีกแห่ง สายลม แสงแดดอ่อน ๆ หาดทรายละเอียดดุจผงแป้ง ลมเย็น ๆ คลื่นทะเล ซึ่งที่ดึงดูดใจของเหล่าสาวกเซิร์ฟทั้งหลายคือ
หาดนี้มีสถานที่ให้เล่นทั้งวินด์เซิร์ฟ ไคท์เซิร์ฟ และบอร์ดแต่ละชนิด
มาลองกันได้เลย
พิกัดที่
4 ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเล มหาวิทยาลุยบูรพา ในชื่อสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
มหาวิทยาลัยบูรพา หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน
เพิ่งจะยกเครื่องปรับโซนใหม่อลังการไว้ต้อนรับเด็ก ๆ ด้วยการเปิด “ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเล”
ขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นมา ปลายเดือนมกราคม 2566
เตรียมนำสัตว์ทะเลมาโชว์แล้ว รู้อย่างนี้พ่อแม่กับนักท่องเที่ยวยกครัวจะพลาดได้อย่างไร
พิกัดที่
5 คาเฟ่ปูรณ์ จุดเช็คอินเปิดใหม่ในชลบุรีสร้างพลังดูดนักท่องเที่ยวสาย
Cafe Hopping ด้วยการคัดสรรกาแฟเมนูดีและพิเศษขึ้นมาเฉพาะอย่าง
Pina Americano กับ Calamansi Americano เย้ายวนอารมณ์ด้วยบรรยากาศกาแฟในสวนร่มรื่น นั่งชีลได้ทั้งวัน
พัทยา
ชลบุรี เปิด 5 พิกัด
ให้ตัดสินใจออกมาฟินกันได้ตลอด “365 วัน มหัศจรรย์ เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน”
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก กต.หยั่งเสียงสมาชิกBIEทั่วโลกโหวต“ไทยเจ้าภาพExpo 2028”
นายศรัณย์
เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นวาระแห่งชาติในการนำเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ
Expo 2028 Phuket Thailand ที่จังหวัดภูเก็ต
ล่าสุดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเปิดเวทีบรรยายความคืบหน้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากนานาประเทศเพื่อให้ข้อมูล
พร้อมจัดงานเลี้ยงรับรอง “Local to Global: Phuket Expo 2028”
โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน
พร้อมผู้เข้าร่วมกว่า 250 คน ทั้งผู้แทนคณะทูตและกงสุลกิตติมศักดิ์ต่างประเทศประจำประเทศไทย
หอการค้าต่างประเทศและหอการค้าร่วมต่างประเทศประจำประเทศไทย สื่อมวลชน และภาคเอกชน
โดยได้นำเสนอข้อมูลวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน
Expo 2028 Phuket Thailand ภายใต้หัวข้อ
“Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity” เพื่อขอการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกองค์การนิทรรศการนานาชาติ
(BIE : Bureau International des Expositions) ซึ่งตามกำหนดจะต้องลงคะแนนโหวตเลือกเจ้าภาพในเดือนมิถุนายน
2566
ขณะนี้ไทยมีความพร้อมเต็มที่ในการเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพื่อสร้างประโยชน์ต่อทั้งภูมิภาค
แต่ละภาคส่วนจึงร่วมมือกันนำเสนอข้อมูลให้ตัวแทนแต่ละประเทศรับรู้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้นปี
2566 เพื่อใช้เวลาช่วง 6 เดือนนี้
เร่งหาเสียงกับสมาชิก BIE เพื่อโหวตให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพ
ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - 17 มิถุนายน 2571 ในพื้นที่ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง
จังหวัดภูเก็ต ตั้งเป้าหมายตลอดการจัดงานจะสร้างรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 48,869
ล้านบาท แบ่งเป็น 1.รายได้ทางตรงที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) 39,357 ล้านบาท 2.รายได้ทางอ้อมรัฐจะจัดเก็บภาษีการประชุมได้อีก
9,512 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 110,000
ตำแหน่ง
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า
ได้นำเสนอข้อมูลเรื่องการให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาที่ทั่วโลกเผชิญ 3 มิติ ได้แก่ People, Planet และ Prosperity ซึ่งในการจัด Expo 2028 Phuket Thailand จะเป็นเวทีเปิดกว้า’ให้ประเทศต่าง ๆ
ร่วมกันนำเสนอแนวทางและนวัตกรรมสู่ชีวิตอนาคตที่ยั่งยืน
โดยมีประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์กลาง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกต่อไป
นายณรงค์
วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า
ภูเก็ตเสนอตัวเป็นสถานที่หลักเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้
ขณะนี้ในพื้นที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนอย่างเต็มที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาระยะยาวของจังหวัด
โดยมุ่งสู่ความยั่งยืนมิติต่าง ๆ
ทำให้ภูเก็ตเหมาะสมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน
นายภูมิกิตติ์
รักแต่งาม ที่ปรึกษานายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า
ได้นำเสนอจุดแข็งของภูเก็ต
ทางด้านความเชื่อมโยงด้านคมนาคมและสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถรองรับการจัดงานดังกล่าว
ซึ่งจะช่วยยกระดับพัฒนาพื้นที่และชุมชนในภาพรวมด้วย
รศ.ดร.
พีรดร แก้วลาย ที่ปรึกษาโครงการ Expo 2028 Phuket Thailand ร่วมนำเสนอแนวคิดและเอกลักษณ์ของการออกแบบพื้นที่จัดงานภายใต้แนวคิด “Flow
of Nature” เน้นใช้เทคโนโลยีเป็นมิตรต่อธรรมชาติ
รวมทั้งการใช้ประโยชน์หลังการจัดงานเพื่อจะได้ปรับพื้นที่เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวการแพทย์ระดับโลก
หรือ World Medical and Wellness Centre สร้างประโยชน์ระยะยาวแก่คนในพื้นที่และทั้งภูมิภาคต่อไป
ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการบรรยายสรุป
ทางผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานงานเลี้ยงรับรอง “Local
to Global: Phuket Expo 2028” ที่วิเทศสโมสร
พร้อมกับเปิดตัวไทยที่สมัครชิงตำแหน่งเจ้าภาพจัดงาน ด้วยการประชาสัมพันธ์ข้อมูลงาน
Expo 2028 Phuket Thailand โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นผ่านกิจกรรมจาก
Phuket Young Ambassadors โดยมี มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์
นางสาวไทยประจำปี 2565 ซึ่งเป็นชาวภูเก็ต
ร่วมให้ข้อมูลและนำเสนอต่อคณะทูต ผู้แทนต่างประเทศ และสื่อมวลชนในงานด้วย
รวมทั้งได้นำเสนอความโดดเด่นของจังหวัดภูเก็ต
เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ความโดดเด่นทางวัฒนธรรม
กับยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองและการท่องเที่ยวยั่งยืน/การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
สอดคล้องกับแนวคิดหลักตามที่ประเทศไทยประกาศความพร้อมเป็นเจ้า Expo
2028 Phuket Thailand ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ข่าวที่สอง -บางกอกแอร์แจกโปรดี
New Year Gift ลดตั๋วบินทั่วไทย20%
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า “บางกอก แอร์เวย์ส” จัดโปรโมชันพิเศษสุดคุ้มต้อนรับช่วงเทศกาลปีใหม่แคมเปญ
“New Year’s Gift 2023”
ขานรับนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โดยเปิดให้ซื้อตั๋วราคาพิเศษทุกเส้นทางบินภายในประเทศ
รับส่วนลด 20% เช่น สมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 16 - 20 มกราคม 2566 แล้วนำไปใช้เดินทางได้ระหว่างวันที่
1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2566
แคมเปญ “New Year’s Gift 2023”
เป็นของขวัญที่ทางบริษัทต้องการส่งมอบโปรโมชันพิเศษสุดคุ้มแทนคำขอบคุณที่เลือกเดินทางกับบางกอก
แอร์เวย์ส
สามารถจองซื้อที่นั่งเที่ยวบินภายในประเทศที่เปิดให้บริการ
ได้แก่ เส้นทางบิน กรุงเทพฯ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ บริการไป-กลับ สู่ปลายทาง
เกาะสมุย ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ ตราด เชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย เส้นทางบินภาคใต้ ไป-กลับ โดยใช้ “สนามบินเกาะสมุย”
เป็นหลัก บริการ ไป-กลับ สู่ปลายทาง หาดใหญ่ ภูเก็ต อู่ตะเภา เชียงใหม่ และใช้สนามบินนานาชาติภูเก็ต
บริการ ไป–กลับ สู่ปลายทาง หาดใหญ่ อู่ตะเภา และบินเที่ยวเดียวจากสนามบินเชียงใหม่
สู่ปลายทาง ภูเก็ต และกระบี่
ทางสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส เปิดให้ผู้โดยสารรับบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น
บริการฟรีโหลดกระเป๋าสัมภาระในน้ำหนัก 20 กิโลกรัม/คน บริการห้องรับรองผู้โดยสาร
บูทีคเลาจน์ รับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่มก่อนขึ้นเครื่อง ในเลาจน์สนามบินที่ให้บริการ
รวมถึงบริการเสิร์ฟอาหาร-เครื่องดื่มบนเที่ยวบินด้วย จองตั๋วได้ทางwww.bangkokair.com/newyear
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น