ททท.แจกข่าวดีปี66เพิ่มรายได้ท่องเที่ยวในประเทศ1ล้านล้านบาท-ภาคใต้แชมป์ทำเงิน2.2แสนล้าน ภาคอีสานอันดับ1คนเที่ยว3.4.8ล้านคน
ททท.แจกข่าวดีรับปีทอง66เพิ่มรายได้ในเที่ยวไทยเกิน1ล้านล้าน
กระตุ้น“ภาคใต้”หัวหอกโกย2.2แสนล้าน-อีสานแชมป์43.8ล้านคน
ลุยขาย365วันเมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน+WonderDeal+Workation
สมัครเลย!สมาชิกคิงเพาเวอร์NAVY& SCARLETรับสิทธิ์มากกว่า
ช้อปคุ้ม“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”5ปัจจัยพิเศษรับปีใหม่ถึง2 ม.ค.66
“รมว.พิพัฒน์”นำททท.พบนายกฯ“ภูมิใจไทย”โชว์รับทัวร์จีนปี66
บางจากคว้ารางวัลโปร่งใสSustainability Disclosure Award
เที่ยวเหนือสุโขทัย-เชียงใหม่-ลำปางรับลมหนาว6พิกัดใหม่ปี66
ก.เกษตรชูศูนย์ท่องเที่ยวอนุรักษ์เกษตรทั่วไทยชมช้อป24จังหวัด
ไต้หวันรุกตลาดไทยปลุกเที่ยวโคมไฟTaiwan Lantern Festival
วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #เที่ยวสุโขทัยเชียงใหม่ลำปาง
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/hLuJ1SEkE-/
ช่วงที่ 1 เปิดศักราชใหม่กับ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แจกข่าวดี“รายได้เที่ยวไทย” ปี’66 พร้อมขยับใหม่เป็น 1 ล้านล้านบาท แบ่งการบ้าน 5 ภูมิภาคหลัก 7 พื้นที่ รับโจทย์ท้าทาย “กทม.” ลุยรายได้อันดับ 1 กว่า 2.2 แสนล้าน “อีสาน” ครองแชมป์ทำเป้า “จำนวนคนเที่ยว” 34.8 ล้านคน-ครั้ง บูม “365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” เป็นหัวหอกทะลวงตลาด เสริมทัพด้วย Wonder Deal ควบ 2 โปรเจกต์ขาย Workation เมืองรองต้องลอง
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ต้อนรับเปิดศักราชใหม่ปี 2566 ตามนโยบายรัฐบาลตั้งเป้าให้ทำรายได้รวม
2.4 ล้านล้านบาท
คิดเป็น 80 % ของปีฐานปกติ
2562 ดังนั้นปี
2566 “ตลาดในประเทศ”
มองเห็นสัญญาณใหม่ที่ดีกว่าเดิมจึงเตรียมปรับเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวขยับขึ้นเป็น
1 ล้านล้านบาท
จากปัจจุบันตั้งไว้ต้องทำได้ไม่น้อยกว่า 8.8 แสนล้านบาท เพิ่มจากแผนปกติราว 1.2 แสนล้านบาท
คิดเป็นอีกประมาณ 10-20 %
จาก
“จำนวนผู้เยี่ยมเยือน” ไม่น้อยกว่า 200 ล้านคน-ครั้งขึ้นไป
โดยให้โจทย์การเดินทางในประเทศปี
2566 ต้องกระตุ้น
“จำนวนผู้เยี่ยมเยือน” ตลอดปีไม่น้อยกว่า 200 ล้านคน-ครั้งขึ้นไป
แบ่งสัดส่วนตามพื้นที่หลักและย่อยเป็น 7 ภาค เรียงตามลำดับดังนี้
อันดับ 1 ภาคอีสาน
17.4 % (เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยวกันเองใน
20 จังหวัด)
คิดเป็น 34.8 ล้านคน-ครั้ง
อันดับ 2 “กทม.”ไม่ต่ำกว่า
17 %
คิดเป็น 34 ล้านคน-ครั้ง
อันดับ 3 ภาคเหนือ
15.6 % คิดเป็น
31.2 ล้านคน-ครั้ง
อันดับ 4 ภาคตะวันตก
14 %
คิดเป็น 28 ล้านคน-ครั้ง
อันดับ 5 ภาคใต้
12.3 % คิดเป็น 24.6 ล้านคน-ครั้ง
อันดับ 6 ภาคตะวันออก
11.8 % คิดเป็น 23.6 ล้านคน-ครั้ง
อันดับ 7 “ภาคกลาง”
จังหวัดรอบปริมณฑล 10.5 %
คิดเป็น
21 ล้านคน-ครั้ง
ขณะที่ “สัดส่วนรายได้”
จากฐานปกติ 8.8 แสนล้านบาท
ให้โจทย์แต่ละพื้นที่ทำได้ตามเป้าเรียงตามลำดับดังนี้
อันดับ 1 กรุงเทพฯ
เมืองหลวง 220,000 ล้านบาท
อันดับ 2 ภาคใต้
168,000 ล้านบาท
อันดับ 3 ภาคตะวันออก
109,000 ล้านบาท
อันดับ 4 ภาคเหนือ
156,000 ล้านบาท
อันดับ 5 ภาคอีสาน
90,000 ล้านบาท
อันดับ 6 ภาคตะวันตก
77,000 ล้าน
อันดับ 7 ภาคกลาง
58,000
ล้านบาท
ส่วนการขยับรายได้ในประเทศเพิ่มฐานใหม่ปี
2566 เป็น 1 ล้านล้านบาท
จะเดินหน้าเกลี่ยเป้าหมายอีกครั้งตามเหมาะสมทั้ง 7 ภาค
ควบคู่การวางแผน “ขับเคลื่อนดีมานต์” กระตุ้นด้วย “แคมเปญ” แรง ๆ ได้แก่
เที่ยวเมืองรองต้องลอง ท่องเที่ยวสายมู/สายศรัทธา ท่องเที่ยวอีเวนต์กีฬา
(คนจำนวนมากมารวมตัวกันอย่างงานวิ่งเทรล ปั่นจักรยาน) และเกิดการเดินทางข้ามภาค
การหาพันธมิตรเข้ามาร่วมมือลดต้นทุนกระตุ้นให้คนอยากเดินทางเที่ยวเมืองไทย
และการเดินทางอย่างปลอดภัยถูกสุขอนามัย SHA ซึ่งไทยทำได้ดีมาก
น.ส.ฐาปนีย์
กล่าวว่า วางโครงการใหญ่กระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศเที่ยวได้ทุกวันปี 2566 ไว้คือ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน” ททท.ทั้ง 5 ภูมิภาค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
โดยภาพรวมทุกภูมิภาคจะต้องทำเหมือนกันไปด้วยอีก 2 โครงการ คือ 1.Workation Thailand รองรับทุกหน่วยภาครัฐ
เอกชน
ที่จะเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถใช้แหล่งท่องเที่ยวทำงานได้ททท.จะโปรโมตทุกสถานที่รองรับทันที
และ 2.การท่องเที่ยวเมืองรอง
ไม่รู้ลืม
สำหรับ “365 วัน
มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” แต่ละภาคจะคัดสินค้ากับกิจกรรมเด่น ๆ
เสนอขายนักท่องเที่ยวต่อเนื่องทุกวัน โดยมีแคมเปญ “Wonder Deal”
ทุกวันจะมีดีลลดพิเศษมาก ๆ ตลอดทุกภาคทุกวัน ดังนี้
“ภาคเหนือ”
จะชูขาย โครงการแรก “Amazing
Norhthern Road Trip ขับรถเที่ยวภาคเหนือ”
กิจกรรมเด่นจะบอกเล่าเรื่องราวน่าจดจำ และความสวยงาม ทุกเส้นทางการขับรถเที่ยวภาคเหนือ
ซึ่งมีความสวยงามแตกต่างกันไป โดยจะเปิดจุดขายใหม่รวบรวม 1.เส้นทางวัยรุ่นขับรถเที่ยว
2.เส้นทางคนวัยทำงาน
3.เส้นทางผู้สูงวัยหัวใจเกินร้อย
เพื่อให้เกิดความต้องการเดินทางและเพิ่มวันพักค้างคืน
โครงการที่ 2 มหามงคลสักการะพระธาตุปีเถาะ
ปลุกกระแสตลาดท่องเที่ยวสายมูเตลู/สายศรัทธา
โดยจะทำกิจกรรม “4 ครูบา 5 พระเจ้า
9
พระธาตุ เป็นเส้นทางตามรอยเสริมบุญบารมีปีเถาะปีกระต่าย นำเสนอขายตลอดปีทั้ง 3
เส้นทาง
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
บูมขาย โครงการแรก “365
วันเที่ยวอีสานได้ทุกวัน” เปิดให้นักท่องเที่ยวดีไซน์การเดินทางได้ด้วยตัวเอง
ใช้โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ เข้ามาช่วยดึงดูดเครือข่ายนักเดินทาง โครงการที่ 2 “เที่ยวเทศกาล/Festival”
เทศกาลเมืองเชียงคาน จ.เลย เทศกาลเที่ยวกินเส้น ท้าดวลกินได้ทุกวัน
กินปุ๊บรับโชคปั๊บ
“ภาคใต้”
เที่ยว 14 จังหวัดภาคใต้
เที่ยวได้ 365 วัน
เช่น ภูเก็ต 365
คัลเลอร์ฟูล เดย์ ต่อด้วย “นครศรีธรรมราช” มีกิจกรรม “มานะ มานคร”
เป็นเมืองจุดหมายแห่งสายศรัทธา
“ภาคกลาง”
ทำโครงการ “มหัศจรรย์เมืองไทย สวยแบบตะโกน”
ตรงกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุคนี้ที่เน้นไปพื้นที่ใดก็จะอัพเดทผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเอง
เตรียมชวนนักท่องเที่ยวอัพโหลดคลิป “365 วันเที่ยวได้ทุกวัน”
เพื่อลุ้นรับรางวัลไปท่องเที่ยวต่อในพื้นที่อื่น ๆ
“ภาคตะวันออก”
ชูกิจกรรม 365 วันเที่ยวอีเวนต์กีฬาและอาหาร
เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวทั่วทั้งภาคได้ง่าย
จัดมหกรรมแต่ละวันเปิดแต่ละพื้นที่คึกคักทุกวัน
น.ส.ฐาปนีย์
กล่าวว่า ปี 2566 จะขยายความร่วมมือเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว
ด้วยกลยุทธ์กับเครือข่ายเกี่ยวข้องอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย
กระทรวงวัฒนธรรม จัดอีเวนต์ต่าง ๆ
เติมเต็มโครงการ “365 วัน
มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ตอบโจทย์เป้าหมาย 1.กระจายนักท่องเที่ยวไปยังทุกพื้นที่ครบ
5
ภูมิภาค 2.เพิ่มรายได้ลงสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างทั่วถึง
3.เพิ่มวันพักค้างในโรงแรม
รีสอร์ต ในเมืองหลัก เมืองรอง
ส่วน
“ปัจจัยฉุดท่องเที่ยวในประเทศ” ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ททท.ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด
ซึ่งมีมิติสนับสนุนการท่องเที่ยวต่างกันไป
ททท.ก็จะเลือกสนับสนุนส่งเสริมอีเวนต์เด่น ๆ ตลอดทั้งปี
ควบคู่การวางแผนแก้โจทย์ใหญ่ปี 2566 มีอยู่ 3 เรื่อง คือ
เรื่องที่ 1 ภาวะเงินเฟ้อทำให้คนต้องประหยัดเงิน
ภายใต้สถานการณ์ ค่าเดินทาง แพกเกจท่องเที่ยว ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน
สินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น นั้น มาตรการแรก คณะรัฐมนตรี (ครม.) นำร่องมติเห็นชอบคืน
“ค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิงการบินให้สายการบินในประเทศ”
แล้วสายการบินก็นำมาทำโปรโมชั่นลดค่าตั๋วเครื่องบิน 20 % ให้นักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่
เริ่มมกราคม 2566 รวมถึงทาง
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รณรงค์ให้เครือข่ายสมาคมสมาชิกลดค่าประกันการเดินทาง
ประกันอุบัติ 1 คน
ได้สิทธิ์ 3 วัน
จำนวนปีละ 10 ล้านสิทธิ์
เรื่องที่ 2
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ที่พัก ทั่วประเทศ
จะได้รับการลดต้นทุนมาตรการทางเพื่อลดหย่อนในการดำเนินธุรกิจ ปี 2566 ขณะนี้สมาคมโรงแรมไทย
(THA)
ยื่นขอผ่านงบประมาณ Booster
Shot ซึ่งบางโครงการได้รับอนุมัติแล้ว เช่น
งบจ้างบุคลากร สามารถจ้างจากประเทศเพื่อนบ้านได้ ส่วน “การลดค่าไฟฟ้า”
อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา รัฐบาลจะประกาศออกมาเป็นระลอก
เรื่องที่ 3 เราเที่ยวด้วยกันเฟส
5 จะเป็นกระสุนกระตุ้นการเดินทาง
เตรียมคลิกออฟไตรมาส 1 ปี 2566 ททท.กำลังขยายโรงแรมเข้ามาร่วมขายมากขึ้น
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และอีเวนต์การตลาดเทรนด์ใหม่ทั้ง
ททท.ทำเองและสนับสนุนตอบโจทย์การเดินทางที่มีความหมาย Meaningful Travel ดังนั้นจะเกิดอีเวนต์งานเทศกาลทั่วประเทศตลอดทั้งปีอย่างชัดเจน
เด่น ๆ จะมี
โครงการมหกรรมท่องเที่ยว 5 ภาค
บวกเข้ากับการขายซอฟท์เพาเวอร์ 5 พลัง Food/Fashoin/Festival/Flight/Film
ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมปลุกกกำลังซื้อทั้งจากเกิดขึ้นเองตามปกติ (organic)
และกิจกรรมที่ ททท.สร้างขึ้น (forcemove) ไฮไลต์ใหญ่คือ “100
เดียวเที่ยวได้งาน” มีความสำคัญมากรองรับตลาดภาครัฐ พนักงานทุกกลุ่ม
และการมีส่วนร่วมของเอกชนที่
ททท.จะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการเริ่มต้นศักราชใหม่ประเทศไทยต้องทำอนาคตให้สดใสทั้ง
“ตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ” โดยจะปรับประมาณการณ์ “จำนวนกับรายได้” ใหม่อีกครั้ง
จากสถานการณ์เปลี่ยนไปเพราะทัวร์จีนจะเข้ามา “ต่างประเทศ” จำนวนจะได้เกินกว่า 25 ล้านคน
“ในประเทศ” จะเน้นเพิ่มรายได้ให้ได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท
ข่าวที่
1 สมัครเลย!สมาชิกคิงเพาเวอร์NAVY& SCARLETรับสิทธิ์มากกว่า
คิง เพาเวอร์ เปิดให้สมัครสมาชิก NAVY แล้วเติมเงิน 1,000 บาท กับบัตร SCARLET เติมเงินเข้าไป 20,000 บาท ได้ส่วนลดที่มากกว่าตลอดปี ตั้งแต่วันนี้– 31 ธันวาคม 2566
เป็นสมาชิกวันนี้! รับส่วนลด
สิทธิประโยชน์สมาชิก จาก คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรมากมาย
พร้อมแลกรับสิทธิประโยชน์พิเศษจาก
กะรัต รีวอร์ด ได้ทุกการช้อป
-สมัครง่าย ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา หรือ
สมัครทางออนไลน์ ผ่าน @KINGPOWER
-สามารถ “รับส่วนลดทันที” ทุกการช้อป
ตลอดอายุสมาชิก สูงสุด 10% สะสมยอดช้อปครบ ปรับสถานะสมาชิกทันที
รับส่วนลดสูงสุด 15%
“สิทธิประโยชน์ ที่มากกว่า” มีดังนี้ 1.พิเศษ! สิทธิ์วันเกิด รับ CASH BACK 25% x 2 สิทธิ์ 2.สิทธิ์การเข้าใช้บริการ KING POWER LOUNGE และ KING POWER SPACE
และคุ้มค่ากว่าด้วย การแจก “กะรัต รีวอร์ด” ทุกการช้อป 100 บาท รับ 1 กะรัต ใช้กะรัต แทนเงินสด 1 กะรัต = 1 บาท
ข่าวที่ 2 ช้อปคุ้ม“คิงเพาเวอร์ออนไลน์”5ปัจจัยรับปีใหม่ได้ถึง 2 ม.ค.66
มีไฟลต์แล้ว มาช้อปดิวตี้ ฟรี
ออนไลน์กัน! 5 เหตุผลดีๆ ที่คุณควรมาช้อปที่ King Power
Click and Collect ตั้งแต่วันนี้ – 2 มกราคม 2566
1.ช้อปสะดวก! สามารถช้อปได้ทั้ง 2
ช่องทาง Website: www.kingpower.com และช่องทาง Application: King Power
2.ช้อปไม่ต้องรีบ! 2 ชั่วโมงก่อนไฟลต์บิน ก็ยังช้อปได้
3.ช้อปไม่ต้องหิ้ว!
สำหรับรับขาเข้า และช้อปสบายสำหรับรับขาออก
4.ช้อปแบบคนพิเศษ! พบสินค้า Travel-Exclusive
มากมาย เฉพาะที่ คิง เพาเวอร์
5.ช้อปสุดคุ้ม!
พบกับส่วนลดสุดพิเศษส่งท้ายปี! เมื่อช้อปครบ 6,000
บาทขึ้นไป/ใบเสร็จรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 15% เพียงพิมพ์ KPD15 และ เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จรับส่วนลดพิเศษสูงสุด
20% เพียงพิมพ์ KPD20
ข่าวที่
3 “รมว.พิพัฒน์”นำททท.พบนายกฯ“ภูมิใจไทย”โชว์รับทัวร์จีนปี66
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
ภายหลังนำผู้บริหารกระทรวงฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29
ธันวาคม 2565
มีนโยบายให้ทุกฝ่ายรับมือจีนเดินทางท่องเที่ยวหลังคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน หรือ NHC : National Health Commission ประกาศเปิดประเทศหรือเลิกมาตรการโควิด-19
เป็นศูนย์ที่เรียกว่า 0+0 จะเริ่มมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
ซึ่งทางพรรคภูมิใจไทยดูแลกระทรวงหลักเกี่ยวข้องกับการรับมือทัวร์จีนโดยตรง
3 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข จึงได้รายงานพลเอกประยุทธ์ถึงแผนรับมือนักท่องเที่ยวจีนปี 2566
ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่
เรื่องที่ 1 จะใช้มาตรการหลักให้นักท่องเที่ยวจีน
“ทำประกันสุขภาพและคุ้มครองการใช้สิทธิรักษาโควิด-19” ได้มาถึงเมืองไทยแล้วพบอาการติดเชื้อแล้วต้องเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลในไทยได้ตามมาตรฐานสาธารณสุข
แล้วสามารถจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้
เรื่องที่ 2 ตรวจประวัติการฉีดวัคซีน
ประเทศไทยยังต้องคงมาตรการให้นักท่องเที่ยวจีนปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยคือ
ต้องฉีดวัคซีนที่ได้การรับรองจากองค์การอนามัยโลก ครบไม่น้อยกว่า 2 เข็ม รวมถึงวัคซีนซิโนแวคล้วนด้วย
กรณีไม่ได้ฉีดควันซีนเลยจะขอร้องนักท่องต้องกักตัวเพื่อตรวจหาเชื้อก่อน
แต่ในทางปฏิบัติทางรัฐบาลจีนกำหนดชัดเจนคนที่จะเดินทางต่างประเทศได้จะต้องตรวจ RT-PCR
ทุกคน
รวมทั้งเตรียมบริการ
“รับฉีดวัคซีนนักท่องเที่ยวจีน” โดยจะต้องจ่ายค่าวัคซีนและบริการตามปกติ
เบื้องต้นจะเปิดให้แจ้งความประสงค์ลงทะเบียนมาก่อนถึงเมืองไทย
แล้วทางสาธารณสุขก็จะจัดเตรียมบริการไว้รองรับ ซึ่งระยะแรกนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มเดินทางอิสระด้วยตนเอง
(F.I.T.) การฉีดวัคซีนก็อาจจะต้องวางแผนบ้าง
แต่ระยะต่อไปเมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นกรุ๊ปหรือหมู่คณะ (G.I.T.)
การขอใช้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจะทำได้ง่ายกว่า
เช่นเดียวกันกับคนไทยเคยเดินทางไปฉีดวัคซีนแบบเดียวกันนี้ในต่างประเทศ
เรื่องที่ 3
เพิ่มมาตรการเข้มงวดด้านการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินนานาชาติซึ่งเป็นช่องทางเข้าประเทศไทย
เช่น นำเครื่องสแกนวัดอุณหภูมิติดตั้งทุกสนามบิน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า
ทางพลเอกประยุทธ์ได้กำชับหนักแน่นให้ทั้ง 3 กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา คมนาคม
และสาธารณสุข เร่งประชุมร่วมกัน ซึ่งตามกำหนดจะประชุมวันที่ 5 มกราคม 2566 เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวเข้มงวดให้มากกว่าที่เป็นอยู่มากกว่าปัจจุบัน
เพื่อความปลอดภัยและสบายใจของทุกฝ่าย
ซึ่งพรรคภูมิใจพร้อมทำงานแบบบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเดินหน้าลบคำสบประมาทที่ถูกมองเป็นเสือลำบากรั้งท้ายอันดับ
10 ของอาเซียน
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำมาตั้งแต่วันแรกถึง
มาตรการรับมือนักท่องเที่ยวจีนหลังวันที่ 8 มกราคม 2566 ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะใช้เกณฑ์มาตรฐานการรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าเมืองไทยภายใต้ข้อปฏิบัติเท่าเทียมแบบเดียวกันทั้งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น
ๆ นั่นคือเน้นใช้มาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
หากพบการติดเชื้อก็ต้องให้เข้ารับการรักษาพยาบาลในเมืองไทย
ส่วน “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย 6 สนามบินนานาชาติหลัก ของ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT”
โดยเน้นทุกขั้นตอนที่จะไม่ให้เกิดสถานการณ์ผู้โดยสารแออัด โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
ซึ่งจะมีผู้โดยสารชาวจีนผ่านเข้าออกมากสุดตลอดปี 2566 คาดการณ์ไว้ถึง 5-10
ล้านคน
เนื่องจากในสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2562 จีนมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 10 ล้านคน
เมื่อนับจำนวนทั้งขาเข้าและขาออกสนามบินระหว่างประเทศจึงมีจำนวนรวมกันกว่า 20 ล้านครั้ง
อีกทั้งยังมีรายงานจากสำนักข่าวต่าง ๆ ในจีน
ถึงความตื่นตัวของคนจีนต่างเตรียมเสิร์ซค้นหาข้อมูลออนไลน์ดัง ๆ
โดยมีเมืองไทยติด 1 ใน 5 ประเทศจุดหมายปลายท่องเที่ยวของจีนรวมอยู่ด้วย
แต่อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำคัญที่จะเป็นตัวแปรหลักคือ “การปลดล็อกเที่ยวบิน”
ระหว่างไทยกับจีน
เพื่อให้ทุกสายการบินสามารถขอเพิ่มเที่ยวบินให้ได้ตามความต้องการของนักเดินทางหลังมกราคม
2566 เนื่องจากปัจจุบันทางกรมการบินพลเรือนแห่งชาติจีน
ยังคงจำกัดไว้จากไทยไปจีน 15 เที่ยว/สัปดาห์ จีนมาไทย 15 เที่ยว/สัปดาห์
หรือรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 30 เที่ยว/สัปดาห์
ข่าวที่ 4 บางจากคว้ารางวัลโปร่งใสSustainability Disclosure
Award 2022
นางนฤพรรณ สุธรรมเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานกลยุทธองค์กรและความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ได้เป็นตัวแทนรับรางวัลเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Award หรือ
รางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ประจำปี 2565 ต่อเนื่อง 3
ปี นับจากปี 2563 จากสถาบันไทยพัฒน์ โดยปี 2565
มีองค์กรที่ได้รับรางวัลเกียรติคุณ (Award) 56
แห่ง จากการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนต่อสาธารณะ ตามมาตรฐานสากลด้วยความโปร่งใส
ครบทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การกำกับดูแลกิจการที่ดี
หรือประเด็นด้าน ESG (Environmental, Social and Governance)
นอกเหนือจากข้อมูลทางการเงิน
และการดูแลชุมชน ตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่
12.6 ซึ่งแสดงถึงความยั่งยืนของธุรกิจอันจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ
ในรูปแบบของการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืน
อันจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ
และการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับรางวัล
Sustainability
Disclosure Award จัดโดยสถาบันไทยพัฒน์เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนและองค์กรธุรกิจที่เป็นสมาชิกของ
Sustainability Disclosure Community: SDC ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานต่อผู้มีส่วนได้เสีย
ในการพิจารณาตัดสินรางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน
ใช้เกณฑ์ 3 ด้าน ที่อ้างอิงจาก Ceres-ACCA ประกอบด้วย
ความสมบูรณ์ (Completeness) ของเนื้อหา ความเชื่อถือได้ (Credibility)
ของเนื้อหา การสื่อสารและนำเสนอ (Communication) เนื้อหา โดยสถาบันไทยพัฒน์ คัดเลือกบริษัทที่ได้รับรางวัล
โดยพิจารณาจากข้อมูลความยั่งยืนที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ อาทิ รายงานแห่งความยั่งยืน
หรือรายงานความรับผิดชอบต่อสังคมบูรณาการในรายงานประจำปี หรือรายงานในรูปแบบอื่น
ทั้งที่เป็นรูปเล่มรายงาน ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ออนไลน์ อินโฟกราฟิก ฯลฯ
โดยไม่ใช้แบบสำรวจข้อมูลหรือแบบสอบถามใด ๆ เพิ่มเติม
ช่วงที่ 2 เปิดพิกัดเที่ยวเมืองไทยหลังปีใหม่ 2566 แนะนำลองเลือกเส้นทางใหม่ใน
สุโขทัย เชียงใหม่ ลำปาง 6 พิกัดเด่น
เที่ยวได้ไม่ต้องรออีกต่อไป เกาะติดข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “กระทรวงเกษตรฯ”
เปิดศูนย์อนุรักษ์เกษตรชวนเที่ยว 24 จังหวัด ข่าวที่สอง
“ไต้หวันรุกตลาดไทยปลุกเที่ยวงานโคมไฟ Taiwan Lantern Festival
ท่องเที่ยว-เที่ยวเหนือสุโขทัย-เชียงใหม่-ลำปางรับลมหนาว6พิกัดใหม่
หลังเทศกาลท่องเที่ยวปีใหม่ 2566 ยังมีเส้นทางแนะนำ
จาก“บางกอกแอร์เวย์ส” ช่วงหน้าหนาวในเมืองเหนือ 3 จังหวัด
“สุโขทัย-เชียงใหม่-ลำปาง” เปิด 6 พิกัดใหม่
“ห้วยต้นไฮ/เขาหลวง/กิ่วแม่ปาน/ดอยม่อนจอง/เหมืองแม่เมาะ/หล่มภูเขียว”
เลือกปักหมุดท่องเที่ยวตามเส้นทางแนะนำเที่ยวบินลัดฟ้าท่องเที่ยวหน้าหนาวสุดฟินภาคเหนือของไทย
6 พิกัด ใน 3 จังหวัด ต้อนรับวันหยุดยาวปีใหม่ให้ใจฟู
พร้อมมอบความสุขการเดินทางส่งท้ายปี 2565 ต้อนรับปีใหม่ 2566 กับเที่ยวบินสุดคุ้มค่าภายในประเทศแบบประจำ
ไป-กลับ เส้นทาง กรุงเทพฯ สู่ปลายทาง 3
จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย เชียงใหม่ ลำปาง
พิกัดที่ 1 “จุดชมวิวห้วยต้นไฮ
อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย” แนะนำแห่งใหม่ “ห้วยต้นไฮ
อำเภอศรีสัชนาลัย” เยือนวิถีชุมชนตื่นตากับไอหมอกยามเช้าสุดฟินที่จุดชมวิวแห่งใหมโดดเด่นด้วยทัศนียภาพอยู่ใน
‘บ้านนาต้นจั่น’ อุดมด้วยวิถีชุมชน
ธรรมชาติ ไอหมอกยามเช้ากระจายอยู่ตามทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์อัสดงยามเย็น
ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์มากกว่ามรดกทางวัฒนธรรมและโบราณสถานอันงดงามวิจิตรเพียงอย่างเดียว
พิกัดที่ 2 “เขาหลวง
(อุทยานแห่งชาติรามคำแหง)” อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย” จุดชมวิวที่จุดสูงสุดบนเขาแบบ
360 องศา สัมผัสอากาศหนาวที่แท้จริงให้ถึงจุดสูงสุดของสุโขทัย
เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดทั้งปี พร้อมไฮไลต์เด็ดทะเลหมอกสวยที่สุดแล้ว
ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพป่าเขาสลับซับซ้อน และธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ได้แบบ 360 องศา อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,200 เมตร
พิกัดที่ 3 “กิ่วแม่ปาน
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่” เช็คอินแลนด์มาร์คหนาวติดท็อปเมืองไทย ขึ้นชื่อหนาวติดอันดับท็อปของเมืองไทยในอุณภูมิต่ำสุดถึง
0 องศา เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น -
วิวทะเลหมอกดอยอินทนนท์สวยงามอีกแห่ง ตอนนี้มีปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง
หรือ ‘เหมยขาบ’ สามารถพบได้บนยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุด
1 – 4 องศา
พิกัดที่ 4 “ดอยม่อนจอง
อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่” เอาใจสาวกสายเดินป่า-กางเตนท์ เดินขึ้นไปได้แบบไม่ยากใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง มีทางขึ้นได้ 2
เส้นทาง คือ “บ้านมูเซอและห้วยปูลิง” เปิดให้เข้าเฉพาะฤดูหนาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีเท่านั้น
เป็นลานทุ่งหญ้าสีทองสามารถกางเตนท์นอนค้างแรมได้เพื่อรอชมท้องฟ้าประกายแสงดาวในยามค่ำคืน
พิกัดที่ 5 “เหมืองแม่เมาะ อ.แม่เมาะ
จ.ลำปาง” เมืองรถม้า มัดรวมโลเคชั่นสวย ๆ อีกหนึ่งจุดเช็คอินของนักเดินทางสายคอนเทนต์
มีสถานที่ถ่ายรูปชวนฝันมากมาย ทั้งทุ่ง “ดอกบัวตอง” บานสระพรั่งบนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ในสวนเฉลิมพระเกียรติ 84
พรรษา ทุ่งดอกคอสมอส หอชมนก หอคอยชมวิว มองเห็นวิว 360 องศา กับ
“สะพานสกายวอร์”ค ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของเหมืองแห่งนี้
พิกัดที่ 6 “หล่มภูเขียว อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อ.งาว จ.ลำปาง” แหล่งอันซีนไทยแลนด์สุดฟินอากาศเย็นสบาย แต่ไม่กับถึงกับหนาวสุดขั้วแบบบนยอดเขา เป็นประหนึ่งผลงานศิลปะชิ้นเอกในสถานที่ท่องเที่ยวสุดวิจิตรตระการตา
โดดดเด่นด้วยแอ่งน้ำสีฟ้าอมเขียวมรกตใสราวกับกระจกแก้ว จนมองเห็นตัวปลาได้ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนร่วมการผจญภัยในป่าท่ามกลางอากาศเย็นสบายรายล้อมไปด้วยภูเขาหินปูน
หลังปีใหม่
เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน ภาคเหนือ พื้นที่ 6
พิกัด 3 จังหวัด
ร่วมใจฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติกลับมาเฟื่องฟูรับศักราชใหม่ 2566
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก-ชูศูนย์ท่องเที่ยวอนุรักษ์เกษตรทั่วไทยชมช้อป24จังหวัด
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรกิจกรรมโครงการ
“ส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2566” ได้ตั้งแต่วันนี้-16
มกราคม 2566เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมเปิดประสบการณ์พักผ่อนสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้ด้านการเกษตรทุกภาคทั่วประเทศได้ที่
1.ศูนย์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตร 23 ศูนย์ (24 แห่ง) 19 จังหวัด
และ 2.พื้นที่ของกรมวิชาการเกษตร 28 ศูนย์
(31 แห่ง) 24 จังหวัด
เปิดให้ท่องเที่ยวฟรีโดยได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตรทั้งหมด
23
ศูนย์ (24 แห่ง) 19 จังหวัด
ประกอบด้วย
“ภาคเหนือ” ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย(วาวี)
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง) ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(แม่จอนหลวง)
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแม่ฮ่องสอน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุโขทัย ศูนย์วิจัยพืชสวนสุโขทัย
ศูนย์วิจัยเกษตรที่สูงเพชรบูรณ์ และสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 (สถานีทดลองพืชสวนร่มเกล้า)
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย
และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรหนองคาย
“ภาคตะวันออก” ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี
และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี
“ภาคตะวันตก” ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี
“ภาคใต้” ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง
ศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรภูเก็ต
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ และศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี
ภายในศูนย์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านการเกษตร ได้นำสินค้าเกษตรคุณภาพมาขายราคาพิเศษ
เช่น ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย จำหน่ายพันธุ์พืชคุณภาพดี เช่น โกโก้ ลำไย
และถั่วลันเตา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย(วาวี)
จำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปของศูนย์ฯ เช่น กาแฟอาราบิกาคั่วเม็ด กาแฟอาราบิกาคั่วบด
มะคาเดเมียอบเกลือ ชาจีน และน้ำผลไม้จาโบติกาบา
รวมทั้งจัดตลาดนัดชุมชนกระจายสินค้าของเกษตรกร เช่น
ผลิตภัณฑ์ชาวเขา เสื้อผ้าชนเผ่า กระเป๋า และผลผลิตทางการเกษตร
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)
จัดตลาดนัดชุมชนกระจายสินค้าของเกษตรกรในพื้นที่ เช่น ถั่วหวาน บล็อกโคลี่
และคะน้ายอด ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี จำหน่ายต้นพันธุ์มังคุดคุณภาพดีและราคาถูก
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อุดหนุนผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีต่อสุขภาพตลอดปี 2566
ข่าวที่สอง -ไต้หวันรุกตลาดไทยปลุกเที่ยวโคมไฟTaiwan Lantern Festival
การท่องเที่ยวไต้หวัน
ประจำกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า วางแผนส่งเสริมและกระตุ้นคนเดินทางไปท่องเที่ยวเทศกาล
“โคมไฟไต้หวัน Taiwan Lantern Festival in
Taipei ” ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 5 - 19 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นงานเก่าแก่ของไต้วหวันมายาวนานนิยมจัดหลังเทศกาลตรุษจีน
เพื่อขอพรสิ่งศักด์สิทธิ์
ต้อนรับพระจันทร์เต็มดวงคืนแรกต้อนรับวันปีใหม่ทางจันทรคติ ซึ่งเชื่อกันว่าจะนำพาความหวังและความปรารถนาของเราให้ประสบความสำเร็จ
แล้วยังขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 7
เทศกาลของไต้หวันที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรอคอยชมโคมไฟสวยงามและความยิ่งใหญ่เทคโนโลยีการใช้แสงสีเต็มรูปแบบ
ปี 2566 ทางเมืองไทเป เป็นเจ้าภาพและจัดงาน
ภายใต้ธีม “Light Up The Future
แสงแห่งความหวังและเส้นทางแห่งแสงนำไทเปไปสู่อนาคต” เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการออกแบบประดับตกแต่งโคมไฟรูปร่างตัวการ์ตูน
สัตว์นานาชนิด รูปทรงต่าง ๆ
ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมการใช้ชีวิต ศิลปะโคมไฟแบบดั้งเดิม
เข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีแสงสี เพื่อสะท้อนถึงวิถีชีวิตประเพณีคนไต้หวันและสนุกสนานกับการแสดงพื้นบ้าน
อาหารจากร้านสองข้างทางมีให้เลือกชิมอย่างหลากหลาย
ตลอดงานทุกวันจะเปิดแสดงไฟทุกวันได้ตั้งแต่ 17.00 – 22.00 น. ส่วนการจัดกิจกรรม
ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี จะจัดตอน 14.00 – 22.00 น. และวันศุกร์ - วันอาทิตย์ 10.00
– 22.00 น.
นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ความประทับใจได้ตลอดเทศกาลได้จาก
2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การบอกเล่าเรื่องราวเมืองไทเป 4 โซนไฮไลต์ ซึ่งแต่ละโซนจะนำเสนอความพิเศษและรูปร่างโคมไฟแตกต่างกันไป
ดังนี้
โซนที่ 1 Beacons of Light Display
Zone ตื่นตากับการประดับโคมไฟรูปสัตว์
ตัวการ์ตูน รูปร่างต่าง ๆ มากมาย สามารถเห็นถึงย่านธุรกิจ
ความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจใหม่ ความสำเร็จและความรุ่งเรืองของเมืองไทเปใยามค่ำคืน
ซึ่งเป็นความภูมิใจของคนไต้หวัน
โซน 2 Fount of Light Display Zone เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์วิวัฒนาการ
วัฒนธรรมของเมืองไทเปที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่อดีต – ปัจจุบัน
การแสดงน้ำพุและแสงสีเสียง บริเวณสวน Songshan Cultural and Creative Park
โซนที่ 3 Lights of the Future Display Zone ละลานตากับโชว์บริเวณเขต Xin
Yi เขตที่มีความทันสมัยแห่งไทเป ได้จัดแสดงโคมไฟควบคุมความสว่างด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล
สามารถเพิ่มและลดความสว่างได้เองอัตโนมัติ
โซนที่ 4 Central Display Zone ดื่มด่ำกับโคมไฟจากฝีมือศิลปินทั่วโลกนำมาสร้างสรรค์แสดงจินตนาการตกแต่งโคมไฟในรูปแบบต่าง
ๆ โซนนี้มีความพิเศษคือ นักท่องเที่ยวสามารถสนทนา โต้ตอบกับโคมไฟน่ารักเหล่านี้ได้ด้วย
ส่วนที่ 2 ขอพรให้สมปรารถนาด้วยการปล่อย “โคมขงหมิง” นอกจากงานแสดงโคมไฟของการท่องเที่ยวไต้หวันแล้ว แต่ละเมืองมีกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลโคมไฟแตกต่างกันไป เทศกาลขึ้นชื่อยอดนิยมคือ “โคมลอยผิงซี” จัดที่เมือง “นิวไทเป” เป็นการปล่อยโคมลอย หรือคนไต้หวันรู้จักกันในชื่อ “โคมขงหมิง” ตามความเชื่อกันว่าการปล่อยโคมลอยที่ไต้หวันโดยผู้ที่เขียนคำอธิฐานแล้วปล่อยโคมลอยให้กับสรวงสรรค์ช่วงเทศกาลดังกล่าว
พรที่ขอจะได้รับความสำเร็จตามคำที่ขอทุกประการ
เมื่อปล่อยโคมลอยพร้อมๆ กัน ดวงไฟนับร้อยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทำให้บรรยากาศภายในงานสว่างไสวเป็นภาพที่สวยงามประทับใจของบรรดานักท่องเที่ยวและชาวเมือง
การท่องเที่ยวไต้หวัน ย้ำว่า
ภายในไต้วหวันยังมีสถานที่อีกหลายมิติรอต้อนรับนักท่องเที่ยวตามความชอบ เทศกาลอื่น
ๆ พร้อมอาหารเลิศรสนานาชนิด สามารถค้นหาได้ทางwww.taiwantourism.org/th/ หรือ Facebook
: Taiwan Tourism Bureau TH Instagram : taiwantourism.bkk
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น