ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯชงประยุทธ์4เติม "เงินทุน-แรงงาน-นวัตกรรม-ความรู้"ปลุกปีทองท่องเที่ยว2566
สภาอุตฯท่องเที่ยวปลื้มนายกฯประยุทธ์จัดชุดใหญ่ให้เอกชนปี’66
4เติม“เงินทุน/แรงงาน/นวัตกรรม/ความรู้”สสว.เท12ล.RestartSME
ชงตั้งศูนย์วันสต็อปออกใบอนุญาตไกด์/โรงแรม-เพิ่มเป้า40ล้านคน
นายกฯสั่งสสว.ใส่งบช่วยล็อตแรกReStartSMEs12ล้าน+200ล้าน
“คิง เพาเวอร์”จัดใหญ่ตรุษจีนปีกระต่ายทองแจกความมั่งคั่ง5เฮง
ช้อปคิงเพาเวอร์1หมื่นกินฟรีNoNameNoodleเมนูกินเส้นอายุยืน
ททท.+แอร์เอเชียขายตั๋วถูก888บาทเที่ยวไทย15เมืองรองมิรู้ลืม
บางจากลุยต่อโปรเจกต์”ทอดไม่ทิ้ง”เพิ่มผลิตน้ำมันเครื่องบินSAF
เที่ยวสุพรรณ3พิกัด“ดอนเจดีย์-อุทยานมังกร-ตลาดศรีประจันต์”
4สารอันตรายปนในวัตถุดิบอาหารWHOแนะ5วิธีปรุงปลอดภัย
ททท.หนุนFlydubaiบินตรงทุกวันเส้นทางใหม่ดูไบสู่กระบี่&พัทยา
นกแอร์บิน“กรุงเทพฯ-ไฮเดอราบัด”19ก.พ.นี้โปรตั๋ว3,990บาท
ไทยเวียตเจ็ทบิน“เชียงใหม่-โอซาก้า”16ก.พ.นี้จัดโปร3,799บาท
วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #เที่ยวสุพรรณบุรี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/ictumj3Wa0/
ช่วงที่ 1 เปิดปีทองท่องเที่ยวกับ ชำนาญ ศรีสวัสดิ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประเดิมพันธกิจประธานสมัย 2 ถกนายกรัฐมนตรี หนุนเอกชนท่องเที่ยว 4 เติม “เงินทุน-แรงงาน-นวัตกรรม-ความรู้” ยกแรก
สั่ง สสว.ทุ่มงบช่วย 12 ล้านบาท
โปรเจกต์ Restart SMEs พร้อมเงินหมุนทำตลาดอีก
200 ล้านบาท
เร่งชงปลดล็อกนายกหรือรองนายกนั่งหัวโต๊ะตั้งศูนย์วันสต็อปเซ็นต์ใบอนุญาต
“บัตรไกด์-ธุรกิจโรงแรม” พร้อมเสนอรีดีไซน์โปรดักซ์ปี’66 นำต่างชาติเข้าไทย 40 ล้านคน ชี้เป้านำร่องบุกตลาดละ 10 ล้านคน 4
ตลาดหลัก 1.นักท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน 2.กลุ่มไมซ์/ประชุมสัมมนา
3.นักท่องเที่ยวกลุ่มดูแลสุขภาพองค์รวมหรือ Health and Wellness และเมดิคัล
4.กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะสภาที่ดูแลสมาชิกกลุ่มธุรกิจเอกชนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นทางด้านซัพพลายไซซ์เห็นสัญญาณไตรมาสแรกปี 2566 เริ่มเดือนมกราคมนี้ตลาดในประเทศและต่างชาติมีสัญญาณดีขึ้นจาก 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยแรก ช่วงไฮซีซันชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยว ปัจจัยที่ 2 ช่วงฤดูหนาวคนไทยชื่นชอบท่องเที่ยวในประเทศ ปัจจัยที่ 3 สาธารณรัฐประชาชนจีน ประกาศเปิดให้คนในประเทศออกต่างประเทศมายังเมืองไทยได้
ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศเปิดบริการแล้วประมาณ 60-70 % เนื่อจากในช่วงที่ผ่านมา มี 2 ตัวแปร คือ 1.นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ตามจังหวัดท่องเที่ยวหลัก 2.งบประมาณสนับสนุนให้พนักงานหรือหน่วยงานต่าง ๆ ออกไปจัดประชุมตามจังหวัดต่าง ๆ ยังมีจำนวนน้อย ซึ่งอีก 60-70 จังหวัด ยังคงรอพึ่งพาตลาดภาครัฐใช้จ่ายเงินอบรมสัมมา ซึ่งสามารถสร้างรายได้เป็นกอบกำ
ล่าสุดหลังรับตำแหน่งประธานผมมีโอกาสนำคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และเล็งเห็นว่า ปี 2566 เป็นปีแห่ง
“การฮันนีมูนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” อย่างแน่นอน
จึงได้เป็นตัวแทนเอกชนท่องเที่ยวนำเสนอจุดอ่อนซึ่งยังเป็นอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
2 เรื่อง
ประกอบด้วย
เรื่องที่
1 การเร่งผลิตแรงงานเข้าสู่ภาคบริการอย่างรวดเร็ว
โดยทำการอบรมแบบระยะสั้น (short couse) ใช้
“โรงแรม” เป็น “โรงเรียน” เพื่อเติมแรงงานโดยด่วน
เรื่องที่
2 การเพิ่มจำนวนมัคคุเทศก์
เมื่อนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังกลับมามากขึ้น
จึงเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับผู้ที่ใบอนุญาตหมดอายุ
เสนอเปิดอบรมฟรีออกใบอนุญาตให้มัคคุเทศก์ไทยสื่อสารภาษาจีน และภาษา
นายชำนาญยืนยันว่า
ทางการฟื้นซัพพลายไซซ์จะต้องเดินหน้าประกาศเพิ่มอย่างชัดเจนให้ครบ 4 เติม คือ 1.เติมจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
2.เติมความรู้ให้ผู้ประกอบการและบุคลากรท่องเที่ยว
3.เติมนวัตกรรมส่งเสริมการตลาด
4.เติมทุน โดยใช้ยุทธศาสตร์ Re
Start ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
(SMEs)
ให้ประกอบอาชีพอยู่ได้
ระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีเมื่อต้นเดือนมกราคมได้รับงบประมาณจากสำนักวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.) 12 ล้านบาท
มาทำโครงการ SME Re Start จะลงพื้นที่หลักหลายแห่งทั่วประเทศไปเพิ่มความรู้และเติมเงินทุนเข้าไป
เพราะช่วงโควิด-19 ธุรกิจอ่อนแอรีสตาร์ตได้ยาก
เทรนด์ของตลาดโลกเปลี่ยนไป จึงจะทำในรูปแบบ Tourism Clinic นำหลายภาคส่วนมาเติมความรู้ เติมนวัตกรรม
แล้วยังมีงบประมาณราว 200 ล้านบาท
จาก สสว.พร้อมจะช่วยให้ SME
เข้าถึงตลาดในอนาคตได้
ตัวอย่างล่าสุด
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับ DEPA หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
สนับสนุนท่องเที่ยวเชิงเกษตรแหล่งชุมชนทั่วไทย
เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้รับความนิยมจากตลาดเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นตามลำดับ
เรื่อยไปจนถึง “เมกะเทรนด์โลก” ที่จะรองรับตลาดต่างประเทศมีการท่องเที่ยวสีเขียว BCG
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
และการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงซอฟท์ เพาเวอร์
ความเป็นวิถีไทยทุกมิติดีครบเครื่องทั้งหมด
แนวโน้มครึ่งปีแรก
2566 ทำได้ง่ายแน่นอนที่จะดึง
“แรงงาน” คืนสู่ภาคบริการท่องเที่ยว โดยใช้เสาหลักจาก 4 เติม เอกชนต้องพึ่งพารัฐอยู่บ้าง คือ
กระทรวงแรงงาน กระทรงอุดมการศึกษา ต้องเข้ามาช่วยอีกช่องทาง
ขณะนี้ตลาดต้องการแรงงานเข้าระบบนั้น ตอนนี้ต้องยอมรับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นคือ
“โรงแรมขนาดใหญ่” หันมา “ดูดแรงงาน” จากโรงแรมขนาดเล็กไป เพราะมีเงินพร้อมจ่าย
ผนวกกับ “โรงแรมขนาดเล็ก” ไม่มีใบอนุญาต จึงไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ไม่มีเงินจ้างงาน กลายเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในปัจจุบันนี้
ดังนั้นจึงต้องการจะเห็น
“โรงแรมขนาดเล็ก” ได้รับการพิจารณาจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้
“ใบอนุญาตประกอบกิจการ” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ “ถูกต้องตามกฎหมาย”
โดยจะไม่เข้าไปยุ่งกับห้องพักที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ
หากโรงแรมเหล่านี้ได้ใบอนุญาตจึงจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนนำมาใช้ Re Start กิจการได้ เพื่อทำให้ “แรงงานใหม่”
เข้าสู่ระบบได้จำนวนหลัก 10,000 คน
ขณะนี้ได้ป่าวร้องขอให้ช่วยกัน “เติมแรงงาน”
ทั้งนักศึกษาจบใหม่และคนที่เคยทำอาชีพนี้มีโอกาสได้เพิ่มทักษะจากการใช้ “โรงแรม”
เป็น “โรงเรียน”
ผู้ที่เข้าไปฝึกงานควรได้เบี้ยเลี้ยงและใบประกาศอาชีพเพื่อใช้ทำงานต่อไป
นายชำนาญกล่าวว่าช่วง
“เทศกาลตรุษจีน” ปลายเดือนมกราคม 2566
เอกชนประเมินสถานการณ์ “นักท่องเที่ยวจีน” จะเข้ามาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะ 1.จำนวนเที่ยวบินยังมีจำนวนไม่มาก 2.การขอวีซ่าในจีนมายังไทยก็ยังไม่ได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมา
ดังนั้นเอกชนจะรอไตรมาส 2 ที่จีนจะทะลักเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างแน่นอน
3.เอกชนจะร่วมกับ
ททท.โดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีตัวแทนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการอยู่ถึง
3 คน
ขณะนี้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เปิดเมืองให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยเดินหน้าได้แล้ว
ยังคงเหลือสิ่งที่จะต้องทำต่อนั่นคือ “ปลดล็อก” องค์ประกอบอื่น ๆ เช่น เติมเงินทุน
เติมแรงงาน เติมความรู้ เติมนวัตกรรม เข้ามาเสริมให้ทัพท่องเที่ยวแข็งแกร่ง
เร็ว ๆ นี้คงจะมีข่าวดีจากรัฐบาล
ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีกับเอกชนที่จะจั๊มสตาร์ตนับจากเปิดศักราชปีนี้เป็นต้นไป
ทางฝั่งซัพพลายไซซ์จะใช้
4 กลยุทธ์หลัก
กลยุทธ์ที่ 1 พลิกฟื้นท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย
4 เติม
กลยุทธ์ที่ 2 ยืนยันเป้าหมายนำเข้านักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยตามจำนวนเท่าปีฐานปกติ
40 ล้านคน
(ขณะนี้กำลังถกเถียงกันอยู่ที่ 20-25 ล้านคน)
แล้วกระจายให้ทั่วถึงทั้งเมืองท่องเที่ยวหลัก และเมืองท่องเที่ยวรอง
ได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน
รวมทั้งเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนาแน่นมากเกินไป สร้างสมดุล
และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ด้วยวิธี
“Re Design โปรดักซ์หรือปรับสินค้าท่องเที่ยว”
โดยตั้งเป้าหมายเจาะลึกอย่างชัดเจน 4 ตลาดสำคัญ ดังนี้ 1.นักท่องเที่ยวเดินทางพักผ่อน (leisure) 10 ล้านคน 2.กลุ่มไมซ์/ประชุมสัมมนา 10 ล้านคน 3.นักท่องเที่ยวกลุ่มดูแลสุขภาพองค์รวมหรือ Health
and Wellness และเมดิคัล 10 ล้านคน 4.กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา 10 ล้านคน
กลยุทธ์ที่
3 ยกระดับการท่องเที่ยวเป็น
“วาระแห่งชาติ” โดยจัดการใหม่แต่งตั้งให้ “นายกรัฐมนตรี หรือ รองนายกรัฐมนตรี”
นั่งหัวโต๊ะทำหน้าที่เคาะการอนุญาต “ใบประกอบกิจการท่องเที่ยวทุกประเภท”
ซึ่งควรจะรวมศูนย์ไว้แห่งเดียว เพราะทุกวันนี้ ต้องแยกขอตามกระทรวงต่าง ๆ เช่น
ใบอนุญาตเปิดโรงแรม ต้องยื่นขอจากกระทรวงมหาดไทย
ใบอนุญาตบัตรมัคคุเทศก์ต้องยื่นขอจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทย
สำหรับเสียงตอบรับเรื่องรวมศูนย์ใบอนุญาตเป็น
“วาระแห่งชาติ” เป็นข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ที่ได้รับความสนใจจากพรรคการเมืองต่าง ๆ
ซึ่งเห็นตรงกันว่าการท่องเที่ยวสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงการได้เข้าพบทั้งนายกรัฐมนตรี 2-3 ครั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ล้วนให้ความสำคัญและสนใจท่องเที่ยวอย่างมาก “ประเทศไทย”
จะเข้าสู่ยุคทองการท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน เมื่อทุกฝ่ายจับมือเดินไปด้วยกัน
ส่วนระยะเวลาที่จะทำให้ท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ
นั้นควรลงมือทำให้เกิดทันที
เพราะความต้องการเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยหรือดีมานต์ไซซ์นั้นมีอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เอกชนเป็นห่วงคือ 1.การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหน่วยงานรัฐต้องเป็นเจ้าภาพพัฒนาตามมาตรฐานให้ทันกับความต้องการของนักท่องเที่ยว
2.เอกชนท่องเที่ยวต้องเข้าใจเมกะเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
3.บุคคลากรทางการท่องเที่ยว
พนักงานร้านอาหาร คนขับรถ เรือ สาธารณะ ต้องมีทักษะบริการได้มาตรฐาน
เพราะหาก
3 องค์ประกอบเดินหน้าได้ดีทั้ง
1.แหล่งท่องเที่ยวดี
ได้รับการพัฒนาทั้งสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกตั้งแต่ต้นทางเข้าประเทศที่สนามบินเรื่อยไปจนถึงพื้นที่พักผ่อนครบถ้วน
2.ผู้ประกอบการมีความพร้อมโดยเฉพาะ
SMEsได้รับการปลดล็อกเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
3.พนักงานมีอนุญาตเพื่อเติมแรงงานเข้าสู่อุตสาหกรรม
ก็จะช่วยผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยไม่เป็นสองรองใคร แล้วการทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายปีนี้
2.38 ล้านล้านบาท
จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 20-30
ล้านคน ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์”จัดใหญ่ตรุษจีนปีกระต่ายทองแจกความมั่งคั่ง5เฮง
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เริ่มอย่างยิ่งใหญ่ชวนคนไทยและต่างชาติออกเดินทางครั้งใหม่ร่วมฉลองตรุษจีนรับความเฮงให้สุดในเทศกาลแห่งปีกับกิจกรรม
“KING POWER CHINESS NEW YEAR : THE GREAT FOUTUNE DESTINATION” ตลอด 2 ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างวันนี้ -22 มกราคม และ 27-29 มกราคม 2566
ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กับ 5 เฮงแห่งปี ดังนี้
เฮงที่ 1 : ปี่เซียะ เรียกทรัพย์ รุ่นหลวงปู่นิ่ม วัดพุทธมงคล
99 รางวัล และอีก 3 บัตรส่วนลดมากถึง 790 รางวัล
ได้แก่ “บัตรศูนย์อาหาร” 350
รางวัล มูลค่าใบละ 80 บาท นำไปใช้รับประทานอาหารได้ที่ THAI TASTE HUB “บัตรส่วนลด” 352 รางวัล
มูลค่าใบละ 600 บาท ทุกการช้อปครบ 4,000 บาท “บัตรส่วนลดบุฟเฟต์ 40%” ที่โรงแรมพูลแมน
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ 88 รางวัล แล้วนำไปใช้ที่ห้องอาหาร
“ควิซีน อันปลั๊ก” เพื่อเลือกรับประทานอาหารมื้อกลางวันและค่ำ หากมารับประทานอาหารในเดือนเกิดรับฟรี!เค้กวันเกิด
1 ปอนด์
เฮงที่ 2 : เช็กดวง เพิ่มทรัพย์ ตารางเช็กดวง เพิ่มทรัพย์กับหมอดู พรชนก ศรีสวัสดิ์ มีให้เลือกถึงวันละ
12 รอบ รอบละ 30 นาที ดังนี้ รอบที่
1 : 11.00 - 11.30 น. รอบที่ 2 : 11.40 - 12.10 น. รอบที่ 3 : 12.20 - 12.50 น. รอบที่
4 : 13.10 - 13.40 น. รอบที่ 5 : 13.50 - 14.20 น.
รอบที่
6 : 14.30 - 15.00 น. รอบที่ 7 : 15.10 - 15.40 น. รอบที่ 8 : 16.00 - 16.30น. รอบที่
9 : 16.40 - 17.10 น. รอบที่ 10 : 17.20 - 17.50 น. รอบที่ 11 : 18.00 - 18.30 น. รอบที่
12 : 18.50 - 19.20 น.
เฮงที่ 3 : ปัดเป่าทุกข์ กับ สี่ราชาสวรรค์ จาตุมหาราชา ผู้พิทักษ์โลกทั้งสี่ทิศ หรือที่รู้จักในนาม ซื่อต้าจินกัง
(ท้าวจตุโลกบาล) ผู้พิทักษ์คุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศ ได้แก่
“ตัวเหวินเทียนหวาง”
ปกครองประจำตำแหน่งทิศเหนือ คอยพิทักษ์ปกป้องให้มั่งคั่งร่ำรวย
“เจิงจ่างเทียนหวาง”
ปกครองประจำตำแหน่งทิศใต้ คอยพิทักษ์ปกป้องพระธรรม
“ฉือกว๋อเทียนหวาง” ปกครองประจำตำแหน่งทิศตะวันออก
คอยพิทักษ์ปกป้องประเทศ
“กว่างมู่เทียนหวาง” ปกครองประจำตำแหน่งทิศตะวันตก
คอยพิทักษ์ปกป้องประชาราษฏร์
เฮงที่ 4 : จุดไฟให้ชีวิตใหม่ ปี 2566 แจกวันละ 30 ชิ้น ด้วยการร่วมกิจกรรมเพ้นท์โคมจีนโดยศิลปินชื่อดัง ได้แก่ prince.s.collection
วันนี้- 22 มกราคม 2566 และ voltapass วันที่
27 - 29 มกราคม
เฮงที่ 5 : กินแล้วโชคดี อิ่มแล้วเฮงเฮง รับประทานฟรีวันละ 60 ถ้วย ที่ ห้องอาหาร ECLIPSE
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กับเมนูเส้นอายุยืนยาว รับตรุษจีน จากร้าน No
Name Noodle ร้านราเมน “ไร้ชื่อ” จองยากที่สุดในกรุงเทพฯ เลือกมารังสรรค์เมนูใหม่พิเศษเพื่อลูกค้าของ
คิง เพาเวอร์ เฉพาะงานนี้เท่านั้น ปรุงพิเศษเมนูชื่อ “คาเอเดะ” มีให้ลิ้มลองได้ถึง
11 รอบ 11 เวลา ดังนี้
รอบที่
1 : 12.00 - 13.00 น.พิเศษรวม10 ที่นั่ง ส่วนรอบอื่นจัดไว้รอบละ 5 ที่นั่งคือ รอบที่ 2 : 13.00 - 14.00 น. รอบที่ 3 :
13.30 - 14.30 น.รอบที่ 4 : 14.00 - 15.00 น. รอบที่ 5 : 14.30 - 15.30 น.รอบที่ 6
: 15.00 - 16.00 น. รอบที่ 7 : 15.30 - 16.00 น. รอบที่ 8 : 16.00 - 17.00 น.รอบที่
9 : 16.30 - 17.30 น.รอบที่ 10 : 17.00 - 18.00 น.รอบที่ 11 : 17.30 - 18.30 น.
ข่าวที่
2 ช้อปคิงเพาเวอร์1หมื่นกินฟรีNoNameNoodleเมนูเส้นอายุยืน
คิง
เพาเวอร์ นำเสนอ ความอร่อยเพื่อชีวิตยืนยาว เพียงช้อปครบ
10,000 บาท/ใบเสร็จ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ SCARLET รับประทานฟรีร้าน “no
name noodle” มาร่วมเป็นครั้งแรกเฉพาะที่ห้องอาหาร
ECLIPSE คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เพียงแห่งเดียว
ระหว่างวันที่ 22, 27-29 มกราคม
2566 ด้วยการรังสรรค์ “เมนูเส้น”สัญลักษณ์การมีชีวิตยืนยาว
รับตรุษจีนให้ทุกคนเฮง ๆ
เลือกวัตถุดิบสุดพิเศษ “เห็ด ทรัฟเฟิลดำ” มาใส่ในเส้นวันละเพียง
60 ชาม เท่านั้น!
ผู้ที่ได้กินแล้วโชคดี
อิ่มแล้วเฮงเฮง กับเมนูเส้นอายุยืนยาว รับตรุษจีน จากร้าน No
Name Noodle ร้านราเมน “ไร้ชื่อ” ได้ชื่อว่า “จองยากที่สุด”
ในกรุงเทพ มาตอบมอบความมงคคลให้ลูกค้า คิง เพาเวอร์ ด้วยเมนูชื่อ “คาเอเดะ” วันละ
60 ชาม ที่ห้องอาหาร ECLIPSE คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
มีให้ลิ้มลองได้ถึง 11 รอบ
11 เวลา
รอบที่ 1 : 12.00 - 13.00 (10 ที่นั่ง) รอบที่ 2 : 13.00 - 14.00 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 3 : 13.30 - 14.30 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 4 : 14.00 - 15.00 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 5 : 14.30 - 15.30 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 6 : 15.00 - 16.00 (5 ที่นั่ง)
รอบที่ 7 : 15.30 - 16.00 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 8 : 16.00 - 17.00 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 9 : 16.30 - 17.30 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 10 : 17.00 - 18.00 (5 ที่นั่ง) รอบที่ 11 : 17.30 - 18.30 (5 ที่นั่ง)
ข่าวที่
3 ททท.+แอร์เอเชียขายตั๋วถูก888บาทเที่ยวไทย15เมืองรองมิรู้ลืม
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับนายสันติสุข คล่องใช้ยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย และเขื่อน ภัทรดนัย ศิลปินชื่อดัง
เปิดตัวแคมเปญ “เมนูเปิดประสบการณ์ใหม่ เมืองรองมิรู้ลืม” ตั้งเป้ากระตุ้นนักท่องเที่ยวหันมาเลือกเดินทางเที่ยวเมืองรองทั่วประเทศ
15 จังหวัด เปิดให้ซื้อตั๋วโดยสารไทยแอร์เอเชีย ราคาพิเศษระหว่างวันที่
23-29 มกราคม 2566
แล้วนำไปใช้เดินทางจริงได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ -30
กันยายน 2566 ตั๋วโดยสารเครื่องบินเข้าร่วมแคมเปญนี้เปิดขายในราคาเริ่มต้นเพียงเที่ยวบิน
888 บาท/ที่นั่ง มีบริการบินตรงสู่เมืองรอง 3 ภาค รวม 15 จังหวัด ได้แก่
“ภาคเหนือ” 3 จังหวัด คือ เชียงราย น่าน พิษณุโลก “ภาคใต้” 5
จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ตรัง ระนอง ชุมพร นราธิวาส และ
“ภาคอีสาน” 7 จังหวัด อุดรธานี อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด นครพนม
สกลนคร บุรีรัมย์ และจังหวัดเลย โดยเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 30 กันยายน 2566
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท.กับไทย แอร์ เอเชีย ร่วมมือกัน ชวนเที่ยวเมืองไทยสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่กับสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายในเมืองรองซึ่งจะใช้จุดขายเรื่องพลัง
Soft
Power ด้วย “เมนูอาหารถิ่น/Local Food” อันเป็นอัตลักษณ์แต่ละภาค
ด้วยวิธีสร้างการรับรู้สู่การเดินทางจริงผ่านประสบการณ์ ภาพจำ ความรู้สึก
และรสชาติอาหารท้องถิ่นที่คุ้นเคย เชื่อมโยงกับเรื่องราวบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว
และประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้การท่องเที่ยวเมืองรองเป็นกระแสท่องเที่ยวเกิดการกระจายตัวเพิ่มจำนวนนักเดินทางและรายได้จากเมืองหลักสู่พื้นที่เมืองรองตามแนวทางของรัฐบาล
เน้นให้ ททท.ร่วมกับทุกภาคส่วนเดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ส่วนโครงการ “เปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยวเมืองรองมิรู้ลืม” เริ่มคลิกออฟตั้งแต่ต้นปี
2566
เร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเมืองรองกับเมนูประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยว
โดยมีไทยแอร์ เอเชีย เป็นพันธมิตรที่พร้อมจะผลักดันให้เกิดการกระจายรายได้ส่งถึงมือชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศอย่างเต็มที่ตลอดปีเถาะนี้
ข่าวที่ 4 บางจากลุยต่อโปรเจกต์”ทอดไม่ทิ้ง”เพิ่มผลิตน้ำมันเครื่องบินSAF
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ปี 2566
เร่งเดินหน้าต่อยอดโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เปิดสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วกรุงเทพฯ
และปริมณฑล 44 แห่ง รับซื้อน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากประชาชนและร้านค้าต่าง
ๆ ซึ่งเริ่มรับซื้อมาตั้งแต่ 21 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของ 3 บริษัท คือ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)
บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด
โครงการ
“ทอดไม่ทิ้ง” ทาง บริษัท ธนโชค ออย ไลท์ จำกัด ริเริ่มในฐานะที่ บริษัท บีเอสจีเอฟ
จำกัด เป็นผู้ร่วมทุนด้วยช่วยกันรณรงค์การ “ไม่ทิ้ง”
น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วสู่พื้นที่สาธารณะ ป้องกันปัญหาจากการทิ้งของเสียโดยไม่ถูกวิธี
ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการ “ไม่ทอดซ้ำ” ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ
จากการเสื่อมสภาพของน้ำมันและเปลี่ยนเป็นสารประกอบอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ
รวมทั้งโครงการนี้ยังสามารถพัฒนาเศรษฐกิจตามโมเดลเศรษฐกิจ
BCG ทั้ง Bio-Circular-Green Economy นั่นคือการ “เศรษฐกิจชีวภาพ”
มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เชื่อมโยงกับ “เศรษฐกิจหมุนเวียน”
นำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และ “เศรษฐกิจสีเขียว”
พัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน
สำหรับโครงสร้าง
บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่าง บมจ. บางจากฯ บมจ. บีบีจีไอ และบริษัท
ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด จะเป็นผู้รับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหาร
เพื่อนำไปผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF เป็นรายแรกในประเทศไทย รวมทั้งได้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว
200 ล้านบาท โดยบางจากฯ ลงเงิน102 ล้านบาท เตรียมพื้นที่ก่อสร้างหน่วยผลิต
รองรับความต้องการของตลาดการบินโลกที่มีความต้องการสูงขึ้นต่อเนื่อง และวางแผนไตรมาส
4 ปี 2567 จะเริ่มผลิตได้เพราะปัจจุบันมีผู้สนใจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมาก
ส่วนผู้สนใจนำน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหารมาขายที่สถานีบริการบางจาก
ดูรายชื่อสาขาที่รับซื้อได้ที่ https://greensrevolution.bangchakmarketplace.com/th/Promotion/detail/UsedcookingoiL
และตรวจสอบราคารับซื้อได้ที่จุดรับซื้อในแต่ละวัน
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยใกล้กรุงใส่เกียร์ลุยเที่ยว “เมืองสุพรรณบุรี” 3 พิกัดปัง
ๆ “ดอนเจดีย์” ชมแสงสีเสียงยุทธหัตถีช้างม้าจริง “อุทยานมังกรสวรรค์” รับตรุษจีน
“นาฎยศิลป์ ศรีประจันต์” พลิกความสวยแนวใหม่อวดนักท่องเที่ยว แล้วฟัง “ระวัง4สารปนเปื้อนวัตถุอาหาร” WHO แนะ 5 วิธีปรุงปลอดภัย และข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ททท.ผนึกFlydubai”
บินตรง ดูไบ สู่ กระบี่และพัทยา ทุกวัน ดันท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ยุโรป
เข้าไทยคึกคัก ข่าวที่สอง “นกแอร์” ลุยบิน “กรุงเทพฯ-ไฮเดอราบัด” เริ่ม 19 ก.พ.66 ขายตั๋วโปร
3,990 บาท “ไทยเวียตเจ็ท” เปิดบินตรง “เชียงใหม่-โอซาก้า” 16 ก.พ.นี้
ราคาตั๋วแค่ 3,799 บาท
ท่องเที่ยว-เที่ยวสุพรรณ3พิกัด“ดอนเจดีย์-อุทยานมังกร-ตลาดศรีประจันต์”
เที่ยวไทย
เที่ยวได้ไม่ต้องรอ ปักหมุดฟินใกล้กรุง “สุพรรณบุรี” 3 พิกัด
“ดอนเจดีย์” เพลิดเพลินกับแสง สี เสียง โชว์การทำยุทธหัตถีด้วยช้างม้าจริง “อุทยานมังกรสวรรค์”
ชมการแสดงของเด็กฝีมือรับตรุษจีน ““นาฎยศิลป์ ศรีประจันต์”
แปลงโฉมตลาดร้อยปีให้กลายเป็นดินแดนอาร์ตแห่งใหม่
พิกัดที่
1 เที่ยวงาน “อนุสรณ์ดอนเจดีย์ ประจำปี 2566 เริ่มแล้ว
วันนี้ -1
กุมภาพันธ์ 2566 ณ
พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
ชม !! การแสดง
แสง สี เสียง สงครามยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ตระการตาด้วยช้างจริง ม้าจริง
ในสถานที่จริง เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งแต่ 18.00 - 23.00 น.
รอบการแสดงการแสดงยุทธหัตถี เริ่มเวลา 19.30 - 21.00 น..
การแสดงศิลปวัฒนธรรม และมหรสพต่างๆ
อาทิ การแสดงโขน การแสดงวงโปงลาง การแสดงลิเก การแสดงวงปี่พาทย์ การแสดงวงดนตรี
การประกวดขับร้องเพลงลูกทุ่ง
การเดินแบบผ้าไทย
การประกวดธิดาดอนเจดีย์ ซึ่งแต่งกายด้วยชุดตะเบงมานเหมือนวีรสตรีไทยในอดีต
การออกร้านธารากาชาด/เฮฮาพาโชค
การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ของจังหวัดสุพรรณบุรี “ของดีวิถีคนเมืองเหน่อ”
และการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค
พิกัดที่ 2 ตรุษจีนสุพรรณบุรี
มหัศจรรย์ 15 ปี มังกรสวรรค์ วันนี้
-31 มกราคม 2566 ณ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี
อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี
จังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี
กำหนดจัดงานตรุษจีนสุพรรณบุรี เพื่อรำลึกถึงความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทย –
จีน และเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี มังกรสวรรค์ ในเทศกาลตรุษจีน
ตลอดจนเพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบสานเทศกาลประเพณีสำคัญในพื้นที่
ส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน
นำไปสู่การท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในพื้นจังหวัดสุพรรณบุรี
ชม !! แสง สี เสียง สุดตระการตา ชมเยาวชนสุพรรณบุรีถอดแบบการแสดงมาจากจีน...การแสดงชุดลูกหลานพันธุ์มังกร
อาทิ สิงโตปีนเสาดอกเหมย กลองศึก มังกร 9 เซียน กังฟู เอ็งกอบู๊ กวนอิมพันมือ
งิ๊วเปลี่ยนหน้ากาก การแสดงชุดพิเศษ การแสดงระบำแบบจีน
ชมการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินดารานักร้องชื่อดัง
อาทิ น้องฮาย ชุติมา แกรมมี่โกลด์ /พร์อกซี่ /หนูมิเตอร์ /ศรราม อเนกลาภ /
นิวคันทรี่ แกรมมี่โกลด์/มีนตรา อินธิรา
ตื่นตาตื่นใจกับการประดับตกแต่งด้วยระบบ
แสง สี ดอกไม้ ให้เป็นสวน แสง สีสัน สวรรค์ เมืองสุพรรณบุรี
พิกัดที่
3 ไปชีลที่ “นาฎยศิลป์
ศรีประจันต์” ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ ตลาดริมน้ำศรีประจันต์ ตลาดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองสุพรรณ มีอายุประมาณ
100 ปี อยู่ในอำเภอศรีประจันต์ เป็นบ้านเรือนไม้เก่า 2 ชั้น
ติดริมแม่น้ำท่าจีน
ชุมชนเก่าแก่ที่เมื่อก่อนคึกคักไปด้วยผู้คนร้านค้าต่างเดินทางมาจับจ่ายใช้สอย
ซึ่งปัจจุบันอาจจะดูเงียบเหงาลง บ้านเรือนที่ถูกปิดบ้างไปตามกาลเวลา
ตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนความเงียบเหงาให้กลายเป็นศูนย์รวมงานศิลป์ให้ดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ภาพวาดที่ถูกถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบและผนังเรือนไม้
บอกเล่าถึงอดีตของตลาดริมแม่น้ำที่สมัยหนึ่งเคยรุ่งเรืองก่อนจะโรยราไปกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
ปิดท้ายสายสปอร์ต
ชวนไปสนุกกับ “สุพรรณิการ์ มินิมาราธอน ครั้งที่ 1
2023” วันอาทิตย์ที่ 12
กุมภาพันธ์ 2566 ณ
สวนกล้วย วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี รับสมัครนักวิ่ง 1,000 คน ตั้งแต่วันนีวันที่
31
มกราคม นี้ 081-857-8979
(คุณแหม่ม) 086-559-3459 (ครูอ๋อง) และ Facebook Fanpage : สุพรรณิการ์
มินิมาราธอน ครั้งที่ 1
ทางสโมสรโรตารีสุพรรณิการ์
จังหวัดสุพรรณบุรี จัดกิจกรรม เดิน - วิ่ง
“ สุพรรณิการ์ มินิมาราธอน 2023
ครั้งที่ 1 เพื่อสมทบทุนเพื่อปรับปรุงห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช
จ.สุพรรณบุรี รายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย เที่ยวได้ทำบุญด้วย
365 วัน มหัศจรรย์ เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน เที่ยวสุพรรณบุรี 3 พิกัด ชวนกันไปฟินกับการพักผ่อนใกล้กรุง
สุขภาพ
-4สารอันตรายปนในวัตถุดิบอาหารWHOแนะ5วิธีปรุงปลอดภัย
การใช้ชีวิตทุกวันนี้ มีข้อแนะนำเรื่อง
การเฝ้า “ระวังสารปนเปื้อน” เพราะสารบางอย่างอาจอันตรายถึงชีวิตได้
ที่มากับวัตถุดิบอาหาร 4 อย่าง ทางที่ดีควรปรุงตามแนวทางที่องค์กรอนามัยโลกนำเสนอ
5 วิธี
เริ่มจากสารบางอย่างสร้างอันตรายถึงชีวิต
มักจะมากับวัตถุดิบอาหารที่เรามาปรุงเพื่อรับประทานแต่ละมื้อ 4 ชนิด
คือ
1.ฟอร์มาลีน -พบมากในอาหารทะเล ผักผลไม้ ทำให้อาหารดูสดใหม่
แต่มีอันตรายต่อตับ ไต หัวใจ สมองและทางเดินอากาศอักเสบ
หากรับสารมากไปอาจทำให้เสียชีวิตได้
2.บอแรกซ์ -พบในลูกชิ้น
ตังกวยแฉะ ทำให้เกิดอาการเป็นพิษเฉียบพลัน อาเจียน ท้องเสีย
มีผลถึงขั้นทำให้เสียชีวิต
3.สารฟอกขาว -พบในถั่วงอก เต้าหู้ หน่อไม้จีน
ทำให้เกิดอาการอักเสบบริเวณอวัยวะที่สัมผัส เช่น ปาก กระเพาะอาหาร
เกิดอาการแน่นหน้าอก ปวดท้อง อาเจียน มีผลถึงขั้นทำให้เสียชีวิต
4.สารกันรา -พบในผักดอง ผลไม้ดอง
มีผลต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
5.ยาฆ่าแมลง -พบในผักสด ผลไม้สดและปลาหมึกแห้ง หากได้รับสารมากไป
อาจมีอาการชัก หายใจติดขัด และก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
โควิดก็ยังมีเทศกาลก็ต้องเข้าร่วม
แบบนี้ต้องยิ่งระวังกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการปรุงอาหารให้สะอาด
ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ดังนี้
1.ต้องรักษาความสะอาด ควรล้างมือก่อนกิน และก่อนเตรียมอาหารทุกครั้ง
บริเวณเตรียมอาหารต้องสะอาด โดยเฉพาะจาน โต๊ะ เขียง
เพื่อป้องกันจุลินทรีย์ที่อาจติดมาได้
2.แยกอาหารที่ปรุงสุกแล้วออกจากอาหารดิบ
เพราะอาจมีเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนอยู่
3.ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง ที่อุณหภูมิ 70
องศาเซลเซียส โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อ เนื้อไก่ ไข่ และอาหารทะเล
ต้องสุกถึงด้านใน
ซึ่งการปรุงที่ถูกวิธีและถูกสุขลักษณะจะทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายได้เกือบทุกชนิด
4.เก็บอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสม
5.ใช้น้ำสะอาดและวัตถุดิบที่ปลอดภัยในการปรุงอาหาร
การเลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารอย่างถูกวิธีและการปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย
จช่วยะลดความเสี่ยงจากสารปนเปื้อนในอาหารได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
-ททท.หนุนFlydubaiบินตรงทุกวันเส้นทางดูไบสู่กระบี่&พัทยา
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานกระบี่
ร่วมกับภาครัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยวร่วมต้อนรับสายการบิน flydubai ที่กลับมาเปิดบินตรงแบบประจำ
(Regular flight) เส้นทาง ไป-กลับ ดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
–กระบี่(ไทย) เที่ยวบินปฐมฤกษ์วันแรก 20 มกราคม 2566
รหัสเที่ยวบิน FZ1463 ได้นำนักท่องเที่ยวตลาดตะวันออกกลาง 161 คน เดินทางมากระบี่เป็นครั้งแรก เมื่อมาถึง
ททท.ได้นำทุกฝ่ายร่วมต้อนรับพร้อมมอบความประทับใจด้วยอุโมงค์น้ำ (Water Salute) เมื่อเครื่องบินลงแตะรันเวย์สเข้าเทียบท่าอาคารผู้โดยสารสนามบินนานาชาติกระบี่
จากนั้นก็ได้แจกของที่ระลึก จัดการแสดง
“มโนห์รา”ซึ่งเป็นวัฒนธรรมทางภาคใต้ คาดจะนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางและยุโรปที่มาต่อเครื่องเดินทางเข้ากระบี่
เดือนละไม่น้อยว่า 5,300 คน
ขณะนี้สายการบิน Flydubai
กำหนดบินแบบทุกวัน (daily
flight)
วันละ 1 เที่ยว หรือสัปดาห์ 7 เที่ยว
กำหนดเวลาออกจากสนามบินนานาชาติดูไบมายังกระบี่ แบ่งเป็น ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์
และอาทิตย์ ด้วยรหัสเที่ยวบิน FZ 1463 ตอนกลางคืน เวลา00.50 น. มาถึงสนามบินนานาชาติกระบี่ตอนเช้าเวลา
10.10 น. และทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ จะออกจากดูไบด้วยเที่ยวบิน FZ
1481 ตอนกลางวัน
เวลา10.40 น. ถึงกระบี่ ตอนค่ำเวลา 20.00 น.
ทั้งนี้ มีนายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการ
ททท.กระบี่ พร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐและเอกชนร่วมต้อนรับ Flydubai
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ที่สนามบินนานาชาติกระบี่ ประกอบด้วย นายณรงค์
อรุณภาคมงคล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยภาคพื้น รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสนามบินนานาชาติกระบี่
ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายชัยภัทร วสุนธรา
ผู้แทนนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ นางสาวมนพันธ์ นำชัยภิญโญพงศ์
ประธานนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC
หอการค้าจังหวัดกระบี่ นายสมเกียรติ
ขยันการ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอ่าวนาง นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว
ทางด้าน FlyDubai รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2566 เป็นต้นไป วางแผนกลับมาบินตรงแบบประจำ
โดยใช้ฝูงบิน ฝูงบินโบอิ้ง 737-8 หรือ Boeing 737 Max 8
ระหว่าง ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สู่ ประเทศไทย ทุกวัน หรือวันละ 1 เที่ยว ใน 2 เส้นทางหลัก ได้แก่
เส้นทางที่ 1 ไป-กลับ ดูไบ - กระบี่ สัปดาห์ละ 7 เที่ยว และ เส้นทางที่ 2 ไป-กลับ ดูไบ-สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (พัทยา)
ปัจจุบัน “Fly dubai” เป็นสายการบินต้นทุนต่ำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้บริการเที่ยวบินครอบคลุม 94 เส้นทาง 46
ประเทศ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชีย และยุโรป และมีฝูงบินทั้งหมดถึง 63 ลำ
ซึ่งพร้อมให้บริการทุกเส้นทางอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ข่าวที่สอง
-นกแอร์บิน“กรุงเทพฯ-ไฮเดอราบัด”19ก.พ.นี้โปรตั๋ว3,990บาท
สายการบินนกแอร์
รายงานว่า เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ ไป-กลับ “กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-เมืองไฮเดอราบัด
(อินเดีย) เริ่มบินตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยว ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 737-800 โดยทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง
3,990 บาท โดยมีเที่ยวบินขาไปจากกรุงเทพฯ
รหัสเที่ยวบิน DD958 เวลา 21:30 น. ถึงไฮเดอราบัด เวลา 23:45 น. ทุกวัน
อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และ อาทิตย์เที่ยวบินขากลับ DD959 ออกจากไฮเดอราบัด
เวลา 00:45 ถึง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) เวลา 06:05 ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์
ปี 2566 นกแอร์ตั้งเป้าขยาย “เส้นทางบินระหว่างประเทศ” เพิ่มขึ้นพร้อมมุ่งมั่นยกระดับบริการอย่างหลากหลาย
เพื่อให้ผู้โดยสารประทับใจพร้อม
รวมทั้งยังจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับอีกหลายประเทศในแถบเอเชียให้คึกคักมากยิ่งขึ้นด้วย
นกแอร์ได้วางกลยุทธ์
ปลุกกระแสคนไทยเดินทางท่องเที่ยว “ไฮเดอราบัด” ซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในอินเดียถือเป็นเมืองหลวงของรัฐเตลังคานา
เพียบพร้อมด้วยจุดดึงดูดความสนใจ 3 เรื่อง คือ
เรื่องที่
1 แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานรวมถึงวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น
ผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียเหนือและใต้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และไฮเดอราบัดยังขึ้นเชื่อด้านเมืองที่มีชีวิตชีวา
อากาศเย็นตลอดปี มีสถานที่เที่ยวยอดนิยม เช่น จารมินาร์ (Charminar) ป้อมปราการโกลกอนดา (Golconda
Fort) พระพุทธรูปแห่งไฮเดอราบัดที่ทะเลสาบฮุสเซนสาคร (Hussain
Sagar) ที่ผู้คนใฝ่ฝันเมื่อมาเดินทางเข้ามาแล้วจะต้องมาเยือนสักครั้ง
เรื่องที่
2 วิถีชีวิตของผู้คนในเมืองแห่งนี้มีความหลากหลายทางด้านภาษา
วัฒนธรรม สรรพวิชาความรู้แขนงต่าง ๆ รวมถึงอาหารอินเดียสไตล์พื้นเมือง เช่น
ข้าวหมก (Hyderabad Biryani) และ เรื่องที่ 3 เศรษฐกิจ และยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านไข่มุก เทคโนโลยี
ข่าวที่สาม -ไทยเวียตเจ็ทบิน“เชียงใหม่-โอซาก้า”16ก.พ.นี้จัดโปร3,799บาท
นายวรเนติ หล้าพระบาง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า
พร้อมเปิดบินตรงระหว่างประเทศ ไป-กลับ เชียงใหม่-โอซาก้า สัปดาห์ละ 3 เที่ยว
เริ่มปฐมฤกษ์จากเชียงใหม่สู่โอซาก้า วันที่ 16
กุมภาพันธ์ 2566 แล้วในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ จากโอซากามายังเชียงใหม่
ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A321
ความจุ 220 ที่นั่ง/ลำ นำเสนอโปรโมชั่นตั๋วโดยสารผ่านทางเว็บไซต์เวียตเจ็ทในราคาเริ่มต้นเพียง
3,799
บาท ตั้งแต่วันนี้– 28 มกราคม 2566 เดินทางได้ระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 31
ตุลาคม 2566 ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
โดยตั้งเป้าขยายฐานผู้โดยสารจากญี่ปุ่นมาท่องเที่ยวเชียงใหม่และเมืองไทยให้ได้
60-70 % รุกเจาะนักเดินทางเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว
นักธุรกิจซึ่งเดินทางมาในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ และกลุ่มพำนักระยะยาว (longstay)
ชาวญี่ปุ่นในเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น คาดจะสามารถเพิ่มการเติบโตในอนาคตและกลุ่มด้านการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างสองประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง
โดยสายการบินไทยเวียตเจ็ท ตั้งเป้าจะทำอัตราการขนส่งผู้โดยสารหรือ
Load Factor เส้นทางบิน
ไป-กลับ ระหว่างโอซาก้า-เชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้เป็นต้นไปให้ได้สูงถึง
85 % รวมทั้งภายในปี 2566 มีแผนเพิ่มความถี่เป็นสัปดาห์
4 เที่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเกิน
85 % ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
และ จังหวัดเชียงใหม่ กับภาคเหนือ มีรายได้จากตลาดญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงนำเงินเข้ามาใช้จ่ายมากขึ้น
เพิ่มอัตราการเข้าพักเฉลี่ยให้โรงแรม
และผู้ประกอบการท้องถิ่นฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
สำหรับ “โอซาก้า” เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดอันดับ
2 รองจากโตเกียว
ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซทางตะวันตกของเกาะฮอนชู มีเอกลักษณ์เด่นด้าน อาหารพื้นเมือง
แหล่งช้อปปิ้ง สวนสนุก และอื่น ๆ
ส่วนเชียงใหม่ได้โปรโมตให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาสัมผัสทัศนียภาพและเสน่ห์วัฒนธรรมล้านนา
ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นภาคเหนือรสดั้งเดิม ทำกิจกรรมท่องเที่ยวซึ่งมีให้เลือกอย่างหลากหลาย
เช่น เดินป่า อาบน้ำช้าง รวมทั้งพักผ่อนบนยอดดอยกับโอโซนบริสุทธิ์
และช้อปปิ้งสินค้าศิลปะหัตถกรรมมากมาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น