ททท.ภาคกลางเปิดแผนใหม่ปี66 โกยรายได้ 3แสนล้านบาท-ลุยเพิ่ม3โจทย์ใหม่ Shap Supply-SoftPower-The Link Local to Global
ททท.ขยับตลาดใหม่ภาคกลางโต้โผใหญ่โกยเที่ยวไทยปีเถาะ3แสนล้าน
Q1อัตราพักพุ่ง72%-ท็อปไฟฟ์5จังหวัด-Q2เร่งขายเราเที่ยวด้วยกัน/365วัน
ลุยทำเพิ่ม3โจทย์ใหม่“Shap Supply-Soft
Power-The Link Local to Global
ช้อปเลย!!ที่คิงเพาเวอร์ PAYDAY BONUS สินค้าดิวตี้ฟรีมีไฟลต์ได้ลด12%
คิงเพาเวอร์จัดช้อปกระจาย3วันสุดท้ายก.พ.สมัครNAVY&SCARLETลด15%
ททท.เปิดแล้ว“สมัครผู้ว่าใหม่”ถึง-22มี.ค.นี้ลุ้น2รองผู้ว่า“ฐาปนีย์-ศิริปกรณ์
กลุ่มบริษัทบางจากปลื้มทำสำเร็จปี’65EBITDAโตแรง4.47หมื่นล้านบาท
"TCEB”รวมพลังธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทยดึงทั่วโลกหนุนชิงเจ้าภาพExpo2028
“เที่ยวชุมพร”เทรนด์ดี5พิกัดทัวร์ธรรมชาติทะเลไทยวิถีเที่ยวฟินกินอร่อย
เช็คด่วน!! 8 วิธีป้องกันชีวิตคนให้อยู่รอดปลอดภัยจากยุคฝุ่นพิษ
PM 2.5
การบินไทยโชว์ผลงานปี’65ทำEBITDAโตทะลุ660%มีเงินสด3.4หมื่นล้าน
2แพลตฟอร์มใหญ่SiteMinder-Trip.com”ชี้จีนจองพักไทยเบอร์1โลกโต108%
วันเสาร์ที่
25 กุมภาพันธ์
2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #เที่ยวชุมพร
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 ใส่เกียร์แรงกับ “กิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง”
ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ภาคกลางโต้โผใหญ่เที่ยวไทยทำเงิน 3 แสนล้าน
56 ล้านคน-ครั้ง
ไตรมาส 1 อัตราพักสูงลิ่ว
72 % เปิดท็อปไฟฟ์ 5 จังหวัด
“กรุงเทพฯ-กาญจน์-ประจวบ-อยุธยา-เพชรบุรี” รับ 4 เทรนด์ใหม่
“เที่ยวยกครัว/เมืองหลักมีชื่อเสียง/เที่ยวใกล้/เที่ยวเมืองรอง” ลุยขาย 4 โปรเจกต์โกยรายได้ “365วันมหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” Wonder
Deal +CODE ลับ “Amazing
Sport way”
เจาะทัวร์คุณภาพ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส5” สกัดสงกรานต์เที่ยวนอก “เมืองรองต้องลอง”
นำร่องพลิกโฉม สิงห์บุรี ชัยนาท พร้อมรับ 3 โจทย์ใหม่ “Shaping Supply+Soft Power
Marketing+The Link Local to Global
นายกิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวภาพรวมตามเป้าหมายทั้งประเทศตั้งเป้ารายได้ 2.38 ล้านล้านบาท
ตลาดในประเทศต้องมีจำนวนนักท่องเที่ยวเยี่ยมเยือน 135 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 880,000 ล้านบาท “ททท.ภูมิภาคกลาง”
ได้รับโจทย์ใหม่ต้องทำให้ได้ 56 ล้านคน-ครั้ง
สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท
ต้องทำส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจากภาพรวมให้ได้เกินกว่า 1 ใน 3 ของทั้งหมด
ปี 2566 คนไทยมีแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยว 4 เทรนด์ ได้แก่ เทรนด์ที่ 1 ท่องเที่ยวกับครอบครัวมากที่สุด 74.43 % เทรนด์ที่ 2 สนใจเที่ยวเมืองหลักเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุด
76.55 % เทรนด์ที่ 3
ท่องเที่ยวในภูมิภาค
เดินทางไม่ไกลใช้เวลาไม่นาน 72.73 % เทรนด์ที่
4 สนใจท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้น
70.76 %
ช่วงไตรมาส
1 ตลอดเดือนมกราคม
2566
การท่องเที่ยวภาคกลางทำได้ตามเป้าหมาย โดยมีผู้เยี่ยมเยือน 7,136,195 คน-ครั้ง เติบโต 28.93 % แบ่งเป็น ผู้เยี่ยมเยือน (พักค้างคืน) 3,064,724 คน-ครั้ง นักทัศนาจร (ไปเช้าเย็นกลับ) 4,071,471
คน-ครั้ง ทำ “รายได้รวม” กว่า 21,997.23 ล้านบาท เติบโต 31.51 % มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OR-Occupacy
Rate) สูงถึง 72.09 % เพิ่มขึ้น 30.52 % “ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย”
เกินกว่า 2,757.20 บาท/คน/วัน
เพิ่มขึ้น 24.42 % มี
“วันพักเฉลี่ย” ใกล้เคียงกับปีก่อน 1.95
วัน/คน/ทริป
ไฮไลต์คือมีจังหวัดท็อปไฟฟ์
5 อันดับแรก
ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 2.กาญจนบุรี 3.ประจวบคีรีขันธ์ 4.พระนครศรีอยุธยา 5.เพชรบุรี นักท่องเที่ยวภาคกลาง อันดับ 1 “กลุ่มครอบครัว” นิยมเดินทางท่องเที่ยวสูงสุด
อันดับ 2 มัลติเจนเนเรชั่น
เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มนี้ครบทุกมิติ
ส่วนไตรมาส
2 ระหว่างเมษายน-มิถุนายน
2566 เตรียมแผนที่เดินหน้าโปรเจกต์ใหญ่
ๆ ต้อนรับเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Trendy C2 จะเดินหน้า 4 โครงการ
โครงการที่ 1 “365 วันมหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” จะจับมือกับแพลตฟอร์ม LAZADA ระหว่าง มีนาคม-มิถุนายน นี้ เปิด 2 แคมเปญ คือ แคมเปญแรก “Wonder
Deal
-สิ้นเดือนเหมือนการเริ่มต้นใหม่” จะเริ่มเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป
เน้นให้ความสำคัญกับคนไทยเที่ยวไทย ช่วงปิดเทอม
เพื่อต่อสู้กับกระแสคนไทยหันไปเที่ยวต่างประเทศ แคมเปญที่ 2 “CODE ลับ 365 วันพาเพื่อนเที่ยว” ชวนจับกลุ่มกับเพื่อนรวมตัวกัน 3 คน ภายใน 6 สัปดาห์ เดินทางให้ครบ 5 จังหวัด
พร้อมส่งคอนเทนท์เด็ดรวบรวมประสบการณ์ส่งชิงเงินรางวัล 365,365 บาท
โครงการที่ 2 “Amazing Sportway เสน่ห์ภาคกลาง”
เจาะกลุ่มคุณภาพภายใต้กลยุทธ์กระตุ้นการเดินทางและเพิ่มการใช้จ่ายเงิน
ด้วยสินค้ามูลค่าสูง ททท.จะจับมือกับบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ
ซึ่งมีสมาชิกบัตรพร้อมใช้เงินสูงร่วมกิจกรรมกีฬา อย่าง กีฬาทางน้ำ กอล์ฟ
แบบลักชัวรี่ในเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เริ่มตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม นี้
โครงการที่ 3 เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวจองที่พัก วันที่ 7
มีนาคม นี้ แล้วเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ตั้งแต่
10 มีนาคม -30 เมษายน นี้ ส่งเสริมในลักษณะ Flash Sale ทำงานเชิงยุทธศาสตร์เติมเต็มนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเที่ยวทั้งประเทศ
5 ภูมิภาค
โดยเฉพาะ “กลุ่มครอบครัว”
ซึ่งมีศักยภาพสูงวางแผนใช้ช่วงปิดเทอมพากันเที่ยวเมืองไทย
โดยเฉพาะในช่วง “สงกรานต์” แนะนำให้ใช้แคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5” เที่ยวเมืองไทยอย่างคุ้มค่า
รีบวางแผนตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จองที่พักได้ทั้งหมด 560,000 สิทธิ์ คนละ 5 สิทธิคืนพัก จองในจังหวัดนอกทะเบียนบ้าน
จองล่วงหน้าก่อนเดินทางเข้าพัก 3 วัน
รัฐสมทบจ่ายค่าห้องพักให้ 40 %
ราคาไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน
และคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว ทุกวันคนละ 600 บาท/วัน
โครงการที่ 4 เมืองรอง ต้องลอง ในภาคกลางมีทั้งหมด 7 จังหวัด คือ สมุทรสงคราม ราชบุรี ลพบุรี
สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท จะเลือกนำร่อง 2 จังหวัด ได้แก่ “สิงห์บุรี” กับ “ชัยนาท”
จะต้องปรับภาพลักษณ์การสื่อสารและคัดสรรสินค้าใหม่ให้เข้าถึงคนหลากหลายเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับมุมมองใหม่ เข้าใจง่าย สร้างความแตกต่างจากเดิม ๆ ซึ่งมักจะทำกิจกรรม
อาหาร ไหว้พระ ซื้อของที่ระลึก ซึ่งควรจะต้องพลิกโฉมให้เห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
ที่ดีกว่าเก่า เพื่อดึงดูดให้คนพักค้างคืนเพิ่มขึ้น
ตัวอย่าง
จังหวัดสิงห์บุรี จะทำธีม “วิถีเมืองสิงห์” ยกระดับจุดขายมุมใหม่ กลุ่มที่ 1
อาหารถิ่นสามารถจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นยอดหรือไวน์ชั้นเยี่ยม
สื่อความหมายที่มีอยู่แล้วให้โดดเด่น กลุ่มที่ 2 งานคราฟท์/หัตถกรรม
สำหรับโครงการ
“เมืองรอง ต้องลอง” จะปูพรมต่อยอดเพิ่มโดยใช้งบกระตุ้น City Marketing ซึ่งเป็นโมเดลที่
ททท.เคยทำสำเร็จจากภูเก็ตมาประยุกต์ใช้ ด้วยการเดินหน้าขยายผลต่อในปีงบประมาณ 2567
ซึ่งสามารถเจาะลึกส่งเสริมตลาดการขายได้ตั้งแต่ระดับอำเภอจนถึงจังหวัด
เพื่อให้พื้นที่นั้น ๆ มี “อัตลักษณ์สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่” ได้ชัดเจน โดยมี
VP ของแต่ละเมือง
แต่ละจังหวัด เช่น ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี
ผอ.กิตติพงษ์
กล่าวว่า ล่าสุด ททท.แต่ละภูมิภาครับนโยบายเพิ่มอีก 3 โจทย์ใหม่ ประกอบด้วย
โจทย์ที่
1 มียุทธศาสตร์ Shaping
Supply โดย
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.นำทีมจัดประชุมตลาดในประเทศ
ได้สร้างสรรค์ยุทธศาสตร์นี้ขึ้นสร้างความว้าวอย่างมาก ด้วยการนำโมเดล SDG
-Sustainable Development Global ของสหประชาชาติ
17 ข้อปฏิบัติ
มาประยุกต์ใช้กับการท่องเที่ยวของไทยแปลงโฉมเป็น STG- Sustainable Tourism
Goal ด้วยแนวปฏิบัติ
17 ข้อเช่นเดียวกัน
เป็นแนวทางคู่ขนานเชื่อมโยงกันได้
ตามแผนในอนาคตอันใกล้นี้ทางผู้ว่าการ
ททท.เตรียมจะเสนอให้ UN
รับรองมาตรฐานแนวทางปฏิบัติ STG ให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับ
SDG ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจเพราะเป็นเรื่องดีมากนำไปสู่การท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างแท้จริง
ที่จะนำ “มาตรฐาน” มาใช้ปฏิบัติกับ “ผู้ประกอบการท่องเที่ยว”
โดยมีแนวทางปฏิบัติทำให้เกิดการท่องเที่ยวยั่งยืนโดยมีตัวชี้วัดอย่างชัดเจน
ขณะที่
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.เพิ่มอีก 2 โจทย์ ได้แก่
โจทย์ที่ 2 เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดใหม่ซอฟท์เพาเวอร์ “Soft
Power Marketing” โดยนำจุดแข็งของไทยมาเป็นจุดขายท่องเที่ยว โดยนำ 5F
มาต่อยอด
สื่อถึงมิติคุณค่าการท่องเที่ยวอย่างมีความหมายมากขึ้น เช่น F1-Food/อาหาร เพิ่มเป็น Flavor หรือรสชาติ F2-Fashion/เครื่องแต่งกาย ขยายผลเป็น Fascinate หรือความหลงไหล F3-Film/ภาพยนต์ เพิ่มเป็น Fever หรือสร้างกระแส F4-Fight มวยไทย เพิ่มความหมายเป็น Fit &Firm หรือสุขภาพดี F5-Festival/เทศกาล เพิ่มเป็น Fun หรือความสนุกสนาน
โจทย์ที่ 3 The Link Local to Global เชื่อมโยงการท่องเที่ยว “ในประเทศ”
จากเมืองหลักสู่เมืองรอง จังหวัดต่าง ๆ กับ “ต่างประเทศ” เมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ
ของไทยกับเมืองในต่างประเทศ
กระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางต่อเนื่องตามพื้นที่เป้าหมายควบค่กับการพัฒนายกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมรวมถึงทัศนคติของนักท่องเที่ยว
ให้สอดคล้องกับ City Marketing
ผอ.กิตติพงษ์ กล่าวต่อถึงการเตรียมความพร้อมแหล่งท่องเที่ยวภาคกลางต้อนรับนักท่องเที่ยวตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน
จะปรับรูปแบบแตกต่างจากอดีตเน้นการส่งเสริม “กระจายตัวนักท่องเที่ยว”
เน้นความสมดุลทั้งเมืองหลักเมืองรอง ควบคู่กับ “สร้างกระแส”
และส่งเสริมผู้ประกอบการ “สื่อสารภาษาจีน” โดย ททท.จุดกระแสท่องเที่ยวเชื่อมโยง
เช่น เมืองโอ่ง จ.ราชบุรี โดดเด่นด้านวัฒนธรรม การวาดลวดลายมังกร
ซึ่งสามารถเชื่อมกับมณฑลกวางโจว หรือจังหวัดนครปฐม มีสนามกอล์ฟระดับพรีเมี่ยม
หรือแม้แต่อาหารการกินรอบองค์พระปฐมเจดีย์แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 “มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา”!!แจกทุนฟรีม.1/ม.4/ปวช.1สมัครได้ถึง31มี.ค.
มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้ประกาศเปิดรับสมัครนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อรับทุนการศึกษา
ประจำปีการศึกษา 2566 ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่
4 โครงการส่งเสริมการศึกษาดังกล่าว มุ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ต้องการเรียนต่อชั้น
ม.1, ม.4 หรือ ปวช.1
นักเรียนทั่วประเทศที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ตามที่กำหนด สามารถส่ง “เอกสารใบสมัคร”
ทางไปรษณีย์มายัง “มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา”เลขที่ 8 ถนนรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2566 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02-677-8888 ต่อ 1221 , 1222
ผู้มีสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษาจะต้องมี
“คุณสมบัติ” สอดคล้องตามเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบด้วย
1.เป็นนักเรียนที่ต้องการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2.เป็นนักเรียนที่ต้องการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือ ปวช.1
3.ครอบครัวขาดแคลนทุนทรัพย์ ขาดบุพการี หรืออยู่ในอุปการะของบุคคลอื่น
ที่มีรายได้รวมต่ำกว่าปีละ 150,000 บาท รวมทั้งอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารการคมนาคมเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยากลำบาก
4.มีความประพฤติดี มีความมุ่งมั่น ขยัน
หมั่นเพียรที่จะศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาตรี
5.มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.50
6.ไม่ได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่องจากหน่วยงานใด ๆ เช่น กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
(กยศ.) หรือกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.)
นักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อ ทั้ง 3
ระดับ สามารถดาวน์โหลดรายละเอียดโครงการและใบสมัครเพื่อขอรับทุนการศึกษาได้ที่ https://vichaisrivaddhanaprabha.com/scholarship-th/
จากนั้นให้ดำเนินการตามที่ทางมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา กำหนด เพื่อจะได้รับการพิจารณาส่งเสริมการศึกษาที่ดีเติบโตเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพของสังคมไทยในอนาคตต่อไป
ข่าวที่ 2 ช้อปเลย!!ที่คิงเพาเวอร์ PAYDAY BONUS
มีไฟลต์ได้ลดแรง12%
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ จัด“PAYDAY BONUS” ช้อปดิวตี้ฟรี
เฮสุดทุกสิ้นเดือน มีไฟลท์บิน ต้องรีบช้อปกับ คิง เพาเวอร์ ลดสูงสุด 12%
เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท ลดเพิ่มทันที 7% และลดสูงสุด 1,000 บาท
เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท
สุดคุ้มกับดีลปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้สินค้าประเภทดิวตี้ฟรี
รหัสส่วนลด PBDFEB ตั้งแต่วันนี้ 28 กุมภาพันธ์
2566 ช้อปเสร็จรับสินค้าได้ที่เลยสนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก
รับสิทธิ์ 1.แบ่งชำระ 0 % นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
8,000 บาท 3. รับเลย!
ส่วนลด 200 บาทเมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 4.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทสุทธิ
ข่าวที่
3 คิงเพาเวอร์จัดช้อปกระจาย3วันสุดท้ายก.พ.สมัครNAVY&SCARLETลด15%
คิง
เพาเวอร์ จัดช้อปกระจย 3 วันสุดท้าย ระหว่างวันที่
25-28 กุมภาพันธ์ 2566 เพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ รับทันทีคูปองส่วนลด
1,000 บาท เมื่อสมัครสมาชิก NAVY และเติมเงิน
1,000 บาท
รับทันทีคูปองส่วนลด
15% สำหรับ 1 ชิ้น เมื่อสมัครสมาชิก
SCARLET และเติมเงิน 20,000
บาทพร้อมรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกอีกมากมาย
สมัครง่ายผ่าน
2 ช่องทาง ที่จุดขายและจุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต และ LINE
Official Account : @KINGPOWER
สมัครเลย
คลิก : http://bit.ly/3ByFOxE หรือคลิกดูเพิ่ม : https://bit.ly/3FQtOdD
ข่าวที่ 4 ททท.เปิดแล้ว“สมัครผู้ว่าใหม่”ถึง-22มี.ค.ลุ้นคนใน“ฐาปนีย์-ศิริปกรณ์”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่ง “ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”
(ททท.) เพื่อเข้ากระบวนการสรรหาตามขั้นตอนในการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท.คนปัจจุบัน กำลังจะครบสัญญาจ้างภายในวันที่ 31
สิงหาคม 2566
มีรายงานจาก ททท.ว่า
จะมีผู้บริหารภายในองค์กรสนใจจะยื่นใบสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการ
ททท.คนใหม่อย่างน้อย 2 คน ได้แก่ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ กับ นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร
รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.
ส่วนการรับสมัคร “ผู้ว่าการ ททท.” คนใหม่ ได้แต่งตั้ง นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนใหม่ โดยมีรายละเอียดคุณสมบัติและการรับสมัคร
ดังนี้
คุณสมบัติทั่วไป
1) มีสัญชาติไทย
2) มีอายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร
3) ไม่เป็นกรรมการ ททท.
ในวันยื่นใบสมัคร เว้นแต่เป็นผู้บริหารซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
4) สามารถทำงานให้แก่ ททท.
ได้เต็มเวลา
5) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
6) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
หรือไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
7) ไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
ไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกจริงหรือไม่ เว้นแต่เป็นโทษ
สำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
หรือพ้นโทษ หรือพ้นระยะเวลาการรอลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษ แล้วแต่กรณี เกินห้าปี
8) ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
9) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
10) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง
หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
11) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่
12) ไม่เป็นหรือภายในระยะเวลาสามปีก่อนวันได้รับการแต่งตั้ง
ไม่เคยเป็นกรรมการหรือ ผู้บริหาร
หรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน
ผู้ร่วมทุน หรือ
มีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของ ททท.
เว้นแต่การเป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการในนิติบุคคลดังกล่าว โดยการมอบหมายของ
ททท.
คุณสมบัติเฉพาะ
1) มีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับงานด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและด้านบริหารองค์กร หรือ กิจการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ซึ่งตามพระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2550 กำหนดคำว่า “อุตสาหกรรมท่องเที่ยว” หมายความว่า อุตสาหกรรม ที่จัดให้มีหรือให้บริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักรโดยมีค่าตอบแทน
และหมายความรวมถึง
(1) ธุรกิจนำเที่ยว (2) ธุรกิจโรงแรมนักท่องเที่ยว
(3) ธุรกิจภัตตาคาร
สถานบริการและสถานที่ตากอากาศสำหรับนักท่องเที่ยว (4)
ธุรกิจการขายของที่ระลึกหรือสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว (5)
ธุรกิจการกีฬาสำหรับนักท่องเที่ยว (6) การดำเนินงานนิทรรศการ
งานแสดง งานออกร้าน การโฆษณาเผยแพร่ หรือการดำเนินงานอื่นใดโดยมีความมุ่งหมายเพื่อชักนำหรือส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยว
และรวมถึงกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องอันเป็นประโยชน์ต่อองค์กร
2) มีความรอบรู้ ความชำนาญ
และประสบการณ์ในการบริหารองค์กร ดังนี้
(1) ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชนต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร
ซึ่งมีรายได้ของกิจการนั้นไม่ต่ำกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท
และมีความรู้ประสบการณ์ในการบริหารองค์กรในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
ทั้งนี้ ต้องเป็นการดำรงตำแหน่งย้อนหลังไม่เกิน 3 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร
(2)
ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารภาครัฐต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดของส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า
และดำรงตำแหน่งทางการบริหารดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
(3) ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ
หรือหน่วยงานอื่นของรัฐต้องดำรงตำแหน่ง
ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดหรือเทียบเท่าของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐนั้น
และดำรงตำแหน่งทางการบริหารดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
3)
มีวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การตลาดและการบริหารองค์กร
4)
มีความรอบรู้และความสามารถสูงในการตัดสินใจ สั่งการ การบริหารองค์กรโดยเฉพาะ
การบริหารความเสี่ยง เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบรรลุเป้าหมาย
5) มีมนุษยสัมพันธ์ มีความเป็นผู้นำ
มีบุคลิกภาพ ทัศนคติและความรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม สำหรับผู้บริหาร
6) มีความสามารถและทักษะในการสื่อสารที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมและพัฒนา
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในเวทีสากล
การรับสมัคร
1) ผู้สมัครสามารถขอรับแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่ ห้องประชุมภายในห้องสมุด
การท่องเที่ยว
แห่งประเทศไทย อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลขที่ 1600
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 065 236
8012 ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงวันที่ 22 มีนาคม 2566
ในวันและเวลาราชการ (ระหว่างเวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น.)
หรือสามารถ Download ใบสมัครได้ที่ www.tourismthailand.org
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
2) ผู้สมัครสามารถยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานประกอบการสมัครด้วยตนเอง
หรือมีหนังสือ
มอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นผู้มายื่นแทน ณ ห้องประชุมภายในห้องสมุด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลขที่ 1600
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 065 236 8012 ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566
ถึงวันที่ 22 มีนาคม 2566 ในวันและเวลาราชการ (ระหว่างเวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น.) กรณีที่เอกสารไม่ครบถ้วน ให้ผู้สมัครยื่นเอกสารเพิ่มเติมได้ภายในระยะเวลาที่เปิดรับสมัคร
(วันที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 16.30 น.) มิเช่นนั้น จะถือว่าสละสิทธิ์
ทั้งนี้
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
ฝ่ายเลขานุการคณะทำงานอำนวยการสรรหาผู้ว่าการ โทรศัพท์ 065 236 8012
ในวันและเวลาราชการ (08.30 น. ถึง 16.30 น.)
ข่าวที่ 5 กลุ่มบริษัทบางจากปลื้มทำสำเร็จปี’65EBITDAโตแรง4.47หมื่นล้าน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ทำผลดำเนินธุรกิจปี
2565 สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ทั้งบางจากฯ
และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 312,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 57 % คิดเป็นกำไรก่อนหักภาษีต่างๆ หรือ EBITDA 44,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
73 % ส่งผลให้มีกำไรงวดปี 2565 ส่วนของบริษัทใหญ่ 12,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
65 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 8.89 บาท
(ไตรมาส 4 ปี 2565 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ
84,583 ล้านบาท EBITDA 6,951 ล้านบาท
และกำไรของบริษัทใหญ่ 473 ล้านบาท)
โดยได้ปัจจัยหลักสนับสนุนจากธุรกิจโรงกลั่นฯ และการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำที่นอร์เวย์
แสดงถึงความสำเร็จจากการขยายและปรับเปลี่ยนธุรกิจให้หลากหลายและสมดุล
ภายใต้โครงสร้างองค์กรคล่องตัวและการขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
และคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้นำเสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2565 ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น
ผลการดำเนินงานที่สำคัญในแต่ละกลุ่มธุรกิจมีดังนี้
กลุ่มที่
1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ปี 2565
มี EBITDA รวม 17,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง
91 % จากความสามารถปรับตัว
การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างฐานลูกค้าใหม่ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
มี “อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยสูงสุด” 123,000
บาร์เรลต่อวัน ตลอดทั้งปี
2565 เพิ่มขึ้น 24 % จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปฟื้นตัว
ส่วนอุปทานน้ำมันตึงตัวจากสงครามรัสเซียกับยูเครน
ส่งผลให้ค่าการกลั่นพื้นฐานเพิ่มขึ้น 9.81 เหรียญสหรัฐฯ
ต่อบาร์เรล ปี 2565 อยู่ที่ 14.33
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากปี 2564 อยู่ที่ 4.52 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพราะ Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น
แต่ได้รับรู้ขาดทุนจาก
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าและ Inventory Gain ลดลงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนลงช่วงครึ่งหลังปี 2565 แต่ธุรกิจการค้าน้ำมันโดยบริษัท BCPT เติบโตต่อเนื่อง
มีธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15 %
กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนของธุรกรรมกับคู่ค้าภายนอกกลุ่มบางจากมากขึ้น
กลุ่มที่
2 ธุรกิจการตลาด ปี 2565
มี EBITDA รวม 2,909
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11 % จากปัจจัยหลักปริมาณจำหน่ายรวมเพิ่มขึ้นตามการบริโภคและการผลักดันด้านการตลาด
กับทั่วโลกเปิดประเทศทส่งผลให้ปริมาณจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 148 % ปี 2565 มีส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการสะสม 16.4 % เทียบกับปี 2564 มี 16.2 % (ตามข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงาน) สิ้นปี
2565 มีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 1,343 สถานี ธุรกิจ Non-Oil
ร้านกาแฟอินทนิลเพิ่มเป็น 1,002 สาขา
กลุ่มที่
3 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า
ภายใต้ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มี EBITDA รวม
6,400 ล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 53
% จากการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท
Star Energy Group Holdings Pte. Ltd. 2,031 ล้านบาท ไตรมาส 1
ปี 2565
ผลดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นจากการเปิดเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น
3 โครงการ ปริมาณจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นถึง 373 %
กลุ่มที่
4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
ภายใต้ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA
รวม 617 ล้านบาท ปี 2565 ลดลงจากปีก่อน 67 % จากการรับรู้รายการพิเศษไตรมาส 3
ปี 2564 (กำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน)
lj;oการดำเนินงานโดยปกติลดลงเพราะเอทานอลกับไบโอดีเซลปริมาณขายลดลง
ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)
ประกาศปรับส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลจาก B10 เป็น B5
ช่วง 9 เดือนแรก
กลุ่มที่
5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ มี EBITDA
รวม 17,625 ล้านบาท ปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 114 % ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนใน
OKEA บริษัทย่อยตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564 ทำให้ปี 2565 กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติรับรู้ EBITDA
จาก OKEA เต็มปีส่วนผลการดำเนินงานเฉพาะ OKEA
ปี 2565 EBITDA เพิ่มขึ้น
82 % จากราคาขายเฉลี่ยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว
และราคาขายก๊าซธรรมชาติปรับขึ้นตามความต้องการใช้พลังงานตลาดโลก
ส่วนปริมาณจำหน่ายเพิ่ม 3 %จากการรับรู้รายได้ของแหล่ง Yme
ตลอดปี 2565
สำหรับไตรมาส 4 ปี 2565
บริษัทฯ และบริษัทย่อย เปรียบเทียบอัตราเติบโตกับไตรมาสก่อน มีรายได้จากการขายและให้บริการ
84,583 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 13 % มี EBITDA 6,951 ล้านบาท ลดลง 39 % เป็นผลจากราคาพลังงานในตลาดโลกลดลง ส่งผลให้มี Inventory Loss 4,003 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจ OKEAได้รับผลกระทบจากฤดูหนาวและระดับสต๊อกก๊าซธรรมชาติของยุโรปอยู่ในระดับสูง ส่งผลไตรมาส
4 ปีนี้มีกำไรงวดส่วนของบริษัทใหญ่ 473
ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.26 บาท
ข่าวที่
6 "TCEB”รวมพลังธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทยดึงทั่วโลกหนุนชิงเจ้าภาพExpo2028
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในฐานะ
ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028
PhuketThailand (Thailand Candidature Committee)
วันนี้ 20 กุมภาพันธ์ 2566
ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับเอกชนไทยที่มีเครือข่ายธุรกิจอู่ยู่ทั่วโลกแสดงพลัง
ร่วมมือกันทั้งประเทศ ผลักดันให้ไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัด Expo 2028
PhuketThailand ระหว่าง 20 มีนาคม-17 มิถุนายน 2571
จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะสร้างประโยชน์โดยรวมให้กับประเทศไทย ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน
ประกอบด้วย
ด้านที่ 1 จะมีเงินหมุนเวียนกว่า
49,231 ล้านบาท จาก 106 ประเทศ คาดจะมีคน้เข้าร่วม 4.92 ล้านคน
และสร้างมูลค่เพิ่มผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP)
ด้านที่ 2
การพัฒนาเมืองภูเก็ตในกลุ่มจังหวัดอันดามัน 6 จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง
ระนอง สุราษฎร์ธานี ที่จะสามารถกระจายนักท่องเที่ยวไปให้ได้มากที่สุด
ด้านที่ 3 ส่งเสีมภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสุขภาพระดับโลก World Medical Hub และศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติของภูมิภคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้านที่ 4
การบริหารและพัฒนาพื้นที่หลังการจัดงาน ที่จะใช้บริเวณหาดไม้พื้นที่ทั้งหมด 141
ไร่ เมือก่อสร้างแล้วเสร็จะกลายเป็นศูนย์บริการการแพทย์และสาธารณสุขนานาชาติครบวงจร
ศูนย์อภิบาลผู้สูงอายุนานาชาติ ศูนย์ใจรักษ์ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร
ภายใต้การการดูแลของโรงพยาบาลของโรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต
รวมทั้งจะพัฒนาเป็นษูนย์ประชุมนานาชาติกับ Ecological Park
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"
กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบ 80,000 ล้านบาท จัดงานรวม 90 วัน ได้ 27
มีนาคม -17 มิถุนายน 2571 พร้อมกับลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร
ส่วนการรวมพลังของเอกชนทุกธุรกิจเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566
เพื่อประกาศให้โลกให้ถึง "พลังคนไทย พร้อมเป็นเจ้าภาพ Expo 2028"
โดยมีกลุ่มต่าง ๆ เข้าร่วมสนับสนุนเต็มรูปแบบทั้ง
กลุ่มโรงแรม กลุ่มสายการบิน กลุ่มรีเทล กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน
กลุ่มรงพยาบาล สภาหอการค้าไทย สมาคมธาคารไทย โดยมี ทีเส็บ กับ 4 กระทรวง คือ
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดภูเก็ต
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ในการจัดงานจะสร้างประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับภูเก็ต
5 เรื่องหลักคือ 1.ทำให้ไทย้ป็นผู้นำฮับสุขภาพองค์รวม/Wellness Hub 2.ศูนประชุมนานาชาติ (Convention) 3.เพิ่มการพำนักระยะยาวของชาวต่างชาติเข้ามายังภูเก็ตช่วงก่อนและหลังจัดงาน
4.ขยายโอกาสทางธุรกิจที่มาจากการลงทุนหลากหลายอย่าง
5.สร้างอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเกิดใหม่มากขึ้น
ขณะนี้ทุกประเทศที่เป็นคู่แข่ง นำโดย
ประเทศไทย สหรัฐอเมริกา เซอร์เบีย สเปน อาร์เจนติน่า
กำลังอยู่ในช่วงการเดินสายขอเสียงโหวตจากสมาชิกคณะกรรมการจากการองค์นิทรรศการการนานาชาติ
(BIE-Bureau International des Expositions) 171
ประเทศ
ซึ่งไทยมุ่งนำเสนอการจัดกิจกรรม "การจัดงาน Expo 2028
Phuket Thailand Symphosia" วันที่
22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศสภายใต้แนวคิด "Future of
Life :Living in Hamony, Sharing Prosperity-ชีวิตแห่งอนาคต แบ่งปันความรุ่งเรือง
อยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียว" ให้สอดคล้องกับแนว ESG หรือ
สิ่งแวดล้อม ( Environmental) สังคม (Social) และธรรมภิบาล
(Government)
ขณะที่เจ้าของธุรกิจเอกชนไทยที่ประกาศสนับสนุนทีเส็บผลักดันไทยค่ายหลัก
ๆ มีดังนี้
"นายฐาปนะ
สิริวัฒนภักดี" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ
จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะเอกชนผู้ผลิตน้ำดื่ม เคยสนับสนุน APEC 2022 ต่อด้วย Expo 2028
Phuket Thailand เห็นถึงศักยภาพการใช้ธีม Living Hamony
+Future of life ซึ่งจะสอดคล้องกับงาน World Expo ที่ญี่ปุ่น
และต่างฝ่ายที่มีการลงทุนในต่างประเทศ พร้อมจะรวมพลังในมิติต่าง ๆ มากมาย เพื่อผลักดันไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 Phuket Thailand รวมทั้งเคยหารือถึงการโปโมต
"ภาพลักษณ์ภูเก็ต" เช่น
การส่งเสริมภูเก็ตล็อบสเตอร์ที่ขายได้ราคาแพงกว่าทั่วไป
ขณะนี้อยากให้ภาคเอกชนเดินทางไปสร้างประสบการณ์ที่แปลกกว่าแหล่งอื่น ๆ
เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทำให้ภูเก็ตคว้ารางวัลเมืองแห่งอาหารโลก World
Gastrony
“นางวีนัส
อัศวสิทธิถาวร” ผู้อำนวยการสำนักงาน Enterprise Brand
Management, SCG กล่าวว่า
มีธุรกิจอยู่กว่า 25,000 สาขา
พร้อมใช้โอกาสนี้ลงคะแนนสนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพเอ็กซโป 2028 โดยใช้ช่องทางดังนี้
1.นำเซเลบริตี้นักกีฬาระดับโลก ได้แก่ การแข่งขันกอล์ฟ ฮอนด้า LPGA นำนักกอล์ฟ
และนักกีฬาแบดมินตัน ที่มีแฟนคลับของโลกร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านทั้งสองชนิดกีฬา
2.นำโครงการ ESG ที่ทาง SCG เดินหน้าทำเชิงรุกเรื่อง
กรีน ไลฟ์ ดูแลรักษาโลก มาเสริมทัพอีกเครือข่ายด้วย
“นายอภิเชษฐ์
ศรีวัฒนประภา" ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า
จะใช้ศักยภาพ 3 กลุ่มธุรกิจ เข้าร่วมสนับสนุนเต็มที่ ประกอบด้วย 1.แพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วไทย 2.โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถสร้าง
เอกโปเชอร์เต็มรูปแบบได้ 3.สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้
ซึ่งในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก มีผู้ชมมากที่สุด
แต่ละธุรกิจในเครือสามารถช่วยสนับสนุน ไทยเนเจ้าภาพExpo 2028
ได้อย่างแน่นอน
“นายกรกฏ
ชาตะสิงห์” ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะสายการบินแห่งชาติ
จะนำเที่ยวบินในประเทศและทั่วโลกโปรโมตการเตรียมความพร้อม
และจะใช้งานสัมนาเอเย่นต์ ทั่วโลก 170 ราย เดือนกุมภาพันธ์ 2566 กระตุ้นให้ตัวแทนจำหน่ายช่วยสนับสนุนด้วย รวมทั้งจัดทำเป็นทำแผนสนับสนุนระยะสั้นและแผนระยะยาว
กับจะเพิ่มความถี่เที่ยวบินเข้าภูเก็ต ควบคู่การสร้างเครือข่ายเที่ยวบินร่วมกับสตาร์
อัลไลแอนซ์ เข้ามายังไทยต่อเนื่องทุกปี
“นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร
ธนาคารธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางธนาคารมองการจัดงาน Expo 2028 เป็นวาระแห่งชาติ แล้วการเตรียมแข่งขันเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 ของไทยครั้งนี้
ทางธนาคคารกับบริษัทแม่เล็งเห็นถึงธีมที่นำเสนอเรื่อง Future of life ซึ่งมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับเรื่องESG
แล้วทางแบงก์เองก็มีโครงการ Green finance จึงจะใช้เครือข่ายโซเชียลมีเดีย ออนไลน์
สนับสนุนให้ทั่วโลกได้เห็นความพร้อมของเมืองไทย
TCEB ได้เปิดเวทีโชว์พลังครั้งสำคัญของภาคธุรกิจทั่วประเทศเพื่อประกาศให้โลกและสมาชิก
BIE ได้รับรู้ว่า
“ไทยพร้อม” เป็นเจ้าภาพจัด Expo 2028 Phuket Thailand ในปี 2571 ที่จะเปลี่ยนโฉมภูเก็ตให้กลายเป็น World
Medical Hub
สร้างเศรษฐกิจและรายได้อย่างยั่งยืนเข้าประเทศในอนาคตต่อไป
ช่วงที่
2 เที่ยวไทยชวนไป
“ชุมพร” 5
พิกัดเที่ยวฟิน “ศาลเสด็จกรมหลวงชุมพร-เนินทรายแกรนด์แซนดูน-พรผู้สร้าง” กินอร่อย
ตลาดน้ำหนองใหญ่-The Palazzo แล้วรีบทำด่วน 8 ข้อ ป้องกันฝุ่น PM 2.5 เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก
“การบินไทยฟื้นแล้วปี65” ทำEBITDA โต 660 % ตุนเงินสด 3.4 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่สอง “2แพลตฟอร์ม SiteMinder+Trip.com” ชี้จีนจองที่พักไทยเบอร์1โลกพุ่ง 108 %
ท่องเที่ยว -“เที่ยวชุมพรเปิดเทรนด์ 5 พิกัดธรรมชาติทะเลไทยวิถีเที่ยวฟินกินอร่อย
เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน ทริปนี้ ตลุยเที่ยวจังหวัดชุมพร เมืองชายทะเลไทย กับ 5 พิกัด เที่ยวฟิน กินอร่อย ธรรมชาติสวย
พักผ่อนสบาย ๆ
พิกัดที่
1 สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล สักการะ
“ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร” ที่ หัวเขาถ่าน
ตำบลท่าหิน อำเภอสวี เป็นที่ประดิษฐาน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
แวสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ชมพระตำหนักสร้างบนเนินเขาบริเวณที่เรียกว่าหัวเขาถ่าน
ใกล้หาดทรายรี มองเห็นวิวทะเลโดยรอบมีทัศนียภาพที่สวยงาม
พิกัดที่
2 เนินทรายงามหนึ่งในสยาม
หรือ “Grand Sand
dune” ที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว ชมประติมากรรมเนินทรายชายทะเลธรรมชาติ
เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงช่วงปลายสมัยไพลสโตซีน (Late Pleistocene Epoch or Ice Age) หรือ
ช่วงปลายยุคน้ำแข็งประมาณ 1.8
ล้าน ถึง 14,000
ปีก่อน แล้วได้รับอิทธิพลจากพายุรุนแรงริมฝั่งทะเลช่วงฤดูมรสุมพัดพาทรายมาทับถมกันจนกลายเป็นเนินเขาสวยงาม
แหล่งกำเนิดป่าเนินทรายที่มีพืชเฉพาะถิ่นหาดูยากกว่า 160
ชนิด
รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งโครงการพัฒนาส่วนพระองค์
แหล่งศึกษาวิจัยและพัฒนาส่งเสริมอาชีพและแหล่งท่องเที่ยวในชุมพร
มีแปลงสาธิตปลูกดอกหน้าวัว งานศึกษาการเลี้ยงเก็บไข่ ขยายพันธุ์ชะมด พร้อมทำกาแฟขี้ชะมด
และโครงการปลูกพืชแบบผสมผสาน มาเที่ยวแล้วได้ความรู้หลากหลายกลับบ้านไปด้วย
พิกัดที่
3 เดินชิม
ชม ช็อป ได้ที่ “ตลาดน้ำหนองใหญ่” ตั้งอยู่บริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่
ตามพระราชดำริ เปิดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 12.00 น. – 19.00 น. เป็นตลาดนัดชุมชนมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า
นำสินค้าพื้นถิ่นมาวางขาย เช่น พืชผักผลไม้ อาหารการกินมีให้เลือกมากมาย และกิจกรรม
“เรือถีบ” ช่วงเย็นคนจะมาต่อคิวยาวเลยที
พิกัดที่
4 ชวนไปกินของอร่อยที่
The Palazzo
Chumphon ตั้งอยู่ในตัวเมือง
ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30
– 20.00 น. (หยุดทุกวันอังคารยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ได้เนรมิตพื้นที่สไตล์ยุโรปพร้อมวิวสุดอลังการให้มี ร้านอาหาร คาเฟ่ บรรยากาศสบายเลือกนั่งหลายโซน
กับมุมเช็คอินถ่ายรูปเพียบ เมนูแนะนำ อาหาร เครื่องดื่ม ขนมเค้กหลายสไตล์ละลานตา
โทร.089 – 900 – 5340
พิกัดที่
5 “พรผู้สร้าง”
แหล่งท่องเที่ยว “ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน”
เปิดทุกวัน 09.00 –
18.00 น. เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ มีความสมบูรณ์แบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เปิดพื้นที่กว่า 40 ไร่
ให้คนเข้าไปเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การลงมือทำด้วยตนเอง มีให้เลือกกว่า 10
ฐาน เช่น ทำอาหาร เบเกอรี่ นวดแผนโบราณ บ้านพัก ทำนา เลี้ยงสัตว์ เย็บปักถักร้อย
และอื่น ๆ ภายในจะมีตลาดธรรมชาติเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เช่น ร้านขนมจีน ร้านข้าวแกงที่ใช้ผักปลอดสารพิษ เช่น ร้านทำไส้กรอกย่าง
ร้านกวยจั๊บ ร้านวุ้นชาไทย วุ้นมะพร้าวน้ำหอม ร้านขนมจาก ร้านขนมน้ำแข็งไส
ร้านขนมไทย ขนมเบื้องญวน ร้านน้ำสมุนไพร ร้านชา-กาแฟสด มีบริการ “บ้านพัก”ด้วย
ปักหมุดเลือกจุดหมายปลายทาง
“เที่ยวชุมพร” ครั้งแรก แล้วจะมีครั้งต่อ ๆ ไป
เมืองชายทะเลที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางความสุขเมื่อได้เที่ยวเมืองไทย
สุขภาพ
-เช็คด่วน!!
8 วิธีป้องกันชีวิตให้รอดปลอดภัยจากยุคฝุ่นพิษ
PM2.5
กรมควบคุมมลพิษ
แนะนำตอนนี้ทั่วเมืองไทยหลายจังหวัดคุณภาพอากาศ ฝุ่น PM 2.5 เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพคนในพื้นที่ จึงแนะนำให้ลองเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับฝุ่นพิษอย่างปลอดภัย
8 วิธี
ดังนี้
1.เช็คค่าฝุ่น PM2.5
เป็นประจำ -ก่อนออกจากบ้าน
แนะนำให้กดเช็คค่าฝุ่นจากแอปฯต่าง ๆ ที่มีไว้ให้บริการเพื่อดูว่า
พื้นที่ที่เราอยู่หรือกำลังจะเดินทางไปนั้นมีค่าฝุ่นสูงมากน้อยแค่ไหนซึ่งปัจจุบันมีแอปพลิแคชันที่เราสามารถโหลดไว้ในมือถือ
2. เลี่ยงอยู่กลางแจ้ง -เป็นไปได้ควรอยู่แต่ในอาคารและปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการสูดดมฝุ่น PM2.5
เพิ่มเข้าไป รวมถึงควรลดเวลาอยู่นอกบ้าน งดกิจกรรมกลางแจ้งจนกว่าสภาพอากาศจะปกติที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
3. ใส่หน้ากาก
N95 -กรณีที่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปทำงานควรใส่หน้ากากอนามัยชนิด
N95
จะป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้มีประสิทธิภาพกว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป
4.หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติอมฝุ่น
PM2.5 -เลี่ยงใส่เสื้อผ้าทำจากเส้นใยสังเคราะห์
เพราะเนื้อผ้าสามารถเกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่ายและดูดฝุ่นได้ดีมาก
แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยฝ้ายเป็นหลัก เพราะดูดฝุ่นน้อยที่สุด
โดยควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
เพราะอนุภาคที่เล็กของฝุ่น PM2.5 อันตรายถึงขนาดสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้
5.กลับถึงบ้านให้รีบอาบน้ำสระผม
-เวลากลับมาถึงบ้านแนะนำให้ไปอาบน้ำสระผมก่อนเพราะฝุ่น PM2.5
มีขนาดเล็กจึงสามารถติดอยู่ตามเสื้อผ้า เส้นผม ผิวหนังของเรา
นอกจากนี้ในวันที่ค่าฝุ่นสูงควรปิดหน้าต่างและประตูเพื่อป้องกันฝุ่นจิ๋วเข้ามาในบ้าน
6.รับประทานอาหารมีประโยชน์ -เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น
ผัก ผลไม้ เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบให้ร่างกายแข็งแรง
แนะนำให้งดของทอด ของมัน
และอาหารรสจัดในช่วงนี้เพราะยิ่งทานอาหารเหล่านี้จะยิ่งทำให้อาการไอกำเริบและมีเสมหะเหนียวข้นเพิ่มมากขึ้น
รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในร่างกาย เช่น
วิตามินเอช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มของร่างกาย
ช่วยลดการอักเสบและลดอนุมูลอิสระของเซลล์ในร่างกาย อาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น
มันหวาน แครอท ผักกาดหวาน ปลาทูน่า แคนตาลูป มะม่วง บร็อคโคลี ไข่ ตับ
7.ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ -ลองดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ
ใช้วิธีจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้น้ำช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เลือดไหลเวียนได้ดี หรือหากมีอาการไอเพราะแพ้ฝุ่น
การดื่มน้ำจะช่วยให้ชุ่มคอ ช่วยขับเสมหะและสิ่งสกปรกออกจากระบบทางเดินหายใจ
8.จิบน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง -คนที่มีอาการไอจนเจ็บคอ
หรือแสบคอเพราะฝุ่น PM2.5 แนะนำลองจิบมะนาวผสมน้ำผึ้งเพื่อให้ชุ่มคอก็เป็นอีกวิธีที่ใช้ได้ผลดีซึ่งวิตามินซีในน้ำมะนาวจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
และกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ ส่วนน้ำผึ้งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ
ลดอาการอักเสบซึ่งจะช่วยให้อาการเจ็บคอหรืออาการแสบคอบรรเทาลงได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -บินไทยโชว์ผลงานปี65ทำEBITDAโต660%มีเงินสด3.4หมื่นล้าน
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2565 สิ้นสุด 31
ธันวาคม 2565 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปีมี
“รายได้” ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 36,902
ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 367% มี
“ค่าใช้จ่าย” ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 28,020
ล้านบาท มี “กำไรจากการดำเนินงาน” ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (EBIT)
8,882 ล้านบาท ดีกว่าปีก่อนหน้าซึ่งขาดทุน 2,579
ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานติดต่อกัน 2
ไตรมาสตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565
เป็นต้นมา จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว
การปรับโครงสร้างทางธุรกิจและต้นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีกำไรสุทธิ 11,154
ล้านบาท และกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา
และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงาน 11,061
ล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกับปีก่อน 660 %
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2565
สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2565
มีรายได้ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 97,514
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 341% จากปี 2564 จากกิจกรรมขนส่งผู้โดยสาร
สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ที่เติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
มีค่าใช้จ่ายไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 86,307
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127% จากปี 2564
จากค่าใช้จ่ายผันแปรในส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานปรับราคาขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
และต้นทุนการบริการในกิจกรรมขนส่งด้วยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็น EBIT
เป็นเงิน 11,207 ล้านบาท ดีกว่าปี 2564
ที่ขาดทุน 15,906 ล้านบาท และมี EBITDA จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน
19,689 ล้านบาท ดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ
ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการที่ระบุว่าบริษัทฯต้องมี EBITDA
จากการดำเนินงานหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบินไม่น้อยกว่า
20,000 ล้านบาทในรอบ 12
เดือนก่อนหน้าที่จะรายงานผลถึงผลสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการ
จากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ซึ่งมีผลการดำเนินงานขาดทุน 4,248
ล้านบาท
และรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิของบริษัทฯและบริษัทย่อยสุทธิที่เป็นรายได้ 1,187
ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกลับรายงานผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
กำไรจากการขายสินทรัพย์ การขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากการตีมูลค่าทางบัญชีอันเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินบาท
และต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 (TFRS 9)
11,148 ล้านบาท
ส่งผลให้บริษัทฯและบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 252
ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.12 บาท อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าประมาณการในแผนฟื้นฟูกิจการ ในขณะที่ปี 2564
มีกำไรต่อหุ้น 25.25 บาท
ณ วันที่ 31
ธันวาคม 2565 เปรียบเทียบกับวันที่ 31
ธันวาคม 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 198,178
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% มีหนี้สินรวม 269,202
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯและ บริษัทย่อยติดลบจำนวน 71,024
ล้านบาท ลดลง 227 ล้านบาท
ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯติดลบ 63,493 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3,165
ล้านบาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 34,540
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29,025 ล้านบาท
อันเป็นผลจากการดำเนินธุรกิจเป็นสำคัญ
ในปี 2565
บริษัทฯและบริษัทย่อย มีปริมาณการผลิต (ASK) เพิ่มขึ้นจากปี
2564 ร้อยละ 243%
และมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้นถึง 1,118%
มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย
67.9% สูงกว่าปี 2564
ซึ่งเฉลี่ยเท่ากับ 19.1% มีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 9.01
ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 449% มีปริมาณการผลิตด้านการขนส่งสินค้า (ADTK)
สูงกว่าปีก่อน 249% ปริมาณการขนส่งสินค้า (RFTK) สูงกว่าปีก่อน
134% อัตราส่วนการขนส่งสินค้า (Freight Load
Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 63.1%
ปัจจุบันบริษัทฯและบริษัทย่อยมีอากาศยานที่ใช้ทำการบินรวมทั้งสิ้น
64 ลำ และในตารางการบินฤดูร้อน ปี 2566
ให้บริการเที่ยวบินสู่ 39 เส้นทางบินทั่วโลก
พร้อมเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินยุโรป ออสเตรเลีย เอเชีย อาทิ โตเกียว
(นาริตะ และฮาเนดะ) โอซากา โซล ไทเป ฮ่องกง สิงคโปร์ กัลกัตตา มุมไบ เป็นต้น
และกลับมาให้บริการ
เส้นทางบินเพิ่มเติมในเส้นทางประเทศจีนในช่วงต้นปีได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้
คุนหมิง เฉิงตู กวางโจว เพื่อรองรับการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนเร่งขยายขนาดฝูงบินให้เพียงพอต่อแผนเส้นทางบินและจำนวนเที่ยวบิน
เพื่อบรรลุเป้าหมายการหารายได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ
นำไปสู่ความเจริญอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป
ข่าวที่สอง -2แพลตฟอร์มใหญ่“SiteMinder-Trip.com”ชี้จีนจองพักไทยเบอร์1โลกโต108%
SiteMinder รายงานว่า ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกด้าน โฮเทลคอมเมิร์ซแบบ Open
Platformมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับยอดการจองที่พักของนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยต้องการเลือกในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มขึ้นถึง
108% ส่วนค่าเฉลี่ยยอดจองทั่วโลกเพิ่มขึ้น 37% ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2565
จนถึงปัจจุบัน มีสถิติยอดจองบนแพลตฟอร์มนี้แต่ละปีมีมากกว่า 100 ล้านครั้ง ใน 150 ประเทศ กว่า 36,000 โรงแรม
ทาง SiteMinder ได้วิเคราะห์ภาพรวมตลาดการจองที่พักในหลายประเทศ
รวมทั้งเมืองไทย ถือเป็นประเทศที่มีการจองที่พักผ่าน แพลตฟอร์มนี้เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุด
เพิ่มขึ้นถึง 108 % ตามด้วยอีก 5 ประเทศ
ได้แก่ สเปน 84 % เวียดนาม 51 % ออสเตรเลีย 51% สิงคโปร์ 44% และสหรัฐอเมริกา
43%
นาย Sankar Narayan ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการบริษัท
SiteMinder กล่าวว่า ในช่วง 12 เดือนหรือ
1 ปีที่ผ่านมาความต้องการในการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
ยิ่งเมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศมีส่วนสำคัญเร่งการเติบโตด้วย ขณะนี้การท่องเที่ยวกำลังกลับมาจากนักเดินทางทั่วโลกมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ทางแพลตฟอร์มเองเล็งเห็นถึง “ธุรกิจที่พัก” ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดธุรกิจ ให้เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวฐานกว้างขึ้นกว่าเดิม
รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนด้วย
ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยว
“วันหยุดตรุษจีน” เมื่อปลายเดือนมกราคม ทาง Trip.com กรุ๊ป ผู้นำด้านบริการท่องเที่ยว พบเที่ยวบินขาออกและยอดจองโรงแรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มสูงถึง
400% จุดหมายปลายทางที่นักเดินทางจีนสนใจมากเป็นพิเศษอยู่ในประเทศแถบ
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยมีทั้ง ในเมืองไทย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย) มะนิลา(ฟิลิปปินส์)
บาหลี (อินโดนีเซีย)
ข้อมูลของ Trip.com กรุ๊ป ยืนยันยอดจองที่พักโรงแรมในกรุงเทพฯ เปรียบเทียบปี 2566 สูงกว่าปี 2565เพิ่มขึ้น 30 เท่า กับมีราคาเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 70%
Jane Sun ซีอีโอ Trip.com กรุ๊ป ย้ำว่า ทันทีที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางตั้งแต่มกราคม 2566 เป็นต้นมา ส่งผลดีกับธุรกิจท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทางผู้ให้บริการด้านต่าง ๆ พร้อมใจกันเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งคาดการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลกจะเริมฟื้นตัวกลับมาคึกคักอีกครั้งในเร็ววันนี้ด้วย
ทั้งนี้ สถิติปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชาวจีนเดินทางต่างประเทศ 155 ล้านครั้ง ใช้จ่ายเงินรวมกว่า 255,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลทำให้จีนเป็นตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สุด
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น