ททท.เดินเกมใหญ่ปีเถาะทัวร์ต่างชาติ/ไทยโตเร็วขยับเป้าใหม่ปี’66
เราเที่ยวด้วยกันเฟส5เริ่มเร็วจบไว8มี.ค.30เม.ย.เงินสะพัด6พันล้าน
เอกชนลุยBoosterShot4โปรเจกต์-กรุ๊ปจีนกวางโจวบุกไทย6ก.พ.นี้
“คิง เพาเวอร์”คว้าสุดยอดแบรนด์โลกผู้นำค้าปลีกดิวตี้ฟรี2022/23
คิงเพาเวอร์เริ่มแล้ว“THE POWER BAND SEASON3”สมัคร12ก.พ.
ช้อปคุ้มCLICK AND COLLECTคิงเพาเวอร์โปรเอ็กซ์คลูซีฟลด12%
ททท.ผนึกเอกชนทำแผนเที่ยวระยองปี’66รุกขายทัวร์คุณภาพ4กลุ่ม
“บางจาก”สร้างชื่อบริษัทไทยรายเดียวเจ้าของรางวัลESG 5ปีซ้อน
เที่ยวคลองสานงานBKKDW23วัฒนธรรมในกรุง300ปีกับ7กิจกรรม
CEAผนึกกทม.จัดBKKDW 20239ทัวร์กรุงย่าน9วันโกย200ล้านบาท
ก.ท่องเที่ยชี้ก.พ.-มี.ค.66ทั่วโลกมาไทย80%จีนบินเพิ่ม3.6หมื่นเที่ยว
วันเสาร์ที่
4 กุมภาพันธ์ 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #BKK2023
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/itEK88Jgs7/
ช่วงที่ 1 เดินเกมใหม่ท่องเที่ยวกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร”
ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
“สัญญาณดีปีเถาะรอเคาะเป้ารายได้ใหม่เฝ้าระวังตัวแปรรอบด้าน
“เศรษฐกิจถดถอย-ความขัดแย้งทางรัฐศาสตร์-เงินเฟ้อพุ่งเงินบาทแข็ง” ข่าวดี
“เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5”
เปิดเอกชนรายใหม่เข้าโครงการ และร่นเวลาเหลือเดือนเศษ 8 มี.ค.-30 เม.ย.66 สร้างเงินหมุนทั่วไทย 4,000-6,000 ล้านบาท ห้ามโรงแรมเปลี่ยนราคาขาย ส่วน Booster
Shot รอสภาพัฒน์หั่นงบอีกรอบคาด
ก.พ.เริ่มได้ผ่าน 4 โปรเจกต์
ส่วน “จีน” 6 ก.พ.กวางโจวประเดิมเข้าไทย
2กรุ๊ปแรก
ตามมาด้วย MICE เร่งเจรจาแอร์ไลน์สเพิ่มความถี่
กับเปิดช่องทางบก รับคาราวานกับรถไฟความเร็วสูงจีน-หนองคาย
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2566 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีสัญญาณดีจะขอรอดูสถานการณ์เพื่อจะพิจารณาปรับเป้าหมายอีกครั้ง
ขณะนี้ยังคงตัวเลขที่ตั้งไว้ปัจจุบันซึ่งค่อนข้างท้าทาย “ตลาดต่างประเทศ 11-30 ล้านคน ทำรายได้ 5.8 แสนล้านบาท -1.5 ล้านล้านบาท “ในประเทศ” 117-135 ล้านคน-ครั้ง รายได้ 6.7-8.8 แสนล้านบาท
รวมแล้วจะได้ตามเป้าที่รัฐบาลกำหนดตลอปีนี้ 2.38 ล้านล้านบาท
กรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศแล้ว
ก็จะต้องเฝ้าระวังอีกหลายปัจจัยซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ ได้แก่1.ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความกำลังเข้าภาวะถดถอย 2.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ 3.เงินเฟ้อนำไปสู่อัตราการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
ซึ่งกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ค่าบาทแข็งไม่ได้มีผลดีต่อการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ
ททท.จะขอประเมินผลอีกสักระยะ
เปรียบเทียบสถิตินักท่องเที่ยวเดือนมกราคม 2566 ตลอดเดือนมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเกิน 2
ล้านคน โดยที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย
เมื่อย้อนดูตัวเลขปี 2562 จีนมาท่องเที่ยวเดือนละ
1 ล้านคน
แนวโน้มปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะใกล้เคียงกับปี 2562
ส่วน
“ตลาดในประเทศ” ต้องขอบคุณรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 2,016 ล้านบาท ให้ ททท.เดินหน้าทำโครงการ
“เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5” ในจำนวน
5.6 แสนสิทธิ์(
คืนพัก) ซึ่งจะสร้างเศรษฐกิจทำรายได้หมุนเวียน 2-3 เท่าหรือคิดเป็นประมาณไม่น้อยกว่า 4,000-6,000
ล้านบาท
“ขั้นตอนใช้สิทธิ์”
ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 กำหนดให้
“นักท่องเที่ยวคนไทย” จำนวนสิทธิ์จะได้ 5
คืนพัก (roomnight)
รัฐบาลสมทบค่าห้องพัก 60 % ในราคาห้องไม่เกิน
3,000 บาท/ห้อง/คืน
พร้อมอีโวเชอร์อีกวันละ 600 บาท
แต่จะไม่มีค่าตั๋วเครื่องบิน
คาดว่าจะจะสามารถเปิดให้ลงทะเบียนท่องเที่ยวได้เริ่มต้นเดือน ประมาณ 8 มีนาคม
2566
เดินทางได้วันสุดท้าย 30 เมษายน
2566
“ระยะเวลา”
เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ค่อนข้างสั้น ตามที่
ททท.ได้คำนวณเปรียบเทียบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1-4 มีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์เฉลี่ยเดือนละ 4-5 แสนสิทธิ์ พอมาถึงเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ให้ทั้งหมด 5.6 แสนสิทธิ์ ก็น่าจะหมดภายในเดือนเศษเหมือนกัน
สำหรับ
“ผู้ประกอบการท่องเที่ยว” ที่จะเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ก็จะต้องลงทะเบียนตามขั้นตอนช่วงต้นเดือนมีนาคมให้แล้วเสร็จเช่นกัน
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการรายเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการ
กลุ่มที่ 2 ผู้ประกอบการรายใหม่
ขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการมาก่อนลงทะเบียนเฟสนี้ได้ด้วย
หลักเกณฑ์ที่ต้องย้ำกับผู้ประกอบการคือ
1.ห้ามเปลี่ยนแปลงราคาห้องพัก
ผู้ประกอบการรายเดิมจะต้องส่งราคาจองพักเฉลี่ยขั้นต่ำ-สูงสุด
เข้าระบบตามเดิมที่เคยขายมาก่อนหน้า ส่วน “ผู้ประกอบการรายใหม่”
จะต้องแจ้งค่าเฉลี่ยห้องพักให้ชัดเจนตามกติกา 2.ททท.จะเปิดรับเอกสารจากผู้ประกอบการตั้งแต่วันนี้
-15 กุมภาพันธ์ นี้
เพื่อเปิดให้จองได้ทันตั้งแต่ 8 มีนาคม
2566 เป็นต้นไป
ตามนโยบายรัฐบาลได้ให้งบสนับสนุนเราเที่ยวด้วยกันเฟส
1-4 ในจังหวะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงที่พักหรูราคาประหยัด
และเกิดการกระจายตัวไทยเที่ยวไทย แต่เฟส 5 เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากทำให้อัตราเข้าพักโรงแรมเกือบเต็ม
แต่ก็ยังคงเดินหน้าเพื่อหวังผล 1.ให้คนไทยมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องในประเทศต่อไป
2.เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงตลาดท่องเที่ยวที่ได้รับการช่วยเหลือด้วย
ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า
โครงการที่ 2 งบประมาณช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวหรือ
Booster Shot ได้วางตำแหน่ง 1.ผลักดันให้ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างรายได้เข้าเป้าปี
2566 รวม 2.38
ล้านล้านบาท 2.บรรลุสู่การเปลี่ยนแปลงท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ผ่าน
4 โครงการ
ประกอบด้วย
โครงการที่
1 กระตุ้นตลาดต่างประเทศเที่ยวเมืองไทยกับ
Visit Thailand Year 2023
โครงการที่
2 ไทยเที่ยวไทย
จะสนับสนุนโดยใช้พลัง ซอฟท์ เพาเวอร์ ทั้งกับคนไทยและต่างประเทศเที่ยวไทย
โครงการที่
3 จัดทำสินค้าใหม่จากโปรดักซ์แคตาล็อกสู่เมนูประสบการณ์
นำเสนอเส้นทางใหม่ ๆ ดึงดู
โครงการที่
4 เสริมสร้างภาพลักษณ์
โดยเฉพาะการโปรโมตภายใต้แคมเปญ ปีท่องเที่ยวไทย 2566
ปัจจุบันแผนงาน
Booster Shot ยังอยู่ที่สภาพัฒน์พิจารณาปรับลดวงเงินให้เหมาะสม
หลังรัฐบาลอนุมัติกรอบโครงการแล้ว
น่าจะเริ่มลงมือทำได้ตั้งแต่ทันทีที่สภาพัฒน์สรุปแล้วเสร็จ
ตามปกติเป็นโครงการแบ่งเป็น 2 ส่วน
คือ ส่วนที่ 1 ททท.ดำเนินการอยู่แล้วด้วยกต่อยอดให้ผู้ประกอบการ ส่วนที่ 2
งบประมาณเพิ่มจากงบกลาง
โครงการที่เพิ่มเข้ามาจะมีความถี่เพิ่มขึ้น ในการทำโร้ดโชว์
ร่วมมือส่งเสริมตลาดกับสายการบินต่าง ๆ
สำหรับการจัดกิจกรรม
Visit Thailand Year 2023 ทุกโครงการภายใต้งบประมาณประจำปี
และงบกลาง จะรวมอยู่ในนี้ทั้งหมด
ผู้ว่าฯ
ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า
ในส่วนตลาดนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จะเดินทางมาเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้เริ่มตั้งแต่วันที่
6 กุมภาพันธ์ 2566
เป็นต้นไป
จะมีเที่ยวบินจากกวางโจวนำเข้ามา 2 กรุ๊ป
ตอนนี้สร้างความคึกคักจากกระแสข่าวเว็บไซต์ บริษัทขายท่องเที่ยว
คึกคักเป็นกระแสเดียวกันถึงไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่จีนมุ่งเลือกมาไทย 2.คนจีนจะเที่ยวแบบล้างแค้นคือหยุดอั้นไว้นานก็อยากจะมาเที่ยว
3.กลุ่มไมซ์ MICE
ตอนนี้หลายองค์กรมุ่งหน้าสู่ไทยเพื่อจัดประชุม
สัมมนา อินเซนทีฟ ยังไม่นับรวมจีนที่เดินทางอิสระแบบเดี่ยว F.I.T.แต่ก็ยังต้องพิจารณาข้อจำกัดเรื่อง
“ความถี่เที่ยวบิน” ยังไม่สามารถเพิ่มแบบรวดเร็วได้
เพราะรัฐบาลจีนระมัดระวังเรื่องการแพร่ระบาดโควิด เช่นเดียวกับ “ทางบก”
จะมีคาราวานจากเฉินตูเข้ามาหลายร้อยคัน และ “รถไฟความเร็วสูง” จากจีนผ่าน สปป.ลาว
ผ่านจังหวัดหนองคายมาเที่ยวเมืองไทย
ส่วนการ
“เฝ้าระวังเมื่อมีกรุ๊ปจีน” คือ
พนักงานภาคบริการขาดแคลนต้องให้ความสำคัญและน้ำหนักกับ “คุณภาพบริการ”
มากกว่าจะเน้น “จำนวนคนมาก” แล้วรองรับไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวเมืองไทยซ้ำอีกหลายครั้ง
และกุมภาพันธ์นี้เป็นเดือนแห่งความรัก
ททท.ขอรณรงค์ให้คนไทย เที่ยวกับคนที่เรารัก ตามสถานที่เรารัก และทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง
เพาเวอร์”คว้าสุดยอดแบรนด์โลกผู้นำค้าปลีกดิวตี้ฟรี2022/23
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำข่าวดีมามอบให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วยการคว้ารางวัล "สุดยอดแบรนด์ของโลกแห่งปี 2022-2023" ต่อเนื่องเป็นปีที่
8 สาขาผู้นำค้าปลีกสินค้าดิวตี้ ฟรี (Retailer-Duty
Free Thailand) ในงานประกาศผลครั้งล่าสุด World
Branding Awards 2022-2023 จากเวที World Branding
Forum ประเทศอังกฤษ มอบความไว้วางใจ
แบรนด์ ดิวตี้ ฟรี จากประเทศไทย ได้รับเสียงโหวตและผ่านการพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์เฉพาะด้านให้เป็นแบรนด์ผู้นำค้าปลีกสินค้า
ดิวตี้ ฟรี ที่ได้การยอมรับระดับสากล ซึ่งสามารถแสดงศักยภาพความสำเร็จในฐานะประกอบการดิวตี้
ฟรี คนไทย พร้อมส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจแก่นักเดินทางทั่วโลก
รวมทั้งเป็นโอกาสอันดีที่ได้ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยได้ด้วย
โดย กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
มีประสบการณ์การบริหารงานธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ให้นักเดินทางด้วยสินค้าและบริการผ่านแนวคิดการช้อปปิ้งอย่างไร้ขีดจำกัด The
Infinite Shopping Beyond Boundaries เชื่อมต่อในยุคดิจิทัลที่ไร้ขีดจำกัด
สร้างความเป็นไปได้ (Possibility) ในทุกการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้นักเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวในวิถีใหม่
ส่วนแนวทางการตัดสินครั้งนี้ คิง เพาเวอร์
ชนะเกณฑ์การตัดสินอันเข้มข้น โดยมีแบรนด์ผู้ประกอบการร่วมชิงชัยกันมากกว่า 500 แบรนด์จากกว่า 60 ประเทศ
ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “BRAND OF THE YEAR” แบรนด์คุณภาพแห่งปี
มีตัวแทนผู้บริโภค 1.3 ล้านคน
ร่วมคัดเลือกแบรนด์คุณภาพที่เป็นผู้นำในหลายประเทศของแต่ละภูมิภาค ผู้ที่ได้รางวัลจะต้องผ่านเกณฑ์พิจารณาเฉพาะด้านสำคัญ
3 ด้านหลัก ประกอบด้วย การประเมินมูลค่าแบรนด์
การวิจัยตลาดผู้บริโภค และการลงคะแนนจากประชาชน แบรนด์ที่จะพิชิตรางวัลนี้ได้จะต้องที่มีชื่อเสียงและได้รับคะแนนโหวตจากผู้บริโภคเกิน
70%
นายอัยยวัฒน์กล่าวว่าในนามตัวแทนผู้บริหาร พนักงาน คิง
เพาเวอร์ ต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง ที่ทำให้ คิง เพาเวอร์ ได้รับรางวัล BRAND OF THE
YEAR สาขาค้าปลีกสินค้าดิวตี้ ฟรี หรือ Retailer-Duty Free
Thailand ครั้งที่ 8 ด้วยความไว้วางใจในครั้งนี้ยิ่งจะเป็นพลังสำคัญให้
คิง เพาเวอร์ มีปณิธานมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างเหนือระดับ นำชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักและ
ยอมรับของคนทั่วโลก โดยใช้ คิง เพาเวอร์ เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในตลาดโลกอย่างแข็งแกร่งทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ข่าวที่
2 คิงเพาเวอร์เริ่มแล้ว“THE
POWER BAND SEASON3”สมัคร12ก.พ.นี้
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า กลับมาตามคำเรียกร้องการประกวดดนตรีสากล
ประจำปี 2566
“THE POWER BAND 2023 Season 3” ที่จัดต่อเนื่องปีที่
3 เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ
จากความร่วมมือของ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทย!!
เปิดตัวโครงการไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นเกียรติด้วย
คือ ดร. ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล และคุณดนุภพ กมล
รองกรรมการผู้จัดการบริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด ในบรรยากาศภายในงานและการแสดงดนตรีจากวง
Jazz
Passion วงชนะเลิศ THE POWER BAND 2022 Season 2 รุ่นประชาชนทั่วไป (Class B)มาโชว์สกิลและเสียงร้องทรงพลังที่เอาชนะใจกรรมการไปเมื่อปีที่ผ่านมา
สำหรับปี 2566
THE POWER BAND 2023 Season 3 เพิ่มความพิเศษ ด้วยคอนเซปต์ ‘It’s
Possible’ Music Make Lifes Possible พลังแห่งดนตรี
พลังแห่งทุกความเป็นไปได้ เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศทั่วประเทศ 5 สนามแข่งขัน ได้เข้าอบรมเพิ่มความรู้ทางด้านดนตรีจากมิวสิกกูรูแถวหน้าของเมืองไทยกับ
THE POWER BAND CAMP ก่อนจะเข้าลงสนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเพื่อชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ
และรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1,500,000 บาท
THE
POWER BAND 2023 Season3 เตรียมเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่
13 ก.พ. 66 – 4 ส.ค. 66 ติดตามกติกาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.music.mahidol.ac.th/thepowerband/#openModal
เฟซบุ๊ก : https://www.facebook.com/thepowerband.mahidol
ข่าวที่
3 ช้อปคุ้มCLICK AND COLLECTคิงเพาเวอร์เอ็กซ์คลูซีฟลด12%
คิง
เพาเวอร์ ต้อนรับศักราชใหม่กับ “CLICK AND COLLECT EXCLUSIVELY FOR
DEPARTURES” ลดสูงสุด
12% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท ลูกค้าขาออกช้อปแบบฟิน ๆ
กับสินค้าดิวตี้ฟรีที่ต้องกดเลิฟรัว ๆ เข้าไปรับรหัสส่วนลด KPDE12 วันนี้- 21 กุมภาพันธ์
2566
1.สินค้า DUTY FREE สุดฮอต
มีไฟลต์บิน ต้องรีบช้อป! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก
2.สินค้า HOME DELIVERY ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้
ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.- (สุทธิ)
พร้อมใช้สิทธิ์ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง
10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
4.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)
ข่าวที่
4 ททท.ผนึกเอกชนทำแผนเที่ยวระยองปี’66รุกขายทัวร์คุณภาพ4กลุ่ม
นายอัครวิชย์ เทพาสิต
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ทางททท.สำนักระยอง ได้ร่วมกับภาครัฐ เครือข่ายภาคท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ประชุมร่วมกันกำหนดทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวระยองปี
2566
โดยใช้กลยุทธ์ใหญ่ของภาคตะวันออกเดินหน้า 4
โครงการ ประกอบด้วย โครงการแรก “365 วัน สบ๊าย สบายภาคตะวันออก” นำเสนอขายแนวคิด
“เที่ยวไป กินไป สบายพุง โดยจะจับมือกับกลุ่มสายกิน โครงการที่ 2 “เที่ยวเมืองรอง
สบ๊าย สบาย สไตล์ภาคตะวันออก” เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวตามรอยหนัง/ซีรี่ส์
โครงการที่ 3 Workation Thailand ทำงานได้เที่ยวด้วยในวันธรรมดา
วันจันทร์-วันพฤหัสบดี ทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี โดยการผลิตแพ็กเกจที่พัก คาเฟ่
กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนปลุกการเดินทางท่องเที่ยวันธรรมดา มอบประสบการณ์ที่มีความหมายอย่างคุ้มค่าแก่นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย
โครงการที่ 4 East at Ease/เที่ยวง่ายในตะวันออก เสนอขายกิจกรรมในรูปแบบลักชัวรี่หรูหรา
ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมดนตรี ศิลปะ และด้านอาหาร มุ่งเพิ่มความถี่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่มากขึ้น
พร้อมทั้งเกิดการกระจายรายได้สู่ภาคการท่องเที่ยวภาคตะวันออก
นายวัชรพล
สารสอน ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานระยอง กล่าวว่า
จะร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดระยองขับเคลื่อนตลาดท่องเที่ยวปีนี้ด้วยไฮไลต์
3 โครงการ คือ โครงการที่ 1 Rayong
Eat at Ease นำเสนอขายเมืองอาหาร
ผลไม้ และกิจกรรมท่องเที่ยวซีเอสอาร์ โครงการที่ 2 Rayong
Weekday ปลุกกระแสการท่องเที่ยววันธรรมดาชูจุดขายกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา
หรือ Sport Tourism ทั้งบนบกอย่าง
กอล์ฟ และในน้ำ กิจกรรมพายSUP กับการดำน้ำตื้นน้ำลึกในทะเล โครงการที่
3 Rayong Stay & Play ร่วมกับโรงแรมรีสอร์ตนำเสนอขายห้องพักที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายในราคาที่นักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มพึงพอใจตลอดทั้งปี
ตามปีงบประมาณของ ททท.ช่วงมกราคม -
มีนาคม 2566 จะก้าวสู่ไตรมาสที่
2 ได้เปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวระยองจัดทำปฏิทินนำเสนอขายการท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวจนไปถึงสิ้นปีงบประมาณกับ
4 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มที่
1 ผู้ประกอบการกีฬาทางน้ำ
ที่มีบริการพาย SUP เล่นเซิร์ฟ
จัดดำน้ำ และอื่น ๆ ร่วมขายในแคมเปญ Let’s sea Rayong ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์
- มีนาคม 2566
กลุ่มที่
2 ผู้ประกอบการสนามกอล์ฟ
ผลิตแพ็กเกจชวนเล่นกอล์ฟวันธรรมดา ระหว่างมีนาคม – มิถุนายน 2566
กลุ่มที่ 3 ผู้ประกอบการสวนผลไม้ในระยอง
นำเสนอขายแพกเกจเส้นทางท่องเที่ยวชิมผลไม้ตามฤดูกาลในสวนต่าง ๆ ระหว่างเดือนเมษายน
– กรกฎาคม 2566
กลุ่มที่ 4 ผู้ประกอบการที่พักและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและสปา สร้างสรรค์แพกเกจทัวร์และดูแลสุขภาพ ระหว่างเดือนเมษายน
- กันยายน 2566 โดยจัดทำประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอีเอสอาร์ เส้นทางศึกษาดูงาน
ชุมชนท่องเที่ยว เปิดช่องทางการขายผ่านบริษัทนำเที่ยว กลุ่มบริการ Outing องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 - กันยายน 2566 เน้นเพิ่มความถี่นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมายตลอดปีงบประมาณ
ข่าวที่ 5 “บางจาก”สร้างชื่อบริษัทไทยรายเดียวเจ้าของรางวัลESG 5ปีซ้อน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุดบางจากฯ เป็นบริษัทไทยรายเดียวได้รับการประเมินความยั่งยืน MSCI ESG Rating 2022 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ “AA” ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม ESG Leader ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน AA เป็นระดับสูงสุดขององค์กรไทยในกลุ่มธุรกิจ Oil & Gas Refining,
Marketing, Transportation & Storage รวมทั้งเป็นรางวัลยืนยันความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติ
ตามแนวทาง ESG
หรือ สิ่งแวดล้อม
สังคมและธรรมาภิบาล ได้เป็นอย่างดี
โดยบางจากฯ ให้ความสำคัญเรื่องสร้างธุรกิจให้เติบโตด้วยการรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
ผ่านข้อกำหนดนโยบายและการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติในด้าน
สิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่องกระทั่งวันนี้ได้รับการจัดกลุ่มระดับ
AA ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับสากลอีกครั้ง
นายชัยวัฒน์ยืนยันว่าเริ่มต้นปี 2566 บางจากฯ
จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าดำเนินธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนตามหลัก ESG ต่อไป โดยมุ่งสู่เป้าหมายเป็นองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน 100 ปี หรือ Bangchak100X ในฐานะกลุ่มธุรกิจผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
ส่วน MSCI ESG Rating เป็นการประเมินความสามารถในการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
สังคมและบรรษัทภิบาล ตามกระบวนการประเมินจะพิจารณาจากความเสี่ยงด้าน ESG ที่บริษัทเผชิญ และความพร้อมในการบริหารจัดการความเสี่ยงนั้น ๆ
ครอบคลุมตัวชี้วัด 5 ประเด็น คือ สิ่งแวดล้อม
ลูกค้า สิทธิมนุษยชนและชุมชน สิทธิของผู้ใช้แรงงานและห่วงโซ่อุปทาน บรรษัทภิบาล
สำหรับผลการประเมินโดย MSCI จะมีความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือทางด้านดัชนี ESG ระดับนานาชาติ จึงถือเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของทุกคนกับบางจากฯ ที่ได้การจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินงานด้าน ESG ซึ่งถือเป็นเป้าหมายบางจากต่อเนื่องมาตลอด
ช่วงที่ 2 แนะนำพิกัดเที่ยวเมืองกรุงกับย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์
“คลองสาน” ชุมชนเก่าแก่ 300 ปี
มีกิจกรรมให้เรียนรู้แปลกแตกต่างต้องมาลองในงาน BKKDW23 วันนี้-12
กุมภาพันธ์ 2566 เกาะติดเรื่องฮ็อต ข่าวแรก
“สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์” จับมือกทม.จัดใหญ่ระหว่าง 4-12 ก.พ.66 งัด9ย่านจัด9วันโกย200ล้าน ข่าวที่สอง “กระทรวงท่องเที่ยว” ชี้
ก.พ.-มี.ค.นี้ทั่วโลกเที่ยวไทยพุ่งจีนจ่อบินทั้งปี 3.6 หมื่นเที่ยว
ท่องเที่ยว-เที่ยวคลองสานงานBKKDW23ในกรุงย่าน300ปีส่องวิถี7กิจกรรม
สัปดาห์นี้
ลองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองกรุง กับมหกรรม “BKKDW23-เทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ” ชวนสนุกกับการเดินทางและร่วมกิจกรรมสัมผัส “งานอาร์ตย่านคลองสาน”
หนึ่งในย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ชานเมืองมหานครกรุงเทพฯ สุดอลังการ
พร้อมจะมอบประสบการณ์ใหม่ต้อนรับการเดินทางอย่างลึกซึ้งกับสถานที่คุ้นชื่อที่อาจจะยังไม่คุ้นเคย
ผ่านสีสัน 7 เวิร์คช้อป
Khlong San Craft Venue : ICONSIAM เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและงานคราฟท์ย่านคลองสาน
ทำหน้าที่เหมือนเพื่อนบ้านภายใต้แนวคิด‘CULTURAL GATEWAY-CRAFT HOPPING พร้อมบอกเล่าเรื่องราว “ย่านคลองสาน”
จัดกิจกรรมขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ผ่านวัฒนธรรม และงานคราฟต์ภายใต้แนวคิด Khlong
San Craft เปิดโลกดี ๆ ให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมภายในย่านคลองสานครบทุกมิติ จัดที่ Rassada Hall 1st Floor ตั้งแต่ 4-12
กุมภาพันธ์ 2566
กิจกรรมที่
1 Origami
Home สำรวจละแวกย่าน
ผ่านการพับกระดาษเป็นรูปทรงต่างๆ และเพลิดเพลินไปกับการระบายสี
พร้อมทั้งสามารถวางตกแต่งเมืองบนแผนที่ย่านคลองสานได้อย่างเพลิดเพลิน เดินเข้าไปในงานแล้วร่วมกิจกรรมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
กิจกรรมที่
2 Watercolorby
Foa.d x Summary.co 4, 10
Feb 2023 | 10.00-14.00 กิจกรรมระบายสีน้ำ
ผ่านการ์ดระบายสีลายดอกไม้และต้นไม้บริเวณรอบชุมชนสวนสมเด็จย่า
ที่สามารถใส่ข้อความน่ารัก ๆ ไปฝากคนสำคัญ รับสมัคร https://www.facebook.com/ArchitecturalTechnologyRMUTR
เวิร์คช็อป 10-15 คน ค่าใช้จ่าย
50 บาท
กิจกรรมที่
3 Organic
Balm by Chinglian TCM Clinic (For Pain Relief) 5 Feb 2023 | 13:00 - 14:00 ‘คลองสาน’
วัฒนธรรมย่านประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
ที่มีความหลากหลายวัฒนธรรม คลองสานจึงกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำ
บรรดาพ่อค้า จากต่างชาติเริ่มเข้ามาตั้งบ้านเรือนและร้านค้า
จึงเกิดเป็นชุมชนหลากศาสนาหลายวัฒนธรรมขึ้นทั้งแขก จีน ลาว โปรตุเกส
การอยู่ร่วมกัน ของชุมชนเชื้อชาติต่าง ๆ
เห็นได้จาก ชุมชนมัสยิดสุวรรณภูมิ ชุนชนวัดเศวตฉัตร
ชุมชนชาวจีน มัสยิด ต่างก็เดินทางมาด้วยจุดประสงค์ต่างกัน
ทั้งทำธุรกิจระหว่างประเทศ เผยแพร่ศาสนา หรือตั้งรกรากอยู่อาศัยในย่านคลองสานราว 200-300
ปีก่อน “ชิงเหลียนคลินิก”เป็นสถานที่ฝังเข็มเเละยาจีน
ได้นำแรงบันดาลใจ ในความหลากหลายทางวัฒนธรรม มาประยุกต์ทำเป็น เวิรคชอป
ผลิตภัณฑ์ยาหม่อง ที่เป็น ผลิตภัณฑ์คู่คนไทยมาเเต่ช้านาน ที่ผสมผสาน
สมุนไพรทั้งไทย จีน อินเดีย ลาว เเละโปรตุเกส
แสดงถึงความหลากหลายวัฒนธรรมในหนึ่งเดียว ที่เป็นสเน่ห์กลิ่นอายของคลองสาน
ได้เป็นอย่างดี
เชิญชวนเพื่อนๆ มาสัมผัสประสบการณ์กลิ่นอายการผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายเชื้อชาติ
ผ่านผลิตภัณฑ์ยาหม่อง เวิร์คช็อป 10-15 คน ค่าใช้จ่าย 300
บาท ติดตามได้ที่
https://openlink.co/chingliantcmclinic
กิจกรรมที่
4 Polymer clay Accessory By clay.are.craft 7 - 8
Feb 2023 | 10:00 - 20:00 กิจกรรมร้อยลูกปัดที่ชวนคุณไปร้อยเรียงลูกปัดแฮนด์เมด
จากดีไซเนอร์Polymer Clay Accessory ดีไซเนอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการปั้น
Polymer Clay เป็นตัวอักษรและของตกแต่งที่รวบรวมมาจากย่านคลองสาน
เปิดรับสมัคร
https://www.facebook.com/ArchitecturalTechnologyRMUTRเวิร์คช็อป
10-15 คนค่าใช้จ่าย 150
บาท
กิจกรรมที่
5 Inhaler
WorkshopBy clay.are.craft 9 Feb 2023 | 10:00 - 20:00 ยาดม
กลิ่นที่แรงบันดาลใจจากชุมชนไทย-จีน เขตคลองสาน ร่วมกับร้านสมุนไพรเจริญนคร
ในการนำวัตถุดิบมาทำเครื่องหอม ให้คุณได้เรียนรู้อุปกรณ์การทำเครื่องหอมต่างๆ รับสมัคร https://www.facebook.com/ArchitecturalTechnologyRMUTR
เวิร์คช็อป 10-15 คน ค่าใช้จ่าย
150 บาท
กิจกรรมที่
6 Fancy
Candle By Foa.d X RED 5 - 6, 10 Feb 2023 | 10:00 - 20:00 กิจกรรมทำเทียนแฮนด์เมคจากดีไซเนอร์ย่านคลองสาน
ที่นอกจากจะได้เรียนรู้การทำเทียน และยังสนุกไปกันการตกแต่งเทียนอีกด้วย รับสมัคร
https://www.facebook.com/ArchitecturalTechnologyRMUTR
เวิร์คช็อป 10-15 คน ค่าใช้จ่าย
100 บาท
กิจกรรมที่
7 Leather
Craft workshop By Till you bloom 4, 11 Feb 2023 | 10:00 - 20:00 กิจกรรมเวิร์คช็อปร่วมกับร้านเครื่องหนังย่านเจริญรัถในการพาคุณเพลิดเพลินไปกับการออกแบบและทำพวงกุญแจหนังนำโชค
ลวดลายต่างๆในสไตล์ของคุรับสมัคร https://openlink.co/tillyoubloom/ เวิร์คช็อป
10-15 คน / รอบ ค่าใช้จ่าย
450 - 1490 บาท
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก - CEAผนึกกทม.จัดBKKDW 20239ทัวร์กรุงย่าน9วันโกย200ล้าน
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) “CEA” เปิดเผยว่า เตรียมเปิดแล้วเทศกาลใหญ่งาน
“ออกแบบกรุงเทพฯ 2566 : Bangkok Design Week 2023” หรือ BKKDW 2023
ที่ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน เปิดพื้นที่ไฮไลต์ทั่วกรุงเทพฯ
9 ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์
นำเสนอวิถีวัฒนธรรมฐานรากที่แข็งแกร่งให้เข้ามาเยี่ยมชมตลอดทั้ง 9 วัน
ระหว่างวันที่ 4-12 กุมภาพันธ์
2566 มุ่งสร้างจุดขายดึงนักเดินทางเข้ามาร่วมงานภายใต้ธีม
“urban ‘NICE’ zation เมือง-มิตร-ดี” คาดจะช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมตลอดงานได้ถึง
100,000 คน
สร้างรายได้หมุนเวียนเข้าพื้นที่ทั้งหมดรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท
ในการจัดเทศกาลท่องเที่ยวงาน
“ออกแบบกรุงเทพฯ 2566 : Bangkok Design Week 2023”
ทาง CEA มุ่งสนับสนับการสร้างสรรค์โอกาสทางเศรษฐกิจและพลิกฟื้นบรรยากาศของเมืองต้อนรับ
“มิตรที่ดี” อย่างลงตัวทุกมิติ ทั้ง 9 ย่านเศรษฐกิจ แบ่งเป็นพื้นที่เก่า 4 ย่าน
ผนวกกับขยายไปสู่เศรษฐกิจใหม่ 5
ย่าน ประกอบด้วย
ย่านเศรษฐกิจเก่า 4 ย่าน
ได้แก่ ย่านที่ 1 เจริญกรุง-ตลาดน้อย ย่าน 2 สามย่าน-สยาม ย่านที่ 3 อารีย์ – ประดิพัทธ์
ย่านที่ 4 พระนคร - ปากคลองตลาด - นางเลิ้ง และย่านเศรษฐกิจใหม่ 5
ย่าน ได้แก่ ย่านที่ 5 เยาวราช ย่านที่ 6
วงเวียนใหญ่ – ตลาดพลู - คลองสาน ย่านที่ 7 บางโพ ย่านที่ 8 พร้อมพงษ์ และย่านที่ 9 เกษตร
พหลโยธิน
ในแต่ละย่านจะนำเสนอจุดแข็งตามวิถีท้องถิ่นที่แตกต่างกันไปมาบอกเล่าเรื่องราวผ่านศิลปะ
กิจกรรม เวิร์คช็อป และการแสดง
ที่จะถ่ายทอดประสบการณ์สร้างความรู้ความเข้าใจถึงรากวัฒนธรรมที่อยู่กับพื้นที่มาอย่างยาวนาน
โดยเฉพาะ ย่านเยาวราช สำเพ็ง คลองสาน มีไฮไลต์เป็นปฏิทินชวนท่องเที่ยวได้ทุกวัน
รวมทั้งได้จัดทำคู่มือ Visitor
Guide แจกฟรีเพื่อใช้เดินท่องเที่ยวงาน
Bangkok Design Week 2023 ภายใต้ธีม urban‘NICE’zation เมือง-มิตร-ดี
ให้ ‘ดี’ ยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมก่อนมางาน เพื่อเลือกย่านเศรษฐกิจที่สนใจจะไปเดินชม
ศึกษาเส้นทางและวิธีเดินในงานให้ครบทุกมุม และร่วมซึมซับประทับใจกับความ ‘ไนซ์’
ต่อเมือง
เพื่อจะดำรงอยู่ร่วมกันทั้งปัจจุบันและอนาคตอย่างมีความสุขกับโลกวิถีใหม่ปีเถาะ 2566 ดูรายละเอียดทาง www.bangkokdesignweek.com/bkkdw2023
ข่าวที่สอง -ก.ท่องเที่ยชี้ก.พ.-มี.ค.66ทั่วโลกเข้าไทยจีนเพิ่ม3.6หมื่นไฟลต์
กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงาน
คาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีสัญญาณดีขยายตัวเชิงบวกทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศ
ทำให้ภาคธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
ผนวกกับสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่อนคลายการเดินทางแบบเป็นหมู่คณะ/กรุ๊ปทัวร์
และอัตราการเข้าพักเฉลี่ยโรงแรมทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคใต้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
โดยมีตัวแปรหลัก 2 ปัจจัย
ประกอบด้วย
ปัจจัยที่ 1 สถานการณ์ตลาดต่างประเทศ ตัวแปรหลักคือ “ปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศ”
จากทั่วโลกนำผู้โดยสารเดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยเฉพาะจาก
“สาธารณรัฐประชาชนจีน” ตลอดปีนี้จะมีมากกว่า 36,896 เที่ยว
เป็นอานิสงที่ไทยจะได้รับหลังจากรัฐบาลจีนผ่อนคลายให้คนจีนเดินทางต่างประเทศเฟสแรก
20 ประเทศ โดยไทยเป็นหนึ่งในจำนวนนี้ด้วยจะมีกรุ๊ปทัวร์จีนหรือนักท่องเที่ยวเดินทางเป็นหมู่คณะตั้งแต่
6 กุมภาพันธ์
เป็นต้นไป
ล่าสุดสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
(กพท.)
อนุมัติให้สายการบินจีนเปิดเที่ยวบินและเพิ่มความถี่เข้าไทยระหว่างมกราคม-มีนาคม 2566 รวมแล้ว 1,035 เที่ยว เฉลี่ย 300 เที่ยว/เดือน เพิ่มขึ้นวันละ 10 เที่ยว
และอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินอีกไม่ต่ำกว่าวันละ 40 เที่ยว
ทางด้าน
บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)
รายงานว่ามีเที่ยวบินจากจีนเข้ามายังไทยตลอดปี 2566 รวมแล้วกว่า 36,896 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2 เท่า หรือคิดเป็น 227.6 % และจะกลับมาเท่ากับฐานปีท่องเที่ยวปกติ 2562
ก่อนเกิดโควิด-19 ได้ภายในปี 2567 อีกทั้ง
บวท.ได้ประมวลผลจากฐานข้อมูลการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่าง 19-25 มกราคม 2566 มีปริมาณรวม 240 เที่ยว เฉลี่ยจะมีวันละ 34 เที่ยว
โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังเที่ยวบินผู้โดยสารจากจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย
ซึ่งจะไม่รวมเที่ยวบินขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ (cargo)
ปัจจัยที่ 2
สถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศ “อัตราการเข้าพักโรงแรมทั่วประเทศ” เดือนกุมภาพันธ์ 2566 โรงแรมใน “ภาคใต้”
มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจองห้องพักโรงแรมล่วงหน้ากุมภาพันธ์-มีนาคม นี้ แล้วกว่า 60-70
% ต่อเนื่องจากเดือนมกราคมทำอัตราเข้าพักเฉลี่ยได้เกินกว่า
80 % เปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม
2565 ทำได้เพียง 78
%
ส่วนจังหวัด
“นักท่องเที่ยวต่างชาติ” จองห้องพักล่วงหน้ามากสุดในภาคใต้ซึ่งคิดเป็น 53 %
ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.รัสเซีย 28 % 2.อินเดีย 10 % 3.ออสเตรเลีย 5 % 4.สหราชอาณาจักร 5 % 5.คาซัคสถาน 4.3 %
โดยมีนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลจากยุโรปหลายประเทศพำนักระยะยาวในภูเก็ตเฉลี่ย
3-14 วัน
จึงส่งผลดีกับอัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมโดยรวมทั้งจังหวัดฟื้นตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
มีทั้ง สวีเดน ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ อิตาลี สวิตเซอร์ โปแลนด์ เดนมาร์ก
ทั้งนี้
กระทรวงการคลัง คาดการณ์เศรษฐกิจภาพรวมปี 2566 จะขยยตัวเพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์เดิมเป็น 3.8
%
เป็นผลมาจากการท่องเที่ยวและความต้องการภายในประเทศฟื้นตัววต่อเนื่อง
ผนวกกับจีนเปิดประเทศให้คนเดินทางท่องเที่ยว
เป็นแรงส่งที่ดีต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้น ๆ
ที่นักเดินทางชาวจีนเลือกเป็นจุดหมายปลายทางการพักผ่อนของโลก
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น