ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ภาคเหนือรับโจทย์ใหม่ปี’66โกยรายได้1.59แสนล้าน ขายซอฟท์เพาเวอร์5F+4กิจกรรมNorth ตั้งเชียงใหม่ฮับทัวร์ภาคเหนือบินแล้ว2หมื่นที่นั่ง

ททท.ภาคเหนือรับโจทย์ใหม่ท่องเที่ยวปี’66โกยรายได้1.59แสนล้าน

จัดทัพขายซอฟท์เพาเวอร์5F+4กิจกรรมNorthเจาะเจนวาย/สูงวัย

ตั้งเชียงใหม่ฮับทัวร์ภาคเหนือบินแล้ว2หมื่นที่นั่งลุยขายเพิ่มโร้ดทริป

แจกสนั่น!!ช้อปดีลเด็ดคิงเพาเวอร์รับกิฟท์โวเชอร์สูงสุด2,000บาท

ด่วน!!คิงเพาเวอร์อัดฉีดโปร...รับโชคสมาชิกใหม่NAVY&SCARLET

คิงเพาเวอร์ชู“BEST DEAL LOVERแฟชั่น&ไอทีช้อป5พันลด15%

จองเร็ว!!ททท.เปิดแล้วเราเที่ยวด้วยกันเฟส5เริ่ม7มี.ค.5.6แสนสิทธิ์

กลุ่มบางจากปันน้ำใจชาวตุรกี-ซีเรียธุรกิจเพื่อสังคมช่วยได้ทั่วโลก

“TCEB”เปิดแล้วแผนไมซ์5ปีหน้า2566-70โกยตลาดโลก1ล้านล้าน

เที่ยวอุตรดิตถ์ส่องเมืองลับแล5พิกัดธรรมชาติ-วัดเก่า-เมืองโบราณ

เช็คด่วนผัก7ชนิดไม่ควรกินแบบดิบทำร้ายสุขภาพได้มากกว่าที่คิด

บินไทยผนึกเซ็นทาราอัดโปรแรงบินพักรร.ใหม่โอซาก้าญี่ปุ่นลด25%

พีชแอร์ไลน์รุกขายคนไทยเที่ยวญี่ปุ่น2อีเวนต์ใหญ่โปรตั๋ว3,190บาท

 


วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #ทททภูมิภาคภาคเหนือ  #เที่ยวอุตรดิตถ์5พิกัด

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/iM3V-SpKRi/



ช่วงที่ 1 เปิดมุมใหม่ท่องเที่ยวกับ “นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท. ) นำภาคเหนือรับโจทย์ใหม่ปีเถาะกับรายได้ 1.56 แสนล้านบาท ต่อยอดพลัง Soft Power 5F บูม 4 กิจกรรมทำเงิน “North Exclusive- North Experience-เสน่ห์กินริมแม่น้ำ6สาย- Amazing North Road Trip นำ 5 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน ชิง 3เซกเมนท์มาแรง “เจนวาย-มิลเลนเนียล-สูงวัย” ตั้ง “เชียงใหม่” ฮับทัวร์จีนภาคเหนือ ตอนนี้แอร์ไลน์แห่แล้วกว่า 20,000 ที่นั่ง เปิดทางบกเพิ่มตลาดโร้ดทริป

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท. ) เปิดเผยว่าได้ประชุมตลาดในประเทศครั้งล่าสุดยังคงเป้าหมายปี 2566 ภาพรวมทั้งประเทศจะทำยอดจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 135 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 880,000 ล้านบาท ในส่วนของภาคเหนือได้รับโจทย์ใหม่จะต้องมีผู้เยี่ยมเยือน 21.5 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 156,190 ล้านบาท เปรียบเทียบจะเพิ่มสูงพอกว่าปี 2565 ทำรายได้ไว้ 125,835 ล้านบาท เมื่อนำไปเทียบกับปี 2562 เป้าหมายปี 2566 จะสูงกว่าปีฐานปกติอย่างแน่นอน เป็นผลมาจากตั้งแต่เปิดประเทศทำให้มีนักเดินทางเข้าไปสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไตรมาส 3 และ 4 ปี 2565 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพา “อัตราการเข้าพัก/OR :Occupacy Rate

ปี 2566 โครงการชูโรงคือ “ปีท่องเที่ยวไทย” บวกกับ “พฤติกรรมนักท่องเที่ยว” เปลี่ยนแปลงไป ภาคเหนือจึงได้ปรับสินค้าท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่เน้นจุดขายเรื่องการท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและความหมายหรือ Meaningful Travel เช่น มาเที่ยวภาคเหนือยุคใหม่ เคยมารับประทานอาหาร ก็สามารถ “ต่อยอด” เรื่องราวเกี่ยวข้องได้อย่าง เรื่องการเรียนรู้วัตถุดิบอาหาร หรือเป็นผลิตภัณฑ์มีแหล่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์/GI เมนูมิชลิน และอื่น ๆ อีกหลายมิติ

นำเสนอจุดเด่นพลัง Soft Power F1-Food/อาหารภาคเหนือ ตั้งแต่ต้นน้ำการคัดเลือกวัตถุดิบ Fashion/การแต่งกาย ซึ่งมีกว่า 100 ชาติพันธุ์มีดีไซน์สวยงามต่างกันซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน คนรุ่นใหม่นำมาดีไซน์เก๋ ๆ สวมใส่ได้อย่างมีคุณค่า

ส่วนกลยุทธ์สร้าง “เมนูประสบการณ์” บวกเข้ากับ “Soft Power” ภาคเหนือได้ทำหลักเพื่อสร้างรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์ใหม่ปีนี้ด้วย 4 กิจกรรม ประกอบด้วย

 


กิจกรรมที่ 1 North X clusive เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยว “ใช้จ่ายเงิน” ในการรับประทานอาหาร แฟชั่น ที่พักเก๋ ๆ โดยจะแจกกระเป๋าแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น

 

กิจกรรมที่ 2 North Experience Festival เพิ่มประสบการณ์เดินทางภาคเหนืออย่างลึกซึ้งวิถีไทย อย่าง จังหวัดอุทัยธานี สุโขทัย เป็น “คำพ้องไทย” ที่แต่ละจังหวัดมีสินค้าจุดเด่นแตกต่างกัน เรื่องชนชาติพันธุ์มีความคลาสสิก ความเป็นมา ความรุ่งเรือง ไม่เหมือนกัน หรือ “เชียงใหม่” ก็จะมี “ภิรมย์ล้านนา”

 

กิจกรรมที่ 3 เสน่ห์กินริมแม่น้ำภาคเหนือตอนล่าง 6 สาย ปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง ป่าสัก แต่ละชุมชน แต่ละจังหวัด ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จะมีเรื่องราวอาหารต่างกัน เช่น อุทัยธานี มีเมนูปลาแรดซึ่งไม่มีที่ใดรสชาติเทียบชั้นได้

 

กิจกรรมที่ 4 Amazing Northern Road Trip การขับรถท่องเที่ยวภาคเหนือ ตามผลวิจัยพบว่ามีนักเดินทาง 70-80 % ขับรถมาเที่ยวภาคเหนือ จากเหนือเที่ยวเหนือด้วยกัน และภาคอื่นเที่ยวเหนือ โดย ททท.ได้ผูกเส้นทางเด่น ๆ ไว้รอรับนักท่องเที่ยว 3-4 เส้นทาง ได้แก่ วัยรุ่นเที่ยวกับเพื่อน คนสูงวัยสายมู/สายกิน ครอบครัว/เที่ยวธรรมชาติพื้นที่ต่าง ๆ จะมีพิกัดแผนที่แวะกิน แวะเที่ยว แวะช้อป ระหว่างการท่องเที่ยวแต่ละเส้นทาง

 

นางสาวภัทรอนงค์ กล่าวว่า ช่วงระหว่างมีนาคม-พฤษภาคม 2566 เป็นช่วงรอยต่อฤดูท่องเที่วด้วยการเลือกกลุ่มเป้าหมายตามเซกเมนท์ขนาดตลาดต่างกันในจังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ ตาก หากตั้งเป้าเพิ่มยอดใช้เงินท่องเที่ยวสูง จะต้องเจาะ เซกเมนท์ที่ 1 กลุ่มนักเดินทาง Gen Y มีส่วนแบ่งตลาด 34-35 %   ชอบกิจกรรมถ่ายรูป ช้อปปิ้ง รับประทานร้านอาหารเก๋ ๆ ขับรถเที่ยว ใช้จ่ายเงิน 5,672 บาท/ทริป มีวันพักเฉลี่ย 1.9 วัน/คน/ทริป เซกเมนท์ที่ 2 มิลเลนเนียล แฟมิลี่ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10 % ใช้จ่ายเฉลี่ย 6,028 บาท/ทริป พักเฉลี่ยเกินกว่า 2.09 วัน/ทริป ชื่นชอบกิจกรรมทำ D.I.Y.งานคราฟท์/ศิลปะหัตกรรม ซึ่งเหมาะกับภาคเหนือ

 

เซกเมนท์ที่ 3 ผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด7-8 % แนวโน้มอนาคตอันใกล้นี้ขนาดตลาดจะใหญ่ขึ้นมาก ใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวกว่า 4,321 บาท/คน/ทริป มีวันพักเฉลี่ย 1.72 วัน/ทริป แล้วยังเข้ามาเสริมการขาย “เที่ยววันธรรมดา” ซึ่งชื่นชอบ ถ่ายรูป รับประทานอาหารถิ่น ไหว้พระ ท่องเที่ยวศาสนสถานต่าง ๆ

 

เดือนมีนาคม 2566 จะสามารถนำงานท่องเที่ยวนมัสการพระธาตุต่างๆ  มานำเสนอขายทั้ง 3 เซกเมนท์นี้ได้ คือ งานไหว้พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ ปลายเดือนมีนาคมนี้จะมีไหว้พระธาตุคนปีเถาะ พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน ซึ่งเป็นไฮไลต์ จึงได้จัดกิจกรรม “กระต่ายล่องน่าน”

 

“เชียงราย” มาแรงมากตั้งแต่ปลายปี 2565 มีกิจกรรมดอกไม้ ชาติพันธุ์ ตอนนี้มีตกแต่งประดับไฟ อย่าง Light of Life แม่ฟ้าหลวง จากนั้นเมษายนเที่ยวงานประเพณีสงกรานต์ ที่เชียงแสน เชียงของ ตามด้วยกลางปีถึงปลายปีนี้ได้รับเกียรติจัด Art Finale 2023

 

“เชียงใหม่” จะมี Chaingmai Blooming  Festival 2023 ตลอดกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมนี้

 

“แม่ฮ่องสอน” เมษายนจัดเทศกาล “ปอยส่างลอง” พร้อมกับสงกรานต์ชาติพันธุ์

 

“อุตรดิตถ์” ประยุกต์ขายเที่ยวเทศกาลดอกทุเรียนบาน ชมงานศิลป์ ซึ่งสามารถดอกนำมาเป็นเมนูอาหารคาวและขนม ส่วน “แม่สอด” ก็มีเที่ยวบินในประเทศบินจำนวนมากอย่างไทยแอร์เอเชีย กับนกแอร์กำลังจะบินเช่นกัน รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงามแถบอุ้มผาง ผนวกกับ ททท.ตาก จับมือกับผู้ประกอบการร้านอาหารทำโปรโมชั่นอาหารค่อนข้างแรงโดนใจนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มเป้าหมาย

 

โดยเฉพาะ “หน้าฝน” หลายจังหวัดขึ้นชื่อเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวหน้าฝน ด้วยความเขียวขจีทางธรรมชาติทุ่งนาป่าเขา พร้อมทั้งมีกิจกรรมมากมาย ดึงดูดเข้าไปเที่ยวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2-3 ระหว่างมีนาคม-มิถุนยน 2566 ได้

 

นางสาวภัทรอนงค์กล่าวว่า ปี 2566 ภาคเหนือยังเป็นแม่เหล็กดึงดูด “นักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน” โดยเฉพาะ ช่องทางที่  1 การเดินทางทางอากาศกับสายการบินผ่านเข้ามาทางสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ตอนนี้ททท.เตรียมประกาศให้ “เชียงใหม่” เป็นศูนย์กลางนักท่องเที่ยวจีนในภาคเหนือ เพื่อกระจายท่องเที่ยวไปตามจังหวัดใกล้เคียง โดยภาพรวมขณะนี้มีเที่ยวบินต่างประเทศมาไทยทั้งหมดสัปดาห์ละกว่า 80,000 ที่นั่ง มาจากจีนกว่า 20,000 ที่นั่ง ซึ่งภาคเหนือกับเชียงใหม่มีส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับต้น ๆ

 

โดยมี “สายการบินจีน” ทยอยเปิดเส้นทางจากเมืองต่าง ๆ บินตรงเข้ามาตลอด เริ่มจาก เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-เชียงใหม่ มีทั้ง จุนเหยาแอร์ไลน์ส ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ส และจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกอย่างน้อย 4  สายการบิน ได้แก่ สปริงแอร์ 3 วัน/สัปดาห์ เสฉวนแอร์ไลน์ส บิน เฉินตู-เชียงใหม่ เส้นทาง ปักกิ่ง-เชียงใหม่ ก็มี ไชน่าแอร์ไลน์ส เริ่มบินแล้วตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป และยังมีอีกหลายภูมิภาคจากจีน

 

ช่องทางที่ 2 ทางบกนักท่องเที่ยวจีนการขับรถผ่านแดนเข้ามาทางด่านต่าง ๆ ขนาดกลุ่มละ 5-6 คัน/กรุ๊ป ซึ่งจะขยายขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขับขึ้นไปถึงแม่ฮ่องสอน

ตอนนี้ ททท.จึงมีหน้าที่นอกจากจะวางตำแหน่งภาคเหนือเป็นพื้นที่รองรับ “นักท่องเที่ยวจีน” แล้ว ยังต้องเตรียมความพร้อม “ผู้ประกอบการหรือ Supply Site” ในเชียงใหม่ เชียงราย รณรงค์ให้ใช้คู่มือปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวจีน Do and Don’t พร้อมกับ “นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว” ให้สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวจีนเทรนด์ใหม่หลังสถานการณ์โควิด-19

ขณะนี้โรงแรมขนาดใหญ่ลงทุนเปิดใหม่เรียบร้อยแล้ว อินเตอร์ติเนนตัล หรืออรินตา และได้หารือกับทางไทย แอร์เอเชีย พร้อมร่วมกับ ททท.โปรโมทแคมเปญต่าง ๆ เพื่อทำให้ภาคเหนือเป็นอันดับต้น ๆ ที่กระจายนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินสร้างเศรษฐกิจคึกคักให้ได้ตามเป้าหมายปีกระต่ายทองนี้

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 แจกสนั่น!!ช้อปดีลเด็ดคิงเพาเวอร์รับกิฟท์โวเชอร์สูงสุด2,000บาท

 

คิง เพาเวอร์ แจกสนั่น วันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2566 ทุกสาขาที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และคิง เพาเวอร์ ศรีวารี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 

 

แจกที่ 1 ดีลเด็ด! บัตร Gift Voucher สูงสุด 2,000 บาท คนละ 1 สิทธิ์/วัน ช้อปครบ 10,000 บาทสุทธิขึ้นไป รับกิฟท์โวเชอร์ 400 บาท เมื่อช้อปครบ 30,000 บาท รับกิฟโวเชอร์ 2,000 บาท เมื่อช้อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)

 

แจกที่ 2 เมื่อช้อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับเลย 2,000 กะรัตรีวอร์ด คนละ 1 สิทธิ์/วัน

ส่วนวิธีใช้ Gift Voucherใช้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต หมดอายุ    วันที่ 5 มีนาคม 2566 กับสินค้าที่ร่วมรายการ สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่จุดขายทุกแห่ง กรณีนำไปใช้ซื้อสินค้า “มูลค่าสินค้า” จะต้องมีมูลค่ามากกว่า และไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดตามหน้าบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ได้ ส่วน “บัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์” ของธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย สามารถร่วมรายการรับกิฟท์โวเชอร์ดังกล่าวได้

 

ข่าวที่ 2 ด่วน!!คิงเพาเวอร์อัดฉีดโปร...รับโชคสมาชิกใหม่NAVY&SCARLET

 

ช้อปด่วน!!โปร..รับโชค! แค่สมัครสมาชิก #KINGPOWER ประเภทบัตร NAVY เติมเงินปุ๊บรับทันที! คูปองมั่งมี 1,000 บาท พร้อมส่วนลดทุกการช้อปได้เต็ม ๆ อีก 5% ประเภทบัตร SCARLET เติมเงินรับทันที! อั่งเปาช้อปมั่งคั่ง 2,000 บาท พร้อมส่วนลดทุกการช้อปมากยิ่งขึ้น 10% และมีสิทธิประโยชน์สมาชิกทุกสถานะรอสมนาคุณลูกค้าอยู่อีกเพียบ

 

“วิธีใช้ยอดเงิน” ในบัญชีสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครสมาชิก แบบ E-Purse สามารถนำมาช้อปได้เต็มจำนวน ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา (ยกเว้น www.kingpower.com) โดยใช้ร่วมกับ 1.ส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์ 2.E-Coupon และ E-Gift Card จากรายการส่งเสริมการขายสมาชิกใหม่ NAVY และ SCARLET 3.สิทธิ์ Birthday Celebration

 

“วิธีใช้ E-Coupon” มูลค่า 1,000 บาท สมาชิกใหม่ NAVY นำมาใช้ได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต กับสินค้าและแบรนด์ที่ร่วมรายการ ซึ่งจะหมดอายุภายในวันที่สมัครสมาชิก แต่ไม่สามารถใช้สิทิ์ร่วมกับ ส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์ ส่วนลดอื่น ๆ ทุกประเภท รายการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ซื้อสินค้าแผนกเหล้า บุหรี่

 

“วิธีใช้ E-Gift Card” มูลค่า 2,000 บาท สมาชิกใหม่ SCARLET  ใช้ได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต “ใช้ได้” กับสินค้าและแบรนด์ที่ร่วมรายการ E-Gift Card หมดอายุ 28 กุมภาพันธ์ 2566

 

โดยไม่สามารถใช้ร่วมกับ ส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์ รวมถึงส่วนลดอื่น ๆ ทุกประเภท รายการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ซื้อสินค้าแผนกเหล้า บุหรี่

 

“วิธีรับสิทธิ์ส่วนลด 400 บาท” เพื่อนำไปซื้อบัตรเข้าร่วมงาน S2O Songkran Music Festival 2023   ผู้สมัครสมาชิกใหม่ประเภท SCARLET ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันนนี้– 31 มี.ค. 2566 หรือจนกว่าสิทธิ์ส่วนลดจะหมด โดยแสดงหลักฐานการสมัครสมาชิกเพื่อแลกรับสิทธิ์ส่วนลดได้ที่เคาน์เตอร์รับสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ให้สิทธิ์ส่วนลดคนะ 1 โค้ดส่วนลด/คำสั่งซื้อ

 

โดยระบุโค้ดส่วนลด 400 บาท สำหรับซื้อบัตรเข้าร่วมงาน S2O Songkran Music Festival 2023 ประเภทบัตร Regular ก่อนชำระเงินที่เว็บไซต์ทางการ www.s2ofestival.com และ www.eventpop.me

 

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ชู“BEST DEAL LOVERแฟชั่น&ไอทีช้อป5พันลด15%

 

คิง เพาเวอร์ นำเสนอแคมเปญ “BEST DEAL LOVER FASHION & ELECTRONICS” ระหว่างวันนี้- 21 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ลดสูงสุด 15%  เลือกสินค้าดีลดี ๆ  2 หมวดหลัก เเฟชั่นเเละอิเล็กทรอนิกส์สุดคูล โดยเไม่มีเที่ยวบินก็ช้อปได้ชิล ๆ รีบช้อปด่วนก่อนหมดเวลา ! คลิกรับรหัสส่วนลด FE20 ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3Iq0bkE

           

สิทธิประโยชน์ตลอดแคมเปญ 1.สินค้า Home Delivery ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699 บาท(สุทธิ) 2.แบ่งชำระ 0%  นานสูงสุดถึง 10 เดือน ได้เมื่อมียอดช้อปตามที่กำหนด 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 4.รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 5.รับสิทธิ์สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ)

 

ข่าวที่ 4 จองเร็ว!!ททท.เปิดแล้วเราเที่ยวด้วยกันเฟส5เริ่ม7มี.ค.5.6แสนสิทธิ์

 

ดร.ยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เปิดให้คนไทยได้จองใช้สิทธิ์โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 ผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้วตั้งแต่เฟส 1-4 สามารถใช้เร็วขึ้นกว่าเดิมเริ่ม 7 มีนาคม 2566 ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com โดยกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขบนแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”

กลุ่มที่ 2 ผู้ที่ไม่เคยสมัครเข้าร่วมโครงการต้องผ่านขั้นตอนเข้าลงทะเบียนให้เสร็จเรียบร้อยก่อนระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2566 ตั้งแต่ 6.00 -21.00 น.หลังจากนั้นจึงจะเริ่มใช้สิทธิ์จองห้องพักและการท่องเที่ยวได้ตามปกติ

 

ซึ่งเปิดให้ผู้เข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” จะเริ่มเดินทางพร้อมใช้สิทธิ์ได้ ตลอด 40 วัน ตั้งแต่ 10 มีนาคม - 30 เมษายน 2566 จำนวนรวม 560,000 คืนพัก (roomnight) เฉลี่ยคนละ 5 สิทธิ์ ซึ่งจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 120,000 ราย จองก่อนมีสิทธิ์ก่อน ใน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย

 

ขั้นตอนที่ 1 ผู้ใช้สิทธิ์จะต้องติดต่อจองที่พักล่วงหน้าก่อนวันเข้าพักกับผู้ประกอบการโดยตรงอย่างน้อย 3 วัน

 

ขั้นตอนที่ 2 ต้องชำระค่าที่พัก 60% ผ่านช่องทาง G Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตามเงื่อนไขกำหนดให้จองเดินทาง “ข้ามจังหวัด”ได้ทั่วประเทศ โดยจะเปิดให้จองที่พักได้จนถึงวันที่ 26 เมษายน 2566 และสามารถเช็กอินเข้าที่พักวันสุดท้ายได้วันที่ 29 เมษายน 2566

 

ขั้นตอนที่ 3 ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก ซึ่งถือเป็นวันสิ้นสุดโครงการคือภายในวันที่ 30 เมษายน 2566

ทาง ททท.ได้เปิดให้ “ผู้ประกอบการและประชาชน” ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” สอบถามเพิ่มเติมได้อีก 2 ช่องทาง ได้แก่ 1. TAT Contact Center โทร. 1672 Travel Buddy 2.ระบบการใช้งานแอปพลิเคชันถุงเงินและเป๋าตัง ศูนย์ช่วยเหลือผู้เข้าร่วมโครงการ โทร. 02 111 1122

 

ข่าวที่ 5 กลุ่มบางจากปันน้ำใจชาวตุรกี-ซีเรียธุรกิจเพื่อสังคมช่วยได้ทั่วโลก

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ร่วมกับบริษัทในเครือมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศตุรกีและซีเรีย ผ่านสภากาชาดไทย โดยมีนายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย และนางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในทั้งสองประเทศ

 

ซึ่งทาง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับผู้บริหารอีก 2 บริษัท คือ นางปรียดา วุฒิภักดี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) นายสุพงศ์ พงศ์ปริตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานยุทธศาสตร์องค์กรและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และ นายวิษณุ วงศ์สุมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล  จำกัด

 

รายละเอียดการสนับสนุนเพื่อรวบรวมความช่วยเหลือทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 500,000 บาท  ประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เงินสดบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด นำรายได้จากการขายเครื่องดื่มผ่านร้านกาแฟอินทนิลที่สาขาเอ็มทาวเวอร์และสาขาโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ส่วนที่ 2 กลุ่มบริษัทบางจากได้เชิญชวนให้ผู้บริหารและพนักงานในกลุ่มร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนที่ 3 ก่อนหน้านี้ได้รวบรวมเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ของใช้จำเป็นต่าง ๆ ส่งมอบไปยังสถานเอกอัครราชทูตตุรกี ประจำประเทศไทย  

 

ทั้งนี้ทางกลุ่มบริษัทบางจาก ได้ขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศ

ตุรกีและซีเรีย และขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ในเร็ววัน เพื่อกลับมาดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป

 

ข่าวที่ 6 TCEB”เปิดแล้วแผนไมซ์5ปีหน้า2566-70โกยตลาดโลก1ล้านล้าน

 

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บได้จัดทำแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี พ.ศ. 2566-2570 สนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ TCEB Go ปลุกกระแสพันธมิตรทั้งหมดร่วมขับเคลื่อนไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์ด้วยนวัตกรรมสร้างความยั่งยืนร่วมกัน  คาดการณ์ตลอดแผน 5 ปี จะมีนักเดินทางไมซ์รวมกว่า 160 ล้านคน ประมาณการรายได้กว่า 945,000 ล้านบาท เริ่มจากปี 2566 เน้นใช้แคมเปญ “ปีแห่งการจัดประชุมและนิทรรศการ 2566 หรือ Thailand MICE to Meet You Year 2023” เร่งกระตุ้นการจัดงาน สร้างรายได้กระจายสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วประเทศ

 

โดยตั้งเป้าตลอดปีงบประมาณ 2566 (1 ตุลาคม 2565-30 กันยายน 2566) จะมีนักเดินทางไมซ์รวม 18,550,000 คน สร้างรายได้ 109,000 ล้านบาท แบ่งเป็น “ไมซ์ต่างชาติ” 760,000 คน ทำรายได้ 50,000 ล้านบาท และ “ไมซ์ในประเทศ” 17,790,000 คน ทำรายได้ 59,000 ล้านบาท

 

ช่วง “ไตรมาส 1” ปี 2566 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2565 มีนักเดินทางไมซ์เข้ามาทั้งสิ้น 7,934,099 คน สร้างรายได้ 28,528 ล้านบาท แบ่งเป็น 

 

“ไมซ์ต่างชาติ” 183,618 คน ทำรายได้ 12,028 ล้านบาท มี 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 งานแสดงสินค้า 97,015 คน ทำรายได้สูงสุด 6,876 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 กลุ่มประชุมองค์กร 55,687 คน ทำรายได้ 3,238 ล้านบาท กลุ่มที่ 3 ประชุมวิชาชีพ 17,653 คน ทำรายได้ 1,063 ล้านบาท กลุ่มที่ 4 การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 13,263 คน ทำรายได้ 851 ล้านบาท 

 

“ไมซ์ในประเทศ” 7,750,481 คน สร้างรายได้ 16,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 งานแสดงสินค้ามากสุด 7,308,525 คน ทำรายได้ 14,815 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 ประชุมวิชาชีพ 304,826 คน ทำรายได้ 1,109 ล้านบาท กลุ่มที่ 3 ประชุมองค์กร 129,054 คน ทำรายได้ 537 ล้านบาท กลุ่มที่ 4 การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 8,076 คน ทำรายได้ 39 ล้านบาท

 

ขณะที่ยุทธศาสตร์ TCEB Go ตามแผน 5 ปีหน้า จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์และผลักดันไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์โลก 5 ด้าน ประกอบด้วย

 

ด้านที่ 1 T : Thailand As Global MICE Leader มุ่งผลักดันประเทศไทยเป็นผู้นำจัดกิจกรรมไมซ์ระดับโลก เพื่อเพิ่มรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เร่งสร้างพันธมิตรและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ดึงงานนานาชาติเข้ามาจัดในไทย เช่น งานมหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี 2569 ประมูลสิทธิ์ร่วมกับหน่วยงานดึงงานภายใต้โครงการ One Ministry, One Convention ร่วมกับกระทรวงการคลังดึงงาน Annual Meetings of the International Monetary Fund และ งาน World Bank Group 2026 ร่วมประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา 2572 เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด Expo 2028 Phuket Thailand

 

ทีเส็บวางแผน “ขยายฐาน 2 ตลาดใหม่”  ตลาดแรก “อิสราเอลและตะวันออกกลาง” เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ตลาดที่ 2 “เอเชียกลาง”  เช่น คาซัคสถาน และ “รักษา 2 ตลาดเดิม” คือ ตลาดหลัก “เอเชียแปซิฟิก” เช่น กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา/สปป.ลาว/เมียนมา/เวียดนาม) อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน “ตลาดรอง” อเมริกาเหนือ และยุโรป 

 

ด้านที่ 2 C : Create Destination Competitiveness Through Diverse Local Identity ยกระดับศักยภาพรองรับกิจกรรมไมซ์แต่ละพื้นที่ โดยสร้างอัตลักษณ์แต่ละพื้นที่ให้หลากหลายด้วยประสบการณ์ที่มีคุณค่า พัฒนาและส่งเสริมชุมชนเครือข่ายในท้องถิ่น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 พัฒนาเส้นทางสายไมซ์แต่ละจังหวัด และโปรดักซ์ไมซ์พรีเมี่ยม นำสินค้าและบริการท้องถิ่น เช่น ของที่ระลึก ของว่าง ของฝาก ส่วนที่ 2 ทำตลาดเชิงพื้นที่เพื่อค้นหาอัตลักษณ์ของเมือง (City DNA) แล้วพัฒนาสร้างจุดขายที่น่าจดจำ ส่วนที่ 3 ผลักดันงานเทศกาลท้องถิ่นเป็นระดับประเทศและนานาชาติ เช่น ถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต งานไหมนานาชาติ จ.ขอนแก่น

 

ด้านที่ 3 E  : Execute Innovative MICE Solution ส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและนวัตกรรมบริการไมซ์ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันไมซ์ไทยในเวทีโลก 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1  ผลักดัน MICE Intelligence Center เป็นศูนย์กลางข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจได้นำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนที่ 2 พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล Thailand MICE One Stop Service อำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ไมซ์ ส่วนที่ 3 เดินหน้าโครงการ MICE Winnovation ต่อเนื่อง จะเปิดตัวปีที่ 3 วันที่ 31 มีนาคม 2566 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไมซ์นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้จัดงานและแก้ปัญหาจริง สามารถตอบโจทย์ครบวงจรทั้งผู้จัดผู้ร่วมและสถานที่

 

ด้านที่ 4 B: Build Agile and High Performance Organization มุ่งเป็นองค์การสมรรถนะสูงคล่องตัวทันโลก โดยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยกลยุทธ์ AAA คือ เชื่อมโยงกระบวนการทำงาน (Alignment) เพิ่มความคล่องตัวการทำงาน (Agile) ทำงานเชิงโครงการแบบบูรณาการข้ามฝ่ายงาน (Agenda-Based) พัฒนาสมรรถนะบุคลากร (Competency) สร้างศักยภาพบุคลากรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและด้านจิตใจเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่มีคุณธรรม/จริยธรรม ทำให้ทีเส็บเป็นองค์กรที่สร้างสมดุลย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและบุคลากร

 

ด้านที่ 5 Go : Go for MICE Sustainability พลิกโฉมไมซ์ไทยด้วยความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำไทยเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ได้การรับรองมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับนานาชาติ Global Destination Sustainability Index และผลักดันให้องค์กรเกี่ยวข้องกับการจัดงานไมซ์ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 20121 การจัดการและบริหารธุรกิจอีเวนต์อย่างยั่งยืน พัฒนาระบบคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และสนับสนุนการจัดงานแบบคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Neutral Event) ตั้งเป้ารณรงค์ให้ผู้จัดงานและผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศเพิ่ม 450 องค์กร ต้องผ่านการรับรองการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืน (Thailand Sustainable Event Management Standard :TSEMS)

 

ปัจจุบันทีเส็บได้การรับรองให้สามารถออกใบรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพด้านการจัดประชุมนิทรรศการด้านการจัดการ 5 สาขา ได้แก่ 1.การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 2.การจัดประชุม 3.งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ 4.งานอีเวนต์ 5.จัดสถานที่จัดงาน ตามเป้าหมาย 5 ปีหน้าจะต้องทดสอบและรับรองมาตรฐานบุคลากรในอาชีพไมซ์ให้ได้ 500 ราย

 

            ช่วงที่ 2 ชวนกันออกไปเที่ยวภาคเหนือ “เมืองลับแล-อุตรดิตถ์” กับ 5 พิกัด กางเต็นท์นอน “แก่งทรายงาม” เที่ยววัดเก่า ทัวร์เมืองโบราณ ชมธรรมชาติ สำรวจพระแท่นศิลาอาสน์ ศิลาแลง แล้วฟังให้ชัด “ผัก 7 ชนิดกินแบบดิบร่างกายพังชัวร์” เกาะติดข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “การบินไทยผนึกเซนทรัล” จัดแคมเปญบินญี่ปุ่นจองห้องพักแกรน์ เซนทารา โอซาก้า รับส่วนลดทันที 25 % ข่าวที่สอง “พีชแอร์ไลน์ส” งัด 2 อีเวนต์เจาะตลาดคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นทำโปรตั๋วเริ่มแค่ 3,190 บาท

 

ท่องเที่ยว -เที่ยวอุตรดิตถ์ส่องเมืองลับแล5พิกัดธรรมชาติ-วัดเก่า-เมืองโบราณ

 

เที่ยวไทย ด้วยโมเมนท์ที่ใช่ ไม่ต้องรอ มุ่งหน้าสู่พิกัดภาคเหนือ “เมืองลับแล-อุตรดิตถ์” เพิ่มประสบการณ์วิถีชีวิตในถิ่นปลูกป่าสักใหญ่ระดับโลก ทั่วจังหวัดมีทั้งวัด เมืองเก่า แหล่งธรรมชาติสวยงามและประวัติศาสตร์ทรงคุณค่า

 

พิกัดที่ 1 กางเต็นท์ "แก่งทรายงาม” ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ ประมาณ 50 กิโลเมตรนับเป็นสวรรค์บนดินแห่งใหม่ เอาใจเทรนด์คนรุ่นใหม่สายแคมป์ สายธรรมชาติ  สายชิล  กลุ่มคู่รัก  ครอบครัว คนรู้ใจ คนวัยทำงาน ที่กำลังมองหาที่พักผ่อนหย่อนใจอยากใกล้ชิดธรรมชาติ ชมวิวเขียวขจี ธรรมชาติดิบ ๆ กลางหุบเขาท่ามกลางความเงียบสงบ มีลำธารไหลผ่าน แถมอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ดูข้อมูลเพิ่มที่ facebook page  สหายแคมป์ปิ้ง หรือ ททท.สำนักงานแพร่ 054-521127

 

พิกัดที่ 2 “อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก” ติดศาลากลาง อยู่ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง เป็นแลนด์มาร์กแรกเมื่อผ่านเข้าอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติความกล้าหาญ รักชาติและเสียสละของพระยาพิชัย (หลวงพิชัยอาสา) นำผู้คนรบจนได้ชัยชนะเหนือทัพพม่าอันเป็นความภาคภูมิใจของชาวอุตรดิตถ์   เปิดบริการนักท่องเที่ยวตลอด สอบถามโทร.055 411 977

 

พิกัดที่  3 “ถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์” ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง เปิดทุกวันเสาร์ 17:00 - 21:00 น. ถนนที่รวบรวมอาหารการกิน และช็อปปิ้งมีให้เลือกมากกว่า 300 ร้านค้า พร้อมกิจกรรมแสดงวัฒนธรรม รำวงย้อนยุคการกุศล ดนตรีเปิดหมวก การแสดงโคฟเวอร์โชว์ความสามารถของชาวอุตรดิตถ์สู่สายตาชาวโลก โทร.084 137 9597

 

พิกัดที่ “วัดพระแท่นศิลาอาสน์” ตรงถนนทุ่งยั้ง อำเภอลับแล เปิดบริการทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ 8:00 - 17:00 น. จะหยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นวัดเก่าที่ขึ้นชื่อเพราะมีพระแท่นศิลาอาสน์ทำจาก “ศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า” สร้างขึ้นตามตำนานการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า  ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น ธรรมาสน์โบราณฝีมือช่างสมัยอยุธยา พระพุทธรูป ศิลปวัฒนธรรมของชาวเหนือ โทร. 055 453 568

 

พิกัดที่ 5  “เมืองลับแล”  ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล  เปิดตลอดทุกวัน อีกแลนด์มาร์กเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล ตลาดสดเทศบาลศรีนพมาศ ร้านเจ๊นีย์ของทอดลับแล และอื่น ๆ

 

สุขภาพ-เช็คด่วนผัก7ชนิดไม่ควรกินแบบดิบทำร้ายสุขภาพเกินกว่าที่คิด

            การกินผักเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็จะต้องกินอย่างถูกวิธี ตามหลักโภชนาการศาสตร์ให้ข้อมูลแนะนำว่ามี “ผัก 7 ชนิด ไม่ควรกินแบบดิบ” เพราะจะมีผลเสียต่อร่างกายอันตรายถึงชีวิต ได้แก่

 

1.มันฝรั่ง -เป็นพืชที่ไม่ควรกินดิบโดยเด็ดขาด ก่อนกินต้องผ่านความร้อนก่อน เนื่องจากในมันฝรั่งดิบจะมีสาร “โซลานีน” สารพิษไกลโคแอลคาลอยด์  เป็นสารที่พืชสร้างมาเพื่อปกป้องตัวเองจากแมลงศัตรูพืช หากคนกินเข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น ใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

2.กะหล่ำปลี -ในกะหล่ำปลีดิบ มีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goitrogen) เป็นสารที่จะไปขัดขวางไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน ถ้ากินกะหล่ำปลีดิบในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดโรคคอหอยพอก อีกทั้งยังทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นไทรอยด์ไม่ควรกินกะหล่ำปลีดิบอย่างเด็ดขาด แต่ทว่าสารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อนจากการต้ม ดังนั้น กินกะหล่ำปลีสุกจึงน่าจะดีกว่า

 

3.ผักโขม -เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่ไม่ควรกินดิบ เพราะกรดในผักโขมจะขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม และธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถดูดซับแคลเซียมและธาตุเหล็กได้ เนื่องจากในผักโขมมีกรดออกซาลิก (Oxalic Acid) ที่สามารถไปยับยั้งหรือขัดขวางการนำแคลเซียมและธาตุเหล็กไปใช้ในร่างกาย ทางที่ดีกินผักโขมสุกจะดีกว่า เพราะผักโขมสุกจะช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย

 

4.ถั่วฝักยาว -ถั่วฝักยาวดิบมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง ทำให้ท้องอืด ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการย่อย และกลุ่มผู้สูงอายุ โดยก่อนกินต้องล้างให้สะอาด และนำไปทำให้สุกจะปลอดภัยต่อร่างกายมากกว่า

 

5.ถั่วงอก -ในถั่วงอกดิบมีแบคทีเรียอันตรายหลายชนิด เช่น E. coli, Salmonella, Listeria ฯลฯ อีกทั้งในถั่วงอกดิบยังมีไฟเตทสูง โดยไฟเตทจะเข้าไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุได้ ดังนั้น ควรทำให้สุกก่อนกินเพื่อป้องกันและทำลายแบคทีเรีย และสารไฟเตท

 

6.แครอต -การกินแครอตดิบจะทำให้การดูดซึมสารเบตาแคโรทีน (Beta-carotene) ที่เป็นตัวช่วยต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง แต่หากนำไปผ่านการปรุงอาหารด้วยความร้อนจะช่วยเพิ่มปริมาณสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoid)ได้มากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง

 

7.หน่อไม้ -หน่อไม้ดิบมีสารที่จะเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายได้ ก่อนกินจึงควรต้มในน้ำเดือดนานเกิน 10 นาทีก่อน จึงจะปลอดภัยที่สุด

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก บินไทยผนึกเซ็นทาราอัดโปรแรงบินพักรร.ใหม่โอซาก้าญี่ปุ่นลด25%

 

นายวิชญ์ กิจจาทร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยจับมือกับกลุ่มธุรกิจ “เซ็นทารา” เครือโรงแรมชั้นนำของไทย ทำโปรโมชั่นแคมเปญ “Centara x Thai Airways ฉลองการเปิด “เซ็นทารา แกรนด์ โอซากา”โรงแรมหรูภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแห่งแรกในญี่ปุ่น พร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป โดยการบินไทยมอบสิทธิพิเศษให้ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเครื่องบินไปยังโอซากา ได้ทดลองเข้าพักที่เซ็นทารา แกรนด์ โอซากา รับส่วนลดห้องพัก 25% เมื่อจองห้องพักตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2566 แล้วเข้าพักได้ช่วง 1 กรกฎาคม - 20 ธันวาคม2566 เพียงกรอกหมายเลขบัตรโดยสารเมื่อทำการจอง ที่ https://bit.ly/3DqRUKv

 

เพื่อร่วมมือกันขยายตลาดผู้โดยสารคนไทยเลือกใช้การบินไทยและพักโรงแรมของคนไทยในช่วงเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งให้บริการบินระหว่างไทย-ญี่ปุ่น สัปดาห์ 54 เที่ยว  สู่ 6 จุดหมาย ได้แก่ โตเกียว (นาริตะ/ฮาเนดะ) นาโกยา โอซากา ฟุกุโอกะ และซับโปโร จองตั๋วการบินไทยได้ทางเว็บไซต์ thaiairways.com หรือ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111

 

นายทอม ธรัสเซล รองประธานฝ่ายแบรนด์ การตลาด และดิจิทัล โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ในโอกาสฉลองเปิดบริการใหม่ “เซ็นทารา แกรนด์ โอซากา” โรงแรมแห่งแรกในญี่ปุ่น ยินดีร่วมมือกับการบินไทย สายการบินแห่งชาติมอบสิทธิพิเศษให้นักเดินทางและผู้โดยสารได้เข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2566ผู้โดยสารการบินไทยจะได้รับมากถึง 3 สิทธิพิเศษ ได้แก่

 

1.ส่วนลดห้องพัก 25% 2.แสดงบัตรสมาชิก CentaraThe1 ขออัพเกรดห้องพัก เช็คอินก่อนเวลาและเช็คเอาท์เกินเวลา (ขึ้นอยู่กับห้องว่างในขณะนั้น) หากยังไม่ได้เป็นสามารถสมัครสมาชิก CentaraThe1 สมัครฟรีทันทีทางเว็บไซต์ www.CentaraThe1.com 3.ส่วนลด 25% ใช้บริการที่ห้องอาหาร Embassy of Crab หรือห้องอาหารสวนบัว ห้องใดห้องหนึ่ง (ไม่รวมอาหารมื้อเช้า)  

 

ข่าวที่สอง -พีชแอร์ไลน์รุกขายคนไทยเที่ยวญี่ปุ่น2อีเวนต์ใหญ่โปรตั๋ว3,190บาท

 

 

สายการบินพีช (Peach) รายงานว่า วางกลยุทธ์เดือนกุมภาพันธ์ 2566 จะกระตุ้นการเดินทางในเส้นทางบิน กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) – โอซาก้า(สนามบินคันไซ) ประเทศญี่ปุ่น รุกเจาะขายตลาดคนไทยที่ชื่นชอบท่องเที่ยวญี่ปุ่นจึงได้จัด 2 อีเวนต์ใหญ่ ได้แก่ อีเวนต์ที่ 1 ทำโปรโมชั่นขายตั๋วเครื่องบินราคาสุดคุ้ม กรุงเทพฯ-โอซาก้า ราคาเริ่มต้นเริ่มต้นเที่ยวละ 3,190 บาท เพื่อเชิญชวนไปสัมผัสความสวยงามอันหลากหลายซึ่งตอนนี้เป็นฤดูชมดอกซากุระอันโด่งดัง และแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง สวนอนุสรณ์บัมปาคุ สวนปราสาทโอซาก้า ต่อเนื่องถึงเที่ยวบินของสายการบินพีซจากโอซาก้าข้ามไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้อีกหลายเส้นทางทั่วญี่ปุ่น

 

อีเวนต์บินท่องเที่ยวโอซาก้าเตรียมจัด 2 วัน วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14:00-20:00 น. และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 12:00-18:00 น. เปิดพื้นที่บริเวณทางเดินสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สุขุมวิท ตรงบันไดเลื่อนทางออก 3 ลงทุนตกตกแต่งทางเดินรถไฟใต้ดินเป็นภาพแลนด์มาร์กสำคัญสร้างจุดดึงดูดสายตา มีทั้งวิวป้ายกูลิโกะในย่านโดทงโบริ จังหวัดโอซาก้า โดยมีพนักงานบริการอย่างอบอุ่นและให้ข้อมูลโปรโมชันและจัดเตรียมกิจกรรมสนุก ๆ เพียงแค่กดไลค์เพจเฟซบุคและตอบแบบสอบถามทางสายการบินแจกทันทีของขวัญสุดพิเศษมากมาย

 

อีเวนต์ที่ 2 สายการบินพีช ลงทุนร่วมออกบูธนำเสนอโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ ตลอด 4 วันเต็ม ในมหกรรมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่ของเมืองไทย “งานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก หรือTITFครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2566 ตั้งแต่ 10.00 – 20.00 น. ที่ฮอลล์ 8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้ามพลาดโปรโมชันตั๋วสายการบินพีซราคาพิเศษพร้อมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อทั่วญี่ปุ่น ที่คนไทยกำลังรอคอยดีลดี ๆ

 

สำหรับเส้นทางบริการบิน ไป-กลับ โอซาก้า/คันไซ – กรุงเทพฯ/สุวรรณภูมิ ราคาตั๋วโดยสาร 11,280 เยน – 59,880 เยน รหัสเที่ยวบิน: MM91 ออกจากสนามบินโอซาก้า 19:30 น. ถึงสุวรรณภูมิ 0:10 +1 วันนี้-25 มีนาคม 2566 จะบินสัปดาห์ละ 6 วัน ทุกวันจันทร์ อังคาร พฤหัส ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

 

ส่วนรหัสเที่ยวบิน MM92 ออกจากสุวรรณภูมิ/กรุงเทพฯ เวลา : 1:10 น.ถึง โอซาก้า/คันไซ  8:55 น.ตั้งแต่วันนี้-25 มีนาคม 2566 บริการบินสัปดาห์ 6 วัน ทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

 

ทั้งนี้ “สายการบินพีช” มีฐานการบินสนามบินนานาชาติคันไซ (ญี่ปุ่น) เปิดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 ดำเนินธุรกิจโดยเพิ่งฉลองครบ 10 ปีหรือ 1 ทศวรรษ ไปเมื่อ 1 มีนาคม 2565 ปัจจุบันมีเครือข่ายเที่ยวบินทั่วญี่ปุ่นกระจายไปยัง 7 มีสนามบินหลัก ได้แก่ นิวชิโตเสะ เซนได นาริตะ ชูบุ คันไซ ฟุกุโอกะ และนาฮะ บริการในประเทศ 31 เส้นทาง และระหว่างประเทศอีก 178 เส้นทาง โดยมีฝูงบินรวมทั้งหมด 33 ลำ

 

ฝูงบินที่นำให้บริการผู้โดยสารเป็นเครื่องแอร์บัส  A321LR  ขนาดที่นั่งกว้าง 30 นิ้ว (ประมาณ 76~81 ซม.)- 32 นิ้ว (ประมาณ 80 ซม.) แต่ละที่นั่งมีพอร์ต USB ใช้ชาร์จอุปกรณ์ เป็นเครื่องขนาดที่นั่งกว้างขวางกว่าเครื่องบินของคู่แข่ง 1 นิ้ว (ประมาณ 2.5 ซม.) พิสัยการบิน 7,400 กม. ใช้เครื่องยนต์ LEAP-1A ของ CFM และ Sharklet หรือแผ่นปลายปีกขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องทั่วไทยของแอร์บัสอย่าง A320CEO จะมีประสิทธิภาพลดการใช้เชื้อเพลิงได้ประมาณ 20%

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง