ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"
“TCEB”เปิดคัมภีร์MICE for Sightปลุกไมซ์จัดทัพใหม่10ปีหน้า
รับมือGen Zผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่
ปี67เร่งโกย1.4แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน
รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า
4 ล้าน
ด่วน4วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปรSurpriseOnlineSaleลด50%
คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที3ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์LEXUS
ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจTEJ2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด
บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์30ต.ค.
เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี
บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67
คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่A320neoเพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย
วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม
2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #MICEforSight
#กางเตนท์บ้านป่าหมาก
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/nYg_lcKfQ8/
ช่วงที่ 1 เกมเปลี่ยนไมซ์กับ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดงานวิจัย MICE Forsight คัมภีร์ใหม่เขย่าเทรนด์ไมซ์ไทยไม่เหมือนเดิม 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดเป็นตลาดทรงอิทธิพลทั่วโลก ชี้ผู้เล่นในตลาด 3
กลุ่ม
ปรับตัวครั้งใหญ่ “โรงแรม/รีสอร์ต-ศูนย์ประชุม-ธุรกิจไมซ์” เพิ่มบทบาท ไมซ์ ซิตี้
-ไมซ์ชุมชน เข้าสู่มาตรฐานสากล จัดแถวกิจกรรมรองรับความคาดหมายกำลังซื้อแนวใหม่ขาใหญ่มาแรง
รีบเปลี่ยนผ่านด่วนเน้นเพิ่มการอบรม ลงทุนสถานที่รับได้ทุกพฤติกรรม และปี 67
ต้องเร่งขายพลังซอฟท์
เพาเวอร์ พร้อมโกย 1.4 แสนล้านบาท
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บได้นำผลวิจัย MICE
Forsight มาขับเคลื่อนไมซ์โดยคาดการณ์ในอนาคต
10 ปี
หลังดำเนินงานผ่านมาแล้ว 2 ทศวรรษ
20 ปี
ซึ่งพบข้อมูลชี้ให้เห็นสัญญาณน่าสนใจคือ เรื่องที่ 1 พฤติกรรมของคนไมซ์ เรื่องที่ 2 ผู้มีอิทธิพลGen Z กว่า 30 % จะ เรื่องที่ 3 ผู้เล่นหรือผู้จัดงานไมซ์จะเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มสนใจเฉพาะมากขึ้น
(niche market) ตัวอย่าง ปี 2567
การจัดงาน Money Twenty
Twenty ทีเส็บร่วมกับ DEPA
จัดขึ้นในไทย จะมีคนเข้าร่วมกว่า 5,000
คน
ปรากฎว่ากลุ่มผู้จัดไม่ใช่ออร์กาไนเซอร์ปกติแต่กลายเป็นคนในวงการเทคบินิเนสผสมกับฟินเทคที่เชี่ยวชาญทางการเงิน
รวมทั้งการการจัดงานประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ (Convention) ก็ผสมเข้ากับงานจัดแสดงสินค้า (Exhibition) กลายเป็น CONEX
ดังนั้นธุรกิจที่จะต้องปรับตัวตามเทรนด์ตลาดไมซ์นานาชาติในอนาคตตั้งแต่ปี
2567 เป็นต้นไป
ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการโรงแรมรีสอร์ต
กลุ่มที่ 2 สถานที่จัดงาน
ศูนย์ประชุม (Venue) 3.นักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งธุรกิจในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 3 เรื่อง คือ 1.จะมีกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด 2.ลักษณะการจัดงานไมซ์จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 3.วิธีการจัดงานตามความคาดหวังทั้งไมซ์ในประเทศ
เมกะอีเวนต์ ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการคล่องตัวมากขึ้น เพราะมีปัจจัยบ่งชี้ชัดเจนคือ
ระยะเวลาจัดงานจะสั้นลง แต่มีความถี่ของนักเดินทางเลือกจัดงานถี่มากขึ้น
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ทีเส็บได้เปิดเวทีแถลงแผนไมซ์ประจำปี 2567 โดยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องแถวหน้าของประเทศเข้าร่วมรับฟังแลกเปลี่ยนพร้อมสะท้อนความเห็นถึงการขับเคลื่อนไมซ์อย่างมีทิศทางในอีก
10 ปีข้างหน้า
ซึ่งจะสามารถดึง MICE CITY ที่ได้รับเลือกแล้ว
10 เมือง และ Community
MICE หรือไมซ์ชุมชน
จะเข้ามามีบทบาทและได้อานิสงมากขึ้น
เพราะคู่ค้าทั่วโลกแสดงความต้องการที่จะเลือกสถานที่จัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน
ดังนั้นทั้งไมซ์ ซิตี้ และไมซ์ชุมชน จะต้องเริ่มปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานไมซ์สากล
ขณะนี้ทีเส็บได้จัดทำ TMVS :Thailand MICE Venue Standard และ AMVS :ASEAN MICE Venue Standard เป็นรากฐานที่วางไว้แล้ว
ผนวกเข้ากับการทำไมซ์ที่ยั่งยืน กับไมซ์เพื่อคนทั้งมวล
โดยเฉพาะ
“เทรนด์ตลาดไมซ์” อนาคตจะมีคนอายุน้อยลงเข้ามาร่วมวงธุรกิจมากขึ้น
ดังนั้นผู้จัดงานและสถานที่ได้รับเลือกต้องตอบโจทย์ “ความคาดหวัง” คนเข้าร่วมงานซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งเรื่องวัย
เด็ก ผู้สูงวัย ผู้บกพร่องทางกาย และอื่น ๆ
นั่นหมายถึงจะลดการทำไมซ์เป็นแพกเกจได้น้อยลง
แต่จะต้องออกแบบเฉพาะหรือเทเลเมดเป็นเมนูกิจกรรมให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มในงานเดียวกัน
ฉนั้นจะต้องอำนวยความสะดวกให้งานจัดง่ายขึ้น เข้าถึงได้
ดังนั้นวันนี้อุตสาหกรรมไมซ์ในไทยจะต้อง
“เปลี่ยนแปลง/transform”
เพื่อเตรียมพร้อมรับอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า
ทั้งทางด้าน 1.วางแผนการฝึกอบรม
2.สร้างสถานที่อำนวยการให้ใช้งานได้แบบอเนกประสงค์
ห้องจะต้องได้มาตรฐานความยั่งยืน
ทีเส็บมีหน้าที่ทำทันทีเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านความพร้อมของอุตสาหกรรมก้าวไปสู่จุดหมายใหม่ในทศวรรษหน้า
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ทีเส็บตั้งเป้าหมายปี 2567 จะทำรายได้ไมซ์เข้าประเทศ
140,000 ล้านบาท
โดยใช้เครื่องมือหลัก เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น Quick Win เครื่องมือที่ 1 ทำโร้ดโชว์กับเทรดโชว์แบบเจาะลึกมากขึ้น
ระยะเวลาสั้นลงแล้วเลือกลงไปยังพื้นที่เป้าหมาย
ตอนนี้กำลังเสนอของบประมาณกลางเข้ามากระตุ้นในเร็ววันนี้ เครื่องมือที่ 2 รับอานิสงงานใหญ่ที่เคยประมูลมาจัดในไทยตั้งแต่ปี
2563 กำลังทยอยเข้ามาจัดในไทยตั้งแต่ปี
2567-25670 เช่น งาน World
Divinity 2024 และงาน World
Bank เป็นงานคอนเว็นชั่นจะมีเดินทางมาร่วมงานละกว่า
10,000 คน เครื่องมือที่ 3
สายการบินเพิ่มจุดบินและความถี่จากต้นทางเข้าสู่เมืองไทย
ปัจจุบันการจัดงานระดับนานาชาติ
อันดับ 1 งานจัดแสดงสินค้า/Exhibition
ทำได้ดีเกินเป้าหมาย
ส่วนการประชุมนานาชาติ/Convention งานจัดประชุมสัมมนาและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล/MI
:Meeting Incentive กำลังทยอยตามมาจัดมากขึ้น
ตอนนี้ทิศทางไมซ์ที่ประมูลได้มาแล้วจะเริ่มโหมโรงปี 2567 ผนวกกับมีจุดขายไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์
ซึ่งทีเส็บพยายามผลักดันไมซ์ด้วย
ขณะนี้ทีเส็บได้เข้าไปเป็นหนึ่งในกรรมการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟท์
เพาเวอร์ ซึ่งมี 11 สาขา
โดยได้เห็นการทำงานสมาคมต่าง ๆ
ร่วมกับเมกะอีเวนต์ไมซ์ของทีเส็บเป็นแพลตฟอร์มสำคัญและทำงานร่วมอยู่แล้ว 4 สาขาใหญ่ ได้แก่ 1.กีฬา/SPORT 2.ดนตรี/MUSIC 3. ไลฟ์สไตล์
4.อาหาร/FOOD
ล่าสุดร่วมประชุมกับทางสมาคมโรงแรมไทยเป็นคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์
ซอฟท์ เพาเวอร์ สาขาการท่องเที่ยว ซึ่งไฮไลต์เรื่องงานเทศกาล/Festival จะช่วยกันทำงานโดยทีเส็บรับผิดชอบในเวทีอินเตอร์เนชั่นแนล
แล้วไมซ์จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มเต็มรูปแบบ
ส่วนประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นหลังจากมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์
ซอฟท์ เพาเวอร์ คือ สามารถสื่อสาร และรวมเทศกาลต่าง ๆ มาไว้ยังศูนย์กลางเดียว
รวมทั้งการพัฒนาชุมชน อุตสาหกรรมท้องถิ่น
ทำให้เกิดอิมแพ็คสินค้าที่มีความโดดเด่นเป็นพลังขับเคลื่อนตลาดการขายเพิ่มความขีดความสามารถทางการแข่งขันได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนคู่ขนานกันไปตลอดคือการผลักดันไมซ์ไทยสู่ความยั่งยืน
ในเวทีโลกกำลังให้ความสนใจ ซึ่งทีเส็บสามารถทำได้ตามแผนครอบคลุมครบถ้วนทุกส่วนทั้งตลาดไมซ์ต่างประเทศ
และในประเทศ
เพิ่มความเข้มข้นมีรูปแบบและแนวทางการพัฒนาเป็นรูปธรรมทั้งภายในองค์กรเชื่อมโยงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
จะกระตุ้นให้เข้ามาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์สร้างเศรษฐกิจเติบโตไปด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุด4.1ล้าน
คิง เพาเวอร์ กระตุ้นให้รีบช้อปเลยถ้าไม่อยากพลาด!
รางวัลสุดเซอร์ไพรส์จากพันธมิตร ที่เป็นไปได้! ใครมีไฟลต์ปลายปีช้อปก่อนได้
ระหว่าง 27-31 ตุลาคม
2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ช้อปด่วนโอกาสสุดท้าย
ห้ามพลาด ลุ้น-รับ-ได้
5 รายการ
ดังนี้
ลุ้นฟรี! รายการที่
1 รถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ 450e รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 1 สิทธิ์*
เมื่อช้อปครบทุก 50,000 บาท (สุทธิ) ลุ้นเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ
450e มูลค่า
4,190,000 บาท จำนวน 1
รางวัล
รับฟรี!! รายการที่ 2
ส่วนลดแรงสุดในรอบปี! รับคูปองส่วนลด
3,400 บาท เมื่อช้อปครบ
12,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
ได้บินฟรี
ทริปต่อไป! รายการที่ 3 รับตั๋วเครื่องบิน*
ไป-กลับ 1 ที่นั่ง กรุงเทพฯ – ฮ่องกง เมื่อช้อปครบทุก 50,000 บาท (สุทธิ)
เป็นไปได้ บินสบาย รายการที่ 4 สัมผัสประสบการณ์บินแบบฟินๆ กับบริการชั้น Business
จาก ETIHAD AIRWAYS ลุ้นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
เส้นทางยุโรป จำนวน 1 ที่นั่ง มูลค่า 200,000
บาท จำนวน 1 รางวัล
นอนหรู เป็นไปได้! รายการที่ 5 ลุ้นไปพักผ่อนแบบสุดหรูพูลวิลล่าที่ THE
STANDARD, HUA HIN ชิลกับห้องพัก
Double Up Pool Villa สำหรับ 4
ท่าน จำนวน 3
วัน 2 คืน พร้อมอาหารเช้า
และเอนจอยอาหารเย็นมื้อพิเศษ 1 มื้อ Thai Izakaya Set Dinner ที่
Praca มูลค่า 95,380 บาท
จำนวน 1 รางวัล
พร้อมลุ้นของรางวัลอีกมากมาย GIFT CARD, CARAT REWARDS และสินค้าแบรนด์เนม ขั้นตอนลุ้นรับรางวัลง่าย ๆ คือ 1.รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล
1 สิทธิ์ เพียงช้อปครบทุก 50,000
บาท (สุทธิ) 2.พิเศษ!
รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 2 สิทธิ์* เพียงสมัครสมาชิกใหม่ SCARLET และมียอดช้อปภายในวันที่สมัคร
ข่าวที่ 2 ด่วน4วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์SurpriseOnlineSaleลด50%
มาด่วน
4 วันสุดท้าย!
SURPRISES ONLINE SALE คิง
เพาเวอร์ ออนไลน์ ลดสูงสุด
50% วันนี้
- 31 ตุลาคม 2566
พบกับดีลพิเศษส่งท้ายเดือนนี้ช้อปง่ายไม่มีสะดุด
เพราะไม่ต้องใส่โค้ดก็กดช้อปได้เลย มาช้อปไอเทมปัง ๆ ลดราคาสุด ๆ
ทั้งสินค้า บิวตี้ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ จะช้อปเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีขั้นต่ำ ที่
คิง เพาเวอร์ ออนไลน์เท่านั้น!!
สินค้า Duty Free สุดฮอต
มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก
แล้วใช้สิทธิ์ได้ตามต้องการ ถึง 5 อย่าง
คือ 1.แบ่งชำระ 0 % นานสูงสุดถึง 10
เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,200 บาท 3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
4.รับเลย! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่
3 คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที3ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์LEXUS
คิง
เพาเวอร์ มอบคุ้มสุดแห่งปี ถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น 28-31 ตุลาคม 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา
และภูเก็ต ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ รับวนไปแบบไม่ต้องรอ 3 ฟรี
1.ฟรี! คูปองส่วนลด 3,400 บาท เมื่อช้อปครบ 12,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
2.ฟรี! ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ 1 ที่นั่ง กรุงเทพฯ – ฮ่องกง เมื่อช้อปครบทุก
50,000 บาท (สุทธิ)
3.แถมลุ้นฟรี! รถยนต์ไฟฟ้า LEXUS RZ 450e รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 1 สิทธิ์ เมื่อช้อปครบทุก 50,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่
4 ท่องเที่ยวจับคู่ธุรกิจTEJ2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด
นางสาวสุดาวรรณ
หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เปิดเผยว่า นำทีมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
พร้อมเอกชนท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน Tourism EXPO
Japan 2023 เริ่มแล้ววันแรก 26 ตุลาคม 2566 ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นมหกรรมรวมงานส่งเสริมการขายสินค้าการท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและภายในประเทศญี่ปุ่น
(Tabi Fair) ไว้ด้วยกัน จึงเป็นโอกาสอันดีของไทยจะได้ประชาสัมพันธ์นำเสนอซอฟท์
เพาเวอร์ควบคู่กับภาพลักษณ์ที่ดีกับตลาดญี่ปุ่น พร้อมกับเปิดเวทีผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการนำเที่ยวในตลาดญี่ปุ่น
ภายในงานนำเสนอตัวอย่างไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์
ด้วยการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก “วงหมาเก้าหาง”
กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่จากวิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ ได้นำดนตรีพื้นบ้านอีสานและร่วมสมัยมาบรรเลงผสมผสานกันไป
พร้อมนำเสนอตัวอย่างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไฮไลต์ 3 กิจกรรม ได้แก่ 1.สาธิตการประดิษฐ์รองเท้าและตกแต่งทรายในขวดแก้วจากขยะรีไซเคิลในทะเล โดยทะเลจร จังหวัดปัตตานี 2.Photo Booth เปิดให้ผู้เยี่ยมชมงานร่วมกิจกรรมถ่ายภาพได้ด้วยตนเอง
โดยมีพื้นหลังที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในไทย
สร้างการรับรู้ให้กับผู้เยี่ยมชมรู้สึกเสมือนได้มาเยือนแหล่งท่องเที่ยว 3.จัดแสดงผลิตภัณฑ์ไทยจากฝีมือชาวบ้านร้าน
Good Goods ซึ่งสินค้าแต่ละชิ้นล้วนมีเรื่องราวและคุณค่าช่วยยกระดับสินค้าท้องถิ่นให้เข้ากับยุคสมัยและช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
ททท. กล่าวว่า งาน Tourism EXPO Japan 2023 ถือเป็นเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการญี่ปุ่นกับเอกชนไทย 11 ราย ประกอบด้วย โรงแรม 8 ราย และ 3 สายการบิน คาดจับคู่เจรจาไม่ต่ำกว่า 300 นัดหมาย
และยังถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้นำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทยกระตุ้นชาวญี่ปุ่นให้กลับมาเดินทางเที่ยวเมืองไทยคึกคักอีกครั้ง
ตามเป้าหมายปี 2567 จะทำให้ได้เกินกว่า 1 ล้านคน
ททท.ตั้งเป้าหมายใช้งาน TEJ
2023 เพื่อเร่งเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว พลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล
กระตุ้นตลาดญี่ปุ่นพร้อมกันได้ถึง 2 ส่วน ได้อย่างน้อย 9
กลุ่มตลาด ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 รักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่
1 นักธุรกิจที่เดินทางมาท่องเที่ยวด้วยหรือ Bleisure กลุ่มที่ 2
นักกอล์ฟ/Golfer กลุ่มที่ 3 ผู้สูงวัย/Active Senior กลุ่มที่ 4 ผู้หญิงทำงาน/Office Lady กลุ่มที่ 5 Gen X
ส่วนที่ 2 มุ่งเจาะกลุ่มตลาดศักยภาพใหม่ในตลาดญี่ปุ่น อีก 4 กลุ่ม
ได้แก่ กลุ่มที่ 1 BL/Boy Lovers จากกระแสซีรี่ย์ของไทยกำลังมาแรงในญี่ปุ่น
กลุ่มที่ 2 Oya-rich
หรือกลุ่มครอบครัวที่มีรายได้สูง กลุ่มที่ 3 ความสนใจพิเศษ
เช่น มาราธอน ดำน้ำ จักรยาน และเกมออนไลน์ กลุ่มที่ 4 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาไทยเป็นครั้งแรก
(First Visitor)
เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีท่องเที่ยวคุณภาพที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางอย่างยั่งยืนคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ควบคู่กับสนใจท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
เรียนรู้วิถีชีวิตคนท้องถิ่น ชื่นชอบอาหารไทย กิจกรรมนวดและสปา ซึ่ง ททท.จะช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2566 ผลักดันให้ญี่ปุ่นเที่ยวเมืองไทยให้ถึงเป้า
845,000 คน ปี 2567 เพิ่มแรงส่งให้ได้ 1
ล้านคน
สำหรับ
งาน TEJ 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 ตุลาคม 2566 โดย 3 องค์กรหลักในญี่ปุ่น คือ สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวญี่ปุ่น
(Japan Association of Travel Agents : JATA) สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
Japan Travel and Tourism Association: JTTA) และองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น
(Japan National Tourism Organization: JNTO) ส่วนพิธีเปิดคูหาประเทศไทยวันที่
26 ตุลาคม
2566 ได้รับเกียรติจากนางสาวสุดาวรรณ
หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยนายอัครพงศ์
เฉลิมนนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา
รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน
ข่าวที่
5 บางจาก-กรุงไทยเปิดจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลบางจาก30ต.ค.
บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า บางจากฯ กับธนาคารกรุงไทย พร้อมเสนอขาย
“หุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก” ครั้งที่ 2 อายุ 3 ปี
อัตราดอกเบี้ย 3.45% ต่อปี วงเงินรวม 3,000 ล้านบาท ผ่านบริการซื้อขายหุ้นกู้บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 30
ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2566 โดยเปิดจองซื้อพร้อมกันตั้งแต่ 08.30 น. ของวันที่ 30
ตุลาคม 2566 จนเต็มจำนวนเสนอขาย และกำหนดจองซื้อขั้นต่ำ
10,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 10,000 บาท
สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อราย
จัดสรรในรูปแบบจองซื้อก่อนมีสิทธิก่อน
หุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก
เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ
ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่
28 กันยายน 2566 สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและการผสานประโยชน์
สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท
เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
โดยเปิดให้ผู้ลงทุนเตรียมพร้อมจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก
ล่วงหน้าด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1.ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปฯ
เป๋าตัง 2.สมัครบริการวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้
บนแอปฯ เป๋าตัง 3ประเมินความเสี่ยงการลงทุน 4.ผูกบัญชีเงินฝากและโอนเงินเข้าบัญชีสำหรับการซื้อหุ้นกู้
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก ธนาคารกรุงไทยได้ปรับเพิ่มวงเงิน
Krungthai
NEXT ชั่วคราว โดยผู้ลงทุนสามารถโอนหรือเติมเงินวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ได้สูงสุดวันละ
10
ล้านบาท
สำหรับการซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทางดิจิทัล
ทำให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการลงทุนแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ง่าย สะดวก
รวดเร็ว และซื้อขายได้ตลอด โดยจะได้รับหุ้นกู้ทันทีที่ซื้อและได้รับเงินทันทีที่ขาย
โดยระบบจะแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย ครบจบในที่เดียว นับเป็นการตอบโจทย์การออมและการลงทุนในยุคดิจิทัล สามารถสอบถามเพิ่มได้ที่
Krungthai
Contact Center โทร. 02-111-1111 หรือธนาคารกรุงไทย
ทุกสาขา
ช่วงที่ 2 ทะเลหมอกเริ่มมาแล้วในเมืองทะเล “ประจวบคีรีขันธ์”
ปลุกสายแคมป์กางเต๊นท์ค้างแรมได้ที่ “บ้านป่าหมาก” ช่วง 30 ต.ค.-5
พ.ย.มีแจกคูปองฟรีด้วย หรือจะเลือกร่วมกิจกรรมกับเชอราตัน หัวหิน
วิ่งการกุศล สนุกได้บุญ แล้วฟังข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “การบินไทย
ยกเครื่องยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือหญิง” เน้นแฟชั่นลดโลกร้อน เริ่ม 1 ม.ค.67 ข่าวที่สอง “คาเธย์กรุ๊ป”
สั่งฝูงบินใหม่ล็อตใหญ่ แอร์บัส A320neo บินทั่วจีนและเอเชีย
ท่องเที่ยว
-เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี
เที่ยวไทยปลายฝนต้นหนาวที่
“ประจวบคีรีขันธ์” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณว่าตอนนี้เริ่มมีหมอกบ้างแล้วจึงขอเอาใจสายแคมปิ้ง ชวนแบกเต็นท์มาพักค้างแรมได้ที่
“บ้านป่าหมาก” ช่วง 30 ตุลาคม -
5 พฤศจิกายน
2566 มากางเตนท์ก่อน 300 คนแรก ในชุมชนบ้านป่าหมาก
อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับทันทีคูปองแทนเงินสด มูลค่า 30
บาท
เพื่อนำใช้ที่ร้านโรบัสต้าป่าช้างขาว
นักท่องเที่ยวที่วางแผนทกางเต็นท์ค้างคืนค่ำคืนวันที่
30
ตุลาคม2566 รับพิเศษร่วมงานบุญล่องแพแห่พระ 50 คนแรก จะได้คูปองมากกว่าใครมูลค่า 50 บาท
ใช้แทนเงินสดนำได้ที่ร้านโรบัสต้าป่าช้างขาวอีกเช่นกัน
ก่อนเดินทางแนะนำให้จองลานกางเต็นท์ผ่านเพจ “ท่องเที่ยวชุมชนบ้านป่าหมาก” ลานกางเต็นท์ ส่วนคูปองรับกับเจ้าหน้าที่ต้อนรับทางเข้าหมู่บ้าน
มาก่อนได้ก่อน รีบจองได้เลย
ส่วนที่โรงแรมเชอราตัน
หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
ชวนนักท่องเที่ยวสายสุขภาพชอบออกกำลักายวิ่งเก็บคะแนนมาร่วม “Scroll Down For English” ให้ทุกย่างก้าวเป็นเส้นทางของการแบ่งปัน
กลับมาอีกครั้งกับงานวิ่งการกุศลซึ่งทางรงแรมในเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล จัด
“Road to Give Hua Hin 2023” รับ 1,000 คน เท่านั้น 5 พฤศจิกายน 2566 เริ่ม 05:00 - 09:00น.บริเวณจัดกิจกรรม
และจุดปล่อยตัว: ลานมหาราช ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี
เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้โครงการ Save the
Children
ร่วมวิ่งแข่งขันได้ทั้ง ประเภท Mini Marathon
ระยะทาง 10 กิโลเมตร กับ Micro Marathon
ระยะทาง 5.5
กิโลเมตร ค่าสมัครคนละ 600 บาท สมัครได้ทันทีที่ http://www.rtbth.com/road-to-give-hua-hin-2023/
โทร.สอบถามเพิ่มได้ที่
032-904-666 / 032-708-000 (09:00 - 17:00น. 065-221-1005
/ 065-221-1006 (17:00 - 24:00น.)
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67
นายชาย
เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหาร และทีมงาน เปิดตัวยูนิฟอร์มใหม่ “FROM PURPLE
TO PURPOSE” เปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานผู้หญิงต้อนรับบนเครื่อง
โดยได้ผสมผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable
Development) จะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมาตลอด 2
ทศวรรษการบินไทยดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดกับอุตสาหกรรมการบินมาอย่างต่อเนื่อง
จึงได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านต่าง ๆ มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านกิจกรรมริเริ่มโครงการหลากหลาย
ทั้งการลดใช้ทรัพยากร ลดปริมาณขยะด้วยการนำวัสดุที่ไม่ใช้งานแล้วกลับมาพัฒนาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Circular Economy) พัฒนาอย่างยั่งยืน
และมุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ปี
พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ภายใต้แนวคิด Zero Waste Living ประกอบด้วยหลัก
3 ประการ ได้แก่ 1.FROM
PLANES TO PLANET การบินเพื่อสิ่งแวดล้อม 2.FROM WASTE TO WEALTH-การพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
และ 3.FROM PURPLE
TO PURPOSE-จากใจสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืน
สำหรับเครื่องแบบ “ชุดไทยเรือนต้น” ของลูกเรือหญิงการบินไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับนานาชาติ
และได้การยอมรับเรื่องความสวยงาม สร้างภาพจดจำและเป็นสิ่งแสดงเอกลักษณ์สะท้อนถึงความเป็นสายการบินแห่งชาติเปรียบเสมือนประตูบานแรกที่เปิดต้อนรับผู้โดยสารจากทั่วโลกมากว่าครึ่งศตวรรษ
โดยได้ถูกนำมาตัดเย็บด้วยเส้นไหมไทยถักทอผสมผสานกับเส้นใยแปรรูปจากวัสดุรีไซเคิล
คงความงดงามไว้ในความเป็นไทยเพิ่มคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัวด้วยประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน
โดดเด่นเรื่องการดูแลรักษาง่าย คงรูปให้ความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการใช้งาน ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยที่เป็นตามมาตรฐานสากล
ตามแผนของการบินไทยจะนำ “เครื่องแบบชุดไทยเรือนต้น”
ทั้งหมดนี้ ให้ไปปรากฏทั่วโลกและทุกชั้นบริการบนเครื่องบินแต่ละเส้นทาง
ในฐานะเครื่องแบบของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงของการบินไทย
ซึ่งจะสวมใส่พร้อมกันตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
ทางการบินไทยได้ทำควบคู่กันไปคือการพัฒนาอย่างยั่งยืนในหลายมิติ
ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานด้วยการนำเครื่องบินและเครื่องยนต์สมัยใหม่ที่สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
และให้บริการด้วยวิธีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปรับปรุงการปฏิบัติการบิน เช่น
การนำเทคนิค Single Engine Taxi และการลดน้ำหนักการบรรทุกมาปรับใช้ในการปฏิบัติการบิน
และประโยชน์ด้านอื่น ๆ
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างปรับปรุงกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
และการจัดทำแผนนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF-Sustainable Aviation
Fuel) มาใช้ทำการบิน พร้อมกับทำกิจกรรมทางธุรกิจด้านอื่น
ๆ นอกเหนือจากกิจกรรมการบิน เช่น ครัวการบิน ช่าง การบริการภาคพื้น ตลอดจนสร้างความยั่งยืนทางสังคม
เช่น สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเกษตรไทยและผู้ประกอบการรายย่อย ทำให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
ข่าวที่สอง
-คาเธ่ย์
กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่A320neoเพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย
คาเธ่ย์ กรุ๊ป
กลุ่มสายการบินประจำชาติของฮ่องกง เปิดเผยว่า
ได้ประกาศสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสตระกูล A320neo
เพิ่มเติมอีก 32 ลำ เดินหน้าคงมุ่งเดินหน้าขยายและปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัย
ตระกูล A320neo ซึ่งจะทำให้มีฝูงบินรุ่นนี้ให้บริการเท่ารวมทั้งหมด64
ลำ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
ขณะนี้ทางแอร์บัสบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินได้ทยอยส่งมอบแล้ว 13 ลำ
สำหรับฝูงบินใหม่ 32 ลำ
จะประกอบด้วยแอร์บัส 2 รุ่น
ได้แก่ A321neo
และ A320neo นำเข้าประจำในสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค
กับ ฮ่องกงเอ็กซ์เพรส ให้บินบนเส้นทางภายในสาธารณรัฐประชาชนจีน กับทวีปเอเชียตามจุดหมายปลายทางต่าง ๆ เนื่องจากประหยัดน้ำมันการบินได้
นายคริสเตียน เชอเรอร์
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์และหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของแอร์บัส กล่าวว่า
เครื่องบินตระกูล A320neo สามารถสร้างความแตกต่างให้ผู้โดยสารด้วยความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น
ในการบริการบินตามภูมิภาคต่าง ๆ ด้วยสมรรถฝูงบินรุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงเรื่องประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงชัดเจน
ตอบโจทย์ความต้องการของคาเธย์ กรุ๊ป ได้ทันทีที่มุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างเต็มที่
ทั้งนี้เครื่องบินตระกูล
A320neo ได้รวมเทคโนโลยีสมัยใหม่ล่าสุด พร้อมกับติดตั้งเครื่องยนต์เจเนอเรชั่นใหม่
อุปกรณ์ปลายปีกหรือชาร์กเลต ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (aerodynamics) ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพช่วยลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงลงได้ไม่น้อยกว่า
20 % ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ถือเป็นเครื่องบินทางเดินเดี่ยวยอดนิยมมากที่สุดในโลก ขณะนี้มีลูกค้ากว่า 130 ราย
ทำคำสั่งซื้อแล้วกว่า 9,700 ลำ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น