ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"
TCEBใส่เกียร์ลุยQuikWinเพิ่มรายได้ไมซ์3เดือน3หมื่นล้าน
ต้นต.ค.66“อินเซนทีฟจีน”หลั่งไหลเข้าไทย7-9พันคน/กรุ๊ป
ไทยจัด5ไมซ์โลก“ICCA/UCCN/ SPARTAN/COSMEX/FIFA
คิงเพาเวอร์ฉลอง34ปีแจกรถหรูLEXUS
RZ450eตลอดต.ค.
คิงเพาเวอร์มหานครเปิดทัวร์“BE@RBRICK”วันนี้-5พ.ย.66
พูลแมนคิงเพาเวอร์เสิร์ฟพิเศษมื้อค่ำ2วัฒนธรรม17-21ต.ค.
ไทยตั้งSituation Command Centerเยียวยาฟื้นเชื่อมั่นจีน
ซีอีโอบางจากหนุนน้องใหม่โรงกลั่นศรีราชาชูพลังงานยั่งยืน
TCEBนำไทยคว้าเจ้าภาพประชุมFIFAต่อยอดชิงจัดบอลโลก
เที่ยวเหนือ!!หนาวนี้เลือกพิกัดฟิน4ช่วง15เทศกาลความสุข
รู้ยัง!!8วิธีต้อนรับฤดูหนาวเตรียมสุขภาพให้ดีลดเจ็บป่วย
บินไทยจัดThai Networkingญี่ปุ่น/เกาหลีปั๊มไฮปี66-โลว์ปี67
ไทยเวียตเจ็ทเทโปรตั๋วบิน“10.10HotDeals”เริ่ม700บาท
วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #ThaiAlwaysCare #หนาวนี้เที่ยวเหนือ15งาน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/nwB4M0ArXA/
ช่วงที่ 1 เพิ่มรายได้ไมซ์กับ “จิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
ทีเส็บนำอุตสาหกรรมไมซ์ดันเศรษฐกิจไทย Quick Win ตามนโยบายนายกฯ เศรษฐา 3 เดือน ตั้งเป้า 30,000 ล้านบาท งัดใช้ 3 หมุดหมาย “กระตุ้น+เจาะใหม่” ตลาดในและต่างประเทศ รายภาค
รายอุตสาหกรรม ทางด้าน “ไมซ์จีน” อินเซ็นทีฟยังมาปกติ ต.ค.นี้ มีกรุ๊ปละ 7,000-9,000
คน
เร่งอัพเดทข้อมูลต่อเนื่องหลัง 10 ต.ค.นี้
ไทยมีงานอินเตอร์ทยอยจัดต่อเนื่อง 5
อีเวนต์ใหญ่ ประชุม “ICCA 2023 - UCCN Annaul Conference 2025- COSMEX 2023- Phuket
Spartan Trifecta and APAC Championship Weekend 2023-FIFA Congress 2024”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าทีเส็บจะนำอุตสาหกรรมไมซ์ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลเร่งฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้น Quick Win ช่วง 3 เดือนแรกปลายปีนี้หรือเริ่มต้นไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2567 ระหว่าง ตุลาคม-ธันวาคม 2566 โดยจะเร่งตลาดไมซ์ในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการแสวงหาโอกาสใหม่ผลักดันไทยเป็นผู้นำประเทศจุดหมายปลายทางไมซ์อันดับต้น ๆ TOP MICE Destination ของภูมิภาคพุ่งเป้าดึงงานที่มีพลังการใช้จ่ายเงินสูง ตลอด 100 วันขานรับนโยบาย Quick Win จะทำรายได้ไมซ์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยให้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ทีเส็บจึงวางแผนเดินหน้าทันที 3 หมุดหมาย ได้แก่
หมุดหมายที่ 1 กระตุ้นบวกกับเจาะกลุ่มใหม่ “ตลาดไมซ์ต่างประเทศ”
แบ่งเป็น รายภูมิภาคและรายอุตสาหกรรม
ซึ่งพยายามจะประมูลงานแสดงสินค้าเข้ามาจัดในไทย ด้านพลังงาน อาหาร งานเมกะอีเวนต์
เช่น ธุรกิจเกี่ยวข้องนวัตกรรมต่าง ๆ ปี 2567 จะมีสมาร์ตเทคโนโลยีรายการใหญ่ ๆ มาจัดในไทยอีก 2-3
งาน ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลัก จะเป็น ไมซ์จีน
อินเดีย อาเซียน สหภาพยุโรป อเมริกา สัดส่วนรายได้เดิมทำได้ถึง 50 %
หมุดหมายที่
2 ใช้ประโยชน์จาก
“วีซ่าฟรี” ตามมาตรการของรัฐบาล โดยทีเส็บจะเน้นบริการ MICE LANE ตามสนามบินนานาชาติหลักที่มีในสุวรรณภูมิ
เชียงใหม่ ยกระดับบริการเป็นพรีเมี่ยมเซอร์วิส
หมุดหมายที่
3 เข้ากับการส่งเสริมการทำตลาดไมซ์ที่ยั่งยืน
เพิ่มจะไปร่วมเอ็กซิบิชั่นรายการใหญ่สุดของประเทศเป็นการทำโครงการลดการปล่อยคาร์บอนไดสุทธิเป็นศูนย์
โดยจะนำร่องใช้งานแรกกับงาน ICCA 2023
ตามแผนจะเร่งกระตุ้น “ตลาดในประเทศ” ประกาศเดินหน้าทำโครงการ
“ยกทีมประชุม หลงรักเมืองไทย” ตอนนี้ทางฝ่าย D-MICE (Domestic MICE) ร่วมกับภาคเอกชนปลุกกำลังซื้อตลาดคอร์ปอเรต
เดินทางด้วยเครื่องบิน รถไฟ เรือ เริ่มพฤศจิกายน 2566 โดยจะเปิดเส้นทางไมซ์ด้วยแนวคิดใหม่ ๆ
พร้อมกับยกระดับเทศกาลระดับภูมิภาคทั่วประเทศ
ส่วนกรณีการเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566
ทีเส็บขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียชีวิต
ขณะเดียวกันก็เร่งสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องโดยมีตัวแทนการตลาดของทีเส็บตามประเทศต่าง
ๆ ช่วยอย่างเต็มที่ทั้งใน จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกา
ช่วงแรกหลังเกิดเหตุการณ์ทางจีนมีรายงานสถานการณ์ภายในจีนมีกลุ่มเดินทางอิสระ (F.I.T.) เป็นไมซ์ขนาดเล็กกำลังตัดสินใจ
แต่ยังไม่มีแจ้งยกเลิกการเดินทาง
จะต้องรอหลังจบวันชาติจีนหลัง 10 ตุลาคม
นี้จะประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง
ตอนนี้ได้เร่งทำคือแสดงความเสียใจและสร้างขวัญกำลังใจโดยย้ำเน้นถึงระบบความมั่นใจด้านความปลอดภัย
และทีเส็บจะเดินทางไปจีนด้วยในเร็ว ๆ นี้
ระหว่างวันที่
2-10 ตุลาคม 2566
นี้จะมีบริษัทจัดการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล
(Incentive)
ต่างประเทศเดินทางมาไทยตามปกติขนาดกรุ๊ปละ 7,000-9,000 คน
ส่วนทีเส็บก็จะต้องทำต่อเนื่องเรื่องสื่อสารด้านความปลอดภัยกับคู่ค้าไมซ์ทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ
โดยสรุปแล้วทีเส็บจะเร่งกระตุ้นตลาดไมซ์แบบครบวงจรตามนโยบายเศรษฐกิจ
Quick Win ของรัฐบาลนายเศรษฐา
ทวีสิน โดยจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมอีก 30,000 ล้านบาท เติบโต 20 % เกิดงานในอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 26 งาน สร้างการรับรู้ภาพลักษณ์เมืองไทยในฐานะ TOP
OF MIND จุดหมายปลายทางคุณภาพสูง
และเป็นพื้นที่นำร่องเป้าหมายที่ได้รับการพัฒนารองรับงานระดับสากล 10 เมือง
นายจิรุตถ์
กล่าวว่า ปลายปี 2566 ทีเส็บได้นำงานขนาดใหญ่เข้ามาจัดในไทย
ประกอบด้วย งานที่ 1 งานประชุม
The62th International Congress and Convention Association : ICCA 2023 เป็นงานประชุมสมาชิกสามัญประจำปีของสมาคมการประชุมนานาชาติหรือ
ICCA เลือกมาไทยเป็นครั้งที่
3 ต่อจากกรุงเทพฯ
และพัทยา เตรียมจัดงานระหว่าง
12-15 พฤศจิกายน นี้
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 12,000 คน
สร้างรายได้ 85 ล้านบาท
สร้างมูลค่าทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ระดับนานาชาติได้ 300 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในประเทศ (GDP) อีกกว่า 47 ล้านบาท
เกิดภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้อีก 2.9 ล้านบาท
ทางทีเส็บได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร
โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าการ กทม.จะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงต้อนรับสมาชิก ICCA
ทั้งหมด ใช้พื้นที่ “หัวลำโพง”
เพื่อโชว์ศักยภาพของไทยในมุมพิเศษทั้งการจัดงานและการเดินหน้าจัดไมซ์เข้าสู่มาตรฐานลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
(NET ZERO) ด้วย
งานที่ 2 จัดงานประชุม UCCN
Annaul Conference 2025 หรือการประชุมประจำปีของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์องค์การยูเนสโก้
ครั้งที่ 17 ปี 2568
จะรู้ผลเดือนตุลาคม 2566 นี้
ซึ่งทางทีเส็บให้การสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็น 1 ในไมซ์ ซิตี้ ยื่นประมูลสิทธิ์
ในฐานะเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก้ สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน
หากไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ
จะมีบรรดานายกเทศมนตรีจากทั่วโลกมาประชุมร่วมกันในไทย
จะสร้างเม็ดเงินเข้าไทยประมาณ 125.86 ล้านบาท
งานที่ 3 COSMEX 2023 จะจัดระหว่างวันที่
7-9 พฤศจิกายน 2566
เป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านการผลิต
การบรรจุภัณฑ์ และบริการผลิตสินค้าเพื่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางค
ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เข้าไว้ด้วยกันในงานเดียว
จัดภายใต้แนวคิด “Beauty Beyond Boundaries”
เน้นถ่ายทอดเทคโนโลยี และความรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานสัมมนา ประชุมวิชาการ
ควบคู่กับจับทางธุรกิจ คาดมีทั้งหมดกว่า 200 บูธ ดึงคนเข้าร่วมไม่กว่า 12,000 คน เกิดรายได้ราว 1,000 ล้านบาท
งานที่ 4
Phuket Spartan Trifecta and APAC Championship Weekend 2023 เป็นงานเทศกาลวิ่งวิบากลิขสิทธิ์ระดับโลก
ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2566
ที่ บลู ทรี ภูเก็ต ต.เชิงทะเล
จ.ภูเก็ต ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความสำเร็จของไทยในการขับเคลื่อนเมกะอีเวนต์ และเวิลด์
เฟสติวัล ที่สามารถนำงานระดับโลกจากสหรัฐอเมริกาที่มีแฟนคลับจากทั่วโลกมาร่วมงาน
คาดจะมีนักกีฬานานาชาติจาก 30
ประเทศ เข้าร่วมกว่า 10,000 คน
งานที่ 5 งาน FIFA Congress 2024 ล่าสุดทางสหพันธ์สมาคมฟุตบอลยืนยันแล้วให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสมาชิกฟีฟ่าทั่วโลก
ประจำปี 2567 สมัยที่ 74
วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 ที่กรุงเทพฯ จัดเป็นครั้งแรกในอาเซียน
โดยความร่วมมือของทีเส็บกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
โดยการสนับสนุนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมประมูลสิทธิ์ภายใต้โครงการ On
Ministry One Convention คาดจะมีผู้เข้าร่วมทั่วโลก
211 สมาคม
สร้างรายได้ 38.21 ล้านบาท
และสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศอีก 21.25 ล้านบาท
นายจิรุตถ์
กล่าวว่า ปลายปี 2566 ไทยจะเป็นศูนย์กลางดึงดูดงานแสดงสินค้านานาชาติเข้ามาได้อีกหลายงาน
กับงานประชุมขนาดใหญ่หรือ Convention เป็นตัว
C ที่กลับมาหลังสถานการณ์โควิดช้าที่สุดเพราะมีปัจจัยประกอบการตัดสินใจหลายส่วน
ทีเส็บจึงจะต้องใช้กลยุทธ์การชิงประมูลสิทธิ์งานคอนเวนชั่นทั่วโลกเข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้นต่อไป
เพราะเป็นงานที่มีการใช้จ่ายเงินจัดงานแต่ละครั้งสูงมากกว่าไมซ์ทั่วไป
และได้ภาพลักษณ์เชิงบวกสร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลกได้ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิงเพาเวอร์ฉลอง34ปีแจกรถหรูLEXUS RZ450eตลอดต.ค.
คิง
เพาเวอร์ ชวนมาร่วมเฉลิมฉลอง KingPower
34th Anniversary Delights and Surprises ช้อปแล้วมีแต่
“ได้ไม่รู้จบ” ตลอดทั้งเดือนเริ่มตั้งแต่วันนี้ –
31 ตุลาคม 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต เรียกน้ำย่อยได้ไปทันที 2 ต่อ 5
รายการ กำไรสุด ๆ ดังนี้
ต่อที่
1 ได้ลุ้นฟรี! ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า LEXUS
RZ 450e บัตรของขวัญ GIFT
CARD คะแนนสะสมในกะรัต CARAT REWARDS
สินค้ากว่า 100 แบรนด์เนม
และพันธมิตรคิงเพาเวอร์พร้อมใจกันนำของรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายมามอบให้อย่างจุใจ
เพียงสมัครสมาชิกใหม่ SCARLET และมียอดช้อปภายในวันที่สมัครตามกติกาก็เลือกรับทั้งความคุ้มค่าสุด
ๆ ถึง 2 ต่อ ดังนี้
1.รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล
1 สิทธิ์ เพียงช้อปครบทุก 50,000 บาท (สุทธิ) และ
2.ได้พิเศษ! รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 2 สิทธิ์ แบบเป็น ไป ได้
ทุกการช้อป
ไฮไลต์ลุ้นรับฟรี! รถยนต์ไฟฟ้า LEXUS
RZ 450e พิเศษ 2 สิทธิ์ เมื่อสมัครสมาชิกใหม่ SCARLET
และมียอดช้อปภายในวันที่สมัคร
โดยอาจมีโอกาสสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ LEXUS NX 350h, RZ 450e และ IS
300h ได้ที่ คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 18 - 23 ตุลาคม 2566 10.00-18.00 น.
ต่อที่ 2 สนุกกับยอดเงินเพิ่มเมื่อซื้อบัตรช้อปเงินสดหรือ Cash Card เป็น-ไป-ได้ กับการช้อปคิง เพาเวอร์ ได้ถึง 3
สนุกด้วยกันคือ
ช้อปสนุกที่ 1 ซื้อ Cash Card 20,000 บาท
ได้เพิ่ม Gift Card 3,000 บาท หากยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ได้รับทันที! สถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET รับส่วนลดทุกการช้อป
10%
ช้อปสนุกที่ 2 ซื้อ Cash Card 50,000 บาท ได้เพิ่ม Gift Card 5,000 บาท ได้บินฟรี ฮ่องกง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง 1 ที่นั่ง ถ้ายังไม่เป็นสมาชิก ได้รับทันที! สถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET รับส่วนลดทุกการช้อป 10%
ช้อปสนุกที่ 3 ซื้อ Cash Card 150,000 บาท ได้เพิ่ม Gift
Card 12,000 บาท ได้บินฟรี ญี่ปุ่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น 1 ที่นั่ง ยังไม่เป็นสมาชิก ได้รับทันที!
สถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ ONYX รับส่วนลดทุกการช้อป 15%
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์มหานครเปิดทัวร์“BE@RBRICK”วันนี้-5พ.ย.66
คิง
เพาเวอร์ มหานคร รายงานว่า คิง เพาเวอร์ มหานคร
ได้เข้าร่วมแสดงศิลปะงาน“BE@RBRICK WORLD
WIDE TOUR 3 in
Bangkok : แบร์บริค เวิร์ล ไวด์ ทัวร์ 3 อิน แบงค็อก” ระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม - 5
พฤศจิกายน 2566 ตั้งแต่ 10.00-00.00 น.
ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมนี้
จึงขอเชิญชวนทุกคนเตรียมตัวต้อนรับ BE@RBRICK
สุดพิเศษมากกว่า 100 ดีไซน์
บริเวณจุดชมวิวภายในอาคารสูงที่สุดในเมืองไทย ชั้น 74 จัดขึ้นเป็นพิเศษที่
คิง เพาเวอร์ มหานคร กรุงเทพฯ แห่งเดียวเท่านั้น
ภายในงาน
“BE@RBRICK WORLD
WIDE TOUR 3” หรือนิทรรศการจัดแสดง BE@RBRICK ออกแบบโดยผู้สร้างชั้นนำของโลก
โดยใช้ BE@RBRICK ขนาด 1000 % สูงประมาณ 70 เซ็นติเมตร
เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ผลงานของเหล่าศิลปินนานาชาติมากกว่า 100 คน
พร้อมใจกันนำเสนอการก้าวข้ามทุกขอบเขตวัฒนธรรมไปสู่งานสร้างสรรค์สุดตระการตา
โดยจะมีผลงานของ
“ศิลปินไทย” นำมาร่วมจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ด้วยอีก 5 ผลงาน
พร้อมทั้งจะได้นำไปจัดแสดงในงาน BE@RBRICK WORLD WIDE TOUR 3 ประเทศอื่น ๆ ต่อไป ได้แก่
ผลงานชิ้นที่ 1 :
Art Works Worldwide Co., Ltd. (บริษัท อาร์ต เวิร์กส์
เวิลด์ไวด์ จำกัด)
ผลงานชิ้นที่
2 : Boy
Pakorn Chatborirak (บอย
ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์)
ผลงานชิ้นที่
3 : Greenie
& Elfie (กรีนนี่ แอนด์
เอลฟี่)
ผลงานชิ้นที่
4 : King
Power Mahanakhon (คิง เพาเวอร์ มหานคร)
ผลงานชิ้นที่
5 : Vanus
Couture (วนัช กูตูร์)
ในงานจัดแสดงศิลปะครั้งนี้ผู้ชมจะได้เพลิดเพลินกับผลงานการจัดแสดงผ่าน
BE@RBRICK ซึ่งแต่ละผลงานมุ่งเน้นบอกเล่าเรื่องราวอันจินตนาการ
ผ่านงานฝีมืออย่างพิถีพิถัน ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดทั้งกลุ่มนักสะสมตัวยง
ผู้ชื่นชอบงานศิลปะ รวมทั้งผู้ที่ต้องการรู้เรื่องราวของการออกแบบและวัฒนธรรมป๊อป
งาน“BE@RBRICK WORLD WIDE TOUR 3 in
Bangkok” เตรียมเรื่องราวมาเป็นอย่างดีที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้ทุกคน
ไฮไลต์การเข้าชมงานยังจะมีโอกาสเป็นเจ้าของ “BE@RBRICK ตัวพิเศษ” เป็นเอ็กซ์คลูซีฟซึ่งมีเฉพาะงานนี้งานเดียวโดยจะให้สิทธิ์เฉพาะผู้ซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการดังกล่าวเท่านั้นสามารถซื้อ
BE@RBRICK ตัวพิเศษ กลับไปเป็นของที่ระลึกได้
ด้วยจุดเด่นของผลงาน
BE@RBRICK แต่ละชิ้นเน้นการเติมเต็มจินตนาการและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมอย่างเต็มที่
ดังนั้นนักสะสมตัวยง ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ ผู้ที่หลงใหลป๊อปคัลเจอร์ ต้องห้ามพลาด
ขณะเดียวกันยังมีบริการเปิดใหม่
“POP-UP Other Café x BE@RBRICK”
พร้อมใช้โอกาสนี้แนะนำสถานที่ชวนผู้เข้าชมงานมาจิบกาแฟกับคาเฟ่สูงที่สุดชั้น 74
คิง เพาเวอร์ มหานคร ได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566
เป็นต้นไป เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00 น.
มาดื่มด่ำสัมผัสอโรมาอันหอมกรุ่นกลิ่นกาแฟกับ Other Café
คาเฟ่สไตล์มินิมัลผสมผสานความน่ารักของ BE@RBRICK พร้อมจะสร้างสรรค์เมนูต่าง
ๆ และเพลิดเพลินไปกับวิวท้องฟ้าและทัศนียภาพพาโนรามาของกรุงเทพฯสุดฟินแบบ 360 องศา
ซึ่งทาง “คิง เพาเวอร์ มหานคร”
มีของที่ระลึกจัดเตรียมไว้เช่นกัน โดยได้ร่วมออกแบบกับ BE@RBRICK
ให้เลือกซื้อก่อนกลับบ้าน เช่น เหรียญ Penny Press พวงกุญแจ ถุงผ้า เสื้อเชิ้ต แก้วน้ำ และอีกมากมาย
ผู้สนใจเข้าชมงานสร้างสรรค์ระดับโลกสามารถหาซื้อบัตรได้ตามรายละเอียดซึ่งมีให้เลือก
3
ประเภท ดังนี้
ประเภทที่
1
บัตรเข้าชมงาน BE@RBRICK WORLD WIDE TOUR 3 in Bangkok ที่ชั้น 74 จุดชมวิวภายในอาคาร คิง
เพาเวอร์ มหานคร ราคาคนละ 500 บาท
ประเภทที่ 2 บัตรเข้าชมงาน BE@RBRICK
WORLD WIDE TOUR 3 in Bangkok พร้อมบัตรขึ้นชมมหานคร
สกายวอล์ค ชั้น 78 เวลา 10.00 – 16.00 น. ราคาคนละ 1,100 บาท
ประเภทที่ 3 บัตรเข้าชมงาน BE@RBRICK WORLD WIDE TOUR 3
in Bangkok พร้อมบัตรขึ้นชมมหานคร สกายวอล์ค ชั้น 78 เวลา 16.00 –
19.00 น. ราคาคนละ 1,300 บาท
ห้ามพลาด !! ซื้อตั๋วเข้าชมนิทรรศการ “BE@RBRICK
WORLD WIDE TOUR 3 IN
BANGKOK” ตลอด 1 เดือนเต็ม ที่ชั้น 74 คิง เพาเวอร์ มหานคร ได้ที่ https://bit.ly/Book-Ticket-BEARBRICK โทร 02
677 8721 หรือ https://kingpowermahanakhon.co.th
ข่าวที่
3 พูลแมนคิงเพาเวอร์เสิร์ฟพิเศษมื้อค่ำ2วัฒนธรรม17-21ต.ค.นี้
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์
ชวนมาพบกับมื้ออาหารผสานสองวัฒนธรรมข้ามพรมแดน “ฟรอม บริตตานี ทู แบงค็อก :From Brittany to Bangkok Exclusive Dinner รังสรรค์จากความหลงใหลของคัลลินารี มาสเตอร์ดาวมิชลิน 'มาร์ค
บริออง' ในโอกาสพิเศษเยือนห้องอาหารเท็นชิโนะ17-21 ตุลาคม
2566 นี้เท่านั้น
ห้ามพลาด
!! อาหารมื้อค่ำสุดพิเศษ 4-คอร์ส
นำเสนอคู่รสชาติและรสสัมผัส ญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส ชวนประทับใจ
พลางขับกล่อมเอกลักษณ์วัตถุดิบแต่ละชนิดอย่างลงตัว เช่น ความสดใหม่ของปูแมงมุม
รสเปรี้ยวอมหวานของส้มยูซุ เนื้อวากิวทาจิมะชั้นเลิศ วัตถุดิบเลอค่าอย่างทรัฟเฟิล
และ รสหอมหวานของดอกชบา
ทุกรายการอาหารสร้างสรรค์เพื่อนำเสิร์ฟเฉพาะที่ห้องอาหารเท็นชิโนะใจกลางกรุงเทพฯ
อาหารค่ำมื้อพิเศษ
ฟรอม บริตตานี ทู แบงค็อก : From Brittany to Bangkok Exclusive
Dinner ปรุงพิเศษโดยเชฟมาร์ค บริออง มารับประทานได้ที่ห้องอาหารเท็นชิโนะ
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อเลือกรับประทาน 5 คอร์ส ราคาคนละ 5,500
บาทสุทธิ และ เลือกรับประทาน 5 คอร์ส พร้อมไวน์ Paring ราคาคนละ
7,900 บาทสุทธิ
ข่าวที่
4 ไทยตั้งSituation Command Centerเยียวยาฟื้นเชื่อมั่นจีน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.ประชุมนัดแรกร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หน่วยงานเกี่ยวข้องด้านการดูแลมาตรการความปลอดภัย
เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องหลังเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อ 3 ตุลาคม
2566 แล้วเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์จบลงอย่างรวดเร็ว
นับจากนี้เป็นต้นไป ททท.พร้อมจะเร่งดำเนินการร่วมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับความปลอดภัยทุกพื้นที่
พร้อมทั้งมีมาตรการเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ อำนวยความสะดวกกับผู้บาดเจ็บ ควบคู่กับการสื่อสารภาพลักษณ์และความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ
ครอบคลุม 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
นายจักรพงษ์ แสงมณี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันพุธที่ 4 ตุลาคม
2566 ได้เรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อวางแนวทางหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน
โดย 2 กระทรวงหลักคือ
กระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องทำงานร่วมกันเชิงบูรณาการ พร้อมทั้งประกาศจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน
หรือ Situation Command Center โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของไทย
ทำหน้าที่เป็นศูนย์สื่อสารกับสถานทูตต่าง ๆ ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องมากที่สุด
เบื้องต้นหลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งแรกทางศูนย์
Situation Command Center
จะเดินหน้าทำทันที 3 ภารกิจหลัก
ได้แก่ 1.ฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักเดินทางทั่วโลกที่จะเดินทางเข้าไทย
โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน 2.ควบคุมดูแลมาตรการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของต่างชาติในไทย
3.ประสานให้ความช่วยเหลือดูแลระยะเร่งด่วนกับญาตของผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ
และผู้ป่วยในไทย
นายจักรพงษ์
กล่าวว่า
ในอนาคตจะต้องมาร่วมมือกันช่วยกันคิดลงมือทำอย่างจริงจังทั้งเรื่องสุขภาพจิตของประชาชนไทยทุกคน
และการควบคุมดูแลกฎหมายการซื้ออาวุธปืนทั้งหลาย จะต้องหันมาดูแลอย่างจริงจัง
แต่สถานการณ์ดังกล่าวได้จบสิ้นลงเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้มีสถานการณ์ต่อเนื่องใด ๆ
เกิดขึ้นอีก
ส่วนการประชุมเร่งด่วนเช้าวันนี้มีผู้เข้าประชุมและแถลงข้อมูลร่วมกัน
นำโดย นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวสุดาวรรณ
หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ทางด้าน
“นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไทยต้องเร่งปรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย
เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาคืนมาโดยเร็ว แนวทางหลักจะต้องบูรณาการทำงานร่วมกันกับหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การถอดบทเรียนผลกระทบที่เกิดขึ้นแต่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก
ส่วนมาตรการการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานตรงไปยังญาติผู้เสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจีน
เพื่อแสดงความเสียใจ และรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยว สปป.ลาว ที่ได้รับบาดเจ็บอีก
1 ราย ทำทุกอย่างให้เต็มที่และดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการแถลงข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานเกี่ยวข้องมีสื่อมวลชนจากจีนและเมียนมาตั้งคำถามโดยเน้นไปยังนโยบายของรัฐบาล
คือ
สื่อมวลชนจีนตั้งคำถามถึงการประเมินผลกระทบที่จะเกิดตามมาต่อเนื่องเรื่องวีซ่าฟรีจีนเที่ยวเมืองไทยหรือไม่อย่างไร
ทางกระทรวงการต่างประเทศยืนยันจะต้องรอดูต่อไปอีกสักระยะถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างมากน้อยขนาดไหน
จากนั้นก็จะต้องปรับนโยบายให้สอดคล้องกับความกังวลดังกล่าวได้ตรงปัญหาอย่างแท้จริง
ขณะที่สื่อเมียนมาระบุแนวทางการให้ความช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตชาวเมียนมา
เนื่องจากเป็นเสาหลักทำงานหารายได้ส่งเสียให้ทางครอบครัวในเมียนมาตลอดทุกเดือน
ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยจะได้ดำเนินการช่วยเหลือตามสมควรต่อไป
“นายศิษฎิชัวร
ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA/แอตต้า)
กล่าวว่าในฐานะผู้นำสมาคมนำเข้านักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยรวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนด้วยนั้น
มองว่าเหตุการณ์กราดยิงในสยามพารากอน
แล้วมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตย่อมส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน
มีหน้าที่ต้องจับมือกันทำงานเชิงรุกแบบเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากตลาดจีนซึ่งเพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้วีซ่าฟรีเดินทางมาไทยเริ่ม
25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์ผลกระทบต่อเนื่องว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
แล้วหาวิธีแก้ไขโดยเร็ว
ข่าวที่ 5 ซีอีโอบางจากหนุนน้องใหม่โรงกลั่นศรีราชาชูพลังงานยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นำผู้บริหารบริษัทบางจากฯ
เข้าเยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของบางจาก โดยได้พบผู้บริหารพร้อมมอบของที่ระลึกสร้างขวัญกำลังใจพนักงานในการทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งช่วงนี้โรงกลั่นต้องหยุดดำเนินการผลิตบางส่วนเพื่อซ่อมบำรุงตามแผนงานประจำปี 2566
โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา
เป็นโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 2 ของกลุ่มบริษัทบางจาก มีกำลังการผลิตติดตั้ง (nameplate capacity)
174,000 บาร์เรลต่อวัน ทางบางจากฯเข้าเป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นแห่งนี้ภายหลังเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31
สิงหาคม 2566
ตั้งเป้าหมายจะยกระดับพัฒนาโรงกลั่นน้ำมันน้องใหม่แห่งนี้ให้เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจกลุ่มบริษัทบางจาก
ร่วมมือกันเดินหน้าสร้างการเติบโตสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยขอให้ทุกคนปฏิบัติภารกิจมุ่งเน้นความปลอดภัยด้วยหลัก
Everyone Goes Home Safely Everyday ทุกคนกลับบ้านปลอดภัยในทุก
ๆ วัน เพื่อสร้างจิตสำนึกให้พนักงานมุ่งมั่นทำงานอย่างปลอดภัยตลอดเวลา
และเป็นองค์กรที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดต่อไป
ปัจจุบัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนพัฒนา “กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน” เป็นผู้นำด้านการกลั่นน้ำมันของประเทศ
ด้วยกำลังการผลิตรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex
Refinery มาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง ได้แก่ 1.โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง และ 2.โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมขยายสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันผ่าน บริษัท บีซีพี เทรดดิ้ง
จำกัด (BCPT)
รวมทั้งต่อยอดเครือข่ายธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิงผ่าน
บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL)
รวมถึงลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ผ่าน บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด(BSGF) ด้วยโครงสร้างการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพ
พร้อมจะสนับสนุนพลังงานที่เป็นประโยชน์กับภาคอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน
ข่าวที่
6 TCEBนำไทยคว้าเจ้าภาพประชุมFIFAต่อยอดชิงจัดบอลโลก
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB/ทีเส็บ” เปิดเผยว่า ล่าสุดสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
หรือ FIFA : Federation Internationale de Football Association เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสามัญประจำปีสมัยที่ 74 หรือ FIFA Congress 2024 จะมีขึ้นวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 ที่กรุงเทพฯ เป็นงานประชุมสามัญประจำจัดทุกปี โดยมีกิจกรรมสำคัญให้สมาชิกFIFA ทั่วโลก 211 สมาคม ต่อเนื่องถึงเรื่องการเสนอตัวชิงตำแหน่งเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก
(World Cup) และเสนอตำแหน่งประธาน FIFA คนต่อไป
ระหว่างการประชุมจะมีสมาชิกทั่วโลกเดินทางมาไทยกว่า 1,000 คน พร้อมทั้งจะคัดเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลกหญิงในปี
2570 (ค.ศ.2027)
ส่วนการประชุมครั้งนี้ไทยจะสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกว่า
38.31 ล้านบาท และจะสร้างมูลค่าเพิ่มเข้าสู่เศรษฐกิจประเทศอีกประมาณ 21.25 ล้านบาท
ทั้งยังได้ช่วยยกระดับส่งเสริมให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการรวมตัวกันของชุมชนกีฬาระดับโลกด้วย
ความสำเร็จของไทยที่ได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม FIFA Congress 2024
วันที่ 17 พฤษภาคม 2567
ดึงงานมาจัดได้เพราะความร่วมมือระหว่างทีเส็บกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทำหน้าที่เข้าร่วมประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการจัดงานภายใต้โครงการ One Ministry One Convention
กระทั่งล่าสุดทาง FIFA ส่งจดหมายยืนยันมาเรียบร้อยแล้วให้ไทยเป็นประเทศเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งสำคัญนี้
สำหรับงานประชุม FIFA Congress 2024 จะเป็นรายการใหญ่ที่ตอกย้ำสร้างความเชื่อมั่นและชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดงานระดับโลกตามแนวทางของรัฐบาล รวมถึงสามารถต่อยอดการเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกต่อเนื่องไปได้ด้วย
โดยความร่วมมือระหว่าไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนซึ่งพร้อมจับมือเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกร่วมกัน เนื่องจากข้อกำหนดของ FIFA ระบุประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพการจัดฟุตบอลโลกได้จะต้องเคยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม FIFA Congress มาแล้วนั่นเอง
โดยเมื่อวันที่ 25-30 กันยายน 2566 ทีเส็บร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การต้อนรับคณะทำงานจาก FIFA 5 ราย
เดินทางเข้าร่วมประชุมและลงพื้นที่สำรวจศึกษาความพร้อมของสถานที่หลังประกาศประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานอย่างเป็นทางการ
ซึ่งทางทีเส็บจะได้สนับสนุน
และประสานงานอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอนการเตรียมการจัดงาน ขณะนี้วางแผนนำ MICE LANE ในสนามบินหลักบริการอำนวยความสะดวกให้สมาชิกของ
FIFA สามารถเดินทางผ่านเข้าเมืองในช่วงงานประชุมอย่างสะดวกราบรื่น
สร้างความประทับใจที่เลือกไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว
ช่วงที่ 2 หนาวนี้ เที่ยวที่ไหนดี เที่ยวไทย “ภาคเหนือ” ทั้งฟินและปัง
ตั้งแต่ปลายตุลาคม 2566 เป็นต้นไป มีให้เลือก 4 ช่วง 15 เทศกาล งานบุญ ทุ่งดอกไม้ ธรรมชาติสวย ๆ
ปักหมุดพิกัดที่ชอบและที่ใช่ได้เลย แล้วดูแลสุขภาพ “8วิธีเตรียมสุขภาพให้ดี”
รับมือฤดูหนาว และข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “การบินไทยจัด Thai Networking กระตุ้นคู่ค้าตั๋วในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อัดฉีดยอดขายไฮซีซันปี 66 และโลว์ซีซันปี67 ข่าวที่สอง “ไทยเวียตเจ็ท” แจกโปร
10.10 Hot Deals ขายตั๋วบินเริ่ม 700 บาท
ท่องเที่ยว
– เที่ยวเหนือ!!หนาวนี้เลือกพิกัดฟิน4ช่วง15เทศกาลความสุข
สายลมแห่งความเย็นปลายฝนต้นหนาวพัดมาย้ำเตือนให้รู้ว่า
ถึงเวลาวางแผนออกเดินทางท่องเที่ยว “ภาคเหนือ”
ไปสัมผัสประสบการณ์ที่มีความหมาย 1 ปีมีเพียงครั้งเดียว
เดินทางแบบสบาย ๆ 4 ช่วง เลือกท่องเที่ยวได้ 15 งาน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ต่อเนื่องไปจนถึงกุมภาพันธ์
2567 ดังนี้
ช่วงที่ 1 เดือนตุลาคม 2566 เที่ยว 3 งาน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.งานประเพณีสารทไทย
กล้วยไข่ และของดีจังหวัดกำแพงเพชร” อำเภอเมือง จ.กำแพงเพชร 2.ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” อำเภอเมือง จ.เพชรบูรณ์ วันที่
10 - 19 ตุลาคม ประเพณีตักบาตรเทโวอำเภอเมือง
จ.อุทัยธานี
ช่วงที่ 2
เดือนพฤศจิกายน 2566 สนุกสนานงานเทศกาลเพ็ญเดือนสิบสองเลือกพิกัดปัง
ๆ 6 พื้นที่ ได้แก่ 1.ประเพณียี่เป็ง อำเภอเมือง จ.เชียงใหม่ 2.เทศกาลโคมแสนดวง
อำเภอเมือง จ.ลำพูน 3.ประเพณีเวียนเทียนทางน้ำ กลางกว๊านพะเยา @ อำเภอเมือง
จ.พะเยา 4.ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ อำเภอเมือง จ.สุโขทัย 5.ประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน
อำเภอเมือง จ.ลำปาง 6.ประเพณีลอยกระทงสาย
ไหลประทีปพันดวง อำเภอเมือง จ.ตาก
ช่วงที่ 3 เดือนธันวาคม 2566-มกราคม 2567 วางแผนท่องเที่ยว 2
เทศกาลแห่งปี ได้แก่ 1. เทศกาลหุ่นโคมไฟนครสวรรค์”
อำเภอเมือง จ.นครสวรรค์ 2.เทศกาลชิมชา ซากุระงาม
วัฒนธรรมชนเผ่า และกาแฟแม่สลอง” อำเภอแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
หรือจะไปชมความสวยงามสุดอลังการเทศกาลดอกไม้เมืองเหนือบาน
ระหว่างพฤศจิกายน 2566- มกราคม 2567 ไฮไลต์ 3 พื้นที่
ได้แก่ 1. 3. เทศกาลดอกบัวตองบานดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอนท้องทุ่งสีเหลืองอร่ามทั่วทั้งภูเขา
ซึ่งถูกปูด้วยพรมสีเหลืองของดอกบัวตอง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ 2.ชมพูภูคาบาน ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอบ่อเกลือ
และสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน อำเภอนาน้อย จ.น่าน 3.ชมต้นพญาเสือโคร่ง
(ซากุระเมืองไทย) อำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก
ช่วงที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ท่องเที่ยว 1 งานใหญ่
นักเดินทางสายบุญ สายศรัทธา เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเข้าร่วมงาน “ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ”
อำเภอเมือง จ.แพร่ จัดช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม ของทุกปีตื่นตากับขบวนแห่ตุงชัยยาวที่สุดในโลก แล้วก็เข้าร่วมสักการะพระธาตุประจำปีขาล
ขอพรพระเจ้าทันใจ ตามเชื่อเมื่อได้เคารพบูชาจะได้รับอานิสงส์ผลบุญสมปรารถนาดังใจ
รับโชค และเป็นมงคลกับชีวิต สุขใจตลอดทั้งปี
สุขภาพ –รู้ยัง!!8วิธีต้อนรับฤดูหนาวเตรียมสุขภาพให้ดีลดเจ็บป่วย
การดูแลรักษาสุขภาพให้ปกติดีอยู่ตลอดจะลดโอกาสการเจ็บป่วยลงได้มากที่สุด
โดยทั่วไปควรปฏิบัติ 8 วิธี ดังนี้
1.
รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอและครบหมู่
ดื่มน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป
2.
อยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท
ไม่เข้าไปในที่แออัดโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
3.
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และยาเสพติดต่าง ๆ เพราะอาจทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม
มีโอกาสติดเชื้อง่าย
4.
หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยเป็นไข้หวัดอยู่
และไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน
5. ล้างมือบ่อย
ๆ เนื่องจากอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่อยู่ตามสิ่งของต่าง ๆ เช่น ราวบันได
ลูกบิดประตู แก้วน้ำ
แล้วเผลอไปสัมผัสบริเวณหน้าได้ โดยล้างมือด้วยสบู่ธรรมดา 15-20 วินาที
หรือใช้น้ำยาล้างมืออื่น ๆ
6.
รักษาร่างกายให้อบอุ่นช่วงฤดูหนาวหรือช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง พื้นที่หนาวมากควรสวมหมวกเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย
7.
หากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรมีผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอจาม
ไม่คลุกคลีกับผู้อื่นและหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
8.
ปัญหาเรื่องผิวหนัง ควรทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ
ถ้าอากาศหนาวมาก ไม่อาบน้ำนาน ๆ ในพื้นที่หนาวมาก
อาจไม่ต้องอาบน้ำวันละสองครั้งเหมือนฤดูอื่น
หลังอาบน้ำควรทาโลชั่นหรือน้ำมันทาผิว
หลังจากเช็ดตัวหมาด ๆ
ในกรณีที่มีปัญหาริมฝีปากแตก ควรทาด้วยลิปสติกมันและไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อย
ๆ
ทุกคนจึงควรหมั่นคอยดูแลสุขภาพให้ดีตลอดเวลาเพราะจะเป็นการป้องกันโรคที่คุ้มค่า
สำหรับ “ผู้อายุยังไม่มาก” ก็ควรดูแลสุขภาพให้ดีเข้าไว้ เพราะสุขภาพที่ดีตอนอายุยังน้อยจะเป็นเกราะป้องกันโรคตอนอายุมากขึ้นได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–บินไทยจัดThai Networkingญี่ปุ่น/เกาหลีปั๊มไฮปี66-โลว์ปี67
นายกรกฏ ชาตะสิงห์
ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานเปิด
“THAI Networking : The Rising of Northern” เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับตัวแทนขายตั๋วโดยสารชั้นนำในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ที่โรงแรม สลิล ริเวอร์ไซด์ มุ่งทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดรองรับการขยายเครือข่ายจุดบิน
ผนวกเข้ากับแผนการขายเที่ยวบินในตารางบินฤดูหนาวไฮซีซันปลายปี 2566 และเตรียมความพร้อมกระตุ้นตลาดนักเดินทางโดยเครื่องบินช่วงนอกฤดูเดินทาง (Low
Season) ปี 2567
ภายในงาน “THAI Networking” “The Rising of Northern” ได้อัพเดทความคืบหน้าในการบินไทยส่วนสำคัญ
4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 สื่อสารถึงทิศทางการดำเนินงานของการบินไทย
เรื่องที่ 2 ชี้แจงความคืบหน้าแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ เรื่องที่
3 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางบินของไทยสมายล์ เรื่องที่ 4
แนะนำเส้นทางบินใหม่ ระหว่างไทยสู่อิสตันบูล ประเทศทูร์เคีย (ตุรกี)
การบินไทยเตรียมจะเปิดบริการเริ่ม1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป
รวมทั้งได้นำเสนอผลิตภัณฑ์
พร้อมบริการบนเครื่องบินรูปแบบใหม่ เช่น ชุดของใช้ส่วนตัวบนเครื่องบิน (Amenity Kits) จากแบรนด์ จิม ทอมป์สัน
ช็อกโกแลตจากกานเวลา และกาดโกโก้ บริการสื่อสาระบันเทิงบนเครื่องบิน (Inflight
Entertainment) และไฮไลต์ “เมนูอาหารไทย” แบบ All day dine พร้อมมอบบริการให้ผู้โดยสารในชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ รังสรรค์เมนูจานเด่น
โดยฝีมือ “เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ” เจ้าของรางวัลเชฟหญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย ปี 2013
(Asia’s 50 Best Restaurants 2013) จากการจัดอันดับของนิตยสาร Restaurant
ที่จะสร้างความประทับใจให้ผู้โดยสารคนไทยและทั่วโลกที่เลือกใช้การบินไทยทุกเที่ยวบิน
ข่าวที่สอง
-ไทยเวียตเจ็ทเทโปรตั๋วบิน“10.10HotDeals”เริ่ม700บาท
สายการบินไทยเวียตเจ็ท รายงานว่า
ได้จัดกิจกรรมฉลองวันดับเบิลเดย์ เดือนตุลาคม 2566 ด้วยโปรโมชั่น “10.10 Hot Deals” หรือวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ด้วยโปรโมชั่นตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาฮ็อตสุด
ๆ เริ่มต้นเพียง 700 บาท (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียม) ซื้อตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์
www.vietjetair.com ในเครือข่ายเส้นทางบินทั้งหมดของไทยเวียตเจ็ท
ประกอบด้วย
“เส้นทางบินภายในประเทศ” ราคาตั๋วเริ่มต้นแค่
700 บาท (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียม) จองซื้อได้ตั้งแต่วันนี้
3 – 9 ตุลาคม 2566 แล้วนำไปใช้เดินทางได้ข้ามปี
ระหว่าง 16 ตุลาคม 2566 – 30
มิถุนายน 2567
“เส้นทางบินระหว่างประเทศ” ราคาตั๋วเริ่มต้นเพียง
1,700 บาท จองซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ 3 – 12
ตุลาคม 2566 แล้วนำไปใช้เดินทางได้ในช่วง 6
เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 30
มีนาคม 2567 ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
สำหรับโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษของไทยเวียตเจ็ท
ซื้อแล้วนำไปใช้บินทุกเส้นทางที่ไทยเวียตเจ็ทมีบริการ “ภายในประเทศ” ไป-กลับ กรุงเทพฯ
(สุวรรณภูมิ) สู่ 3
ภูมิภาคของไทย คือ “ภาคเหนือ” 2
จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย “ภาคใต้” 4 จังหวัด
ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่(สงขลา) สุราษฎร์ธานี “ภาคอีสาน” อีก 3 จังหวัด
ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี รวมทั้งมีเที่ยวบินข้ามภูมิภาคจาก ภาคใต้สู่ภาคเหนือ
ได้แก่ ภูเก็ต ไปยัง เชียงใหม่ และเชียงราย
ส่วนเส้นทางบินระหว่างประเทศ
ไป-กลับ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ปลายทางเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในอาเซียนและเอเชีย
ได้แก่ เวียดนาม พนมเปญ สิงคโปร์ ฟูกุโอกะ(ญี่ปุ่น) และไทเป (ไต้หวัน)
และเส้นทางบินตรงจากเชียงใหม่
สู่ โอซาก้า(ญี่ปุ่น)
ผู้โดยสารคลิกจองซื้อตั๋วโดยสารราคาพิเศษนี้ได้ที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com แอปพลิเคชัน
“Vietjet Air” หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊กที่ www.facebook.com/VietJetThailand หรือตัวแทนกับสำนักงานขายตั๋วโดยสาร
พร้อมทั้งเปิดให้ชำระเงินด้วย “ทรูมันนี่ วอลเล็ท” และบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต
อย่างสะดวกสบาย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น