เสกสรร ศรีไพรวรรณ
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานขอนแก่น
ททท.ขอนแก่นนำร้อยแก่นสารสินธุ์Q1/67โกยเกือบหมื่นล้าน
บูมเที่ยวฉ่ำๆหน้าฝน“กอล์ฟไทย/ลาว-ทัวร์เด็กไดโนพาเลาะ”
ผนึกสภาอุต/หอการค้าบูมปลาร้าหมอลำปูพรมเวิลด์อีเวนต์
ช้อปของดีที่คิงเพาเวอร์ไทยเนสสเตชั่นผ้าคราม+สินค้าไทย
คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดชุดใหญ่รวมไอเทมดิวตี้ฟรีของแท้
ททท.-N.C.C.รวม3งานThailandGolf&DiveExpoโกย200ล้าน
บางจากต่อยอดSI
Sphereนำธุรกิจปั้นอนาคตเยาวชนไทย
ทริปสนุกเที่ยวกาญจนบุรี5พิกัดหลบร้อนไปพึ่งเย็นได้เลย
อาหาร4ชนิดต้องระวังจะกินช่วงหน้าร้อนดูให้ดีก่อนทุกครั้ง
AWCดึงธุรกิจ300รายร่วม“เออีซีฟู้ดเลาจน์”รับ4เทรนด์ใหม่
นายกฯ-บอร์ดซอฟท์พาวเวอร์เร่งเกิดแน่OFOS13โปรเจกต์
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #ทททขอนแก่น #เที่ยวกาญจนบุรี
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/WJZWeRvkGXJF6K21/?mibextid=oFDknk
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “เสกสรร ศรีไพรวรรณ” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดมหกรรมกระตุ้นพื้นที่ “ร้อยแก่นสารสินธุ์” 3 เดือนแรก 4 จังหวัด ขอนแก่น-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม-กาฬสินธุ์ ตุนรายได้รวมเฉียด 1 หมื่นล้าน เดินหน้าโปรโมทเที่ยวหน้าฝน/กรีนซีซัน ลุยจัด “นคร แก่น สบายดี เวียงจันทน์ กอล์ฟ เน็ตเวิร์คกิ้ง 2567” ปลุกตลาดนักกอล์ฟ ไทย สสป.ลาว เริ่ม มิ.ย.นี้ ต่อด้วย “ไดโนพาเลาะ” เจาะทัวร์นักเรียน โรงเรียนเอกชนและ นานาชาติ ผนึกสภาอุตสาหกรรม หอการค้า จัดครั้งแรกเทศกาล “ปลาร้าหมอลำ” ปั้นเวิลด์ อีเวนต์ 26-29 ธ.ค.67
นายเสกสรร
ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานขอนแก่น เปิดเผยว่า
หลังประสบความสำเร็จจากเทศกาลสงกรานต์ เตรียมเดินหน้ากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวหน้าฝนหรือกรีนซีซันทันทีในพื้นที่รับผิดชอบ
“ร้อยแก่นสารสินธุ์” โดยมีขอนแก่นเป็นศูนย์กลาง เชื่อมโยงกับร้อยเอ็ด มหาสารคาม
กาฬสินธุ์ ธรรมชาติจะเขียวสบายตา สามารถจัดกิจกรรมได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง
โดยโครงสร้างนักท่องเที่ยวจะเป็นอีสานท่องเที่ยวอีสานด้วยกันเองประมาณ 60-70 % จึงเลือกขยายผลเจาะกลุ่มคุณภาพ
โครงการแรก “นคร แก่น สบายดี เวียงจันทน์ กอล์ฟ เน็ตเวิร์คกิ้ง 2567” เจาะกลุ่มนักกอล์ฟ และนักธุรกิจ ช่วงเดือนมิถุนายน 2567 เนื่องจาก ททท.มีพันธมิตรในขอนแก่นทั้ง หอการค้า สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมผู้ประกอบการสนามกอล์ฟ ขนาดใหญ่ก็จะมี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย รวมทั้งใน เวียงจันทน์ หลวงพระบาง สปป.ลาว
ททท.หารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น
ออกแบบจัดการแข่งขันกอล์ฟแบบเหย้าเยือน 3 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา
ผนวกเข้ากับ สปป.ลาว มีประชากรกอล์ฟหลายพันคน
โครงการที่ 2 การท่องเที่ยวพื้นที่บรรพชีวิต จัดกิจกรรม “ไดโนพาเลาะ” หรือไดโนเสาร์พาเที่ยว ตอน Unseen Khon Kaen & Kalasin Geopark เมืองหลักขอนแก่นเชื่อมเมืองรอง/เมืองน่าเที่ยว นำร่องเจาะตลาดนักเรียน นักศึกษา โรงเรียนเอกชน พื้นที่เป้าหมายในขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี ซึ่งมีกำลังจับจ่ายใช้เงิน และต้องการหาแหล่งท่องเที่ยวไม่ไกลมาก สามารถทำได้ช่วงฤดูฝน และมีพิพิธภัณฑ์ ไดโนเสาร์ภูเวียงจังหวัดขอนแก่น และพิพิธภัณฑ์สิรินธร อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ให้ชมด้วย
เลือกนำเสนอเส้นทางเชื่อมโยงจาก “ขอนแก่น” เข้าไปยัง “กาฬสินธุ์” เพราะเป็นจังหวัดแหล่งโบราณคดีมีฟอสซิลไดโนเสาร์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของเอเชีย ปัจจุบันยังมีการขุดค้นอยู่เรื่อย ๆ และขุดต่อเนื่องโดยกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งทุกฝ่ายพยายามช่วยกันดีไซน์สายพันธุ์ใหม่ ปัจจุบันในขอนแก่นพบไดโนเสาร์ 13 สายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่ 13 พบในกาฬสินธุ์ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นสายการพันธุ์พบล่าสุดแห่งแรกในประเทศไทย
ขณะนี้ ททท.จับมือกับ เนเจอร์ แคมป์ เป็นบริษัทจัดนำนักท่องเที่ยวจากโรงเรียนต่าง ๆ เข้ามาท่องเที่ยวแหล่งบรรพชีวิน แหล่งไม้กลายเป็นหิน วัดและกิจกรรมชุมชนต่าง ๆ มาประจำทุกปี ปีนี้จึงจะร่วมมือกันดีไซน์การท่องเที่ยวทัศนศึกษา School trip ไปเสนอตามโรงเรียนต่าง ๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ตลาดนักเรียนในโรงเรียนเอกชน และนานาชาติ เข้ามาท่องเที่ยวขอนแก่นและกาฬสินธุ์เพิ่มสูงขึ้น โดยจะใช้วิธีทำเซลคอลไปเคาะประตูตามโรงเรียนต่าง ๆ พร้อมกับนำเสนอโปรดักซ์ใหม่ ๆ แหล่งท่องเที่ยวไดโนเสาร์ เป็นกลยุทธ์การทำตลาดเชิงรุกเต็มรูปแบบ
ผอ.เสกสรร
กล่าวว่า ขอนแก่นเป็นเมืองใหม่ก่อตั้งยังไม่ถึง 100 ปี
จึงวางตำแหน่งเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ และโลจิสติกส์ จึงใช้อีเวนต์สร้างเศรษฐกิจให้คึกคัก
ตามการพยากรณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่นได้ประเมินพื้นที่มีศักยภาพเติบโตได้ด้วยการดีไซน์กิจกรรม
โดยเฉพาะการจัดเทศกาลขนาดใหญ่ หลังสงกรานต์ ททท.กับบริษัทพัฒนาเมือง และพันธมิตร
หอการค้า สภาอุตสาหกรรมจังหวัด จะร่วมกันขยับทำงานระดับ World Event นำร่องโครงการ
“ปลาร้าหมอลำ” เป็นครั้งแรก เตรียมแถลงข่าวปลายเดือนเมษายน 2567
โดยจะนำเสนอแบบผสมผสานอาหารหมักดองซึ่งเป็นภูมิปัญญาอีสาน
และเรื่องราวดนตรีหมอลำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของขอนแก่น ซึ่งมี 3
ยุทธศาสตร์ใหญ่ ได้แก่ หมอรำ อาหาร และเวลเนส ดังนั้นการจัดโครงการ “ปลาร้าหมอลำ” 26-29 ธันวาคม
2567 ปีแรกจะนำร่องตลาดในประเทศ
เชิญชวนคนอีสานกลับบ้านมาร่วมงาน จากนั้นปีต่อ ๆ
ไปมีเป้าหมายจะดึงตลาดต่างประเทศเข้ามาด้วย
งานจะนำเสนอ
2 รูปแบบ ได้แก่
รูปแบบที่ 1 นิทรรศการ
ปลาร้า ทำเรื่องอาหารนวัตกรรมทำจากปลาร้า มีฟอรัม เสวนา การประกวดอาหาร
ประชันการแข่งขัน นำเชฟอีสานที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ รูปแบบที่ 2 เวทีการแสดงหมอลำ
ทั้งแบบดั้งเดิม และ Cross
Over นำศิลปินรุ่นใหม่มาแสดง ผสมผสานวัฒนธรรมร่วมสมัย
เป็นไฮไลต์ที่จะดึงนานาชาติเข้ามาชมงาน โดย ททท.วางแผนจะจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ในต่างประเทศ
ถือเป็นงานอีเวนต์ระดับประเทศ และนานาชาติ ผลักดันขอนแก่นก้าวสู่ เวิลด์ อีเวนต์
ในอนาคตต่อไป
ผอ.เสกสรร
กล่าวว่า การวางกลยุทธ์ขอนแก่นเชื่อมโยงท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว/เมืองรอง
และสามารถเที่ยวได้ 365 วัน
ตอนนี้ตลาดแรกที่สามารถทำได้ทันทีคือกลุ่มนักเรียน นักศึกษา
ถึงแม้กาฬสินธุ์จะยังไม่มีสนามบิน
แต่ก็ยังมีที่ขอนแก่นขยายปรับปรุงพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น ส่วน “ร้อยเอ็ด”
มีเที่ยวบินทุกวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำ
ทั้งสองจังหวัดมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเที่ยวบิน 70 % จนถึงช่วงเทศกาลเกือบเต็ม
100 %
ขณะที่ “สถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวม”
ภายในประเทศมีตัวเลขเบื้องต้นระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 พื้นที่ตลาด
“ร้อย แก่น สาร สินธุ์” ทำรายได้หมุนเวียนเข้าพื้นที่แล้วประมาณ 9,983 ล้านบาท
ประกอบด้วย
“ขอนแก่น”
มีผู้เยี่ยมเยือน 2.7 ล้านคน-ครั้ง
เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.3 %
รายได้
8,300 ล้านบาท
อัตราเข้าพักเฉลี่ย 67 %
“ร้อยเอ็ด”
มีผู้เยี่ยมเยือน 414,000
คน-ครั้ง
รายได้ 588 ล้านบาท
ซึ่งพร้อมจะขยับขึ้นเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักในอนาคตอันใกล้นี้
“มหาสารคาม”
มีผู้เยี่ยมเยือน 289,000
คน-ครั้ง
รายได้ 460 ล้านบาท
“กาฬสินธุ์”
มีผู้เยี่ยมเยือน 414,000
คน-ครั้ง รายได้ 635 ล้านบาท
สำหรับตัวเลขรายได้และนักท่องเที่ยวรวมเบื้องต้นเป็นไปในทิศทางบวกเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด
โดยได้รับอานิสงจากเทศกาลสงกรานต์
แต่ละจังหวัดจัดงานตามอัตลักษณ์ท้องถิ่นนักท่องเที่ยวสนใจเข้าไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ท้ายที่สุดแล้วขอฝากถึงทุกคนลองเลือกการเดินทางมาเที่ยวอีสานหน้าฝนฤดูกรีนซีซัน
สัมผัสธรรมชาติเขียวขจี ด้วยราคาค่าบริการต่าง ๆ จับต้องได้ ผลจากการทำทดสอบสินค้าหรือ
product testing โครงการกอล์ฟ
เน็ตเวิร์คกิ้ง ด้วยมีพลังดึงดูดเรื่องศักยภาพของสนามกอล์ฟ
ราคาเล่นแต่ละสนามไม่แพงจนเกินไป
แล้วตามปกตินักธุรกิจจะเดินทางข้ามจากเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทน์ สปป.ลาว
มาเล่นกอล์ฟต่อเนื่องในหนองคาย อุดรธานี ไปจนถึงนครราชสีมา
จึงน่าจะทำกิจกรรมกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวหน้าฝนโปรโมทเล่นกอล์ฟ “นคร แก่น สบายดี
เวียงจันทน์ เน็ตเวิร์คกิ้ง กอล์ฟ 2567”
จึงขอเชิญชวนนักกอล์ฟในกรุงเทพฯ
ภาคอีสาน มาเล่นกอล์ฟในโครงการนี้ได้อย่างสะดวกสบาย มีโปรโมชั่น โรงแรมที่พักใน
นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย เพื่อสร้างประสบการณ์ความประทับใจ
เริ่มเดือนมิถุนายน 2567 เริ่มสนามแรกจะเป็นขอนแก่น
สนาม 2
อุดรธานี สนาม 3 นครราชสีมา
แล้วปลายปีจะปิดท้ายที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว
นักท่องเที่ยวและนักกอล์ฟสามารถอัพเดทข้อมูลต่อเนื่องได้ตลอดทางเว็บไซต์ อีสาน.com และของททท.สำนักงานขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 ช้อปของดีที่คิงเพาเวอร์ไทยเนสสเตชั่นผ้าคราม+สินค้าไทย
คิง เพาเวอร์ ชวนแวะมาชมและช้อป
“ผ้าย้อมคราม” ได้ในโครงการ THAINESS STATION สินค้าไทย
ร่วมใจเพื่อชุมชน สินค้าป้ายฟ้า ไม่ต้องมีไฟลต์บินก็ช้อปแล้วนำกลับบ้านได้ทันทีที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต และคิง เพาเวอร์
3 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต
ความงามแห่งสีน้ำเงินที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน
ผ้าย้อมครามเป็นของที่ระลึกที่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่งของเมืองไทย
ด้วยกระบวนการแบบพื้นบ้านโบราณที่ไร้สารเคมี จึงไม่เป็นอันตรายต่อผิว ใส่แล้วรู้สึกเย็นสบาย
และกลิ่นหอมจากการย้อมธรรมชาติยังช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
ทาง คิง เพาเวอร์
ร่วมต่อยอดและยกระดับสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย จัดแสดงและขายสินค้าไทย
ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า งานหัตถกรรมจากกระจูดและผักตบชวา ผ้าย้อมครามของลุ่มแม่บ้านและชุมชนในจังหวัดต่างๆ
ทั่วประเทศ เพื่อทำให้สินค้าไทยอยู่ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดชุดใหญ่รวมไอเทมดิวตี้ฟรีของแท้
คิง
เพาเวอร์ จัดชุดใหญ่ Ready to take off with KING POWER
ONLINE ช้อปของแท้ ดิวตี้ ฟรี สั่งซื้อสินค้าง่าย ๆ เพียงแค่ปลายนิ้ว จบที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ดาวโหลดแอปพลิเคชั่นคิง
เพาเวอร์ ได้ด้วยเช่นกัน
ไฮไลต์
สมัครสมาชิก ช้อปครบ 4,000 บาท ลดทันที 800
บาท คุ้มเกินคุ้ม
สำหรับสินค้า
Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย!
รับสินค้าที่สนามบิน จากนั้นก็รับ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.เครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท 3. ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
4.รับเลย! ส่วนลด 800 บาท
เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 5.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
อีกแคมเปญต้องช้อป “TOP PICKS OF
THE MONTH” เอาใจนักช้อปลดแรงตลอดทั้งเดือนเมษายน 2567 กับโปรตัวท้อป ลดสูงสุดถึง 50% ช้อปแบบไม่ต้องยั้ง
เพราะไม่มีขั้นต่ำ ไม่ต้องใส่โค้ด
ก็กดช้อปได้เลย พร้อมช้อปกระจายส่งท้ายเดือน กับโปรลดกระหน่ำ
ไอเทมเด็ดๆจากแบรนด์ในดีลพิเศษ กดช้อปวันนี้
พร้อมรอรับของได้ที่สนามบินขาออกประเทศ
ช้อปเพลินได้เลยแฟชั่นและแอคเซสซอรีย์
รวมเหล่าไอเทมทั้ง
แว่นตา นาฬิกา กระเป๋าหลากสไตล์ อย่างแบรนด์ MCM, FERRAGAMO,
COACH, FURLA, COCCINELLE, DANIEL WELLINGTON, TUMI และอื่นๆ
รีบช้อปสินค้าลงตะกร้า เมื่อถึงเวลาเดินทางก็ไปรับของที่สนามบินได้ตามที่ต้องการ
ข่าวที่
3 ททท.-N.C.C.รวม3งานThailandGolf&DiveExpoโกย200ล้าน
นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวภาพรวม 3 เดือนแรก มกราคม-มีนาคม
2567 มีการท่องเที่ยวในประเทศรวม 91,351,233 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.56% สร้างรายได้ 688,959.57
ล้านบาท
เดือนเมษายน-กันยายน นี้
ททท.ยังคงเดินหน้าเพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพและกลุ่มสนใจเฉพาะอย่างงาน
“Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” คาดตลอดงานจะเกิดการซื้อขายท่องเที่ยว 26,874
แพ็กเกจ และสร้างรายได้200 ล้านบาท
ททท.พร้อมสนับสนุน บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมเนจเมนท์ แอนด์
ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดพร้อมกัน 3 งาน ใน “Thailand
Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2024” ระหว่างวันที่ 16-19
พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ที่ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ตอกย้ำความพร้อมและศักยภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย
ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นโดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอื่น
ๆ ด้วย ผนวกกับสอดแทรกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำให้เกิดความยั่งยืน
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี.
แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า N.C.C.เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรม
“Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นพันธมิตรสนับสนุนตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน
โดยได้รวม 3 งานแสดงสินค้าทางการท่องเที่ยวทั้ง กอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมกลางแจ้ง
ระดมธุรกิจที่เกี่ยวข้องมานำเสนอขายระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 คาดจะมีผู้เข้าร่วมงาน 55,000 คน เกิดการซื้อขายภายในงานและต่อเนื่องรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตเป็นอย่างดี
ตลอดการจัดงาน 4 วัน จะเน้นโปรโมชั่นสินค้าและกิจกรรมขานรับกระแกท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ตลาดคนไทยและต่างชาติสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นทุกปี
มีผู้ประกอบการตอบรับเข้าร่วมถึง 500 บูธ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
25% เป็นต่างชาติ 20% ผนวกกับงาน "Thailand Dive Expo” ครบ 20 ปี จึงได้รวมสินค้าแบรนด์ชั้นนำยอดนิยมมาให้มากสุดครบที่สุด
ทำโปรโมชั่นพิเศษลดสูงสุดถึง 80 %
พบกับ 3
งานใหญ่ ได้แก่ งานแรก Thailand Dive Expo :TDEX มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจรทั้งสินค้าและบริการท่องเที่ยวดำน้ำ
ตั้งแต่คอร์สเรียน ทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ทใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำอุปกรณ์เสริมแบรนด์ดัง
อุปกรณ์ถ่ายภาพ เวทีเสวนา TDEX
Diver’s Talk พร้อมประกวดปีแรก “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 17” ชิงรางวัลกว่า 300,000 แสนบาท
ในโอกาสฉลอง 20 ปี การจัด Thailand Dive Expo ได้จัดทำของที่ระลึกสุดพิเศษลิมิเต็ดเอดิชั่น 3 แบบ
ได้แก่ 1.roma Book กลิ่น Aqua de TDEX
ให้ผู้ที่ซื้อสินค้าครบ 25,000 บาท 2.เซทผ้าปิดตา
TDEX Eyerest & Escape Set 3.ตุ๊กตาผ้าห่มสีสันสดใส TDEX
Box Fish” วางขายในงาน เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งนำไปมอบให้มูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
งานนี้มีธุรกิจดำน้ำเข้าร่วมกว่า 285 บูธ นำโดยแบรนด์ชั้นนำ
อุปกรณ์ดำน้ำ กล้องถ่ายภาพและวิดีโอใต้น้ำพร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพ
สถาบันสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐาน ทริปดำน้ำ บริการเรือ Liveaboard และDive site สวย ๆ ที่พักสุดคุม และอื่น ๆ
สถิติหลังโควิดกิจกรรมดำน้ำในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ปี 2566 ตลาดดำน้ำในไทย
กลุ่มโรงเรียนสอนดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำ เรือท่องเที่ยวดำน้ำ มีมูลค่าตลาดรวม 1,330
ล้านบาท ปัจจุบันมีเรือในไทยฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยบริการ 2
ประเภท คือ ประเภทกินนอนบนเรือ (Live aboard) กับเรือดำน้ำแบบเช้าไปเย็นกลับ
(Day Trip) ทำรายได้รวมปีละ
380 ล้านบาทต่อปี ส่วนการเรียนการสอนดำน้ำไทยมีทั่วโลกมาเรียนมากในพื้นที่ เกาะเต่า สมุย ภูเก็ต กระบี่ พัทยา ปี 2566
คาดมีผู้ที่เรียนดำน้ำจบจากไทยกว่า 20,000 คน
สร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท
งานที่ 2
Thailand Golf Expo 2024 จัดเป็นปีที่ 10 จะช่วยสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟต่อเนื่อง
พร้อมพีอาร์กอล์ฟรีสอร์ตและสนามกอล์ฟของไทยเข้าถึงผู้ซื้อตลาดในและต่างประเทศ
มีกิจกรรมแข่งขันพัตต์กอล์ฟ “1 พัตต์ 1
แสน” กับกิจกรรม “Swing
Quick Fix” กับเครื่อง Golf Simulator ปัจจุบันไทยไทยมีสนามกอล์ฟทั่วประเทศกว่า
200 แห่ง เป็นเอกชน 160
แห่ง และของรัฐ 40 แห่ง แนวโน้มภาพรวมปี 2567
นักกอล์ฟไทยและต่างชาติเติบโตกว่า 10%
งานที่ 3
Outdoor Fest 2024 จัดครั้งที่ 5 ตอบโจทย์การท่องเที่ยวกลางแจ้งทั้งทางบก
น้ำ และอากาศ จะมีผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศร่วมขายอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง
เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค รีสอร์ต แพ็กเกจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้ง
เวทีเสวนากับTravel Influencer นักเดินทางสายอนุรักษนิยม ช่างภาพดัง
และร่วมลุ้นโชครับรางวัลมากมาย รวมทั้งมี โซนคอมมูนิตี้ คาฟ แอนด์ แคมป์ โดมดูดาวและดวงจันทร์จำลอง
จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) โปรโมชั่นบัตร KTC
และเซ็นทรัล รับ cash back, e-Coupon และของสมนาคุณเพียบ
นางสาวสุทธิวรรณ อมาตยกุล
ผู้อำนวยการฝ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(ISMED) กล่าวว่า ได้ร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มที่จัดงาน Thailand Golf & Dive
Expo plus OUTDOOR Fest 2024
ให้ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อเข้าร่วมงานงานถึง 80 % โดยเฉพาะการสนับสนุนทันทีด้วยโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ
BDS ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
ข่าวที่
4 บางจากต่อยอดSI Sphereนำธุรกิจปั้นอนาคตเด็กไทย
นางกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่
งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นประธานเปิดโครงการ SI Sphere:
Sustainable Intelligence-based Society Sphere และกิจกรรม 2030 SDGs Game เรียนรู้เป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ เดินหน้าขยายผลโครงการซึ่งเกิดจากองค์กรพันธมิตรภาครัฐ
เอกชน สถาบันการศึกษา และ NGOs ร่วมกันออกแบบหลักสูตรฝึกอบรมเยาวชนระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ ให้มีทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1.ความยั่งยืน (Sustainability)
2.เทคโนโลยี 3.ทัศนคติ กรอบความคิดในการทำงาน
(Soft Skill) โดยใช้องค์ความรู้ของเครือข่ายร่วมสนับสนุน
ออกแบบกิจกรรม โดยตั้งเป้าหมายจะบ่มเพาะเยาวชนกว่า 3,000 คน และงานเผยแพร่เพื่อสร้างความตระหนักรู้กระจายเป็นวงกว้างให้ได้อีกว่า 100,000 คน
ปี 2567
บางจากฯ ดำเนินธุรกิจปีที่ 40 พร้อมก้าวสู่ทศวรรษ 5 อย่างแข็งแกร่ง พร้อมยกระดับเป็นบริษัทที่ยั่งยืนคู่สังคมไทย ตอบโจทย์เป้าหมายแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนครอบคลุมทั้ง 17 ข้อ โดยให้ความสำคัญเป้าหมาย 13 Climate Action กับเป้าหมายร่วมอื่นๆ ตอบโจทย์ความท้าทายทางด้านสภาพแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งมีรากฐานการทำธุรกิจควบคู่การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งบริษัท
ก่อนจะเกิด CSR-การคืนประโยชน์สู่สังคม หรือ ESG-การพัฒนาธุรกิจอย่างมีใส่ใจสิ่งแวดล้อม
สังคม และธรรมาภิบาล วิสัยทัศน์ของบางจากฯ ได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวปฏิบัติชัดเจนที่ได้ทำ
DNA แทรกซึมเป็นแบรนด์บางจาก
ไม่ว่าจะเป็น
“วัฒนธรรมองค์กร” เน้นความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมธุรกิจโดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม
หรือ “วัฒนธรรมพนักงาน” มุ่งสร้างจิตสำนึก
“เป็นคนดี มีความรู้ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น”
อีกทั้งบางจากฯ ยังเป็นหนึ่งในองค์กรผู้ร่วมก่อตั้ง UN Global Compact ในประเทศไทย เพื่อสร้างรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ ตั้งแต่ปี 2561 มาจนถึงปัจจุบัน
ปี 2567
เปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่
ส่งผลงานเข้าประกวดออกแบบเครื่องหมายสัญลักษณ์โครงการและเรียนรู้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้โครงการ SI
Sphere สนับสนุน เยาวชนที่จะร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนดูแลและส่งต่อโลกให้ยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป
ล่าสุดได้จัดงานมอบรางวัลการออกแบบเครื่องหมายโครงการ SI SPHERE และกิจกรรม 2030 SDGs Game เรียนรู้เป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ
โดยมี ดร.ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย
(UN Global Compact Network Thailand) ผู้แทนองค์กรพันธมิตร
อาจารย์และนิสิตนักศึกษา แสดงพลังร่วมกันที่สำนักงานใหญ่ บมจ.บางจาก อาคารเอ็ม
ทาวเวอร์ ภารกิจดังกล่าวจะหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน
พร้อมกับมีระยะเวลาดำเนินโครงการตลอด 1 ปี
ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทย ไม่ต้องรอ ทริปนี้ชวนไปสนุกที่ “กาญจนบุรี”
แนะนำเลือกเช็คอินใน 5 พิกัด หนีร้อนไปพึ่งเย็น
และหาความรู้ใหม่ ๆ ได้ แล้วฟัง “อาหาร4ชนิดกินอย่างระวัง”
ช่วงหน้าร้อน ส่งท้ายด้วยข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “AWCชวนธุรกิจ 300 ราย” มาร่วมวงใน เออีซี ฟู้ด เลาจน์ ข่าวที่สอง “นายกฯควงบอร์ด”
ซอฟท์พาวเวอร์เร่งแจ้งเกิด OFOS
หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟท์พาเวอร์ 13โปรเจกต์
ท่องเที่ยว –หลบร้อนไปพึ่งเย็นเที่ยวกาญจนบุรี5พิกัดสนุกๆ
หลบร้อน
ไปพึ่งเย็น เที่ยวเมืองไทย ไปได้เลย “กาญจนบุรี”
5 พิกัด แม้อากาศจะร้อน
ก็มีแหล่งน้ำให้เล่นอย่างสร้างสรรค์ ตามวัย และความชอบ
ในแต่ละประสบการณ์การออกเดินทาง สร้างความสุขได้เสมอ เช็คอินได้ 5 พิกัด ไปกันเลย
พิกัดที่
1 "คลองตาบ๊อก"
บ้านดอนตาเพชร อ.พนมทวน ร้อนเดือดขนาดนี้ ต้องมา เล่นน้ำคลองแปลงโฉมคลองส่งน้ำทำการเกษตรเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮ็อตสุด
ๆ ตอนนี้
เมื่อชาวบ้านในพื้นที่ชวนนักท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงมาลงเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างคึกคักในทุกวัน
คลองกว้างประมาณ 1 เมตรเศษ ยาวประมาณ 200 เมตร เป็นคลองไส้ไก่ที่แยกจากคลองสายหลัก
มีประตูน้ำเปิด-ปิด เพื่อส่งน้ำผ่านไปตามหมู่บ้านให้ชาวบ้านใช้ทำเกษตร
มีน้ำไหลแรงแต่ไม่ลึก เด็ก ๆ และผู้ใหญ่ จึงมาลงเล่นน้ำ
โดยปล่อยตัวให้ไหลลอยไปตามแรงของกระแสน้ำอย่างสนุกสนาน
ตอนนี้มีร้านค้าของชาวบ้านมาตั้งขายอาหาร-เครื่องดื่ม กันคึกคัก ถ้าจะมาเล่นน้ำ
ควรเตรียมกางเกงเนื้อผ้าหนา อุปกรณ์สวมใส่มือ เพื่อใช้ชะลอกับผนังริมคลองด้วย
พิกัดที่
2 สะพานแขวนวัดท่าขนุน
หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน
และ “ซองกาเลีย” อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า
"สะพานแขวนหลวงปู่สาย" ตามชื่ออดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
ผู้ริเริ่มสร้างสะพาน ในปี 2529 เป็นสะพานไม้ประกอบลวดสลิงสร้างข้ามแม่น้ำแควน้อย
เพื่อเชื่อมระหว่างฝั่งวัดท่าขนุนและฝั่งตลาดทองผาภูมิ
ทำให้ร่นเวลาในการเดินทางเข้าสู่ตลาดทองผาภูมิได้เป็นอย่างมาก
ปัจจุบันนอกจากจะเป็นเส้นทางบิณฑบาตของพระภิกษุวัดท่าขนุนแล้ว
ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวและจุดชมวิวแม่น้ำแควน้อยยอดนิยมทองผาภูมิ
พิกัดที่
3 สักการะ
พระไดบุตสึ องค์ใหญ่ ที่วัดเขาสูงแจ่มฟ้า อ.ท่ามะกา
เป็นอีกหนึ่งพิกัดน่าเที่ยว ก่อนเดินทางถึงตัวเมืองกาญจนบุรี
มีองค์พระจำลองจากญี่ปุ่นตั้งตระหง่านขนาดใหญ่ประดิษฐานท่ามกลางสวนป่าไผ่ธรรมชาติ
ภายในบริเวณวัดมีสะพานทางเดินไม้ตามแบบฉบับญี่ปุ่น ระหว่างทางจัดมุมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เช็คอินถ่ายรูปได้เยอะมาก
แถมวิวด้านล่างสวยมาก แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันไปไม่ขาดสาย
พิกัดที่
4 แวะชม "พิพิธภัณฑ์รถจักรยานยนต์โล้วเฮงหมง"
ริมถนนแสงชูโต (สายเก่า) ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา ศูนย์รวมรถจักรยานยนต์เก่านับร้อยคัน
ตั้งแต่รถคันแรก ๆ ของแบรนด์ Honda Yamaha และ Kawasaki
พร้อมประวัติความเป็นมารถแต่ละคัน ที่วรวุธ พงษ์วิทยภานุ
เก็บสะสมมานานกว่า 50 ปี
เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้วิวัฒนาการรถมอเตอร์ไซต์จากรุ่นสู่รุ่นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
คนรักรถสองล้อต้องไม่พลาดมาเที่ยวชม
เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-17.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 บาท
นักเรียน-นักศึกษา 30 บาท ชาวต่างชาติ 80 บาท แผนที่ bit.ly/lhmmuseum Facebook
: https://www.facebook.com/lhmmuseum
พิกัดที่
5 ปีน “ถ้ำลำคลองงู” ได้ชื่อว่าสวยสุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
อยู่ในทองผาภูมิ บนถนนทางไปสังขละบุรี ตรงบ้านเกริงกระเวีย
เหมาะกับสายสตรองเชิงผจญภัยนิยมไปเที่ยว “ถ้ำเสาหิน” สูง 62.5 เมตร เทียบเท่ากับตึก 20 ชั้น ต่อด้วย
“ถ้ำนกนางแอ่น” ทางขึ้นไม่ชันมาก ถ้ำนี้ความสูงประมาณ 6 เมตร
พอไปถึงจะต้องร้องว้าวแน่นอน กับความงดงามของรูปทรงของหินที่มีลักษณะคล้ายเอเลี่ยน
ย้ำอีกครั้งต้องร่างกายแข็งแรงพอถึงจะไปได้ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน
ศึกษาเส้นทางก่อนออกทริปด้วย
สุขภาพ
–อาหาร4ชนิดจะกินช่วงหน้าร้อนต้องระวังและดูให้ดีด้วย
การรับประทานอาหารช่วง “หน้าร้อน”
ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะบูดเสียง่าย เกิดแบคทีเรียปนเปื้อนด้วย
ดังนั้นจะขอแนะนำก่อนรับประทานอาหารเหล่านี้ ระวังด้วยอาหาร 4 ชนิด ดังนี้
1. อาหารที่มีกะทิ เช่น แกงเขียวหวาน เต้าส่วน แกงบวด เพราะอากาศที่ร้อนขึ้นทำให้อาหารกลุ่มนี้บูดเสียได้ง่าย
หากรับประทานไม่หมดควรเก็บใส่ตู้เย็น และนำมาอุ่นใหม่อีกครั้ง
2. อาหารทะเล หากเก็บอาหารทะเลอยู่ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม (สูงกว่า 4 องศาเซลเซียส)
อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเจริญเติบโตของเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
จึงควรปรุงอาหารทะเลเหล่านี้ให้สุกทุกครั้งก่อนรับประทาน
3. อาหารที่มีแมลงวันตอม ฤดูร้อนเป็นฤดูที่มีแมลงวันเยอะมากกว่าฤดูไหนๆ
ดังนั้นควรเก็บอาหารที่ปรุงสุกพร้อมทานในภาชนะปิดสนิท เพื่อป้องกันแมลงวัน
ฝุ่นละออง และเชื้อโรคที่มองไม่เห็น
4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากแอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตเร็วและเพิ่มแรงดันโลหิตให้สูงขึ้น
โดยจะทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำ
เกลือแร่ทางเหงื่อ และทางปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรงอาจทำให้ช็อกหมดสติ และอาจมีโอกาสเสียชีวิตได้
ฤดูร้อนนี้
อากาศที่ร้อนจัดจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และแร่ธาตุไปกับเหงื่อได้ง่าย
แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน
รับประทานผัก และผลไม้สดในปริมาณที่เหมาะสม พยายามเลี่ยงน้ำอัดลม น้ำหวาน
หรือน้ำผลไม้ เพราะการดื่มเครื่อมดื่มที่มีรสหวานเหล่านี้ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง
ๆ ได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และอื่น ๆ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –AWCดึงธุรกิจ300รายร่วม“เออีซีฟู้ดเลาจน์”รับ4เทรนด์ใหม่
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ “AWC” เปิดเผยว่า ได้เปิด “AEC Food Lounge Open House” แห่งใหม่ตั้งอยู่ในเออีซี ฟู้ด โฮเซล ประตูน้ำ
ศูนย์การค้าส่งสินค้าอาหารครบวงจรระดับโลก
ต้อนรับพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจอาหารชั้นนำของเมืองไทยกว่า 300 ราย โดยมีกลุ่มธุรกิจสนใจร่วมเปิดร้านอาหารที่ฟู้ดเลาจน์แล้วกว่า 100 ร้านค้า ซึ่งได้โชว์จุดเด่น More Than Just
a Dining Space นำเสนอคอนเซ็ปต์การลงทุนด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ตอบโจทย์ทุกความต้องการเกี่ยวกับอาหาร
ผนวกเข้ากับสถานที่ทำงานหรือติดต่อธุรกิจในบริเวณพื้นที่รับประทานอาหารดังกล่าวได้อย่างลงตัว
การลงทุนเปิด เออีซี ฟู้ด เลาจน์ โอเพ่น เฮาส์ ครั้งนี้ AWC ตั้งเป้าหมายจะแนะนำเมนูรสเลิศจากร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง
ซึ่งพร้อมเติมเต็มประสบการณ์ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทุกคน
รวมทั้งจะใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดพันธมิตรเข้ามาใช้บริการ เออีซี ฟู้ด โฮลเซล
ประตูน้ำ พร้อมเริ่มเปิดบริการตั้งแต่ 26 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป
ทาง AWC
ได้ลงทุนออกแบบพื้นที่ “เออีซี ฟู้ด เลาจน์” ใน เออีซี ฟู้ด โฮลเซล ประตูน้ำ เน้นจุดขายอันโดดเด่นด้วยการทำเป็นฟู้ดเลานจ์ขนาดใหญ่พร้อมจะสนับสนุนประเทศไทยก้าวสู่จุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก
(Food Ecosystem Destination) จึงได้แบ่งสัดส่วนบริการรองรับไลฟ์สไตล์ลูกค้า
4 เทรนด์สมัยใหม่ ไว้ใน 4 โซน ได้แก่
1.แฟมิลี่ โซน รองรับกลุ่มตลาดครอบครัวชวนกันมารังสรรค์ โดยมีสนามเด็กเล่นให้คุณหนู
ๆ เล่นสนุกและอิ่มอร่อยกับเมนูอร่อย
2.โค-ลิฟวิ่ง โซน รองรับตลาดกลุ่มคนที่ต้องการสถานที่ทำงานเงียบสงบแล้วสามารถพักผ่อนได้ด้วย
3.ไดนิ่ง และเอนเตอร์เทนเมนท์ โซน พื้นที่รองรับตลาดกลุ่มรับประทานอาหารและแฮงเอาท์
ซึ่งจัดให้มีดนตรีสด การแสดง จอถ่ายทอดสดกีฬาขนาดยักษ์ ให้ชมอย่างเพลิดเพลิน
4.แกร็บ แอนด์ โก โซน รองรับการให้บริการกลุ่มที่ต้องการจุดรับและสั่งอาหารผ่านแอปอย่างสะดวกสบาย
โดยมีร้านอาหารชื่อดังอีกมากมายอยู่ในแหล่งรวมสุดยอดความอร่อยในบรรยากาศสุดชิลใหญ่สุดใจกลางเมือง
สำหรับ บริษัท
แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเมืองไทย เน้นการลงทุนนวัตกรรมตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าเทรนด์ใหม่แบบครบวงจร
เป็นบริษัทภายใต้กลุ่มทีซีซี รับผิดชอบดูแล 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
กลุ่มแรก โรงแรมและบริการ
(Hospitality)
เช่น แบรนด์แมริออท, เดอะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล อินเตอร์คอนติเนนตัล โอกุระ บันยันทรี ฮิลตัน เชอราตัน และมีเลีย
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) ครอบคลุมโครงการ ส่วนแรก “รีเทลและโฮลเซล” ได้แก่
สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต
อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง ซึ่งปัจจุบันมีโครงการทำชื่อเสียงแบรนด์ติดตลาดแล้วคือ
1.เอเชียทีค เดอะ
ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น 2.เกทเวย์ แอท บางซื่อ 3.ตะวันนา บางกะปิ และ 4.กำลังเปิดใหม่ เออีซี ฟู้ด โฮเซล ประตูน้ำ ส่วนที่สอง อาคารสำนักงานหรือออฟฟิศในเครือ AWC
ที่โดดเด่นคือ เอ็มไพร์ และแอทธินี ทาวเวอร์
ข่าวที่สอง
-นายกฯ-บอร์ดซอฟท์พาวเวอร์เร่งเกิดแน่OFOS13โปรเจกต์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หรือ THACCA : Thailand Creative Content Agency โดยมี
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานฯ นำทีมทำงานแต่ละสาขาเข้าร่วมประชุมครั้งที่ 2
ปี 2567 วันที่ 22 เมษายน 2567 ซึ่งกำลังพิจารณางบประมาณเดินหน้าทำโครงการ “OFOS
หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์” กว่า 13 โครงการ จาก 11 อุตสาหกรรม ตามเป้าหมายภายในกันยายนนี้ตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพคนไทยให้ได้อย่างน้อย
296,610
คน จากนั้นภายใน 4 ปีหน้า มุ่งสร้างแรงงานทักษะสร้างสรรค์สูงทั่วประเทศให้ได้ 20
ล้านคน จาก 20 ล้านครอบครัว พร้อมกับทำให้มีรายได้ครอบครัวละกว่าปีละ 200,000
บาท
ขณะนี้อุตสาหกรรมซอฟท์ พาวเวอร์
แต่ละสาขา เตรียมพัฒนาคนจากต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะคนที่ต้องการเริ่มต้นและฝึกฝนหรือเรียนรู้สร้างอาชีพต่อไปในอนาคต
ซึ่งจะเดินหน้าต่อเรื่อง 1 ครอบครัว 1 ซอฟท์ พาวเวอร์
เปิดลงทะเบียนเป็นระบบที่ง่าย ประชาชนเข้าถึงอย่างเป็นธรรม เนื้อหาที่น่าสนใจ
เข้าใจง่าย ส่งเสริมการ Up-Re
Skill การวางรากฐานพัฒนาประเทศ ควบคู่กับจัดอีเวนต์ตามนโยบายรัฐบาลจะเน้นต่อยอดจากภาคอุตสาหกรรมที่ทำอยู่แล้วให้เกิดผลคุ้มค่าการลงทุนมากที่สุด
เร็ว ๆ นี้เตรียมคณะกรรมการซอฟท์
พาเวอร์ แห่งชาติ เตรียมจัดงาน SPLASH
หรือการประชุมนานาชาติด้านซอฟท์ พาเวอร์ นำเสนอภายใต้ธีม
Culture as a Future มุ่งการสื่อสารนโยบาย
สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยที่มีทักษะงานหันมาสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเปิดกว้างให้คนทั่วไปเข้าถึงได้
กระตุ้นประชาชนได้ประโยชน์จากการร่วมงานเป็นหลักมากที่สุด
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น