วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ททท.ครึ่งปีหลัง'60งัดหมัดเด๋ดปั๊มรายได้-เที่ยวศูนย์พลังงงานทดแทนครบวงจร พระนครศรีอยุธยา

ไทยงัดหมัดเด็ดลุยปั๊มเงินท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง’60
ฝ่ายกิจกรรมททท.ชูเฟสติวัล-อีเวนต์ดันชุมชนโต
ยันดิวตี้ฟรี“คิง เพาเวอร์”จ่ายรัฐเกินเป้ากว่า10ปี
ททท.หนุนSmart SME Expo2017ขายวิถีไทย
บางจากผนึกพันธมิตรลุยเปิดปั๊มLPGภาคขนส่ง
เที่ยวไทยเท่ฟีเวอร์ยอดไลท์แชร์เร็วทะลุ14ล้าน
สัมมนาพาทัวร์ศูนย์ฯพลังงานพระนครศรีอยุธยา
13แอร์ไลน์ฉลุยรับAOCรอICAOตรวจซ้ำก.ค.นี้
เศรษฐกิจไตรมาส2ปี’60เริ่มสดใสส่อเค้าโต3.3%
ลุฟท์ฮันซ่าทุ่มนวัตกรรมใหม่-ต.ค.ขยายมาไทย

สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1  คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ ถึงการนำ “กิจกรรมการท่องเที่ยว” ภายใต้ธีมเชิงรุก “ไทย เฟสติวัล” ปลุกกระแสการกระจายรายได้สู่ชุมชน อุดหนุน “ผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นเมือง” โอท็อป GI ประชารัฐ “อาหารถิ่น” แฟชั่นผ้าไทย ให้ก้าวไกลสู่โลก
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม ททท.

“คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าวางกลยุทธ์สร้างสรรกิจกรรมท่องเที่ยวครึ่งปีหลังตลอด  6 เดือน ระหว่างกรกฎาคม-ธันวาคม นี้ ด้วยไฮไลต์เน้นสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเก๋ไก๋ ลึกซึ้ง ด้วยกิจกรรมความหลากหลายเจาะลึกถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย
เริ่มตั้งแต่ “กรกฎาคม” เป็น “เดือนทัวร์บุญ” เทศกาลเข้าพรรษาและแห่เทียน ในหลายจังหวัดเริ่มทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปร่วมชมความยิ่งใหญ่กิจกรรมแห่เทียนในแต่ละท้องถิ่น ขณะนี้สามารถเข้าไปดูกิจกรรมมากมายของงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาได้ใน www.thailandtourism.org ไฮไลต์ งานเทียน 8 แห่ง ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ตักบาตรบนหลังช้าง จ.สุรินทร์ สุพรรณบุรี สวนผึ้ง จ.ราชบุรี แห่เทียนทางน้ำลาดชะโด จ.พระนครศรีอยุธยา อำเภอห้วยกระเจา และวัดหนองกระทุ่ม อำเภอบ่อพลอย จ.กาญจนบุรี และสุดยอดงานเทียนที่โด่งดังไปทั่วโลก ณ ทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี
ทาง ททท.ยังได้จัดกิจกรรมใหญ่คู่ขนานไปด้วยกันคือ Thailand Festival Experience มุ่งเสริมสร้างประสบการณ์นำเสนอการท่องเที่ยวด้วยกิจกรรม เพิ่มและดึงดูด “นักท่องเที่ยวต่างประเทศ” เข้ามาร่วมชมประเพณีอันงดงามใน WAX FESTIVAL ของอุบลราชธานี ซึ่งมีกิจกรรมแข่งขันและประกวดการแกะสลักเทียนธีม “เทียนธรรม แดนศรัทธา” ผนวกกับการ imagination light : Experience Art ร้อยเรียงเล่าเรื่องราวของพระมหาชนก ที่สำคัญยังได้รับการร้องขอจากนักท่องเที่ยวหลังจากเสร็จสิ้นต้องการให้ ททท.ประสานกับชุมชนนำเทียนแกะสลักจากพื้นที่ต่าง ๆ ออกโชว์โดยการนำไปตั้งไว้ตามวัดที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ต่อไป เป็นจัดกิจกรรม “เวียนเทียนธรรม” วางไว้ตามวัดตลอดเดือนกรกฎาคม นี้
สำหรับงานเทียนตามชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้แล้วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ส่วน “อุบลราชธานี” และอีกหลายจังหวัดกำหนดจัดตรงกับวันเข้าพรรษาระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2560 เพื่อให้ชมเทียนแกะสลักอย่างงดงามได้จนถึงต้นเดือนสิงหาคม 2560
“ชุมชน” จำนวนมากเริ่มแกะสลักเทียนกันแล้ว ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ สุพรรณบุรี เพื่อต้องการกระจายนักท่องเที่ยวเข้าถึงชุมชน
ผนวกการโปรโมต “อาหารถิ่น-อาหารประจำชาติ” และผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สินค้าพื้นบ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI : Geographic Index สินค้าประชารัฐ
พร้อมทั้งแนะนำเส้นทางหรือโปรแกรมการท่องเที่ยว ซื้อสินค้า ชิมอาหารท้องถิ่นเมนูขึ้นชื่อหารับประทานได้เฉพาะถิ่น ผนวกจุดขายเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนโดยตรงเพิ่มขึ้นเป็นรูปธรรมจริง ๆ
ขณะที่ ททท.ให้การส่งเสริม “สินค้าประชารัฐ” อย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญกับโอท็อปประชารัฐซึ่งทำต่อเนื่องมากว่า 2 ปี ส่วนใหญ่สินค้าชุมชนคือ “ผ้าไทย” ได้รับความนิยมสูงมาก พอ ๆ กับ “อาหารถิ่น-อาหารภาค” ภูมิปัญญาชาวบ้าน สมุนไพร สุขภาพ ททท.ร่วมกับกรมพัฒนาชุมชนทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง จากนั้นปีนี้ได้นำสินค้ามาจำหน่ายอยู่โดยทำโครงสร้างร้านไว้ในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. สามารถเข้าไปดูหมวดสินค้าประชารัฐได้ที่ www.sukjaistation.com มีสินค้าเด็ด ๆ ของแต่ละชุมชนนำเสนอไว้ในเว็บไซต์
การเดินทางไปท่องเที่ยวแล้วซื้อสินค้าหรือรับประทานอาหารถิ่นด้วย จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทุกคนจะมีส่วนร่วมช่วย “ต่อยอด” สินค้าชุมชนของคนไทยพัฒนาขึ้นไปได้ในอีกระดับ
สำหรับ “เดือนสิงหาคม” มีกิจกรรมต้อนรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยโครงการ Women Jouney เดือนแห่งผู้หญิงท่องเที่ยว ส่วนตลาดในประเทศ เดือนแห่งวันแม่ “สิงหาพาแม่เที่ยว”
ปีนี้ ททท.จัดพิเศษเกี่ยวกับผ้าไทยนำเสนอการจัดมหกรรม “ผ้าไทย เทิดไท้ราชินี” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งปีนี้จะพิเศษกว่าทุกครั้งโดยได้เลือก “หอคำหลวง” จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่จัดงาน ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2560 เนรมิตผ้าไทยในกลิ่นอายความเป็นล้านนา โดยได้ทีมงานระดับโลกกลุ่มแฟชั่นนิสต้าและกลุ่มดีไซเนอร์จากต่างประเทศตอบรับเข้ามาแล้ว เพราะ ททท.นำเสนอสินค้าผ้าไทยที่มีเอกลักษณ์อัตลักษณ์โดดเด่นมากเป็นหนึ่งเดียวของโลก
ขณะนี้กลุ่มแฟชั่นนิสต้า กลุ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นระดับนานาชาติ ตอบรับเข้าร่วมงาน ป้าไทย เทิดไท้ ราชินี ประจำปี 2560 กันอย่างคับคั่ง พร้อมทั้งจะเปิดให้คนไทยและต่างชาติที่สนใจเข้าชมฟรี มีทั้งในส่วนงาน “นิทรรศการ” สินค้า “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” และผลิตภัณฑ์ “ผ้าไทย” ที่มาจากภาคอื่น ๆ ซึ่งมีความงดงามมีคุณค่าแตกต่างกัน และผู้เข้าชมงานสามารถเลือกซื้อภายในบริเวณสถานที่จัดงานได้ด้วยเช่นกัน
ไฮไลต์ของงานคือการนำผ้าไทยจากฝีมือของดีไซเนอร์ที่มาออกแบบ ล้วนเป็น “ดีไซเนอร์แถวหน้าของโลก” ที่มีผู้ติดตามสูงมาก จะมาเลือกผ้าภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง แล้วออกแบบเพื่อให้สามารถนำไปสวมใส่ได้จริง ตอบสนองตลาดเจนวาย ส่วนคนที่ใส่ผ้าไทยทั่วไปก็ซื้อได้ เน้นสวมใส่แล้วเท่ สมาร์ท ผลงานของดีไซเนอร์ระดับโลกที่จะมาสร้างความฮือฮาในงาน “ผ้าไทย เทิดไท้ ราชินี ปี 2560” นั้น เมื่อทำสำเร็จออกมาแล้วต้องใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกโอกาส ด้วย
นอกจากมหกรรมผ้าไทยแล้วเดือนสิงหาคมยังมี สิงหาพาแม่เที่ยวทาง ททท.สำนักงาน 5 ภูมิภาค รวมทั้งงานมหกรรมกีฬานานาชาติที่ได้รับความนิยมระดับแถวหน้าของโลก อาทิ ปั่นจักรยาน งานหัวหิน-ชะอำ กอล์ฟ เฟสติวัล 2560 เป็นงานใหญ่ จะจัดที่จังหวัดเพชรบุรี และเฟสติวัลใหม่ที่กำลังนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มหันมาสนใจด้วยการแชร์ภาพกิจกรรมไปยังเครือข่าย เช่น กุ้งเดินขบวน การไปชมกุ้งอำเภอน้ำยืน ถิ่นภูจอง จังหวัดอุบลราชธานี มีความมหัศจรรย์น่าเที่ยวอย่างมากที่ชาวโซเชียลสนใจมากเป็นพิเศษ หรืองาน เชียงราย อาร์ต เฟสติวัล จังหวัดเชียงราย
สำหรับงานใหญ่ช่วงครึ่งปีหลังคืองาน Thailand Mice Gastronomy นำเสนอสินค้าผ่านอาหารเป็นเทศกาลอาหารต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะจัดสัปดาห์แรกเดือนสิงหาคม 2560 เล็งขอปิดใช้พื้นที่ใจกลางกรุง “บริเวณสยามสแควร์” จัดงานนี้เพื่อให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศไทยที่จะเป็นจุดหมายปลายเรื่องอาหาร หรือ Thailand Gastronomy Destination หากต้องการรู้ว่าไทยมีดีเรื่องอาหารครบวงจรมากขนาดไหนต้องห้ามพลาดมาร่วมงานดังกล่าว
จากนั้นในเดือนกันยายน นี้ จะชูกิจกรรม Food and Music Festival นอกเหนือจากกิจกรรมชมเทศการแข่งเรือประเพณีของท้องถิ่นทั่วไทย ซึ่ง ททท.ได้พยายามปรับรูปแบบกิจกรรมใหม่ แบ่งหมวดให้โดนใจนักท่องเที่ยว
ส่วนแรกคือ Food & Music Festival ส่วนที่ 2 กิจกรรมงาน Art & Culture Festival เน้นศิลปวัฒนธรรม ส่วนที่ 3 Creative & Innovation สร้างนวตกรรมความคิดเชิงสร้างสรรการท่องเที่ยว ส่วนที่ 4 Recreation & Sport Events นำเสนอการท่องเที่ยวเชิงนันทนาการและอีเวนต์กีฬา เป็นธีมหลัก ๆ ที่จะนำมาขยายผลต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2561 โดยจัดทำเป็นธีมอีเวนต์กับเฟสติวัลระดับท้องถิ่นมาเสนอสู่ตลาดนานาชาติ
สำหรับรายละเอียดงานเฟสติวัลกับอีเวนต์ นั้น ททท.ออกแบบนำความโดดเด่นมาเรียบเรียงให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการได้เลยโดยการเข้าไปดูได้ทางเว็บท่า www.thailandtourism.org หรือต้องการดูงานเฟสติวัลในแต่ละเดือนก็เพียงแค่เปิดเว็บไซต์ www.thailandtourism.org/thaifest  หรือในเฟซบุ๊คก็ใช้ thailandfestival อัพเดทอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นตลาดต่างประเทศจะส่งผ่านกิจกรรมแจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้า 1 เดือน ส่วนในประเทศก็จะทำในลักษณะเดียวกัน
ตลอดเดือนกันยายนนี้ นอกจากประเพณีแข่งเรือยาวแล้ว ยังจะเน้นเรื่องกิจกรรม ฟู้ด แอนด์ มิวสิค เช่น การดูนกตกหมึก ชะอำ จ.เพชรบุรี เทศกาลหมูย่าง ขนมเค้ก เมืองตรัง กลายเป็นกระแสติดตลาดคนไทยต่างชาติ สามารถยกระดับเป็น International Events ส่วนอีกงานใหญ่คือ Samui International Music 2017 ระหว่าง 7-11 กันยายน นี้ เป็นงานเปิดเทศกาลท่องเที่ยวเกาะสมุย จะมีกิจกรรมคอนเสิร์ต อาหาร ศิลปะ กีฬา แข่งขันจักรยาน วิ่งมาราธอน
เดือนตุลาคมปีนี้ ตรงกับเดือนถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ททท.งดจัดกิจกรรม อีเวนต์รื่นเริง แต่ยังคงส่งเสริมให้เดินทางตามงานประเพณี งานบุญต่าง ๆ ตามปกติ เพื่อร้อยรวมใจคนไทยและนานาชาติเป็นหนึ่งเดียวกันส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
สำหรับงานเทศกาลบุญสำคัญ ๆ จัดเป็นประจำทุกปีก็มี งานไหว้พระจันทร์ เมืองตรัง งานแห่กฐิน จ.ชัยภูมิ งานออกพรรษาทั่วประเทศ เป็นต้น
เดือนพฤศจิกายน มีงานใหญ่ที่ทั่วโลกคุ้นเคยเป็นอย่างดี คืองานเทศกาล “ลอยกระทง” มาเร็วกว่าทุกปี ระหว่าง 2-3 พฤศจิกายน นี้ ททท.จะจัดมหกรรม “สีสันแห่งสายน้ำ” กำลังพิจารณาสถานที่หลักเพื่อการจัดงานลอยกระทง รวมทั้งสนับสนุนการจัดงานลอยกระทงในพื้นที่สำคัญอย่าง เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัย เมืองเก่าพระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ แต่ละแห่งจะส่งเสริมให้จัดลอยกระทงไปพร้อม ๆ กัน
เดือนพฤศจิกายน ปีนี้ จะมีงานใหญ่เกี่ยวกับเรื่องของกีฬา อาทิ กรุงเทพมาราธอน สัปดาห์แม่น้ำแคว กาญจนบุรี กิจกรรมนันทนาการ หรือทุ่งทานตะวันบานที่ลพบุรี มีชื่อเสียงผู้คนต้องไปแชร์ประสบการณ์กัน
เดือนธันวาคม เริ่มเข้าสู่เคาน์ดาวน์ ฉลองปีใหม่ คอนเซ็ปต์ของ ททท.ต้องเน้นผสมผสาน “เคาน์ดาวน์-อลังการเมืองไทย-แสงเทียนแห่งสยาม” ปีที่ผ่านมาจัดงาน “แสงเทียนแห่งสยาม” บวกกับงาน “สวดมนต์ข้ามปี” สำหรับปี 2560 คอนเซ็ปต์อาจจะแตกต่างไปบ้างโดยจะมีกิจกรรมเคาน์ดาวน์เข้ามาด้วย หรือเทศกาลคริสต์มาสก็จะทำเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง
รวมทั้งในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ททท.ก็ต้องเตรียมความพร้อมต้อนรับฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ช่วยกันดูแลทำหน้าที่การเป็นเจ้าบ้านที่ดี หรือในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีกิจกรรมเชื่อมโยงกันก็จะประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นการเดินทางด้วยการเพิ่มอรรถรสของกิจกรรมท่องเที่ยวให้ เก๋ไก๋ จริงใจ ประทับใจ เพื่อสร้างกระแสนักท่องเที่ยวบอกต่อ
โดยใช้แพลตฟอร์มของกิจกรรม Festival เป็นครีมการเชิญชวนกระแสปลุกนักท่องเที่ยวต่างชาติบอกต่อ  ๆ กันไปถึงประสบการณ์ความลึกซึ้ง ความประทับใจ เพื่อสร้างเครือข่ายปี 2561 จุดประกายกลุ่มใหม่เดินทางเข้ามาพร้อมกับกลุ่มเก่าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยซ้ำอีกหลายครั้ง
ช่วงครึ่งปีหลัง 2560 ฝ่ายกิจกรรม ททท.จะปูพรมนำมหกรรมเฟสติวัลและอีเวนต์เทรนด์ใหม่ เข้ามาเสริมพลัง ปลุกจิตวิญญาณ นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติทั่วโลก แห่แหนกันมาเที่ยวประเทศไทยด้วยประสบการณ์อันลึกซึ้งกระจายรายได้ตรงสู่ชุมชนในหลากหลายรูปแบบที่เป็นประโยชน์สร้างความเข้มแข็งแก่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จ่ายผลตอบแทนรัฐเกินขั้นต่ำมา10ปี”
นิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.

“นายนิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าภายในเวลา 6 เดือนนี้ช่วงปลายปี 2560 หรือราวต้นปี 2561 จะเข้าสู่ฤดูการเปิดประมูลเสรีพื้นที่สัมปทานร้านค้าปลอดอากรใน “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” หลังจากดำเนินการผ่านมากว่า 12 ปี ล่าสุดได้รับอนุมัติให้ใช้แผนแม่บท 10 ปีหน้า พัฒนาการลงทุนใหม่ในท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง เริ่มตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ในจังหวะเดียวกันกับใกล้ครบรอบการเปิดประมูลสัมปทานด้วย
ตลอดการให้สัมปทานพื้นที่จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี พื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) ในอดีตมีตัวแปรรอบด้านเป็นปัจจัยต่างกันแต่ละสถานการณ์บ้านเมือง ทว่าทุกฝ่ายพยายามใช้ระเบียบ หลักกติกา มาตรฐาน เข้ามาคลี่คลายคำถามและข้อสงสัยจากกระแสสังคมด้วยข้อมูลเอกสารอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งแต่ละสมัยผู้บริหารเน้นวิธีปฏิบัติให้สอดคล้องตามระเบียบความถูกต้องในฐานะ ทอท.คือ “รัฐพาณิชย์” เป็นทั้งรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ และบริษัทจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบการลงทุนและการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ถือหุ้นร่วมทุกกลุ่มอย่างเสมอภาคกัน
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ยืนยันว่าตลอดสัมปทานสัญญาให้เช่าพื้นที่ประกอบกิจการร้านค้าดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และท่าอากาศยานอื่น ๆ นั้น “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดตามเงื่อนไขสัญญาโดยเฉพาะ “การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ” ตามจำนวนพื้นที่การใช้งานและยอดขาย ซึ่งจ่ายตามสถานการณ์จริง บางปีจ่ายสูงกว่ามูลค่ายอดขายรวมขั้นต่ำรายปีตั้งแต่ 15 % เป็นขึ้นไป
ส่วน “แนวทางการเปิดประมูลเสรี” พื้นที่ประกอบกิจการร้านค้าดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รอบใหม่ปี 2561 เพื่อให้ทันการเปิดบริการอาคารผู้โดยสารเฟสสองช่วงปี 2562 ซึ่งจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1 เท่า นั้น ทอท.จะแยกรายละเอียดเปิดประมูลเสรีอย่างชัดเจนเป็น 3 สัมปทาน ได้แก่ 1.ร้านค้า (duty free) 2.พื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) และ 3.พื้นที่ใช้สอยร่วมกันเพื่อประโยชน์สาธารณะ (common use) ทอท.พร้อมจะเปิดกว้างให้ “ผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ” เข้าร่วมประมูลอย่างโปร่งใส
ส่วนข้อตกลงสัญญาอนุญาตประกอบการร้านค้าดิวตี้ฟรี ระหว่าง ทอท.กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPS) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เส้นทางการทำงานร่วมกัน เริ่มทำสัญญาเข้าดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2549 ช่วงหลังเหตุการณ์รัฐบาล (ขณะนั้น) มีนโยบายให้ปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง แล้วย้ายไปเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว  ทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลงกำหนดจ่ายผลตอบแทนเบื้องต้น ประกอบด้วย
กำหนดผลตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 1-5 อัตราร้อยละ 15 จากปีละ 1,200-1,600 ล้านบาท จากนั้นในปีที่ 6-10 เพิ่มอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำตามลำดับในอัตราร้อยละ 16-17-18-19-20 เริ่มจากปีละ 1,800-2,500 ล้านบาท

แต่ช่วงก่อนเข้าสู่กระบวนการทำสัญญาสัมปทาน ทางคณะทำงานของ ทอท.(ขณะนั้น) ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนคู่ขนานกันไป ด้วยการ “จัดจ้างสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาจุฬาภรณ์มหาวิทยาลัย” เข้ามาศึกษาโครงการกรณี เข้าข่ายพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือไม่อย่างไร กระทั่งได้ผลสรุปจากสถาบันดังกล่าวระบุไม่เข้าข่ายแต่อย่างใด
พอถึงขั้นตอนที่เข้าสู่กระบวนการ “ทำสัญญาสัมปทาน” ทางคณะทำงานของ ทอท.(ขณะนั้น) จึงมีหนังสือขอให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ในฐานะผู้ชนะสิทธิประมูลเพื่อเตรียมเข้าดำเนินกิจการร้านค้าดิวตี้ฟรี ชำระค่าตอบแทนให้ ทอท.ก่อนล่วงหน้าเป็นเวลา 2 ปี คิดเป็นเงินประมาณ 2,460 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระบุให้ชำระ ณ วันลงนามในสัญญา กรณีที่สัญญาเริ่มต้นได้ปี 2549
ขั้นตอนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ทอท.พยายามกำหนดเงื่อนไขให้รัฐได้ประโยชน์มากที่สุดด้วยการระบุ “ขอเก็บเงินล่วงหน้า” จ่ายตรงเข้าสู่หน่วยงานจากผู้ชนะสัมปทานประกอบการร้านค้าดิวตี้ฟรี นั้นมีผลเชิงบวกต่อองค์กรภาครัฐโดยตรงมากกว่าเหตุผลใด ๆ
อีกประมาณ 180 วัน ทอท.จะเปิดให้“ผู้ประกอบการมืออาชีพ” ที่สนใจจะลงแข่งขันร่วมการประมูลเสรีเพื่อ “ชิงสัมปทาน” เข้าบริหารพื้นที่ทำรายได้ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้ง  3 แบบ โดยจะพิจารณาเลือก “ผู้ได้สิทธิสัมปทานประกอบกิจการเพียงรายเดียว” เท่านั้น

ข่าวที่ 2 “ททท.หนุนSMART SMEs Expoบูมขายเที่ยวไทย”

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ร่วมงานสนับสนุน "งาน SMART SME EXPO 2017" ของกระทรวงอุตสาหกรรม นับเป็นงานใหญ่ที่สุดแห่งปีในการสร้างโอกาสทางด้านภาคการผลิตสู่ความสำเร็จ SMEs 4.0 งานเริ่มมาตั้งแต่ 29 มิถุนายน และจะเสร็จสิ้นวันที่ 2 กรกฎาคม 2560 ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี โดย ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน รวมทั้งคาดการณ์ตลอดการจัดงาน 4 เงินสะพัดกว่า 1,000 ล้านบาท

 ภายในงานทางผู้ประกอบการ SMEs จากทั่วประเทศ พร้อมหน่วยงานต่าง ๆ นำบูธมาจัดแสดงกว่า 500 บูธ ทั้งเพื่อการแลกเปลี่ยนโอกาสทางธุรกิจ และของกลุ่มธุรกิจอาหาร ท่องเที่ยว ความงาม สุขภาพ ไอที นำเสนอทางเลือกเพื่อให้ความความช่วยเหลือผู้ประกอบการแบบเต็มรูปแบบ ด้วย 5 โซลูชั่น ตอบโจทย์ครบวงจร พร้อมเป็นเวทีสำคัญในการซื้อขายธุริจและเชื่อมโยงงานทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุน SMEs   โดยเฉพาะ ททท.พร้อมที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนยกระดับทุกSMEs ไทยก้าวเข้าสู่ตลาดสากลในเวทีโลกอย่างสง่างาม

ข่าวที่ 3 “หนุนมหกรรมไทยแลนด์ไซคลิ่งทัวร์2สนามใหญ่”
นอกจากนี้ ททท.ยังได้จับมือกับ “ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา” จัด มหกรรมการแข่งขันจักรยานคุณภาพท้าทายความมันเหล่านักปั่น “Thailand Cycling Tour Challenge” ของคนรักการปั่นจักรยาน พร้อมเปิดโอกาสให้ประลองความแข็งแกร่งและท้าทายความสามารถ เปิดประสบการณ์เส้นทางปั่นจักรยานสุดท้าทายในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย 2 สนาม
สนามแรก – เส้นทาง จอมบึง-สวนผี้ง จังหวัดราชบุรี และสนามที่สองท้าทายความสามารถไปจังหวัดเชียงราย สิงห์ปาร์ค-ไร่เชิญตะวัน ของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ร่วมสนับสนุนอย่างเป็นทางการ
การจัดแข่งขัน “สนามแรก” จังหวัดราชบุรี วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2560 ระยะทาง 109 กิโลเมตร และระยะทาง 62 กิโลเมตร เปิดรับสมัครวันระหว่างวันนี้ -10 กรกฎาคม 2560 ทาง Gotorace.com และทาง ThaiMTB.com ส่วน “สนามที่สอง” เส้นทางจังหวัดเชียงราย จัดแข่งขันวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2560 เปิดรับสมัครวันนี้ –19 สิงหาคม 2560 ทาง Gotorace.com และทาง ThaiMTB.com

ข่าวที่ 4 “บางจากผนึกสยามแก๊สลุยเปิดปั๊มLPGขนส่งรับตลาดโต”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามเป้าหมายปี 2560 บางจากเตรียมขยายสถานีบริการน้ำมันควบคู่กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไปพร้อม ๆ กัน โดยอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรผู้ประกอบการสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)ภาคขนส่ง จำหน่ายน้ำมันแบรนด์บางจากควบคู่กับแอลพีจี ล่าสุดบางจากร่วมกับทางบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) ลงทุนสถานีบริการน้ำมันควบคู่กับแอลพีจี 10-15 แห่ง และยังคงเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรผู้ประกอบการสถานีบริการแอลพีจีรายอื่นด้วยโดยจะจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นภายในสิ้นปี 2560

สำหรับการพัฒนาสถานีบริการของบางจากจะร่วมกับผู้ประกอบการปั๊มแอลพีจี เปิดขายน้ำมันแบรนด์บางจาก 20-30 แห่ง โดยบางจากใช้เงินลงทุนแห่งละ 5-10 ล้านบาท ปัจจุบันบางจากมีปั๊มน้ำมัน 1,050 แห่ง ปี 2560 ตั้งเป้าจะเพิ่มอีก 100 แห่งควบคู่กับการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 2 ไว้ด้วย มีส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ย 33.4 %

ข่าวที่ 5 “เที่ยวไทยเท่ฟีเวอร์แรงเกินคาดไลท์แชร์ทะลุ14ล้านครั้ง”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “เที่ยวไทยเท่ปาร์ตี้” ฉลองเที่ยวไทยเท่  ฟีเวอร์    พร้อม Meet&Greet กับ ‘เท่ Setter’ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ ปลุกกระแสเที่ยวไทยเท่อีกครั้งหลังกระแสแคมเปญ #เที่ยวไทยเท่มาแรงต่อเนื่อง ล่าสุดไวรัลคลิป #ทริปล้างใจ มาแรง ยอดชมทะลุ 10 ล้านวิว สูงกว่าคาดการณเกือบ 1 เท่า มีจำนวน 87,970 แชร์ และมีผู้เข้าถึงคอนเทนต์สูงถึง 14 ล้านครั้งสร้างปรากฏการณ์ปลุกคนรุ่นใหม่เที่ยวเมืองไทย ใช้สินค้าไทย ส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนไทยเที่ยวไทยไตรมาสแรกโต 5.7% สร้างรายได้ 3.05 แสนล้านบาท
โดย ททท. ได้ผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์สั้น ชุด เที่ยวไทยเท่ The Series  #ทริปล้างใจ นำแสดงโดย นาย ณภัทร เสียงสมบุญ เท่Setter ของโครงการ กำกับภาพยนตร์โดย ชยนพ บุญประกอบ เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยวเมืองไทยสไตล์ลึกซึ้ง และยังคงมีกระแสความสนใจแรงไม่หยุดต่อเนื่องต่อไป
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ ททท. เปิดเผยว่า หลังจาก ททท.เปิดตัวโครงการ  “#เที่ยวไทยเท่” ภายใต้แนวคิด “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง” ปี 2560 สามารถจุดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศผ่านการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ก ดึงคนรุ่นใหม่เจนวายหันมาใช้สินค้าไทย วัฒนธรรมไทยเท่ากับเท่ และภาคภูมิใจในความเป็นไทย (เท่) เพิ่มขึ้น 75%
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดตัวโครงการ “เที่ยวไทยเท่” เมื่อเดือนมีนาคม 2560 รวมเวลา 3 เดือนมีผู้สนใจติดตามกว่า 2.33 แสนคน พร้อมกดไลท์ คอมเม้นท์ แชร์ อีกกว่า     4.12 ล้านครั้ง สร้างการเข้าถึงคอนเทนต์ (Total Reachd) ถึง 69 ล้านครั้งเป็นผลสะท้อนปรากฏการณ์เที่ยวไทยเท่ฟีเวอร์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งและ ททท.พร้อมเดินหน้ารณรงค์ให้คนไทยภูมิใจในสินค้าท่องเที่ยวของไทยในทุกรูปแบบ

ข่าวที่ “ทอท.ชูธงบุกลงทุนใหม่เพิ่มรายได้ฉลองครบ38ปี”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ในโอกาส ทอท.ครบรอบการดำเนินงาน 38 ปี ตามสถิติให้บริการผู้โดยสารผ่านเข้าออกทั้ง 5 ท่าอากาศยานรวมถึง 1,400 ล้านคน และครึ่งแรกปีงบประมาณ 2560 ทำกำไรสุทธิได้กว่า 11,000 ล้านบาท จึงวางแผนต่อยอดธุรกิจ โดยจะนำที่ดินมาเปิดประมูลให้เอกชนเข้าพัฒนาพื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิ 2 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินว่างเปล่าแปลง 37 ของกรมธนารักษ์ 990 ไร่ และที่ดินของ ทอท.ซื้อไว้ 723 ไร่ เพื่อสร้างรายได้จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ไม่ได้มาจากการบิน (Non Aero) เพิ่มอีกีปีละ 10%
รูปแบบการประมูลพื้นที่รอบสุวรรณภูมิจะทำทั้ง ให้เอกชนเข้าร่วมทุนในรูปแบบพีพีพี และสัมปทานรายย่อย เร็ว ๆ นี้ ทอท.เตรียมหารือกับกรมธนารักษ์ หาข้อสรุปเรื่องผลตอบแทนการใช้พื้นที่

ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2560 ทอท.ยังได้จัด ได้จัดนิทรรศการ 38 ปี สามารถเข้าร่วมชมนิทรรศการและร่วมกิจกรรม ณ ท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง  คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยในพิธีเปิดนิทรรศการได้จัดให้มีการแสดงชุด  “38 ปี ทอท.สร้างสุข ให้ทุกการเดินทาง”
ประกอบด้วย การแสดงดนตรีบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดแสดงข้อมูลประวัติความเป็นมาของแต่ละท่าอากาศยานพร้อมแผนพัฒนาท่าอากาศยานผ่านจอวิดีทัศน์และบอร์ดนิทรรศการเพื่อเป็นการเผยแพร่แนวทางการขยายท่าอากาศยานของ ทอท.และการเพิ่มศักยภาพการบริการในการเตรียมความพร้อมรองรับจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจัดให้มีกิจกรรมร่วมเล่นเกมส์เพื่อรับของรางวัล

ช่วงที่ 2 จะพาไปสัมมนาและท่องเที่ยวดูงานใกล้กรุงที่ “โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนแบบครบวงจร (โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา)” พร้อมแนะเคล็ดลับ สุขภาพ และข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์

@ชม“ศูนย์ฯพลังงานทดแทนแบบครบวงจร (โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา)”

รอบ ๆ กรุงเทพฯ ของเรามีแหล่งเรียนรู้สำคัญ ๆ เหมาะจะนำพาพนักงานไปอบรม สัมมนา ดูงาน อย่าง “โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนแบบครบวงจร (โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา)” ที่หมู่ 4 บ้านตะพังโคลน ตำบลบัวหลวง อำเภอบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้ “สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา” ร่วมกับกระทรวงพลังงาน เครือเจริญโภคภัณฑ์ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดทำขึ้นบนที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อรองรับกิจกรรมส่งเสริมการผลิตข้าวแบบ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี และมุ่งหวังให้เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ในการแปรรูปข้าว ตลอดจนการบริหารจัดการข้าว ธุรกิจข้าวของชุมชนอย่างเป็นระบบ การเพิ่มมูลค่าผลผลิต และการนำเอาวัสดุเหลือใช้ เช่น แกลบ นำไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า


สิ่งอำนวยความสะดวก ที่สอดคล้องกับการนำพนักงานองค์กรไปดูงาน จัดอบรมสัมนา ภายในโครงการฯ จะมี “ห้องประชุม(ในร่ม)” 1 ห้อง รองรับได้ 20 คน มีลานอเนกประสงค์ (ใต้อาคาร) 2 ลาน เป็นพื้นที่เปิดโล่ง รับได้ 50 คน และ 100 คน รวมทั้งอาคารอบรมเกษตรกร (เปิดโล่ง) 1 หลัง รับได้ครั้งละ 50-80 คน และ อาคารอบรมเกษตรกรอีก 1 หลัง รองรับผู้เข้าร่วมงานได้ครั้งละ 100 คน
“กิจกรรม” ก็จะมี การนำชมแปลงนาสาธิตตามโครงการ ละ ลด เลิก การใช้สารเคมี การเยี่ยมชมระบบการทำงานภายในโรงสีข้าวตั้งแต่เก็บข้าวในไซโล กรรมวิธีการสีข้าว จนถึงกระบวนการบรรจุข้าวก่อนส่งขาย รวมถึงการนำไปแกลบไปอัดด้วยความร้อนเพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง นับเป็นพลังงานทดแทนจากภาคการเกษตร

ปิดท้ายชมการสาธิตวิธีบรรจุข้าวเป็นแพกเกจภายใต้แบรนด์ “ภัทรพัฒน์” ส่งจำหน่ายตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งมีรูปแบบทันสมัย สะดวกในการซื้อไปแจกเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งมีสินค้าข้าวหลากหลายชนิดหลายขนาดให้เลือกช้อปตามกำลังซื้อของแต่ละหน่วยงาน

การท่องเที่ยวเชื่อมโยง เส้นทางผ่านก่อนจะไปเยี่ยมชม “โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนแบบครบวงจร (โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา)” สามารถแวะชม “องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวิทยาศาสตร์อย่าง นิทรรศการหมุนเวียน ประวัติการนำเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์มาผสมผสานเป็นพลังงานและเทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย  ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้จริง
สนใจไปดูงาน จัดอบรมสัมมนา ควบคู่กับการท่องเที่ยว ใน“โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนแบบครบวงจร (โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา)” สามารถติดต่อได้ที่ 035-255-5228, 02-447-8585-7 หรือเข้าไปดูรายละเอียดที่ www.chaipat.or.th

@วิ่งเสร็จควรกิน7อย่างเพื่อสุขภาพ
นอกจากออกกำลังกายแล้วยังควรควบคุมอาหารด้วย ส่วนอาหารที่ควรกินหลังวิ่ง เพราะแคลอรีน้อย ดีต่อสุขภาพ แถมอิ่มนาน
1.อกไก่ลอกหนัง ปรุงรสน้อยๆ ก็อิ่มไปถึงเที่ยง
2.สลัดผักมีประโยชน์ กินช่วงท้องว่างๆ อย่างตอนเช้าทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดี แต่ควรเพิ่มโปรตีนอย่างไข่ต้มลงไปด้วย ที่สำคัญคือต้องเลือกน้ำสลัดใส
3.ข้าวโอ๊ต กินนิดเดียวแต่อิ่มนานมาก แถมยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์และโปรตีน รวมถึงวิตามินอีกหลายชนิด เอาไปดัดแปลงกินเป็นข้าวต้มก็ได้ หรือใส่ในโยเกิร์ตก็ได้
4.แซลมอน มีทั้งโปรตีน โอเมก้า-3 สารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันดี กินคู่กับสลัดก็ได้
5.อัลมอนด์ ก็ทำให้เราอิ่มนานเหมือนกัน แถมยังมีทั้งโปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันดี ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย กินสักกำมือนึงกำลังดี
6.โยเกิร์ต อุดมไปด้วยโปรตีน และมีรสหวาน เหมาะกับผู้ที่เพิ่งใช้พลังงานหนักๆ อย่างการวิ่ง แนะนำให้กินกรีกโยเกิร์ต ส่วนโยเกิร์ตรสต่างๆ ที่มีตามท้องตลาดนั้นถูกปรุงรสและใส่น้ำตาลมากเกินไป
7.กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง เหมาะแก่การกินหลังออกกำลังกาย และยังทำให้อิ่มนาน เหมาะกับคนที่ควบคุมอาหารสุดๆ แนะนำให้กินกับโยเกิร์ต แต่ไม่ควรกินกล้วยตอนท้องว่าง เพราะจะทำให้ระดับแมกนีเซียมในร่างกายสูงเกินไป

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “13แอร์ไลน์รับAOCรอคิวICAOตรวจก.ค.นี้”

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนติดตามความก้าวหน้าของการแก้ไขข้อบกพร่อง SSC  (เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.60) หลังจากได้ออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC) ตามมาตรฐานใหม่ให้แก่ 6 สายการบิน คือบางกอกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย  การบินไทย  แอร์เอเชีย เอ็กซ์ นกสกู๊ต และนกแอร์ ตามแผนงานต้องยื่นขอให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ตรวจเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2560 และ ICAO จะตรวจซ้ำอีกครั้งในเดือนกันยายน 2560

พร้อมทั้งการทยอยออกใบรับรองให้ครบ 13 สายการบิน เริ่มจากเดือนกรกฎาคม นี้  3 สายการบิน ประกอบด้วย ไทยสมายด์ นิวส์ เจนแอร์เวย์,ไทยไลออนแอร์ เดือนสิงหาคม 1 สายการบิน คือ โอเรียนไทยแอร์เวย์ เดือนกันยายน 3 สายการบิน จากนั้นตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม จะทำให้ครบในส่วนที่เหลืออีก 10 สายการบิน และช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.นึ้จะรายงานแผนการดำเนินการให้ ICAO ทราบถึงการสายการบินที่ตั้งเป้าขอใบรับรองด้วย ซึ่ง ICAO อาจจะมาสุ่มตรวจ 6 สายการบินแรกหรือ 7 สายการบินหลังก็ได้
ตามขั้นตอนเมื่อถึงเดือนกันยายนนี้ ที่เหลืออีกประมาณ 10 สายการบินจะต้องหยุดทำบินระหว่างประเทศชั่วคราวจนกว่าจะได้ใบรับรอง

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
กพท.) กล่าวว่า โครงการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยสากล (Universal Security Audit Programme - USAP) ทาง ICAO จะเข้ามาตรวจความปลอดภัยในวันที่ 11-21 กรกฎาคม 25 60 แบ่งเป็น 1.ช่วง 3 วันแรก ตรวจบุคลากรของ กพท. 2.อีก 4 วัน ตรวจความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ 3.แบ่งเวลา 3 วันไปตรวจท่าอากาศยานดอนเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานครัว หรือคลังสินค้า (cargo) ตามมาตรฐานจะต้องตอบคำถามความปลอดภัยได้

ข่าวที่สอง “Q2เศรษฐกิจไทยเริ่มสดใสยอดโตเพิ่ม 3.3%”
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 คาดจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสแรกซึ่งขยายตัว 3.3% เนื่องจากภาคการส่งออกปรับตัวดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป จีน เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ทั้งปี สศค.ยังคงประมาณการ GDP ตลอดปี2560 เติบโตเฉลี่ย 3.6% ส่วนการส่งออกปีนี้ภาคการส่งออกฟื้นตัวดีกว่าที่สศค.คาดการณ์ไว้ โดยในเดือนกรกฎาคมนี้จะต้องรอติดตามการประกาศตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกที่มีมูลค่า 19,900 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 12.7% ต่อปี ด้านการนำเข้ามีมูลค่า 19000 ล้านดอลลาร์ เติบโต 18.3% ต่อปี ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนพฤษภาคมเกินดุล 900 ล้านดอลลาร์ และตลอด 5 เดือนแรกปีนี้ ไทยได้ดุลการค้าเกินดุล 5,100 ล้านดอลลาร์

ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียซื้อฝูงบินใหม่แอร์บัส14ลำเร่งขยายเส้นทาง”


บริษัท แอร์บัส รายงานว่า ในงานปารีส แอร์โชว์ 2017 ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส ทางแอร์บัสได้ร่วมลงนามกับกลุ่มสายการบินแอร์เอเชียสั่งซื้อฝูงบินพาณิชย์ใหม่เพิ่ม 14 ลำ เป็นแอร์บัส A320 ซีโอ ส่งผลให้แอร์เอเชียมีฝูงบินตระกูล เอ320 เพิ่มเป็น 592 ลำ ตอกย้ำการเป็นสายการบินรายใหญ่ที่สุดซื้อเครื่องบินประเภททางเดินเดี่ยว ซึ่งปัจจุบันแอร์บัสได้ส่งมอบเครื่องบินเรียบร้อยแล้วทั้งรุ่น เอ320ซีโอ 171 ลำ และเอ320นีโอ 8 ลำ เพื่อนำไปใช้ตามฐานการบินหลักใน มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย ประเทศไทย และฟิลิปปินส์

ข่าวที่ห้า “กลุ่มลุฟท์ฮันซ่าทุ่มนวัตกรรมบริการบินใหม่1.8หมื่นล้าน”

นายสเตฟาน โมลนาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย เวียดนาม และภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กล่าวว่า กลุ่มลุฟท์ฮันซ่าประกาศลงทุนทางด้านนวัตกรรมบริการการบินใหม่ผ่านโครงการ SMILE เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร มูลค่าการลงทุนสูงถึง 500 ล้านยูโร หรือประมาณ 18,955 ล้านบาท ภายในปี 2563 เช่น การนำ Virtual Reality หรือ VR ที่มองเห็นภาพจำลองแบบ 360 องศามาใช้สร้างแรงบันดาลใจ มีทั้งอินเทอร์เน็ตไวไฟ (FlyNet) บนเครื่องบิน เพื่อตอบโจทย์ในความเป็นสายการบินที่ให้บริการบินระยะไกล บริการประชุมบนเครื่องบิน (FlyingLab) ระบบที่จะช่วยให้การประชุมออนไลน์บนเครื่องบิน สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเป็นกลุ่มประชุม สัมมนา
เป็นกลยุทธ์ทำตลาดเชิงรุกให้สอดคล้องกับแนวโน้มด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ผู้โดยสารมีความต้องการที่แตกต่างเฉพาะบุคคล ประกอบกับการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้กลุ่มเครือข่ายสายการบินของลุฟท์ฮันซ่า ต้องลงทุนและพัฒนาสินค้าและบริการในทิศทางใหม่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งจะเพิ่มความแข็งแกร่งทางบริการในประเทศไทยควบคู่กันไปด้วย เริ่มปลายเดือนตุลาคม 2560 เตรียมอัพเกรดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-แฟรงเฟิร์ต เปลี่ยนเครื่องบินจากโบอิ้ง 747-400 เป็นแอร์บัส A380 รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก37%  และเตรียมนำ “สายการบินยูโรวิงส์” เปิดบริการบินช่วงฤดูหนาว เส้นทางภูเก็ต-โคโลญจ์ สัปดาห์ละ 2 เที่ยว
สำหรับสายการบินในกลุ่มลุฟท์ฮันซ่า ได้แก่ ลุฟท์ฮันซ่า, ออสเตรียนแอร์ไลน์ส, สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และสายการบินยูโรวิงส์ เป็นโลว์คอสต์แอร์ไลน์

ติดตามฟังรายเป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ทอท.ครบ38ปีบริการผู้โดย1.4พันล้านคน-6เดือนปี'60กำไร1.14หมื่นล้าน


ทอท.โชว์ฝีมือครบ38ปีปั๊มผู้โดยสาร1.49พันล้านคน
สนามบินเชียงรายเนื้อหอม3แอร์ไลน์อินเตอร์เพิ่มก.ค.60
6เดือนแรกปีนี้กำไรพุ่ง 1.14หมื่นล้าน/รายได้2.7หมื่นล้าน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน -คอลัมนิสต์การบิน/ท่องเที่ยว #gurutourza #AOT #Thaifest #AmazingThailand

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ ทอท.ดำเนินงานก้าวครบ 38 ปีในวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 จึงวางแผนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลทั้ง 6 แห่ง เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการบินของประเทศเติบโต โดยจะนำความหลากหลายฝ่าความท้าทายในเชิงสร้างสรรค์ สอดรับกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงต่างๆ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.

ตลอด 38 ปี ทอท.ได้ให้บริการผู้โดยสารทั้งสิ้น 1,498,657,826 คน และเที่ยวบิน 10,215,697 เที่ยวบิน ปัจจุบันมีสายการบินให้บริการเที่ยวบินประจำ 132 สายการบิน

โดยเฉพาะท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.) ช่วงครึ่งปีหลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีสายการบินนานาชาติบินตรงช่วงตั้งแต่กรกฎาคม 2560 จะมีเพิ่มอีก 3 สายการบินได้แก่ New Gen Airways, เสฉวนแอร์ไลน์ และ Loong Air เป็นการเพิ่มอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2559 มี Hong Kong Express Airways มีนาคม 2560 มี Beijing Capital Airline บินเข้าสู่เชียงราย


ขณะที่ผลประกอบการ ทอท.6 เดือน ระหว่าง 1 ตุลาคม 2559 – 31 มีนาคม 2560 (งบการเงินเฉพาะบริษัท) มีกำไรสำหรับงวดดังกล่าว11,447,199,569 บาท แบ่งเป็น รายได้รวม 27,757,636,420 บาท มาจากการขายหรือให้บริการ 26,859,549,839 บาท และรายได้อื่น ๆ 898,086,581 บาท ส่วนค่าใช้จ่าย 13,416,925,958 บาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,893,510,893 บาท

สำหรับผลการดำเนินงาน 8 เดือนในปีงบประมาณ 2560 ระหว่างตุลาคม 2559 – พฤษภาคม 2560) ดึงดูดผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่ง รวม86,942,131 คน เพิ่ม 7.17 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48,250,239 คน เพิ่ม 4.56 % และผู้โดยสารภายในประเทศ 38,691,892 คน เพิ่ม 10.61 % โดยมีสถิติผู้โดยสารต่างชาติ 5 ลำดับแรก ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย และอินเดีย

ส่วนจำนวนเที่ยวบินรวม 551,405 เที่ยว เพิ่ม 6.21 % ประกอบด้วย “เที่ยวบินผู้โดยสาร” แบ่งเป็น ระหว่างประเทศ 274,796 เที่ยว เพิ่ม 2.07 % ภายในประเทศ 276,609 เที่ยว เพิ่มขึ้น10.68 %

ขระที่เที่ยวบิน “การขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์” รวม 1,040,881 ตัน เพิ่ม 12.19 % สะท้อนถึงการส่งออกของไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน และกลุ่มประเทศอาเซียนในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV)

ระหว่าง 8 เดือน การดำเนินงานของแต่ละท่าอากาศยานเติบโตอย่างชัดเจน ประกอบด้วย

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 229,722 เที่ยว เพิ่มขึ้น 2.87 % มีผู้โดยสาร 39,674,846 คน เพิ่มขึ้น 4.89 % การขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ 936,877 ตัน เพิ่มขึ้น12.75 %

ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 169,943 เที่ย เพิ่มขึ้น 6.29 % มีผู้โดยสาร 24,820,694 คน เพิ่มขึ้น 7.36 % การขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ 47,032 ตัน เพิ่มขึ้น 13.08 %

ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 70,484 เที่ยว เพิ่มขึ้น 10.16 % มีผู้โดยสาร 11,047,235 คน เพิ่มขึ้น 9.95 % การขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ 32,723 ตัน เพิ่มขึ้น 8.97 %

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 49,283 เที่ยว เพิ่มขึ้น 9.82 % มีผู้โดยสาร 6,806,969 คน เพิ่มขึ้น 9.53 % การขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ 12,693 ตัน ลดลง 2.21 %

ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 20,402 เที่ยว เพิ่มขึ้น18.08 % ผู้โดยสาร 2,941,947 คน เพิ่มขึ้น 15.05 % การขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ 8,031 ตัน ลดลง 2.94 %

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.) มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 11,571 เที่ยว เพิ่มขึ้น18.10 % มีผู้โดยสาร 1,650,440 คน เพิ่มขึ้น 21.19 % และการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์3,525 ตัน ลดลง 11.16 %

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เจ้าพระยาครุยส์ผู้นำธุรกิจเรือหรูปี60-

เปิดใจ“ภูวดี คุนผลิน”นักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่ยุค4.0
เจ้าพระยาครุยส์ขวัญใจตลาดดาวรุ่งสสป.ลาว-จีน
ศุกร์หรรษาที่คิงเพาเวอร์ศรีวารีลดแจกถึง28ก.ค.นี้
ททท.-แอร์เอเชียลด50%ตั๋ว3ชาติบินช้อปชิมหน้าฝน
ร้านค้าประชารัฐสุขใจช็อปสร้างเงิน-งานทั่วไทย
ศูนย์พัฒนาฯอ่าวคุ้งกระเบนพร้อมรับงานประชุม
แนะปรับสาธารณูปโภคก่อนทัวร์ต่างชาติทะลักปี’63
แควนตัสลด8%ให้สาวกAISบินถูกสู่ออสซี่/นิวซีแลนด์
แอร์บัสกวาด4หมื่นล้านดอลล์ค้าฝูงบินในปารีสโชว์
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1 นักธุรกิจไฟแรงคนรุ่นใหม่ในยุคไทยแลนด์  4.0 “ภูวดี คุนผลิน” กรรมการผู้จัดการ เรือสำราญ เดอะ เจ้าพระยา ครุยส์ จะมานำเสนออนาคตของการท่องเที่ยวเรือสำราญในแม่น้ำเจ้าพระยา เต็มไปด้วย “ความท้าทาย” ไปกับตลาดเอเชียขาใหญ่อย่าง “จีน” ส่วนลูกค้าดาวรุ่งมาแรงต้องยกให้ “สปป.ลาว” กับ “คนไทย” แฟนพันธุ์แท้ที่พร้อมเทกระเป๋าซื้อโปรโมชั่นทุกเทศกาล คอยพบกับ “Women Jouney” ผู้หญิงเที่ยวเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้งตลอดสิงหาคมนี้ เจ้าพระยาครุยส์มีเซอร์ไพรส์ลูกค้าผู้หญิงไทยและเทศตลอดทั้งเดือน
คุณภูวดี คุนผลิน
กรรมการผู้จัดการ เรือสำราญ เดอะ เจ้าพระยา ครุยส์


 “คุณภูวดี คุนผลิน” อธิบายว่าสถานการณ์ธุรกิจให้บริการเรือสำราญหรูเกี่ยวข้องกับภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตดีทีเดียว แต่เมื่อนับจำนวนวันพักผ่อนอยู่ในกรุงเทพฯ น้อยเพียง 1-2 วัน ขณะที่ผู้ประกอบการเรือสำราญในแม่น้ำเจ้าพระยามีจำนวนมาก การแข่งขันจึงค่อนข้างสูงพอสมควร โดยเฉพาะ “การแข่งขันทางด้านราคา” แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ก็ยังคงให้ความสนใจการท่องเที่ยวทางเรือเติบโตไปในทิศทางเป็นบวกที่ดี
โดยมีอัตราการเติบโตจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการแตกต่างจากอดีตเมื่อหลายปีที่ผ่านมา “ตลาดเดิม” นักท่องเที่ยวยุโรปนิยมซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยา แตกต่างจากปัจจุบันโครงสร้าง “ตลาดนักท่องเที่ยวเป็นเอเชีย” มากขึ้น โดยเฉพาะ “จีน” มีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้เรือทุกลำปรับกลยุทธ์ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงตามมาคือ “ราคาค่าบริการลดลง” มี “จำนวนคน” เข้ามาชดเชยเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเฉลี่ยต่อคนต่อเที่ยว 1,700 บาท ยกเว้นทางตัวแทนขายหรือ Agent จะได้รับส่วนลดจากเจ้าของเรือลงไปอีกอย่างต่ำ 30 % เพื่อทำหน้าที่ช่วยกันขายในหลายช่องทางกับตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น
ถึงแม้โครงสร้างราคาจะลดลงแต่ผู้ประกอบการก็สามารถ “หารายได้เพิ่ม” จากจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยการนำเสนอขาย “เครื่องดื่มบริการบนเรือ” ทำโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เช่น จีน ชอบเครื่องดื่มชนิดใดก็ทำโปรโมชั่นขายเพิ่มเพื่อชดเชยราคาเรือต่อคนที่ลดลงไป
ในปี 2560-2561 เดอะ เจ้าพระยา ครุยส์ วางแผนเปิดบริการเส้นทางท่องเที่ยวเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เบื้องต้นยังคงเน้น “จุดชมเมืองเก่าริมสองฝั่งเจ้าพระยา” ตามปกติเจ้าพระยาครุยส์จะมีท่าประจำขึ้น-ลง ตรง ริเวอร์ ซิตี้ ล่องไปหาเมืองเก่าปลายทางพระราม 8 ผ่านพระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวราราม จากนี้ไปก็เตรียมที่จะหาแหล่งใหม่เข้ามาเสริม เช่น โครงการ ICON SIAM หรือ เอเชีย ทีค จะประสานความร่วมมือ เพื่อ “เพิ่มจุดรับส่งนักท่องเที่ยว” ซึ่งเป็นความต้องการของเอเย่นต์คู่ค้าด้วย
สำหรับตลาดคนไทยเที่ยวเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ ใช้กลยุทธ์จัดโปรโมชั่นรายเดือน โดยไปเปิดบูธขายแพกเกจตามงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เช่น เทศกาลเที่ยวเมืองไทย วันธรรมดาน่าเที่ยว รวมทั้งการเปิดช่องทางขายทางโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ค อินสตาร์แกรม โดยกำหนดราคาขายให้สมเหตุผลสำหรับรองรับกำลังซื้อตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย
จากประสบการณ์ในอดีตจะยึดติดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่พอเกิดวิกฤตจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้เรียนรู้ได้ว่า “กำลังซื้อคนไทย” คือฐานรายได้ที่แข็งแรงสุดของธุรกิจในประเทศ โดยคนไทยมีพฤติกรรมนิยมออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านและเลือกบรรยากาศกับรสชาติควบคู่กันไป ทางเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์จึงได้ออกแบบจุดขายให้สอดคล้องกับผู้บริโภคคนไทย อย่างช่วงสงกรานต์เป็นเจ้าเดียวที่มีการแจกปืนฉีดน้ำฟรีและสรงน้ำพระบนเรือได้ หรือเทศกาลวันแม่ วันลอยกระทง จะจัดให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม ประเพณี พร้อมโปรโมชั่น ซึ่งเป็นจุดขายที่แฟนคลับนักท่องเที่ยวคนไทยตั้งตารอคอยซื้อต่อเนื่องมาตลอด จึงเป็นฐานลูกค้าของเรือสำราญเจ้าพระยา ครุยส์
สำหรับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2560 เตรียมนำเสนอช่วงสิงหาคมที่ร่วมกับ ททท.ในเดือนของ “ผู้หญิงเที่ยว” บนเรือจะมีโปรโมชั่นพร้อมแจกของที่ระลึกเป็นพิเศษแก่นักท่องเที่ยวผู้หญิงทุกคน ของที่ระลึกเป็นตุ๊กตาป้ายชื่อ เครื่องดื่มพิเศษ ซึ่งจองผ่านโครงการ Women Jouney ของ ททท.สร้างความเป็นวี.ไอ.พี.สุด ๆ เพื่อความประทับใจ การซื้อนั้นสามารถจองผ่านทางเว็บไซต์ของ ททท.และช่องทางโซเชียลมีเดียของเจ้าพระยาครุยส์ ก็ได้เช่นกัน หรือติดต่อที่ โทร.02-541-5599 ได้ทุกวัน
ขณะเดียวกันก็ยังได้นำไฮไลต์ “อาหารไทย” ซึ่งบนเรือมีบริการบุฟเฟต์ โดยมีเมนูที่ขาดไม่ได้เลยในการเสิร์ฟนักท่องเที่ยวคือ ส้มตำ ต้มยำกุ้ง บางครั้งก็ยังเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือ หาเมนูเก๋ ๆ มาสร้างความแปลกใหม่อยู่ตลอด และเน้นให้พนักงานมาคอยแนะนำอาหารไทยบนเรือเพื่อดึงนักท่องเที่ยวทดลองชิมเมนูด้วย
การวางแผนทำตลาดเชิงรุกตามงานต่างๆ เมื่อปี 2560 ทำโร้ดโชว์กับ ททท.ตอนนี้เริ่มวางโปรแกรมปี 2561 จะไปโร้ดโชว์ต่อเนื่อง หรือร่วมงานเทรดระดับโลกบ้างอย่าง World Travel Mart : WTM ในลอนดอน หรือ Arabian Travel Mart :ATM เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาได้รับข้อมูลที่ผ่านมาแล้วพัฒนาปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละตลาด และมีหลายงานในเอเชียที่กำลังคัดเลือกจะไปร่วมเจรจาธุรกิจเพราะเป็นตลาดสำคัญซึ่งพูดคุยกันไว้หลายทาง จะเป็นโร้ดโชว์หรือ Sale call ทางเลือกไหนจะเกิดประโยชน์มากกว่ากัน เพราะจากประสบการณ์เข้าร่วมขายในงานระดับโลก ซึ่งขนาดใหญ่เกินไปก็อาจจะไม่เหมาะกับธุรกิจเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ เนื่องจากเรือเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากโรงแรม
ตลาดดาวรุ่งในเอเชียที่จะเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ นอกเหนือจากจีนแล้ว ที่มาแรงมาก ๆ ได้แก่ สปป.ลาว มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ 30-40 คนต่อทริป และกลุ่มนักท่องเที่ยวแถบ CLMV รวมทั้ง เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม
ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางเรือ อย่างแรก “ตัวโครงสร้างเรือ” ความปลอดภัยที่จะต้องให้แก่ผู้โดยสาร ได้อบรมพนักงานทุกคนถึงมาตรฐานบริการ และให้กรมเจ้าท่าตรวจสม่ำเสมอ ท่าเทียบเรือต้องมีเจ้าหน้าที่บริหารจัดการที่จะมายืนอยู่บนโป๊ะเรือ ทยอยขึ้นอย่างเป็นระเบียบ โดยมีการแนะนำให้ข้อมูลตลอดเวลา พร้อมทั้งประสานงานกับมัคคุเทศก์ เพื่อบริการกลุ่มลูกค้าแต่ละวัย ซึ่งบางคณะอาจจะมีผู้สูงอายุ เด็ก ผู้พิการเข้ามาใช้บริการต้องประสานงานไว้ล่วงหน้า เตรียมรถเข็นหรือผู้ช่วยขึ้นลงเรืออย่างสะดวกปลอดภัย ทั้งพนักงานเรือและผู้โดยสารต่างให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เพราะทุกฝ่ายคำนึงถึงมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางเรือของประเทศไทย
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเที่ยวเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์( Chaophraya Cruise ) สอบถามได้ที่โทร : 662 541 5599 (auto),  www.chaophrayacruise.com , www.facebook.com/Chaophrayacruise /Instragram : @ChaophrayaCruise /official Line ID: @ChaophrayaCruise

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ศุกร์หรรษาที่คิงเพาเวอร์ศรีวารีลดแจกแหลก”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำบุกเบิกร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมืองไทย ชวนคนไทย และสมาชิกคิง เพาเวอร์ ช้อปลดแหลกกับแคมเปญ “8ศุกร์หรรษา” ลดสูงสุด 30% ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี ระหว่าง – 28 กรกฎาคม 2560 ขณะนี้ยังสามารถไปช้อปเฉพาะวันศุกร์ได้อีกถึง 4 ศุกร์ด้วยกัน

เพียงลงทะเบียนซื้อสินค้า รับทันทีคูปองส่วนลดมูลค่า 800 บาท สำหรับการซื้อสินค้า 2,500 บาทขึ้นไป (Gross Sales) / ใบเสร็จรับเงิน(1 สิทธิ์ / ท่าน / ตลอดรายการ)
เพียงซื้อสินค้ารับทันทีส่วนลด 30% ตลอดทั้งวัน (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
รับทันที Gift Voucher 2,000 บาท (1 สิทธิ์ / ท่าน / วัน) เพียงซื้อสินค้าครบ 28,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)
พิเศษ เฉพาะสัปดาห์สุดท้าย รับ Gift Voucher เพิ่มอีก 3,000 บาท รวมเป็น 5,000 บาท เพียงซื้อสินค้าครบ 28,000 บาท ครบทุกสัปดาห์
Top Spender ประจำสัปดาห์ เพียงมียอดซื้อสินค้าสูงสุดภายในวัน ตั้งแต่ 800,000 บาทขึ้นไป(สุทธิ) รับทันที Gift Voucher มูลค่า 50,000 บาท (สัปดาห์ละ 1 รางวัล)
  แชมป์ยอดช้อป Top Spender ต่อเนื่อง 8 ศุกร์ รับแพ็กเกจล่องเรือสำราญเส้นทางสิงคโปร์-มาเลเซีย-สิงคโปร์ จาก Royal Caribbean จำนวน 1 รางวัล สำหรับ 2 ท่าน เพียงสะสมยอดซื้อสูงสุด ทุกวันศุกร์ตลอดรายการ ตั้งแต่ 1,800,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)
  ทั้งนี้มีบริการรถรับส่ง ไป-กลับ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ – คิง เพาเวอร์ ศรีวารี 10.00-20.30 น. แต่ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น โทร 1631

ข่าวที่ 2 “ททท-แอร์เอเชีย”ลดถ50%ตั๋วบิน3ชาติบินช้อปชิมกรีนซีซัน”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้ร่วมกับ แอร์เอเชีย จัด “โครงการ Thailand Shopping & Dining Paradise 2017 with AirAsia ปลุกกำลังซื้อช่วงท่องเที่ยวหน้าฝนในปลายปี’60 ด้วยตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นบินคุ้มลด 50% ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ บินมาใช้เงินชิมอาหารไทยและช็อปในไทยจาก 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยได้จัด และจัดพร้อมแข่งขันช็อปปิง  “The Top Shopper” นำเสนอแหล่งช็อปปิงหลากหลายและเมนูต้องห้ามพลาดของไทย
สนับสนุนเป้าหมายการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม(Preferred Destination) ติดอันดับประเทศที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด 1 ใน 7 ของโลก
ทางด้าน “นายสันติสุข คล่องใช้ยา” ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แอร์เอเชียพร้อมมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มค่าให้นักท่องเที่ยวทั้ง 3 ประเทศ ประกอบด้วย บัตรโดยสารราคาพิเศษเพื่อเดินทางมาไทย และร่วมกับพันธมิตรกลุ่มห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวนำบอร์ดดิ้งพาสของแอร์เอเชียแลกรับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษมากมาย สร้างแรงจูงใจเที่ยวเมืองไทยทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายและสนุกกับประสบการณ์ช้อปปิ้ง
โดยมีโปรโมชั่นตั๋วบัตรโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษลด 50 % ใน 9 เส้นทาง  จากประเทศปลายทางเข้าสู่กรุงเทพฯ จากเวียดนาม 3 เมือง คือ โฮจิมินห์ ดานัง, ฮานอย ฮ่องกง – กรุงเทพฯ, ฮ่องกง – เชียงใหม่, ฮ่องกง- ภูเก็ต, สิงคโปร์- กรุงเทพฯ, สิงคโปร์ – ภูเก็ต และ สิงคโปร์ – กระบี่ จองซื้อทางเว็บไซต์ www.airasia.com ภายใน 25  มิถุนายน 2560 ใช้เดินทางได้ทันทีจนถึง 30 พฤศจิกายน 2560

ข่าวที่ 3 “ร้านประชารัฐช็อปสร้างงาน-เงินท่องเที่ยวถึงชุมชน”

  ขณะเดียวกัน ททท.เชิญชวนนักท่องเที่ยวแวะช้อปปิ้งใน “ร้าน ประชารัฐ สุขใจ SHOP” ที่ ททท. ร่วมกับอีก 4 หน่วยงาน ทั้งกรมการพัฒนาชุมชน(พช.)สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) เดินหน้าสานนโยบายพัฒนาสถานีริมทางเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวท้องถิ่น ควบคู่กับโครงการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นทั่วประเทศในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศใน 148 แห่ง  ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
ขณะนี้ผลสัมฤทธิ์เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมสร้างประโยชน์ในการนำท่องเที่ยวเป็นหัวหอกให้ชุมชนผลิตสินค้ามาจำหน่ายเกิดการกระจายรายได้จากกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้ใช้บริการศูนย์ส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวของท้องถิ่น ที่มีบริการครบวงจร เรื่อยไปจนถึงทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ส่วนรูปแบบของร้านค้าตั้งอยู่ ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศ มีขนาดกว้าง 4 เมตร ลึก 3.5 เมตร แต่ละร้านค้า จะมี จอทัชสกรีนและคอมพิวเตอร์ให้ข้อมูลข่าวสารแบบ Offlineประกอบด้วย  จอทัชสกรีนขนาด 55 นิ้ว  เครื่อง Mini PC พร้อมระบบปฏิบัติการ Window 7 Pro  และซอฟต์แวร์ข้อมูลข่าวสารการ ท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า

ข่าวที่ 4 “เติมบางจากไฮพรีเมี่ยมดีเซสเอสจ่ายแค่70%”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดแคมเปญพิเศษเติมบางจาก ไฮพรีเมียมดีเซล เอส เท่าไหร่ จ่ายเพียง 70% โดยให้สิทธิเฉพาะสมาชิกบัตรบางจากดีเซลคลับ วันนี้ - 18 ก.ค. 2560 รับวันละ 70 คันแรกต่อปั๊มเท่านั้น และกำหนดงดรับคิวภายในเวลา 12.00น.กรณีที่ยังไม่ครบ 70 คัน/วัน
แคมเปญนี้ให้สิทธิแก่สมาชิกผู้ถือบัตรที่ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซล 4 ล้อ เท่านั้น
และรับเฉพาะเงินสด กรณีมีเศษต่ำกว่า 50 สต. จะปัดเศษทิ้ง เช่น 100.49 บาท ชำระ 100.00 บาท กรณีเศษมากกว่า 50 สต. จะปัดเศษขึ้นเต็มจำนวน เช่น 100.52 ชำระ 101.00 บาท และไม่สามารถสะสมคะแนน หรือร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่นได้ พร้อมทั้งสงวนสิทธิ์ไม่ออกใบเสร็จรับเงิน
สำหรับวัน เวลา และสาขาที่จัดรายการ มีดังนี้
วันอังคารที่ 27 มิ.ย. 60 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 12.00 น. ปั๊มบางจาก บจก.กาญจนศักดิ์ (1994) ถ.แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี พิกัด 13.906029, 100.524354
วันเสาร์ที่ 1 ก.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 8.00 – 12.00 น. ปั๊มบางจาก บจก.ร่ำรวยปิโตรเลียม ถ. รังสิต-นครนายก ธัญบุรี ปทุมธานี  พิกัด 13.987015, 100.626967
วันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 9.00 – 12.00 น. ปั๊มบางจาก สาขาพัทยาเหนือ ถ.พัทยาเหนือ บางละมุง

ข่าวที่ 5 “เที่ยววันธรรมดาที่พิพิธภัณฑ์ฯบ้านใร่กาแฟลดกระจาย”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคกลาง รายงานว่าได้นำ “พิพิธภัณฑ์ลาวเวียง บ้านใร่กาแฟ” ตั้งอยู่ 31 หมู่ 6 ต.หนองควายโซ อ.หนองแซง จ.สระบุรี 18170 เข้าร่วมรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเที่ยววันธรรมดา เพียงแค่นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปใช้บริการยืนยันได้ข้อมูลมาจากมินิเว็ปไซต์ www.วันธรรมดาน่าเที่ยว.com   รับไปเลยส่วนลดทันทีวันธรรมดา ระหว่างวันจันทร์ – วันพฤหัสบดี สิทธิพิเศษเหนือกว่าการเข้าพักวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์คือ
1. ฟรีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลาวเวียง บ้านใร่กาแฟ
2. เมื่อซื้อเครื่องดื่มกาแฟสด ตั้งแต่ราคา 60 บาท ขึ้นไป รับส่วนลดทันทีแก้วละ 10 บาท
3. เมื่อรับประทานอาหารพื้นถิ่นลาวเวียง ลดทันที 15%
สอบถามเพิ่มที่ โทร. 036-399270 - 4 , 085-1237365 , 084-7210256 , 082-0169377 เข้าไปดูได้ที่ www.facebook.com/banriethailand
ทั้งนี้ในแต่ละเดือนจะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนำเสนอโปรโมชั่นวันธรรมดาน่าเที่ยวต่อเนื่อง สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.วันธรรมดาน่าเที่ยว.com

ข่าวที่ 6 “ทอท.เร่งสรุปราคาที่ดินกรมธนารักษ์รับการลงทุนใหม่”

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมธนารักษ์ ได้หารือเบื้องต้นกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เพื่อหาแนวทางยุติเกี่ยวกับค่าเช่าสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วกำหนดวิธีใหม่ที่เหมาะมาใช้แทน รูปแบบการจัดเก็บค่าเช่าแบบผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ใช้ในการพาณิชย์อาจเป็นอัตราสูงเกินไป ขณะที่รูปแบบเดิมเก็บจากส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing)  5% รวมทั้งก่อนหน้านี้ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ประธานกรรมการ ทอท. เสนอให้กรมธนารักษ์เรียกเก็บเฉพาะพื้นที่ใช้ประโยชน์จริงเท่านั้นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการบิน (non-Aeronautical)
ขณะที่ “นายนิตินัย ศิริสมรรถการ”  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ล่าสุด เข้าร่วมอภิปรายเรื่อง “Corporate View on Thailand New Gateway”  ร่วมกับหน่วยงานหลักทางด้านเศรษฐกิจ อาทิ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในงาน Thailand’s Big Strategic Move
โดยได้สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่าง 3 ท่าอากาศยานในกรุงเทพฯ ได้แก่สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา รวมทั้งแผนพัฒนาของ ทอท.เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารให้สอดคล้องกับอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตในอีก 20 ปีข้างหน้า ภายใต้โมเดล Thailand 4.0 โดยมีนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียเข้าร่วมงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แบบวิน วิน ไปด้วยกันทุกฝ่ายหากการสรุปเรื่องค่าตอบแทนใช้ประโยชน์จากที่ดินกรมธนารักษ์ชัดเจน นักลงทุนส่วนใหญ่มองเห็นถึงภาพรวมการพัฒนาธุรกิจเดินไปข้างหน้าร่วมกัน

ช่วงที่ 2 มาร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีในการนำพาทีมงานองค์กรไปจัดประชุม ณ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จันทบุรี แล้วเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าสู่วัยเงินและวัยทอง และสรุปข่าวฮ็อต


@“ประชุมเพื่อชาติที่อ่าวคุ้งกระเบนฯ” จันทบุรี

ทุกครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมชม “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จันทบุรี สิ่งที่เห็นคือพื้นที่สุดลูกหูลูกตาอันอุดมสมบูรณ์ในบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งเหมาะจะเลือกเป็นสถานที่จัดประชุมองค์กร และแหล่งท่องเที่ยว ไปพร้อม ๆ กัน

“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2524 มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดประมาณ 4,000 ไร่ ดำเนินการศึกษา สาธิต และพัฒนาเขตที่ดินจากยอดเขาสู่ท้องทะเล เพื่อฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ไฮไลต์ของ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ยังเป็นศูนย์การอบรมเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัย นำมาพัฒนาการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมถึงเป็นกำลังสำคัญในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม พร้อม ๆ กับการรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ให้มีความอุดมสมบูรณ์คงความงดงามทางธรรมชาติไว้อย่างมั่นคง
โดยมี “กิจกรรม” ที่มีความหลากหลายให้เลือกลงมือทำ ได้แก่
 “กิจกรรมศึกษาดูงาน” ทางศูนย์ได้จัดบรรยายและชมงานวิชาการเกษตรผสมผสานแบบต่าง การศึกษาและเยี่ยมชมระบบนิเวศน์ป่าไม้ การปลูกป่าชายเลน ชมการสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง หรือจะเยี่ยมชมสถานสแดงพันธุ์สัตว์น้ำ ชมการทำผลิตภัณฑ์จากหญ้าแฝก และวิธีการผลิตปุ๋ยหมักจากดินเลนนากุ้ง

“กิจกรรม CSR” สามารถนำทีมไปปลูกป่าชายเลนบริเวณศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน หรือร่วมกันสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อการเกษตร
“กิจกรรมสันทนาการและพักผ่อน” แนะนำให้เดินชมเส้นทางศึกษาศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน หรือทำลูกอีเอ็มบอล ซึ่งเป็นลูกบอลสารจุลินทรีย์ช่วยบำบัดน้ำเสีย
ขณะเดียวกันก็มี “สิ่งอำนวยความสะดวก” รองรับการจัดประชุม โดยมี “ห้องพักรวม” เป็นแบบพัดลม 1 ห้อง รองรับได้ 12 คน ห้องพักรวม 3 ห้อง พักได้ห้องละ 12 คน ห้องพักรวม 1 ห้องรองรับได้ 15 คน ห้องพัก แบบปรับอากาศ แต่ละห้องพักได้ 4 คน จำนวน  10 ห้อง และห้องพักปรับอากาศขนาดพักได้ห้องละ 6 คน อีก 3 ห้อง ส่วน “ห้องประชุมติดแอร์” มี 4 ห้อง ขนาดรองรับได้แตกต่างกัน
อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอันงดงามให้ไปท่องเที่ยวได้ด้วย คือ หาดเจ้าหลาว อ่าวคุ้งวิมาน จุดชมวิวเนินพญา อุทยานแห่งชาติเขาคชกุฎ น้ำตกกระทิง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ติดต่อสอบถามการเดินทางไปยัง “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ”ได้ที่ โทร.039-433-216-8 หรือ www.fisheries.go.th/cfkung_krabaen
เมื่อมา “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จันทบุรีแล้วได้ทั้งความรู้ ความสุข แถมได้สร้างประโยชน์ต่อสาธารณะ จะรีรออีกทำไม รีบพาทีมงานไปประชุมเมืองไทย อิ่มใจในโครงการพระราชดำริกันได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

@อาการผู้หญิงวัยทอง-ผู้ชายวัยเงิน
ภาวะวัยทอง เป็นสิ่งที่ผู้หญิงอายุเกินกว่า 40 ปีขึ้นไปจะต้องเผชิญ อาการในภาวะดังกล่าวมีความรุนแรงแตกต่างกันแล้วแต่บุคคล อย่างไรก็ตาม หากต้องการจะตรวจสอบว่ามีอาการของภาวะวัยทองให้พิจารณาจากอาการหรือปัญหาผิดปกติ ดังต่อไปนี้คือ
1. อาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการเริ่มแรกของผู้หญิงวัยทองโดยทั่วไป มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นและก่อให้เกิดความรำคาญมากน้อยแตกต่างกันตามบุคคล
2. การติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะพบได้บ่อยในผู้หญิงที่หมดประจำเดือนไปแล้ว นอกจากนี้ยังอาจเกิดการอักเสบของช่องคลอดที่ก่อให้เกิดความรำคาญได้เช่นกัน
3. ปัญหาเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกเจ็บปวดเวลาร่วมเพศสืบเนื่องมาจากการที่น้ำหล่อลื่นลดน้อยลงและการลดลงของความต้องการทางเพศมักพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง
4. อารมณ์หงุดหงิดและแปรปรวนได้ง่ายจะมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในผู้หญิงวัยทองบางคน
5. ประจำเดือนผิดปกติและบางครั้งมีเลือดออกมามากจะพบได้ในช่วงระยะที่ใกล้จะหมดประจำเดือน
6. ความจำเสื่อมลงหลงลืมได้ง่ายเป็นสิ่งที่พบได้ไม่น้อยเช่นกัน
7. ความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด ได้แก่ กระดูกพรุน โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคอัลไซเมอร์และมะเร็งของลำไส้ใหญ่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้หญิงย่างเข้าสู่วัยทอง
ปัจจุบันมีสารจากธรรมชาติหลากหลายชนิดที่อาจพิจารณาให้ใช้เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นในผู้หญิงวัยทองได้ สารสกัดจากถั่วเหลืองซึ่งให้สารสำคัญในกลุ่ม Isoflavones มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการวัยทองต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีผลป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และยังมีผลลดระดับคอเลสเตอรอลอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพทุกชนิดควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้เสมอ

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “สทท.แนะปรับสาณารณูปโภคก่อนทัวร์ต่างชาติทะลักปี’63”
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ รองประธานฝ่ายนโยบายและวิชาการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมหารือกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมจัดทำแผนการรับมือด้านการท่องเที่ยวในอนาคต เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ มีนโยบายรองรับหลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อาทิ รถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะรถไฟไทย-จีน แล้วเสร็จใช้งานได้ประมาณปี 2563 ก็จะทำให้จำนวนคนเดินทางเพิ่มขึ้นเพราะการเชื่อมระหว่างประเทศได้สะดวกรวดเร็ว ภายในอีก 10 ปีหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมากถึงปีละ 60 ล้านคน จากปัจจุบันปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 35 ล้านคน

โครงการที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องเตรียมรับมือคือ “ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน” ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาตามมาทันที คือ น้ำ ไฟฟ้า ไม่พอใช้ มลพิษ น้ำเสียระบบนิเวศ ขยะ ศิลปวัฒนธรรมไทยจะถูกกลืน ดังนั้นจึงต้องเร่งวางแผนกระจายนักท่องเที่ยวด้วยการส่งเสริมระบบท่องเที่ยวเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ถนน รถไฟความเร็วสูง และอื่น ๆ ที่พอจะรองรับได้ รวมทั้งเพิ่มสินค้าให้ทันต่อกำลังซื้อที่หลั่งไหลเข้ามา เพื่อป้องกันการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ
เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกว่า 80 % มักกระกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลัก 4 แห่งที่ต้องเร่งปรับได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ รวมทั้งขณะนี้รัฐบาลพยายามกระจายแหล่งท่องเที่ยวราว 95 % ไปสู่เมืองรอง 20 จังหวัด

ข่าวที่สอง “แควนตัสลดตั๋ว8%ให้สาวกAISบินออสซี่/นิวซีแลนด์”
สายการบิน แควนตัส รายงานว่า ได้จัดแคมเปญมอบส่วนลด 8% ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือค่ายเอไอเอสที่เดินทางจากไทยไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ถึง 31 กรกฏาคม 2560 โดยสงวนสิทธิ์ 1 หมายเลขต่อ 1 สิทธิ์ต่อวัน โดยผู้ใช้โทรศัพท์มือถือค่ายเอไอเอสที่ “ซื้อตั๋วโดยสาร” เครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัดในแคมเปญนี้เพื่อเดินทางไป ซิดนีย์ อะดิเลด บริสเบน เมลเบิร์น ออสเตรเลีย หรือกรุงเทพฯ-โอ๊คแลนด์ เวลลิงตัน ควีนสทาวน์ หรือ ไคร้ชเชิร์ส นิวซีแลนด์ สามารถเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ได้ภายใน 31 ธันวาคม 2560

วิธีจองตั๋วแล้วรับสิทธิเพียงกด *545*672# จากโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกเพื่อรับรหัสสำหรับการซื้อตั๋วโดยสาร โดยสามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ที่สำนักงานสายการบิน แควนตัส ชั้น 21 อาคารอิสสระ ทาวเวอร์ 1 ถนนสุริวงศ์ กรุงเทพฯ ในวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มที่โทร 02 632 6611
และซื้อตั๋วได้ที่ ทีวีแอร์บุ๊คกิ้ง สาขาดิเอ็มโพเรียม โทร.02 664 8500-6 ระหว่างวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 10.00-19.00 น.

ข่าวที่สาม “แอร์บัสกวาด4หมื่นล้านดอลล์ค้าฝูงบินในปารีสโชว์”
นายจอห์น ลีอาห์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Airbus Commercial Aircraft กล่าวว่า ประสบความสำเร็จในการขายเครื่องบินเชิงพาณิชย์ในงาน Paris Air Show 2017  ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากยอดคำสั่งจองซื้อเครื่องบิน 326 ใบมูลค่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ขยายสู่อุตสาหกรรมใหม่กว่า 6,800 ลำ รุ่นที่ครองแชมป์ยอดขายแถวหน้าของโลกยังคงเป็น A320neo
สำหรับรายงานยอดขายและพันธะสัญญาสั่งจองซื้อเครื่องบินตระกูล A320 Familyแข็งแกร่งมาก โดยมีบัญชีธุรกิจรวมทั้งสิ้น 306 ใบ มูลค่า 33.8 พันล้านเหรียญ ยอดรวมนี้ประกอบด้วยคำสั่งซื้อของ 132 บริษัท มูลค่า 14,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และ MoUs เครื่องบิน 174 ลำมูลค่า 19,1 พันล้านเหรียญ แบ่งเป็นฝูงบินประเภทเครื่องลำตัวกว้าง ของแอร์บัสประเภท Widebody ได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบิน 20 ลำมูลค่า 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ จาก 12 บริษัท มูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ MoUs สำหรับเครื่องบินแปดลำมูลค่า 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้แอร์บัสได้เปิดตัวแพลตฟอร์มข้อมูลการบินแบบเปิดใหม่ที่เรียกว่า Skywise เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลของอุตสาหกรรมและเพิ่มมูลค่าให้กับการดำเนินงานของลูกค้า แพลตฟอร์ม Skywise wfhรวมความเชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศของ Airbus ด้วยโซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงในระบบ Palantir Technologies

ติดตามฟังรายการเป็นประจำได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. เวลา 11.00-12.00 น.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์:ท่องเที่ยว/การบิน
เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" ทุกเสาร์และอาทิตย์ 11.0012.00น.
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM97.0 MHz.




วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ททท.กรุงปรากบูมยุโรป7ชาติแห่มาไทย-ช้อปคิงเพาเวอร์หมื่นเดียวลุ้นดูบอลฟรีที่ฮ่องกง-ผีตาโขน

7ชาติยุโรปน้องใหม่เฮเที่ยวไทยยอดโตทะลุ30%
ททท.ปราก-ATTAดึงคู่ค้าโปแลนด์เปิดCharter Flight
ช้อปแค่หมื่นที่คิงเพาเวอร์ลุ้นบินฟรีดูบอลฮ่องกง
เปิด5ภารกิจร้านประชารัฐสุขใจช็อปดันชุมชนโต
จัด“ไทยเท่ปาร์ตี้”ฉลองท่องเที่ยวเข้าเป้า3แสนล้าน
ชมงาน400ปี “ผีตาโขน-บุญหลวง”ด่านซ้าย จ.เลย
ไทยขึ้นแท่นฮับจัดท่องเที่ยวเชิงกีฬาโลกปี’60-61
ททท.เล็งเปิดหลักสูตร TMEรุ่น2ภายใน พ.ย.นี้
นกสกู๊ตเทกระจาดจัดตั๋วถูกบินสู่ไทเป1,900บาท

สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong ฟังย้อนหลังทาง youtube www.facebook.com/rauydauykhao) #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand #TME 1
ช่วงที่ 1 “คุณวิยะดา ศรีรางกูร” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเชค ลัดฟ้ามาถ่ายทอดเรื่องราวการบุกตลาดน้องใหม่เชิงรุกในยุโรปตะวันออก 7 ประเทศ เปิดสำนักงานเพียงปีเดียวยอดนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาไทยเพิ่มประเทศละ 20-30 % เตรียมใช้บิ๊กโปรเจ็กต์ THE LINK THAILAND ของ ททท.ภูมิภาคยุโรป ทะลวงจับคู่ขาย “จังหวัดตรัง” เชื่อมโยงสู่พื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะ “LOCAL EXPERIENCEกับอาหารถิ่น” มาแรงสุด เข้าทาง “ผู้นำสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือ ATTA” จับเข่าคุยกับกลุ่มทำชาเตอร์ไฟลต์ทำเช่าเหมานำทัวร์โปแลนด์เข้าไทยในปี 2561 เป็นต้นไป
คุณวิยะดา ศรีรางกูร
 ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงปราก

คุณวิยะดา ศรีรางกูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงปราก สาธารณรัฐเชค ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการว่าการเปิดสำนักงานใหม่ตลอดปีกว่าตั้งแต่กันยายน 2559 เพื่อขยายแนวรุกเจาะนักท่องเที่ยวแถบยุโรปตะวันออกเข้ามาไทย โดยร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรผลตอบรับดีเกินคาดบางตลาดเพิ่ม 20 % บางตลาดเติบโตเกือบ 30 % และต่ำสุดเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 10 %
กลยุทธ์เป็นการจับมือกับบริษัทตัวแทนนำเที่ยว สายการบิน เน้นสร้างการรับรู้การท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเมืองไทย เป็นการกระตุ้นพื้นที่ที่เข้าไปดูแลตลาด 7 ประเทศ ได้แก่ โปแลนด์ เช็ค โรมาเนีย สโลวาเกีย บัลกาเรีย ฮังการี ยูเครน ต่อเชื่อมตะเข็บรัสเซีย ซึ่งมีตลาดดาวรุ่งใหญ่สุดคือ “โปแลนด์”ปีที่ผ่านมาเพิ่ม 21 % มีประชากร 40 ล้านคน มาไทยเกือบ 90,000 คน
รองลงมาเป็นประเทศที่มีฐานประชากรน้อยกว่าแต่อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยสูง ทั้งโรมาเนีย เติบโต 38 % สโลวาเกีย บัลกาเรีย เพิ่ม 22 % ประเทศที่เหลือนอกเหนือจากนั้นก็เพิ่มตามลำดับในเกณฑ์ 11-13-14 %
ส่วนการเดินทางมีเพียง “ยูเครน” ประเทศเดียวที่มีสายการบินตรงแบบประจำ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ มีเที่ยวบินแวะพักของกลุ่มสายการบินแถบตะวันออกกลางอย่าง เอมิเรตส์ ตุรกีแอร์ไลน์ส กาตาร์แอร์เวย์ หรือเชื่อมต่อจากเยอรมันโดยสายการบินลุฟฮันซ่า หรือกรุงเวียนนา ออสเตรีย ก็มี ออสเตรียนแอร์ไลน์ บริการบินทำให้การเดินทางเข้าสู่ไทยได้สะดวกพอสมควร
โดยแต่ละประเทศในยุโรปตะวันออกมีความถี่เที่ยวบินแต่ละสัปดาห์ทุกวัน หรือบางสายการบินมีถึงวันละ 2 เที่ยวบิน สามารถชดเชยกันได้กับการไม่มีเที่ยวบินตรง เพียงแต่ช่วงฤดูหนาวตั้งแต่พฤศจิกายนของทุกปี ที่นั่งจะหนาแน่นซึ่งเกิดการแย่งชิงที่นั่งกันกับกลุ่มประเทศต้นทางอย่างเยอรมัน ออสเตรีย
สัญญาณตลาดในช่วงฤดูเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปี 2560 มีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจภายในภูมิภาคยุโรปตะวันออกค่อนข้างสดใสกว่ายุโรปทั่วไทย ประเมินผลจากจีดีพีเฉลี่ยปีที่ผ่านมาในยุโรปทั่วไทยเติบโตเพียง 1.68 % แต่ในแถบ 7 ประเทศทางยุโรปตะวันออกทำได้สูง 3 % หรือโรมาเนียสูงกว่า 4 % จึงมีกำลังซื้อสูง เห็นได้จากค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อวันสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไปของยุโรปที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย ซึ่งมีประมาณ 4,600 บาทต่อคนต่อวัน แต่โปแลนด์ใช้จ่ายถึง 5,200 บาทต่อคนต่อวัน สาธารณรัฐเชค 5,500 บาทต่อคนต่อวัน บัลกาเรีย 5,700 บาทต่อคนต่อวัน  ยกเว้นยูเครนประมาณ 3,500 บาทต่อคนต่อวัน แต่วันพักเฉลี่ยในไทย 21 วันต่อทริป มีจำนวนมากกว่าประเทศอื่นที่พักเฉลี่ยเพียง 14 วันต่อทริป
ดังนั้น “ยุโรปตะวันออก” เป็นตลาดน้องใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งและใช้จ่ายเงินสูงมากพอสมควร
ส่วนเส้นทางที่ได้รับความนิยม จะเลือก “หาดทรายชายทะเล” ภูเก็ต กระบี่ สมุย แต่ตลอดการพักผ่อน จะมีกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย เกาะช้าง แต่เดิมพัทยาค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่นักท่องเที่ยวตลาดนี้จะไม่ชอบความอึกทึกหรือมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากเกินไป ชอบชายทะเลที่มีความเงียบสงบ ผนวกกับชอบวัฒนธรรม การเรียนรู้ และการที่ ททท.ใช้ Local Experience in Thailand เป็นแรงกระตุ้นนั้นโดนใจนักท่องเที่ยวแถบนี้เป็นอย่างมาก
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันออกทั้ง 7 ประเทศ จะมีใช้ชีวิตพักผ่อนโดยออกไปหาประสบการณ์ภายนอกโรงแรม ซึ่งแตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดสแกนดิเนเวียนิยมนอนพักผ่อนอ่านหนังสืออยู่ตามชายหาดของโรงแรมที่พักเป็นหลัก ดังนั้นกลุ่มยุโรปใหม่จะเน้นใช้เงินซื้อ Excursion tour หรือโปรแกรมทัวร์ไปตามเส้นทางเฉพาะที่สนใจในพื้นที่ต่าง ๆ ประการสำคัญชอบรับประทาน “อาหารไทย” มาก

กิจกรรมไฮไลต์ที่จะเพิ่ม “ค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยว” ขณะนี้ ททท.กรุงปรากมุ่งเจาะตลาดนักท่องเที่ยวระดับกลางขึ้นไปถึงระดับสูงกลุ่ม ฮันนีมูน กระจายเดินทางได้ตลอดทั้งปี และกลุ่มครอบครัวเน้นช่วงนอกฤดูเดินทางระหว่างปิดภาคเรียนเดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นช่วงที่เดินทางเป็นครอบครัว 3 คนขึ้นไป ค่าใช้จ่ายรวมจะสูงตามไปด้วย ส่วนเด็ก ๆ ก็ได้มีประสบการณ์ดี ๆ ในเมืองไทย

ขณะที่ ททท.สำนักงานปราก ได้เข้าร่วมโครงการหลัก THE LINK ของ ททท.ภูมิภาคยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ด้วย โดย ททท.ปราก จับคู่กับ ททท.สำนักงานตรัง เป็นจังหวัดท่องเที่ยวรองเชื่อมต่อกับกระบี่ มีชื่อเสียงเป็นที่ชื่นชอบของตลาดยุโรปตะวันออกมาก โดยเฉพาะโปแลนด์มีเที่ยวบินเช่าเหมา (Charter Flight) มาลงในทุก 10 วัน วันละ 2 เที่ยว ถือว่าเป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมสูง จึงขายเส้นทางได้ทั้งสองพื้นที่ ไปยังเกาะไห เกาะกระดาน และอาหารพื้นเมืองตรัง
ที่สำคัญคือได้บรรจุเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนท้องถิ่น Local Experience ที่ “บ้านย่านซื่อ” แนะนำเมนูให้รับประทานอาหารถิ่น ฝึกทำหมาน้ำ ที่ใส่กาแฟขาย ได้ดำเนินการผ่านโครงการ THE LINK มาระยะหนึ่งแล้ว พร้อมกับนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนจากยุโรปตะวันออกเข้ามา พร้อมกับหารือกันไว้ จะเริ่มขายท่องเที่ยวที่ ททท.จับคู่กันทั้ง 2 สำนักงาน ได้ในเดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ทางผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวของแต่ละประเทศจะผลิตโปรแกรมทัวร์ขายในแต่ละตลาด คงจะเห็นผลได้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในจังหวัดตรังช่วงปี 2561
กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปตะวันออกทั้ง 7 ประเทศ ในอนาคตมากยิ่งขึ้นไปได้นั้นคือ

เรื่องแรก ผลักดันให้สายการบินเปิดจุดบินตรงเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งเจรจากันมาระยะแล้ว แนวโน้มจะมีข่าวดีออกมาในเร็ว ๆ นี้ โดยมีสายการบินของไทยบริการบินตรงแบบประจำ
เรื่องที่ 2 เพิ่มฤดูการเดินทางจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวจะมาเฉพาะพฤศจิกายน-มีนาคม ของทุกปี จึงยังมีช่องโหว่ตุลาคม กำลังเจรจากับบริษัทนำเที่ยวจัดเที่ยวบินเช่าเหมาให้ยืดเวลาต่อมาจนถึงช่วงฤดูร้อนด้วย ซึ่งเป็นนอกฤดูท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มวันขายให้มากขึ้น วิธีการคือในเงื่อนไขที่ ททท.สนับสนุนงบประมาณบริษัทนำเที่ยวก็จะให้ช่วยเพิ่มการขายโลว์ซีซันเข้าไปให้มากขึ้นด้วย
เรื่องที่ 3 ททท.เพิ่งเปิดสำนักงานใหม่และประเทศไทยเพิ่งได้รับความนิยมจากยุโรปตะวันออกเพียง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่มีบริษัททัวร์รายย่อย เป็นเครือข่ายของบริษัทโฮลเซลค้าส่งทัวร์ ในจำนวนนี้ อยู่ประมาณ 80 % ยังไม่เคยมาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทย ดังนั้น ททท.สำนักงานปรากจึงได้จัดทำโครงการ LEARNING ผ่านทางออนไลน์เพื่อให้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวของไทย ทำเป็นบทเรียนและทดสอบเพื่อให้แข่งขันกันขายได้เพิ่มขึ้น จะได้รางวัลมาทัศนศึกษาในไทย เพื่อให้เกิดแรงจูงใจแก่รายย่อยหันมาขายการท่องเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้นต่อไป
สำหรับคู่แข่งทางการตลาดของไทยในยุโรปตะวันออกนั้น “ไทย” ยังทิ้งห่างคู่แข่งอยู่มาก รองจากไทยคือ เวียดนาม เพราะมีชุมชนชาวเวียดนามอยู่ในสาธารณรัฐเชคมากถึง 65,000 คน เหมือนเป็นตลาดน้องใหม่มาแรง ต่อด้วย อินโดนีเซีย ศรีลังกา แรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตัวเลขยังห่างจากไทยหลักหมื่น ตัวอย่าง นักท่องเที่ยวในเชคประมาณ 43,000 คน ส่วนคู่แข่งทำได้ประมาณ 10,000 คน
ขณะเดียวกัน ททท.สำนักงานปราก ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมเจรจาธุรกิจในงาน Thailand Travel Mart Plus 2017 เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2560 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดในศูนย์การประชุมจังหวัดเชียงใหม่ด้วยนั้น ก็ได้มาจับคู่กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยเกิดการซื้อขายขึ้น
รวมถึง ททท.ปรากได้คุยกับคุณวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) แสดงความสนใจจะไปเปิดตลาดในโปแลนด์ เบื้องต้นหารือร่วมกันแล้วสนใจทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากปรากมาไทย หากเป็นไปได้ก็จะเริ่มเดินหน้าการขายเที่ยวบินเช่าเหมาะจากปราก และโปแลนด์มาไทยตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป

เป้าหมายปี 2561 ททท.สำนักงานปราก พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายโดยไม่มีความกังวลใด ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวตลาดยุโรปตะวันออกหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 % เนื่องจากได้วางแผนใช้สื่อครบวงจรในพื้นที่กระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง และมีเครือข่ายพันธมิตรเข้มแข็งมาก เพราะเดิมผู้ประกอบการทำแบบโดดเดี่ยวเมื่อได้ ททท.มาช่วยกระแสตอบรับจึงค่อนข้างดี
ผอ.วิยะดาแนะนำว่า การเป็นเจ้าบ้านที่ดีของท้องถิ่นหรือการจัดระบบต้อนรับตลาดยุโรปตะวันออก เรื่องแรก ภาษาที่ใช้สื่อสารจะต้องปรับปรุงเพราะยังคงใช้ภาษาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ เรื่องที่ 2 ทางคู่ค้าต้องการหาพันธมิตรใหม่สามารถให้คำแนะนำได้ เพราะทางผู้ประกอบการทางฝ่ายยุโรปตะวันออกยังไม่คุ้นเคยกับแหล่งท่องเที่ยวของไทยมากนัก
 ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือจาก LAND Domestic grournd ในไทยช่วยจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความสนใจของตลาดยุโรปตะวันออกเพิ่มมากขึ้น โดยอย่างแรกต้องมีทะเล วัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน และที่พลาดไม่ได้คืออาหารไทย เพราะยุโรปชอบมากที่ได้มาฝึกทำอาหารไทย กินอาหารไทย ส่วนร้านอาหารก็ไม่ต้องกังวลว่าต่างชาติเข้าร้านแล้วจะต้องเปลี่ยนรสชาติให้อ่อนลง ควรรักษามาตรฐานรสชาติไทยดั้งเดิมไว้เพราะนักท่องเที่ยวต้องการชิมอาหารรสแบบไทย ๆ มากกว่า เพื่อเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต

ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์ลุ้นตั๋วบินไปดูบอลถึงฮ่องกง”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรีเมืองไทย จัดกิจกรรมพิเศษ ระหว่างวันนี้-30 มิถุนายน 2560 มอบให้สมาชิกคิง เพาเวอร์ และผู้ถือพาสปอร์ตไทย ช้อปแล้วลุ้นตั๋วบินลัดฟ้าไปชมฟุตบอลติดขอบสนามที่ฮ่องกง
เพื่อชมการแข่งขัน “LEICESTER CITY” ดวลแข้งกับ “WEST BROMWICH ALBION” ด้วยการช้อปในคิง เพาเวอร์ แล้วส่งบัตรชิงโชคลุ้น 10 รางวัล รางวัลละ 2 คน รับตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับฮ่องกง ตามเงื่อนไขผู้ได้รับรางวัลจะต้องชำระค่าภาษีสนามบิน และหากมีมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษี ณ ที่จ่าย 5% ด้วย
เพียงแค่ 1.ไปช็อปในร้านค้า คิง เพาเวอร์ ทุกแผนก ทุก 10,000 บาท (สุทธิ) / ใบเสร็จรับ 1 สิทธิ์ลุ้น หรือ 2.ช็อปทุกแผนก + สินค้า LCFC ทุก 10,000 บาท (สุทธิ)รับ 2 สิทธิ์ลุ้น และ 3.ช็อป สินค้า LCFC ทุก 10,000 บาท (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับ 3 สิทธิ์ลุ้น จะจับรางวัลพร้อมประกาศรายชื่อผู้โชคดี ไม่เกิน 7 กรกฏาคม 2560
แคมเปญนี้ให้สิทธิเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ส่วนที่ไม่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ ยอดซื้อเหล้า—บุหรี่ สิทธิ์ซื้อวันเกิด บัตรส่วนลดอื่นๆ รวมทั้งยอดในเงินในบัตรสมาชิก E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher  ทุกประเภทไม่ร่วมรายการ
สอบถามที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631 หรือ www.kingpower.com

ข่าวที่ 2 “ททท.เปิด5ภารกิจร้านค้าประชารัฐช็อป”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า หลังจากได้รับนโยบายจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำเนินการเปิด “โครงการร้านประชารัฐสุขใจ Shop” โดยใช้สถานีริมทางเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวท้องถิ่น ควบคู่กับโครงการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นทั่วประเทศในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทั่วประเทศใน 148 แห่ง  ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้
เพื่อขับเคลื่อนสินค้าประชารัฐในชุมชน 5 วัตถุประสงค์หลัก ๆ  การเพิ่มช่องทางสร้างรายได้อย่างยั่งยืนกระจายลงสู่ชุมชนท้องถิ่นโดยตรงจากการท่องเที่ยว
         1. เพื่อเพิ่มรายได้ที่เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และให้รายได้ดังกล่าวกระจายสู่ชุมชนเกษตรกร และผู้ประกอบการในท้องถิ่นโดยตรง
          2. เพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้มีโอกาสแนะนำสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น
          3. ช่วยให้ชุมชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ในท้องถิ่นได้มีพื้นที่ในการแสดงและจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นโดยตรงต่อนักท่องเที่ยว
          4. ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น
          5. ก่อให้เกิดการบูรณาการ การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน
ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์2559 ร่วมกัน 5 หน่วยงาน ได้แก่ ททท. กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชน(พช.)สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) โดยใช้ชื่อร้าน“ประชารัฐ สุขใจ SHOP”
 พร้อมทั้งแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ประกอบด้วย  สสว. และ กรมพัฒนาชุมชน ดูแลการบริหารจัดการร้านค้า คัดเลือกสินค้าและผู้ประกอบการ ควบคุม ดูแลร้านค้า บำรุง รักษาและซ่อมแซมร้านค้า

ข่าวที่ 3 “บางจากเข้าซื้อปาล์มดิบหมื่นตันทำผลิตB100”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กล่าวว่า จากสถานการณ์ผลผลิตปาล์มในปัจจุบันที่ล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ จึงมีนโยบายให้บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือและผลิตไบโอดีเซล B100 เพิ่มสำรองน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือด ร้อนของเกษตรกร
ขณะที่ “นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์”  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ บางจากฯ กล่าวว่าได้เข้าไปรับซื้อผลผลิตปาล์มดิบมาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนได้ครบตามเป้าหมายภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จากปัจจัยข้างต้นจะเพิ่มทำให้มีปริมาณสำรองอีก 10,000 ตัน  ซึ่งปัจจุบันบริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล มีกำลังการผลิต 810,000 ลิตรต่อวัน มีปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเดือนละ 20,000 ตัน
ทั้งนี้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ดำเนินการเรื่องดังกล่าวสอดคล้องขานรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน เก็บสต็อกไบโอดีเซลเพิ่มเป็น 90 ล้านลิตร เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มออกจากตลาด จะช่วยดึงให้ราคาสูงขึ้นสามารถช่วยเหลือเกษตรกรพยุงราคาผลผลิตการเกษตรได้ในฤดูกาลนี้

ข่าวที่ 4 “องค์การมหาชนTCEBยังสังกัดนายกรัฐมนตรีดังเดิม”

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) “TCEB”  เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัฒน์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรายงานการประเมินผลของ “องค์การมหาชน”  เพื่อทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุติขององค์การมหาชน
โดยมี “สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.)” รวมอยู่ในกลุ่มที่ 2  ซึ่งเดิมนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการ แต่ระหว่างการประชุมมีการเสนอจะให้เปลี่ยนไปขึ้นตรงกับการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แต่ในที่ประชุม ครม. “พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าสมควรให้สังกัดโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและความคล่องตัวในการทำงาน
ดังนั้นสถานะปัจจุบัน TCEB 07’ยังคงเป็นองค์มหาชนที่อยู่ภายใต้การกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรีต่อไป
 ทั้งนี้หลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งข้อสังเกตุว่าความพยายามเสนอให้นำ TCEB ไปขึ้นตรงกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น เพียงเพื่อต้องการควบคุมดูแลหน่วยงานเพิ่มเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ได้เสนอกฎหมายบูรณาการโครงสร้างการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง และ/หรือ หากในอนาคตยังมีความพยายามที่จะนำ TCEB ซึ่งเป็นหน่วยงานต้องการอิสระในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดไปขึ้นตรงต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อการทำงานโดยภาพรวม เนื่องจากระบบราชการไม่เอื้ออำนวยให้เกิดความคล่องตัวแต่อย่างใด

ข่าวที่ 5 “เที่ยวไทยเท่ปาร์ตี้”ฉลองยอดเข้าเป้า3แสนล้าน”
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้จัด “เที่ยวไทยเท่ปาร์ตี้” ฉลองเที่ยวไทยเท่  ฟีเวอร์ สร้างปรากฏการณ์ปลุกทัศนคติคนรุ่นใหม่หันมาสนใจ เที่ยวเมืองไทย ใช้สินค้าไทย อันเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันยอดไทยเที่ยวไทยไตรมาสแรกเติบโตเพิ่ม 5.7% ทำรายได้เข้าเป้า 3.05 แสนล้านบาท
ล่าสุดได้จัดงาน Meet&Greet กับ ‘เท่ Setter’ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ โดยตั้งเป้าปลุกกระแสเที่ยวไทยเท่อีกครั้ง หลังกระแสแคมเปญ #เที่ยวไทยเท่มาแรงต่อเนื่อง ล่าสุดไวรัลคลิป #ทริปล้างใจ มาแรง เพียง 9 วัน ยอดชมเฉียด 9 ล้าน

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ททท.เปิดตัวโครงการ “#เที่ยวไทยเท่” ภายใต้แนวคิด “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง” ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศโดยใช้กลุ่มคนรุ่นใหม่หรือเจนวาย (Gen Y) จุดกระแสเที่ยวในประเทศ ผ่านพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียอย่าง เฟชบุ๊ค สร้างทัศนคติคนรุ่นใหม่ภาคภูมิใจในความเป็นไทย (เท่) ในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้น 75%
 ทั้งนี้มีกระแสตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมทางหน้าเฟชบุ๊คแฟนเพจเที่ยวไทยเท่ มีผู้ติดตามกว่า 2.33 แสนคน ผู้ชมที่มีต่อเนื้อหา (Engagement) กดไลท์ คอมเม้นท์ แชร์ กว่า 4.12 ล้านครั้ง และจำนวนการเข้าถึงคอนเทนต์ (Total Reach) สูงถึง 69 ล้านครั้ง จากแฟนเพจ เที่ยวไทยเท่ พบเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 18-34 ปี เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักซึ่งให้ความสนใจกระแสเที่ยวไทยเท่เป็นอย่างมาก
ช่วงที่ 2 ตลอดสัปดาห์นี้ต้องไปดูเทศกาลผีอายุกว่า 400 ปี ที่ด่านซ้ายในงาน “ประเพณีบุญหลวง-ผีตาโขน” อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย พบหน้ากากนานาชาติและสัมผัสศิลปินท้องถิ่น แล้วมาดูเตรียมตัวให้พร้อมกับการเที่ยวหน้าฝนอย่างปลอดภัย และข่าว ททท.เตรียมเปิดหลักสูตร TME รุ่น 2 พ.ย.นี้

@เที่ยวงานผี400ปี“ผีตาโขน-งานบุญหลวง”จ.เลย

เทศกาลท่องเที่ยวแห่งปี “งานประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน ปี 2560” ที่จัดสืบต่อกันมานานนับ 400 ปี ปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย ร่วมกับจังหวัดเลยและท้องถิ่น ชวนนักท่องเที่ยวไปสัมผัสกิจกรรมหนึ่งเดียวในโลก ได้ 2 ช่วง คือ ช่วงแรก ระหว่าง 24-26 มิถุนายน 2560  หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย ช่วงที่สอง ระหว่าง 30 มิถุนายน-2 กรกฎาคม นี้ ที่วัดโพนชัย และถนนแก้วอาสา อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
เรื่องราวการจัดงานการละเล่นผีตาโขน นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ “งานบุญหลวง” ถือเป็นงานบุญใหญ่ประจำปีของท้องถิ่นซึ่งรวมเอา “งานบุญผะเหวด” ( ฮีตเดือนสี่ ) กับ “งานบุญบั้งไฟ” (ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน
เริ่มจาก “งานบุญผะเหวด” จัดขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านได้ฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์  อานิสงส์อันแรงกล้าจะบันดาลให้ชาวบ้านได้พบพระศรีอริยเมตไตรย์ในชาติหน้า
ส่วน “งานบุญบั้งไฟ” จัดขึ้นเพื่อบูชาอารักษ์หลักเมือง รวมทั้งถือเป็นประเพณีการแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาลด้วย

ตลอดการจัด “งานบุญหลวง” ตามประเพณีที่ทำสืบต่อกันมาชาวบ้านแต่ละชุมชนจะจัดให้มีกองทัพ “ผีตาโขน” ออกวาดลวดลายทั่วเมืองด่านซ้าย ด้วยขบวนแห่เพื่อสร้างความสนุกสนานครื้นเครง พร้อม ๆ กับนำเสนอศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของชุมชนด้วย
นักท่องเที่ยวที่ได้เข้าร่วมงานบุญหลวงและผีตาโขนตลอดเทศกาล  3 วัน จะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ใน พิธีเบิกพระอุปคุต ขบวนแห่ผีตาโขน ขบวนแห่เจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม และคณะพ่อแสน ขบวนพิธีอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง พิธีจุดบั้งไฟบูชาพญาแถน พิธีทิ้งหน้ากากผีตาโขน พิธีเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์
เรื่อยไปจนถึงการร่วมชมความตระการตากับกิจกรรม “สีสันนครแห่งหน้ากาก” หรือ ColourFul Mask เป็นการรังสรรค์วาดลวดลายลงบนหน้ากากผีตาโขน  ประยุกต์แนวคิดของท้องถิ่นลงไป ด้วยฝีมือสุดแสนละเอียดอ่อนจากศิลปิน 4 ภาค อาทิ ผศ.สากล สุทธิมาลย์ ศิลปินภาคเหนือ, ผศ.ตนุพล เอนอ่อน ศิลปินภาคอีสาน, คุณโอภาส โชติพันธวานนท์ ศิลปินภาคกลาง และ อ.ชูศักดิ์ ศรีขวัญ ศิลปินภาคใต้

พร้อม  ๆ กับการร่วมกิจกรรม One Day One Art กับผลงานศิลปะของศิลปิน 4 ภาค  หรือจะเวิร์คช้อปวาดหน้ากากกับศิลปิน 4 ภาค ลองสวมใส่ชุดผีตาโขนเพื่อถ่ายรูปกับภาพวาด 3 มิติ หรือจะตัด Pop up card รูปผีตาโขน  แล้วต้องห้ามพลาดกดไลต์และแชร์เชิญชวนเครือข่ายเพื่อนฝูงออกมาชมเทศกาลผีท้องถิ่นอายุกว่า 400 ปีสนุกไปด้วยกันตลอดเทศกาล
 สำหรับผู้ที่พลาดจากงานครั้ง ยังมีให้ร่วมสนุกกับการละเล่นผีตาโขนอีกรอบ ระหว่าง 30 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2560  ที่ วัดศรีสะอาด บ้านหนามแท่ง-นาทุ่ม  เตรียมจัดแสดงหน้ากากโบราณ กับที่ “วัดโพธิ์ศรี บ้านนาเวียงใหญ่” มีขบวนแห่ผีตาโขนตอนกลางคืน
สอบถามเพิ่มได้ที่ ที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย  โทร. 042-891266  เทศบาลตำบลด่านซ้าย   โทร. 042-891231 และททท. สำนักงานเลย   โทร. 042-812812 / 042-811405
Facrbook:  www.facebook.com/tatloei

@เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝนให้สนุกปลอดภัย
จะท่องเที่ยวอย่างไรในช่วงหน้าฝนอย่างสนุกปลอดภัย ในการท่องธรรมชาติสวยงามที่สุดท่ามกลางป่าเขียวชอุ่ม น้ำตกเต็มไหลแรง แนะนำให้เตรียมตัวกันดี ๆ ดังต่อไปนี้
1. สถานที่ท่องเที่ยว : ค้นหาข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยวที่เราจะเดินทางไป และเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง รวมไปถึงตรวจสอบสภาพอากาศ เพื่อประเมินว่าสามารถไปท่องเที่ยวได้หรือไม่
2. รองเท้า : ควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่สบาย ไม่กัดเท้า พื้นควรเป็นยางนิ่มมีดอกหรือลวดลายที่เกาะพื้นดินหรือหินได้ดี เพื่อลดโอกาสการลื่นล้ม
3. การแต่งกาย : ควรเป็นเนื้อผ้าแบบแห้งง่ายไม่อุ้มน้ำ ทะมัดทะแมง แล้วก็ควรแบ่งชุดเก็บเอาไว้ที่อุทยานฯ หรือที่พัก และที่ขาดไม่ได้เลยคือเสื้อกันฝน
4. ที่พัก : โดยส่วนใหญ่แล้วนักเดินป่า มักจะชอบการกางเต้นท์มากกว่าการพักเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ท เพราะจะได้นอนท่ามกลางธรรมชาติมากกว่า แต่ก็จะมีความลำบากอยู่ไม่น้อยในช่วงฤดูฝน จึงแนะนำให้หาเปลสนามมาใช้เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
5. เสบียงอาหาร : ในป่าบอกเลยว่ามีพืชผักให้เราได้เลือกรับประทานได้เยอะ แต่ก็ใช่ว่าเราจะรับประทานได้หมดทุกอย่าง เราจึงควรเตรียมเสบียงอาหารไปให้เพียงพอและไม่มากเกินความจำเป็น แนะนำเป็นอาหารสำเร็จรูปเพราะสะดวกและประหยัดเวลา

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ไทยบูมท่องเที่ยวเชิงกีฬาโลก2บิ๊กแมทช์ปลายปี’60”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งเน้นสนับสนุนยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาตามยุทธศาสตร์ SPORT DREAM DESTINATION แจ้งเกิดกีฬาระดับโลกเพื่อการท่องเที่ยว ตั้งแต่ปลายปี 2560 เป็นต้นไปทั่วโลกได้เลือกไทยเป็นสถานที่จัดแข่งขันรายการใหญ่ระดับโลกต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 ไม่ต่ำกว่า 10 รายการ ปลายปีนี้จะมีไฮไลต์การแข่งรถซูเปอร์คาร์ 2 รายการใหญ่ในเมืองท่องเที่ยว คือ บางแสน กรังด์ปรีซ์ และ Super GP RACE 2017 ที่สนามช้างเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน- 2 กรกฎาคม นี้ เป็นปีแรกของไทยในการเปิดเมืองริมชายหาดบางแสนนำการแข่งขัน Bangsaen Grand Prix ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Porsche Carrera Cup Asia ที่มีรถ Porsche กว่าลงสนามกว่า 25 คัน และ TCR Asia Series มีนักแข่งระดับแถววหน้าของเมืองไทยร่วมแข่งขันด้วย ณ สนามบางแสน สตรีท เซอร์กิต จ.ชลบุรี โดยจะปิดถนนในเมืองเป็นสนามแข่งขันที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เตรียมถ่ายทอดสดทั่วโลกทาง www.thailandsuperseries.net และนำเสนอทางเฟสบุ๊ค Thailand Super Series
ส่วนการแข่งรถรายการใหญ่ "บุรีรัมย์ ซูเปอร์ จีที เรซ 2017"  ระหว่าง 6-8 ตุลาคม 2560 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์  เปิดให้ผู้ชมจองตั๋วล่วงหน้าศึกมอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์คลาสจากญี่ปุ่น พร้อมโปรโมชันพิเศษระหว่างวันนี้-14 กรกฎาคมนี้ ซื้อได้ทาง ALL-TICKET THAILAND ทั่วประเทศกว่า 11,000 สาขา และใน 7-11
สามารถซื้อบัตร วีไอพี แบบ 2 วันราคาพิเศษเพียง 4,000 บาท จากปกติ 5,000 บาท ผู้ซื้อบัตรแกรนด์ รับฟรีทันทีบัตรพิตวอล์ค กับการได้สัมผัสบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับนักขับระดับโลก และเรซควีนอิมพอร์ตตรงจากญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า 2 กลุ่มตลาดที่ ททท.เน้นส่งเสริมให้สอดรับกับเทรนด์ของโลกที่มุ่งไปเรื่องกีฬาและสุขภาพ (SAW : Sport and Wellness) รวมถึงไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านกีฬา  มีโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงศักยภาพและเสน่ห์ไทยรองรับตลาดดังกล่าว
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561  ทางบริษัท ไอรอนแมน เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จัดแข่งขันรายการวิ่งมาราธอนระดับเมเจอร์ลีกของโลก 6 รายการ ได้แก่ บอสตัน, ชิคาโก, นิวยอร์ก, เบอร์ลิน, ลอนดอน และโตเกียว เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดแข่งขันวิ่งไทยแลนด์มาราธอนครั้งแรก คาดจะดึงต่างชาติมาลงแข่งราว 40,000 คน สอดคล้องกับปัจจุบันมีมาราธอนระดับโกลด์เลเบิลแข่งขันอยู่ 4 แห่ง ใน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย
อีกทั้งไทยยังได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาแบดมินตันรายการสำคัญของโลกทั้งทีมชายและทีมหญิงชิงแชมป์โลก คือ โทมัส-อูเบอร์คัพ 2018 และจากนี้ไปอีก 4 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดแบดมินตันระดับซูเปอร์ซีรีส์ คาดจะมีผู้ชมทางโทรทัศน์กว่า 600 ล้านครัวเรือน และทางอินเทอร์เน็ตอีกกว่า 200-300 ล้านครัวเรือน

ข่าวที่สอง “ททท.จ่อเปิดหลักสูตร TMEรุ่น2พ.ย.นี้”

นายยุทธศักดิ์  สุภสร  ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2560 เตรียมเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตร “การบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง” (กทส.) หรือ Tourism Management Program for Executives (TME) รุ่นที่ 2 ระหว่างนี้กำลังประเมินผลโดยภาพรวมทั้งหมดถึงจุดแข็ง จุดอ่อน และการพัฒนานำมุมใหม่เข้ามาเสริม หลังจากรุ่นที่ 1 ซึ่งจบหลักสูตรไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรภาครัฐและเอกชนสาขาต่าง ๆ เข้าร่วมอบรม 85 คน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน 2560
เป็นโครงการที่ ททท. ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มบทบาทการเป็นผู้พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยการเผยแพร่ความรู้และสร้างหลักสูตรการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ  ซึ่งมีคณะกรรมการดำเนินการศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการตลาดการท่องเที่ยว (TAT Academy)  และได้เป็นผู้ดำเนินการจัดทำโครงการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการตลาดท่องเที่ยว สร้างการเชื่อมโยงการทำงานในระดับนโยบายครอบคลุมเป็นเครือข่ายและช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม
ในการอบรม TME รุ่นที่ 1 นั้น ได้จัดทำ หัวข้อการอบรมที่เอื้อต่อการประสานประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวต่อกัน  อาทิ  แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวระดับต่างๆ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูมิสถาปัตยกรรมและการบริหารจัดการพื้นที่ด้านการท่องเที่ยว  การบริหารจัดการภาวะวิกฤตและความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยว
รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมเดินทางศึกษาดูงานในประเทศ 2 ครั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) จังหวัดชลบุรี และระบบโลจิสติกส์ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมศึกษาดูงานต่างประเทศ ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน

ทั้งนี้ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้ผ่านหลักสูตร TME รุ่นที่ 1 ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 ณ โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์

ข่าวที่สาม “ชัยนาทจัดแสงเสียงเมืองแพรกปลุกเที่ยวไทย”
นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานลพบุรี กล่าวว่า ได้ร่วมข่าวงานย้อนรอยเล่าขานตำนานเมืองแพรกศรีราชา ถิ่นวีรชนขุนสรรค์ วีรบุรุษแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย ครั้งที่ 3 ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม นี้ ณ บริเวณวัดมหาธาตุ ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
นักท่องเที่ยวจะได้ชมกิจกรรมที่น่าสนใจ ระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. – 2 ก.ค. 2560 เวลา 09.00 – 22.00 น. มีให้ชม 2 การแสดง คือ 1.ชีวประวัติพระเกจิอาจารย์เมืองสรรค์และพระเครื่องเมืองสรรค์ และ 2.การแสดงวิถีชีวิตคนเมืองแพรกศรีราชา ในรูปแบบตลาดย้อนยุค วันที่ 1-2 ก.ค. 2560 เวลา 20.20 – 22.00 น.ชมการแสดงแสงสีเสียง "ขุนสรรค์เอกบุรุษ วีรยุทธ์คู่แผ่นดิน"
รวมทั้งมีบริการนั่งรถอีแต๊กนั่งฟรี เวลา 09.00-15.00 น.เพื่อเยี่ยมชมโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ วัดพระแก้ว อนุสาวรีย์ขุนสรรค์ วัดพระยาแพรก วัดสองพี่น้อง ศาลเจ้าพ่อปึงเถ้ากง ศาลาท่าน้ำ ร.5 ชมศิลปะการแสดงดนตรีไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรมของเยาวชน และการจำหน่ายสินค้า OTOP
สอบถามเพิ่มที่ ททท.สำนักงานลพบุรี โทร. 036-770096-7

ข่าวที่สี่ "ตั้งนักร้องวง"โนกิซากะ 46 ทูตท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่น”

นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ เปิดเผยว่า ททท. สำนักงานประเทศญี่ปุ่น (สำนักงานโตเกียว และ สำนักงานโอซากา)   ได้แต่งตั้งให้ โนกิซากะ 46 เป็นทูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในประเทศญี่ปุ่น   พร้อมทั้งรับมอบประกาศนียบัตรให้กับโนกิซากะ 46  ณ ห้อง Akiba Hall อาคาร FUJISOFT Akiba Plaza เขตชิโยะดะ กรุงโตเกียว
เนื่องจาก "โนกิซากะ 46"  เป็นกลุ่มนักร้องหญิงที่มีชื่อเสียง  และมีอิทธิพลต่อผู้หญิงรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น และมีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถสร้างการรับรู้ และสื่อสารภาพลักษณ์ในมุมมองใหม่ของประเทศไทยไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงญี่ปุ่น (โดยภาพรวมไทยมีส่วนแบ่ง 30%) อายุระหว่าง 20-30 ปี  และกลุ่ม First Visit (มีส่วนแบ่งโดยรวม 20%)   เลือกเดินทางมาไทย ในอนาคตยังจะกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มซ้ำ หรือ Repeater และนักท่องท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง (High Spender) ได้อีกช่องทาง

ข่าวที่ห้า "นกสกู๊ตเทกระจาดขายตั๋วบินถูกสู่ไทเป
สายการบิน “นกสกู๊ต” รายงานว่า วางกลยุทธ์แนะนำนสายการบินด้วยการจัดโปรโมชั่นพร้อมสิทธิพิเศษมากมายวางจำหน่ายในงาน Taiwan One More Time by TECO ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ชั้น M ระหว่าง 23-25 มิถุนายน 2560 เส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – ไทเป เริ่มต้นที่เที่ยวละ 1,900 บาท พร้อมส่วนลดเพิ่มอีก เที่ยว150 บาท เมื่อจองตั๋วเครื่องบินพร้อมน้ำหนักกระเป๋าและอาหาร (FlyBagEat) หรือที่นั่งชั้นธุรกิจ (ScootBiz)
ติดตามได้รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เป็นประจำทุกสัปดาห์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์: ท่องเที่ยว/การบิน
เจ้าของรายการ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM97.0 MHz.


ททท.จัด“Maha Songkran World Fest2025”ดันไทยติด1ใน10สุดยอดเฟสติวัลโลก

  ททท.จัดสุดอลังการ“ Maha Songkran WorldFest 2025” ดันไทยติด 1 ใน 10 สุดยอดเฟสติวัลโลก-โกย 2.6 หมื่นล้าน   กระทรวงการท่องเที่ยว กับ ททท...