วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เจาะลึก !!ททท.พลิกเกมใหม่บิ๊กดาต้า "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" สู่ CRM-CDPปี69ลุย3แผน


 กิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ททท.

เปิดเบื้องลึก!!ททท.พลิกเกมใหม่บิ๊กดาต้า“เที่ยวไทยคนละครึ่ง”

ดัน“ดิจิทัล-วิจัย-พัฒนา”ยกชั้นอุตฯท่องเที่ยวก้าวสู่CRM-CDP

TATAP2026งัดเครื่องมือใหม่เร่งท่องเที่ยวโตเร็ว 3 แผนงาน

รุกทัวร์เด็ก“TikTokTravelBlazer-CityHopping-StadiumSafaris”

คิงเพาเวอร์ช้อปคุ้มค่าจ่ายด้วยมาสเตอร์การ์ด 5พัน ลด1 พัน

คิงเพาเวอร์ออนไลน์3 ดีลช้อป MID-YEAR-รับตั๋วบินลด10%

ททท.จัดAirlines Focusถก50องค์กรโกยตลาดทั่วโลกQ4ปี68

บางจากนำ CMC หารือลดคาร์บอน-ก๊าซเรือนกระจก Q3/68

กระบี่!!เที่ยวฟินกรีนซีซัน“ลันตา-เขาพนมเบญจา-หาดไร่เลย์

หลังอายุ 50 ปีไม่ควรอาบน้ำ3เวลานี้คือระเบิดเวลาสุขภาพ

ATMดูไบชี้รีสอร์ท+กาสิโนพลิกท่องเที่ยวโลก-UAEจ่อโต30%

“ททท.เปิดWorkation Paradise#3ลุยขาย100เดียวเที่ยวทั่วไทย

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  

หฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1LM6iiTmAy/


สัมภาษณ์ !! “กิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง” รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเบื้องลึก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จากแพลตฟอร์ม สู่ “ถังข้อมูลขนาดใหญ่ :Big DATA” เครื่องมือใหม่เปลี่ยน “เกมอนาคตการตลาด” อุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเทศไทย ก้าวสู่โครงสร้างดิจิทัลเทรนด์ใหม่ยกระดับธุรกิจสู่โหมด CRM เชื่อมต่อแผนงานเชิงรุก ททท.ลุย “วิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยว-เอกชนทำโปรโมชั่นตรงเป้า-แจ้งเกิด CDP” ปูพรมเจาะ “ตลาดต่างประเทศ” ไฮเอนด์ 3 ตลาด “เมดิคัล/LGBTQ+/Gen Zกับ Young Millenials” ขานรับโลกท่องเที่ยวเด็กยุคใหม่ 3 เทรนด์ “TikTok Travel Blazer-City Hopping-Stadium Safarisต่อยอดใน TATAP 2026 ตลาดปี’69 ใหม่ 3 แผนงาน “ทำระบบบิ๊กดาต้า-มอบข้อมูล TAT intelligent Center สู่ฟร้อนท์ไลน์-ยกเครื่องโซเชียลมีเดียสู่ Short from VDO

นายกิตติพงษ์ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนภารกิจช่วงครึ่งหลังปี 2568 โดยเฉพาะการเปิดลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ตามนโยบายรัฐบาล ททท.ได้ออกแบบแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อ “ประโยชน์ระยะยาว” เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “พฤติกรรมนักท่องเที่ยว” เพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งประเทศสามารถนำไปประยุกต์ใช้ส่งเสริมตลาดการขายให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มวัย และการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไปต่อยอดพัฒนาการตลาดท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ ที่จะสร้างความสำเร็จได้ตามเป้าหมายด้วยวิธีที่ถูกต้อง สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองส่วนบุคคล (PDPA)

การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลผสานกับงานพัฒนาข้อมูลโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ของ ททท.ตามนโยบายที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจของประเทศครอบคลุมทั้ง “ภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาชน” การดำเนินงานระหว่างวันนี้ -31 ตุลาคม 2568 ที่จะทำให้โครงการดังกล่าวสำเร็จลุล่วงด้วยดีนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกันหลายภาคส่วน ดังนี้



ส่วนที่ 1 “ผู้ประกอบการโรงแรม” ทั่วประเทศ พร้อมเข้าร่วมขายในโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ททท.ได้ขอความร่วมมือทำให้ชัดเจนโดยจากก่อนหน้า “กำหนดห้องพักเป็นราคาเดียว”  หรือ Fix Rate เปลี่ยนมาทำราคาห้องพักแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ “ช่วงวันธรรมดา” กับช่วง “วันหยุด” สุดสัปดาห์/นักขัตฤกษ์ นักท่องเที่ยวสามารถจองเข้าพักสะดวกอย่างสบายใจ

แล้วโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ถือเป็นช่องทางช่วยเอกชน “ทำโปรโมชั่น” ฤดูเที่ยวกรีนหรือโลว์ ซีซั่น ประมาณ 2-3 เดือน ระหว่างสิงหาคม-ตุลาคม 2568 โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินบางส่วน แล้วโรงแรมที่พักทั่วประเทศก็ยังสามารถทำ “ราคาขาย” ได้เหมือนเดิม

สำหรับ “สิทธิประโยชน์” ที่มอบให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว คือ 1.เงินสนับสนุนค่าที่พัก/โรงแรม ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก 2 สิทธิ์ จังหวัดน่าท่องเที่ยว 3 สิทธิ์ ไม่เกิน 3,000 บาท/คน/ห้อง 2.คูปอง อี-โวเชอร์ เป็นค่าใช้จ่ายอาหาร สินค้าที่ระลึก และอื่น ๆ อีก 500 บาท/คน/สิทธิ์

 


ส่วนที่ 2 การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มที่นำมาใช้ 2 แพลตฟอร์ม 3 ส่วน ประกอบด้วย

แพลตฟอร์มที่ 1  Thai ID ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสูงในการยืนยันตัวตนของทุกคน สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวไทยถึงการลงทะเบียนอย่างถูกต้อง จึงต้องพัฒนาการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อไม่ให้การใช้งานติดขัด ดังนั้นการเปิดลงทะเบียนครั้งใหม่รอบสอง ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2568 ประชาชนจะได้ลงทะเบียนราบรื่นมากขึ้น

• แพลตฟอร์มที่ 2 Amazing Thailand ของ ททท.เชื่อมต่อไปถึงเว็บไซต์ www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com  ซึ่งจะเป็นเครื่องมือใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในการเพิ่มประสิทธิภาพแพลตฟอร์มดิจิทัลภาครัฐให้ทรงพลังทางด้านการจัดการ CRM : ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า” หรือ Customer Relationship Management เป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจสามารถใช้สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว เพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้าสร้างความภักดีต่อแบรนด์ และเพิ่มยอดขายเติบโตได้อย่างด้วยแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูง

นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ททท.วางเป้าหมายระยะยาวจะยกระดับดิจิทัล วิจัย และพัฒนา ก้าวสู่ “DATA Difference Thailand Performances ช่วงครึ่งปีหลัง 2568 จะเดินหน้าทำ โครงการ พัฒนาการวางรากฐานของ “ระบบข้อมูล” ซึ่งมีความสำคัญมาก 3 เรื่อง ได้แก่ 

เรื่องที่ 1 การวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลก ซึ่งมีความสำคัญมากที่จะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

เรื่องที่ 2  ระบบข้อมูลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 

เรื่องที่ 3 CDP : Customer Data Platform ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า เป็นการใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยประหยัดทรัพยากร แล้วสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม และติดตามวัดผลแคมเปญต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง ททท.มี 3-4 แพลตฟอร์ม ไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จตอบโจทย์ CRM ภายใต้การปฏิบัติตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด

ช่วงที่ผ่านมา ททท.มีเว็บไซต์ โซเชียล มีเดีย facebook, Instagram, X , TikTok นำเสนอกิจกรรม งานประเพณี คนเข้ามาอ่านเพียงอย่างเดียว ซึ่งยังไม่เพียงพอเพราะไม่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวได้  ททท.จึงต้องใช้ “ถังข้อมูล เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ต่อยอดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นการวางแผนปูพรม “อนาคต” โดยใช้แพลตฟอร์มของ ททท.เอง เพื่อสร้างระบบนิเวศแวดล้อม Eco system ที่ดีกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง

 


โครงสร้างพื้นฐานใหม่ “ระบบข้อมูล” จะมีข้อมูล “เส้นทาง/Journey” ครบวงจรตั้งแต่ การเลือกซื้อ เลือกใช้ สินค้า การออกเดินทางท่องเที่ยว เลือกสถานที่พัก ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ

สำหรับ “ผลประโยชน์ระยะยาว” จะเป็น “การเปลี่ยนเกมตลาดการท่องเที่ยว” ครั้งใหญ่ หลังจากใช้แพลตฟอร์ม “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ครั้งนี้สำเร็จได้ตามแผนงานที่วางไว้ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้วทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ยังคงใช้งานแพลตฟอร์มนี้ได้ต่อไป โดยไม่ต้องมีโครงการของภาครัฐสนับสนุน เพราะ “ข้อมูล” ของผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ยังคงอยู่แถมยังสามารถนำไปใช้งานเพื่อต่อยอด “ส่งเสริมการตลาด” โดยเฉพาะ “การทำโปรโมชั่น” เจาะได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย 

ททท.มุ่งหวังในอนาคตจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ “เครือข่ายพันธมิตร” ทั้งกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกสาขาอาชีพ ด้วยการใช้ “ถังข้อมูลขนาดใหญ่” วิเคราะห์พฤติกรรม ทำโปรโมชั่น และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้อีกมากมาย

นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ททท.มีแนวทางงานวิจัย แต่ละปีจัดทำ “สำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยว” เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือมอบให้องค์กร กับพันธมิตร นำไปใช้เป็นประโยชน์สร้างความสำเร็จเข้าสู่ประเทศ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

 


ส่วนที่ 1 ตลาดต่างประเทศ ทำวิจัยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง มีกำลังการใช้จ่ายมหาศาลจาก 3 กลุ่มตลาดหลัก ได้แก่

กลุ่มที่ 1 การเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Wellness Tourism ต่อยอดไปถึง Medical Tourism การผ่าตัด และอื่น ๆ   

กลุ่มที่ 2 นักเดินทางที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ทางประเทศไทยมีความเหมาะสมรองรับตลาดนี้ มีทั้งกฎหมายสมรสเท่าเทียม กิจกรรมการท่องเที่ยวตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของนักท่องเที่ยวกลุ่มหรูหรา

กลุ่มที่ 3 นักท่องเที่ยวกลุ่มเทรนด์ใหม่ วัยจะเด็กลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปลายปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 จะเพิ่มการทำวิจัยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Z+Young Millenial /กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกลุ่มทรงพลังโดยเฉพาะ 3 เทรนด์มาแรง ได้แก่ 

เทรนด์ที่ 1 TikTok Travel/Tell Blazer กำลังมาแรงมาก กลายเป็นไลฟ์สไตล์ เสิร์ชเอ็นจิ้น คนรุ่นใหม่เลิกเสิร์ชหาข้อมูลใน google แต่หันมาหาข้อมูลใน TikTok เป็นช่องทางหลัก ซึ่งใช้วิธีเล่าเรื่องการเดินทางอย่างสนุกสนานผ่านคลิปวิดีโอและภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ

เทรนด์ที่ 2  Cities Hoping ในทริปเดียวนิยมการท่องเที่ยวแบบเดินทางข้ามเมืองหรือเที่ยวได้หลาย ๆ เมือง 

เทรนด์ที่ 3 เที่ยวตามคอนเสิร์ตกับศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ หรือเที่ยวดูกีฬา/Stadium Safaris เป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่คนรุ่นใหม่แสวงหา ตามไปส่งเสียงเชียร์ เสียงเฮ บรรยากาศอึกทึกช่วยปลุกเร้าความรู้สึกในการแข่งขันกีฬา แล้วก็ไปทัวร์สนามกีฬาด้วย

นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุม "TATAP : Tourism Authority of Thailand Action Plan 2026" แผนแม่บทการตลาดท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2569 จะนำเสนอไฮไลต์เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วนเต็มรูปแบบ 3 แผนงาน ได้แก่

แผนงานที่ 1 การจัดทำแพลตฟอร์มถังข้อมูลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมีข้อมูล พฤติกรรม นักท่องเที่ยวชัดเจน ให้ฝ่ายแผน และการตลาด นำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

แผนงานที่ 2 ข้อมูล TAT Intelligence Center หรือ ศูนย์วิจัยด้านตลาดการท่องเที่ยว ททท. ให้กับกลุ่ม Front Line การท่องเที่ยว ในฐานะฝ่ายทำหน้าที่วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลตลาดการท่องเที่ยว มีฐานข้อมูลการวางแผนและพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทย ศูนย์นี้มีบทบาทสำคัญช่วยติดตามแนวโน้มและพฤติกรรมนักท่องเที่ยว และคาดการณ์สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว นำไปใช้ประโยชน์ส่งเสริมการตลาดและการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ หน่วยงานนี้ทำต่อเนื่องมาหลายปี จึงมีดิจิทัลสะสมทำงานได้ดีมากขึ้น มีความแม่นยำมากขึ้น 

แผนงานที่ 3 พัฒนาเครื่องมือที่มีอยู่ทั้ง โซเชียล มีเดีย Line , facebook, TikTok, Instagram ปี 2569 จะยกระดับให้โดดเด่นมากขึ้น หันมาโฟกัสมากขึ้นกับการนำเสนอเนื้อหาท่องเที่ยวด้วย Short Form VDO วิดีโอที่มีความยาวไม่เกิน 1-3 นาที ซึ่งเป็นสื่อที่ทรงพลังมาก เผยแพร่แหล่งท่องเที่ยว เรื่องราวสนุก ๆ ของไทย ไปสู่เป้าหมายการเจาะกลุ่มแต่ละตลาด

นายกิตติพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การขับเคลื่อนโครงการภาครัฐ ทั้งการงานร่วมกับ OTA :Online Travel Agents ตัวแทนขายออนไลน์ระดับโลก และเที่ยวไทยคนละครึ่ง ด้วยเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศและเที่ยวในประเทศ ถึงแม้ตอนนี้จะมีข่าวการสะดุดหยุดชะงักบ้าง แต่ ททท.มุ่งมั่นพัฒนาให้ผ่านความยากลำบากครั้งนี้ไปให้ได้ แล้วก็ต้องขอร้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการเสนอราคาเข้ามาในระบบ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เป็นธรรมอย่างแท้จริง ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอย่างโปร่งใส เพื่อเดินหน้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเติบโตไปด้วยกัน เพื่อเป็นแรงส่งให้ “ฤดูท่องเที่ยว/high Season” ปลายปี 2568 แข็งแกร่งสดใส ซึ่ง ททท.ทำเพียงองค์กรเดียวไม่ได้ ต้องพึ่งพาเอกชน และนักท่องเที่ยว สร้างการเติบโตด้วยกันตามเป้าหมายทั้งจำนวนและรายได้เข้าประเทศก้าวต่อไปด้วยกัน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ช้อปคุ้มค่าจ่ายด้วยมาสเตอร์การ์ด5พันลด1พัน

ปลดล็อกความคุ้มค่า! เมื่อสายบิวตี้เลือกช้อปที่ “คิง เพาเวอร์” พบกับดีลพิเศษ เมื่อเลือกจ่ายผ่านบัตร Mastercard ช้อปง่าย ทุกการเดินทาง ! วันนี้ – 15 ก.ค. 2568

เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท และชำระด้วยบัตร Mastercard  รับส่วนลด 1,000 บาท

แวะช้อป คิงเพาเวอร์ ได้ทั่วประเทศถึง 9 แห่ง ทั้ง “สาขาในเมือง” 6 แห่ง ได้แก่ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก  และ คิง เพาเวอร์ 3 ท่าอากาศยาน  ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต

คิง เพาเวอร์ และธนาคาร ขอให้ปฏิบัติการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตตามเงื่อนที่กำหนด แนะนำให้ใช้เท่าที่จำเป็น เเละชำระคืนได้เต็มจำนวน จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี



ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์ออนไลน์แจก3ดีล MID YEAR -ตั๋วบินลด10%

 

คิง เพาเวอร์ จัด MID-YEAR MUST-HAVES: ลิสต์ที่ต้องช้อป ก่อนบินลัดฟ้า!” เตรียมตัวให้พร้อมทุกการเดินทางที่รออยู่ ด้วยไอเทมสุดฮิตประจำกลางปี ที่คัดสรรมาให้เลือกช้อปที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” รับทันที 3 ดีลดี โดยเฉพาะตั๋วเครื่องบินฟรี ดังนี้

 

1.รับดีลดี ๆ ลดสูงสุด 50% มีจำนวนจำกัด ช้อปสินค้า DUTY-FREE SALE แล้วออกเดินทางอย่างมั่นใจ พร้อม Must-Haves สุดปัง! เพราะการเตรียมตัวที่ดีคือจุดเริ่มต้นทริปที่น่าประทับใจ รีบช้อปก่อน แล้วรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ

 

2.รับออนไลน์ สปีเชียล เมื่อช้อป คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ วันนี้-31 กรกฎาคม 2568

 

ฟรี ! ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน KOREAN AIR 10% เมื่อจองเที่ยวบินกับโคเรียน แอร์ ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และภูเก็ต ไปยังเส้นทางต่าง ๆ ของโคเรียน แอร์

 

3.คิง เพาเวอร์ จัดให้ “BEAUTY UNLEASHED” วันนี้ -31 กรกฎาคม นี้ ชวนมาเผยเสน่ห์ ความงามที่แท้จริง…คือการ “ปลดปล่อย” พลังในแบบของคุณเอง ด้วยการคัดสรรไอเทมเด็ดมาให้เฉพาะคุณที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”

 

“โปรโมชั่นสุดปัง” และสิทธิพิเศษมากมายที่จะทำให้การช้อปปิ้งคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น กับ “ไอเทมบิ้วตี้” แบบจัดเต็ม อย่างมีสไตล์ แล้วจะทำให้ทุกคน “หลงรักซัมเมอร์” นี้ มากยิ่งขึ้นแน่นอน! และรอรับของง่ายๆที่สนามบิน แล้วอย่าลืม !! ใช้สิทธิประโยชน์ที่จัดเตรียมไว้ 5 อย่าง ดังนี้

 

1.แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 6 เดือน

2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4,600 บาท

3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)

4.รับเลย! ส่วนลด 800 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์

5. รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)

 

 

ข่าวที่ 3-ททท.จัดAirlines Focusถก50องค์กรโกยตลาดทั่วโลกQ4ปี68

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า มอบหมายให้ 2 รองผู้ว่าการ ททท.คือ นางจิรวดี น้อยทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ จัดการประชุม “Airline Focus Partnership Meetingที่โรงแรมไฮแอท กรุงเทพ ท่าอากาศยานสุวรรรณภูมิ เปิดเวทีกระชับความสัมพันธ์กับสายการบินที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในไทย และหน่วยงานพันธมิตรท่องเที่ยวอย่างคณะกรรมการดำเนินการธุรกิจการบิน (AOC) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) กรมการบินพลเรือน (CAAT) ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง พัทยา

 

จะใช้เวทีนี้แสวงหาโอกาสและแนวทางความร่วมมือส่งเสริมนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาไทย ด้วยกิจกรรมการตลาดและประชาสัมพันธ์ ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2568 เพื่อผลักดันท่องเที่ยวไทยเติบโตทั้งจำนวนและรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1.75 ล้านล้านบาท

 

ขานรับครึ่งปีแรก 2568 สถานการณ์ท่องเที่ยว “กลุ่มตลาดยุโรป” เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตลาดมีกำลังซื้อสูงและวันพักเฉลี่ยยาวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้ง รัสเซีย สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ชื่นชอบท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติในไทย ส่วน “กลุ่มตลาดเอเชีย แปซิฟิก” ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมครองใจตลาดระยะใกล้ ล่าสุดเรียงตามลำดับ 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น

 

ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้ ททท. เดินหน้าเชิงรุกกระตุ้นตลาดต่างประเทศ ทั้งกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short-haul) และกลุ่มตลาดระยะไกล (Long-haul) โดยจับมือกับสายการบิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญการนำนักท่องเที่ยวมาไทย และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องตามนโยบาย Partnership 360 ร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวครอบคลุมด้าน การตลาด การประชาสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและปัญหา ช่วย ททท. ผลักดันงานได้ตรงจุด เป็นแรงส่งให้ปลายปีนี้การท่องเที่ยวเติบโตตามเป้าหมาย

 

สายการบินและหน่วยงานพันธมิตรเข้าร่วมหารือกว่า 50 หน่วยงาน เช่น การบินไทย บางกอกแอร์เวย์วส์ ไทยแอร์เอเชีย เอมิเรตส์ กาตาร์แอร์เวย์ส มาเลเซียแอร์ไลน์ส แอร์ไชน่า ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ส โดย ททท.ได้นำเสนอสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้และไกลให้หน่วยงานรับรู้ พร้อมหารือแนวทางความร่วมมือส่งเสริมตลาด และจัดกิจกรรมร่วมกัน เช่น ทำโปรโมชั่น ทำแคมเปญการตลาดและพีอาร์

 

เพิ่มโอกาสในการเสริมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน สร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง ททท. สายการบิน และพันธมิตรทางการตลาด เพิ่ม “จำนวนเที่ยวบินและที่นั่ง” เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น ช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี 2568 เดินหน้าพัฒนาแคมเปญท่องเที่ยวใหม่ตอบโจทย์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป้าหมายแต่ละกลุ่มตลาดเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

 

ข่าวที่ 4-บางจากนำCMCหารือลดคาร์บอน-ก๊าซเรือนกระจกQ3/68

 

บางจาก นำ “CMC :คาร์บอน มาร์เก็ต คลับ” ร่วมประชุมอาเซียนในกรุงเทพฯ 2 เวที “ACCF” สมาคมในมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ร่วมวงรายงานผลไตรมาส 3 ปี’68 และ “ASEAN Common Carbon Framework” ของ IETA ถกอนาคตลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโลก

 

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในฐานะประธาน คาร์บอน มาร์เก็ต คลับ (CMC)  พร้อมด้วย ดร.วิชชุวรรณ พึ่งเจริญ Head of Climate Solutions บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาประธาน CMC เป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEAN Common Carbon Framework (ACCF) Q3 Steering Committee Meeting” โดยได้รายงานความคืบหน้า ไตรมาส 3 ปี 2568 หลังการนามบันทึกความร่วมมือ 5 หน่วยงานไปเรียบร้อยแล้วในการประชุม COP 29 เมื่อปี 2567 

 

การประชุมครั้งนี้มีสมาคมและชมรมตลาดคาร์บอนจากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง นำโดย Dr. Renard Siew, President สมาคมมาเลเซีย คาร์บอน มาร์เก็ต คลับ  (MCMA) เป็นประธานการประชุม กับผู้แทนจาก สมาคมสถาบันการเงินอย่างยั่งยืน (SSFA :Singapore Sustainable Finance Association) อาเซียน อัลไลแอนซ์ ออน คาร์บอน์ มาร์เก็ต(AACM) และ สมาคมอินโดนีเซีย คาร์บอน เทรด (IDCTA) 

 

แล้วการประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารและผู้แทนของหน่วยงานต่าง ๆ ในไทย ในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินการและมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการพัฒนาตลาดคาร์บอน เข้าร่วมสังเกตการณ์และสะท้อนประสบการณ์และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ ACCF : ASEAN Common Carbon Framework” สามารถสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำ “กรอบตลาดคาร์บอนของอาเซียน” มาเชื่อมโยงแนวคิดเชิงนโยบายให้เข้ากับการขับเคลื่อนเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ร่วมรับมือความท้าทายด้านวิกฤตสภาพภูมิอากาศและเร่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซการลดคาร์บอนในระดับภูมิภาค

 

ได้แก่ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) นำโดย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ ร่วมด้วยผู้แทนจากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีผู้ร่วมสังเกตการณ์จาก Macao International CarbonEmission Exchange และผู้ร่วมประชุมออนไลน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 50 คน

           

นางกลอยตา และ ดรวิชชุวรรณ เข้าร่วมประชุม Roundtable on the ASEAN Common Carbon Framework จัดโดย International Emissions Trading Association (IETA) ผ่านโครงการ Business Partnership for Market Implementation (B-PMI) ซึ่งมีผู้แทนจากจากหลายประเทศทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติและติดตามผล และการปรับปรุงประสิทธิภาพ สะท้อนความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมกัน

 

การประชุมทั้ง 2 เวที เป็นส่วนหนึ่งในการประชุม ACS : Asia Climate Summit 2025 จัดที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดย “IETA องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ทำภารกิจสนับสนุนแนวทางจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยมาตรการทางตลาดคุณภาพสูง เพื่อเร่งเป้าหมายของโลกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ขับเคลื่อนอนาคตนำโลกสู่การลดคาร์บอนเป็นศูนย์ด้วยกัน

 

ช่วงที่ 2 ล่องใต้ไป “กระบี่” ตามรอยหนังฟอร์มยักษ์ “จูราสสิค เวิลด์” ทริปสุดฟิน “งานกาแฟเกาะลันตา” ลุยเส้นทางไดโนเสาร์ “เขาพนมเบญจา” แล้วก็ไปพักผ่อนที่ “หาดไร่เลย์” ริมหาดสวย น้ำทะเลใส จากนั้นฟัง “คนวัย 50 ปีขึ้นไปไม่ควรอาบน้ำ 3 เวลา เพราะมันคือระเบิดสุขภาพเรา และฟังข่าวเจาะลึก ข่าวแรก “ATM ดูไบชี้รีสอร์ท+กาสิโน” จุดเปลี่ยนการท่องเที่ยวโลก Wynn ประกาศลงทุนในศรีลังกา กับราส อัลไคมาร์ UAE ปี70 รายได้นักท่องเที่ยวโต 30 % ข่าวที่สอง “ททท.เปิด Workation Paradise #3” บูมขาย 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย

 

ท่องเที่ยว –กระบี่!!เที่ยวฟินกรีนซีซัน“ลันตา-เขาพนมเบญจา-หาดไร่เลย์

 

กรีน ซีซั่นนี้ล่องใต้ไป “เที่ยวกระบี่ กันเถอะ เรา” มีกิจกรรมความสุข สนุก หลากหลายสไตล์ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวตามเกาะลันตา หาดไร่เลย์ หรือจะอินเทรนด์เที่ยวตามรอยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลก “จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่” ในอุทยานแห่งชาติพนมเบญจา ปักหมุดเที่ยว 3 พิกัด สุดฟิน

 

พิกัดที่ 1 เกาะลันตา สายดื่มคอชา กาแฟ มีนัดพบกันวันที่ 18 - 20 กรกฎาคม 2568 ที่ ลันตา ยิปต์ซี คอฟฟี่ แอนด์ คราฟท์ 2  #ChapterC  x ของดีลันตา ที่สวนสาธารณะหาดพระแอะ ร้านค้ารวมตัวกันมารอต้อนรับนักท่องเที่วตลอดงานกว่า 50 ร้าน ชวนนักท่องเที่ยวมาดื่มด่ำความสุขท่ามกลางความสวยงามของหาดทราย ชายทะเล โรแมนติกยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกท

 

นักท่องเที่ยว พกแก้ว หรือกระบอกน้ำมาเอง แต่ละร้านจะลดให้ทันที 5 บาท หรือเพียงแสดงใบเสร็จ “ค่าห้องพัก” ที่เกาะลันตา มูลค่าตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป รับเครื่องดื่มจากบูธ ททท. ฟรีทันที 1 แก้ว พร้อมรางวัลมากมาย

 

พิกัดที่ 2 เที่ยวตามรอย Jurassic World จากค่ายยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ได้เลือกสถานที่ถ่ายทำในเมืองไทยภาคล่าสุดของ “จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่ /Jurassic World : Rebirth” โดยมีหนึ่งในไฮไลต์ “อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา” กระบี่ พื้นที่เชื่อมโยง 3 อำเภอ ตั้งแต่อำเภอเมือง อ่าวลึก และเขาพนม มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์อยู่มาก มีลำธาร น้ำตก ป่าไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด แหล่งท่องเที่ยวชมนกมากกว่า 218 ชนิด

 

มีสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งนี้ “น้ำตกห้วยโต้” สูง 11 ชั้น เป็นต้นกำเนิดจากเขาพนมเบญจา มีแอ่งเล่นน้ำได้ “น้ำตกห้วยสะเค” หน้าผาสูง 3 ชั้น มีแอ่งน้ำใสสะอาด

 

“ยอดเขาพนมเบญจา” คือจุดหมายของนักเดินป่าต้องการปีนขึ้นพิชิตได้ 2 เส้นทาง ซึ่งมีธรรมชาติพันธุ์ไม้สวยงาม สัตว์ป่า ถ้ำ น้ำตก ธารน้ำ ทะเลหมอก และจุดชมวิวมองเห็นตัวเมืองกระบี่ อากาศที่เย็นสบายตลอดปี ทางอุทยานเปิดมีเต็นท์บริการพักค้างแรม หรือจะนำไปเองก็ได้ ราคา 600-2,000 บาท

 

สอบถามได้หลายช่องทาง คือ E-mail : banpak025795269@gmail.com อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา โทร. 0 7566 0716-7 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โทร. 0 2579 7223, 0 2579 5734 หรือ www.dnp.go.th

 

พิกัดที่ 3 หาดไร่เลย์ ทะเลสร้างความสุข ขึ้นเรือตรงท่าเรืออ่าวน้ำเมา มีบริการออกทุกชั่วโมง ค่าเรือคนละ 100 บาท ใช้เวลานั่งเรือจากฝั่งไปราว 15 นาที แล้วก็ใช้ภายใน 1 วัน เที่ยวได้ฟิน ๆ ได้หลากหลายสไตล์ เริ่มต้นจาก “เดินสัมผัสเม็ดทราย” เนียนละเอียดลัดเลาะชายหาดทอดยาวสวยงาม  “พายคะยัค” บนเกลียวคลื่นผืนน้ำทะเลใส “ปีนถ้ำค้างคาว” โหนตัวลงมาอย่างสนุกสนานและปลอดภัย เป็นอีกกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาตินิยม ส่วนผู้ที่ชื่นชอบความชิว “นั่งแฮงเอาท์” ที่คาเฟ่ Tewlaybar-railay และ”เติมพลังอาหารตรงจุดชมวิว” สวยระดับโลกบริเวณร้าน The Grotto

 

เช็คอินความสุขทุกที่ ทั่วเมืองไทย “กระบี่” เมืองชายทะเล เป็นอีกหนึ่งเป้าหมาย ที่มีความหลากหลายให้เติมเต็มประสบการณ์สนุก ฟิน ฟัน มันส์ ทุกทริป ได้ตลอดทั้งปี

 

สุขภาพ –หลังอายุ 50 ปี ไม่ควรอาบน้ำ3เวลาระเบิดเวลาสุขภาพ

 

วงการแพทย์มีข้อแนะนำหลังอายุ 50 ปี ไม่ว่าร่างกายจะสกปรกแค่ไหน ควรศึกษาเรื่อง “ช่วงเวลาการอาบน้ำ” ซึ่งมีช่วงไม่เหมาะสมเหมือนการตั้งระเบิดเวลาภายในร่างกาย อาจทำให้เกิดวิกฤตสุขภาพได้ทุกเมื่อกับผู้สูงอายุ ควรระมัดระวัง 3 ช่วงเวลา ดังต่อไปนี้

 

ช่วงที่ 1 อาบน้ำหลังมื้ออาหาร -หลายคนมีนิสัยอาบน้ำทันทีหลังรับประทานอาหาร แต่เป็นช่วงที่ระบบย่อยต้องการเลือดจำนวนมากไปช่วยกระบวนการย่อย หากอาบน้ำทันที การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจะทำให้เลือดไหลไปสู่ผิวหนังแทนที่จะไปยังระบบย่อยอาหาร ทำให้กระบวน “การย่อยไม่ดี” อาจเกิดอาการท้องอืดหรือย่อยไม่ดีได้

 

ข้อแนะนำ -หลังอาหารควรรออย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จึงอาบน้ำเพื่อให้ระบบย่อยทำงานได้ดี

 

ช่วงที่ 2 อาบน้ำขณะท้องว่าง -เมื่อท้องว่างร่างกายจะขาดพลังงานและระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หากอาบน้ำ จะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้พลังงานหมดเร็วขึ้น น้ำตาลในเลือดลดลง จนทำให้เกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น หรืออ่อนเพลีย แล้วหากในห้องน้ำที่ลื่น อาจล้มและบาดเจ็บได้ แถมระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงเมื่อท้องว่าง ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นหวัดด้วย

 

ช่วงที่ 3 อาบน้ำก่อนนอน -หลายคนชอบอาบน้ำอุ่นก่อนนอนเพื่อผ่อนคลายและช่วยให้นอนหลับได้ดี แต่ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ เพราะอาจส่งผลตรงกันข้าม โดยเฉพาะ “น้ำอุ่น” จะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น กระตุ้นระบบประสาทและอาจรบกวนการนอนหลับ การทำงานของร่างกายจะค่อย ๆ ลดลงก่อนนอน การอาบน้ำอุ่นอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพิ่มความดันเลือดและส่งผลต่อหัวใจ

 

ข้อแนะนำ -ควรอาบน้ำก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง แล้วอุณหภูมิของน้ำไม่ควรสูงเกินไป เพื่อไม่ให้กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก–ATMดูไบชี้รีสอร์ท+กาสิโนจุดเปลี่ยนท่องเที่ยวโลก-UAEหวังโต30%

 

 ATM 2025 ดูไบชี้เทรนด์ลงทุน “รีสอร์ทแบบบูรณาการ” พ่วงกาสิโน จุดเปลี่ยนการท่องเที่ยว “ตะวันออกกลางและทั่วโลก” หลัง Wynn Al Marjan Island ปักธงใน City of Dreams ศรีลังกา เร็ว ๆ นี้ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” เตรียมเปิดที่ “ราส อัลไคมาห์” คาดทำรายได้ GGR ปีละ 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์ ปี’73 ตั้งเป้าเพิ่มคนพัก 3.5 ล้านคน มีผลวิจัยยืนยันเศรษฐีสูงวัยนิยมเล่น เพิ่มรายได้ท่องเที่ยวโต 30%

  

ผู้เชี่ยวชาญ Arabian Travel Market : ATM ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานว่า ล่าสุดในตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก (APAC) กำลังเปิดประเทศต้อนรับการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่โครงการ “รีสอร์ทแบบบูรณาการ : Integrated Resorts” ที่ผสมผสานความหรูหรา ความบันเทิง วัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันเป็นประสบการณ์จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว

            เมื่อ Wynn Al Marjan Island ประกาศเปิดตัวการลงทุนใหม่ในเมืองราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE ) ปี 2570 ที่ทุกคนรอคอยถือเป็นก้าวสำคัญของภูมิภาคนี้ สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้าน “การท่องเที่ยว” ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกาศลงทุนพัฒนาโครงการแล้วใน “City of Dreamsศรีลังกา ซึ่งเดิมชื่อ Cinnamon Life Integrated Resort เป็นรีสอร์ทแบบครบวงจรใหญ่ที่สุด เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง Melco Resorts & Entertainment และ John Keells Holdings จึงเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การกาสิโนที่มีการควบคุมด้วยกฎหมาย เป็นส่วนหนึ่งตามข้อเสนอรีสอร์ทแบบองค์รวมดังกล่าว

 

ผู้เชี่ยวชาญจาก ATM คาดการณ์ว่า “รายได้รวมจากการพนันหรือกาสิโน (GGR : Gross Gaming Revenue) ต่อปี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจสูงถึง 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการพัฒนารีสอร์ทแบบบูรณาการ เร็ว ๆ นี้ ที่ “ราสอัลไคมาห์” สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มาก โดยมีเป้าหมายภายในปี 2573 จะดึงดูดการพักค้างคืนได้ถึง 3.5 ล้านคน จะก่อให้เกิดโอกาสการจ้างงานหลายพันตำแหน่ง

 

ในงาน ATM 2025 ทางคณะผู้ร่วมเสวนาจากภาคธุรกิจการต้อนรับ การวิจัย และเทคโนโลยี รวมถึง Judith Cartwright ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Black Coral Consulting, Darren Bishop รองประธานอาวุโส ที่ปรึกษาการวิจัยตลาดและกลยุทธ์ของ Heart+Mind Strategies และ Edward Batrouni ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหารของ Zenitech ได้หารือกันว่า รีสอร์ทเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงมุมมองและผลักดันความต้องการจากตลาดแหล่งสำคัญต่าง ๆ เช่น อินเดีย จีน กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง (GCC) และยุโรป

 

ซันจีฟ ฮูลูกัลเล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและห้างสรรพสินค้าซินนามอน ไลฟ์ ที่ซิตี้ ออฟ ดรีมส์ ศรีลังกา หนึ่งในคณะผู้เชี่ยวชาญ ATM กล่าวว่า จะต้องวางตำแหน่งการพัฒนาให้เกิดความรู้สึกถึง “สถานที่” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของโครงการแบบบูรณาการ ไม่ใช่ทำให้กาสิโนเป็นศูนย์กลาง แต่จะต้อง “เข้าถึงจุดหมายปลายทาง” โดยรอบอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ยึดติดอยู่กับสถานที่ที่พักผ่อนอยู่ การทำเช่นนั้นจะทำให้โครงสร้าง และความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่ทรงพลังยิ่งกว่าการพูดว่า “ฉันมีกาสิโน”

 

คณะผู้ร่วมเสวนาในเวที ATM 2025 เห็นพ้องตรงกันว่า แม้ “เกม” จะนำเสนอมิติใหม่ที่น่าตื่นเต้น แต่การผสมผสานระหว่างศิลปะ ดนตรี อาหาร สุขภาพ การเล่าเรื่องท้องถิ่น คือสิ่งที่กำหนดประสบการณ์ให้ผู้เข้าพักอย่างแท้จริง ผู้นำในอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมงานต่างย้ำว่าเกมเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในประสบการณ์ทางวัฒนธรรม อาหาร ความบันเทิงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการพัฒนาแบบบูรณาการในอนาคตต่อไป

 

“แดเนียล เคอร์ติส” ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการ ME, Arabian Travel Market กล่าวว่า “การพูดคุยในงาน ATM ปี 2568 เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเรื่องการพัฒนารีสอร์ทแบบบูรณาการทั่วทั้งภูมิภาค ไม่ใช่แค่เรื่องการเล่นเกมเท่านั้น แต่ยังรวมถึง 1.การสร้างบรรยากาศสถานที่ 2.การบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ 3.การสร้างความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่มีความหมาย 4.จุดหมายปลายทางในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือหรือ MENA : Middle East and North Africa และภูมิภาคอื่น ๆ กำลังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเหล่านี้กำลังกลายเป็นทรัพย์สินของชาติ “ปลดล็อก” ช่องทางหารายได้ใหม่ ๆ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้นักเดินทางหลายเจเนอเรชันได้อย่างไรบ้าง

 

ตามที่วิทยากรกล่าวถึงในตลาดรีสอร์ทแบบบูรณาการ เช่น ศรีลังกา นำเกมเข้าสู่ประเทศภายใต้กรอบการกำกับดูแลใหม่ การสนับสนุนจากชุมชนท้องถิ่นและความร่วมมือของรัฐบาล ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการพัฒนา City of Dreams จนถึงปัจจุบันในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หน่วยงานกำกับดูแลการพนันเชิงพาณิชย์ทั่วไป (GCGRA) ก่อตั้งขึ้นในปี 2566 เพื่อกำกับดูแลการพนันเชิงพาณิชย์และดูแลบุคคลและธุรกิจทั้งหมดในอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจจะสร้างเติบโตอย่างยั่งยืน และใช้กฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพ

 

ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศเดินหน้าบุกเบิก “ธุรกิจรีสอร์ทแบบบูรณาการ” กำลังช่วยสร้างให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็น “ศูนย์กลางภูมิภาค” ด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยว โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง บริการส่วนบุคคล และระเบียบปฏิบัติด้านการพนันอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง

 

มี “ข้อมูลเชิงลึกจากงานวิจัย” ที่นำมาแบ่งปันกันช่วงการประชุมเผยให้เห็นถึง แม้การ “เล่นเกม” จะมีความสำคัญน้อยกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ แต่คุณค่าของการเล่นเกมในฐานะกิจกรรมกระตุ้นอะดรีนาลีนในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีฐานะร่ำรวย ถือเป็นปัจจัยสำคัญสร้างรายได้ ความสัมพันธ์ระหว่างการเล่นเกมกับความหรูหรามีแนวโน้มให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งพบรีสอร์ทรูปแบบเดียวกันนี้ทั่วโลกสามารถทำให้คนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 30%

 

ตลาดเป้าหมายของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่จะดึงเข้ามาใช้บริการรีสอร์ทแบบบูรณาการ เช่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และชาวต่างชาติที่พักอยู่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต่างแสดงความสนใจอย่างมาก กับชาวยุโรปที่แสวงหาความหรูหราและประสบการณ์เฉพาะตัว รีสอร์ทแบบบูรณาการจึงพร้อมจะปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ในอนาคตอันใกล้นี้

 

ข่าวที่สอง “ททท.เปิดWorkation Paradise#3ลุยขาย100เดียวเที่ยวทั่วไทย

 

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมกับ ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด เลือกใช้ Fastwork พลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำในไทย เปิดตัวโครงการ “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3 โดยจะให้บริการจับคู่ระหว่างผู้ว่าจ้างกับฟรีแลนซ์หหลายสาขาอาชีพ สร้างกระแสการท่องเที่ยวตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล เพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ 3 กลุ่มหลัก คือ Digital Nomads, Expat และ Freelancers ตอกย้ำถึงความพร้อมของไทยในการเป็นประเทศจุดหมายปลายทาง Workation ระดับโลก

 

จึงมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวทำงานได้เที่ยวด้วย (Workation) ผ่านโดยโครงการ Workation Paradise Throughout Thailand Season 3 ต่อยอดความสำเร็จปีที่ 3 ตอกย้ำ “พฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัล” เปลี่ยนแปลงไปสู่ความยืดหยุ่นในการทำงานควบคู่การพักผ่อนและท่องเที่ยว

 

ททท. เตรียมมอบส่วนลดและสิทธิประโยชน์ โดยนำพันธมิตรสถานประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำทั่วประเทศเข้ามาร่วมกว่า 200 แห่ง  5 หมวด ได้แก่ 1.โรงแรมที่พัก 2.ร้านอาหาร  3.Co-Working Space 4.กิจกรรมท่องเที่ยวและแพ็กเกจท่องเที่ยว 5.สุขภาพและความงาม

 

ปี 2568 เพิ่มความพิเศษโดยได้ร่วมกับ บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด หรือ Fastwork แพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำในไทยเปิดให้บริการจับคู่ระหว่าง “ผู้ว่าจ้างกับฟรีแลนซ์” หลากหลายสาขาอาชีพ ทำกประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเจาะกลุ่มเป้าหมาย 3 ตลาด  Digital nomads, expat, freelancer ส่วนใหญ่มีเวลาอิสระ บวกกับพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวและทำงานที่ไหนก็ได้เมื่อมีอินเตอร์เน็ต โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง

 

ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวว่าคาดหวังกิจกรรมนี้ช่วยขับเคลื่อน 4 เรื่อง คือ 1.ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ 2.เพิ่มระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ยและเพิ่มค่าใช้จ่าย 3.กระตุ้นให้เกิดการเดินทางข้ามภูมิภาคและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย เข้ากับประสบการณ์การทำงานที่ยืดหยุ่น 4.กระจายรายได้สู่ชุมชนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 

Mr. CK CHEONG ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด (Fastwork Technologies) กล่าวว่า Workation คืออนาคตของการทำงานที่ตอบโจทย์ทั้งคนและองค์กร จึงได้เข้ามาสนับสนุนวิถีชีวิตใหม่นี้ ผ่านกิจกรรม 100 เดียว เที่ยวได้งาน ร่วมกับ ททท. นำเสนอไลฟ์สไตล์การทำงานจากสถานที่ไหนก็ได้ ช่วยกระจายรายได้สู่ภูมิภาค พร้อมกับเน้นย้ำวิสัยทัศน์ Platform Enabler เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานออกแบบการทำงานและใช้ชีวิตได้ตามความสมัครใจ สนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจแนวคิด Work-Life Harmony หรือการผสานระหว่างงานและชีวิตอย่างกลมกลืน ปัจจุบันกำลังเป็นนิยามใหม่การใช้ชีวิตยุคดิจิทัล

 

กิจกรรม” ใน โครงการ Workation Paradise Throughout Thailand Season 3 ประกอบด้วย  

 

กิจกรรมที่ 1 Workation เที่ยวเป็นทีม ททท. จัดให้” กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวผ่าน Special Deals ชวนทีมออกไป Workation ตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย โดยกดรับคูปองสิทธิพิเศษทางการท่องเที่ยวจากสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ทางเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/workationthailand ตั้งแต่วันนี้- 31 สิงหาคม 2568

 

”จะประกาศชื่อผู้โชคดี” พร้อมลุ้นรับแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบเป็นทีมและของรางวัลสุดพิเศษ 14 รางวัล  4 กันยายน 2568 ผ่านทาง Facebook Page : Amazing Thailand  เพื่อลุ้นเป็นผู้โชคดีรับรางวัลดังนี้

 

รางวัลที่ 1 Macbook Air พร้อมแพ็กเกจที่พักศรีพันวา 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหารเช้า 3 คน

 

รางวัลที่ 2 iPhone 16e พร้อมแพ็กเกจที่พักโรงแรม วี วิลล่า หัวหิน 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหารเช้า 3 คน

 

กิจกรรมที่สอง 100 เดียวเที่ยวได้งาน ส่งเสริมการขาย ร่วมกับแพลตฟอร์ม Fastwork รวบรวมดีลสุดพิเศษแจกโวเชอร์สถานประกอบการท่องเที่ยวหลายหมวด เช่น “โรงแรม/รีสอร์ท”  ศรีพันวา, โรงแรมดุสิตธานี ลากูนา ภูเก็ต, โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน, เดอะ ซายน์ พัทยา, อาน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะช้าง, โฮมพุเตย ริเวอร์แคว รีสอร์ท, โรงแรม เดอะ เบย์วิว พัทยา, วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล, บาร์บีคิวพลาซ่า, โอเอซิสสปา

นำมาเสนอขายบนเว็บไซต์ https://fastwork.co/ เปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อโวเชอร์ได้ในราคาเพียง 100 บาท

 

กิจกรรมนี้จะจัด 2 รอบ คือ รอบที่ 1 ทุกวันที่ 25 ของเดือนกรกฎาคม รอบที่ 2 เดือนสิงหาคม 2568 นักท่องเที่ยวดูเพิ่มได้ที่ www.tourismthailand.org/workationthailand

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แอร์บัสยิ้ม!!MAGสั่งฝูงบินA330neoให้มาเลเซียแอร์ไลน์สเพิ่มล็อตใหญ่ 20 ลำ

แอร์บัสยิ้ม !!MAG สั่งฝูงบิน A330neo เพิ่มล็อตใหญ่ 20 ลำ มาเลเซียแอร์ไลน์สขึ้นชั้นพรีเมี่ยมใช้บินแล้ว 3 ประเทศ มาเลเซีย เอวิเอชั่น กรุ๊ป...