วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568

อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการฯ ด้านตลาดในประเทศเปิดแผนเที่ยวไทยไฮซีซั่นปี68-69

อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.

“อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ”รองผู้ว่าฯททท.ลุยตลาดเที่ยวไทยไฮซีซั่น

ปลายปี68-ปี69ชู5กลยุทธ์ปั๊มเศรษฐกิจในประเทศ+เจ้าบ้านที่ดี

โหมการขายกับ10กลุ่ม“แอร์ไลน์-รถ-ราง-OTA-ปั๊ม-บัตร-สมาคม”

1ปี1ครั้ง“สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-เชียงใหม่”ส่วนลด25%+OnTop

SURPRISE OF THE YEARที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ 17-19 ต.ค.68

ข่าวดี!!ททท.ผนึกเอทิฮัดเปิดบินตรงอาบูดาบีสู่กระบี่&เชียงใหม่

บางจากรายแรกในไทยร่วมบีไอจีนำโรงกลั่นทำCarbon Capture

TCEBหนุนยี่เป็งเชียงใหม่สู่แฟล็กชิพอีเวนต์ผงาดWorld Festival

เช็คอินความสุขเที่ยวลอยกระทงสาย1,000ดวงแม่น้ำปิง จ.ตาก

กินอาหารไฟเบอร์สูงพอเหมาะ 25-38กรัมได้ประโยชน์มีคุณค่า

ไมเนอร์เปิดใหม่ที่พักหรู“เอ็นเอช มัลดีฟส์ รีธี รีสอร์ต”18ธ.ค.นี้

ไทยงัดใช้Green Productionกองถ่ายหนังต่างชาติเน้นความยั่งยืน

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  #ลอยกระทงสายไหลประทีป1000ดวง

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1CKNEumAau/

ช่วงที่ 1 !! สัมภาษณ์ “อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งัดแผนเด็ดปลุกเที่ยวไทยปี’69 ด้วย 5 กลยุทธ์ “ลุยขาย 5 Must Do-กระจายพื้นที่/ช่วงเวลาเที่ยว-คัดสินค้าพรีเมี่ยมเพิ่มรายได้-ชูเครือข่ายแหล่งเที่ยวสร้างสรรค์ยูโนเนสโก-บูม Grand Moment” พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลใหม่ เปิดฟรีเวทีเสวนา “เจ้าบ้านที่ดี” 14-15 ต.ค.68 ระดมธุรกิจทั่วไทยปั้นคนพันธุ์ดีท่องเที่ยว เดินหน้าบูรณาการตลาดการขายกับพันธมิตร 10 กลุ่มใหญ่ แอร์ไลน์ รถ เรือ ราง ปั๊ม OTA บัตรเครดิต สมาคมท่องเที่ยว และเร่งเปิดเส้นทางท่องเที่ยวสีเขียวและยั่งยืน นำร่อง 2 กิจกรรม “ต่อยอด Eco Exploration Trip-ขายการท่องเที่ยวได้ดาวมาตรฐาน TTA-STGs-CF-Hotels

 


นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางแผนเชิงรุกขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวในประเทศรับปีงบประมาณใหม่ 2569 เริ่มทำทันทีช่วงฤดูเดินทางปลายปีนี้ซึ่งเป็นไฮซีซั่น ตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม 2568 เร่งดำเนินการพร้อมกันทั้ง 5 ภูมิภาค ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ร่วมมือกันทำ 5 กลยุทธ์ ดังนี้

กลยุทธ์ที่ 1  กระตุ้นคนไทยออกเดินทางเที่ยวในประเทศ นำเสนอจุดขยเสน่ห์ไทย 5 Must Do inThailand ทั้ง Must Taste อาหารไทย อาหารถิ่น / Must Try มวยไทย กิจกรรมท้าทายใจ / Must Buy ผ้าไทย

สินค้าไทย / Must Seek แหล่งท่องเที่ยวใหม่ มุมมองใหม่ และ Must See การแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณีไทย ควบคู่การส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ด้วยเช่น รางวัลกินรี (TTA) STAR CF-Hotels

กลยุทธ์ที่ 2 กระจายพื้นที่และช่วงเวลาท่องเที่ยว มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยว 1.Thailand 365 เมืองน่าเที่ยว 2.วันธรรมดาน่าเที่ยว 3. ส่งเสริมต่างชาติที่พำนักในไทย (Expat) และต่างชาติพักในไทยระยะยาว (Longstay)

กลยุทธ์ที่ 3 เพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ด้วยวิธีขยายวันพัก เพิ่มการใช้จ่ายให้หันมาซื้อสินค้าไทยพรีเมี่ยมมูลค่าสูง

 


กลยุทธ์ที่ 4 ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก (Creative Cities ) 10 เมือง ได้แก่ สุโขทัย เชียงราย สุพรรณบุรี เพชรบุรี ภูเก็ต กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สงขลา น่าน และพัทยา 

กลุ่มที่ 5  ยกระดับประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวด้วยแคมเปญ Grand Moment สร้างประสบการณ์ทำให้ความรู้สึกทุกช่วงเวลามีความประทับใจ จะคัดเลือกโปรดักซ์ใหม่ ๆ สร้างสรรค์โปรแกรมและจับมือพันธมิตรทำดีลท่องเที่ยวราคาพิเศษ เช่น โรงแรม สายการบิน รถเช่า บัตรเครดิต เจาะตลาดนักท่องเที่ยว2 กลุ่มคุณภาพสูงกับกระแสหลัก ทำกิจกรรส่งเสริมการขายในแต่ละภูมิภาค ด้วย 3 คอนเซ็ปต์ คือ

 

Moment of Giving” โมเมนต์ความสุขที่ได้รับจากการให้ เช่น การไปเรียนรู้ การช่วยเหลือชุมชน การพาเด็กด้อยโอกาสออกเดินทางท่องเที่ยว

Moment of Memories” โมเมนต์ความสุขชวนให้หวนคิดถึง เช่น ท่องเที่ยวแหล่งมรดกโลก เรียนรู้เรื่องอาหารถิ่นแบบเจาะลึก เยี่ยมชมแหล่งสุราท้องถิ่น ท่องเที่ยวแนวผญจภัยทำสถิติท้าทายตัวเอง หรือท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์

Moment of Miracle” โมเมนต์ตะลึงในความยิ่งใหญ่ทางธรรมชาติ เช่น ท่องเที่ยวค้นหา

ตัวเองสาหรับคนหมดไฟ การท่องเที่ยวรีเซ็ตจิตใจพักจากโลกดิจิทัล การท่องเที่ยวช่วงกลางคืนสำรวจเสน่ห์แห่งค่ำคืนแสงสุดท้ายของวัน

นายอภิชัย กล่าวว่า ททท.ช่วงไฮซีซั่น ตุลาคม-ธันวาคม 2568 เตรียมนำเสนอกิจกรรม ประเพณี ในแต่ละภาคะมีไฮไลท์น่าสนใจ พร้อมเสิร์ฟนักท่องเที่ยวภายใต้ธีมเป็นเอกลักษณ์ เป็นแม่เหล็กดึงดูดรองรับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้อย่างสมดุลแตกต่างกัน ไฮไลต์แห่งปี 15 งาน ประกอบด้วย

ภูมิภาคภาคเหนือ Season of North : สุขทันที ฤดูนี้ ฤดูเหนือ ไฮไลต์ 3 งาน

1.งานประเพณีปอยต้นแปก วันที่ 16 - 18 ตุลาคม 2568 ณ วัดเวียงพาน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

2.งานประเพณี ยี่เป็งเชียงใหม่ 2568 วันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2568 ณ บริเวณเทศบาลเมืองเชียงใหม่

จ.เชียงใหม่

3.งานเชียงรายดอกไม้งาม เดือนธันวาคม – มกราคม ของทุกปี ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย

จ.เชียงราย

 


ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ประเพณีสีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา ไฮไลต์ 2 งาน

1.ประเพณีไหลเรือไฟ วันที่ 27 กันยายน - 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลาง และ

บริเวณริมฝั่งแม่นาโขง จ.นครพนม

2.ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จ.สกลนคร วันที่ 2326 ธันวาคม 2568 ณ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล จ. สกลนคร

ภูมิภาคภาคใต้ : Go South สัมผัสเสน่ห์ใต้ หลากหลายวัฒนธรรม ไฮไลต์ 3 งาน

1.ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว วันที่ 4-12 ตุลาคม 2568 ณ จ.สุราษฎร์ธานี

2.เทศกาลถือศีลกินผัก วันที่ 2129 ตุลาคม 2568 พื นที่ไฮไลท์ ณ ภูเก็ต พังงา สงขลา ตรัง ระนอง3.Laguna Phuket Triathlon การแข่งขันไตรกีฬา วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ณ จ.ภูเก็ต

ภูมิภาคภาคกลาง : เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้ เที่ยวได้เลย ไฮไลต์ 4 งาน

1.Nasatta Light Festival Winter illustration 2026 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568-3 พฤษภาคม 2569

ที่ ณ สัทธา อุทยานไทย จ.ราชบุรี

2.งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่นาแคว และงานกาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ประจาปี 2568 วันที่ 27

พฤศจิกายน –7 ธันวาคม 2568 ณ บริเวณสะพานข้ามแม่นาแคว และลานข้างองค์การบริหาร

ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี

3.AYUTTHAYA MARATHON 2025 วันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2568 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์

จ.อยุธยา

4.งานยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก ประจาปี 2568 วันที่ 12-21 ธันวาคม 2568 ณ อุทยานประวัติศาสตร์ จ.อยุธยา

ภูมิภาคภาคตะวันออก : สีสันตะวันออก ไฮไลต์ 3 งาน

1.งานประเพณีรับบัว วันที่ 3 - 6 ตุลาคม 2568 ณ ที่ว่าการอาเภอบางพลี และวันที่ 30 กันยายน - 8

ตุลาคม 2568 ณ วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ

2.PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORKS FESTIVAL 2025 วันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2568

ณ บริเวณชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี

3.เทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี วันที่ 5-10 ธันวาคม 2568 ณ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ จ.จันทบุรี

นายอภิชัย กล่าวว่า ททท.ตลาดในประเทศ พร้อมขานรับนโยบายนาอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คนใหม่เน้นเรื่องการสร้างผลลัพธ์การท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมด้วย  Big Impact Act Fast” สามารถใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยโดยให้น้ำหนักดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนและตลาดหลักทั่วโลก สร้างสมดุลรายได้และความยั่งยืน

ททท.ขานรับนโยบายดังกล่าวผ่านแนวคิด “เที่ยวไทยมั่นใจปลอดภัยทุกย่างก้าว” เน้นการอำนวยความสะดวก ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น สร้างความประทับใจ ให้เกิดการต่อยอดบอกต่อ 2 โครงการ ได้แก่ 

โครงการแรก “Trusted Thailandยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยสถานประกอบการท่องเที่ยว โดยใช้ “ตราสัญลักษณ์” การรับรองมาตรฐาน สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว และภาพลักษณ์เชิงบวกในระดับนานาชาติ โดยจะต้องมีคุณสมบัติครอบคลุมเกณฑ์คุณภาพ 4 ด้าน ได้แก่

ด้านที่ 1 มาตรการรักษาความปลอดภัยทั่วไปสาหรับนักท่องเที่ยว

ด้านที่ 2 มาตรการในการควบคุมความปลอดภัยในการชาระเงิน การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการเงิน

ที่ปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับในตลาดหลัก

ด้านที่ 3 การสื่อสารภาษาต่างประเทศ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ด้านที่ 4 ความปลอดภัยในการเดินทางเข้าถึง เส้นทางที่ปลอดภัยมีจุดที่ตั้งชัดเจนบอกนักท่องเที่ยว

รวมทั้งการติดตั้งป้ายหรือจุดให้ข้อมูล การเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอย่างปลอดภัย

 


โครงการที่ 2 จัดกิจกรรมเสวนา “เจ้าบ้านที่ดี : ปลุกพลังท่องเที่ยวไทย สู่อนาคตยั่งยืน” วันที่ 14 - 15 ตุลาคม 2568 เวลา 09-00-17.00 น. ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เปิดฟรีให้บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนรับฟังการบรรยายจาก “กูรู” ในแวดวงต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปปรับใช้ได้จริง โดยเน้นการพัฒนาทัศนคติ การเสริมสร้างบุคลิกภาพที่เหมาะสม ตลอดจนการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับมาตรฐานด้านบริการและความปลอดภัย ช่วยเสริมพลังให้ผู้เข้าร่วมก้าวสู่การเป็นต้นแบบของบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

กิจกรรม “เจ้าบ้านที่ดี” ครั้งนี้ ททท.ได้จัดแบบออนไซต์และออนไลน์กระจายทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายทุกจังหวัดเข้าร่วมได้อย่างทั่วถึง ร่วมรับฟังเสวนาที่จะได้ถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงนโยบายและแนวโน้มการท่องเที่ยวสมัยใหม่ มีเวิร์กชอปเชิงปฏิบัติการเจาะลึกเรื่องหลัก ด้านการบริการ การสื่อสารพหุภาษา ความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม แนวทางการจัดการด้านความปลอดภัยและการสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจ

นายอภิชัย กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2569 ททท.พร้อมทำงานเชิงบูรณาการร่วมกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจคึกคักทำรายได้ตามเป้าหมาย เบื้องต้นจะร่วมกับ 10พันธมิตร ดังนี้

 


กลุ่มที่ 1 สายการบิน เช่น การบินไทย, นกแอร์, ไทยไลอ้อนแอร์, บางกอกแอร์เวย์ส และไทยเวียตเจ็ท

เพื่อกระตุ้นความถี่ในการเดินทาง การเปิดเส้นทางบิน รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษสาหรับนักท่องเที่ยว

กลุ่มที่ 2 รถเช่า เช่น Avis, Chic Car Rent, Sixt Rent a Car จัดทาสิทธิพิเศษสาหรับนักท่องเที่ยว

ที่เดินทางท่องเที่ยวทั งในพื นที่จังหวัดและการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค

กลุ่มที่ 3 เรือท่องเที่ยวไฟฟ้า นาร่องเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในชุมชน เช่น คลองอ้อมนนท์ จัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติพำนักในไทยที่สนใจท่องเที่ยวชุมชนวิถีไทยแบบรักษ์โลก

กลุ่มที่ 4 รถทัวร์ เช่น นครชัยแอร์ และสมบัติทัวร์ เสนอสิทธิพิเศษ เช่น ซื อบัตรโดยสาร 5 แถม 1 หรือ

บริการโซนที่นั่งพิเศษสาหรับนักท่องเที่ยวหญิง (Solo Traveler) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัย

กลุ่มที่ 5 เที่ยวกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟในเส้นทางสาคัญ เช่น เส้นทางRoyal Blossom เพื่อตามรอยทางรถไฟสายประวัติศาสตร์เส้นทางกาญจนบุรี และ Blue Jasmine Rail Journey รถไฟหรูเชื่อมโยง 3 เมืองมรดกโลก เส้นทางกรุงเทพมหานคร – พระนครศรีอยุธยา -อุทัยธานี - เชียงใหม่ – สุโขทัย – กรุงเทพฯ

กลุ่มที่ 6 บัตรเครดิต เช่น ธนาคารกรุงเทพฯ และ KTC จัดโปรโมชั่นสิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว ทั งสะสมคะแนนและรับเครดิตเงินคืน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย

กลุ่มที่ 7 ปั๊มน้ามัน ร่วมกระตุ้นการเดินทางด้วยโปรแกรมบัตรสะสมแต้ม

กลุ่มที่ 8 ผู้ประกอบการบริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Elexa (EleX by EGAT) เครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ กฟผ.ที่กระจายเครือข่ายทั่วประเทศ สนับสนุนการเดินทางด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ทางเลือกใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กลุ่มที่ 9 แพลตฟอร์ม OTA และ DMC เช่น Local Alike, Gother, Traveloka, Grab ร่วมส่งเสริม

การขายแพ็กเกจท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ เช่น การท่องเที่ยวชุมชน, การท่องเที่ยวเชิงอาหาร,กลุ่มผู้สูงวัยใจเกินร้อย (Active Senior) กลุ่มครอบครัว และการท่องเที่ยวพร้อมสัตว์เลี้ยง

กลุ่มที่ 10 สมาคมและหน่วยงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย และสมาคมสายการบินประเทศไทย เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือแบบบูรณาการ, สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) “NARIT” ที่ร่วมผลักดันการท่องเที่ยวชมท้องฟ้ามืดหรือ Dark Sky Tourism

ขณะเดียวกัน ททท.ตลาดในประเทศ ยังได้เตรียมนำเสนอ “การท่องเที่ยวเส้นทางสีเขียว และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ปี 2569 อีก 2 กิจกรรม คือ

 


กิจกรรมที่ 1 ต่อยอดโครงการ Eco Exploration Trip การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า Season 2ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการเดินทางด้วยพลังงานสะอาด

เป็นหัวใจหลักของประสบการณ์การเดินทาง ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมกับธรรมชาติ เข้าใจบริบทของสิ่งแวดล้อม ชุมชน และแนวทางการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบในระยะยาว

กิจกรรมที่ 2 บรรจุสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านความยั่งยืนของ ททท. เช่น TTA/ STAR / CF-Hotels เป็นเส้นทางเสนอขายนักท่องเที่ยว ปี 2568 ด้านตลาดในประเทศ และฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว จะร่วมกันทำโครงการพัฒนาและยกระดับสินค้าการท่องเที่ยวมุ่งสู่ต้นแบบความยั่งยืนจังหวัดกระบี่ หรือ Krabi Prototype ตามยุทธศาสตร์จังหวัดที่มุ่งสู่ความยั่งยืน ขับเคลื่อน “กระบี่เป็นเมืองสีเขียว” ทางททท. ได้จัดกิจกรรมที่เป็นกรีน อีเวนต์กับจัดกิจกรรมเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ (Upskill/Reskill) เตรียมความพร้อมเป็นจุดมุ่งหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ททท.ในประเทศ ทั้ง 5 ภูมิภาค ได้นำเสนอขายและส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ

(Low Carbon) ต่อเนื่องมาตลอด เช่น การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Eco-Adventure) ดำน้ำ

พายเรือคายัค ปั่นจักรยาน และอื่น ๆ

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-1ปี1ครั้ง“สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-เชียงใหม่”ส่วนลด25%+OnTop

 

1 ปีมี 1 ครั้ง ช้อปส่วนลด On Top ที่ “คิง เพาเวอร์” กับการบินทริปใหญ่ เดินทางขาออก ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สนามบิน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต มอบความพิเศษให้นักเดินทางได้ช้อปฟิน 3 สาย 1.สายไม่มีเวลา 2.สายเตรียมตัวล่วงหน้า 3.สายกระเป๋าโล่ง  แล้วเตรียมไปช้อปสินค้า DUTY-FREE ที่ คิง เพาเวอร์ สนามบิน!

 

“ลดแรง 3 แผนก” น้ำหอม เครื่องสำอาง และแว่นตา ลดสูงสุด 25% พร้อมส่วนลด ON-TOP เพิ่มอีก 10%

 

พิเศษ !! เฉพาะสมาชิก POWER PASS เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ เฉพาะสินค้าแผนกน้ำหอม เครื่องสำอาง และแว่นตาที่ร่วมรายการ

 

“แจก GIFT CARD ฟรี” ที่แผนกแฟชั่น นาฬิกา และจิวเวลรี เมื่อซื้อ CASH CARD 10,000 บาท รับเพิ่ม GIFT CARD มูลค่า 4,000 บาท

 

ตลอดเดือนตุลาคม 2568 เผื่อมาสนามบินพบกับความพิเศษที่ 1 ปีมีครั้งเดียว ได้ที่ คิง เพาเวอร์ สาขาท่าอากาศยานที่ร่วมรายการ เพิ่มเติม:https://kp.group/1mKIkY

 

ข่าวที่ 2 -SURPRISE OF THE YEARที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ 17-19 ต.ค.68

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ล็อกคิวให้ร่วมสนุกกับมหกรรมช้อป SURPRISE OF THE YEAR ฉลองเดือนเกิด คิง เพาเวอร์ ช่วงไฮไลต์ 17-19 ตุลาคม 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

 

17 ต.ค. 2568 เวลา 17.30 น. เปิดตัว POWER PASS ระบบสมาชิกใหม่อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมโชว์พิเศษจาก 2 พรีเซนเตอร์ เจฟ ซาเตอร์ และอาโป ณัฐวิญญ์

 

ร่วมสนุกกับ EXCLUSIVE CHILL & TALK WITH APO NATTAWIN ลุ้นเป็น 1 ใน 50 คน ที่จะได้ชิลแบบใกล้ชิดกับ อาโป ณัฐวิญญ์ เฉพาะวันที่ 17 ต.ค. 2568 แลก 360 CARAT = 1 สิทธิ์ร่วมสนุก

 

18 ต.ค. 2568 เวลา 18.00 น. ฉลองต่อเนื่องด้วยเซอร์ไพรส์มินิคอนเสิร์ตจาก ปาล์มมี่

 

19 .ต.ค 2568 THE POWER OF LEGENDS CONCERTความมันส์ระดับ LEGENDS จาก วง NUVO และเจ เจตริน

 

เฉพาะสมาชิก POWER PASS รับบัตรฟรี! เมื่อช้อปครบที่กำหนด ความพิเศษยังไม่หมด ! เฉพาะสมาชิก POWER PASS 17 – 23 ต.ค. 68 ยิ่งช้อปยิ่งคุ้ม

 

พบกับกิจกรรมจากแบรนด์ชั้นนำและของรางวัลอีกมากมาย ที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เท่านั้น

 

ข่าวที่ 3-ข่าวดี!!ททท.ผนึกเอทิฮัดเปิดบินตรงอาบูดาบีสู่กระบี่&เชียงใหม่

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าททท.ได้ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เอทิฮัด แอร์เวย์ส์เที่ยวบิน EY424 เมื่อ9 ตุลาคม 2568 เวลา 18.40 น. เปิดบินตรงจากกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ กำหนดจะให้บริการ 7 เที่ยว/สัปดาห์ จากนั้นเอทิฮัดมีแผนจะเปิดบินตรงเพิ่ม ไป-กลับ อาบูดาบี-เชียงใหม่ เริ่ม 3 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป สอดคล้องตามยุทธศาสตร์เชื่อมโยงการท่องเที่ยวตลาดศักยภาพของไทย ด้วยกลยุทธ์ Airline Focus ขยายตลาดดาวรุ่งตะวันออกกลาง เพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินมายังไทยอีก 7,650 ที่นั่ง/เดือน และขยายขีดความสามารถการเดินทางทางอากาศมากขึ้น 16 % ส่งเสริมทั้งตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลจากตลาดยุโรปและอเมริกาด้วย

 

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางจะเลือกกระบี่เป็นจุดหมายปลายทางเพิ่มขึ้น ด้วยสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่หลากหลายตอบโจทย์กลุ่มมุสลิมตะวันออกกลางที่มีรายได้สูงและนิยมการท่องเที่ยวแบบครอบครัว ด้วยสินค้าการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน Sustainable Tourism ซึ่ง ททท.จะผลักดันโครงการ Krabi Prototype เป็นจุดหมายปลายทางอย่างยั่งยืนระดับโลก มีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ล่าสุดกระบี่ยังได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories จาก Green Destinations Foundation

 

สำหรับ “เที่ยวบินปฐมฤกษ์” ของเอทิฮัด แอร์เวย์ส เกิดจาก ททท.ร่วมมือกับ กรมท่าอากาศยาน และสายการบิน ทำแผนร่วมกันอย่างเป็นระบบทั้งการประชาสัมพันธ์และทำตลาดร่วมกัน ตั้งแต่งเชิญสื่อมวลชนและผู้ทรงอิทธิพล (Key Opinion Leader) จากประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง (GCC) เดินทางมาสำรวจเส้นทาง สร้างกระแสการรับรู้ ด้วย 3 โครงการ ได้แก่

 

โครงการ Air-mazing Thailand : The Amazing Airline FAM Trip นำผู้แทนจากทั่วโลก 22 แอร์ไลน์ส

 

เอทิฮัด แอร์เวย์สร่วมสำรวจความพร้อมและศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวสู่ปลายทางเมืองหลักและเมืองรองใหม่

 

เตรียมเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกระบี่–เชียงใหม่ เตรียมเปิดเที่ยวบิน อาบูดาบี–เชียงใหม่ จะเริ่ม 3 พฤศจิกายน 2568 บริการด้วยแอร์บัส A321LR อีก 4 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ และ อาทิตย์

 

“เอทิฮัด แอร์เวย์ส” ให้บริการบินตรง ไป-กลับ อาบูดาบี-กระบี่ 7 เที่ยว/สัปดาห์ ด้วยเครื่องแอร์บัส  A321LR ขนาดบรรทุกผู้โดยสาร 160 ที่นั่ง/ลำ ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ 9 ตุลาคม 2568 จะมีสื่อมวลชน KOLs และตัวแทนบริษัทนำเที่ยวร่วมเดินทางมาด้วย

 

ทาง ททท. สำนักงานดูไบ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทำ 3 โครงการ คือ

 

Agents FAM Trip พาตัวแทนบริษัทนำเที่ยวสำรวจสินค้าและบริการในกระบี่ เพื่อนำข้อมูลมาขยายผลเสนอขายแพจเกจต่อไป จะเดินทางเข้ามาระหว่าง 13 – 16 ตุลาคม 2568

 

KOLs FAM Trip นำ KOLs สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว “จูราสสิค เวิลด์”ในกระบี่ ระหว่างวันที่ 9 – 12 ตุลาคม 2568

 

Media FAM Trip 2025 ระหว่างวันที่ 9 – 15 ตุลาคม 2568 เพื่อสำรวจและประชาสัมพันธ์เส้นทางกระบี่และเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดเส้นทางบินใหม่ ไป-กลับ อาบูดาบี – เชียงใหม่ จะเริ่ม 3 พฤศจิกายน 2568 บริการด้วยแอร์บัส A321LR อีก 4 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ และ อาทิตย์

 

เที่ยวบินปฐมฤกษ์ อาบูดาบี-กระบี่ ททท.ได้สร้างความสำเร็จอีกขั้นผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค เพื่อกระจายรายได้สู่เมืองรองและท้องถิ่น สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการและธุรกิจต่าง ๆ ร่วมกับสายการบินนานาชาติ

 

ข่าวที่ 4-บางจากรายแรกในไทยร่วมบีไอจีนำโรงกลั่นทำCarbon Capture

 

            บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เมื่อ 7 ตุลาคม 2568 เรื่องการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กับ บีไอจี เพื่อศึกษาแนวทางการใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Utilization) ต่อยอดความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและ Mitico จากสหรัฐอเมริกา ด้วยการนำร่องในโรงกลั่นรายแรกของเมืองไทยที่ใช้เทคโนโลยี “ดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” (Carbon Captureที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง โดยได้ศึกษาแนวทางการนำคาร์บอนที่ดักจับได้ไปใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นรูปธรรม 

 

            โดยมี นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจากฯ เป็นประธานในพิธี มีนางสาวกิตติมา วงศ์แสน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามกับ นางอรลา เจริญลาภ Chief Finance Officer บีไอจี แต่ละฝ่ายมีพยานร่วมด้วยคือ ดร.เอกบดินทร์ วินิชกุล Associate Professor and Head of WREE Department / Faculty Representative สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย นายพงษ์ศักดิ์ เหลืองจินดารัตน์ Chief Strategy and Sustainability Officer บีไอจี และ ดร.เอนกประชา แก้วมณี ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจากฯ

 

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” ผ่านการศึกษาการนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับได้จากกระบวนการผลิตมาใช้ประโยชน์ เริ่มจากการใช้ “ในกระบวนการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง” สู่การศึกษาความเป็นไปได้ “เชิงพาณิชย์ตามความต้องการของตลาด” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องตามแนวทางสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 ตามแผน BCP 316 NET ของกลุ่มบริษัทบางจาก

 

แล้วโครงการนี้ยังได้ต่อยอดความร่วมมือกัน 3 ฝ่าย ระหว่าง  1.บางจากฯ 2.สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย 3.บริษัท Mitico International Sarl จากสหรัฐอเมริกา (ชื่อเดิม C-Quester) เมื่อปี 2566 ได้ร่วมดำเนินโครงการทดสอบต้นแบบเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Technology Pilot Unit) โดยใช้เทคโนโลยีจากบริษัท Mitico ทดสอบต้นแบบการดักจับคาร์บอนจากกระบวนการผลิตในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง

 

จนนำมาสู่ความร่วมมือกับ “บีไอจี” ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของไทย และเมื่อปี 2564 ยังเป็นหนึ่งใน 11 องค์กรผู้ร่วมก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ สะท้อนความมุ่งมั่นของบางจากฯ รุกพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม อีกทั้งร่วมขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของไทย ตามที่รัฐบาลประกาศจะเร่งบรรลุเป้าหมายใหม่ให้เร็วขึ้นเป็นปี 2593 จากเดิมปี 2608 

 

 

ข่าวที่ 5-TCEBหนุนยี่เป็งเชียงใหม่สู่แฟล็กชิพอีเวนต์ผงาดWorld Festival

 

นางสาวปาริฉัตร เศวตเศรนี ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ทำหน้าที่ฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเว้นท์และเทศกาลนานาชาติ ร่วมงานแถลง “Yi Peng Lanna Light Festival 2025” จัดต่อเนื่องปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2568 ทีเส็บได้ร่วมสนับสนุนเทศกาล “ยี่เป็งเชียงใหม่” เติบโตสู่ “แฟลกชิพอีเวนต์หลัก” ของภาคเหนือ (ตามโร้ดแมพ 5 ปี 2565–2569 เพื่อเสริมพลังให้เชียงใหม่โดดเด่นในฐานะ World Festival & Event City พร้อมผลักดันโมเดล “เชียงใหม่ 12 เดือน 12 เทศกาล” เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดทั้งปี

 

มุ่งต่อยอด “เทศกาลยี่เป็ง” เป็น “ทุนทางวัฒนธรรมล้านนา” ภายใต้แนวคิด “ล้านนา บูชา และแสงไฟ” (Chiang Mai Two Moon) ที่นำเสน่ห์การบูชา “ประทีปเดือนสิบสอง” มาสู่ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ โดยมีความร่วมมือจากพันธมิตรสำคัญ เช่น สมาคมการค้าวิศิษฏ์ล้านนาเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว ททท.เชียงใหม่ CU Social Design Lab เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่

 

“ความสำเร็จ” เทศกาลยี่เป็งได้การยอมรับระดับเอเชีย ด้วยรางวัล Asia Festival Award 2025 สาขา Asia World Heritage City and Festival และ Asia Pinnacle Awards อีก 2 รางวัล ได้แก่

 

Best Event Program และ Best PR & Marketing พร้อมเตรียมต้อนรับการประชุมใหญ่ IFEA Asia Pinnacle Awards & Asia Festival City Conference 2026 จะจัดขึ้นในเชียงใหม่ ตอกย้ำสถานะ “เมืองเทศกาลโลก” อย่างแท้จริง

 

เทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ 2568 จะจัดขึ้นระหว่าง 3–6 พฤศจิกายน 2568 เชิญทุกคนมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ “เมืองแห่งแสงไฟ” ผ่านกิจกรรมมากมายตลอดเทศกาล

ตลอดเทศกาล “ยี่เป็ง เชียงใหม่” มีไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาด ดังนี้

 

Yi Peng Cultural Night Walk 3–5 พ.ย.เดินชมเส้นทางกลางเมืองในธีม “ล้านนา บูชา และแสงไฟ”

 

ต๋ามผางปะตี้ด ส่องฟ้า ฮักษาเมือง ครั้งที่ 14 (3 พ.ย.) จุดผางประทีปนับหมื่นดวงรอบคูเมือง พร้อมขบวนช่างฟ้อนกว่า 500 คน

 

ขบวนรถยี่เป็งสุดอลังการ (6 พ.ย.) โดยเทศบาลนครเชียงใหม่

 

Yi Peng Journey Package & Yi Peng Passport (ต.ค.–พ.ย.) รวมแผนที่เที่ยวและโปรโมชั่นพิเศษจากภาคเอกชน

 

          ช่วงที่ 2 เตรียมเที่ยวงานเดือนเพ็ญสิบสอง กับประสบการณ์ความสุข “ลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง ริมแม่น้ำปิง จ.ตาก แล้วฟัง “กินอาหารไฟเบอร์สูง” มีประโยชน์และคุณค่ากับร่างกาย ตามด้วยข่าวฮ็อต ข่าวแรก “ไมเนอร์เปิดใหม่ เอ็นเอช มัลดีฟส์ รีธี รีสอร์ต” ที่พักหรูกลางทะเล ข่าวที่สอง “ไทยงัดใช้ Green Production” กับกองถ่ายหนังต่างชาติเน้นความยั่งยืน

 

ท่องเที่ยว –เช็คอินความสุขลอยกระทงสาย1,000ดวงแม่น้ำปิง จ.ตาก

 

เทศกาลความสุขเที่ยวเมืองไทย เตรียมตัวไปเที่ยวงานประเพณี “ลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวง” 2-5 พฤศจิกายน 2568 ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก นำเสนอมรดกทางภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถูกสืบทอดสู่ความเป็นอัตลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจชาวเมืองตาก กับประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่ช้านานเพื่อเป็นการขอขมาต่อแม่น้ำปิง เมื่อนำกระทงลอยลงแม่น้ำปิง กระทงจะลอยต่อเนื่องกันเป็นสายตามธรรมชาติ

 

ภาพความงดงามตระการตายามค่ำคืน แสงกระทงลอยต่อเนื่องกันบนสายน้ำปิง บ่งบอกถึง“แสงแห่งศรัทธา” ที่ส่องสะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธา วิถีวัฒนธรรรม และการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีให้คงอยู่สืบต่อไป

 

นักท่องเที่ยวเตรียมชม ขบวนแห่อัญเชิญพระประทีปพระราชทาน ขบวนแห่สายกระทงทั้ง 8 สาย ขบวนแห่เรือ กิจกรรมทางศาลนา การวัดวาสะเดาะเคราะห์ กิจกรรมลานภูมิปัญญากระทงสาย (ท่าลอยกระทงสาย)

 

“ลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง” เป็นงานประเพณีที่นำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ภูมิปัญญาชาวบ้านและงานศิลปวัฒนธรรม ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ชาวเมืองตากนำเอามะพร้าวมาแปรรูปทำเป็น "เมี่ยง" เป็นอาหารว่างกินหลังอาหาร มีมะพร้าว ถั่วลิสง ใบเมี่ยงหมักเป็นส่วนประกอบหลัก

 

“กรรมวิธี” การแปรรูปมะพร้าวเป็น "เมี่ยง" ใช้การขูดเอาเฉพาะเนื้อมะพร้าวมาทำ ส่วนกะลามะพร้าวถูกทิ้งไว้ในบริเวณบ้านเป็นจำนวนมากไม่ได้นำเอามาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ พอถึงวันเพ็ญวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ประมาณเดือนพฤศจิกายน

 

ชาวบ้านจึงได้ทดลองนำกะลาด้านที่ไม่มีรูขัดถูจนสะอาดตกแต่งลวดลายสวยงาม มาทำเป็นกระทง ใส่ด้ายดิบฟั่นเป็น รูปตีนกา แล้วหล่อ เทียนขี้ผึ้ง ซึ่งนำมาจากเทียนจำนำพรรษาที่พระสงฆ์จุดเพื่อทำพิธีสวดมนต์ในโบสถ์วิหารตลอด 3 เดือน หลังจากออกพรรษาชาวบ้านจะนำเทียนขี้ผึ้งเหล่านั้นมาหล่อใส่ในกะลา ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิริมงคลก่อนจะนำไปลอยในแม่น้ำปิง กะลาจะไหลไปตามร่องน้ำ เป็นสายต่อเนื่องพร้อมส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องน้ำ

 

เชิญชวนสายฟิน สายวัฒนธรรม ร่วมลอยกระทงสาย ไหลประทีป 1000 ดวง แม่น้ำปิง จังหวัดตาก เช็คอินความสุขได้ 3-5 พฤศจิกายน 2568

 

สุขภาพ –กินอาหารไฟเบอร์สูงพอเหมาะ 25-38กรัมได้ประโยชน์มีคุณค่า

ไฟเบอร์หรือใยอาหาร (Fiber) เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ โดยไฟเบอร์สามารถแยกออกได้เป็น 2 ชนิดคือ ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำที่ช่วยลดไขมันและระดับน้ำตาลในเลือดได้ พบมากในข้าวโอ๊ต แอปเปิ้ลและแครอท และไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำที่ช่วยลดเพิ่มการทำงานของระบบขับถ่ายและเพิ่มปริมาณอุจจาระ โดยไฟเบอร์ชนิดนี้จะพบได้มากในรำข้าวสาลี ถั่วเขียวและมันฝรั่ง 

 

ยิ่งไปกว่านั้น อาหารไฟเบอร์สูงยังเป็นอาหารที่จะมีส่วนประกอบของวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ช่วยควบคุมน้ำหนักโดยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการกินอาหารมากเกินไปและป้องกันอาการหิวระหว่างมื้ออาหารในแต่ละมื้อ ช่วยบรรเทาและป้องกันการเกิดอาการท้องผูก รวมทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวานและโรคมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย 

 

@อาหารไฟเบอร์สูงและการกินในปริมาณที่เหมาะสม ตัวอย่างอาหารไฟเบอร์สูงที่หาได้ทั่วไป ได้แก่ 

 

ผลไม้สด อย่างกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม ส้มเขียวหวาน มะม่วง สตรอเบอร์รี่ อะโวคาโด แอปเปิ้ล 

 

ผักสด เช่น บีทรูท บร็อคโคลี แครอท ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า ผักบุ้งจีน มะเขือเทศ และผักโขม เป็นต้น

 

ถั่ว อย่างอัลมอนด์ ถั่วแระ ถั่วแดง ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่ ถั่วขาว ถั่วดำ หรือถั่วเลนทิล (Lentils)

 

ธัญพืช อาทิ ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ ควินัว หรือเมล็ดเจีย (Chia Seeds) 

 

อาหารแปรรูป อย่างซีเรียลอาหารเช้า ธัญพืชอัดแท่ง โยเกิร์ตหรือไอศกรีมบางประเภท

 

อาหารเสริม อย่างเทียนเกล็ดหอย (Psyllium Husk) หรือกัวร์กัม (Guar Gum)

 

“กรมอนามัย” กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำปริมาณการกินไฟเบอร์ไว้ “ผู้ใหญ่ 25–38 กรัม/วัน ส่วน “เด็ก”ควรได้รับสามารถคำนวนได้จากการนำอายุปีบวก 5 และจะมีหน่วยเป็นกรัมต่อวัน และผู้สูงอายุควรได้รับไฟเบอร์ทุกวันเพื่อป้องกันการเกิดอาการท้องผูก 

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –ไมเนอร์เปิดใหม่ที่พักหรู“เอ็นเอช มัลดีฟส์ รีธี รีสอร์ต”18ธ.ค.68

 

 

ไมเนอร์ โฮเทลส์ กลับมาเปิดให้บริการ เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธี รีสอร์ท ใหม่อีกครั้งเริ่มตั้งแต่ 18 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมมอบประสบการณ์การเข้าพักผสานเสน่ห์มัลดีฟส์ดั้งเดิมอย่างลงตัวความสะดวกสบายร่วมสมัยในอะทอลล์สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง เดิมมักคุ้นกับชื่อเดิม รีธี บีช รีสอร์ท ตอนนี้กำลังปรับปรุงขั้นตอนสุดท้ายแปลงโฉมเป็น “เอ็นเอช คอลเลคชั่น มัลดีฟส์ รีธี รีสอร์ท” ทั้งวิลล่า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ทั้งหมด โดยได้รักษาความงดงามทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเกาะไว้

 

“ที่ตั้ง” รีสอร์ตแห่งนี้อยู่ในบาอะทอลล์ เขตสงวนชีวมณฑลของยูเนสโก (UNESCO Biosphere Reserve) นั่งเครื่องบินน้ำเดินทางจากสนามบินนานานาชาติเวลานาเพียง 35 นาที ซึ่งอยู่ห่างจาก “ฮานิฟารู”ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที เพื่อไปยังอ่าวที่มีชื่อเสียงกระเบนราหู ปลาฉลามวาฬ และเต่า

 

“บริการที่พัก” มีวิลล่าทั้งหมด 105 หลัง แบบริมชายหาดและกลางน้ำ ออกแบบอย่างพิถีพิถันผสมผสานเสน่ห์วิถีมัลดีฟส์ดั้งเดิมเข้ากับความสะดวกสบายสมัยใหม่ เปิดให้ผู้เข้าพักที่เลือก “บีช วิลล่า” ตื่นขึ้นมารับวิวทะเลอันงดงามและสัมผัสการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติห่างจากชายหาดเพียงไม่กี่ก้าว รวมทั้งมี “วิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำ” ส่วนตัวอีก 16 หลัง ให้ผู้เข้าพักได้เพลิดเพลินกับการแช่น้ำในบรรยากาศส่วนตัวอย่างสะดวกสบาย

 

ด้านเหนือของเกาะคือที่ตั้งของวิลล่าเหนือน้ำบนทะเลสีฟ้าใส พร้อมระเบียงส่วนตัวที่เปิดรับวิวพาโนรามา เหมาะอาบแดดในเวลากลางวัน หรือนอนชมดาวส่องประกายยามค่ำคืน ท่ามกลางความเงียบสงบ

 

“ร้านอาหารและบาร์” ภายในรีสอร์ตแห่งนี้มีทั้งหมด 7 แห่ง คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน แต่ละร้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ผู้เข้าพักเลือกเพลิดเพลินได้หลากหลายจาก 3 ห้องอาหารหลัก ได้แก่ 

 

1.Alifaan ร้านอาหารริมชายหาดสไตล์กริลล์ที่โดดเด่นด้วยการปรุงอาหารบนเตาถ่าน

 

2.Kaiyo ห้องอาหารกลางน้ำที่ผสานเสน่ห์ของท้องทะเล ท้องฟ้า และศิลปะการปรุงอาหารเอเชียเข้าด้วยกัน

 

3.Jumla ห้องอาหารที่เสิร์ฟอาหารตลอดทั้งวัน นำเสนอรสชาติจากทั่วโลกควบคู่กับวัตถุดิบสดใหม่จากเกาะ

 

“อาหารว่างและเครื่องดื่ม” ผู้ที่ต้องการของว่างและเครื่องดื่มสไตล์ทรอปิคอลริมสระ เลือกผ่อนคลายได้ที่ Madumaithri บาร์อินฟินิตี้พูลใหม่ริมชายหาด

 

“ดื่มด่ำเมนูสุขภาพ” เหมาะกับทุกวัยที่ Aqua Bar ข้างสระว่ายน้ำหลักของรีสอร์ท เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แขกผู้เข้าพักสามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้ที่บาร์ริมทะเล 

 

Atardecer ห้องอาหารอีกแห่งที่เหมาะมากในช่วงเวลาชมพระอาทิตย์ตกดิน จะเสิร์ฟทาปาส ค็อกเทลและเครื่องดื่มหลากหลาย

 

บารัม Handhuvaru อีกหนึ่งมุมลับบนเกาะที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดดเด่นด้วยบรรยากาศสงบหรูหรา เหมาะกับผู้มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษ

 

ไวน์เซลลาร์ ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้ Fine Dining พาแขกออกเดินทางบนเส้นทางรสชาติอันประณีต หรือจะเลือก 

 

Adrift เลือกรับประทานอาหารแบบส่วนตัวในบรรยากาศกลางแจ้งสุดพิเศษของรีสอร์ทได้เช่นกัน

 

“กิจกรรมสัมผัสเสน่ห์ธรรมชาติ” อันงดงามเพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่มีชีวิตชีวาทั้งบนบกและในน้ำ ผู้เข้าพักสนุกกับกิจกรรมความสุขต่าง ๆ ได้แก่

 

“การดำน้ำตื้น” ตามแนวปะการังรอบเกาะบ้านของปลาหลายสายพันธุ์ หรือ

 

“เลือกทริปดำน้ำ” บริเวณอ่าวฮานิฟารู ตื่นตากับการชมกระเบนราหู ปลากระเบน ฉลามวาฬ

 

“กีฬาทางน้ำ” มีอีกหลายความสนุกให้ผู้ที่รักการผจญภัยและกิจกรรมทางน้ำได้เลือก เช่น เจ็ตสกี เวคบอร์ด ฟลายบอร์ด คายัค วินด์เซิร์ฟ ไฮโดรไบค์ และสแตนด์อัพพายบอร์ด

 

“บริการสุขภาพ” 1.REVIVE Spa ได้ปรับโฉมสปาใหม่ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ผู้เข้าพักสามารถเลือกผ่อนคลายริมชายหาดหรือสระว่ายน้ำหลัก 2.แอทีฟทิวิตี้ เซ็นเตอร์” มีฟิตเนส ห้องเกมส์ คิดส์คลับ สนามเทนนิส แบดมินตัน วอลเลย์บอล และพิคเคิลบอล

 

สอบถามเพิ่มหรือสำรองห้องทาง world.nh-hotels.com/en/nh-collection-maldives-reethi

 

 

ข่าวที่สอง ไทยงัดใช้Green Productionกองถ่ายหนังต่างชาติเน้นความยั่งยืน

 

            กองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ได้เร่งเดินหน้านโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านแนวคิด “Green Production” หรือ การผลิตภาพยนตร์อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม มุ่งส่งเสริมให้กองถ่ายต่างประเทศที่เดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยปฏิบัติตามแนวทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ดูแลรักษ์โลก

 

จึงได้ผลักดัน “Green Production” เน้นเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้การถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในเมืองไทยปฏิบัติภายใต้ “มาตรฐานสากลด้านความยั่งยืน” ครอบคลุมทั้ง 5 เรื่อง ได้แก่  1.การจัดการพลังงาน 2.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3.เลือกใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 4.ลดขยะพลาสติกและ 5.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่ “Green Filming Destination” จุดหมายปลายทางสีเขียวแห่งการถ่ายทำภาพยนตร์

 

ล่าสุดกองกิจการภาพยนตร์ต่างประเทศ ได้หารือแนวทางความร่วมมือกับ Mr. Glenn Gainor หนึ่งในกรรมการบริหารของ Environmental Media Association (EMA) องค์กรที่มีภารกิจสำคัญเพื่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงให้ตระหนักรู้และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนการผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ โดย EMA เป็นผู้นำการพัฒนาแนวทาง “Green Seal” หรือ “มาตรฐานรับรอง” กองถ่ายสีเขียว และ “Gold Seal” ที่ได้การยอมรับจากสตูดิโอภาพยนตร์และผู้ผลิตระดับโลกจากฝั่งฮอลลีวู้ด

 

ผลการหารือครั้งนี้นับเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาศึกษาและจัดทำแนวทางการจัดการ Green Production ให้สอดคล้องกับบริบทของไทย โดยให้ได้การยอมรับจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลกด้วย

 

สำหรับแนวคิด Green Production จะผลักดันได้มากกว่าลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถประเทศไทยทางการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ได้ด้วย เพราะกองถ่ายทั่วโลกจำนวนมาก จากยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้กำหนด “นโยบายด้านความยั่งยืน” บรรจุไว้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการเลือกประเทศจุดหมายปลายทางการถ่ายทำ ไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ผลิตต่างชาติ ถึงศักยภาพของประเทศสามารถรองรับการถ่ายทำระดับโลกแบบครบวงจร ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และความรับผิดชอบต่อโลก

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศูนย์สิริกิติ์-SCIecoโดยSCGร่วมแปลงขยะเป็นพลังงานRDFทำโมเดลจัดการขยะอุตฯไมซ์สู่ศูนย์ประชุม Net Zero ปี’93

ศูนย์สิริกิติ์- SCIeco โดย SCG ร่วมแปลงขยะเป็นพลังงาน RDF ชูโมเดลจัดการขยะอุตฯไมซ์สู่ผู้นำศูนย์ประชุม Net Zero ปี ’93 ศูนย์การประชุมแห่งชา...