วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ปาริฉัตร เศวตเศรนี TCEBหนุนเมกะอีเวนต์เฟสติวัล15งานปลายปี68ยกชั้นเทศกาลไทยสู่ตลาดโลก

 


ปาริฉัตร เศวตเศรนี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ 

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” 

TCEBหนุนเมกะอีเวนต์&เฟสติวัลจัดกระหึ่มปลายปี 15 งาน

บูม12 เทศกาลระดับชาติ+ไทยเจ้าภาพจัดยิ่งใหญ่ 3 งานโลก

เร่งยกชั้นเฟสติวัลไทยโกอินเตอร์-ลุยชิงงานWorld Pride2030

คิงเพาเวอร์ชวนฉลองเดือนเกิดแจก“ตั๋วบิน-ส่วนลด-ของแถม”

กะรัตรีวอร์ดมีค่าแลกรับส่วนลดแบรนด์และสิทธิพิเศษเพียบ

ททท.ปลื้มQ4/68แอร์ไลน์โลกแห่บินเข้าไทย-จีนมากสุด731เที่ยว

“บางจาก”ร่วมภาคีดันตลาดคาร์บอนเครดิตในอาเซียนสู่สากล

TCEBเล่นบทใหม่System Integrator/Omni-stakeholder Industry

ชมโขนแห่งปีตอน“สัตยาพาลี”ที่ศูนย์วัฒนธรรม 6 พ.ย.-8 ธ.ค.

7 สัญญาณที่บ่งบอกการนอนหลับไม่สนิทกับรับมือด้วย 8 วิธี

Scoot ลุยเปิดบินไฮซีซั่นพุ่งเป้าขยายตลาดใหญ่“อินโดฯ-ไทย”

ไมเนอร์โฮเทลส์-ซันไรซ์ตั้งบริษัทในอียิปต์10ปีหน้าเปิด50 รร.

วันอาทิตย์ 19 ตุลาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  #ชมโขนแห่งปีตอนสัตยาพาลี

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/1FzDNtDCbo/  

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นางสาวปาริฉัตร เศวตเศรนี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เดินหน้าหนุนเต็มเหนี่ยวเมกะอีเวนต์กับเฟสติวัล 2 กลุ่มใหญ่ “งานในประเทศ-ดึงทั่วโลกมาจัดในไทย” ปลายปี 68 จัดกระหึ่ม 15 งาน ไฮไลต์ “ระดับประเทศ” 12 งาน เร่งยกชั้นออกขายในตลาดสากล และเจ้าภาพจัดรายการใหญ่ “ระดับโลก” อีก 3 งาน “E-Sport ที่กรุงเทพฯ /World Spartan ที่เชียงใหม่ /World Inter Pride Conference ที่ภูเก็ต” เตรียมใช้เวที World Inter Pride Conference ปี’68 นำเสนอข้อมูลชิงเจ้าภาพ World Pride 2030 ปี’73 เลือกมาจัดในกรุงเทพฯ หนึ่งในมหกรรมบิ๊กอีเวนต์โลกที่จะมีทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาไทยหลายล้านคน

 

นางสาวปาริฉัตร เศวตเศรนี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผยว่า ทีเส็บพร้อมจะเข้าไปสนับสนุนงานเทศกาลระดับประเทศและนานาชาติ (National &International Festival) ซึ่งไทยมีศักยภาพความพร้อมรองรับการจัดอีเวนต์และเทศกาลขนาดใหญ่ โดยมีไมซ์เป็นสะพานเชื่อมส่งเสริมและสนับสนุนหลัก ๆ  2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 งานในประเทศที่ร่วมกันพัฒนาจนมีชื่อเสียงติดตลาด กลุ่มที่ 2 งานจากทั่วโลกที่ไปประมูลแข่งกับประเทศอื่น ๆ เพื่อเลือกนำมาจัดในไทย ประกอบด้วย


กลุ่มที่ 1 ผู้จัดในไทยได้ริเริ่มจัดแต่ละงานขึ้น แล้วพัฒนาต่อยอดจนกระทั่งกลายเป็นอีเวนต์รายการใหญ่ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ระดับภาคไปจนถึงประเทศ ช่วงปลายปี 2568 ทีเส็บจะเข้าไปสนับสนุนรวมกว่า 12 งาน ดังนี้

 


งานที่ 1  Bangkok Illustration Fair 2025 ปีที่ 5 จะจัดระหว่าง 23-26 ตุลาคม 2568 ที่ เซ็นทรัล เวิลด์ PULSE ชั้น 7 เป็นการรวมตัวของเหล่าอีลลาสเตรเตอร์ต่าง ๆ ขยายจาก 5 ประเทศ มาถึงปัจจุบันจะมีผู้เดินทางมาร่วมถึง 30 ประเทศสามารถยกระดับเป็นเทศกาลอินเตอร์ได้เลย มีศิลปินนานาชาติเข้ามาร่วมแล้วทีเส็บเคยพาไปแลกเปลี่ยนกันโดยตรง และจับมือกับ Bologna Children's Book Fair – BCBF งานแสดงหนังสือเด็กระดับนานาชาติใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เมืองโบโลญญา อิตาลี

งานที่ 2 “Chiang Mai Design Week 2025” จัดระหว่างวันที่ 6 - 14 ธันวาคม 2568 กระจายในหลายพื้นที่ทั่วจังหวัดเชียงใหม่

ทีเส็บได้สนับสนุนงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA :Creative Economy Agency แต่ละปีจะจัดงาน Design Week รวม 4 อีเวนต์ ได้แก่ 1.แบงค็อก ดีไซน์ วีค 2.เชียงใหม่ ดีไซน์ วีค 3.ปักษ์ใต้ ดีไซน์ วีค 4.อีสาน ครีเอทีฟ เฟสติวัล ทุกงานเป็นระดับนานาชาติ กระจายจัดตามจังหวัดต่าง ๆ ให้กลุ่มนักออกแบบได้มีส่วนร่วม เป็นสาขาเทศกาลสร้างสรรค์ตามภูมิภาคต่าง ๆ

 


งานที่ 3 Thailand RICE Fest 2025 วันที่ 4-7 ธันวาคม 2568 ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 11 เมืองทองธานี เป็นงานเทศกาลข้าวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จะรวบรวมข้าวใหม่และสินค้าข้าวสร้างสรรค์ ซึ่งจะจัดคู่กับ งาน Thailand Coffee Fest 2025 ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจกาแฟทุกภูมิภาคของประเทศมารวมตัวกัน ทั้ง 2 งาน ประสบความสำเร็จเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรที่แข็งแรง เพราะมีทั้งตลาดที่มีความต้องการสินค้า กับการจับคู่เจรจาธุรกิจ มีศักยภาพสูงสามารถยกระดับเป็นระดับนานาชาติได้

งานที่ 4 Ceramics Art fair 2025 จะจัดเดือนธันวาคม 2568 เลือกจัดในพื้นที่แสดงศิลปะอัตลักษณ์เฉพาะที่ได้รับความนิยมอย่าง กาลิเลโอเอซิส (GalileOasis) หรือในชุมชนเซรามิก เป็นงานที่เติบโตแข็งแรงมากขึ้น ภายในตุลาคม 2568  ทีเส็บจะลงพื้นที่

งานที่ 5 PUBG Mobile Global Championship งาน e sport ชิงแชมป์งานนี้จัดครั้งแรกที่ไทย 28พฤศจิกายน -14 ธันวาคม 2568

งานที่ 6 APCOM Community Summit จัดขึ้นวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2568 ที่กรุงเทพฯ

งานที่ 7 TGU 2025 วันที่ 8 – 30 พฤศจิกายน  ที่ เดอะ พอร์ทอล บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เตรียมพบกับการแข่งขันสุดเดือดจากสองเกม

งานที่ 8 Awakening Bangkok 2025 จัดช่วง 28 พฤศจิกายน -7 ธันวาคม 2568

งานที่ 9 The 2025 Pattaya Spartan Trifecta Weekend & HH 24HR Presented By TOA ออกสตาร์ทพร้อมกัน วันที่ 29-30 พฤศจิกายน นี้ ที่ วิสดอม วัลเลย์ พัทยา



งานที่ 10 Thailand Biennale 2025 จัดวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568-30 เมษายน 2569 ที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แนวคิด "นิรันดร์กัลป์" ในพื้นที่หลัก 3 โซน ได้แก่ ย่านเมืองเก่า, อำเภอกะทู้ และแหลมพรหมเทพ

งานที่ 11 Raid Amazones Thailand 2025 จะจัดวันที่ 29 พฤศจิกายน-9 ธันวาคม 2568 ที่ขึ้นที่ จังหวัดกาญจนบุรี

งานที่ 12 Wonderfruit 2025 จัดวันที่ 11-15 ธันวาคม 2568 ที่ เดอะ ฟิลด์ส สยาม คันทรีคลับ จังหวัดชลบุรี พบกับเทศกาลดนตรีนานาชาติ มีกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางจากทั่วโลกมาร่วมอย่างคับคั่ง



กลุ่มที่ 2 ดึงงานจากทั่วโลกเข้ามาจัดในเมืองไทย โดยทีเส็บและพันธมิตรที่เกี่ยวข้องแต่ละงานร่วมมือกันไปประมูลงานแข่งขันกับนานาประเทศทุกปี ในปี 2568 มีงานนานาชาติยอดนิยมที่ไทยชนะการประมูลเตรียมมาจัดอีก 3 งาน ได้แก่

งานที่ 1 มหกรรมการแข่งขัน E-Sport มีผู้แข่งขันจากทั่วโลกเดินทางมาไทยเป็นจำนวนมาก ไฮไลต์ทางTencent จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาจัดแข่งขัน World Championship ตั้งแต่ 24 พฤศจิกายน-14 ธันวาคม 2568 รอบชิงชนะเลิศชิงแชมป์โลกที่พารากอน คาดจะมีทั้งผู้เข้าแข่งขันและแฟนเบสต์มาหน้างาน รวมกว่า 10,000 คน แล้วยังมีผู้ติดตามชมทางออนไลน์อีกกว่า 55 ล้านคน แล้วยังได้สร้างแบรนด์ให้เมืองไทยด้วย โดยผู้เข้าร่วมได้ช่วยกันแชร์สถานที่จัดงานคือ กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ต่าง ๆ ให้คนทั่วโลกรับรู้เพิ่มมากขึ้น

 


งานที่ 2 World Spartan การแข่งขันวิบากมาราธอนโลกที่ไทยสามารถประมูลชนะนำมาจัดได้ต่อเนื่องถึง 3 ปี ที่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย ต่อเนื่อง 3 ปี ระหว่างปี 2569-2571

งานที่ 3 ประชุม InterPride General Meeting & World Conference – GM&WC ประจำปี 2026 ระหว่าง 26–31 ตุลาคม 2569 ทีเส็บและชุมชนไพรด์ประเทศ กับสมาคมนฤมิตรผู้จัดงานพาเหรดและงานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลไพรด์ ส่งเสริมความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ร่วมกันประมูลงานดังกล่าวแข่งกับมาจัดในไทย ขณะนี้สมาคมอันดามันพาวเวอร์ภูเก็ต ร่วมกับ Bangkok Pride และมูลนิธิเพื่อสิทธิและความยุติธรรมทางเพศ (FOR-SOGI) ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจาก “InterPride” องค์กรเครือข่ายผู้จัดงานไพรด์ทั่วโลกที่มาสำรวจภูเก็ต 16–18 ตุลาคม 2568 สถานที่จัดงาน ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ 

 

แล้วทีเส็บจะได้ใช้การจัดงาน InterPride Conference ครั้งแรกในเอเชียที่ภูเก็ต นำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อผลักดันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด World Pride 2030 ปี 2573 ที่กรุงเทพฯ  เนื่องจากการจัดงานตลอดทั้งเดือนจะมีผู้เข้าร่วมหลักล้านคน

นางสาวปาริฉัตร กล่าวว่า ตอนนี้ทาง ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการทีเส็บ ยังได้ให้นโยบายเร่งศึกษางานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ พร้อมจะเป็นเมกะอีเวนต์และเทศกาลต่าง ๆ ทั้งของไทยและนานาชาติ ควบคู่กับจัดเตรียมข้อมูลความพร้อมเที่ยวบิน ที่พัก การเดินทาง การขนส่งครบวงจร เพื่อส่งเสริมการจัดอีเวนต์และเฟสติวัลระดับประเทศและนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ โดยทีเส็บพร้อมจะนำไมซ์ร่วมสร้างเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ให้มีความแข็งแกร่งยั่งยืนครบทุกด้านในระยะยาว

ส่วนการสนับสนุนจากภาครัฐและพันธมิตรเกี่ยวข้อง ในส่วนการพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนต์และเทศกาล จะเน้นเรื่องเตรียมพร้อมรับงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่จะส่งเสริมเฟสติวัลให้ยั่งยืน โดยขอความร่วมมือสนับสนุน 2 ด้าน ได้แก่ 1.การดึงงานจากทั่วโลกเข้ามาจัดในไทย 2.ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของเฟสติวัลในไทยร่วมกันพัฒนาแต่ละงานเติบโตมากขึ้น เพื่อจะได้สร้างมาตรฐานสากลแล้วนำงานต่าง ๆ ของคนไทยไปขายในตลาดต่างประเทศทั้งระดับนานาชาติและระดับโลกได้ด้วย

ขณะที่หน่วยงานรัฐ ระดับกระทรวง หรือเอกชนในภาคอุตสาหกรรม ก็สามารถที่จะร่วมกันสนับสนุนทุกส่วนเพื่อนำงานเมกะอีเวนต์ และเฟสติวัล มาจัดในไทย ดึงดูดคนไทยและนานาชาติเข้ามาในเมืองไทย เพิ่มจำนวนงานและรายได้เข้าประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องในอนาคต

ฟังข่าวต้นชั่วโมง


ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ชวนฉลองเดือนเกิดลุ้นรับฟรี“ตั๋วบิน-ส่วนลด-ของแถม

คิง เพาเวอร์ นำเสนอ DELIGHTS & SURPRISES : Our Birthday, Your Rewards มอบดีลพิเศษฉลองเดือนเกิดด้วยความสุขไปพร้อมกับลูกค้าคนสำคัญทุกคน ช้อปปิ้งแบบประหยัดกว่าใครได้เลยที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”  วันนี้ -23 ตุลาคม 2568 ลดสูงสุด 36% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทรหัสส่วนลด 36DS36

ช้อปได้ครบทุกหมวดหมู่ ทั้งแฟชั่น บิวตี้ แกดเจ็ต ไลฟ์สไตล์ และอีกมากมาย “ราคาคุ้มค่าที่สุด” มาเติมเต็มลิสต์ช้อปปิ้งก่อนบินของได้เลย อย่ารอช้า ช้อปแล้วรอรับสินค้าที่สนามบิน

“รับความพิเศษ”   

1.TOP SPENDER OF OCTOBER 2025  FREE!

“ตั๋วเครื่องบิน” ชั้นประหยัด ไป-กลับ จาก อีวีเอ แอร์ 1 รางวัล 1 ที่นั่ง จากกรุงเทพฯ ไปยังปลายทางใดก็ได้ของอีวีเอแอร์ที่บินทั่วโลก

2.ลูกค้าที่มียอดช้อปออนไลน์สะสมสูงสุดตลอดทั้งเดือนตุลาคม 2568

-FREE! ทุกออร์เดอร์ รับส่วนลด 15%  เมื่อซื้อบัตรเข้าชม มหานคร สกายวอล์ค และ SkyVerse

แจกส่วนลด วันนี้- 30 พฤศจิกายน 2568 และใช้ส่วนลดวันนี้-20 ธันวาคม 2568

-FREE! รับกระเป๋าผ้า King Powerเมื่อช้อปครบ 20,000 บาท ขึ้นไป (สุทธิ) จำกัด 36 ชิ้น เท่านั้น แจกวันนี้ -23 ตุลาคม 2568

-FREE! ทุกออร์เดอร์ รับ ยาดม PASTEL CREATIVE (คละกลิ่น ไม่สามารถเลือกได้)​ และ ทองม้วน KING POWER ROLL รส Original 15G.(ของแถมมีจำนวนจำกัด) แจกวันนี้- 31 ตุลาคม 2568



ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์แจกกะรัตรีวอร์ดรับส่วนลดแบรนด์และสิทธิพิเศษ

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดพิเศษ !! วันนี้-23 ตุลาคม 2568  แจกโพยแลก CARAT REWARDS ให้คุ้มที่สุดแห่งปีที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ฉลองเดือนเกิด คิง เพาเวอร์ สมาชิก POWER PASS แลกเริ่มต้นเพียง 36 CARAT (จากปกติ 100 CARAT)

 

“รับส่วนลดและสิทธิพิเศษ” อื่นๆ อีกมากมายจากพันธมิตรแบรนด์อินเตอร์ดังชั้นนำอย่าง แอร์เอเชียAIS โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โรงพยาบาลวิมุต Generali, The Klinique, KOI The, LABX, Peace Oriental Teahouse โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ รางน้ำ สตาร์บรั๊ค QQ Dessert YUZU Group และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ข่าวที่ 3-ททท.ปลื้มQ4/68แอร์ไลน์โลกแห่บินเข้าไทย-จีนบินมากสุด731เที่ยว

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เร่งเดินหน้ากลยุทธ์ Airline Focus ต้อนรับไตรมาส 4 ปี 2568 มีสายการบินระหว่างประเทศจาก เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ อาเซียน ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกา เพิ่มเส้นทางบิน ความถี่เที่ยวบินและจำนวนที่นั่ง จากประเทศต้นทางเข้าสู่ไทย เป็นสัญญาณตลาดต่างประเทศเที่ยวไทยจะเติบโตปลายปีนี้ดีขึ้น ควบคู่กับทำโครงการ Thailand Summer Blast กระตุ้นสายการบินเช่าเหมาลำจากเมืองรองของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเพิ่มทั้งจำนวนและรายได้มากขึ้นด้วย

 

ททท.ใช้กลยุทธ์ Airline Focus ส่งเสริมความร่วมมือและทำตลาดร่วมกับสายการบินนานาชาติ ทั้งแบบเที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำในโครงการ Thailand Summer Blast มุ่งกระตุ้นและฟื้นฟูการท่องเที่ยว ช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 ปีนี้ สายการบินได้ทยอยเปิดเส้นทางบินใหม่รวมกว่า 80 เส้นทาง จากเมืองหลักและเมืองรองของต่างประเทศสู่จุดหมายปลายทางในไทย เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต และระยอง (อู่ตะเภา)

 

สำหรับ “สายการบินระหว่างประเทศ” ที่เปิดเส้นทางบินใหม่ เพิ่มเที่ยวบิน เข้ามาไทย ช่วงตารางบินเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2568 จาก 4 ภูมิภาค เอเชียตะวันออก อาเซียนและเอเชียใต้ ยุโรป อเมริกาและตะวันออกกลาง ได้แก่

 

ภูมิภาคเอเชียตะวันออก

 

1.สาธารณรัฐประชาชนจีน : มี “เที่ยวบินประจำ” 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ไทย ไลออนแอร์ บิน ฉงชิ่ง-กรุงเทพฯ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 26 ตุลาคม 2568 เส้นทางที่ 2 เทียนจิน-กรุงเทพฯ 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 27 ตุลาคม 2568

 

“เที่ยวบินเช่าเหมาลำ” (Charter Flight) ภายใต้โครงการ Thailand Summer Blast รวม 731 เที่ยว 16 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ซีอาน-กรุงเทพฯ 52 เที่ยว ระหว่าง 21 กันยายน 2568 – 19 มกราคม 2569 เส้นทางที่ 2 ซีหนิง-กรุงเทพฯ 16 เที่ยว ระหว่าง 15 กันยายน – 31 ธันวาคม 2568 เส้นทางที่ 3 เฉิงตู-กรุงเทพฯ 34 เที่ยวระหว่าง15 กันยายน – 31 ธันวาคม 2568

 

เส้นทางที่ 4 เฉิงตู-เชียงใหม่ 29 เที่ยว ระหว่าง 15 กันยายน– 31 ธันวาคม 2568  เส้นทางที่ 5 เฉิงตู-เกาะสมุย 2 เที่ยว ระหว่าง  2-7 ตุลาคม 2568 เส้นทางที่ 6 เหอเฟย-กรุงเทพฯ 62 เที่ยว ระหว่าง 6 ตุลาคม 2568-30 มิถุนายน 2569

 

เส้นทางที่ 7 หวงซาน-กรุงเทพฯ 30 เที่ยว ระหว่าง 6 ตุลาคม 2568-30 มิถุนายน 2569 เส้นทางที่ 8 จี่หนาน-กรุงเทพฯ 93 เที่ยว ระหว่าง 25 ตุลาคม 2568-30 มิถุนายน 2569 เส้นทางที่ 9 กุ้ยหยาง-เชียงใหม่ 7 เที่ยว ระหว่าง 26 ตุลาคม – 26 พฤศจิกายน 2568

 

เส้นทางที่ 10 ออร์โดส -กรุงเทพฯ 15 เที่ยว ระหว่าง5 กันยายน – 10 พฤศจิกายน 2568  เส้นทางที่ 11 ฉางชา-กรุงเทพฯ 68 เที่ยว ระหว่าง  1 ตุลาคม 2568 - 22 มีนาคม 2569 เส้นทางที่ 12 หนานชาง - กรุงเทพฯ 35 เที่ยว ระหว่าง 25 ตุลาคม 2568 - 30 มิถุนายน 2569

 

เส้นทางที่ 13 อู๋ซี- กรุงเทพฯ 103 เที่ยว ระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2568- 30 มิถุนายน 2569 เส้นทางที่ 14 ฉางโจว - กรุงเทพฯ 84 เที่ยว ระหว่าง 4 กุมภาพันธ์ – 30 มิถุนายน 2569 เส้นทางที่ 15 ต้าตงกรุงเทพฯ40 เที่ยว ระหว่าง 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เส้นทางที่ 16 มาเก๊า-กรุงเทพฯ 61 เที่ยว ระหว่าง 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568

 

2.ญี่ปุ่น : ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดบิน เซนได-กรุงเทพฯ 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 1 ธันวาคม 2568

 

3.เกาหลีใต้ : เวียตเจ็ท ไทยแลนด์ เปิดบิน อินชอน-กรุงเทพฯ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม1 ตุลาคม 2568

 

4.ฮ่องกง : ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เปิดบิน ฮ่องกง - กรุงเทพฯ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 26 ตุลาคม 2568 ฮ่องกงแอร์ไลน์ เปิดบิน ฮ่องกง-ภูเก็ต 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 14 ตุลาคม 2568

 

ภูมิภาคอาเซียน และเอเชียใต้

 

สิงคโปร์ : สายการบิน Scoot เปิดบิน สิงคโปร์ - เชียงราย 5 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 1 มกราคม 2569

 

อินโดนีเซีย : แอร์เอเชีย เปิดบิน สุราบายา-กรุงเทพฯ 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 2 ตุลาคม 2568

 

มาเลเซีย : สายการบินฟลายเออร์ฟลาย (Firefly) เปิดบิน กัวลาลัมเปอร์-กระบี่ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม17 พฤศจิกายน 2568

 

อินเดีย : “สายการบินสไปซ์เจ็ท” เปิดบิน มุมไบ-ภูเก็ต 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 6 พฤศจิกายน 2568 “สายการบิน Akasa Air” เปิดบิน บังกาลอร์-ภูเก็ต 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 1 ตุลาคม 2568 “แอร์อินเดีย เอ็กซ์เพรส” เปิดบิน บังกาลอร์-กรุงเทพฯ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 18 ตุลาคม 2568

 

ภูมิภาคยุโรป

 

สหราชอาณาจักร : “สายการบิน Norse Atlantic” เปิดบิน ลอนดอน-กรุงเทพฯ 3 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 27 ตุลาคม 2568 และแมนเชสเตอร์-กรุงเทพฯ 1 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 27 พฤศจิกายน 2568

 

สวีเดน : Norse Atlantic” เปิดบิน สตอกโฮล์ม-กรุงเทพฯ 2 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 23 ตุลาคม 2568 และสตอกโฮล์ม-ภูเก็ตฯ 1 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 5 ธันวาคม 2568

 

นอร์เวย์ : Norse Atlantic” เปิดบิน ออสโล-ภูเก็ต จำนวน 1 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 9 ธันวาคม 2568

 

อิสราเอล : “สายการบินอาร์เกีย อิสราเอลิ (Arkia Israeli) เปิดบิน เทลอาวีฟ-กรุงเทพฯ 2 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 26 พฤศจิกายน 2568

 

ฝรั่งเศส : “แอร์ฟรานซ์” เปิดบิน ปารีส-ภูเก็ต 3 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 28 พฤศจิกายน 2568

 

คาซัคสถาน : Scat Airlines” เปิดบิน เชิมเกนต์-กรุงเทพฯ 1 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 16 ธันวาคม 2568 และไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดบิน อัลมาตี-กรุงเทพฯ 4 เที่ยว/สัปดาห์  เริ่ม 2 ธันวาคม 2568

 

ภูมิภาคอเมริกา และตะวันออกกลาง

 

สหรัฐอเมริกา : “ยูไนเต็ดแอร์ไลน์” เปิดบิน ลอสแอนเจลิส-ฮ่องกง – กรุงเทพฯ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 26 ตุลาคม 2568

 

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ : “เอทิฮัด” เปิดบิน อาบูดาบี-กระบี่ เริ่ม 9 ตุลาคม 2568 และอาบูดาบี-เชียงใหม่ 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 4 พฤศจิกายน 2568

 

ซาอุดีอาระเบีย “แอร์อาราเบีย” เปิดบิน ชาร์จาร์-กระบี่ 7 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 28 พฤศจิกายน 2568 และริยาร์ด-ดอนเมือง 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 2 พฤศจิกายน 2568

             

 

ข่าวที่ 4-“บางจาก”ร่วมภาคีดันตลาดคาร์บอนเครดิตอาเซียนสู่สากล

 

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club (CMC) ในฐานะหนึ่งใน “ภาคีผู้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ :Memorandum of Collaboration: MoC ภายใต้กรอบ ASEAN Common Carbon Framework (ACCF) ได้ร่วมประชุม ACCF Q4 Steering Committee Meeting และร่วมเสวนาในงาน Malaysia Carbon Market Forum (MCMF) 2025 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Empowering Regional Climate Actions through the ASEAN Common Carbon Framework”

 

            การประชุม ACCF Q4 Steering Committee มีผู้แทนจากภาคีผู้ลงนาม พร้อมผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากมาเลเซียและระดับสากล ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามความคืบหน้าของแนวทางการดำเนินงานหลักภายใต้กรอบ ACCF โดยเน้นเสริมสร้างความเชื่อมโยง ความโปร่งใส และการพัฒนาคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อสนับสนุนการทำงานภาครัฐอาเซียนเดินหน้าพัฒนาตลาดคาร์บอนระดับภูมิภาคให้มีความน่าเชื่อถือและเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น

           

เวทีประชุม MCMF 2025 จัดโดย Bursa Malaysia และได้รับเกียรติจาก Datuk Seri Johari Abdul Ghani รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพืชผลและสินค้าโภคภัณฑ์ และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของมาเลเซีย เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมด้วยตนเองกว่า 460 คน และออนไลน์กว่า 100 คน

 

“นางกลอยตา” ได้ร่วมเสวนาหัวข้อ “ASEAN Common Carbon Framework: Advancing Collaboration for a Unified Carbon Market” กับผู้แทนจากภาคีผู้ลงนาม พร้อมกับได้ร่วมกันเสนอแนวทางขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้กรอบ ACCF กับการพัฒนาโครงการนำร่องระดับภูมิภาคและกระตุ้นให้ผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตเข้ามามีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น แม้กิจกรรมด้านคาร์บอนในภูมิภาคจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตยังคงจำกัด โดยมี “สิงคโปร์” เป็นผู้ซื้อหลัก ขณะที่ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียมีศักยภาพสูงในฐานะ “ผู้พัฒนาคาร์บอนเครดิต” จึงได้เสนอแนวทางเชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทานระหว่างประเทศในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดคาร์บอนในภูมิภาค

           

“นางกลอยตา” ได้สะท้อนมุมมองว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของภูมิภาคที่เริ่มซื้อขายคาร์บอนเครดิต T-VER ตั้งแต่ปี 2559 นับเป็นก้าวสำคัญช่วยพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนของประเทศ และเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลายประเทศในอาเซียนจึงเริ่มพัฒนาและทดลองใช้กลไกราคาคาร์บอน เช่น ระบบซื้อขายสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) และภาษีคาร์บอน เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย Net Zero 

 

ขณะที่สาธารณชนยังต้องสร้างการรับรู้ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในประเด็นดังกล่าว หากสามารถยกระดับความตระหนักรู้ได้ในวงกว้าง จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาด้านอื่น ๆ ต่อไป

 

“นางกลอยตา” ได้กล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลว่า ไทยได้เริ่มแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคน (Tokenization)  นำนวัตกรรมช่วยเพิ่มมูลค่า ความโปร่งใส และความปลอดภัยการซื้อขาย และหากผลักดันแนวทางนี้ในระดับภูมิภาคได้ก็จะสร้างโอกาสให้อาเซียนก้าวสู่การเป็น “ศูนย์กลางดิจิทัลด้านคาร์บอนเครดิต” ได้ด้วย

 

ข่าวที่ 5-TCEBเล่นบทใหม่System Integrator/Omni-stakeholder

 

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าทีเส็บเพิ่มบทบาทใหม่ด้วยการนำร่องจัดงาน Visionary Leaders’ Dialogue : Leading Change and Reimagining MICE in Thailand กำหนด “อุตสาหกรรมเป้าหมาย” เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศระยะ 3 – 5 ปี ขึ้นที่สถาบันศศินทร์  มุ่งขับเคลื่อนองค์กรนำอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดการผสานหรือ synergy ผลักดันขีดความสามารถการแข่งขันของไทยอย่างเป็นรูปธรรม

 

เนื้อหาสำคัญของงาน (Key Takeaways) มุมมองใหม่ต่อทีเส็บและอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิทัศน์โลกใหม่ ประกอบด้วย

 

1. MICE as a System Integrator อุตสาหกรรมไมซ์เป็นมากกว่าแค่การจัดงาน แต่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างหลายอุตสาหกรรม

 

2. ทีเส็บไม่ใช่ท่องเที่ยว ไม่ใช่ Event Organiser แต่คือผู้บูรณาการระบบให้กับภาคอุตสาหกรรม เป็นแม่เหล็กดึง Outside-in และสื่อสารศักยภาพไทยสู่โลกในแบบ Inside-out

 

“ภูมิทัศน์โลกใหม่และโอกาส” :

 

1.Geopolitics-A Multi-Polar World สะท้อนให้เห็นถึงโลกมีหลายขั้ว หลายประเทศ ถูกกดดันทางการเมืองทางเศรษฐกิจ การวางตัวเป็นกลางเปิดโอกาสให้ทุกขั้วอำนาจเข้าร่วมงาน

 

2.Biophysical Change : การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ผลักดัน Sustainable Development Goals (SGDs) ควบคู่หลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP: Sufficiency Economy Philosophies) เปิดโอกาสให้กับอุตสาหกรรมสาย Bio-Circular-Green (BCG)

 

3.Socio -Technical : การผนวกเทคโนโลยีเข้ากับสภาวะสังคม เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค อุตสาหกรรมต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบดำเนินงาน มีการใช้ Data Center, AI

 

อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างความสามารถในการแข่งขันของไทย นำโดย BCG (Bio-Circular-Green) Economy เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เกษตรมูลค่าสูง ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) /เทคโนโลยีชีวภาพ อาหารแห่งอนาคต Functional Food /สุขภาพ สุขภาวะ ภูมิปัญญา (Wellness, Wellbeing, Wisdom) /เชื้อเพลิงการบิน

/ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และดาต้าเซ็นเตอร์

 

หัวข้อ : Product World Champion ระยะ 5 ปีข้างหน้า

 

“สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)” นำเสนอ Food and Culinary: จุดแข็งด้านชื่อเสียงและด้านการเกษตรของไทยที่มีกำลังการผลิตและวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผ่านนวัตกรรมและสร้างมูลค่าสูง ผสมผสานกับ Biotech พัฒนาอาหารทางเลือก เช่น Lab-Grown Meat

 

“สำนักงานส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน” นำเสนอ Biotechnology: ไทยมีความเชี่ยวชาญสูง ด้านยาหรือด้านนวัตกรมต่าง ๆ การทำแบรนด์ดิ้ง แต่มีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง และ Microchip and Semiconductor: ไทยมีกำลังการผลิตอยู่สูงอยู่แล้ว เป็นฐานผลิตที่ต่างชาติยอมรับ แต่ต้องพัฒนาในด้านการเพิ่มมูลค่า

 

ดร.สุวิทย์ เมษิณทรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม นำเสนอ

Wellness, Wellbeing และ Wisdom: ผลักดันกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อนำไปสู่การเป็นอยู่และสุขภาวะที่ดี ทั้งอาหาร การแพทย์ หรือการเรียนรู้ แม้กระทั่งเรื่องศรัทธาความเชื่อ ดำเนินการครอบคลุมได้ทั้ง People, Place และProduct

 

แนวทางผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย

 

Omni-Stakeholder Industry ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ต้องผลักดันร่วมกัน ภายใต้ Agenda เดียวกัน ทีเส็บเป็นตัวกลางเชื่อมต่อทุกภาคส่วน และจัดทำแนวทางดำเนินงานร่วมกันแบบองค์รวม

 

Specialized but Integrated ทุกหน่วยงานยังต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ต้องดำเนินงานร่วมกัน เพื่อให้การพัฒนาครบถ้วนในองค์รวม

 

          ช่วงที่ 2 แฟนพันธุ์แท้ “โขน” เตรียมชมเยาวชนที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ขึ้นเวทีการแสดงยิ่งใหญ่แห่งปี ตอน “รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี โชว์ศิลปะวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์ไทยระหว่าง 6 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

 

ท่องเที่ยว –ชมโขนแห่งปีตอน”สัตยาพาลี”ที่ศูนย์วัฒนธรรม 6พ.ย.-8ธ.ค.

 

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เตรียมจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ประจำปี 2568 เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี ชวนกันไปเช็คอินชมการศิลปะวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์ได้ระหว่าง 6 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมสนับสนุนนักท่องเที่ยวและคนไทยได้ชมความยิ่งใหญ่ซอฟท์ พาวเวอร์ หนึ่งเดียวในโลก

 

ตื่นตากับความสามารถของนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์จนมีฝีมือการร่ายรำงดงามถูกต้องตามจารีต

 

ชมไฮไลต์โขนปี 2568 ตอน “สัตยาพาลี” นำเสนอความยิ่งใหญ่อลังการด้วยระบบเทคนิคพิเศษที่มี 10 ฉาก  ตั้งแต่ ฉากพาลีรบกับทศกัณฐ์” ซึ่งแปลงเป็นปูยักษ์ หวังจะสังหารองคตในพิธีลงสรงแต่ถูกพาลีจับได้ แล้วยังมี “ฉากพาลีรบสุครีพ” ที่จะได้เห็น “หนุมาน” หนึ่งในตัวเอกของเรื่อง ขึ้นรอกไปชมพูพาน นิลนนท์            

 

การแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ตอน “สัตยาพาลี” เป็นเรื่องราวของ “พญาพาลีวานร” ผู้เป็นกษัตริย์ เมืองขีดขิน ซึ่ง “เสียคำสัตย์” เพราะความหลงผิด แต่ภายหลังระลึกได้จึงสำนึกและยอมรับโทษ

 

เนื้อเรื่องชี้ให้เห็น “คุณ” ของความกตัญญู และ “โทษ” ของความไม่รักษาสัตย์ ด้วยการกล่าวถึงหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่ต้องตั้งใจปฏิบัติงานด้วยความจงรักภักดีต่อแผ่นดินและผู้มีพระคุณ

 

ส่วนการต่อสู้ของทศกัณฐ์และพระราม (อวตารของพระนารายณ์) ย้ำถึงผู้มี “จิตใจชั่วร้าย”แม้จะมีอิทธิฤทธิ์มากมายปานใด ก็ไม่สามารถดำรงตนไปได้นาน “ฝ่ายผู้ยึดมั่นในธรรมะ” แม้จะเผชิญอุปสรรคใดๆ                ก็จะชนะฝ่ายอธรรมเสมอ

 

รับชมการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สัตยาพาลี" ได้ ขณะนี้เปิดให้ผู้สนใจซื้อบัตรเข้าชม ได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ www.thaiticketmajor.com โทร. 0-2262-3456  บัตรมีให้เลือกราคา ตั้งแต่ 2,000 บาท, 1,800 บาท, 1,000 บาท, 800 บาทและ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 200 บาท)

 

สุขภาพ –8วิธีรับมือการนอนหลับไม่สนิทต้องรีบแก้ไขด่วนเพื่อสุขภาพ

 

แม้จะนอนครบ 8-10 ชั่วโมง แต่หากนอนหลับไม่สนิท นอนหลับไม่ลึกพอ อาจมีผลต่อสุขภาพ แพทย์แนะนำให้รับมือด้วย 8 วิธี ดังนี้

 

1.ฝึกผ่อนคลายก่อนนอน : ด้วยการหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ หรือยืดกล้ามเนื้อเบา ๆ สามารถช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการนอนหลับ ​

 

2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : ช่วยปรับคุณภาพการนอนหลับ แต่ควรหลีกเลี่ยงออกกำลังกายหนักก่อนนอน

 

3.รับแสงธรรมชาติในตอนเช้า : การสัมผัสแสงแดดตอนเช้าช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพส่งเสริมการหลับกลางคืน

 

4.จำกัดการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน : แสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์จะไปรบกวนการผลิตเมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่

 

5.กินอาหารเย็นเบา ๆ และไม่ดึกเกินไป อาจทำให้ระบบย่อยทำงานหนัก ส่งผลให้ “หลับไม่ลึก” หรือมีอาการจุกเสียดในตอนกลางคืน

 

6.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และนิโคตินก่อนนอน ซึ่งจะทำให้รู้สึกง่วงช่วงแรก แต่จริงๆ แล้วจะรบกวนการนอนหลับลึก ส่วนสารนิโคตินในบุหรี่ก็เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้นอนหลับยากเช่นกัน

 

7.กินอาหารเย็นเบา ๆ และไม่ดึกเกินไป เพราะการกินอาหารมื้อหนักก่อนนอนอาจทำให้ระบบย่อยทำงานหนัก ส่งผลให้หลับไม่ลึกหรือมีอาการจุกเสียดในตอนกลางคืน

 

8.ใช้กลิ่นบำบัด กลิ่นลาเวนเดอร์ คาโมมายล์ หรือเซนต์จอห์นวอร์ต สามารถช่วยผ่อนคลายสมอง ลดความเครียด และทำให้หลับง่ายขึ้น

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –Scoot ลุยเปิดบินไฮซีซั่นพุ่งเป้าขยายตลาดใหญ่อินโดฯ-ไทย

 

Scootสายการบินราคาประหยัดในเครือ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (SIA) ประกาศทยอยเปิดเส้นทางบินใหม่เริ่มเดือนธันวาคม 2568-กุมภาพันธ์ 2569 สู่จุดหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ในอินโดนีเซีย 4 เมือง ได้แก่ ลาบวนบาโจ เมดาน ปาเล็มบัง และเซมารัง

 

ส่วนไทย Scoot จะเพิ่มความถี่ 2 เส้นทาง ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ เดือนตุลาคมนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 42 เที่ยว จากเดิม 39 เที่ยว/สัปดาห์  และ 2.เกาะสมุย ภายในเดือนธันวาคม 2568 เป็นต้นไป จะเพิ่มเป็น 28 เที่ยว/สัปดาห์

 

“ราคาตั๋วโดยสาร” ที่นั่งชั้นประหยัดเที่ยวเดียว 1.ลาบวนบาโจ เริ่มต้น 4,900 บาท 2.เมดาน เริ่ม 3,000 บาท 3.ปาเล็มบังจะเริ่มต้นที่ 3,400 บาท 4.เซมารังเริ่มต้น 3,500 บาท โดยราคาดังกล่าวรวมภาษีแล้ว เปิดให้จองได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือ Scoot ส่วนการจองผ่านช่องทางอื่น ๆ จะทยอยเปิดให้บริการลำดับถัดไป

 

“นายเลสลี่ ถง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Scoot เปิดเผยว่า ภูมิใจที่ได้ขยายบริการเที่ยวสู่อินโดนีเซียเปิดเส้นทางบินใหม่สู่ถึง 4 เมือง ไปยัง ลาบวนบาโจ เมดาน ปาเล็มบัง และเซมารัง มุ่งมั่นเชื่อมต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกัน ทำให้การเดินทางสะดวกเชื่อมต่อสู่เครือข่ายได้กว้างขวางขึ้นกับการใช้บริการเครือสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส (SIA Group) ผ่านสิงคโปร์ แล้วยังคงมองหาโอกาสใหม่ ๆ ขยายการให้บริการ เพื่อส่งมอบทางเลือกการเดินทางหลากหลายและประสบการณ์น่าจดจำให้ลูกค้าของเรา

 

Scoot ได้ให้บริการเที่ยวบินสู่ลาบวนบาโจ เมดาน ปาเล็มบัง และเซมารัง มากกว่า 120 เที่ยว/สัปดาห์พร้อมกับบินสู่เมืองต่าง ๆ ในอินโดนีเซียกว่า 15 แห่ง ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2569 เป็นต้นไป Scoot เตรียมจะขยายไปยังจุดหมายปลายทาง 83 แห่ง ใน 18 ประเทศ ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และยุโรป

 

รวมทั้งได้ปรับเปลี่ยนเครือข่ายเที่ยวบินเริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมีเที่ยวบินบริการ ดังนี้

 

ประเทศไทย : 1.กรุงเทพฯ ตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป จะเพิ่มเป็น 42 จาก 39 เที่ยว/สัปดาห์ 2.เกาะสมุยตั้งแต่ธันวาคมนี้จะเพิ่มเป็น 28 เที่ยว/สัปดาห์

 

อินโดนีเซีย : 1.จาการ์ตาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ยังคงบิน 28 เที่ยว/สัปดาห์ 2.มานาโด มกราคม 2569 จะเพิ่มเป็น 6 เที่ยว จาก 4 เที่ยว/สัปดาห์ 3.สุราบายา จะเพิ่มเป็น 12 เที่ยวจาก10 เที่ยว/สัปดาห์ 4.บาหลีเพิ่มเป็น 28 เที่ยว จาก 21 เที่ยว/สัปดาห์ 5.ยกยาการ์ตาจะเพิ่มเป็น 10 เที่ยว จาก 7 เที่ยว/สัปดาห์

 

มาเลเซีย : 1.ปีนัง ตั้งแต่พฤศจิกายน 2568 จะเพิ่มเป็น 28 จาก 21 เที่ยว/สัปดาห์ 2.โคตาคินาบาลูและกูชิง ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2569 จะเพิ่มเป็น 10 เที่ยว จาก7 เที่ยว/สัปดาห์

 

สปป.ลาว : 1.เวียงจันทน์ ตั้งแต่ธันวาคม 2568 จะเพิ่มเป็น 7 เที่ยวจาก 5 เที่ยว/สัปดาห์

 

“ตารางเที่ยวบิน” อาจเปลี่ยนแปลง โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐ และข้อกำหนดด้านการบิน ดูข้อมูลตารางเที่ยวบินเพิ่มเติมที่ www.flyscoot.com

 

ข่าวที่สอง ไมเนอร์โฮเทลส์ผนึกซันไรซ์ตั้งบริษัทในอียิปต์10ปีหน้าเปิด50รร.

 

ไมเนอร์ โฮเทลส์ ผู้นำระดับโลกด้านบริการโรงแรม รีสอร์ท และเรสซิเดนซ์มีเครือข่ายใน 59 ประเทศ ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับ “ซันไรซ์ รีสอร์ท แอนด์ ครูซ : SUNRISE Resorts & Cruisesจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ โดยได้ทำพิธีลงนามขึ้นที่สำนักงานของ ฯพณฯ มอสตาฟา มัดบูลี นายกรัฐมนตรีอียิปต์ พร้อมผู้เข้าร่วมคือเชอรีฟ ฟาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและโบราณวัตถุ เน้นถึงความร่วมมือกครั้งสำคัญที่จะทำใอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอียิปต์เติบโตไปในทิศทางที่ดี

 

“บริษัทร่วมทุนใหม่” ตั้งเป้าหมายภายใน 10 ปีหน้า จะเปิดและบริหารโรงแรมมากถึง 50 แห่ง โดยจะพัฒนาครอบคลุมทั้งศูนย์กลางเมืองสำคัญและจุดหมายปลายทางเพื่อการพักผ่อน และในเวสต์ไคโร อัซฮา ราส เอล เฮคมา นอร์ทโคสต์ และอัซฮา เอน เอล โซคห์นา 

 

ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้ทำตามข้อตกลงฉบับนี้เริ่มเข้าบริหารโครงการ แห่ง ทั้งโรงแรมที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว โครงการปรับปรุงและพัฒนาใหม่ ไฮไลต์สำคัญจะเน้น “เปิดตัวแบรนด์โรงแรมหรู” ระดับเรือธงอย่าง อนันตรา โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ หลายทำเลทั่วอียิปต์

 

ส่วนความร่วมมือครั้งนี้ไมเนอร์ โฮเทลส์ จะขยายความเชี่ยวชาญด้านการบริการสู่ “ธุรกิจเรือสำราญ” ล่องแม่น้ำไนล์ เส้นทางระหว่างอัสวาน และลักซอร์ ที่แบรนด์เรือสำราญได้สร้างความสำเร็จในเอเชียภายใต้เครือไมเนอร์ โฮเทลส์ เช่น แม่โขง คิงดอมส์ และ ลอย เพลา ช่วยเสริมภาพลักษณ์อียิปต์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯอนุทินร่วมชมก.ท่องเที่ยว-ททท.บูมไฮซีซั่น2บิ๊กอีเวนต์ “ลอยกระทง"-Vijit Chao Phraya45วันเต็ม

นายกฯอนุทินร่วมชม ก.ท่องเที่ยว-ททท.บูม ไฮซีซั่น2บิ๊กอีเวนต์ “ลอยกระทง”  2  เมืองมรดกโลก- Vijit Chao Phraya 45  วันเต็ม นายอนุทิน ชาญวีรกุ...