ไทยยึดงานWTTC Summit2017ขยายตลาดโลก
ช่วงที่ 2 เสิร์ฟความสุขด้วยการพาไปเดิน 4 ตลาดท้องถิ่นในเมืองหมอแคน “ขอนแก่น” พร้อมกับแนะหาอาหารแก้ท้องถิ่นกินเป็นประจำ
และสารพัดข่าว
ผู้นำททท.เปิด4ประเด็นดันรายได้ครึ่งปีหลัง
คิงเพาเวอร์รางน้ำจัดSee You Soonลดใหญ่70%
เปิด4เทรนด์แหล่งกินเที่ยวใหม่แดนหมอแคน
ทัวร์4ตลาดชิคสไตล์พื้นเมืองถิ่นไดโนเสาร์
เครือดุสิตโรงแรมเจ้าแรกใช้WeChatPayดูดจีน
บินไทยได้อัดฉีด5พันล้านปรับโครงสร้างหนี้
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่
22 เมษายน 2560 เวลา 11.00-12.00
น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังสดทางได้มือถือเลือก FM
97.0 หรืออ่านได้ทาง www.facebook.com/penroong
และ gurutourza.blogspot.com ฟังข่าวย้อนหลังใน youtubeทาง www.facebook.com/rauydauykhao)
ช่วงที่ 1 ฟังสัมภาษณ์พิเศษจาก “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นักธุรกิจทั้งโลกเลือกให้ไทยเป็นศูนย์รวมการประชุม และข่าวเข้ม ๆ
การท่องเที่ยวในหลากมิติความรู้
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มาอัพเดท 4 ประเด็นที่น่าสนใจ 1.การเตรียมต้อนรับการจัดประชุมของ
World Travel & Tourism Council Global Summit 2017 ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน 2560 ณ แกรนด์
เซนทารา เซ็นทรัล เวิลด์ ที่จะมีผู้บริหารแถวหน้าของโลกจำนวนกว่า 1,500 คน มาร่วมประชุมเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก
2.นวัตกรรมตามแนวคิดใหม่ที
ททท.ภูมิภาคยุโรปนำทีมไปจัดประชุมแผนการตลาดที่เวียดนาม ส่วน ททท.ภูมิภาคเอเชีย
ยกทีมกันไปเมียนมา เพื่อสร้างกระแสแผนการตลาดใน Collaborary ASEAN
3.ครึ่งปีหลังกับการเข้าสู่ท่องเที่ยวหน้าโลว์ซีซันในฤดูฝนจะใช้หมัดเด็ดใดมาพิชิตตลาด และ 4.โอ้โห !
วันธรรมดา...วันพิเศษ หรือวันเศรษฐกิจ ในวันที่ 11-14
พฤษภาคม 2560 จะปลุกกระแสขึ้นหรือไม่อย่างไร
ผู้ว่าการ
ททท.อธิบายประเด็นแรก ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นสถานที่จัดประชุม World
Travel & Tourism Council Global Summit 2017
ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน 2560 เตรียมพร้อมใช้เวทีดังกล่าว ซึ่งเป็นการประชุม Global Summit
2017 ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เป็นการนัดพบของภาครัฐและเอกชนที่จะได้องค์ความรู้เทรนด์ใหม่
เนื่องจากเป็นการประชุมปิดที่เชิญผู้เกี่ยวข้องของไทยเข้าไปร่วมฟัง
จากนั้นก็จะใช้ศักยภาพของการจัดพบปะกันมาบูรณาการเชื่อมต่อ
“พัฒนาการความร่วมมือ” ตามที่ผู้นำในเวทีจัดงานนำเสนอไว้อันจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
สำหรับการเป็นต้นแบบแนวคิด
ถอดรหัสข้อเสนอแนะจากผู้นำระดับโลกที่คนไทยผู้เข้าร่วมฟัง สามารถนำมาเป็น
“แต้มต่อ” วางแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
ขณะเดียวกันจะผนวกขาย
“ไทยเท่”
เพราะก่อนและหลังการจัดงานได้จัดทริปนำคณะเข้าร่วมการประชุมไปชมไฮไลต์แต่ละแห่งของประเทศ
อีกทั้งยังมีทีมผู้ติดตามจากนานาชาติเข้ามาด้วย เรื่องแรก จึงเป็นโอกาสของ
ททท.ที่จะได้เสนอเรื่องไทยเท่ เรื่องที่ 2 ด้วยอัตลักษณ์สอดแทรกแนวคิดเที่ยวไทยเท่
เพราะจุดเริ่มของโครงการเที่ยวไทยเท่ เป็นกลยุทธ์การตลาดสำคัญกระตุ้นคนในประเทศ
แต่ก็สามารถสร้างการรับรู้ตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน
อีกทั้งยังสามารถผสมผสานกลยุทธ์การเชื่อมจุดขายแนวใหม่ที่เรียกว่า
Collaborative Tourism ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เด่นชัดในสภาพปัจจุบันไม่ต้อง
“แข่งขัน” กันเพียงอย่างเดียว แต่สามารถ “ร่วมมือกัน”
ทำให้เกิดการท่องเที่ยวใกล้เคียงกันหรือรอยต่อตะเข็บเพื่อนบ้าน เป็นวิธี
“เพิ่มเสน่ห์” ให้คนทั่วโลกมาท่องเที่ยวในภูมิภาค ซึ่งสามารถนำมาใช้กับ “ท่องเที่ยวไทย
4.0” ได้อย่างแน่นอน
ประเด็นที่ 2
การประชุมแผนการตลาดเพื่อเตรียมเข้าสู่งบประมาณปี
2561 โดยครั้งแรก ททท.ภูมิภาคยุโรป
เลือกที่จะนำผู้บริหารสำนักงานที่อยู่ในความดูแลทั้งหมดไปจัดประชุมร่วมกันที่
เวียดนาม
เหตุผลแรก ที่
ททท. ทำแบบนี้ก็เพราะเล็งเห็นว่า “เวียดนาม” ได้รับความสนใจจากตลาดต่างประเทศ
ดังนั้นหากไทยต้องการได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเวียดนามเป็นอย่างไร
แต่เมื่อไปสำรวจแล้วก็น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะ
เวียดนามมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวปีละประมาณ 1 ใน 3 ของไทย แต่น่าทึ่งมากที่เวียดนามไม่ต้องมีสำนักงานท่องเที่ยวในต่างประเทศเลยยังสามารถดึงคนเข้าไปได้มากขนาดนี้
เสมือนส่งสัญญาณทางด้าน “การแข่งขัน” น่าจะต้องดุเดือดอย่างแน่นอน
เหตุผลที่ 2
การแสวงหาความร่วมมือในรูปแบบ Collaborative
Tourism การเป็นประเทศในอาเซียนและมีรอยต่อใกล้กันแถบ CLMV
สำหรับเส้นทางศักยภาพที่ไทยกับเวียดนามสามารถขายร่วมกันได้คือ
East-West Coridor เวียดนามกับภาคอีสาน จากเมืองเว้
ดานัง เวียดนาม เข้าสะหวันเขต สปป.ลาว ทะลุสู่ มุกดาหาร ศรีสะเกษ
เข้าถึงตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งน่าจะเป็นเส้นทาง วิน วิน เพราะในปีงบประมาณ 2561
ททท.ต้องการส่งเสริมจังหวัดขอนแก่นให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวถึงปีละ
5 ล้านคนขึ้นไป
ประกอบกับภาคอีสานเองได้รับการยกย่องจัดเป็นภาคที่น่าท่องเที่ยวอันดับ 17 ของโลก นักท่องเที่ยวน่าจะได้ตื่นตัวมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
การทำโปรแกรมขายเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรม
ตามนโยบายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ต้องการให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดัน
แต่ระหว่างนี้การเชื่อมโยงเส้นทางเพื่อขายโปรแกรมทัวร์ ต้องหาวิธี
“เชื่อมโยงด้วยกิจกรรมท่องเที่ยว” แล้วนำไปหารือกับเอกชน
เพื่อไปสู่การผลิตแพกเกจการขายระยะยาว
สัญญาณตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนามเข้าเมืองไทย
กลุ่มอาเซียน 9 ประเทศ จำนวนรวมกันสูงถึง 8.7
ล้านคน
โดยเฉพาะเวียดนามเป็นกลุ่มตลาดระดับไฮเอนด์ เพื่อพักผ่อน ท่องเที่ยว รักษาพยาบาล
ช้อปปิ้ง แนวโน้มการใช้จ่ายเงินค่อนข้างสูงและดี ขณะนี้
ททท.พยายามเร่งเครื่องที่จะพุ่งเป้าไปยัง “กลุ่ม” มากกว่า “จำนวน” เพราะ
“รายได้หรือใช้จ่ายเงินต่อคนต่อทริป” ซึ่งมั่นใจภายใน 2-3 ปีนี้ เวียดนามจะเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วน
ททท.ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ที่จะไปประชุมใน “เมียนมา”
เพราะเป็นประเทศเปิดใหม่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวตะวันตก รวมถึง
“การเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวไทย-เมียนมา” อาทิ เส้นทางแรก ภูเก็ต ระนอง เกาะสอง
เส้นทางที่ 2 เชียงใหม่ พุกาม ร่างกุ้ง
มีความเป็นไปได้สูงเพราะได้คุยกับเอกชนเมียนมาไปแล้วที่จะทำโครงการ 2
Countries 1 Destination เพื่อสร้าง Double
Destination Double Happyness โดยจะต้องรอฤดูท่องเที่ยว ซึ่งภายใน
1-2 เดือนจะผลิตก็ต้องดูเอกชนและองค์ประกอบทั้งหมดด้วย
ขณะที่
“การท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงครึ่งนอกฤดูเที่ยวในหน้าฝน” ชาวตะวันตกอาจจะไม่ได้เดินทาง
แต่จังหวะตอนนี้เมื่อโลกเปลี่ยนเพราะหลายประเทศกำลังวิตกกับการเดินทางเข้าออกยุโรป
ก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้หันมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงการเติบโตต่อเนื่องของ
“นักท่องเที่ยวจีน” เริ่มคลี่คลายกลับมาดีทั้งเรื่องทัวร์สุขภาพ และท่องเที่ยวเชิงกีฬา
ประการสำคัญคือ
“ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ” ซึ่งนำชูไฮไลต์ “เที่ยวไทยเท่”
ผนวกกับหน้าฝนอาหารการกินในประเทศคึกคักมากที่สุด อย่าง สวนผลไม้
มีกิจกรรมรองรับคือ วันธรรมดาน่าเที่ยว อร่อยทุกไร่ชิมไปทุกสวน
จัดสัปดาห์กินผลไม้ไว้ต้อนรับ จึงน่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญ น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเติบโตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า
8 %
อีกทั้งขอเชิญชวนให้คนไทยออกมาท่องเที่ยววันธรรมดา
ซึ่งจะแปลงให้เป็นวันเศรษฐกิจ เพราะมีจำนวนวันตลอดทั้งปีอยู่กว่า 200 วัน สามารถเดินทางไปเพื่อสร้างแรงบันดาล บวกกับความคุ้มค่าเงิน
จึงต้องการให้คนไทยทดลองออกมาเที่ยววันธรรมดา
เพราะการท่องเที่ยวสามารถแสวงหาความสุข สร้างแรงบันดาลใจ
เที่ยวแล้วได้งานด้วยไปพร้อมกัน
ดร.ยุทธศักดิ์
นำ 4 ประเด็นมาถ่ายทอดให้ฟังเพื่อจะให้ทั้งผู้ประกอบการ
นักท่องเที่ยว ได้เตรียมพร้อมช่วยชาติไปด้วยกันไม่ว่าจะเป็น
การสร้างกระแสเที่ยวไทยเท่ เที่ยววันธรรมดา และเที่ยวเชื่อมโยง
ผนึกกับเพื่อนบ้านลดการแข่งขันเพิ่มความร่วมมือ
เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนสามารถช่วยกันได้ทุก ๆ ประเด็น
ฟังข่าวช่วงแรก
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์รางน้ำลดกระหน่ำ70%”
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำรุ่นใหม่ เปิดเผยว่า ได้จัดมหกรรมตอกย้ำศักยภาพของ คิง เพาเวอร์
ที่เชี่ยวชาญและช่ำชองในการคัดสรรสินค้าจากการเดินทางไปทั่วโลกที่ได้เรื่องราวมากมายให้ผู้ใช้บริการได้ค้นพบ
รู้จัก รู้สึกตื่นเต้น สนุกที่ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ
จึงตั้งใจสรรหานำประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นหลายมิติที่มีคุณค่ามาสร้างความกระตือรือล้นเปิดมุมมองให้ผู้คนได้รู้จักสิ่งต่างๆ
จากทุกมุมโลกอยู่เสมอ กับการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษระดับโลกโฉมใหม่ของ คิง
เพาเวอร์ ด้วยการเตรียมเงินอีกกว่า 2,500 ล้านบาท
เนรมิตแหล่งช้อปปิ้งแห่งเอเชียแนวใหม่เปิดบริการภายใน 5 เดือนข้างหน้า
ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2560
ก่อนปิดปรับโฉม คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ
ได้จัดกิจกรรมตอกย้ำความทรงจำและคืนกำไรลูกค้าคนไทยและนานาชาติด้วยโครงการ “See
You Soon Sale Party 2017”
นำสินค้าในร้านดิวตี้ ฟรี ทั้งหมด มาลดกระหน่ำทั้งสินค้าแบรนด์เนมนานาชาติกว่า 200 แบรนด์
และสินค้าไทยที่มีเอกลักษณ์ครองกำลังซื้อนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ห้ามพลาดงานมหกรรมเซลครั้งใหญ่
“See you soon sale party up to
70%” ที่จัดขึ้นระหว่าง วันนี้-25 เมษายน 2560 ที่เดียวเท่านั้น ณ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ
พาเหรดสินค้าลดราคาทั้งหมดหมดสูงสุดถึง 70%
รวมทั้งมีโปรโมชั่น
รับทันที Gift Voucher 3,000 บาท
เมื่อช้อปสินค้าราคาปกติครบทุก 10,000 บาท
และยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ อีกด้วย
ข่าวที่ 2 “ทอท.เจ๋ง6สนามบินทำงานเข้าเป้า”
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า สรุปแผนงานบริการของท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลทั้ง
6 แห่ง ตลอด 14 วันช่วงการเดินทางของผู้โดยสารผ่านเข้าออกช่วงเทศกาลสงกรานต์
ปี 2560 ระหว่าง 5 – 18 เมษายน 2560
ทุกท่าอากาศยานได้ดูแลสถานการณ์สร้างความพึงพอใจให้แก่สายการบินที่นำเที่ยวบินขึ้น-ลง
รวม 32,357 เที่ยว
ขนส่งผู้โดยสารจำนวนรวมมายังท่าอากาศยานของ ทอท. อีกกว่า 5.36 ล้านคน
โดยเฉพาะการตั้ง “ศูนย์อำนวยความสะดวกผู้โดยสาร” นั้น
เป็นอีกกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในระดับดี
เพราะพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมสามารถใช้ศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงาน
ทอท.กับส่วนราชการ
สายการบินและผู้ประกอบการ
และอำนวยความสะดวกให้กระบวนการเดินทางของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ตลอดปี
2560 คาดการณ์จะมีผู้โดยสารของทั้ง 6 ท่าอากาศยาน ทอท.รวมกว่า 128 ล้านคน แต่ขีดความสามารถในการของรับทำได้เพียง 80 ล้านคน ซึ่งล่าสุดได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด)
ทอท.ให้เร่งดำเนินการตามแผนพัฒนาระยะ 10 ปีข้างหน้า
เตรียมความพร้อมในปี 2568
จะมีความพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึงปีละ
180 ล้านคน
ข่าวที่ 3 “ขอนแก่นเจาะครอบครัวรุ่นใหม่เที่ยวหน้าฝน"
นายชาญยุทธ
เศวตสุวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น
เปิดเผยว่า ได้วางกลยุทธ์เพิ่มจุดขายการท่องเที่ยวขอนแก่นปี 2560 โดยจะเน้นเจาะกลุ่ม “ตลาดครอบครัวคนรุ่นใหม่” หรือ Modern
Family ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง
มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารแนวผู้บริโภค GEN Z
โดย
ททท.สำนักงานขอนแก่น ผนึกความร่วมมือกับ 4 องค์กร
ศูนย์วิจัยและการศึกษาพบรรพชีวินวิทยามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิภัณฑ์ไดโนเสาร์
พิพิธภัณฑ์สิรินธร และบริษัท เนตรชนก แทรวเล จำกัด จัดโปรแกรมนำเที่ยว
“ปิดเทอม...พาลูกไปฝึกล่าไดโนเสาร์” ตอน “สำรวจจริง กับตัวจริง” 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 21-23 เมษายน 2560 ราคาแพกเกจ ผู้ใหญ่คนละ 3,999
บาท เด็กคนละ 1,999 บาท
เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนประสบการณ์เดินทางภายในภาคอีสานด้วยกัน
3 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์
เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
รวมทั้งสร้างความผูกพันกับเส้นทางท่องเที่ยวที่มีคุณค่าอีกมากมาย
กิจกรรมที่ครอบครัวที่เข้าร่วมโปรแกรมทัวร์ครั้งนี้
จะได้ร่วมสนุกกับการฝึกทำ ผ้ามัดย้อมลายไดโนเสาร์ ทำข้าวจี่ไดโนเสาร์ งานศิลป์
และอาหารสุดเจ๋งจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และเข้าร่วมงาน “มหัศจรรย์ไดโนเสาร์ประเทศไทย
@ขอนแก่น สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมท่องเที่ยวแต่ละเดือนของ ททท.ขอนแก่น
ได้ทาง facebook : TAT Khonkhen หรือ 0
4322 7714-6
เปิด 4 เทรนด์ร้านใหม่ในเมืองขอนแก่น
จากการลงพื้นที่ร่วมกับ
ผู้บริหารและทีมงาน ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำรวจสถานที่แห่งใหม่ ๆ
ในบริเวณจังหวัดขอนแก่น พบว่า ในเขตอำเภอเมือง มีสถานที่แนะนำเทรนด์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่
4 แห่ง ได้แก่
แห่งที่ 1 ร้านไอศรีมโฮมเมดเทรนด์ใหม่ล่าสุดชื่อร้าน
“Double D Frozen Youguat”
ของนักธุรกิจวัย 30 ปีเศษ
ตรงถนนมิตรภาพ 16 ซึ่งออกแบบตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์นเก๋
ๆ พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์เครื่องกดไอศรีมโยเกิร์ตตามแบบตะวันตก ให้นักท่องเที่ยวกดไอศรีมเองเลือกรสที่ชื่นชอบ
เริ่มจาก 5 รส ได้แก่ บลูเบอร์รี่
สตอร์บอรี่ ลิ้นจี่ แคนตาลูป และรสโยเกิร์ตธรรมชาติ
แห่งที่ 2 “Kusky
Café’”
เป็นคาเฟ่ฟาร์มสุนัขพันธุ์ฮัสกี้
นำบ้านพักอาศัยที่มีบริเวณมาออกแบบเป็นฟาร์มสุนัขรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เล่นสนุกกับการป้อนอาหาร
แต่ละวัน อังคาร-ศุกร์ จะแบ่งเป็น 3 รอบ รอบละ 1.45
ชั่วโมง คือ 13.00-14.45 น. 15.00-16.45 น.17.00.18.45
น.ส่วน เสาร์-อาทิตย์ วันละ 4 รอบ โดยเพิ่มรอบ 10.30-12.00 น.
ภายในร้านจะมี เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ชา กาแฟ ที่ตกแต่งฟองกาแฟเป็นรูปสุนัขในร้าน
พร้อมกับเค้กออกแบบเป็นรูปหน้าชื่อสุนัขมาตั้งชื่อเค้กแต่ละรส บัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 120 บาท
ฟรีสำหรับเด็กความสูงต่ำกว่า 120 เซนติเมตร สามารถโทร.สอบถามที่ 094-905-3048 หรือเข้า facebook husky café
แห่งที่ 3 ฟาร์มม้า KK
FARABELLA HORSE
ภายในบริเวณมีทั้ง ม้าแคระ ม้าขี่
แกะ กวางดาว ให้เด็ก ๆ และครอบครัวถ่ายรูป ป้อนนม ป้อนหญ้า ให้อาหาร
ได้ในบรรยากาศเปิดโล่งสบาย ๆ
แห่งที่ 4 ร้าน Cafe de’ Forest เป็นร้านกาแฟ และเค้ก ตั้งอยู่ในเมืองบริเวณซอยหน้าศูนย์ราชการ
หัวมุมถนน กรมป่าไม้ขอนแก่น
ที่มีกาแฟรสชาติเฉพาะของพันธุ์เดียวอะราบิก้าเพียงอย่างเดียว
เพื่อนำมาปรุงเป็นกาแฟเมนูต่าง ๆ หลากหลายรสาติ อีกทั้งยังมีน้ำผลไม้ผสมผสาน รูป
รส กลิ่น สี อย่างลงตัว เป็นแบบฉบับเอกลักษณ์เฉพาะของร้านนี้เพียงแห่งเดียว
ข่าวที่ 4 “บางจากจับมือเดอะมอลล์ช็อปลดเติมรับ”
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร จัด “ช็อปลด..เติมรับ” วันนี้-31 พฤษภาคม 2560
ให้สิทธิ์สมาชิกบัตรบางจากหรือผู้สมัครสมาชิกหน้าเคาน์เตอร์เพื่อใช้บริการ
สามารถนำท้ายใบเสร็จรับเงิน “เดอะมอลล์ โคราช และ ปั๊มบางจาก ในจังหวัดนครราชสีมา มอบส่วนลดท้ายใบเสร็จสูงสุด
120 บาท
ระหว่างวันนี้-31
พ.ค. 60 เมื่อเติมน้ำมันปั๊มบางจาก ครบ
700 บาท รับทันทีส่วนลด100 บาท
เพื่อใช้ซื้อสินค้าที่เดอะมอลล์ โคราช
กติกาการรับส่วนลด 100 บาท เพียงแสดงท้ายใบเสร็จที่มีส่วนลดจากปั๊มบางจาก
กับเจ้าหน้าที่แคชเชียร์ในห้างฯ เพื่อรับส่วนลดมูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าราคาปกติ 700 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ในแผนกดีพาร์ทเมนท์ สโตร์
(ยกเว้นซุปเปอร์ มาร์เก็ต) ที่เดอะมอลล์ โคราช จะได้ส่วนลด 100 บาท/ 1
ใบเสร็จ
ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันบางจากร่วมรายการ
Call Center1651
ข่าวที่ 5 “10พันธมิตรโหมขายวันธรรมดายาแรง"
นางสุจิตรา
จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า ระหว่างนี้-30 กันยายน 2560
ได้เพิ่มความเข้มขันกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศ โดยร่วมกับ 10 พันธมิตร จัดโครงการ “วันธรรมดาน่าเที่ยว”
ในการเปลี่ยนวันว่างให้เป็นวันเศรษฐกิจ กลายเป็น “วันพิเศษ” ภายใต้แนวคิด “โอ้โห!
วันธรรมดา...วันพิเศษ”
โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบครบวงจร
10 พันธมิตร
มอบความพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางพักผ่อนวันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี
ของแต่ละสัปดาห์ ประกอบด้วย โรงแรมและรีสอร์ทเครือเซ็นทารา, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือ เซเรนนาต้า โฮเทล
เเอนด์ รีสอร์ท, เว็บไซต์อะโกด้า,
สายการบินไทยแอร์เอเชีย, ไทยเรนท์อะคาร์, นครชัยแอร์ ,ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล,
เอสแอนด์พี และ บางจากปิโตรเลียม
ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ
อาทิ ที่พักรับโปรโมชั่นลดสูงสุด 60%
พร้อมรับสิทธิพิเศษสุดเอ็กคลูซีพอีกมากมาย ทั้งอัพเกรดห้องพัก ส่วนลดห้องอาหาร-สปา
รถเช่าราคาเริ่มต้นที่ 550
บาท เติมน้ำมันรับคะแนนคูณสอง ช้อปปิ้งครบ 50,000 บาท รับบัตรห้องพักฟรี เป็นต้น สนใจโปรโมทชั่นสุดพิเศษเพิ่มเติม
คลิ๊กเลยเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/weekdayspecial
@ช้อปเพลินเดิน4ตลาดชิคๆเมืองขอนแก่น
เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวเมืองหมอแคนแดนอีสาน
“ขอนแก่น” แนะนำว่านอกจากไปวัดสวย ๆ แหล่งธรรมชาติงาม ๆ แล้ว ต้องไปชมสินค้าพื้นเมืองกับการ
“ช้อปเพลินเดินตลาด” ในทุกหัวมุมถนนสายสำคัญ
ที่เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไฮไลต์ 4 แห่ง
เริ่มต้นจาก “ตลาดโต้รุ่ง” บริเวณ “ถนนรื่นรมย์ตัดกับถนนหน้าเมือง”
เป็นตลาดเก่าแก่อยู่คู่เมืองมายาวนาน บนถนนสายกลางคืนแห่งแรกที่ละลานตาไปด้วย
อาหารการกินนานาชนิด และสารพัดของแฟชั่น สินค้าที่ระลึก ให้เลือกซื้อตามอัธยาศัย
อย่าง เสื้อผ้า กางเกง กิ๊ฟช็อป ผ้าห่ม รองเท้า และอีกมากมาย
“ถนนคนเดินขอนแก่น”
ทุกวันเสาร์
บริเวณถนนคนเดินเมืองขอนแก่น เป็นศูนย์รวมของเยาวชนคนรุ่นใหม่กว่า 700 ร้านค้า สไตล์พื้นเมืองภาคอีสานและงานมือหรือแฮนด์เมด งานศิลปะ
งานไอเดียสร้างสรรค์ งานหัตถกรรม เรื่อยไปจนถึงอาหาร ของรับประทานเล่น
“ตลาดต้นตาล”
ตั้งอยู่ติดถนนมิตภาพ ด้วยสโลแกนว่า
“ตลาดต้นตาล ตลาดฝันของคนมีไอเดีย”
อันเกิดจากความตั้งใจของเจ้าของโครงการที่จะให้เป็นศูนย์รวมชิ้นงาน ศิลปะ ของสะสม
สิ่งประดิษฐ์ หรือของที่คนชื่นชอบ โดยมีหลากหลายกลุ่มมาพบปะกัน ได้แก่
กลุ่มเล่านิทาน กลุ่มละคร กลุ่มเต้นรำ กลุ่มถ่ายภาพ กลุ่มนักแสดงเปิดหมวก
กลุ่มรถคลาสสิก กลุ่มบิ๊กไบค์ มาอวดมาโชว์
แลกเปลี่ยนความเห็นในแบบคนเดียวกันนั่นเอง
“ตลาดนัดเปิดท้าย มหาวิทยาลัยขอนแก่น”
จัดเฉพาะช่วงต้นเดือนเท่านั้น
ในวันทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินชมหรือช็อปได้จากจำนวนร้านค้า 500 ล็อก มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แบ่งสินค้าที่วางขายเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทแรก อาหาร ประเภทที่ 2 สินค้าทั่วไป ส่วนร้านค้ามี 3 รูปแบบ คือ 1.เปิดท้ายขายของ 2.ร้านขึ้นโครง 3.ร้านแบกะดิน
จำหน่ายสินค้าหลัก ๆ ได้แก่ ของกิน ของทำมือ สินค้ามือสอง แฟชั่นตามยุคสมัย
หรืออุปกรณ์เสริมมือถือ
ไปถึงขอนแก่นแล้ว
นักท่องเที่ยวห้ามพลาด กระจายรายได้ด้วยการแวะไปเดินตลาดช็อปสินค้าเทรนด์พื้นเมือง
ย้อนยุค และอื่น ๆ ได้จากทั้ง 4 ตลาด
@เปลี่ยนพฤติกรรมเลิกทำให้ท้องผูก
‘ท้องผูก’
หมายถึง การที่ลำไส้ไม่สามารถขับถ่ายได้ง่ายและสม่ำเสมอ โดยมีความถี่ของการขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า
3 ครั้งต่อสัปดาห์ร่วมกับก้อนอุจจาระมีลักษณะแข็งและยากต่อการขับถ่ายออกมา
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการรับประทานอาหารไม่สม่ำเสมอและมีปริมาณเส้นใยไม่เพียงพอ
ขาดการออกกำลังกาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ) ผู้ที่มีภาวะลำไส้แปรปรวน การใช้ยาบางชนิด
และการใช้ยาระบายไม่ถูกต้อง
นักโภชนาการจึงแนะนำให้เราจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก
เช่น รับประทานอาหารที่มีปริมาณเส้นใยให้เพียงพอ
โดยรับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม เพื่อให้ได้กากใยอาหารประมาณ
20-35 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5-2.0 ลิตรต่อวัน
หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น
ฝึกนิสัยการขับถ่ายที่ดี และหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายโดยไม่จำเป็น
ถ้าหากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว
ยังมีอาการท้องผูกเรื้อรังและมีอาการรุนแรงมากขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์
เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอาการอย่างถูกต้องต่อไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “WTTCยาหอมเที่ยวไทย10ปีติดท็อปเทนโลก”
นายเดวิด สโคว์ซิลล์ ประธานบริหารสภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก (World
Travel and Tourism Council : WTTC) กล่าวว่า
ตามรายงานฉบับใหม่ของสภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก WTTC มีแนวโน้มที่ประเทศไทยติดอันดับ 10
ตลาดท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า เฉลี่ยปีละ 6.5 % สามารถทำรายได้ถึงปีละ 5.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 3
ของจีดีพีรวมประเทศ ซึ่งเมื่อปี 2559
ทำได้ 20.6 % ของจีดีพี เกิดการจ้างงานเพิ่มอีกเกือบ 10 ล้านตำแหน่ง
ประการสำคัญในอีก
10 ปีข้างหน้า ท่องเที่ยวของไทยจะสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินเพิ่มเฉลี่ยปีละ
7.3% ต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ทั้งนี้ตามรายงานของ
WTTC ระบุตลอดปี 2559 ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยขยายตัว
13% คิดเป็นรายได้เข้าประเทศ 1.9 ล้านล้านบาท (53.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ
19.2% ของรายได้จากการส่งออกรวมปี 2559
ข่าวที่สอง “โรงแรมเครือดุสิตนำร่องโปรWeChatPay”
โรงแรมเครือดุสิตธานี
รายงานว่า ได้ร่วมลงนามสัญญาเป็นพันธมิตรกับ เคเชอร์ และ แอสเซท ไบร์ท
เปิดให้บริการรับชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ของวีแชท เพย์ (WeChat Pay) ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต
ณประเทศจีน และโรงแรมในไทยอีก 8
แห่ง ได้แก่ ดุสิตธานีกรุงเทพฯ, ดุสิตธานีหัวหิน,
ดุสิตธานีลากูน่าภูเก็ต, ดุสิตธานีพัทยา, ดุสิตดีทูเชียงใหม่, ดุสิตปริ๊นเซสศรีนครินทร์, ดุสิตปริ๊นเซสเชียงใหม่ และดุสิตปริ๊นเซสโคราช ในอนาคต
ทางดุสิตจะขยายการใช้ระบบนี้ไปใช้ในเครือโรงแรมต่างประเทศด้วย
ตั้งแต่วันนี้- 30 กันยายน 2560 ได้จัดจัดโปรโมชั่นแพกเกจ “ดุสิต วีแชท เพย์” (Dusit
WeChat Pay) มอบส่วนลดให้ลูกค้าที่ชำระผ่านระบบวีแชท
เพย์สามารถจองห้องพักผ่านบัญชี WeChat
ของดุสิต
ลดค่าห้องพักพร้อมอาหารเช้าสูงสุดถึง 40
% จากราคาปกติ ส่วนในไทย
วันนี้-23 เมษายน 2560 เมื่อเข้าพักโรงแรมเครือดุสิตในไทย ชำระค่าบริการผ่านวีแชท เพย์
ได้รับซองอั่งเป่าแบบดิจิตอล เพื่อลุ้นรับเครดิตเงินคืนจำนวนสูงสุด 888 หยวน
ข่าวที่สาม “บินไทยได้งบเงินกู้5พันล้านใช้หนี้”
กระทรวงการคลัง
ออกประกาศกระทรวงการคลัง ให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติ กู้เงิน
Euro Commercial Paper หรือ ECP
Programme ของกระทรวงการคลัง
ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2560 แบ่งเป็น 3 งวดรวด งวดละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ รวม 3 งวด
เป็นเงิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 5,291,140,000 บาท
เพื่อให้การบินไทยดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามสัญญา
ช่วงมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์ การบิน/ท่องเที่ยว
และเจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 Mhz.
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น