หอการค้าไทย-ททท.บูมเที่ยวไทยเท่โกยเงินส่งออก-Alibabaจ่อเช่าที่สุวรรณภูมิทำอีคอมเมิร์ซปาร์คเอเชีย-ไทยสไมล์แห่บินอินเดีย5เมือง
หอการค้า-ททท.จัดทัพ
“ไทยเท่”ส่งออกเทรนด์ใหม่
ทุ่มขายครีเอทีฟอินโนเวชั่น“วัฒนธรรม+ท่องเที่ยว”
คิงเพาเวอร์5ปีหน้าทุ่ม1.25หมื่นล.ขึ้นแท่น5ของโลก
Alibabaจ่อเช่าที่สุวรรณภูมิผุด“อีคอมฯปาร์คเอเชีย”
สุดยอดสงกรานต์ล้านนา“สุโขทัย-ชม.-ลำปาง”
ไทยสไมล์แห่บินอินเดีย5เมืองรอโกย1.1หมื่นล้าน
บางกอกแอร์ทุ่มขายตั๋วโปรไทย-เทศเริ่ม990บาท
เครือดุสิตเทห้องถูกในนอกประเทศขายสงกรานต์
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่
2 เม.ย.2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังสดทางได้มือถือเลือก FM
97.0 หรืออ่านได้ทาง www.facebook.com/penroong
และ gurutourza.blogspot.com ฟังข่าวย้อนหลังใน youtubeทาง www.facebook.com/rauydauykhao)
ช่วงที่ 1 ฟังสัมภาษณ์ทันข่าวทันเหตุการณ์ และสาระที่น่าสนใจ
“คุณธเนศ
วรศรัณย์” กรรมการหอการค้าไทยและที่ปรึกษาคณะกรรมการ (บอร์ด)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์กับทางรายการถึงโครงการ “#เที่ยวไทยเท่”
จุดเปลี่ยนทางการตลาดยุคใหม่ด้วยกลยุทธ์ล้ำลึกที่จะติดอาวุธทางการแข่งขันให้ประเทศไทย
วิน วิน เกม ในการผนวกใช้ “วัฒนธรรม” ทำแพกเกจ “ส่งออก” อย่างชาญฉลาด
ด้วยการขายพ่วงระหว่าง “สินค้ากับการท่องเที่ยว” เข้าด้วยกัน
โดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนเดินสายไปทั่วโลก เพียงแค่อาศัย “นักท่องเที่ยวต่างชาติ”
ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า 30 ล้านคน ทำให้เกิดการรับรู้และประทับใจแล้วนำสินค้าไทยไป “บอกต่อ”
กับชาวโลกให้สั่งซื้อแบบไร้พรมแดนจำนวนมหาศาล
“คุณธเนศ”
อธิบายถึงความเป็นมาของอภิโปรเจ็กต์ “#เที่ยวไทยเท่” ว่าคอนเซ็ปต์โครงการเริ่มมาจากหอการค้าไทยต้องการทำเรื่อง
Culture Economy :วัฒนธรรมในเชิงเศรษฐกิจ
เพราะประเทศไทยสามารถสร้างวัฒนธรรมเป็นจุดขายในเวทีโลกได้
ขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าไทยและบริการได้
แต่ต้องเริ่มคนไทยจะต้องเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในไทยความเป็นไทยก่อน
จากจุดเริ่มแนวคิด
Cultural Economy นำความเป็นไทยแท้ บวกเข้ากับ
อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และใช้นวัตกรรมเป็นตัวเชื่อมสร้าง “สินค้าใหม่ๆ”
โดยมีวัตถุประสงค์หลักเบื้องต้นช่วงเปิดโครงการ
คือ
1.เพื่อสร้างพฤติกรรม
และรูปแบบของนักท่องเที่ยวคนไทยให้มี creative Cultural Engagement ในการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทยสร้างคุณค่าและมูลค่ามากขึ้น 2.เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองไทยในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์
และกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวช่วงนอกฤดูหรือ Low Season ตลอดปี 2560
ส่วนการที่ทำให้โครงการ
“#เที่ยวไทยเท่” เกิดเป็นรูปธรรมได้เบื้องต้นได้กำหนดออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก แนวทางการสร้างสรรค์ความต้องการสินค้า (create
demand)
ทำให้คนไทยภาคภูมิใจแล้วอยากออกไปท่องเที่ยวเมืองไทยในสไตล์เท่ ๆ ส่วนที่สอง
ไทยเท่เที่ยวไทย โดยทางหอการค้าไทยจะเร่งปรับโปรดักซ์โดยมองไปถึงอนาคตที่จะปรับขยายไปสู่ระดับโลกได้ด้วย
ตามแผนงานจะแบ่งการขับเคลื่อนโครงการเป็น
2 เฟส ประกอบด้วย เฟสที่ 1 เจาะตลาดกลุ่มคนไทยกระตุ้นให้ออกมาท่องเที่ยว
ควบคู่กับการผลิตสินค้าท้องถิ่นให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของคนไทย เฟสที่ 2
จะขยายเข้าไปยังกลุ่มต่างชาติปีละ 33 ล้านคน
จะให้คนเหล่านี้มาซึมซับความเท่แบบไทยแล้วนำกลับไปสื่อต่อถึงวัฒนธรรมและสินค้า
ขณะเดียวกันทางหอการค้าไทยจะให้ฝ่ายเกี่ยวข้องด้านการผลิตสินค้าเพิ่มความเข้มข้นกับตลาดต่างประเทศ
อันจะนำไปสู่เป้าหมายปลายทางตามแผนระยะสุดท้าย
เรื่องการยกระดับสินค้าไทยสู่ตลาดอินเตอร์อย่างสมบูรณ์ โดยใช้ “วัฒนธรรม” กับ
“นวัตกรรม” ผสมผสานเข้าด้วยกัน
แต่ละเฟสจะใช้เวลาพัฒนาจนเกิดเป็นรูปธรรมในการผลิตเครือข่ายสินค้า
หรือ supply ต่อเนื่องไปจนถึงสามารถ จำหน่ายถึงมือลูกค้า
นั้น แต่ละเฟสจะใช้เวลาเพียง เฟสละ 1 ปี ภายในปี 2560-2561
ก็จะเห็นผลการพลิกจุดขายด้าน “การส่งออกแนวใหม่”
นวัตกรรมวัฒธรรมไทยบวกการท่องเที่ยว จากนั้นจะต่อยอด เพราะโครงการ “ไทยเท่”
เป็นโปรเจ็กต์ของ “ประเทศ” ทั้งหอการค้าและ ททท.เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาช่วยทำให้จิ๊กซอร์ประกอบตัวกันเป็นรูปร่าง
เพราะไทยเท่เป็นการนำวัฒนธรรมไทยมาขายในสินค้าและบริการที่คู่แข่งประเทศอื่น ๆ
ไม่สามารถแย่งจากไทยไปได้
การแบ่งหมวดสินค้า
“ไทยเท่” ที่จะส่งออกเพื่อขายวัฒนธรรม-การท่องเที่ยว
สภาพปัจจุบันสินค้าเฉพาะท่องเที่ยวมีอยู่หลากหลายจำนวนมาก เฉพาะ “#เที่ยวไทยเท่” ก็แบ่งออกเป็น 10 หมวด
ส่วนหอการค้าไทยจะแบ่งสินค้าภาคการผลิตโดยดูในทุกจังหวัดสามารถผลิตได้ตามอัตลักษณ์ชุมชนของตนเอง
ซึ่งจะแบ่งเป็น 4 หมวด ได้แก่
หมวดที่ 1 อาหาร มีความเท่ ๆ อยู่มาก ทั้งของกินและของฝาก
หมวดที่ 2 ของฝากที่มิใช่อาหาร อาทิ สินค้าแฟชั่น
เครื่องแต่งกายต่าง ๆ
หมวดที่ 3 กิจกรรม สังเกตว่าประเทศไทยจะมีกิจกรรมเท่ มีเสน่ห์จำนวนมาก
หมวดที่ 4 แหล่งท่องเที่ยวเท่ หรือ Attraction อาจจะเป็นชายหาด เมือง ร้านกาแฟ
สำหรับทุก ๆ จะรณรงค์ให้ทุกพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของโครงการที่ไม่ได้ตีกรอบเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว
แต่ขอให้เป็นความ “เท่ที่เป็นตัวของตัวเอง” เป็นหลัก
เหตุผลในการนำ
“วัฒนธรรม-นวัตกรรม” มาผสมผสานการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ “ไทยเท่”
เนื่องมาจากได้เห็นโมเดลต้นแบบความสำเร็จจากหลายประเทศอย่าง เกาหลี ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสามารถนำวัฒนธรรมบันเทิงสร้างการรับรู้และความนิยมไปทั่วโลกพร้อมกับต่อยอดไปได้มากมหาศาล
แต่เมื่อย้อนมองกลับมาในประเทศไทยไม่สามารถทำแบบเกาหลีได้ ในการสร้าง
“อุตสาหกรรมบันเทิง” เป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จทางเศรษฐกิจในเวทีโลก
แต่ประเทศไทยมี
“นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก” เดินทางเข้ามาทุกปี ปีละ 30-40 ล้านคน ที่อยากจะมาดูความเป็นไทย
เพียงแต่พวกเราเองยังไม่สามารถจะหยิบยกความเป็นอัตลักษณ์ไทยชัด ๆ
นำเสนอให้โดนใจนักท่องเที่ยวนานาชาติกลุ่มดังกล่าว ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปถึงเวลาแล้วที่เราจะช่วยกันนำ
“อัตลักษณ์ไทยเท่” มาทำให้เกิดความชัดเจนแล้วทำให้นักท่องเที่ยวช้อป ชิม แชร์
และซื้อกลับบ้าน พร้อมกับไปบอกต่อกับเพื่อนให้เข้ามาซื้อต่อ ๆ กันไปด้วย
เพราะสิ่งที่
“บอกต่อ” มีความสำคัญมากกว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยซ้ำ เนื่องจากในการใช้นักท่องเที่ยวเป็น
“สื่อบอกต่อ” วัฒนธรรมของไทยไปถึงยังคนทั้งโลก
สุดท้ายแล้วคนทั้งโลกที่ได้ยินได้ฟังก็จะหันกลับมามองเมืองไทยในมุมใหม่อย่างชัดเจนมากขึ้น
ทำให้สินค้าและบริการของไทยได้รับความนิยม
ก็อย่างที่บอกว่า
“วัฒนธรรม” ใคร ๆ ก็มี และอาจจะเลียนแบบกันได้ แต่ถ้าเรามี “อัตลักษณ์” แล้วนำ
“นวัตกรรม” เข้าไปสร้างสรรค์สินค้าโดยมีรากวัฒนธรรมออกมาได้
ซึ่งเป็นโปรดักซ์ที่ประเทศใดก็ไม่สามารถเลียนแบบได้อย่างแน่นอน
ซึ่งจะเป็นจุดขายที่แข็งแรง
ส่วนการสร้างผลิตภัณฑ์ส่งออกวัฒนธรรม
เพื่อจะกระตุ้นทั้งชุมชนเจ้าของสินค้ากับพฤติกรรมของตลาดให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
นั้น เฟสแรก
จะคัดสรรวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เท่และมีคุณค่าเข้มแข็งในตัวอยุ่แล้วนำมาเชิดชูเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักจดทำไทยเท่ดังกล่าว
พร้อมทั้งจะให้รางวัลกับเจ้าของสินค้าเหล่านั้น จากนั้นเฟสต่อไป
จะต้องเพิ่มหมวดสินค้าที่มีความเท่มากยิ่งขึ้น
สามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวอยากซื้อเพิ่ม
แม้แต่คนที่ไม่ได้มาเมืองไทยก็อยากสินค้าเหล่านี้ด้วยเช่นกัน อันจะนำไปสู่
“ช่องทางส่งออกการขายสินค้าไทย” ในอนาคตทางระบบออนไลน์แบบไร้พรมแดน
เพราะนวัตกรรมการค้ามีอีกหลากหลายช่องทางพร้อมจะทำได้ทันทีในจุดหมายปลายทางสุดท้ายของโครงการไทยเท่นั่นคือ
ทุกพื้นที่ต้องขายสินค้าได้ต่อเนื่องในระยะยาว
ถ้าหาก
“ส่งออกวัฒนธรรม-การท่องเที่ยว” ในโครงการ “ไทยเท่”
เดินได้ตามเป้าหมายจะมีผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างไร
คุณธเนศอธิบายว่าที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกในฐานะ
“ผู้รับจ้างผลิต” หรือ OEM
แต่นับจากนี้เป็นต้นไป เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้าง “อัตลักษณ์และวัฒนธรรม”
ของไทยจนกลายเป็นสินค้าส่งออกได้แล้ว
คนไทยจะกลายเป็นเจ้าของแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้เกิด
“มูลค่ามหาศาลเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว” เช่น ปัจจุบันการส่งออกกุ้งแช่แข็งทำเฉพาะตามการสั่งผลิตเพื่อซื้อขายเท่านั้น
แต่ต่อไปขยับเป็นกุ้งแช่แข็งบวกเครื่องแกงไทย นำไปปรุงเป็นอาหารไทยรับประทานได้เลย
จึงเป็นการผลิตเพื่อส่งออกที่มีนวัตกรรมความแตกต่างจากแบบเดิม ๆ ในปัจจุบัน
รวมทั้งเป็น “จุดแข็งที่สุดของไทย” ที่ไม่มีประเทศใดแย่งเอาไปได้
ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากตัวตนของคนไทยโดยแท้
ประการสำคัญคือโครงการ
“ไทยเท่” เมื่อพัฒนาไปถึงจุดหนึ่งก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนชาติอื่น ๆ
เนื่องจากเป้าหมายของทุกฝ่ายต้องการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คนไทยและทั่วโลกซึมซับได้มากที่สุด
พอเห็นปั๊บก็รู้ทันทีว่าเป็นของไทย
แต่ทุกวันนี้แม้แต่คนไทยเองก็ยังไม่ติดตลาดหรือมีภาพจำว่าเป็นของไทยมากเท่าไร
ดังนั้นเราคนไทยจึงควรจะหันมาร่วมมือกัน เช่น
แต่งตัวในแบบไทยของเราเองไม่ต้องเลียนแบบชาติอื่น มีการพูดถึงกันว่า
ขอแค่เป็นไทยก็เท่แล้ว ยิ่งเป็นไทยแล้วมีการใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์เข้าไปด้วยจะยิ่งเพิ่มไทยเท่มากเข้าไปอีก
ช่องทางการสร้างความรับรู้เข้าถึงคนไทยและนานาชาติ
เฟสแรก จะให้คนไทยรับรู้ก่อนด้วยวิธีง่ายๆ คือ “หอการค้าไทย”
สร้างสัญลักษณ์ด้วยมือเป็นรูปเครื่องหมายถูกวางไว้ตรงปลายคาง
“ททท.”สร้างตลาดโดยใช้ #เที่ยวไทยเท่
กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในแบบใหม่ไม่เหมือนใคร เช่น ชิมอาหาร
สถานที่ท่องเที่ยวเดิม มุมมองใหม่ เข้าถึงอาหารถิ่น ชุมชน วัฒนธรรม
เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน มากขึ้น
สร้างมุมมองใหม่ไม่ใช่ไปเที่ยวเพียงเพื่อมองผ่าน
ๆ แต่ให้เพิ่มการเข้าถึงอย่างลึกซึ้งถึงวิถีไทย เพราะบางครั้งนักท่องเที่ยวไปเพียงแค่แวะถ่ายรูป
แต่ยังไม่เข้าไปสัมผัสการกิน ความเป็นอยู่ ในแต่ละชุมชนทำกันอย่างไร
อย่างน้อยที่สุดที่สุดการแต่งกายให้เข้ากับท้องถิ่น
เพราะการท่องเที่ยวเป็นมากกว่าการเดินทางนั่นคือเป็น “การแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน”
ระหว่างนักท่องเที่ยวกับเจ้าของชุมชน เป็นเรื่องน่าสนใจ
อนาคต
“การท่องเที่ยวชุมชน” จะเป็นแนวโน้มสำคัญของไทยและทั่วโลก ไม่เฉพาะเพียงแค่
“การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น” เท่านั้นแต่มีความยิ่งใหญ่มากกว่าคือ
“การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เข้าใจคนไทย” ด้วยกันเพิ่มขึ้น
โครงการ “ไทยเท่” จึงเป็นการตอบโจทก์ครอบคลุมในหลายมิติ
ทั้ง 1.เศรษฐกิจฐานรากของชุมชน 2.ธุรกิจขนาดใหญ่เมื่อขายวัฒนธรรมด้วยการสร้างสรรใช้นวัตกรรมผนวกการท่องเที่ยว
ก็ทำให้อุตสาหกรรมภาคการส่งออกระดับประเทศ และ 3.ยกระดับการผลิตสินค้าไทยทุกจังหวัดทั่วประเทศกระจายสู่ตลาดโลกต่อไป
หากทุกคนหันมาร่วมมือร่วมใจกันทำให้
“ไทยเท่” เป็นกระแสระดับประเทศและโลกได้ เพียงทำให้โครงการเดียวปรากฏเป็นรูปธรรม
ปัญหา “การส่งออก”
ที่กำลังสะดุดอยู่ทุกวันนี้ก็จะถูกคลายปมเดินหน้าต่ออย่างเข้มแข็ง มั่นคง
นำมาซึ่งความมั่งคั่งของประเทศและคนไทยในอนาคตอย่างแท้จริง
ฟังข่าวช่วงแรก
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์5ปีหน้าลงทุน1.25หมื่นล.ขึ้นอันดับ5โลก”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
เปิดเผยว่า วางแผนการลงทุนอนาคตในระยะ 5 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2560-2564
จะงบใช้งประมาณ 12,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนแรก 10,000 ล้านบาท ในการพัฒนาธุรกิจร้านสินค้าปลอดภาษีอากร (duty free)
ภายในประเทศ มุ่งเน้นเปิดร้านในเมืองท่องเที่ยว (duty free downtown) เช่น เชียงใหม่
ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาตัวเลขนักท่องเที่ยว และลงทุนในต่างประเทศ อาทิ พม่า
ฟิลิปปินส์ เบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ1,000-2,000 ล้านบาท
ส่วนที่สอง 2,500 ล้านบาท ในการปรับปรุงร้านค้าปลอดอากร
คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ เพื่อรองรับความสะดวกสบาย
ในการซื้อสินค้าของลูกค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มสินค้าไทย
เนรมิตไลฟ์สไตล์ลานบันเทิงให้มีกิจกรรมหลากหลาย การเพิ่มสตรีทฟู้ด ร้านอาหารแบรนด์ดัง
5-6 แบรนด์ และปรับลานน้ำพุขนาดใหญ่
ให้เป็นพื้นที่กิจกรรมรับจัดงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตต่างๆ
ขณะเดียวกันก็ได้วางแผนการขาย ก่อนปิดปรับปรุงคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ เตรียมจัดแคมเปญ“See You Soon SaleParty” มหกรรมลดราคาสินค้าสุดพิเศษลดสูงสุดถึง
70 % ต่อเนื่องกัน 5 วัน ระหว่างวันที่ 21 – 25 เมษายน2560 เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด
จากนั้นวันที่26
เมษายน จะย้ายสินค้าไปจำหน่ายบริเวณชั้น
1โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ จนกว่าจะเปิดคิง เพาเวอร์
คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ในวันที่ 1 ตลาคม 2560
ระหว่างปิดซ่อมปรับปรุง
5 เดือน ระหว่าง 1 พฤษภาคมข-30 กันยายน 2560 ทางคิง เพาเวอร์ จะย้ายสินค้าดิวตี้ฟรีทั้งหมด
ไปวางจำหน่าย ที่ “โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ” โดยนำพื้นที่บริเวณห้องจัดเลี้ยง
ห้องสัมมนา แปลงโฉมเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2560 จนกว่าพื้นที่ใหม่ในคิง
เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ จะเปิดโฉมใหม่อีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
อัยยวัฒน์กล่าวว่า ใน คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ จังหวัดภูเก็ต สาขาในเอง ได้ออกแบบอาคารตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมล้ำสมัย เพื่อให้นักเดินทางได้สัมผัสความเป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของแดนใต้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากประกายไข่มุกแห่งท้องทะเล อันดามัน ส่วนสินค้ารวบรวมแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกกว่า100 แบรนด์ มาจำหน่ายลูกค้า ตอกย้ำศูนย์กลางการชอปปิ้งดิวตี้ฟรีของภาคใต้
ข่าวที่ 2 “สุวรรณภูมิเนื้อหอมAlibabaจ่อเช่าที่ผุดอีคอมฯปาร์คเอเชีย” อัยยวัฒน์กล่าวว่า ใน คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ จังหวัดภูเก็ต สาขาในเอง ได้ออกแบบอาคารตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมล้ำสมัย เพื่อให้นักเดินทางได้สัมผัสความเป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของแดนใต้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากประกายไข่มุกแห่งท้องทะเล อันดามัน ส่วนสินค้ารวบรวมแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกกว่า100 แบรนด์ มาจำหน่ายลูกค้า ตอกย้ำศูนย์กลางการชอปปิ้งดิวตี้ฟรีของภาคใต้
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า อาลีบาบา กรุ๊ป
ได้ติดต่อเข้ามาดูพื้นที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ 2-3 ครั้ง เพื่อลงทุนจัดตั้ง
“ศูนย์การค้าทางอิเล็กทรอนิกส์และระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค
: E-Commerce ParkW เนื่องจาก
ทอท.มีที่ดินแปลงที่
37 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 1,000 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณทางทิศตะวันออกของสนามบินว่าง
1 แปลง
พื้นที่ดังกล่าวได้รับความสนใจจากทางกลุ่มผู้นำการลงทุนจีนระดับแถวหน้าของโลกคือ
“อาลีบาบา” จะเข้ามาเช่าพัฒนาทำธุรกิจโครงการศูนย์การค้าอิเล็กทรอนิกส์และโลจิสติกส์ในพื้นที่ขนาดประมาณ
150 ไร่
สำหรับระเบียบพิธีการลงทุนในที่ดินซึ่งอยู่ในความดูแลของ
ทอท.และท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น “ทางกลุ่มอาลีบาบา”
จะต้องปฏิบัติตามหลักเงื่อนไขกฎหมายไทย ประกอบด้วย ตั้งเป็นเขตปลอดภาษี (Free Trade Zone) และคลังสินค้าทัณฑ์บน
เพื่อบรรจุหีบห่อและขนส่งสินค้าออกไปผ่านทางบก ทางอากาศ และทางรถไฟ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถขอรับเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยจะต้องเจรจากับรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้มีรายงานว่าทางกลุ่มอาลีบาบาได้จัดระบบวิธีการลงทุนในประเทศไทย
โดยให้บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ามาซื้อกิจการไปเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) อนุมัติแผนลงทุนเฟสแรกในพื้นที่
150 ไร่ และเฟสที่สอง จะใช้พื้นที่อีกประมาณ 300 ไร่
ข่าวที่ 3 “ททท.จับมือ2บิ๊กโละปัญหาขยะ3ฝั่งทะเล”
ททท. จับมือ 2 พันธมิตรใหญ่ “พีทีที โกลบอล เคมิคอล-มูลนิธิอีโคอัลฟ์”
เปิดตัวโครงการ UPCYCLING THE OCEANS,THAILANDนำร่องแก้ขยะแหล่งเที่ยวทะเล
นายยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) กล่าวว่า ร่วมมือกับ 2 องค์กรชั้นนำ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด
(มหาชน) และมูลนิธิอีโคอัลฟ์ ทำโครงการ “UPCYCLING THE OCEANS, THAILAND” ส่งเสริมการจัดการปัญหาขยะในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทย
รวมถึงพื้นที่ชายฝั่งและหมู่เกาะที่เกี่ยวเนื่องอย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และรับผิดชอบต่อสังคม
เนื่องจากการท่องเที่ยวหลายๆแห่ง ยังคงประสบปัญหาความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว
และเผชิญปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ขยะ น้ำเสีย โดยขาดการจัดการที่มีประสิทธิภาพ จึงต้องเร่งพื้นที่ต่าง
ๆ ตื่นตัวทำการจัดการขยะในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในไทย
เพื่อให้เกิดอย่างยั่งยืนต่อไป
นายสุพัฒนพงษ์
พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด
(มหาชน)หรือ PTTGC ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์จะเข้ามาร่วมรณรงค์การนำขยะขวดพลาสติกใสหรือขวด
PETในทะเลและพื้นที่ชายฝั่งมาใช้ซ้ำโดญแปรรูปสู่อุตสาหกรรมเสื้อผ้าด้วยนวัตกรรมการผลิตเป็นเส้นใยสังเคราะห์โพลิเอสเตอร์และพัฒนาและออกแบบเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่มีมูลค่าที่สูงขึ้นตามแนวคิดเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน
(Circular Economy)ซึ่งสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากขยะพลาสติกอย่างคุ้มค่าและช่วยประหยัดพลังงานและน้ำในการผลิตในอุตสาหกรรมช่วยลดมลพิษในทะเลและช่วยฟื้นฟูและดูแลแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม”
นายฮาเวียร์ โกเยนิเช่ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิอีโคอัลฟ์
กล่าวว่า “มูลนิธิอีโคอัลฟ์เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินโครงการ UPCYCLING THE OCEANS ในสเปน ได้นำโมเดลการแก้ปัญหาขยะในทะเลมาใช้กับประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียทำโครงการUPCYCLING THE OCEANS เข้าสู่กระบวนการจัดเก็บ แปรรูป
และพัฒนาเป็นเสื้อผ้า สร้างความตระหนักของปัญหาและผลกระทบของขยะในทะเลซึ่งมีขยะพลาสติกในมหาสมุทรทั่วโลกถึง
269,000 ตันหรือ 2.25 ล้านล้านชิ้น
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนร่วม 1 แชร์ช่วยสังคมได้”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท
บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เปิดแคมเปญ
“ทุกการช่วยเหลือส่งต่อได้” รวมทั้งได้เริ่มมอบเงินบริจาคจากสมาชิกบัตรบางจากแก่องค์กรสาธารณประโยชน์ผ่านแคมเปญ
"ทุกการช่วยเหลือส่งต่อได้" โดยเปิดให้ทุกคนในสังคมเข้าไปช่วยกันแชร์ผ่าน
www.facebook.com/bangchakgasoholclub www.facebook.com/story ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เป็นต้นมา
โดย
1 แชร์มีค่า 1
บาท
ร่มกันแชร์คลิปที่บางจากผลิตสื่อทางเฟซบุ๊คดังกล่าว เมื่อแชร์ครบ 1 แชร์ขึ้นไป
ทางบางจากจะมอบเงิน 1 ล้านบาท ให้แก่องค์กรสาธารณะประโยชน์ในโครงการ
“ทุกการช่วยเหลือส่งต่อได้”
สำหรับเงินที่บริจาคดังกล่าวบางจากพร้อมนำไปมอบให้แก่องค์กรที่เสียสละทำงานเพื่อสังคมทั้งเด็กถูกทำร้าย
คนพิการ ผู้ป่วยสูงวัยในถิ่นห่างไกลทุรกันดาร และอื่น ๆ
เพราะพลังน้ำใจจากการเพียงแค่ปลายนิ้วในการคลิกแชร์คลิป
“ทุกการช่วยเหลือส่งต่อได้” นั่นเอง
ข่าวที่ 5 “3ตัวแทนเจนวายบูมเที่ยวไทเท่ททท.”
ททท.-หอการค้าไทย
ออกตัวแรงทำ"เที่ยวไทยเท่" ปลุกเจนวายเที่ยวไทยกระหึ่มกับ 10 เทรนด์เท่ ตัวแทนเจนวายแถวหน้าของเมืองไทยแห่ร่วมวง
นายกลินทร์
สารสิน ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
และประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า มอบหมายให้ ททท.ดำเนินโครงการ
"เที่ยวไทยเท่" สร้างเทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแลนด์
4.0 มุ่งกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวเจนวาย
โดยใช้การผลิตภาพบนตร์ 9 ตอน สร้างกาารับรู้แก่ผู้ชมกว่า 10 ล้านคน
และปลุกเจนวายมาเที่ยวไทยเท่เพิ่มขึ้นอีก 10%
โดยทาง "หอการค้าไทย"
จะได้สนับสนุนสินค้าไทยตั้งเป้าส่งเสริมการผลิตหรือ supply ผ่านกลยุทธ์ 2 C
คือCreatvity และ Culture เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้คิดสร้างสรรค์ สร้างสินค้าไทยเท่
เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ผลักดันให้เกิดการส่งออกทางวัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก ขณะนี้ได้จัดเตรียมความพร้อมของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ซึ่งเป็นสมาชิกหอการค้าไทยเพิ่มความเข้มข้นในการผลิตสินค้าอัตลักษณ์ไทยแบบผสมผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยด้วยนวัตกรรม
สร้างจุดขายให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งประเทศอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถใช้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยโดนใจแล้วนำไปเผยแพร่กระจายสู่เครือข่ายตลาดทั่วโลก
ขณะที่
"นายยุทธศักดิ์ สุภสร" ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า
ททท.พร้อมสวมบทบาทในการสร้างตลาดหรือ demand เพิ่มการใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวไทยเท่" ด้วยเซตเตอร์ 10
เทนลรนด์เท่ กินเท่ ทำเท่ มุมเท่ ชิลล์เท่ ช้อปเท่ ไปมาเท่ เทศกาลเท่
แลกความเท่ ใจเท่ ทุกคนสามารถร่วมสนุกด้วยการใส่ #เที่ยวไทยเท่ แล้วส่งมาที่ www.เที่ยวไทยเท่.com เพื่อลุ้นรับรางวัลทุกเดือน
เบื้องต้นมีตัวแทน 10 Setter เที่ยวไทยเท่ รุ่น 1 มาร่วมนำเสนอความรู้สึกด้วย 3 คนแรก ประกอบด้วย
“ธนา-ภัทร ฉัตรบริรักษ์” ศิลปินรุ่นใหม่จาก ช่อง 3
อธิบายว่าปลาบปลื้มที่ได้เป็น1ในนักแสดงภาพยนตร์สั้นเที่ยวไทยเท่ฉบับพิเศษ
โดยได้มีโอกาสไปสัมผัสการเดินทางไปคลองมหาสวัสดิ์ นครปฐม ซึ่งเป็นการปลูกนาบัว
เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนเกษตร
“ไอซ์-ภาวิดา ภาควิวรรธ” บล็อกเกอร์ชั้นนำทางด้านบิวตี้ กล่าวว่าเป็นตัวแทนนำเสนอ
"เที่ยวไทยเท่เมืองเสียงแคนดอกคูนขอนแก่น" ที่มีความงดงามในหลากหลายมิติ
และมีอาหารถิ่นเท่รสแซบ ด้วย
"โต้-วิรุนันท์ ชิตเดชะ" ผู้หลงไหลการถ่ายภาพและเคยใช้ชีวิตช่างภาพอยู่ต่างประเทศในอังกฤษและฝรั่งเศส
ขณะนี้กลับเป็นช่างภาพอยู่ในประเทศไทย ล่าสุดไปถ่ายภาพ "แสงสุดท้าย"
โครงการในหลวง รวมทั้งได้ไปถ่ายภาพแสงสีวัฒนธรรมชุมชนผ่านวิวไฟน์เดอร์ในงาน
"แห่ต้นดอกไม้ บ้านแสงภา" อ.นาแห้ว จ.เลย ประเพณีอันงดงามอัตลักษณ์ไทยแท้หนึ่งเดียวในโลก
เป็นประเพณีที่ชาวบ้านจัดต่อเนื่องกันมานานกว่า 400 ปี
ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเลือกเล่นน้ำ
“เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ล้านนา” 3 พื้นที่ยอดฮิต สุโขทัย เชียงใหม่ ลำปาง
พร้อมข้อมูลดูแลสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน 72 ชั่วโมง รักษาฟรี และข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์
@เล่นน้ำสงกรานต์3เมืองเหนือ
“สุโขทัย-เชียงใหม่-ลำปาง”
ไปสร้างประสบการณ์เดินทางอย่างลึกซึ้งกับงานประเพณี
“เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ภาคเหนือ” ไฮไลต์ 3 พื้นที่ ประกอบด้วย มหาสงกรานต์เมืองเก่า สุโขทัย
มีให้เลือกร่วมเล่นน้ำได้ถึง 7 แห่ง โดยเฉพาะ
แห่ช้างบวชนาคไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว งานประเพณีสงกรานต์ (ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่) และ สลุงหลวง กลองใหญ่ ลำปาง
แต่ละงานมีรายละเอียดดังนี้
1. งานประเพณีเย็นทั่วหล้า
มหาสงกรานต์สุโขทัย ประจำปี 2560 จังหวัดสุโขทัย
1.1 งานประเพณีแห่ช้างบวชนาคไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว จัดงานวันที่ 7 เมษายน 2560 ณ วัดหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
1.2 งานประเพณีสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย และงานสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระยาลิไท จัดงานวันที่ 8-12
เมษายน 2560 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท)
และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
1.3 งานประเพณีสงกรานต์ และ เทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลกจัดงาน วันที่ 11-15 เมษายน 2560 ณ
เวทีการแสดงกลางแม่น้ำยม หน้าวัดสว่างอารมณ์วรวิหาร อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
1.4 งานย้อนอดีตมหาสงกรานต์ กรุงสุโขทัย ประจำปี 2560 จัดงานวันที่
12-14 เมษายน 2560 ณ
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
1.5 งานประเพณีสงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย จัดงาน วันที่ 12-15 เมษายน 2560 ณ
บริเวณเมืองสุโขทัยและสวนสาธารณะสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
1.6 งานมหาสงกรานต์ วัดศรีชุม งานวันที่13-16เมษายน ณ อุทยาประวัติศาสตร์สุโขทัย
จังหวัดสุโขทัย
1.7 งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง
สรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง วันที่ 17-20 เมษายน 2560
ณ บริเวณอนุสาวรีย์เจ้าหมื่นด้ง
ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
สอบถามเพิ่มที่ ททท. สำนักงานสุโขทัย โทร. 0 551 6228-9
ประเพณีปี๋ใหม่เมือง
หรือ ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง วันสงกรานต์ล้านนาในภาคเหนือ หรือที่เรียกว่า "ประเพณี
ปี๋ใหม่เมืองหรือ ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง" เริ่มโดยในวันที่ 13 เมษายน เรียกว่า "วันสังขานต์ล่อง"
วันนี้ถือเป็นวันสิ้นสุดศักราชเก่าของชาวภาคเหนือซึ่งจะมีการจุดประทัดในช่วงเช้า
เพราะมีความเชื่อแต่โบราณว่าเป็นการขับไล่สิ่งเลวร้ายในปีก่อนให้พ้นไป
และในช่วงเย็นจะมีงานบุญขนาดใหญ่นั่นคือการแห่พระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองด้วย
ในช่วงนี้จะมี ทั้งชาวไทย
ชาวต่างชาติมารวมตัวกันอย่างหนาแน่นเพื่อร่วมชมที่ได้ทั้งบุญและความสนุกสนาน
จากนั้นในวันที่ 14 เมษายน ที่เรียกกันว่า
"วันเนา" หรือ "วันเน่า" จะเป็นวันที่ห้ามด่าทอ
ว่าร้ายผู้อื่นไม่เช่นนั้นจะทำให้โชคร้ายไปตลอดทั้งปี
วันที่ 15 เมษายน
"วันพญาวัน" หรือ "วันเถลิงศก"
เป็นวันที่ชาวบ้านไปทำบุญตักบาตรเข้าวัดฟังธรรม
จากนั้นจะมีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในช่วงบ่าย
พอถึงวันที่วันที่
16เมษายน "วันปากปี" ทุกคนก็จะพากันไปรดน้ำเจ้าอาวาสตามวัดต่าง
ๆและรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เพื่อขอขมา โดยในวันที่ 17 เมษายน "วันปากเดือน" ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์
ชาวบ้านจะทำการปัดตัวเพื่อส่งเคราะห์ต่าง ๆ ออกไป
อันเป็นประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทางภาคเหนือหรือแผ่นดินล้านนาเท่านั้น
กิจกรรมหลัก - ร่วมขบวนแห่และสรงน้ำ “พระพุทธสิหิงค์”
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
รวมทั้งขบวนแห่ขนทรายเข้าวัด–ไม้ค้ำสะหลี (สะหลี หมายถึง
ต้นโพธิ์)
สอบถามเพิ่มที่ ททท. สำนักงานเชียงใหม่
โทร. 0 532 48604-5
3. งานสลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง ประจำปี
2560 จังหวัดลำปาง จัดงาน วันที่
9-13 เมษายน 2560 ณ บริเวณข่วงนคร สวนสาธารณะเขลางค์นคร
ถนนท่าคราวน้อย จังหวัดลำปาง
"ประเพณีแห่สลุงหลวงจังหวัดลำปาง" (สลุงหลวง แปลอีกความหมายว่าขันเงินใบใหญ่ ) พิธีการคือนำน้ำจากแหล่งน้ำสำคัญไปสรงพระเจ้าแก้วมรกตดอนเต้า
วัดพระธาตุลำปางหลวง ที่อัญเชิญมาให้ประชาชนได้ร่วมกันสรงน้ำในช่วงวันขึ้นปีใหม่ไทย
การสรงน้ำพระที่ถูกต้องตามประเพณีไทย คือใช้วิธีตักน้ำจากสลุงเทสู่รางริน ซึ่งเป็นทางให้น้ำขมิ้น ส้มป่อย น้ำอบ น้ำหอม ไหลไปสรงองค์พระ
อันถือว่าเป็นการสรงน้ำที่ถูกต้องตามประเพณี น้ำที่สรงองค์พระจะไหลไปสู่ภาชนะและถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวล้านนานำมาประพรมศีรษะ
ร่างกายหรือที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นสิริมงคล ร่มเย็นเป็นสุขแก่ชีวิตและครอบครัวของตนสืบไป
ชาวลำปางยึดถือประเพณีสรงน้ำองค์พระแก้วมรกตดอนเต้าสืบมาตลอดการจัดขบวนแห่สลุงหลวงเพื่อรับน้ำขมิ้น ส้มป่อย
น้ำอบ น้ำหอม ถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม แต่โบราณ
นอกเหนือจาก “ประเพณีแห่สลุงหลวงจังหวัดลำปาง”แล้วยังมีประเพณีแข่งขันตีกลองใหญ่หรือกลองปู่จา เป็นการแข่งขันเพื่อชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
โดยให้อำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดลำปาง
ส่งตัวแทนมาแข่งขันกันเป็นประจำทุกปี “แกงฮังเลยักษ์”
อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดลำปางเนื่องจากแกงฮังเลเป็นอาหารประจำถิ่นของภาคเหนือและจังหวัดลำปาง
เทศบาลนครลำปางรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดทำแกงฮังเลยักษ์
มอบให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน ณ บริเวณข่วงนคร เทศบาลนครลำปาง
กิจกรรมหลัก ขบวนแห่สลุงหลวง สรงน้ำองค์พระเจ้าแก้วดอนเต้า กิจกรรมประกวดแข่งขันตีกลองใหญ่นครลำปางชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
การประกวดเทพบุตร-เทพธิดาสลุงหลวง กิจกรรมกาดมั่วคัวงาย
กิจกรรมแกงฮังเลยักษ์ กิจกรรมแข่งขันทำอาหารฟ้อนรำก่อกองทรายอำเภอต่าง ๆ
ในจังหวัดลำปาง กิจกรรมท่องเที่ยววิถีลำปางและกิจกรรมการประกวดขบวนแห่จุมพระ
สอบถามเพิ่มที่ ททท. สำนักงานลำปาง โทร. 0 5422 2214-15
@ผู้ป่วยวิกฤตรักษาฟรีใน 72ชั่วโมง
นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) อธิบายถึงการดูแลสุขภาพประชาชนตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติล่าสุดมอบให้คนไทยต้อนรับช่วงการเดินทางสงกรานต์นี้
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
ให้ได้รับสิทธิความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต
รักษาฟรีภายใน 72 ชั่วโมง และให้สถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ
และให้สถานพยาบาลภาครัฐรับย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหลังเวลา 72 ชั่วโมง
โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตตามกำหนด 4 เรื่อง ดังนี้
1.กำหนดให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและขีดความสามารถของสถานพยาบาล
โดยไม่มีเงื่อนไขการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล2.กำหนดให้สถานพยาบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต จนพ้นภาวะวิกฤตรวมถึงการจัดให้มีระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตไปยังสถานพยาบาลอื่น
3. กำหนดอัตราค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานับตั้งแต่รับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจนถึงเวลา
72 ชั่วโมง
4. กำหนดหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลจะได้รับ
ในกรณีที่มีการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจากสถานพยาบาลแห่งหนึ่งไปยังสถานพยาบาลแห่งที่สอง
ภายในเวลาก่อนครบ 72 ชั่วโมง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ไทยสไมล์แห่เปิดบินอินเดีย5เมือง”
กัปตันวรเนติ
หล้าพระบาง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย
สไมล์ เปิดเผยว่า ในปี 2560 ตั้งเป้าแนวโน้มการเติบโตเฟส 2 โดยจะก้าวสู่การเป็น Regional full service เต็มตัว
จากการเปิดจุดบินใหม่ในภูมิภาคอาเซียน จีน และอินเดีย
ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากเส้นทางบินต่างประเทศเพิ่มเป็น50 % ภายในสิ้นปีนี้มีโอกาสทำรายได้เข้าเป้าหมาย
11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 50
% ซึ่งทำรายได้ไว้ประมาณ 7,500
ล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 ประมาณ 50 % เช่นกัน
โดยได้ทยอยรับมอบเครื่องบิน และเพิ่มความถี่เส้นทางบินภายในประเทศ 20 %
สำหรับการเปิดจุดบินใหม่ในปี
2560 ระหว่าง ไทย-อินเดีย มีไม่ต่ำกว่า 5 เมือง
บริการบินไป-กลับ เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ-ชัยปุระ
3 เที่ยว/สัปดาห์ ปีนี้เฉพาะมีนาคมเดือนเดียวมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร 82 %
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้จะเพิ่มเป็น 5 เที่ยว/สัปดาห์ จากนั้นเมื่อเข้าสู่ตารางบินฤดูหนาวปลายเดือน
ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป จะเพิ่มเป็น 7
เที่ยว/สัปดาห์
เส้นทางที่ 2 กรุงเทพฯ-ลัคเนา บิน 3 เที่ยว/สัปดาห์ ปีนี้เฉพาะมีนาคมเดือนเดียวมีอัตราบรรทุกเฉลี่ย
74 % ตั้ง 1 พฤษภาคมนี้จะเพิ่มเป็น
4 เที่ยว/สัปดาห์ และช่วงตารางบินปลายเดือนตุลาคม 2560 จะเพิ่มเป็น
5 เที่ยว/สัปดาห์
อีกทั้งไทยสมายล์ยังมีแผนเปิด
เส้นทางที่ 3 ภูเก็ต-มุมไบ 3 เที่ยว/สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.60
เป็นต้นไป และมีแผนเปิดจุดบินใหม่สู่อินเดียอีก 1 จุด ในช่วงตารางบินฤดูหนาว
ประมาณปลายเดือน ต.ค.60
เส้นทาง 4 เชื่อม 2 เมือง ไป-กลับ กรุงเทพ-พุทธคยา-พาราณสี ไทยสมายล์งดบินในช่วงฤดูร้อน
ระหว่าง 26 มี.ค.-30 ก.ย.2560
จะกลับมาบินอีกครั้งวันที่ 1 ตุลาคม 2560
เป็นต้นไป
ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์โหมโปรตั๋วถูกถึง9เม.ย.นี้”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
รายงานว่า ได้ทำโปรโมชั่นตั๋ว “บินคุ้มกว่า ราคาโดนใจ”
เส้นทางบินในและต่างประเทศเริ่มต้นที่ 990 บาท เป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ประกอบด้วย
1.เส้นทางบินภายในประเทศ
ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 990 บาท
(ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ) ไปยังเมืองยอดนิยม
อาทิ กรุงเทพ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สุโขทัย ตราด กระบี่ ภูเก็ต พัทยา
และหาดใหญ่
2. เส้นทางบินระหว่างสมุยสู่เมืองต่าง
ๆ ราคาเริ่มต้นเที่ยวละ 1,790 บาท อาทิ
กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และ เชียงใหม่
3.เส้นทางบินระหว่างประเทศ ราคาไป-กลับ เริ่มต้นที่ 990 บาท อาทิ
หลวงพระบาง เวียงจันทน์ ย่างกุ้ง เนปิดอว์ มัณฑะเลย์ ธากา มุมไบ พนมเปญ เสียมราฐ
ดานัง กัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ ฮ่องกง และกวางโจว ส่วน กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์
ราคาไป-กลับ เริ่มต้นที่ 9,590 บาท
สำรองที่นั่งได้ระหว่างวันที่ 3-9 เมษายน 2560 ทาง www.bangkokair.com เริ่มเปิดจองตั้งแต่
3 เมษายน 2560 เวลา 8.00 น. เป็นต้นไป) และสำนักงานขายบางกอกแอร์เวย์สทั่วประเทศ
ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1
พฤษภาคม – 30 กันยายน ศกนี้
ยกเว้นเส้นทางภายในประเทศเข้า/ออกสมุย เริ่มเดินทาง 1 พฤษภาคม – 30
มิถุนายน 2560
ดูรายได้ได้ที่
www.bangkokair.com หรือติดต่อ Call
center โทร 1771
ข่าวที่สาม “เครือดุสิตเทขายห้องถูกโกยเงินสงกรานต์”
โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต
นำเสนอโปรโมชั่น “สงกรานต์สแปลช” ตลอดเดือนเมษายน 2560
มอบส่วนลดห้องพักพร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า 30% ส่วนลดค่าอาหาร 25% พร้อมบัตรกำนัลเมนูผัดไทยฟรี
และอุปกรณ์สำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ (ปืนฉีดน้ำ, ผ้าขนหนู และกระเป๋ากันน้ำ)
สมาชิกดุสิตโกลด์
รับสิทธิพิเศษเช็คเอาท์ล่วงเวลาหรืออัพเกรดห้องพักฟรี
เพียงสมัครสมาชิกดุสิตโกลด์ฟรีและลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่ www.dusitgold.com
โรงแรมที่ร่วมรายการ
ในประเทศไทย เช่น ดุสิตธานีกรุงเทพฯ, ดุสิตธานี
ลากูน่า ภูเก็ต, ดุสิตดีทู เชียงใหม่,
และดุสิตดีทู เขาใหญ่ ในต่างประเทศ อาทิ
ดุสิตธานี มัลดีฟส์, ดุสิตธานี อาบู ดาบี,
และดุสิตดีทู ไนโรบี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักที่
www.dusit.com/songkran หรือโทร 02 636 3333
พบกับใหม่สัปดาห์หน้า วันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ 9 เมษายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
FM 97.0
MHz.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์การบิน/ท่องเที่ยว
และเจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์"
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น