ผู้นำ“ทอท.”เคลียร์ทุกปมร้อนสุวรรณภูมิ
ปี’61รุกขยายเชิงพาณิชย์ในนอกสนามบิน
คิงเพาเวอร์ปั๊มยอดจีนหนุนศก.ครึ่งปีหลัง
ททท.ควงเอกชนOTAเลิกขายทัวร์ถูกในจีน
ท้าเที่ยวข้ามภาคสิงห์ปาร์คเชียงรายส.ค.นี้ปี’61รุกขยายเชิงพาณิชย์ในนอกสนามบิน
คิงเพาเวอร์ปั๊มยอดจีนหนุนศก.ครึ่งปีหลัง
ททท.ควงเอกชนOTAเลิกขายทัวร์ถูกในจีน
ชมศูนย์วิจัยพืชสวนจ.เลยช่วงกรีนซีซัน
ยลโฉมซิลเวอร์คริสเลาจน์หรูสิงคโปร์แอร์
เปิดวังบางขุมพรมเที่ยวอารยธรรมเงินตรา
ไทยสไมล์งัดตั๋วโปรทัวร์ยกก๊วนเริ่ม888บาท
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังทางมือถือเลือก FM 97.0 หรืออ่านใน www.facebook.com/penroong และ gurutourza.blogspot.com ฟังย้อนหลังใน youtubeทาง www.facebook.com/rauydauykhao)
ช่วงที่ 1 ฟังสัมภาษณ์เจาะลึก “นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้นำ ทอท.”
อธิบายหมดเปลือกทุกประเด็นร้อนและแผนอนาคตสู่ความมั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อด้วยข่าวเข้มข้นของหน่วยงานหลักกับการลุยแผนครึ่งปีหลัง
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย
|
“ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ”
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”
ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการโดยได้อธิบายในทุกประเด็นร้อนของ
ทอท.กับอนาคตครอบคลุมหลัก 4 เรื่อง 1.การใช้พระราชบัญญัติร่วมทุนให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ
พ.ศ. 2535 จากอดีตสู่อนาคตหลังขยายพื้นที่สนามบินตามแผนอีก 10 ปีหน้า 2.การทำแผนธุรกิจเชิงรุกครึ่งปีหลังเพื่อช่วยรัฐบาลนำเม็ดเงินท่องเที่ยวเข้าประเทศ
3.การจัดระเบียบใช้ประโยชน์พื้นที่รอบนอกสุวรรณภูมิ
4.การทำซีเอสอาร์บุคลากรให้เป็นเอกลักษณ์ต้นแบบสร้างความประทับใจในบริการอย่างยั่งยืน
ดร.นิตินัยอธิบายประเด็นร้อนเรื่องแรก
“พระราชบัญญัติให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535” มีกระบวนการมากมายหากการลงทุนในกิจการของรัฐเกิน 1,000 ล้านบาท แล้ว
ทอท.ก็ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาประเมินโครงการเมื่อ 10 ปีก่อนระหว่างเตรียมเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตามที่ทาง
ทอท.ได้เปิดเสรีการแข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการดำเนินการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทาง บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) เป็นผู้ชนะประมูลได้สิทธิตามเงื่อนไขข้อตกลงสัญญาดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตามที่ ทอท.ประเมินระบุมูลค่าการลงทุนขณะนั้นไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
และวิธีการคิดคำนวณมูลค่าโครงการทั้ง
คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และ คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ประเมินแล้วไม่ได้เกิน 1,000
ล้านบาท นั้น
ทอท.ใช้การประเมินโดยต้องอยู่บนพื้นฐานข้อสมมุติฐาน เช่น ราคาต่างๆ ได้แก่ ราคาตึก
มูลค่าการก่อสร้าง เป็นเท่าไร
ซึ่งปัจจุบันมีความเห็นสองฝ่ายข้อโต้แย้งตามสมมุติฐานการตัวเลขลงทุนขึ้นอีกครั้ง
ดังนั้นผมจึงจะขอยกตัวอย่างเม็ดเงินลงทุน
โดยสมมุติตัวเลขเพื่อทำให้เข้าใจง่าย ๆ คือในวงเงินรวม 3,000 ล้านบาท ใช้อาคารและการก่อสร้างได้ 30 ปี เฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท
ตามความคิดของนักวิชาการบางคนเห็นว่าใน
พ.ร.บ.ร่วมทุนต้องรวมเม็ดเงินลงทุนไปคราวเดียวกันเลยทั้ง 3,000 ล้านบาท แต่ ทอท.ใช้หลักการประเมินโดยยึด “ช่วงอายุสัญญา”
ตามตัวเลขสมมุติข้างต้น ค่าเฉลี่ยคือปีละ 100 ล้านบาท ภายใน 10 ปี ก็เท่ากับ
1,000 ล้านบาท
การอธิบายดังกล่าวเป็นการคิดในเชิงมุมเทคนิคที่แตกต่างกันคือนักวิชาการบางคนพยายามให้คิดยอดรวม
3,000 ล้านบาท ขณะที่ ทอท.ยืนยันต้องคิดตามความเป็นจริง
ถือเป็นข้อโต้แย้งทางเทคนิคกับเชิงวิชาการ
ทอท.ยืนยันวิธีที่นำมาใช้นั้นถูกต้องตามระเบียบทุกประการ
สำหรับตัวเลขตัวอย่างที่ยกขึ้นมาในวงเงิน
3,000 ล้านบาท แต่มีอายุสัญญาแค่ 10 ปี พอถึงการเปิดประมูลใหม่ในปีที่ 11 ผู้ประมูลรายใหม่ก็ไม่ต้องนำมาคำนวณตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ดังกล่าวเลยใช่หรือไม่
เพราะขั้นตอนนั้นผ่านพ้นไปแล้วจึงไม่มีการลงทุน แต่ความเป็นจริงในปีที่ 11-20
ก็ต้องใช้จ่ายตามระยะเวลาที่ใช้ตึกนั้น ๆ
ประเด็นการคิดดังกล่าวก็อาจจะมีบางคนบอกว่า
ทอท.อธิบายแบบศรีธนณชัย เลี่ยงบาลีถ้าจะคำนวณตั้งแต่วันแรกจาก 3,000 ล้านบาท เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า หากจะสร้างตึก ณ ปีที่ 1
แล้วไปหาผู้ร่วมทุน ณ ปีที่ 4 นั่นหมายความว่าคนที่มารับช่วงทำต่อในปีที่ 4 ไม่ต้องคำนวณมูลค่าการลงทุนแล้วใช่หรือไม่
เหตุการณ์นี้ก็เช่นเดียวกันจะคิดเฉพาะสัญญาสัมปทานช่วงแรกที่เอกชนได้ไปก็ไม่ถูกต้อง
ต้องคิดต่อเนื่องครอบคลุมตลอดตามอายุของอาคารและการปลูกสร้างจึงจะถูกต้องเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
กรณีนี้ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพเฉพาะจึงจะพอเข้าใจเรื่องนี้จริง
ๆ และการโต้เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด
ทั้งนี้เมื่อเดือนธันวาคม
2554 ทาง “สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
: ปปช.” ได้เข้ามาสอบสวนประเด็นการทำสัญญาระหว่าง
ทอท.กับกลุ่ม คิง เพาเวอร์ ทั้ง 2 บริษัท
ต้องเข้าตามเกณฑ์ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ หรือไม่อย่างไร ตามที่
ปปช.ชี้มูลข้อโต้แย้งดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้วว่าไม่เข้าข่ายร่วมทุน
ซึ่งเหตุการณ์ผ่านมาครึ่งทศวรรษแล้ว
จึงเป็นเรื่องเก่าที่องค์กรกลางอย่าง
ปปช.ได้วินิจฉัยสร้างความกระจ่างจนได้ข้อยุติที่สิ้นสุดเรียบร้อยแล้ว
ส่วนในอนาคตกรณีถึงกำหนดเวลา
“ต้องเปิดประมูลใหม่” จะจัดระเบียบขั้นตอนใหม่อย่างไรบ้าง
เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันลดความขัดแย้งทางความคิด
ดร.นิตินัยอธิบายว่า
โครงการขยายพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 วางเป้าหมายจะทำให้แล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งต้องทำขั้นตอนอย่างชัดเจนให้สอคล้องการเปิดใช้บริการปี 2563
เป็นช่วงเวลาที่ สัญญากับคิง เพาเวอร์
จะสิ้นสุดพอดี ตามกระบวนการจัดทร้านค้าของรายใหม่แล้วก็จะต้องมีระยะเวลาตกแต่งสถานที่ด้วย
นั่นหมายความว่า
“การประมูลร้านค้าดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์” ในสุวรรณภูมิทั้งสองเฟส
ทอท.จะเริ่มทำได้เร็วที่สุดคือปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561
นับจากวันนี้เดือนมิถุนายนก็เหลือเวลาอีกราวครึ่งปี
ระหว่างนี้
ทอท.กำลังเตรียมจ้างที่ปรึกษามาประเมินตามขั้นตอนเช่นเดียวกันกับตอนเปิดสัมปทานรอบแรก
เมื่อประเมินแล้วว่าเข้าตามเกณฑ์ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ หรือไม่นั้น
สำหรับการใช้ประโยชน์จากพื้นที่เพื่อการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีและเชิงพาณิชย์
หลังขยายเฟสสอง ขนาดเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีก่อนแน่นอน
ส่วนจะเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนมีมูลค่าการลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท อย่างไร
ต้องขอคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญการประเมินทำหน้าที่สรุปอีกครั้ง
เพราะ
ทอท.มุ่งเน้นการเปิดประมูลอย่างโปร่งใส
รวมทั้งต้องการเห็นการแข่งขันโปร่งใสเป็นธรรมด้วยเช่นกัน
เพื่อความสบายใจทุกฝ่ายโดยเฉพาะ “ผู้ชนะสัมปทาน” รายใหม่ในอนาคต
ส่วน
“ตัวแปรที่จะส่งผลให้การเปิดประมูลพื้นที่ใช้สอยเพื่อประโยชน์ในเชิงธุรกิจ”
เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ก็มีอยู่หลายตัวแปรด้วยกัน
แนวทางการเปิดประมูลรอบใหม่จะใช้สัมปทานเดียวกันเพียง 1 สัมปทานเท่านั้น
บริเวณพื้นที่ระหว่างอาคารผู้โดยสารหลังเดิมกับหลังใหม่เฟสสอง หรือ และ Settlelgiht Terminal เฉพาะหลังใหม่มูลค่าลงทุนโครงการ 60,000 ล้านบาท
ซึ่งปรับลดราคาลงไปบ้าง ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
จะคำนวณเฉพาะที่ใช้เกี่ยวกับเชิงพาณิชย์ ไม่นับรวมอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่ใช้งานประจำอยู่ในสนามบินตามปกติ
ดังนั้นเมื่อวิเคราะห์แล้วการเปิดพื้นที่ใหม่แตกต่างจาก
10 ปีก่อนมีเพียงตึกเดียว ของใหม่รวมเป็น 2 อาคาร โดยมีพื้นที่เชิงธุรกิจเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
โดยมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเข้ามาอีกประมาณครึ่งหนึ่งของอาคารหลังแรก
ดร.นิตินัย
ได้กล่าวถึงสถานการณ์พัฒนาการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง ตามที่คณะกรรมการ (บอร์ด)
ทอท.ได้อนุมัติแผน 10 ปีข้างหน้าให้ใช้เงินลงทุนกว่า 220,000
ล้านบาท ขยายท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแล 6
แห่ง
หลังจากบอร์ดอนุมัติก็ต้องเริ่มทยอยเสนอแผนการก่อสร้างทีละส่วน
ซึ่งแผนของท่าอากาศยานดอนเมืองจะเสร็จก่อนพร้อมเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้งเดือนพฤศจิกายน
2560 จากนั้นเริ่มเดินหน้าโดยมีโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนาด้วยการจัดลำดับความสำคัญ
คือ ดอนเมือง การจราจรค่อนข้างแออัด บอร์ดจึงมีมติให้ทำโครงการ APM ก่อนรวมถึงเพิ่มอาคารจอดรถ
ส่วนชื่อโครงการสุวรรณภูมิเฟส
3 จะเริ่มจริงจังปี 2562 แต่ก่อนเข้าโครงการต้องปรับแต่ละส่วนตั้งแต่ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automatic People
Mover : APM) การทำอาคารจอดรถ
ทุกสนามบินจะใช้รูปแบบการก่อสร้างในลักษณะเดียวกัน
แล้วเสนอแต่ละส่วนที่เร่งด่วนมาทำก่อนทั้ง หาดใหญ่ เชียงใหม่และท่าอากาศยานอื่น ๆ
จะทยอยตามไปด้วยกัน
ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเริ่มเดินหน้าได้เร็วขึ้นระหว่างนี้กำลังพิจารณาจัดทำ
APM มูลค่าการลงทุนเกือบ 3,000 ล้านบาท ตามด้วย Settlelight ชั้น 2-4
กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการประมูล
สำหรับ “อัตราการเติบโตของผู้โดยสารและเที่ยวบิน” ช่วงครึ่งปีหลัง ดร.นิตินัยชี้ว่าช่วงต้นปีงบประมาณ 2560 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2559
สถานการณ์ตกท้องช้างเติบโตเพียง 2-3 % ได้รับผลกระทบจากมาตรการปราบปรามการขายทัวร์จีนศูนย์เหรียญ
แต่พอเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน สถิติเริ่มกลับมาดีขึ้นตามลำดับ
กระทั่งสู่ภาวะปกติเท่าเดิม รวมทั้งมีผู้โดยสารจากตลาดยุโรปเข้ามาเสริม
ผนวกกับทางท่าอากาศยานภูเก็ตเปิดบริการเฟสสองเรียบร้อยแล้ว
ส่งผลให้ขีดความสามารถในการรองรับผู้เดินทางเข้าออก
โดยภาพรวมจึงส่งผลทำให้ปริมาณผู้ใช้ครึ่งปีงบประมาณเพิ่มขึ้นเฉลี่ย
7.2 % จากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ 7-8 % จึงมั่นใจสถานการณ์เติบโตเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนกันยายนนี้จะทำได้สูงถึง
8 %
ขณะเดียวกันก็เตรียมนำทีมไปโร้ดโชว์การตลาดในงาน
Wolrd Route 2017 ณ บาร์เซโลน่า ช่วงเดือนกรกฎาคม
เป้าหมายจะไปหาลูกค้ารายใหม่มาเติมเต็มยังมีผู้ใช้ไม่เต็มศักยภาพ 2 ท่าอากาศยาน แม่ฟ้าหลวงเชียงราย และภูเก็ต
หลังจากเปิดเฟสสองยังสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้ให้มากขึ้น
รวมทั้งจะได้อานิสงส์ให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ในกรุงเทพฯ
มีผู้โดยสารแวะต่อเครื่องไปยังเชียงรายและภูเก็ตเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
การวางแผนกระตุ้นการลงทุนและทำโครงการคืนกำไรสู่สังคม
ในฐานะที่ ทอท.สวมบทบาท 2 สถานะ คือ
ในฐานะ “หน่วยงานรัฐ” มีหน้าที่ต้องคืนประโยชน์สู่สาธารณะหรือสังคม อีกในฐานะ
“รัฐวิสาหกิจเชิงพาณิชย์” ต้องทำประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น ทำกำไรให้มากที่สุด
เมื่อ 2
ปีที่ผ่านมาเน้นการทำบทบาทในฐานะ “ภาครัฐ”
เพราะล้าหลังมาหลายปี กระทั่งทำแผนแม่บทเสร็จสิ้นแล้ว
โดยต้องรักษามาตรฐานให้เป็นไปตามเกณฑ์สากลตลอดไป
ดังนั้นช่วงปี
2560-2561 จะทุ่มเทพัฒนาเชิงพาณิชย์ เรื่องแรก
ทำแผนขยายสนามบินให้ชัดเจน
เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจรับรู้ถึงอนาคตที่จะตัดสินใจเข้ามาพัฒนาธุรกิจ
ซึ่งตอนนี้ทุกฝ่ายเห็นภาพชัดเจนตามแผนแม่บท เรื่องที่ 2 ความไม่แน่นอนในการใช้ที่ราชพัสดุ
ได้หารือกันตกผลึกกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายในอีก 1-2 เดือนหน้า เป็น 2 เงื่อนไข
ที่จะทำให้เอกชนได้เห็นทั้งทิศทางการขยายสนามบินและการใช้ประโยชน์จากที่ดินของราชพัสดุรอบสุวรรณภูมิน่าจะเสร็จสิ้นลงด้วย
ก่อนปีงบประมาณ 2561 จะเกิดพัฒนาที่ดินว่างเปล่าในเชิงธุรกิจอย่างจริงจัง โดย
ทอท.มีทางเลือกการใช้ที่ราชพัสดุ หรือพื้นที่ว่างเปล่าใกล้กับศรีวารีน้อยมีประมาณ 723
ไร่ โดยการคำนึงถึง
“ต้นทุนการพัฒนาที่ดินแต่ละผืน” อย่างคุ้มค่า
ฉะนั้นปี 2561
จะเห็น ทอท.ก้าวสู่การพัฒนารายได้เชิงพาณิชย์เติบโตแบบก้าวกระโดดนั่นเอง
ส่วนการคืนกำไรสู่สังคม
เนื่องจาก ทอท.มีพื้นที่บริการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าจำนวนมาก หรือ Touch
Point โครงการเตรียมสร้างสรรค์ดำเนินการคือ
“การสร้างบุคลากรให้มีเอกลักษณ์การบริการสังคม” ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ต้องสัมผัสกับคนจำนวนมาก จึงจะต้องจัดการอบรมอย่างเข้มข้นให้มีบุคลิกสุภาพ
อ่อนน้อม ด้วยการใส่เอกลักษณ์เฉพาะของ ทอท.เข้าไปให้เป็นของตนเอง
จะเริ่มนำร่องที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จากนั้นปี 2561 ทั้งหมดจะเห็นบริการครบทั้ง 6 สนามบินต่อไป
ผู้นำ “ทอท.”
สะท้อนวิสัยทัศน์การยกระดับมาตรฐานธุรกิจท่าอากาศยานครอบคลุมทุกมิติ
เพื่อเสริมสร้างบริการสู่สากลนำรายได้เข้าประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์รุก2โปรเจ็กต์ปั๊มยอดจีนมิ.ย.60”
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้เร่งความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดจีนซึ่งเข้ามาไทยปีนี้แนวโน้มเกือบ 10 ล้านคน
และนิยมแวะมาเยี่ยมชมร้านค้าของคิง เพาเวอร์ ปีละ 6-7 ล้านคน ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม นี้
จึงสนับสนุนการทำโครงการ “People”s Choice Awards Thailand
Voted by Chinese Tourists 2017” ระหว่าง 26 พฤษภาคม- 8 มิถุนายน 2560 ตามที่ ททท.ได้ใช้แอพลิเคชั่นWeChat ในจีนที่มียอดผู้ใช้บริการสูงสุดวันละ
530-570 ล้านคน
กระตุ้นชาวจีน “โหวตบริการ” ผ่านทาง www.peoplechoiceawardsthailand.com ของ ททท.
เพื่อหาผู้ชนะเลิศ 14 ประเภท ได้แก่
โรงแรมหรู โรงแรมบูติค โรงแรมในเมือง
โรงแรมชายทะเล สายการบิน การแสดง บริการด้านสุขภาพและความงาม ร้านอาหาร สปา
สนามกอล์ฟ แหล่งช็อปปิ้ง กิจกรรมและธีมปาร์ค แหล่งท่องเที่ยว และจุดหมายปลายทาง
ดึงแฟนคลับ WeChat เข้ามาหาประสบการณ์เที่ยวเมืองไทยเพิ่มต่อเนื่องตลอดปีนี้และปีต่อไป
โครงการที่สอง “Women’s Jouney Thailand 2017” ตลอดเดือนสิงหาคม
2560 คิง เพาเวอร์
ร่วมกับ ททท. ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้หญิงทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามาได้รับความประทับใจในการช็อปสินค้าแบรนด์เนมและแบรนด์ไทย
ราคาพิเศษพร้อมรับของที่ระลึกคิง เพาเวอร์ 3 จุด ได้แก่
จุดแรก บริเวณ “ขาเข้าประเทศ-arrival” สนามบินนานาชาติ
สามารถซื้อสินค้าได้ไม่จำกัดจำนวน แล้วรับผลิตภัณฑ์สปา VR แบรนด์
จุดที่ 2 บริเวณ “ขาออก-departure” เมื่อเดินทางออกนอกประเทศไทยแล้วซื้อสินค้าในดิวตี้ฟรีคิง
เพาเวอร์ ครบ 3,000 บาท
รับผลิตภัณฑ์สปาพรีเมี่ยมแบรนด์อีกเช่นกัน
จุดที่ 3 รับสิทธิพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ดาวน์ทาวน์
ทุกสาขา ได้แก่ ชั้น 2 Pop Up
Store โรงแรมคิง เพาเวอร์ พูลแมน รางน้ำ กรุงเทพฯ, ศรีวารี, พัทยา, ภูเก็ต
ด้วยการโหลดแอพลิเคชั่น womenjouneythailand
ของ ททท.มาแสดง เพื่อรับส่วนลดได้ทันที 20 % ตลอดการช็อปปิ้งในเมืองไทย
ข่าวที่ 2 “ไทยใช้4มาตรการสกัดOTAขายทัวร์ตัดราคา”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประ เทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ได้จับมือภาคเอกชนวางแผนแก้ไขปัญหาขายทัวร์ออนไลน์ต่ำกว่าราคาทุน
รวมถึงลดปัญหาการตัดราคาขายทัวร์
หรือการเข้าชมท่องเที่ยวที่ตำกว่าทุกของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางอิสระด้วยตัวเอง
(F.I.T) ปรับโครงสร้างนักท่องเที่ยว
และมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลาง-บน
ที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืนจากการเติบโตของค่าใช้จ่าย ตามเป้าปีนี้จะทำให้ถึง 5
แสนล้านบาท สถิติม.ค.-เม.ย.สร้างรายได้แล้ว 1.61 แสนล้านบาท
ส่วนครึ่งปีหลังจะเร่งแก้ปัญหาการขายทัวร์ตัดราคาโดยใช้
4 แนวทาง 1.การสื่อสารกับนักท่องเที่ยวทุกช่องทางที่ ททท.
มีอยู่เพื่อเผยแพร่ประ ชาสัมพันธ์ข้อมูลราคาหน้าร้าน 2.รณรงค์ให้ไปใช้บริการกับธุรกิจท่องเที่ยวสมาชิกชมรม 3.จัดโรดโชว์เฉพาะเจาะจงให้ตัวแทนขายออนไลน์
(ATO) ที่มีอิทธิพลในการทำตลาดออนไลน์ใน
3 เมืองของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง
และกวางโจว เพื่อเจรจาธุรกิจ และ 4.เพิ่มมาตรการให้แสดงราคาขายที่สะท้อนต้นทุนจริงแก่ลูกค้า
ล่าสุด
ททท. เป็นพยานการลงนามข้อตกลงความเข้าใจเบื้องต้น ระหว่างชมรมธุรกิจท่องเที่ยว ออนไลน์
(ประเทศไทย) กับ OTA ในจีน โดยมอบหมายสำนักงานในจีน
ททท. 5 แห่ง ทำประชาสัม พันธ์เปิดโอ กาสสร้างการรับรู้ในวงกว้างให้รู้จักชมรมธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์
(ประเทศไทย) เพิ่มมากขึ้นต่อไป
ข่าวที่ 3 “ชงบอร์ด-ครม.ใช้3.2หมื่นล้านดอนเมืองเฟส3”
นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอน เมือง บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ
“ทอท.” เปิดเผยว่า ภายในเดือนพฤศจิกายน 2560 จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเสนอคณะกรรมการ
(บอร์ด) ทอท.อนุมัติการลงทุนขยายท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 มูลค่า 32,000
ล้านบาท
ก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และดำเนินโครงการได้ในปี 2562-2565
ขณะนี้ได้เร่งศึกษารายละเอียดการพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่
3 ช่วงที่ 1 ระหว่างปี 2560-2565 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น
40 ล้านคน จากปัจจุบันที่มีผู้โดยสารใช้ปีละกว่า 35 ล้านคน
ข่าวที่ 4 “บางจากปรับโครงสร้างหุ้นในBBH”
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP รายงานว่า ได้แจ้งปรับโครงสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพในเครือให้อยู่ภายใต้
บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (BBH) ตามที่ BCP
ถือหุ้นทั้ง 100%
เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน ได้แก่ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF)
ซึ่ง BBH จะถือหุ้น 70%,
บริษัท บางจากไอโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด (BBF)
ซึ่ง BBH ถือหุ้น
85% และ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (UBE)
ซึ่ง BBH จะถือหุ้น
21.3%
ทั้งนี้
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2560 ผู้บริหาร BCP ระบุว่า
บริษัทเตรียมนำ BBP Holding เข้าตลาดหลักทรัพย์
(SET) ในปี 2561
หลังปรับโครงสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3/60
ข่าวที่ 5 “ร่วมตลุยท้าเที่ยวข้ามภาคสู่เชียงรายส.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เตรียมขยายผลโครงการ
“ท้าเที่ยวข้ามภาค” ด้วยการจัดอีเวนต์ “พาเที่ยว” ขึ้นเหนือสู่เชียงราย
ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2560 โดยจะเปิดไร่ “สิงห์
ปาร์ค” ชวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสงานชุมนุม “กาแฟ” ในแง่มุมต่าง ๆ
ของร้านดังที่จะนำมาเสนอ พร้อมกับ “งานคอนเสิร์ต” ไว้ในช่วงเดียวกัน
เป็นกิจกรรมต่อเนื่องหลังประสบความสำเร็จจากอีเวนต์แรกเมื่อวันเสาร์ที่
27 พฤษภาคม 2560
ได้จัดโปรแกรมนำนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ
ไปกระจายรายได้ในงาน “งานเทศกาลสวนผลไม้ และของดีภาคตะวันออก” ส่งเสริมกิจกรรม
“ท้าเที่ยวข้ามภาค”
ด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษแจกคูปองส่วนลดค่าเข้าชิมผลไม้มูลค่า 100 บาท 20
แห่ง ในภาคตะวันออก 4 จังหวัด ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี
โดยมี
“ติ๊ก เจษฎาภรณ์”
พรีเซ็นเตอร์โครงการท้าเที่ยวข้ามภาค เป็นผู้นำทำภารกิจพิชิตหนามสละ
อิ่มอร่อยกับบุพเฟ่ต์ผลไม้กินได้ไม่อั้น หัวละ 300 บาท
เที่ยวข้ามถิ่นตามข้ามภาคไปเยือนถิ่นผลไม้ ในงานเทศกาลผลไม้และของดีจังหวัดระยอง ปี
2560 ในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวนยายดา เจ๊บุญชื่น
ช่วงที่ 2 ไปดู
“การปลูกพืชเกษตรที่สูงภูเรือ”
ช่วงหน้าฝนมีกลิ่นอายความพิเศษอีกสไตล์ให้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง
และต้องรู้วิธีเลี่ยงโรคฉี่หนูมากับฝน รวมทั้งข่าวข้นหลายประเด็น
@เที่ยวศูนย์วิจัยพืชสวนเลย
(ภูเรือ)หน้าฝน
การเลือกพักผ่อนที่ได้ทั้งความสุขและความรู้ ที่ “ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย
(ภูเรือ)” ในแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนพื้นที่สูงหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเลย
ตั้งอยู่ที่ 85 ม.6 ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ จ.เลย เปิดให้เข้าชม ทุกวันจันทร์-ศุกร์
เวลา 8.00–16.30 น.
ด้วยความที่จังหวัดเลยมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง
มีอากาศเย็นสบายตลอดปี นอกจากจะเหมาะแก่การท่องเที่ยวตากอากาศ
ชมธรรมชาติบริสุทธิ์แล้ว ยังเหมาะสำหรับการทำการเกษตรบนพื้นที่สูงอีกเช่นกัน
ภายหลังกรมวิชาการเกษตร
ได้มอบหมายให้ คุณวิฑูรย์ รัตนา หัวหน้าสถานีทดลองเกษตรที่สูง แม่จอนหลวง
บุกเบิกพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม พร้อม ได้จัดตั้งสถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือขึ้น
เพื่อดำเนินการปลูกเมล็ดพันธุ์และทดลองพันธุ์พืชต่างๆ ที่เหมาะสม
กับการทำเกษตรบนพื้นที่สูง เช่น ท้อ พลับ เกาลัดจีน สาลี่ สตรอว์เบอร์รี
และแมคคาเดเมีย เป็นต้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2552
จึงเปลี่ยนชื่อจากสถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ
เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเลย และจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็น
ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย จนถึงปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเลย ซึ่งในฤดูหนาวบางปี ที่มีอากาศเย็นจัด
ก็จะเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้ง ในช่วงเดือนธันวาคม–มกราคม
มีเทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว และเทศกาลกินผักเมืองหนาว แม้ในช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม
ก็ยังมีดอกดาหลา หน้าวัว และปทุมมาให้ชม หรือจะชิมไม้ผลเมืองหนาว เช่น พลับ สาลี่
เกาลัดจีน หน่อไม้ไผ่หวาน ก็มากันได้ในช่วงนี้ เรียกว่าที่เดียว เที่ยว
ได้ตลอดปีก็ว่าได้
การท่องเที่ยวใน
จ.เลย
วันแรก “ช่วงเช้า”เดินทางไปแก่งคุดคู้
ชมแก่งน้ำโขงที่สวยงาม แวะซื้อมะพร้าวแก้วของฝากขึ้นชื่อ “ช่วงบ่าย” ล่องเรือแม่น้ำโขง เดินชมบรรยากาศยามเย็น
ที่เชียงคาน
วันที่สอง “ช่วงเช้า” เดินทางไปยังศูนย์วิจัยพืชสวนเลย
เยี่ยมชมโครงการ พืชผัก ผลไม้ ดอกไม้เมืองหนาว “ช่วงบ่าย” แวะชมสวนองุ่น
ซื้อไวน์ที่ไร่วโนทยาน ภูเรือ
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด คือ ทุ่งคริสต์มาส เก็บบรรยากาศ
ทุ่งต้นคริสต์มาสภูเรือบนพื้นที่ 5 ไร่ ชมความงดงามของธรรมชาติ
รอบอ่างเก็บน้ำภายในศูนย์ฯ อุทยานแห่งชาติภูเรือ (สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง)
ตากอากาศท่ามกลางธรรมชาติงดงาม ในจุดหนาวที่สุดของไทย
กิจกรรมห้ามพลาด - ชมแปลงผักและไม้ผลเมืองหนาว เช่น บรอกโคลี
ปวยเล้ง พลับ สาลี่ แมคคาเดเมีย เป็นต้น แวะชมพืชท้องถิ่น ที่โรงเรือนแสดงพืชพรรณหายาก
เช่น หน้าวัว ลิลลี่ เยอบีร่า สับปะรดสี ชมไม้ดอกเมืองหนาว อาทิ ทุ่งคริสต์มาส
สวนบลูซัลเวีย พิทูเนีย เป็นต้น
สนใจท่องเที่ยว ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย(ภูเรือ)
โทร. 0-4289-1199, 0-4289-1389 หรือเข้าไปดูที่ www.doa.go.th
การเดินทาง -ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 203 หล่มสัก-ด่านซ้าย- ภูเรือ
ถึงสามแยกบ้านกกโพธิ์ ให้เลี้ยวขวาเข้าศูนย์
@หลีกเลี่ยงโรคฉี่หนูที่มาพร้อมฝน
โรคฉี่หนู
หรือเลพโตสไปโรซิส เรียกสั้น ๆ ว่าเลปโต
หนูเป็นตัวการหลักในการแพร่เชื้อจึงทำให้เราเรียกโรคนี้ว่า “โรคฉี่หนู”
แต่เชื้อโรคสาเหตุนั้นพบปนอยู่ในปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่นหนู
สุนัข แมว โค แพะ แกะ กระบือ ผู้ติดเชื้อโรคนี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง
น้อยรายที่จะมีอาการรุนแรง แก้ไม่ทันอาจเสียชีวิต
การป้องกันโรคฉี่หนู
สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฉี่หนู
เช่น ผู้ประสบอุทกภัยต้องหมั่นสังเกตุอาการผิดปกติของตนเอง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรกโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีบาดแผล
หากต้องเดินย่ำน้ำที่ท่วมขังควรสวมรองเท้ายาง หลังจากการสัมผัสน้ำสกปรกควรรีบชำระล้างด้วยน้ำสบู่และเช็ดให้ผิวหนังแห้งอยู่เสมอ
และปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่มีโอกาสมีเชื้อปนเปื้อน
เช่น บริเวณที่มีน้ำท่วมขัง
ไม่เดินเท้าเปล่าย่ำน้ำหรือพื้นที่ชึ้นแฉะไม่แช่น้ำหรือว่ายน้ำอยู่นานๆ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรป้องกันโดยแต่งกายให้รัดกุม
เช่น สวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำ รีบล้างทำความสะอาดผิวหนัง
ขาและเท้าที่ย่ำน้ำมาให้สะอาด เช็ดให้แห้งทุกครั้ง
2.หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังที่มีแผลหรือรอยถลอกต้องสัมผัสกับน้ำท่วมขังหรือพื้นที่ชื้นแฉะ
ควรใช้ปลาสเตอร์กันน้ำปิดแผล ใส่รองเท้ากันน้ำ ไม่ใช้น้ำที่ท่วมขังมาล้างแผล
ภายหลังการสัมผัสน้ำท่วมขังต้องรีบทำความสะอาดแผลให้สะอาดทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้สะอาด
ควบคุมกำจัดหนู
3.หลีกเลี่ยงอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่มีสัตว์เลี้ยงที่อาจเป็นพาหะของโรคบริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ
ดื่มน้ำสะอาด ล้างผักผลไม้ให้สะอาด ล้างมือก่อนบริโภคทุกครั้ง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “สิงคโปร์แอร์เปิดเลาจน์ใหม่สุดหรูในสุวรรณภูมิ”
สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดตัวการลงทุนใหม่ “ห้องรับรองซิลเวอร์คริสเลาจน์ (SilverKris
Lounge) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ขนาด 513 ตารางเมตร อยู่บริเวณสะพานเทียบเครื่องบิน
D พร้อมต้อนรับผู้โดยสารได้ถึง 130 ที่นั่ง โดยมีบริษัท ONG&ONG ที่มีชื่อเสียงทางด้านสถาปนิกและการออกแบบภายใน
โดยเนรมิตห้องสไตล์ร่วมสมัยภายใต้แนวคิดอบอุ่นเสมือนอยู่บ้าน“Home Away
from Home” เพื่อยกระดับห้องรับรองของสิงคโปร์
แอร์ไลน์ส ตามสนามบินทั่วโลก และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่สองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปิดตัวรูปแบบใหม่นี้
ดีไซน์ผนังฉากเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ปรากฎชัดเจนจากด้านหน้าของห้องรับรองซิลเวอร์คริสเลาจน์ตกแต่งด้วยลายบาติกลวดลายโสร่งและโลโก้ของ
สิงคโปร์ แอร์บนผนังหินแกรนิตทคีัดสรรมาเป็นพิเศษ
รวมทั้งได้นำผลิตภัณฑ์สปาแบรนด์ไทย “สยามโบทานิคคัล” เลือกผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
อาทิ สบู่ล้างมือ โลชั่นทามือ และน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นอโรมา ไว้บริการในห้องน้ำและตามจุดต่าง ๆ
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในซิล
เวอร์คริส เลาจน์ ตั้งแต่ ห้องแกลลอรี่
ห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร บาร์ขนาดใหญ่เก้าอี้นั่ง
พนักพิงทรงสูงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ไฮไลต์อีกจุดคือ “มีมุมนั่งทำงานส่วนตัว”
(Productivity pods) พร้อมปลั๊กไฟและช่องเสียบ
USB บริการ Wi-Fi ความเร็วสูง
ความโดดเด่นของ
“ห้องแกลลอรี่” ได้จัดแสดงผลงานศิลปะจากไทยและสิงคโปร์
ตลอดจนบริการนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งเมนูอาหารที่หลากหลาย บริเวณบุฟเฟ่ต์ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มมากมายโดยใช้วัตถุดิบสดใหม่
นำเสนออาหารจานเด่นประจาชาติสิงคโปร์ อาทิ หลักซา ข้าวมันไก่สูตรไหหลา และอาหารไทย
อาทิ ต้มยา กุ้ง ส้มตำอาหาร และอาหารนานาชาติ
ส่วน
“บาร์ขนาดใหญ่” รองรับได้ 12
ที่นั่ง พร้อมบาร์เทนเดอร์คอยให้บริการทั้ง เครื่องดื่มหลายประเภททั้งที่ผสมแอลกอฮอล์และไม่ผสมแอลกอฮอล์
อาทิ ค็อกเทล เหล้า ม็อกเทล ตลอดจนกาแฟและชาไทย
ข่าวที่สอง “
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป ได้เปิด
“วังบางขุนพรหม” ให้เข้าชมฟรี ทุกวันจันทร์ –วันศุกร์ เวลา 09.00 น. – 16.00 น.
วันเสาร์ เวลา 10.30 น. – 16.00 น. ให้บริการประชาชนทั่วไป (Walk-in) โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า เพียงนำบัตรประจำตัวประชาชน
บัตรนักเรียน นักศึกษา/ใบขับขี่/หนังสือเดินทาง เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าชม
หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ปัจจุบันวังบางขุนพรหมเป็นส่วนหนึ่งของ
“พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย” ภายในมีห้องสำคัญ ๆ ให้ชม เช่น ห้องสีชมพู
ห้องที่สวยที่สุดของวังบางขุนพรหม ใช้เป็นห้องรับรองแขกสำคัญและประกอบพิธีทางศาสนา
ห้องวิวัฒนไชยานุสรณ์ที่เป็นห้องทำงานของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนแรก
ส่วนห้องจัดแสดงเงินตราโบราณและห้องธนบัตรไทย
ซึ่งเดิมจัดแสดงบริเวณชั้น 1 ของวังบางขุนพรหม
ธนาคารได้นำวัตถุทั้งหมดมาอนุรักษ์เพื่อนำไปจัดวางในห้องนิทรรศการเงินตราแห่งใหม่
ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย
ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับอาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคาร ศูนย์การเรียนรู้ฯ แห่งนี้
ประกอบด้วยห้องสมุดที่ทันสมัย มี Co-working space และสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย
ตลอดจนมีพิพิธภัณฑ์ที่อนุรักษ์มรดกสำคัญของชาติ
และพื้นที่จัดนิทรรศการให้ความรู้ต่าง ๆ เช่น
นิทรรศการเงินตราที่ชวนเดินทางย้อนอดีต
และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเงินตราในช่วงอารยธรรมต่าง ๆ ประมาณปลายปี
2560 จะเปิดห้องแสดงเงินตราในอนาคต
สนใจเข้าชมโทร.
0 2283 5286, 0 2283 6152 และ 0
2283 6723
ข่าวที่สาม “ไทยสไมล์ขายตั๋วยกก๊วน4คนเริ่ม888บาท”
สายการบินไทยสมายล์ รายงานว่า ได้จัดโปรโมชั่นตั๋วโดยสารระหว่างวันนี้-7 มิ.ย.
2560 ชวนเที่ยวยกแก๊งเส้นทางในประเทศ ราคาพิเศษเริ่มต้นที่คนละ 888 บาท/เที่ยว
(รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง) โดยมีกติกตาจะต้องเดินทางพร้อมกัน 4 คน
ในเที่ยวบินและวัน-เวลาเดียวกัน เมื่อซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้-30
มิ.ย. 2560
สำรองที่นั่งได้ที่
www.thaismileair.com ตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารไทยสมายล์ทุกแห่ง
และ call center 1181 หรือ 0-2118-8888
ข่าวที่สี่ “เอกชนเล็งเพิ่มเส้นทางเรือใหม่เชื่อมอ่าวไทย”
นายปรีชา ตันติปุระ ประธานบริษัท รอยัล พาสเสนเจอร์ ไลเนอร์ จำกัด ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานบริการเดินเรือท่องเที่ยวเป็นเวลา
10 ปี ในเส้นทาง ไป-กลับ พัทยา-หัวหิน ขายตั๋วโดยสารราคาเที่ยวละ
1,250 บาท ผ่านมากว่า 4
เดือน
กระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ ขณะนี้จึงเตรียมศึกษาเส้นทางเดินเรือใหม่ๆ
ในลักษณะใยแมงมุม โดยประเมินถึงความสอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่นำผู้โดยสารมาลงสนามบินอู่ตะเภา
เส้นทางเรือใหม่ที่น่าสนใจคือ
จากท่าเรือจุกเสม็ด (สัตหีบ)-หัวหิน หรือ ท่าเรือจุกเสม็ด-เกาะช้าง โดยเฉพาะบางปู
ซึ่งมีท่าเรือและรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถพัฒนาเรือไป-กลับ สู่เมืองท่องเที่ยวริมทะเล
เช่น บางปู-หัวหิน หรือบางปู-พัทยา เรื่อยไปจนถึงเส้นทางพัทยา-ปากน้ำปราณ
ตามแผนการลงทุนจะทยอยนำเข้าเรือภายในปี 2560 รวม 6 ลำ ซึ่งจดทะเบียนถูกต้องขั้นตอน ได้แก่ เรือรอยัล 2,
รอยัล 3 ,รอยัล 4
แต่ละลำบรรทุกผู้โดยสาร 340-350
ที่นั่ง และมีเรือ รอยัล มาสเตอร์ ขนาดเล็กอีก 2 ลำ บรรทุกได้ 150-262 ที่นั่ง
ขณะที่ตลาดผู้ใช้บริการช่วงเปิดเดินเรือประจำเส้นทาง
ไป-กลับ พัทยา-หัวหิน แต่ละเดือนมีผู้โดยสารจำนวนหลายหมื่นคน
เป็นนักท่องเที่ยวยุโรป 60
% เอเชีย 10% คนไทย 30% แม่เหล็กสำคัญคือร่นระยะใช้เวลาเดินทางเหลือเพียง
2 ชั่วโมง
ต่างจากการขับรถต้องใช้ถึง 6
ชั่วโมง
ฟังข่าวดี ๆ จากทางรายการได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น