ททท.ใช้TTM+2017นำ56ชาติหนุนธุรกิจไทย
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Thailandfestival
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเยว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนพร้อมแล้วกับการเข้าร่วมงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2017 ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ธีม “Delivering Unique Experiences” โดยมี “ผู้ขาย” ในประเทศ และผู้ประกอบการจากประเทศเพื่อนบ้านแถบลุ่มน้ำโขง รวมทั้งสิ้น 421 บูธ จาก 362 หน่วยงาน ในจำนวนนี้เป็นประเทศกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 13 หน่วยงาน ส่วน “ผู้ซื้อ” จากต่างประเทศจาก 56 ประเทศ เข้าร่วม 348 ราย กลุ่มผู้ซื้อติดยอดนิยม 5 อันดับแรก จากตลาดหลักที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ จีน สหราชอาณาจักร อินเดีย ออสเตรเลีย และอิตาลี และปีนี้ยังได้รับความสนใจจากผู้ซื้อรายใหม่จำนวนมาก อาทิ บัลแกเรีย โคโซโว โมรอคโค โปแลนด์ สโลวาเกีย และศรีลังกา
เพื่อเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจในแบบ business to business : B 2 B ที่มีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า (pre-appointment) ประมาณ 14,000 นัดหมาย ระหว่างผู้ขาย (Seller) ที่เป็นผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ GMS (Greater Mekong Subregion) กับผู้ซื้อ (Buyer) ที่เป็นบริษัทนำเที่ยวจากทั่วโลก ส่วนกิจกรรมภายในงาน จะเป็นครั้งแรกที่เปิดให้สาธารณชนเข้าร่วมด้วย โดยการจัดสัมมนาเผยแพร่ความรู้ด้านการท่องเที่ยว (Tourism Seminar & Workshop) เพื่อส่งต่อและเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวไปสู่บุคคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแขนงต่าง ๆ
อีกทั้งยังจัดแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว (Local Tourism product showcase) คัดเลือกสินค้าและบริการที่เป็นสินค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ภาคเหนือ ในกลุ่ม OTOP Premium มานำเสนอกลิ่นอายล้านนา และสินค้านวัตกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) เปิดให้ซื้อขายกันโดยตรงแบบ B2B ระหว่างเจ้าของสินค้าในท้องถิ่นกับผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมงาน โรงแรม/รีสอร์ท บริษัทนำเที่ยว สถานประกอบการ Wellness & Spa
โดยได้แบ่งพื้นที่แสดงสินค้าไว้ 7 โซน ซึ่งนำจุดขายของศิลปวัฒนธรรมล้านนามานำเสนอ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ รวมถึงของตกแต่งบ้านและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์เซรามิก ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรพื้นถิ่น และผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น (OTOP) ที่มีศักยภาพ รวมถึงการจัดรายการนำเที่ยว Pre-Post tour ให้กับ Buyer และ สื่อมวลชนจากต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าทางการท่องเที่ยวในโครงการใหม่ ๆ ที่สนใจ อาทิ สินค้าท่องเที่ยวในโครงการ The LINK การท่องเที่ยวใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส ( 12 Hidden Gems )
ททท. คาดการจัดงานครั้งนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยจะได้รับโอกาสการขายท่องเที่ยว ควบคู่กับการเพิ่มประสบการณ์และเตรียมความพร้อมในการทำธุรกิจในระดับสากล ส่วนผู้ประกอบการนำเที่ยวต่างประเทศจะได้สำรวจ ศึกษา และรับข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงกิจกรรมที่หลากหลายของไทยเพื่อนำไปบรรจุในโปรแกรมเสนอขาย
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและความหลากหลาย เป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไปด้วย
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Thailandfestival
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเยว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนพร้อมแล้วกับการเข้าร่วมงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2017 ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ธีม “Delivering Unique Experiences” โดยมี “ผู้ขาย” ในประเทศ และผู้ประกอบการจากประเทศเพื่อนบ้านแถบลุ่มน้ำโขง รวมทั้งสิ้น 421 บูธ จาก 362 หน่วยงาน ในจำนวนนี้เป็นประเทศกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 13 หน่วยงาน ส่วน “ผู้ซื้อ” จากต่างประเทศจาก 56 ประเทศ เข้าร่วม 348 ราย กลุ่มผู้ซื้อติดยอดนิยม 5 อันดับแรก จากตลาดหลักที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ จีน สหราชอาณาจักร อินเดีย ออสเตรเลีย และอิตาลี และปีนี้ยังได้รับความสนใจจากผู้ซื้อรายใหม่จำนวนมาก อาทิ บัลแกเรีย โคโซโว โมรอคโค โปแลนด์ สโลวาเกีย และศรีลังกา
เพื่อเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจในแบบ business to business : B 2 B ที่มีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า (pre-appointment) ประมาณ 14,000 นัดหมาย ระหว่างผู้ขาย (Seller) ที่เป็นผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ GMS (Greater Mekong Subregion) กับผู้ซื้อ (Buyer) ที่เป็นบริษัทนำเที่ยวจากทั่วโลก ส่วนกิจกรรมภายในงาน จะเป็นครั้งแรกที่เปิดให้สาธารณชนเข้าร่วมด้วย โดยการจัดสัมมนาเผยแพร่ความรู้ด้านการท่องเที่ยว (Tourism Seminar & Workshop) เพื่อส่งต่อและเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวไปสู่บุคคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแขนงต่าง ๆ
อีกทั้งยังจัดแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว (Local Tourism product showcase) คัดเลือกสินค้าและบริการที่เป็นสินค้าที่มีศักยภาพในพื้นที่ภาคเหนือ ในกลุ่ม OTOP Premium มานำเสนอกลิ่นอายล้านนา และสินค้านวัตกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นจาก ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) เปิดให้ซื้อขายกันโดยตรงแบบ B2B ระหว่างเจ้าของสินค้าในท้องถิ่นกับผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมงาน โรงแรม/รีสอร์ท บริษัทนำเที่ยว สถานประกอบการ Wellness & Spa
โดยได้แบ่งพื้นที่แสดงสินค้าไว้ 7 โซน ซึ่งนำจุดขายของศิลปวัฒนธรรมล้านนามานำเสนอ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ รวมถึงของตกแต่งบ้านและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์เซรามิก ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรพื้นถิ่น และผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่น (OTOP) ที่มีศักยภาพ รวมถึงการจัดรายการนำเที่ยว Pre-Post tour ให้กับ Buyer และ สื่อมวลชนจากต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าทางการท่องเที่ยวในโครงการใหม่ ๆ ที่สนใจ อาทิ สินค้าท่องเที่ยวในโครงการ The LINK การท่องเที่ยวใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส ( 12 Hidden Gems )
ททท. คาดการจัดงานครั้งนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยจะได้รับโอกาสการขายท่องเที่ยว ควบคู่กับการเพิ่มประสบการณ์และเตรียมความพร้อมในการทำธุรกิจในระดับสากล ส่วนผู้ประกอบการนำเที่ยวต่างประเทศจะได้สำรวจ ศึกษา และรับข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงกิจกรรมที่หลากหลายของไทยเพื่อนำไปบรรจุในโปรแกรมเสนอขาย
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและความหลากหลาย เป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไปด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น