ททท.บูมใช้TTM+ 2017ผงาดผู้นำเอเชีย
เปิดปีท่องเที่ยว2561หนุนสินค้าประชารัฐสดใส
เรื่องโดย –เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว gurutourza (ติดตามได้ใน X-CITE ไทยโพสต์ ฉบับ 18 มิถุนายน 2560)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าภาพจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2017 ภายใต้ธีม “Delivering Unique Experiences” เป็นงานเทรดท่องเที่ยวรายการใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมและการ แสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่
โดยมี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
“นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยว่า ตลอดการจัดงาน (TTM+) 2017 มีนักธุรกิจกลุ่มตัวแทนผู้ซื้อการท่องเที่ยวเข้าร่วมมากสุดถึง 56 ประเทศ จำนวน 361 ราย เดินทางมาเพื่อเจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ขายของไทยและประเทศลุ่มน้ำโขงและจากจีน 2 มณฑล คือ กวางสีกับยูนาน รวม 429 บูธ จาก 362 หน่วยงาน พร้อมทั้งมีผู้ขายที่เคยร่วมงานเป็นครั้งแรก 106 ราย และมีกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่จำนวนมากเข้าร่วมด้วย เช่น บัลแกเรีย โคโซโว โมรอคโค โปแลนด์ สโลวาเกีย และศรีลังกา ส่วนประเทศที่เข้ามาร่วมเจรจาซื้อการท่องเที่ยวมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ จีน สหราชอาณาจักร อินเดีย ออสเตรเลีย และอิตาลี
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เป็นปีแรกที่ ททท.ขยายลักษณะงานแบบเปิดเพิ่มอีก 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ได้คัดเลือกสินค้ากลุ่มประชารัฐผลิตภัณฑ์โอท็อปชุมชนระดับพรีเมี่ยม มีนวัตกรรมเชิงสร้างสรรในแถบล้านนามาจัดแสดงและจำหน่ายแก่นักธุรกิจทั้งหมดที่เข้าร่วมงาน ส่วนที่ 2 จัดสัมมนาให้ความรู้ทางด้านการท่องเที่ยวแก่สถาบันการศึกษาและนิสิตนักศึกษา ซึ่งสนใจเข้าฟังกว่า 500 คน
ตลอดการเจรจาธุรกิจและการจำหน่ายสินค้าประชารัฐโอท็อปชุมชนนั้น ทุกฝ่ายทั้งภาคเอกชนและรัฐยืนยันตรงกันว่าสามารถกระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวเข้าถึงท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในบริเวณล้านนา เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวพร้อมทั้งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากด้วย
ผู้ว่าการ ททท.กล่าวถึงแผนงานอนาคตในปี 2561 พลเอกธนศักดิ์ และนางกอบกาญจน์ เห็นพ้องกันว่าการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2018 ปี 2561 จะไปจัดที่ “พัทยา” จังหวัดชลบุรี ใช้เป็นสปริงบอร์ดประชาสัมพันธ์ กระตุ้นนักลงทุนเข้าสู่พื้นที่ใหม่ “เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก” Eastern Economic Coridor :EEC ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประการสำคัญพัทยาเป็นเมืองท่องที่ยวติดอันดับโลกสามารถเชื่อมโยงการขายไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ อย่าง ระยอง จันทบุรี ตราด ได้ รวมถึงมีความพร้อมครบวงจรที่จะต้อนรับนักธุรกิจจากทั่วโลที่จะเข้าร่วมงานในปี 2561 มีทั้งสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โรงแรมระดับ 5 ดาว แหล่งท่องเที่ยวชายทะเล วัฒนธรรม ชุมชน ผลิตภัณฑ์สินค้า อาหารถิ่น และความเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ส่วนการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวช่วงครึ่งหลังปีงบประมาณ ระหว่างมิถุนายน-กันยายน นี้ ททท.มุ่งปลุกกระแสคนไทยเที่ยวในประเทศ รณรงค์กลุ่มเครือข่ายบริษัทและหน่วยงานภาครัฐเลือกเดินทางจัดประชุม-สัมมนา ภายในประเทศ เพื่อ
ทางด้าน พลเอกธนศักดิ์ ปฏิทาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้การส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าท่องเที่ยวยังคงมีความสำคัญอย่างต่อระบบเศรษฐกิจประเทศในการนำเงินรายได้จากทั่วโลกเข้ามาอุดหนุนท้องถิ่นทั่วประเทศ ภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า รัฐบาลเตรียมประกาศให้ปี 2561 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว (Tourism Year 2018) ควบคู่ไปกับไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับเวิลด์อีเวนต์ เช่น ASEAN TOURISM FORUM 2018 เดือนมกราคม งาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2018 เดือนมิถุนายน และงานรายการใหญ่ทางด้านกีฬาอื่น ๆ เพียงมากมาย
“นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวเสริมถึงได้ใช้ศักยภาพของงาน Thailand Travel Mart Plus 2017 (TTM +) สร้างความแปลกใหม่ ด้วยการจัดทำเนื้อหาภายในงานใหม่ ได้แก่ OTOP SHOWCASE แบ่งเป็น 7 กลุ่ม ที่มีความโดดเด่น ได้แก่ ข้าว เครื่องครัว อุปกรณ์ตกแต่งโรงแรม สปา ทั้งหมดที่จะนำมาจัดแสดงตลอดงานสร้างรายได้ เข้าชุมชนเพราะมีผ้าฝ้ายสามารถสั่งซื้อล็อตใหญ่นำไปทำม่านของโรงแรม หรือของตกแต่งชนิดต่างๆ ระดับพรีเมี่ยม ทำให้เกิดการสั่งซื้อ “สินค้าท้องถิ่น” โดยตรงได้มากขึ้น ควบคู่การเปิดเวทีสัมมนานำเสนอ “อาชีพ” เช่น การทำงานบนเรือสำราญ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างงานได้มหาศาล เรื่อยไปจนถึงการตอกย้ำแบรนด์เชียงใหม่แนะนำ ASEAN TOURISM FORUM 2018 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ และส่งเสริมให้ CLMV เพื่อนบ้านของเราได้นำเสนอ และเปิดให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้เสนอความร่วมมือของ AEC เป็นการแชร์ความสำเร็จสู่เพื่อนบ้าน
ผลสัมฤทธิ์ของการจัดงานครั้งนี้ ปี 2561 ต้องเติบโตทั้งจำนวนและรายได้เกิน 10 % ซึ่งงานนี้จะเป็นสปิงบอร์ดสำคัญให้เกิดการขยายตัวและกระตุ้นกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว
ผนวกกับโครงการ THE LINK ซึ่ง ททท.สำนักงานในยุโรป กับ ททท.สำนักงานในประเทศ ทำงานได้คืบหน้ามาก ในงาน Arabian Travel Mart 2017 ประสบความสำเร็จในการนำจังหวัดสมุทรสงครามไปจับคู่กับตลาดตะวันออกกลาง โดยมีบริษัท วอเตอร์ เอ็กซ์โพเรอร์ จำกัด จัดทำโบชัวร์เสนอขายโปรแกรมท่องเที่ยวสมุทรสงครามเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับในเยอรมันขายแพกเกจคู่ขายจังหวัดพังงา แม่ฮ่องสอนกับสหราชอาณาจักรก็จับคู่ขายเหมือนกัน
ในปีงบประมาณใหม่ 2561 เริ่มเดือนตุลาคม 2560 จะขยายผลโครงการ THE LINK 2 โดย “เพิ่มเส้นทางเครือข่ายเชื่อมโยงเนื้อหาการท่องเที่ยว” เกี่ยวกับเส้นทาง Gastonomy Route ผลักดันให้เป็นหัวหอกใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และวางแนวทางการตลาดใหม่ยกระดับไทยเป็น Prefer Destinaition เพราะประเทศได้ใช้งบประมาณไปประมูลงานประชุมนานาชาติต่าง ๆ มาจัดในไทย
เส้นทางตัวอย่างการจับคู่เส้นทางกับตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การทำโปรโมตนครศรีธรรมราชกับสวีเดน เมื่อมาถึงเมืองไทยจะชิมอาหารถิ่น ตามเส้นทางอาหารภาคใต้ที่น่าสนใจ แต่ละเมนูจะสร้างสรรค์ให้เป็น coudinary Jouney หรือเรื่องราวของการเดินทางอาหารถิ่นของไทยแต่ละเมนู ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ก็จะค้นหามานำเสนอเช่นเดียวกัน
“นายเรวัต สิงห์ศักดิ์” คนรุ่นใหม่ชาวยองในลำพูน ตัวแทนผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้าย ยกดอกเมืองลำพูน อธิบายว่า ทางกลุ่มชาวยองเมืองลำพูนซึ่งอยู่กันมานับร้อยปี โดยแต่ละครอบครัวจะผลิตผ้าฝ้าย ผ้าไหมยกดอกลำพูนประชารัฐ ปีนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประชารัฐโดยให้ความช่วยเหลือความรู้ เงินทุน และช่วยขยายช่องทางการตลาด ทำให้ชุมชนผลิตฝ้ายยกดอกมีความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพและขายสินค้าท้องถิ่น รวมทั้งมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่ละเดือนมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดิม 20-30 %
ระหว่างการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2017 ที่เชียงใหม่ ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้ายกดอกมาเสนอขาย ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจที่เข้าร่วมเจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวแวะมาซื้อผ้าแต่ละวันมูลค่าหลักหมื่นบาทขึ้นไป นอกจากจะได้เผยแพร่วัฒนธรรมผ่านผืนผ้าแล้ว ยังได้เพิ่มช่องทางการขายให้แก่ชาวบ้านในชุมชนด้วย
ททท.พร้อมจะใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกรูปแบบเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้กลายเป็นผู้นำเอเชียครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป
เปิดปีท่องเที่ยว2561หนุนสินค้าประชารัฐสดใส
เรื่องโดย –เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว gurutourza (ติดตามได้ใน X-CITE ไทยโพสต์ ฉบับ 18 มิถุนายน 2560)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าภาพจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2017 ภายใต้ธีม “Delivering Unique Experiences” เป็นงานเทรดท่องเที่ยวรายการใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมและการ แสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่
“นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยว่า ตลอดการจัดงาน (TTM+) 2017 มีนักธุรกิจกลุ่มตัวแทนผู้ซื้อการท่องเที่ยวเข้าร่วมมากสุดถึง 56 ประเทศ จำนวน 361 ราย เดินทางมาเพื่อเจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ขายของไทยและประเทศลุ่มน้ำโขงและจากจีน 2 มณฑล คือ กวางสีกับยูนาน รวม 429 บูธ จาก 362 หน่วยงาน พร้อมทั้งมีผู้ขายที่เคยร่วมงานเป็นครั้งแรก 106 ราย และมีกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่จำนวนมากเข้าร่วมด้วย เช่น บัลแกเรีย โคโซโว โมรอคโค โปแลนด์ สโลวาเกีย และศรีลังกา ส่วนประเทศที่เข้ามาร่วมเจรจาซื้อการท่องเที่ยวมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ จีน สหราชอาณาจักร อินเดีย ออสเตรเลีย และอิตาลี
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เป็นปีแรกที่ ททท.ขยายลักษณะงานแบบเปิดเพิ่มอีก 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ได้คัดเลือกสินค้ากลุ่มประชารัฐผลิตภัณฑ์โอท็อปชุมชนระดับพรีเมี่ยม มีนวัตกรรมเชิงสร้างสรรในแถบล้านนามาจัดแสดงและจำหน่ายแก่นักธุรกิจทั้งหมดที่เข้าร่วมงาน ส่วนที่ 2 จัดสัมมนาให้ความรู้ทางด้านการท่องเที่ยวแก่สถาบันการศึกษาและนิสิตนักศึกษา ซึ่งสนใจเข้าฟังกว่า 500 คน
ตลอดการเจรจาธุรกิจและการจำหน่ายสินค้าประชารัฐโอท็อปชุมชนนั้น ทุกฝ่ายทั้งภาคเอกชนและรัฐยืนยันตรงกันว่าสามารถกระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวเข้าถึงท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในบริเวณล้านนา เนื่องจากผู้ซื้อและผู้ขายได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวพร้อมทั้งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากด้วย
ผู้ว่าการ ททท.กล่าวถึงแผนงานอนาคตในปี 2561 พลเอกธนศักดิ์ และนางกอบกาญจน์ เห็นพ้องกันว่าการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2018 ปี 2561 จะไปจัดที่ “พัทยา” จังหวัดชลบุรี ใช้เป็นสปริงบอร์ดประชาสัมพันธ์ กระตุ้นนักลงทุนเข้าสู่พื้นที่ใหม่ “เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก” Eastern Economic Coridor :EEC ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประการสำคัญพัทยาเป็นเมืองท่องที่ยวติดอันดับโลกสามารถเชื่อมโยงการขายไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ อย่าง ระยอง จันทบุรี ตราด ได้ รวมถึงมีความพร้อมครบวงจรที่จะต้อนรับนักธุรกิจจากทั่วโลที่จะเข้าร่วมงานในปี 2561 มีทั้งสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โรงแรมระดับ 5 ดาว แหล่งท่องเที่ยวชายทะเล วัฒนธรรม ชุมชน ผลิตภัณฑ์สินค้า อาหารถิ่น และความเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ส่วนการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวช่วงครึ่งหลังปีงบประมาณ ระหว่างมิถุนายน-กันยายน นี้ ททท.มุ่งปลุกกระแสคนไทยเที่ยวในประเทศ รณรงค์กลุ่มเครือข่ายบริษัทและหน่วยงานภาครัฐเลือกเดินทางจัดประชุม-สัมมนา ภายในประเทศ เพื่อ
ทางด้าน พลเอกธนศักดิ์ ปฏิทาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้การส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าท่องเที่ยวยังคงมีความสำคัญอย่างต่อระบบเศรษฐกิจประเทศในการนำเงินรายได้จากทั่วโลกเข้ามาอุดหนุนท้องถิ่นทั่วประเทศ ภายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า รัฐบาลเตรียมประกาศให้ปี 2561 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว (Tourism Year 2018) ควบคู่ไปกับไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับเวิลด์อีเวนต์ เช่น ASEAN TOURISM FORUM 2018 เดือนมกราคม งาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2018 เดือนมิถุนายน และงานรายการใหญ่ทางด้านกีฬาอื่น ๆ เพียงมากมาย
“นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวเสริมถึงได้ใช้ศักยภาพของงาน Thailand Travel Mart Plus 2017 (TTM +) สร้างความแปลกใหม่ ด้วยการจัดทำเนื้อหาภายในงานใหม่ ได้แก่ OTOP SHOWCASE แบ่งเป็น 7 กลุ่ม ที่มีความโดดเด่น ได้แก่ ข้าว เครื่องครัว อุปกรณ์ตกแต่งโรงแรม สปา ทั้งหมดที่จะนำมาจัดแสดงตลอดงานสร้างรายได้ เข้าชุมชนเพราะมีผ้าฝ้ายสามารถสั่งซื้อล็อตใหญ่นำไปทำม่านของโรงแรม หรือของตกแต่งชนิดต่างๆ ระดับพรีเมี่ยม ทำให้เกิดการสั่งซื้อ “สินค้าท้องถิ่น” โดยตรงได้มากขึ้น ควบคู่การเปิดเวทีสัมมนานำเสนอ “อาชีพ” เช่น การทำงานบนเรือสำราญ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างงานได้มหาศาล เรื่อยไปจนถึงการตอกย้ำแบรนด์เชียงใหม่แนะนำ ASEAN TOURISM FORUM 2018 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ และส่งเสริมให้ CLMV เพื่อนบ้านของเราได้นำเสนอ และเปิดให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้เสนอความร่วมมือของ AEC เป็นการแชร์ความสำเร็จสู่เพื่อนบ้าน
ผลสัมฤทธิ์ของการจัดงานครั้งนี้ ปี 2561 ต้องเติบโตทั้งจำนวนและรายได้เกิน 10 % ซึ่งงานนี้จะเป็นสปิงบอร์ดสำคัญให้เกิดการขยายตัวและกระตุ้นกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว
ผนวกกับโครงการ THE LINK ซึ่ง ททท.สำนักงานในยุโรป กับ ททท.สำนักงานในประเทศ ทำงานได้คืบหน้ามาก ในงาน Arabian Travel Mart 2017 ประสบความสำเร็จในการนำจังหวัดสมุทรสงครามไปจับคู่กับตลาดตะวันออกกลาง โดยมีบริษัท วอเตอร์ เอ็กซ์โพเรอร์ จำกัด จัดทำโบชัวร์เสนอขายโปรแกรมท่องเที่ยวสมุทรสงครามเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับในเยอรมันขายแพกเกจคู่ขายจังหวัดพังงา แม่ฮ่องสอนกับสหราชอาณาจักรก็จับคู่ขายเหมือนกัน
ในปีงบประมาณใหม่ 2561 เริ่มเดือนตุลาคม 2560 จะขยายผลโครงการ THE LINK 2 โดย “เพิ่มเส้นทางเครือข่ายเชื่อมโยงเนื้อหาการท่องเที่ยว” เกี่ยวกับเส้นทาง Gastonomy Route ผลักดันให้เป็นหัวหอกใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และวางแนวทางการตลาดใหม่ยกระดับไทยเป็น Prefer Destinaition เพราะประเทศได้ใช้งบประมาณไปประมูลงานประชุมนานาชาติต่าง ๆ มาจัดในไทย
เส้นทางตัวอย่างการจับคู่เส้นทางกับตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การทำโปรโมตนครศรีธรรมราชกับสวีเดน เมื่อมาถึงเมืองไทยจะชิมอาหารถิ่น ตามเส้นทางอาหารภาคใต้ที่น่าสนใจ แต่ละเมนูจะสร้างสรรค์ให้เป็น coudinary Jouney หรือเรื่องราวของการเดินทางอาหารถิ่นของไทยแต่ละเมนู ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ก็จะค้นหามานำเสนอเช่นเดียวกัน
“นายเรวัต สิงห์ศักดิ์” คนรุ่นใหม่ชาวยองในลำพูน ตัวแทนผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้าย ยกดอกเมืองลำพูน อธิบายว่า ทางกลุ่มชาวยองเมืองลำพูนซึ่งอยู่กันมานับร้อยปี โดยแต่ละครอบครัวจะผลิตผ้าฝ้าย ผ้าไหมยกดอกลำพูนประชารัฐ ปีนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประชารัฐโดยให้ความช่วยเหลือความรู้ เงินทุน และช่วยขยายช่องทางการตลาด ทำให้ชุมชนผลิตฝ้ายยกดอกมีความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพและขายสินค้าท้องถิ่น รวมทั้งมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่ละเดือนมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดิม 20-30 %
ระหว่างการจัดงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2017 ที่เชียงใหม่ ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้ายกดอกมาเสนอขาย ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจที่เข้าร่วมเจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวแวะมาซื้อผ้าแต่ละวันมูลค่าหลักหมื่นบาทขึ้นไป นอกจากจะได้เผยแพร่วัฒนธรรมผ่านผืนผ้าแล้ว ยังได้เพิ่มช่องทางการขายให้แก่ชาวบ้านในชุมชนด้วย
ททท.พร้อมจะใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกรูปแบบเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้กลายเป็นผู้นำเอเชียครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น