บิ๊กททท.งัด4โปรเจ็กต์ตลาดท่องเที่ยวปลายปี’60
ผุดเมืองเท่น่าเที่ยว-ทัวร์ถิ่นลดภาษี-ปีเที่ยวยั่งยืน
พลังคิงเพาเวอร์แจกกระเป๋ายังชีพชุมชนสกลฯ
ปิดสยามฯจัดThailand Live Gastronomy
BPCPเครือบางจากQ2ปีนี้กำไรพุ่ง 577 ล้านบาท
ทัวร์ชุมชน‘บ้านทะเลน้อย-ปากน้ำประแส’ระยอง
บินไทยลุกนำ“ทอท.-บวท.”วางอนาคตการบิน
ไทยเพิ่มตรวจเข้มสัมภาระขึ้นเครื่องทุกสนามบิน
แอร์เอเชียยึดหัวหาดบินสีหนุวิวอนาคตโตไม่ยั้ง
ไทยแอร์ฟุ้งครึ่งปี’60โกยกำไรตุนไว้1.3พันล้าน
12แอร์ไลน์ทำAOCไม่ทันก.ย.นี้ชวดบินอินเตอร์
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) FM 97.0 MHz. ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านทั้งหมดทางwww.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังย้อนหลังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงแผนการทำตลาดบุกหนักการท่องเที่ยวโดยผนึกความร่วมมือกับเอกชนเร่งทำต่อเนื่องจากครึ่งปีหลังไปจนถึงปีหน้า 4 โครงการ เป็นหัวหอกเพิ่มเม็ดเงินให้ท้องถิ่นมีเศรษฐกิจเข้มแข็ง การกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนอย่างทั่วถึง และประเทศสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันก้าวขึ้นเป็นผู้นำการเชื่อมโยงท่องเที่ยวอาเซียนและเอเชียได้
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” กล่าวว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 เป็นต้นไป ท่องเที่ยวมีภารกิจหลักทางการตลาดที่จะต้องทำให้สัมฤทธิ์ผล 4 โครงการ คือ โครงการแรก “แคมเปญพิเศษฟื้นฟูหลังน้ำท่วมอีสาน” หลังจากสำรวจพบพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรุนแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหลายโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวเสียหาย ดังนั้นภารกิจที่ ททท.จะต้องเข้าไปช่วยฟื้นฟูได้คือมาตรการทางด้าน “การตลาด” กระตุ้นให้คนไทยกลับไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวภายหลังทำความสะอาดจนเป็นปกติแล้ว
โดยจะใช้โครงการที่มีอยู่แล้วได้แก่ ท้าเที่ยวข้ามภาค กลุ่มผู้หญิงท่องเที่ยว เสนอเป็นโปรโมชั่นพิเศษจริง ๆ เริ่มด้วยแคมเปญ “สกลเมืองเท่ น่าเที่ยว” ผสมผสานไปกับการจัดเทศกาลไฮไลต์ของปี อาทิ เทศกาลแห่ดาวชุมชนท่าแร่ การแห่ปราสาทผึ้ง ททท.จะโหมประชาสัมพันธ์เพื่อตอกย้ำว่าสถานที่มีความพร้อมแล้ว
การเดินทางเข้าพื้นที่อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะถนนบางสายอาจจะถูกน้ำท่วม แต่โดยภาพรวมแล้วสภาพของแหล่งท่องเที่ยวในสกลนครไม่ได้เสียหายหรือได้รับผลกระทบทั้งจังหวัด มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่โดนน้ำท่วม ททท.คงจะเน้นการประชาสัมพันธ์เริ่มอย่างช้าที่สุดภายในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนสิงหาคม นี้เป็นต้นไป
ขณะนี้สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 แห่ง กำลังเร่งสำรวจรวบรวมพื้นที่เสียหาย จากนั้นจะพิจารณานำ “สินค้าชุมชน” ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวเคยซื้อแต่ตอนนี้การเดินทางเข้าไปอาจจะมีปัญหาบ้าง ดังนั้นจึงจะใช้วิธีจัดกิจกรรมนำสินค้าทั้งของกิน ของใช้ ของที่ระลึก มาจัดเวทีจำหน่ายในกรุงเทพมหานคร พร้อมกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความมั่นใจที่จะเข้าไปท่องเที่ยวตามปกติ
ควบคู่กับการรณรงค์ให้คนไทยช่วยกันเข้าไปอุดหนุนทั้งสินค้าชุมชนและการท่องเที่ยว ซึ่งหลายภาคส่วนรวมใจกันลงพื้นที่ไปช่วยเหลือภาคอีสานที่เจออุทกภัยครั้งใหญ่ ส่วนภายหลังน้ำลดแล้วความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้วิธีอื่น ๆ คือชวนกันเข้าไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวให้มากที่สุด การท่องเที่ยวภาคอีสานในฤดูฝนมีความสวยงามทางธรรมชาติไม่แพ้ภาคอื่น ๆ
โครงการที่ 2 “เที่ยวทั่วไทย ไปถึงถิ่น” ด้วยมาตรการ “ลดหย่อนภาษี” กำลังหารือและเสนอกระทรวงการคลังให้คืนภาษีแก่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเป้าหมายกระจายการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่นมีรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามวัตถุประสงค์ 2 ข้อ คือ 1.กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยว 2.กระจายตัวนักท่องเที่ยวไปยังเมืองรองมากขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ
ส่วนการดำเนินการจะมีทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่ภาษี โดยเฉพาะการลดหย่อนทางภาษี จะเปิดให้นำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวทั้งทางด้าน ค่าที่พัก อาหาร แพกเกจท่องเที่ยว ของที่ระลึกชุมชน ซึ่งเป็นข้อเสนอมาจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชน ขอให้ ททท.ประสานทำมาตรการลดหย่อนภาษี โดยแบ่งตามพื้นที่ที่แตกต่างกันไป 3 ระดับ ประกอบด้วย
1.การลดหย่อนภาษีแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก 14 จังหวัด จะได้รับค่าลดหย่อน 15,000 บาท
2.การลดหย่อนภาษีเมื่อเดินทางไปเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาด 12 จังหวัด จะได้รับค่าลดหย่อนสูงขึ้นเป็น 30,000 บาท
3.การลดหย่อนภาษีเมื่อเดินทางไปเที่ยวจังหวัดที่เหลืออื่น ๆ อย่างชายแดนภาคใต้ อีสาน และเขตอุทกภัย ลดได้สูงสุดถึง 50,000 บาท
ส่วนผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นต้องรอหารือกับทางกระทรวงการคลังภายในสัปดาห์ที่สองเดือนสิงหาคมนี้
ขณะที่เมืองท่องเที่ยวหลักของไทยปัจจุบันมี 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครราชสีมา กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ ระยอง เพชรบุรี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ สระบุรี ภูเก็ต นครปฐม
ส่วน 12 เมืองต้องห้ามพลาดได้แก่ ลำปาง น่าน เพชรบูรณ์ เลย บุรีรัมย์ จันทบุรี ตราด สมุทรสงคราม ราชบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช และตรัง
ตามขั้นตอนการดำเนินงานโครงการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว ททท.จะต้องนำเข้าหารือกับทางเอกชน กระทรวงการคลัง และสุดท้ายนำเสนอต่อ “พลเอกธนศักดิ์ ปฏิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ก่อนเสนอการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
โครงการที่ 3 “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน” (Amazing Thailand Year) ททท.จะทำงานโดยร่วมมือกันกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้เป็นปีพิเศษจึงต้อง “รวบรวมกิจกรรม” ที่มีความแตกต่างหลากหลายไว้ด้วยกัน เพราะการเริ่มโครงการตามปีงบประมาณใหม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560- 1 มกราคม 2562 ซึ่งจะมีกิจกรรมพิเศษระดับประเทศ นานาชาติ และระดับโลก ที่นำเข้ามาจัดในประเทศไทย ได้แก่
กิจกรรมการแข่งขัน AIR RACE 1 THAILAND PRESENTED BY CHANG เป็นปรากฏการณ์แข่งขันด้านความเร็วครั้งแรกในเอเชีย จะจัดระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2560 ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการแข่งขัน Moto GP THAILAND 2018 (ตามสัญญาประเทศที่ได้รับสิทธิจะลงนามสัญญาเป็นสถานที่จัดต่อเนื่อง 3 ปี 2561-2563)
รวมไปถึงกิจกรรมทางด้านท่องเที่ยว ที่ได้รับอนุมัติให้จัดทำโครงการ “เดอะ มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์” ตามกรอบงบประมาณ 5 ปี 2560-2564 ที่ ททท.จับมือกับ บริษัท มิชลิน ซึ่งเป็นผู้นำโลกทางด้านการนำเสนออาหารมาช่วยกันขยายพื้นที่ท่องเที่ยวนอกเหนือจากกรุงเทพมหานคร การส่งเสริมสนับสนุนอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานมิชลินที่จะทำให้อาหารไทยเติบโตในตลาดโลกมากกว่าปัจจุบัน
กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นไฮไลต์สำคัญ ๆ ในการที่ประเทศไทยจะเป็น “ผู้นำ” ปีการท่องเที่ยวเก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน นอกจากจะตอกย้ำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือจะเป็นโครงการเตรียมความพร้อมของคนไทยในการทำหน้าที่ “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศ
เพื่อจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์เรื่อง 1.การเพิ่มนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพหลั่งไหลเข้ามาใช้จ่ายเงิน 2.เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการท่องเที่ยวกับนานาประเทศได้อย่างเข้มข้น
สำหรับปัจจัยที่จะทำให้การท่องเที่ยวของไทยเข้มแข็งโดดเด่นกว่าประเทศอื่น ๆ ส่วนสำคัญที่สุดคือ “คนไทย” ได้ทำหน้าที่เป็น “เจ้าบ้านที่ดี” นั่นเอง
ขณะนี้ ททท.ได้ขยายเครือข่ายพื้นที่จัดอบรมชุมชนเข้าสู่มาตรฐานการปฏิบัติภารกิจเจ้าบ้านที่ดี เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2560 นำร่องเชิญชวนตัวแทนชุมชนทั่วประเทศเข้ามาอบรม 1,500 คน ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ททท.ฝ่ายที่รับผิดชอบได้นำทีมงานเดินสายจัดอบรมต่อเนื่องขยายผลอีก 6 ครั้ง สัปดาห์จะเริ่มที่เชียงใหม่ ต่อด้วย ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคอีสาน 2 จังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปิดท้ายที่ หาดใหญ่ ภาคใต้
ททท.ร่วมกับภาคเอกชนจัด “คอนเสิร์ตเจ้าบ้านที่ดี” นำร่องไปบ้างแล้วในจังหวัดอุตรดิตถ์ ตาก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สร้างการรับรู้ ปลุกจิตสำนึกที่ดีเพื่อให้ทุกคนเข้ามามีส่วนอย่างเต็มใจเต็มที่ด้วย
โครงการที่ 4 “ท่องเที่ยวเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม” พุ่งเป้าใช้คอนเซ็ปต์ Tourism Zero Trash รณรงค์นักท่องเที่ยวที่เข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้วเพิ่มปริมาณขยะมากมาย ททท.จึงจับมือกับเอกชนทำโครงการ Trash Zero ช่วยกันเก็บขยะตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) กำจัดขยะในทะเล Upcycling blue Ocean ซึ่งจะขยายการป้องกันขยะล้นแหล่งท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ต่อไปทั่วประเทศ
ททท.จะเพิ่มความเข้มข้นทางการตลาดทำให้การท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็วโดยมีฐานหลัก 4 โปรเจ็กต์ เป็นสปริงบอร์ดสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
ฟังข่าวเข้ม ๆ ในช่วงต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “พลังคิงเพาเวอร์แจกกระเป๋ายังชีพชาวสกลนคร”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทีมบริหารสายงานการตลาดของกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าโครงการ “KING POWER THAI POWER พลังคนไทย” นำกระเป๋ายังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับได้รับการสนับสนุนจากสายการบิน ไทยแอร์ เอเชีย บริการขนส่งของต่าง ๆ ไปช่วยผู้ประสบภัยในจังหวัดสกลนคร
ล่าสุดได้นำกระเป๋ายังชีพของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ลงพื้นที่ไปมอบให้ พันเอก ทักษพล ศิริรักษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 และ พันเอก วุทธิพงศ์ อรรคคำ (ที่ 2 จากขวา) รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 เพื่อไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย 100 ครอบครัว เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเร่งด่วน ณ กองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 จ. สกลนคร
ข่าวที่ 2 “ททท.ปิดสยามสแควร์จัด THAILAND LIVE GASTRONOMY”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมจัดกิจกรรมท่องเที่ยวด้วยการจัดงาน "THAILAND LIVE GASTRONOMY : เทศกาลอาหารเพื่อการท่องเที่ยว แบบถึงราก...ถึงโคน” ผลักดันการใช้วัฒนธรรมของอาหารไทยและวิถีชีวิตเป็นใบเบิกทางสู่ต่อยอดและเชื่อมโยงจุดขายแหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหารของแต่ละท้องถิ่นครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศไทย
จึงเตรียมยกสุดยอดอาหารเด่นดังของแต่ละภาคมาให้ชิมถึงใจกลางกรุง ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2560 ณ สยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร
แบ่งเป็น 9 โซนดังนี้
1. The Original Zone เป็นการคัดสรรร้านชั้นนำต้นสายความอร่อยกว่า 30 ร้านค้า
2. Food Street คัดสรรร้านอาหาร ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านความอร่อย จากร้านอาหารริมทางสุดอร่อย เมนูคัดพิเศษจาก 7 ย่าน Street Food ชื่อดังทั่วกรุงเทพมหานครกว่า 42 ร้าน
3.Seafood นำอาหารทะเลของหมู่บ้านชาวประมงภาคใต้ ที่จับเอง ขนเอง ขายเอง มาให้รับประทานกันแบบสด ๆ รวมกว่า 6 ร้าน
4.Thailand Signature ประกอบด้วย Signature คือ ต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, ส้มตำ, แกง (แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น และต้มข่าไก่) และ โมดิฟายตุ๊กตุ๊ก เป็น Food Truck 4 คัน เพื่อรองรับ Signature
5.Gastronomy Innovation นำนวัตนกรรมการทำอาหารไทยด้วยศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงมาสาธิตให้ชม โดยเชฟผู้เชี่ยวชายชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงด้าน Molecular Gastronomy คือ Chef Jacobo Astray, Chef FABIO FIORELLI และมีเชฟไทยชื่อดังคอยดูแลอย่างใกล้ชนิด Chef Nutthapol (Nick)
6. Thai Fruits นำผลไม้นานาชนิด และผลไม้ไทยพื้นเมืองหายาก จากชาวสวนแท้ ๆ มาเปิดร้านให้ชิมกว่า 6 ร้าน
7.Organic Food รังสรรอาหารที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ทำให้เกิดผลผลิตที่เติบโตตามธรรมชาติอย่างแท้จริง มาไว้ในงานด้วยกว่า 6 ร้าน
8. All About rice คัดเลือกนำข้าวไทยในรูปแบบข้าวสาร และเมนูข้าวสารพัดข้าว และนิทรรศการข้าวไทย มาให้ชิมอีกกว่า 6 ร้าน
9. Live Performance จัดกิจกรรมสไตล์บันเทิง 4 แนว ได้แก่ โชว์มวยไทย (องค์บาก), การแสดงของศิลปินนักร้อง การแสดงเป็นวงดนตรี และการแสดงสไตล์สนุกสนาน
ทั้งนี้ ททท.กำหนดจัดแถลงข่าวมหกรรม อาหารไทยแบบเจาะลึกถึงราก...ถึงโคน วันที่ 17 สิงหาคม 2560 เวลา 10.00 น.ณ ห้องโถง ชั้น 1 ททท.
ข่าวที่ 3 “BPCPเครือบางจากQ2กำไรพุ่ง577ล้านบาท”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2560 อยู่ในเกณฑ์ดี“กำไรสุทธิ” ก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2560 คิดเป็นเงินประมาณ 577 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 98 % แต่เนื่องจากเงินสกุลบาทมีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นผลให้กำไรสุทธิทำได้ 462 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.7 โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า 890 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 จากไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559
เนื่องจากทุกโครงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในไทยและญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนเต็มไตรมาส โดยธุรกิจในญี่ปุ่น มีผลประกอบการดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นและจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 171 ล้านบาทจาก 6 โครงการ (กำลังการผลิตตามสัญญารวม 30 เมกะวัตต์) โดยไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มีรายได้ประมาณ 43 ล้านบาทจาก 4 โครงการ (กำลังการผลิตตามสัญญารวม 10.7 เมกะวัตต์)
ข่าวที่ 4 “นครชัยแอร์เพิ่มโปรวันธรรมดาแซบนัวในอีสาน”
บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด รายงานว่า ในฐานะผู้ประกอบการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศระหว่างจังหวัด และเป็น 1 ในพันธมิตร “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ได้จัดแคมเปญพิเศษ “WOW @ ขอนแก่น” ฟรีค่าเรียกแท็กซี่ในขอนแก่น ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม – 15 กันยายน 2560 เพื่อกระตุ้นความสนใจในการท่องเที่ยว “อีสานแซบนัว” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยได้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภาคของประเทศเพียงแค่นักท่องเที่ยว “แสดงตั๋วโดยสารนครชัยแอร์” เส้นทาง กรุงเทพฯ-ขอนแก่น หรือเส้นทางที่ใดก็ได้สู่ปลายทางจังหวัดขอนแก่น ก็จะได้รับสิทธิพิเศษ “ฟรีค่าเรียกรถแท็กซี่” จากบริษัท แท็กซี่ขอนแก่น จำกัด
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถปรับอากาศนครชัยแอร์ จะได้รับอนุญาตให้นำสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 20 กก.
สอบถามที่ได้ที่ 1672 , 043-465-7777 www.taxikk.com และ www.nakornchaiair.com
ช่วงที่ 2 เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวดี ๆ อีกมากมาชวนให้ไปเที่ยว โดยเฉพาะ “ชุมชนน้องใหม่ในระยอง” แหล่งอาหาร แหล่งวิถีวัฒนธรรม ธรรมชาติ ชุมชนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนเรื่องสุขภาพรู้ไว้จะยิ่งดีกับเรื่องวิธีใช้ “สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ” และข่าวสะเทือนอุตสาหกรรมการบินของประเทศกำลังเข้มข้นในหลายด้านด้วยกัน
@ท่องชุมชนฝั่งทะเลระยองบ้านทะเลน้อย-ประแส
เที่ยวไปชิมไปอาหารเด็ดวิถีชีวิตผู้คนโดนใจ
เมืองสวนผลไม้ชายทะเลอ่าวไทย “จังหวัดระยอง” เป็นอีกสถานที่พักผ่อนที่มีความหลากหลายของวิถีชีวิต โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชน หากได้เข้าไปสัมผัสอย่างลึกซึ้งจะยิ่งมีความสุข ในช่วงฤดูฝนก็สามารถไปเที่ยวได้ในมุมใหม่ ๆ เที่ยวได้ใน 7 ชุมชน
เริ่มจาก “อำเภอแกลง” ต้องห้ามพลาด แวะไปยัง “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” แหล่งเพาะปลูกผักกระชับแห่งเดียวในประเทศไทย ที่นำมาทำอาหารถิ่น “แกงส้มผักกระชับ” นักท่องเที่ยวแห่แหนกันไปกิน พร้อมกับช้อปปิ้งสินค้าชุมชนแห่งนี้ทั้ง กะปิ น้ำปลา ปลาเค็ม กล้วยน้ำว้า และอื่น ๆ
กรรมวิธีการปลูก “ผักกระชับ” แต่ละปีปลูกได้เพียง 1 ครั้ง เป็นผักที่มีลักษณะแปลกชาวบ้านต้องใช้เมล็ดฝังลงในดิน 1 เมล็ด จะโตออกมาเพียงต้นเดี่ยว ๆ ต้นเดียว ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาพอสมควรปลูกจากนั้นต้องรอถึง 7 เดือน ผักกระชับจึงจะโตเต็มที่สามารถนำมาทำแกงส้มหรือผัดได้
ระหว่างทางแวะไปยังสถานที่ว่าราชการของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนยกทัพไปจันทบุรี ได้ไปไหว้พระเก่าแก่และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่หมู่บ้านทะเลน้อย จากนั้นไปรับประทานมื้อเที่ยง “ที่ร้านวาสนาฟิชชิ่งปาร์ค” ที่นำสูตร แกงส้มผักกระชับ แกงคั่วปูหน่อไม้ดอง หอยตลับผัดใบโหระพา และอีกมากมายหลายเมนูเมืองระยอง
เดินทางต่อไปยัง “ชุมชนปากน้ำประแส” อำเภอแกลง เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนตั้งอยู่ติดริมน้ำผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นหมู่บ้านทำประมงขนาดใหญ่ศูนย์รวมแหล่งการค้าอาหารทะเลแลเกษตรกรรมที่ทำสืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นที่มีเรื่องราวสำคัญน่าแห่งการท่องเที่ยวชุมชนภาคตะวันออกของไทย
แวะนมัสการศาลกรมหลวงชุมพร ถ่ายภาพทุ่งโปรงทองเหลืองอร่ามงามตา แล้วเดินเล่นในชุมชน ชมเรือรบหลวงประแส วิวปากน้ำ หมู่บ้านบนสะพานประแสสิน
วันต่อมาแนะนำให้เที่ยวต่อ โดยแวะไปที่ “พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง” ที่เจ้าของใช้เวลากว่า 40 ปี รวบรวมของเล่น ของสะสม ของเก่าโบราณไว้มากมาย โดยแบ่งหมวดหมู่เล่าเรื่องน่าสนใจ เปิดทุกวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น.
ส่วนเมนูมื้อกลางวันต้องไปชิมที่ “ร้านเจ๊ต่ายปูเป็น” บ้านเพ แล้วก็แวะช้อปของดีของฝากที่ “ตลาดร้อยเสา”
ในอำเภอแกลงยังมีชุมชนเด่น ๆ อีกหลายแห่ง ได้แก่ “มหาวิทยลัยบ้านนอก บ้านจำรุง” ไปดูวิถีแบบชาวบ้านในตำบลเนินฆ้อ ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมกลุ่มกิจกรรมด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ เช่น กลุ่มธนาคารต้นไม้ กลุ่มเกษตรพื้นบ้าน กลุ่มตีมีด ธนาคารขยะ มีบริการโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวพักค้างคืน
“วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวกลุ่มผลิตชาใบขลู่และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ตำบลปากน้ำประแส เป็นหมู่บ้านชาวประมง สร้างบ้านเรือนโดยมีเอกลักษณ์ไทย-จีน แหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับใบขลู่ ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นชา มีกิจกรรมนำเที่ยววิถีชีวิตชาวประมง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะเปิดตลาดด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อ-ชิม อาหารและสินค้าพื้นถิ่นอย่างจุใจ
ส่วนใน “อำเภอเมืองระยอง” มีหลายชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว คือ อย่าง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตไม้กฤษณา” เป็นกลุ่มชาวสวนผู้เชียวชาญด้านไม้กฤษณากว่า 20 ปี ผลิตและจัดจำหน่ายไม้กฤษณาครบวงจร
“อำเภอมาบตะพุด” เมืองโรงงานอุตสาหกรรม ที่ยังคงมี “วิสาหกิจชุมชนเกาะกก” ตำบลเนินพระ นับได้ว่าแหล่งปลูกข้าวสุดท้ายในอ.มาบตาพุด ผลิตสินค้าจากข้าวและสมุนไพรชุมชน ได้รับรางวัลดีเด่นชุมชนสุขภาพดีวิถีไทย ขับเคลื่อนมาบตาพุดสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
“อำเภอบ้านฉาง” ไปชม “ชุมชนบ้านพลา” ที่รวมกลุ่มเพื่อการท่องเที่ยว จัดงานถนนคนเดิน เดินกิน ถิ่นพลา และจัดกิจกรรมอาสาสมัครอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่นเก็บขยะชายทะเล ปลูกป่าชายเลน ทำซั้งปลา
“อำเภอบ้านค่าย” ไปเที่ยว “ชุมชนบ้านเนินสว่าง” เหมาะกับศึกษาดูงานการแปรรูปผลิดภัณฑ์ยางพารา ขนาดเล็ก เป็นอาสนสงฆ์ ที่นอน หมอน ภายใต้ตรา ไก่กา เมื่อไปถึงบ้านค่ายต้องไปนมัสการ “หลวงปู่ทิม” ที่วัดละหารไร่ พระเกจิดังแห่งภาคตะวันออก
สนใจท่องเที่ยวชุมชนวิถีไทยในระยอง สอบถามที่ ททท.สำนักงานระยอง 038-655-420 โทร. หรือ 1672
@สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ
ปัจจุบันแนวโน้มของการใช้งานโทรศัพท์รูปแบบของสมาร์ทโฟนมีความทันสมัยมากขึ้น จากปริมาณการใช้งานอย่างต่อเนื่องจึงอาจส่งผลต่างๆ ดังนี้
สมาร์ทโฟนกับการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
1. การใช้นิ้วชี้จิ้ม หากต้องกดตัวอักษรด้วยนิ้วโป้ง จะต้องงอและเกร็งนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง การกดลักษณะนี้บ่อยๆ อาจส่งผลทำให้เป็นโรคกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้ง และการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือจนทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งล็อก ซึ่งพบได้บ่อย
2. การถือสมาร์ทโฟนนานๆ ขณะใช้งาน อาจส่งผลทำให้เกิดอาการปวดบ่าและคอ เนื่องจากกล้ามเนื้อบ่าจะทำงานในลักษณะเกร็งคงค้าง
3. ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนและตัวอักษรที่มีขนาดเล็ก ทำให้มองหน้าจอลำบาก จึงต้องก้มคอเพื่อให้มองดูหน้าจอได้ถนัดขึ้น ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อคอและสายตาต้องทำงานหนัก ทำให้ปวดคอและตาได้
ความเครียดกับการใช้สมาร์ทโฟน
การรับข้อมูลข่าวสารที่ส่งมาบ่อยๆ อาจส่งผลต่อสมาธิในการทำงาน หากบ่อยมากขึ้น อาจเป็นการรบกวนสมาธิการทำงาน จนก่อให้เกิดความเครียดและการตึงตัวของกล้ามเนื้อ หายใจติดขัด
ภาวะความเครียดกับสมาร์ทโฟนนี้ สามารถสังเกตได้ชัดว่าเราเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่เครียด
กรณีที่ 1 มักจะมีความกังวลเมื่อลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน
กรณีที่ 2 เมื่อเที่ยวไกลๆ แล้วไม่มีสัญญาณของโทรศัพท์ ถ้ามีลักษณะดังกรณีที่ 1 ถือว่าค่อนข้างเครียดกับการใช้โทรศัพท์
ใช้สมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัย
คงเป็นเรื่องยากถ้าจะเลี่ยงใช้สมาร์ทโฟน ดังนั้นจึงควรรู้จักใช้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและห่างไกลจากการบาดเจ็บมากที่สุด ดังนี้
1. ใช้งานพิมพ์ด้วยนิ้วมือเท่าที่จำเป็น
2. ใช้การพูดผ่านทางโทรศัพท์ หรือข้อความเสียง แทนการพิมพ์
3. หลีกเลี่ยงการใช้งานต่อเนื่องนานๆ อาจทำการพักบ้างเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ
4. ให้ยกสมาร์ทโฟนให้สูงขึ้นเพื่อลดการก้มคอและศีรษะ โดยอาจใช้หมอนรองแขนเพื่อลดการเกร็งตัวของบ่า
5. หากต้องการใช้สมาธิในการทำงาน ควรปิดการสื่อสารชั่วคราว
6. ขณะพัก ให้ทำการยืดเหยียดนิ้วและแขนให้สุด สลับกับการกำมือแน่น ช้าๆ สัก 10 ครั้ง หรืออาจทำการนวดคลายกล้ามเนื้อและเอ็นด้วย
ข่าวฮ็อตช่วงท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยนำ“ทอท.-บวท.”ถกอนาคตอุตฯบิน”
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้จัดประชุมเพื่อวางแผนบูรณาการทำงานเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพอุตสาหกรรมการบินของไทย ร่วมกัน 3 องค์กรได้แก่ บริษัท การบินไทยฯ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”
ล่าสุดประสบความสำเร็จในเรื่องร่วมกันบริหารจัดการด้านการตรงต่อเวลาของเที่ยวบินตามนโยบายของรัฐบาล จนทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของสนามบินที่ตรงเวลาของโลก จากการสำรวจของเว็บไซต์ FlightStats ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จัดอันดับสายการบินที่ตรงต่อเวลามากที่สุดในโลก
ส่วนการประชุมครั้งนี้ทั้ง 3 องค์กร ได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่สอง “ทอท.ย้ำตรวจเข้มสัมภาระขึ้นเครื่องตามกฎICAO”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่าขออธิบายถึงมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัย ในการปฏิบัติตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ที่ได้เข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ตามโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย (Universal Security Audit Programme – USAP) ณ ท่าอากาศยานของ ทอท.โดยได้เน้นย้ำให้ท่าอากาศยานทุกแห่งตระหนักและปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดตามแนวทาง การควบคุมรักษาความปลอดภัยที่รัฐกำหนด และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
มาตรการที่สำคัญหัวข้อหนึ่งคือ การตรวจค้นสัมภาระหรือสิ่งของที่จะบรรทุกไปกับอากาศยาน โดยท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ ทอท.จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 มาตรา 60/17 และข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 83 ว่าด้วยการตรวจค้นเพื่อรักษาความปลอดภัยในการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ ในการตรวจค้นผู้โดยสาร ผู้ประจำหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานที่จะขึ้นอากาศยาน รวมถึงสิ่งใดๆ ที่บุคคลดังกล่าวจะนำขึ้นอากาศยาน รวมทั้งตรวจค้นสัมภาระหรือสิ่งของที่จะบรรทุกไปกับอากาศยาน
เมื่อมีความสงสัยว่าสิ่งใดเป็นที่ซ่อนอาวุธ วัตถุระเบิด หรือวัตถุอันตรายอื่นใดต้องเปิด และแยกสิ่งนั้นออกไปตรวจค้น เพื่อไม่ให้ปะปนกับสิ่งของอื่นๆ และหากตรวจค้นบุคคลและสิ่งใดๆ แล้ว “ไม่ผ่าน”
ตามมาตรการที่กำหนด จะถูกปฏิเสธไม่ให้ผ่านจุดตรวจค้นไปได้ ซึ่งในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 ยังได้กำหนดว่าหากผู้ใดขัดขวางหรือหลีกเลี่ยงการตรวจค้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนของเหลว เจล สเปรย์หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ได้ถูกจัดอยู่ในรายการวัตถุต้องห้ามดังกล่าว และในการดำเนินการนำของเหลว เจล สเปรย์หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะ คล้ายคลึงกันขึ้นบนอากาศยาน ต้องปฏิบัติตามประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ จึงขอให้ผู้โดยสารทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สนามบินในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานให้ประเทศไทยในเวทีสากลด้วย
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียยึดหัวหาดสีหนุวิวดึง27ประเทศเที่ยว”
แอร์เอเชียชิงเปิดบินเส้นทางพิเศษ “สีหนุวิว” ยึดหัวหาดเมืองชายทะเลกัมพูชาบูมท่องเที่ยวดูดนักเดินทาง 27 ประเทศ
นายสเปนเซอร์ ลี หัวหน้าฝ่ายการพาณิชย์ แอร์เอเชียเบอร์ฮัด รายงานว่า แอร์เอเชีย มาเลเซีย ได้เปิดบินปฐมฤกษ์เส้นทางใหม่ในอาเซียน ไป-กลับ กัวลาลัมเปอร์-สีหนุวิว (Sihanoukville) กัมพูชา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว เป็นเส้นทางพิเศษสายแรกเข้าสู่กัมพูชา ด้วยรหัสเที่ยวบิน AK264 ซึ่งขณะนี้แอร์เอเชียมีเที่ยวบิน ระหว่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์-กรุงพนมเปญ สัปดาห์ละ 21 เที่ยว และเมืองเสียมราฐสัปดาห์ละ 14 เที่ยว
ส่วนการเปิดบิน “สีหนุวิว” เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพเมืองชายทะเลของกัมพูชา ซึ่งมีโอกาสการเติบโตทางด้านท่องเที่ยวการค้าและเศรษฐกิจ สามารถใช้เครือข่ายการบินขยายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคอาเซียนและโลกโดยใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายของแอร์เอเชียทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ 27 ประเทศ
ปัจจุบัน Sihanoukville เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของกัมพูชา มีทิวทัศน์ที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นชายหาดป่าภูเขาป่าโกงกางและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังหมู่เกาะที่สวยงาม อีกทั้งยามค่ำคืนมีฉากชายหาด Ochheuteal พร้อมธรรมชาติเขียวขจีที่น้ำตก Kbal Chhay หรืออุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศอุทยานแห่งชาติ Ream; หรือลิ้มลองอาหารทะเลสดๆเช่นปลาหมึกย่างทะยานและอาหารประจำชาติ Amok Trey
ตารางการบินสำหรับกัวลาลัมเปอร์ (KUL) - สีหนุวิลล์, กัมพูชา (KOS)
หมายเลขเที่ยวบิน จาก ไปยัง การออกเดินทาง การมาถึง กำหนดการเดินทาง
AK264 KUL KOS 1215 1300 วันจันทร์วันพุธวันศุกร์วันอาทิตย์
AK265 KOS KUL 1340 1630 วันจันทร์วันพุธวันศุกร์วันอาทิตย์
ข่าวที่สี่ “ไทยแอร์เอเชียตีปีกครึ่งปี’60กำไรอื้อ 1,346ล้าน”
ทางด้าน “นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2560 ไทยแอร์เอเชียยังคงเติบโตมีรายได้รวม 8,336 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิรวม 310 ล้านบาท เมื่อรวมตลอดครึ่งแรกปี 2560 มีรายได้รวม 17,486 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,346 ล้านบาท
ข่าวที่ห้า “ชี้12แอร์ไลน์ไทยทำAOCไม่ทันก.ย.ชวดบินอินเตอร์”
ภายในกันยายน 2560 นี้จะเป็นเดือนชี้ชะตา การทำธุรกิจ “สายการบินในประเทศไทย” ให้ได้ตามมาตรฐานของ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) โดยมีเงื่อนไข “ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ” ใหม่หรือ (AOC Re-certification) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. กล่าวว่า ขณะนี้มี 12 สายการบินกำลังลุ้นอย่างมาก เนื่องจากประเมินการขออนุมัติตามขั้นตอนแล้วแนวโน้มจะไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ทันภายเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน ผลที่จะตามมาทันทีคือสายการบินเหล่านี้ต้องหยุดบริการบิน “เส้นทางระหว่างประเทศ” กลุ่มสายการบินส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสายการบินบริการส่วนตัว เช่าเหมา และสายการบินพาณิชย์ทั่วไป ได้แก่
1.โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ส 2. สายการบินไทยเวียดเจ็ท 3.สายการบินเจ็ท เอเชีย 4. วีอี เจ็ทส์ 5. เค-ไมล์ แอร์ 6. สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง
7.บริษัท เอช เอส เอวิเอชั่น จำกัด 8.บริษัท เอซี เอวิเอชั่น จำกัด 9.สกายวิว แอร์เวย์ส 10. เอเชีย แอตแลนติก แอร์ไลน์ส 10. วีอี เจ็ทส์ 11.สยามแอร์ ทรานสปอร์ต และ 12.แอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น
ปัจจุบัน โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ส และไทยเวียดเจ็ท จึงดิ้นแก้ปัญหาโดยทำเรื่องมายังหน่วยงานกระทรวงคมนาคมขอ “เพิ่มเที่ยวบินในประเทศ” แทนระหว่างต้องหยุดบินต่างประเทศ ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายดีที่ขึ้นในอนาคต
ดังนั้นจึงขอให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการสายการบินดังกล่าวติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน
พบกันใหม่วันเสาร์และวันอาทิตย์ หน้า ทาง สวท.FM 97.0 MHZ.เวลา 11.00-12.00 น.
ผุดเมืองเท่น่าเที่ยว-ทัวร์ถิ่นลดภาษี-ปีเที่ยวยั่งยืน
พลังคิงเพาเวอร์แจกกระเป๋ายังชีพชุมชนสกลฯ
ปิดสยามฯจัดThailand Live Gastronomy
BPCPเครือบางจากQ2ปีนี้กำไรพุ่ง 577 ล้านบาท
ทัวร์ชุมชน‘บ้านทะเลน้อย-ปากน้ำประแส’ระยอง
บินไทยลุกนำ“ทอท.-บวท.”วางอนาคตการบิน
ไทยเพิ่มตรวจเข้มสัมภาระขึ้นเครื่องทุกสนามบิน
แอร์เอเชียยึดหัวหาดบินสีหนุวิวอนาคตโตไม่ยั้ง
ไทยแอร์ฟุ้งครึ่งปี’60โกยกำไรตุนไว้1.3พันล้าน
12แอร์ไลน์ทำAOCไม่ทันก.ย.นี้ชวดบินอินเตอร์
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) FM 97.0 MHz. ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านทั้งหมดทางwww.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังย้อนหลังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. |
ช่วงที่ 1 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงแผนการทำตลาดบุกหนักการท่องเที่ยวโดยผนึกความร่วมมือกับเอกชนเร่งทำต่อเนื่องจากครึ่งปีหลังไปจนถึงปีหน้า 4 โครงการ เป็นหัวหอกเพิ่มเม็ดเงินให้ท้องถิ่นมีเศรษฐกิจเข้มแข็ง การกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนอย่างทั่วถึง และประเทศสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันก้าวขึ้นเป็นผู้นำการเชื่อมโยงท่องเที่ยวอาเซียนและเอเชียได้
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” กล่าวว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 เป็นต้นไป ท่องเที่ยวมีภารกิจหลักทางการตลาดที่จะต้องทำให้สัมฤทธิ์ผล 4 โครงการ คือ โครงการแรก “แคมเปญพิเศษฟื้นฟูหลังน้ำท่วมอีสาน” หลังจากสำรวจพบพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรุนแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหลายโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวเสียหาย ดังนั้นภารกิจที่ ททท.จะต้องเข้าไปช่วยฟื้นฟูได้คือมาตรการทางด้าน “การตลาด” กระตุ้นให้คนไทยกลับไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวภายหลังทำความสะอาดจนเป็นปกติแล้ว
โดยจะใช้โครงการที่มีอยู่แล้วได้แก่ ท้าเที่ยวข้ามภาค กลุ่มผู้หญิงท่องเที่ยว เสนอเป็นโปรโมชั่นพิเศษจริง ๆ เริ่มด้วยแคมเปญ “สกลเมืองเท่ น่าเที่ยว” ผสมผสานไปกับการจัดเทศกาลไฮไลต์ของปี อาทิ เทศกาลแห่ดาวชุมชนท่าแร่ การแห่ปราสาทผึ้ง ททท.จะโหมประชาสัมพันธ์เพื่อตอกย้ำว่าสถานที่มีความพร้อมแล้ว
การเดินทางเข้าพื้นที่อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะถนนบางสายอาจจะถูกน้ำท่วม แต่โดยภาพรวมแล้วสภาพของแหล่งท่องเที่ยวในสกลนครไม่ได้เสียหายหรือได้รับผลกระทบทั้งจังหวัด มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่โดนน้ำท่วม ททท.คงจะเน้นการประชาสัมพันธ์เริ่มอย่างช้าที่สุดภายในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนสิงหาคม นี้เป็นต้นไป
ขณะนี้สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 แห่ง กำลังเร่งสำรวจรวบรวมพื้นที่เสียหาย จากนั้นจะพิจารณานำ “สินค้าชุมชน” ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวเคยซื้อแต่ตอนนี้การเดินทางเข้าไปอาจจะมีปัญหาบ้าง ดังนั้นจึงจะใช้วิธีจัดกิจกรรมนำสินค้าทั้งของกิน ของใช้ ของที่ระลึก มาจัดเวทีจำหน่ายในกรุงเทพมหานคร พร้อมกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความมั่นใจที่จะเข้าไปท่องเที่ยวตามปกติ
ควบคู่กับการรณรงค์ให้คนไทยช่วยกันเข้าไปอุดหนุนทั้งสินค้าชุมชนและการท่องเที่ยว ซึ่งหลายภาคส่วนรวมใจกันลงพื้นที่ไปช่วยเหลือภาคอีสานที่เจออุทกภัยครั้งใหญ่ ส่วนภายหลังน้ำลดแล้วความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้วิธีอื่น ๆ คือชวนกันเข้าไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวให้มากที่สุด การท่องเที่ยวภาคอีสานในฤดูฝนมีความสวยงามทางธรรมชาติไม่แพ้ภาคอื่น ๆ
โครงการที่ 2 “เที่ยวทั่วไทย ไปถึงถิ่น” ด้วยมาตรการ “ลดหย่อนภาษี” กำลังหารือและเสนอกระทรวงการคลังให้คืนภาษีแก่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเป้าหมายกระจายการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่นมีรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามวัตถุประสงค์ 2 ข้อ คือ 1.กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยว 2.กระจายตัวนักท่องเที่ยวไปยังเมืองรองมากขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ
ส่วนการดำเนินการจะมีทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่ภาษี โดยเฉพาะการลดหย่อนทางภาษี จะเปิดให้นำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวทั้งทางด้าน ค่าที่พัก อาหาร แพกเกจท่องเที่ยว ของที่ระลึกชุมชน ซึ่งเป็นข้อเสนอมาจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชน ขอให้ ททท.ประสานทำมาตรการลดหย่อนภาษี โดยแบ่งตามพื้นที่ที่แตกต่างกันไป 3 ระดับ ประกอบด้วย
1.การลดหย่อนภาษีแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก 14 จังหวัด จะได้รับค่าลดหย่อน 15,000 บาท
2.การลดหย่อนภาษีเมื่อเดินทางไปเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาด 12 จังหวัด จะได้รับค่าลดหย่อนสูงขึ้นเป็น 30,000 บาท
3.การลดหย่อนภาษีเมื่อเดินทางไปเที่ยวจังหวัดที่เหลืออื่น ๆ อย่างชายแดนภาคใต้ อีสาน และเขตอุทกภัย ลดได้สูงสุดถึง 50,000 บาท
ส่วนผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นต้องรอหารือกับทางกระทรวงการคลังภายในสัปดาห์ที่สองเดือนสิงหาคมนี้
ขณะที่เมืองท่องเที่ยวหลักของไทยปัจจุบันมี 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นครราชสีมา กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ ระยอง เพชรบุรี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ สระบุรี ภูเก็ต นครปฐม
ส่วน 12 เมืองต้องห้ามพลาดได้แก่ ลำปาง น่าน เพชรบูรณ์ เลย บุรีรัมย์ จันทบุรี ตราด สมุทรสงคราม ราชบุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช และตรัง
ตามขั้นตอนการดำเนินงานโครงการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว ททท.จะต้องนำเข้าหารือกับทางเอกชน กระทรวงการคลัง และสุดท้ายนำเสนอต่อ “พลเอกธนศักดิ์ ปฏิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ก่อนเสนอการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
โครงการที่ 3 “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน” (Amazing Thailand Year) ททท.จะทำงานโดยร่วมมือกันกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้เป็นปีพิเศษจึงต้อง “รวบรวมกิจกรรม” ที่มีความแตกต่างหลากหลายไว้ด้วยกัน เพราะการเริ่มโครงการตามปีงบประมาณใหม่ได้กำหนดกรอบเวลาไว้ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560- 1 มกราคม 2562 ซึ่งจะมีกิจกรรมพิเศษระดับประเทศ นานาชาติ และระดับโลก ที่นำเข้ามาจัดในประเทศไทย ได้แก่
กิจกรรมการแข่งขัน AIR RACE 1 THAILAND PRESENTED BY CHANG เป็นปรากฏการณ์แข่งขันด้านความเร็วครั้งแรกในเอเชีย จะจัดระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2560 ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการแข่งขัน Moto GP THAILAND 2018 (ตามสัญญาประเทศที่ได้รับสิทธิจะลงนามสัญญาเป็นสถานที่จัดต่อเนื่อง 3 ปี 2561-2563)
รวมไปถึงกิจกรรมทางด้านท่องเที่ยว ที่ได้รับอนุมัติให้จัดทำโครงการ “เดอะ มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์” ตามกรอบงบประมาณ 5 ปี 2560-2564 ที่ ททท.จับมือกับ บริษัท มิชลิน ซึ่งเป็นผู้นำโลกทางด้านการนำเสนออาหารมาช่วยกันขยายพื้นที่ท่องเที่ยวนอกเหนือจากกรุงเทพมหานคร การส่งเสริมสนับสนุนอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานมิชลินที่จะทำให้อาหารไทยเติบโตในตลาดโลกมากกว่าปัจจุบัน
กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นไฮไลต์สำคัญ ๆ ในการที่ประเทศไทยจะเป็น “ผู้นำ” ปีการท่องเที่ยวเก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน นอกจากจะตอกย้ำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือจะเป็นโครงการเตรียมความพร้อมของคนไทยในการทำหน้าที่ “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศ
เพื่อจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์เรื่อง 1.การเพิ่มนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพหลั่งไหลเข้ามาใช้จ่ายเงิน 2.เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการท่องเที่ยวกับนานาประเทศได้อย่างเข้มข้น
สำหรับปัจจัยที่จะทำให้การท่องเที่ยวของไทยเข้มแข็งโดดเด่นกว่าประเทศอื่น ๆ ส่วนสำคัญที่สุดคือ “คนไทย” ได้ทำหน้าที่เป็น “เจ้าบ้านที่ดี” นั่นเอง
ขณะนี้ ททท.ได้ขยายเครือข่ายพื้นที่จัดอบรมชุมชนเข้าสู่มาตรฐานการปฏิบัติภารกิจเจ้าบ้านที่ดี เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2560 นำร่องเชิญชวนตัวแทนชุมชนทั่วประเทศเข้ามาอบรม 1,500 คน ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ททท.ฝ่ายที่รับผิดชอบได้นำทีมงานเดินสายจัดอบรมต่อเนื่องขยายผลอีก 6 ครั้ง สัปดาห์จะเริ่มที่เชียงใหม่ ต่อด้วย ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคอีสาน 2 จังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปิดท้ายที่ หาดใหญ่ ภาคใต้
ททท.ร่วมกับภาคเอกชนจัด “คอนเสิร์ตเจ้าบ้านที่ดี” นำร่องไปบ้างแล้วในจังหวัดอุตรดิตถ์ ตาก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สร้างการรับรู้ ปลุกจิตสำนึกที่ดีเพื่อให้ทุกคนเข้ามามีส่วนอย่างเต็มใจเต็มที่ด้วย
โครงการที่ 4 “ท่องเที่ยวเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม” พุ่งเป้าใช้คอนเซ็ปต์ Tourism Zero Trash รณรงค์นักท่องเที่ยวที่เข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้วเพิ่มปริมาณขยะมากมาย ททท.จึงจับมือกับเอกชนทำโครงการ Trash Zero ช่วยกันเก็บขยะตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) กำจัดขยะในทะเล Upcycling blue Ocean ซึ่งจะขยายการป้องกันขยะล้นแหล่งท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ต่อไปทั่วประเทศ
ททท.จะเพิ่มความเข้มข้นทางการตลาดทำให้การท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็วโดยมีฐานหลัก 4 โปรเจ็กต์ เป็นสปริงบอร์ดสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
ฟังข่าวเข้ม ๆ ในช่วงต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “พลังคิงเพาเวอร์แจกกระเป๋ายังชีพชาวสกลนคร”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทีมบริหารสายงานการตลาดของกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าโครงการ “KING POWER THAI POWER พลังคนไทย” นำกระเป๋ายังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับได้รับการสนับสนุนจากสายการบิน ไทยแอร์ เอเชีย บริการขนส่งของต่าง ๆ ไปช่วยผู้ประสบภัยในจังหวัดสกลนคร
ล่าสุดได้นำกระเป๋ายังชีพของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ลงพื้นที่ไปมอบให้ พันเอก ทักษพล ศิริรักษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 และ พันเอก วุทธิพงศ์ อรรคคำ (ที่ 2 จากขวา) รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 เพื่อไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย 100 ครอบครัว เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเร่งด่วน ณ กองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 จ. สกลนคร
ข่าวที่ 2 “ททท.ปิดสยามสแควร์จัด THAILAND LIVE GASTRONOMY”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมจัดกิจกรรมท่องเที่ยวด้วยการจัดงาน "THAILAND LIVE GASTRONOMY : เทศกาลอาหารเพื่อการท่องเที่ยว แบบถึงราก...ถึงโคน” ผลักดันการใช้วัฒนธรรมของอาหารไทยและวิถีชีวิตเป็นใบเบิกทางสู่ต่อยอดและเชื่อมโยงจุดขายแหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหารของแต่ละท้องถิ่นครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศไทย
จึงเตรียมยกสุดยอดอาหารเด่นดังของแต่ละภาคมาให้ชิมถึงใจกลางกรุง ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2560 ณ สยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร
แบ่งเป็น 9 โซนดังนี้
1. The Original Zone เป็นการคัดสรรร้านชั้นนำต้นสายความอร่อยกว่า 30 ร้านค้า
2. Food Street คัดสรรร้านอาหาร ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านความอร่อย จากร้านอาหารริมทางสุดอร่อย เมนูคัดพิเศษจาก 7 ย่าน Street Food ชื่อดังทั่วกรุงเทพมหานครกว่า 42 ร้าน
3.Seafood นำอาหารทะเลของหมู่บ้านชาวประมงภาคใต้ ที่จับเอง ขนเอง ขายเอง มาให้รับประทานกันแบบสด ๆ รวมกว่า 6 ร้าน
4.Thailand Signature ประกอบด้วย Signature คือ ต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, ส้มตำ, แกง (แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น และต้มข่าไก่) และ โมดิฟายตุ๊กตุ๊ก เป็น Food Truck 4 คัน เพื่อรองรับ Signature
5.Gastronomy Innovation นำนวัตนกรรมการทำอาหารไทยด้วยศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงมาสาธิตให้ชม โดยเชฟผู้เชี่ยวชายชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงด้าน Molecular Gastronomy คือ Chef Jacobo Astray, Chef FABIO FIORELLI และมีเชฟไทยชื่อดังคอยดูแลอย่างใกล้ชนิด Chef Nutthapol (Nick)
6. Thai Fruits นำผลไม้นานาชนิด และผลไม้ไทยพื้นเมืองหายาก จากชาวสวนแท้ ๆ มาเปิดร้านให้ชิมกว่า 6 ร้าน
7.Organic Food รังสรรอาหารที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ทำให้เกิดผลผลิตที่เติบโตตามธรรมชาติอย่างแท้จริง มาไว้ในงานด้วยกว่า 6 ร้าน
8. All About rice คัดเลือกนำข้าวไทยในรูปแบบข้าวสาร และเมนูข้าวสารพัดข้าว และนิทรรศการข้าวไทย มาให้ชิมอีกกว่า 6 ร้าน
9. Live Performance จัดกิจกรรมสไตล์บันเทิง 4 แนว ได้แก่ โชว์มวยไทย (องค์บาก), การแสดงของศิลปินนักร้อง การแสดงเป็นวงดนตรี และการแสดงสไตล์สนุกสนาน
ทั้งนี้ ททท.กำหนดจัดแถลงข่าวมหกรรม อาหารไทยแบบเจาะลึกถึงราก...ถึงโคน วันที่ 17 สิงหาคม 2560 เวลา 10.00 น.ณ ห้องโถง ชั้น 1 ททท.
ข่าวที่ 3 “BPCPเครือบางจากQ2กำไรพุ่ง577ล้านบาท”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2560 อยู่ในเกณฑ์ดี“กำไรสุทธิ” ก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2560 คิดเป็นเงินประมาณ 577 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 98 % แต่เนื่องจากเงินสกุลบาทมีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นผลให้กำไรสุทธิทำได้ 462 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.7 โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า 890 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 จากไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559
เนื่องจากทุกโครงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในไทยและญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนเต็มไตรมาส โดยธุรกิจในญี่ปุ่น มีผลประกอบการดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นและจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 171 ล้านบาทจาก 6 โครงการ (กำลังการผลิตตามสัญญารวม 30 เมกะวัตต์) โดยไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มีรายได้ประมาณ 43 ล้านบาทจาก 4 โครงการ (กำลังการผลิตตามสัญญารวม 10.7 เมกะวัตต์)
ข่าวที่ 4 “นครชัยแอร์เพิ่มโปรวันธรรมดาแซบนัวในอีสาน”
บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด รายงานว่า ในฐานะผู้ประกอบการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศระหว่างจังหวัด และเป็น 1 ในพันธมิตร “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ได้จัดแคมเปญพิเศษ “WOW @ ขอนแก่น” ฟรีค่าเรียกแท็กซี่ในขอนแก่น ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม – 15 กันยายน 2560 เพื่อกระตุ้นความสนใจในการท่องเที่ยว “อีสานแซบนัว” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยได้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภาคของประเทศเพียงแค่นักท่องเที่ยว “แสดงตั๋วโดยสารนครชัยแอร์” เส้นทาง กรุงเทพฯ-ขอนแก่น หรือเส้นทางที่ใดก็ได้สู่ปลายทางจังหวัดขอนแก่น ก็จะได้รับสิทธิพิเศษ “ฟรีค่าเรียกรถแท็กซี่” จากบริษัท แท็กซี่ขอนแก่น จำกัด
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถปรับอากาศนครชัยแอร์ จะได้รับอนุญาตให้นำสัมภาระติดตัวขึ้นไปได้ 20 กก.
สอบถามที่ได้ที่ 1672 , 043-465-7777 www.taxikk.com และ www.nakornchaiair.com
ช่วงที่ 2 เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวดี ๆ อีกมากมาชวนให้ไปเที่ยว โดยเฉพาะ “ชุมชนน้องใหม่ในระยอง” แหล่งอาหาร แหล่งวิถีวัฒนธรรม ธรรมชาติ ชุมชนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนเรื่องสุขภาพรู้ไว้จะยิ่งดีกับเรื่องวิธีใช้ “สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ” และข่าวสะเทือนอุตสาหกรรมการบินของประเทศกำลังเข้มข้นในหลายด้านด้วยกัน
@ท่องชุมชนฝั่งทะเลระยองบ้านทะเลน้อย-ประแส
เที่ยวไปชิมไปอาหารเด็ดวิถีชีวิตผู้คนโดนใจ
เมืองสวนผลไม้ชายทะเลอ่าวไทย “จังหวัดระยอง” เป็นอีกสถานที่พักผ่อนที่มีความหลากหลายของวิถีชีวิต โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชน หากได้เข้าไปสัมผัสอย่างลึกซึ้งจะยิ่งมีความสุข ในช่วงฤดูฝนก็สามารถไปเที่ยวได้ในมุมใหม่ ๆ เที่ยวได้ใน 7 ชุมชน
เริ่มจาก “อำเภอแกลง” ต้องห้ามพลาด แวะไปยัง “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” แหล่งเพาะปลูกผักกระชับแห่งเดียวในประเทศไทย ที่นำมาทำอาหารถิ่น “แกงส้มผักกระชับ” นักท่องเที่ยวแห่แหนกันไปกิน พร้อมกับช้อปปิ้งสินค้าชุมชนแห่งนี้ทั้ง กะปิ น้ำปลา ปลาเค็ม กล้วยน้ำว้า และอื่น ๆ
กรรมวิธีการปลูก “ผักกระชับ” แต่ละปีปลูกได้เพียง 1 ครั้ง เป็นผักที่มีลักษณะแปลกชาวบ้านต้องใช้เมล็ดฝังลงในดิน 1 เมล็ด จะโตออกมาเพียงต้นเดี่ยว ๆ ต้นเดียว ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาพอสมควรปลูกจากนั้นต้องรอถึง 7 เดือน ผักกระชับจึงจะโตเต็มที่สามารถนำมาทำแกงส้มหรือผัดได้
ระหว่างทางแวะไปยังสถานที่ว่าราชการของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนยกทัพไปจันทบุรี ได้ไปไหว้พระเก่าแก่และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่หมู่บ้านทะเลน้อย จากนั้นไปรับประทานมื้อเที่ยง “ที่ร้านวาสนาฟิชชิ่งปาร์ค” ที่นำสูตร แกงส้มผักกระชับ แกงคั่วปูหน่อไม้ดอง หอยตลับผัดใบโหระพา และอีกมากมายหลายเมนูเมืองระยอง
เดินทางต่อไปยัง “ชุมชนปากน้ำประแส” อำเภอแกลง เป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนตั้งอยู่ติดริมน้ำผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เป็นหมู่บ้านทำประมงขนาดใหญ่ศูนย์รวมแหล่งการค้าอาหารทะเลแลเกษตรกรรมที่ทำสืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นที่มีเรื่องราวสำคัญน่าแห่งการท่องเที่ยวชุมชนภาคตะวันออกของไทย
แวะนมัสการศาลกรมหลวงชุมพร ถ่ายภาพทุ่งโปรงทองเหลืองอร่ามงามตา แล้วเดินเล่นในชุมชน ชมเรือรบหลวงประแส วิวปากน้ำ หมู่บ้านบนสะพานประแสสิน
วันต่อมาแนะนำให้เที่ยวต่อ โดยแวะไปที่ “พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง” ที่เจ้าของใช้เวลากว่า 40 ปี รวบรวมของเล่น ของสะสม ของเก่าโบราณไว้มากมาย โดยแบ่งหมวดหมู่เล่าเรื่องน่าสนใจ เปิดทุกวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น.
ส่วนเมนูมื้อกลางวันต้องไปชิมที่ “ร้านเจ๊ต่ายปูเป็น” บ้านเพ แล้วก็แวะช้อปของดีของฝากที่ “ตลาดร้อยเสา”
ในอำเภอแกลงยังมีชุมชนเด่น ๆ อีกหลายแห่ง ได้แก่ “มหาวิทยลัยบ้านนอก บ้านจำรุง” ไปดูวิถีแบบชาวบ้านในตำบลเนินฆ้อ ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมกลุ่มกิจกรรมด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ เช่น กลุ่มธนาคารต้นไม้ กลุ่มเกษตรพื้นบ้าน กลุ่มตีมีด ธนาคารขยะ มีบริการโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวพักค้างคืน
“วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวกลุ่มผลิตชาใบขลู่และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” ตำบลปากน้ำประแส เป็นหมู่บ้านชาวประมง สร้างบ้านเรือนโดยมีเอกลักษณ์ไทย-จีน แหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับใบขลู่ ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นชา มีกิจกรรมนำเที่ยววิถีชีวิตชาวประมง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะเปิดตลาดด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อ-ชิม อาหารและสินค้าพื้นถิ่นอย่างจุใจ
ส่วนใน “อำเภอเมืองระยอง” มีหลายชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว คือ อย่าง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตไม้กฤษณา” เป็นกลุ่มชาวสวนผู้เชียวชาญด้านไม้กฤษณากว่า 20 ปี ผลิตและจัดจำหน่ายไม้กฤษณาครบวงจร
“อำเภอมาบตะพุด” เมืองโรงงานอุตสาหกรรม ที่ยังคงมี “วิสาหกิจชุมชนเกาะกก” ตำบลเนินพระ นับได้ว่าแหล่งปลูกข้าวสุดท้ายในอ.มาบตาพุด ผลิตสินค้าจากข้าวและสมุนไพรชุมชน ได้รับรางวัลดีเด่นชุมชนสุขภาพดีวิถีไทย ขับเคลื่อนมาบตาพุดสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
“อำเภอบ้านฉาง” ไปชม “ชุมชนบ้านพลา” ที่รวมกลุ่มเพื่อการท่องเที่ยว จัดงานถนนคนเดิน เดินกิน ถิ่นพลา และจัดกิจกรรมอาสาสมัครอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่นเก็บขยะชายทะเล ปลูกป่าชายเลน ทำซั้งปลา
“อำเภอบ้านค่าย” ไปเที่ยว “ชุมชนบ้านเนินสว่าง” เหมาะกับศึกษาดูงานการแปรรูปผลิดภัณฑ์ยางพารา ขนาดเล็ก เป็นอาสนสงฆ์ ที่นอน หมอน ภายใต้ตรา ไก่กา เมื่อไปถึงบ้านค่ายต้องไปนมัสการ “หลวงปู่ทิม” ที่วัดละหารไร่ พระเกจิดังแห่งภาคตะวันออก
สนใจท่องเที่ยวชุมชนวิถีไทยในระยอง สอบถามที่ ททท.สำนักงานระยอง 038-655-420 โทร. หรือ 1672
@สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ
ปัจจุบันแนวโน้มของการใช้งานโทรศัพท์รูปแบบของสมาร์ทโฟนมีความทันสมัยมากขึ้น จากปริมาณการใช้งานอย่างต่อเนื่องจึงอาจส่งผลต่างๆ ดังนี้
สมาร์ทโฟนกับการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
1. การใช้นิ้วชี้จิ้ม หากต้องกดตัวอักษรด้วยนิ้วโป้ง จะต้องงอและเกร็งนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง การกดลักษณะนี้บ่อยๆ อาจส่งผลทำให้เป็นโรคกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้ง และการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือจนทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งล็อก ซึ่งพบได้บ่อย
2. การถือสมาร์ทโฟนนานๆ ขณะใช้งาน อาจส่งผลทำให้เกิดอาการปวดบ่าและคอ เนื่องจากกล้ามเนื้อบ่าจะทำงานในลักษณะเกร็งคงค้าง
3. ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนและตัวอักษรที่มีขนาดเล็ก ทำให้มองหน้าจอลำบาก จึงต้องก้มคอเพื่อให้มองดูหน้าจอได้ถนัดขึ้น ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อคอและสายตาต้องทำงานหนัก ทำให้ปวดคอและตาได้
ความเครียดกับการใช้สมาร์ทโฟน
การรับข้อมูลข่าวสารที่ส่งมาบ่อยๆ อาจส่งผลต่อสมาธิในการทำงาน หากบ่อยมากขึ้น อาจเป็นการรบกวนสมาธิการทำงาน จนก่อให้เกิดความเครียดและการตึงตัวของกล้ามเนื้อ หายใจติดขัด
ภาวะความเครียดกับสมาร์ทโฟนนี้ สามารถสังเกตได้ชัดว่าเราเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่เครียด
กรณีที่ 1 มักจะมีความกังวลเมื่อลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน
กรณีที่ 2 เมื่อเที่ยวไกลๆ แล้วไม่มีสัญญาณของโทรศัพท์ ถ้ามีลักษณะดังกรณีที่ 1 ถือว่าค่อนข้างเครียดกับการใช้โทรศัพท์
ใช้สมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัย
คงเป็นเรื่องยากถ้าจะเลี่ยงใช้สมาร์ทโฟน ดังนั้นจึงควรรู้จักใช้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและห่างไกลจากการบาดเจ็บมากที่สุด ดังนี้
1. ใช้งานพิมพ์ด้วยนิ้วมือเท่าที่จำเป็น
2. ใช้การพูดผ่านทางโทรศัพท์ หรือข้อความเสียง แทนการพิมพ์
3. หลีกเลี่ยงการใช้งานต่อเนื่องนานๆ อาจทำการพักบ้างเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ
4. ให้ยกสมาร์ทโฟนให้สูงขึ้นเพื่อลดการก้มคอและศีรษะ โดยอาจใช้หมอนรองแขนเพื่อลดการเกร็งตัวของบ่า
5. หากต้องการใช้สมาธิในการทำงาน ควรปิดการสื่อสารชั่วคราว
6. ขณะพัก ให้ทำการยืดเหยียดนิ้วและแขนให้สุด สลับกับการกำมือแน่น ช้าๆ สัก 10 ครั้ง หรืออาจทำการนวดคลายกล้ามเนื้อและเอ็นด้วย
ข่าวฮ็อตช่วงท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยนำ“ทอท.-บวท.”ถกอนาคตอุตฯบิน”
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้จัดประชุมเพื่อวางแผนบูรณาการทำงานเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพอุตสาหกรรมการบินของไทย ร่วมกัน 3 องค์กรได้แก่ บริษัท การบินไทยฯ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”
ล่าสุดประสบความสำเร็จในเรื่องร่วมกันบริหารจัดการด้านการตรงต่อเวลาของเที่ยวบินตามนโยบายของรัฐบาล จนทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของสนามบินที่ตรงเวลาของโลก จากการสำรวจของเว็บไซต์ FlightStats ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จัดอันดับสายการบินที่ตรงต่อเวลามากที่สุดในโลก
ส่วนการประชุมครั้งนี้ทั้ง 3 องค์กร ได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่สอง “ทอท.ย้ำตรวจเข้มสัมภาระขึ้นเครื่องตามกฎICAO”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่าขออธิบายถึงมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัย ในการปฏิบัติตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ที่ได้เข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ตามโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย (Universal Security Audit Programme – USAP) ณ ท่าอากาศยานของ ทอท.โดยได้เน้นย้ำให้ท่าอากาศยานทุกแห่งตระหนักและปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดตามแนวทาง การควบคุมรักษาความปลอดภัยที่รัฐกำหนด และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
มาตรการที่สำคัญหัวข้อหนึ่งคือ การตรวจค้นสัมภาระหรือสิ่งของที่จะบรรทุกไปกับอากาศยาน โดยท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ ทอท.จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 มาตรา 60/17 และข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 83 ว่าด้วยการตรวจค้นเพื่อรักษาความปลอดภัยในการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ ในการตรวจค้นผู้โดยสาร ผู้ประจำหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานที่จะขึ้นอากาศยาน รวมถึงสิ่งใดๆ ที่บุคคลดังกล่าวจะนำขึ้นอากาศยาน รวมทั้งตรวจค้นสัมภาระหรือสิ่งของที่จะบรรทุกไปกับอากาศยาน
เมื่อมีความสงสัยว่าสิ่งใดเป็นที่ซ่อนอาวุธ วัตถุระเบิด หรือวัตถุอันตรายอื่นใดต้องเปิด และแยกสิ่งนั้นออกไปตรวจค้น เพื่อไม่ให้ปะปนกับสิ่งของอื่นๆ และหากตรวจค้นบุคคลและสิ่งใดๆ แล้ว “ไม่ผ่าน”
ตามมาตรการที่กำหนด จะถูกปฏิเสธไม่ให้ผ่านจุดตรวจค้นไปได้ ซึ่งในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 ยังได้กำหนดว่าหากผู้ใดขัดขวางหรือหลีกเลี่ยงการตรวจค้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนของเหลว เจล สเปรย์หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ได้ถูกจัดอยู่ในรายการวัตถุต้องห้ามดังกล่าว และในการดำเนินการนำของเหลว เจล สเปรย์หรือวัตถุและสารอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะ คล้ายคลึงกันขึ้นบนอากาศยาน ต้องปฏิบัติตามประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ จึงขอให้ผู้โดยสารทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สนามบินในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานให้ประเทศไทยในเวทีสากลด้วย
ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียยึดหัวหาดสีหนุวิวดึง27ประเทศเที่ยว”
แอร์เอเชียชิงเปิดบินเส้นทางพิเศษ “สีหนุวิว” ยึดหัวหาดเมืองชายทะเลกัมพูชาบูมท่องเที่ยวดูดนักเดินทาง 27 ประเทศ
นายสเปนเซอร์ ลี หัวหน้าฝ่ายการพาณิชย์ แอร์เอเชียเบอร์ฮัด รายงานว่า แอร์เอเชีย มาเลเซีย ได้เปิดบินปฐมฤกษ์เส้นทางใหม่ในอาเซียน ไป-กลับ กัวลาลัมเปอร์-สีหนุวิว (Sihanoukville) กัมพูชา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว เป็นเส้นทางพิเศษสายแรกเข้าสู่กัมพูชา ด้วยรหัสเที่ยวบิน AK264 ซึ่งขณะนี้แอร์เอเชียมีเที่ยวบิน ระหว่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์-กรุงพนมเปญ สัปดาห์ละ 21 เที่ยว และเมืองเสียมราฐสัปดาห์ละ 14 เที่ยว
ส่วนการเปิดบิน “สีหนุวิว” เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพเมืองชายทะเลของกัมพูชา ซึ่งมีโอกาสการเติบโตทางด้านท่องเที่ยวการค้าและเศรษฐกิจ สามารถใช้เครือข่ายการบินขยายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคอาเซียนและโลกโดยใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายของแอร์เอเชียทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ 27 ประเทศ
ปัจจุบัน Sihanoukville เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของกัมพูชา มีทิวทัศน์ที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นชายหาดป่าภูเขาป่าโกงกางและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังหมู่เกาะที่สวยงาม อีกทั้งยามค่ำคืนมีฉากชายหาด Ochheuteal พร้อมธรรมชาติเขียวขจีที่น้ำตก Kbal Chhay หรืออุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศอุทยานแห่งชาติ Ream; หรือลิ้มลองอาหารทะเลสดๆเช่นปลาหมึกย่างทะยานและอาหารประจำชาติ Amok Trey
ตารางการบินสำหรับกัวลาลัมเปอร์ (KUL) - สีหนุวิลล์, กัมพูชา (KOS)
หมายเลขเที่ยวบิน จาก ไปยัง การออกเดินทาง การมาถึง กำหนดการเดินทาง
AK264 KUL KOS 1215 1300 วันจันทร์วันพุธวันศุกร์วันอาทิตย์
AK265 KOS KUL 1340 1630 วันจันทร์วันพุธวันศุกร์วันอาทิตย์
ข่าวที่สี่ “ไทยแอร์เอเชียตีปีกครึ่งปี’60กำไรอื้อ 1,346ล้าน”
ทางด้าน “นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2560 ไทยแอร์เอเชียยังคงเติบโตมีรายได้รวม 8,336 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิรวม 310 ล้านบาท เมื่อรวมตลอดครึ่งแรกปี 2560 มีรายได้รวม 17,486 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,346 ล้านบาท
ข่าวที่ห้า “ชี้12แอร์ไลน์ไทยทำAOCไม่ทันก.ย.ชวดบินอินเตอร์”
ภายในกันยายน 2560 นี้จะเป็นเดือนชี้ชะตา การทำธุรกิจ “สายการบินในประเทศไทย” ให้ได้ตามมาตรฐานของ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) โดยมีเงื่อนไข “ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ” ใหม่หรือ (AOC Re-certification) จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. กล่าวว่า ขณะนี้มี 12 สายการบินกำลังลุ้นอย่างมาก เนื่องจากประเมินการขออนุมัติตามขั้นตอนแล้วแนวโน้มจะไม่สามารถผ่านการตรวจสอบได้ทันภายเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน ผลที่จะตามมาทันทีคือสายการบินเหล่านี้ต้องหยุดบริการบิน “เส้นทางระหว่างประเทศ” กลุ่มสายการบินส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสายการบินบริการส่วนตัว เช่าเหมา และสายการบินพาณิชย์ทั่วไป ได้แก่
1.โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ส 2. สายการบินไทยเวียดเจ็ท 3.สายการบินเจ็ท เอเชีย 4. วีอี เจ็ทส์ 5. เค-ไมล์ แอร์ 6. สยามแลนด์ ฟลายอิ้ง
7.บริษัท เอช เอส เอวิเอชั่น จำกัด 8.บริษัท เอซี เอวิเอชั่น จำกัด 9.สกายวิว แอร์เวย์ส 10. เอเชีย แอตแลนติก แอร์ไลน์ส 10. วีอี เจ็ทส์ 11.สยามแอร์ ทรานสปอร์ต และ 12.แอ๊ดวานซ์ เอวิเอชั่น
ปัจจุบัน โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ส และไทยเวียดเจ็ท จึงดิ้นแก้ปัญหาโดยทำเรื่องมายังหน่วยงานกระทรวงคมนาคมขอ “เพิ่มเที่ยวบินในประเทศ” แทนระหว่างต้องหยุดบินต่างประเทศ ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายดีที่ขึ้นในอนาคต
ดังนั้นจึงขอให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการสายการบินดังกล่าวติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน
พบกันใหม่วันเสาร์และวันอาทิตย์ หน้า ทาง สวท.FM 97.0 MHZ.เวลา 11.00-12.00 น.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น