ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สสปน.-TCEB ปฎิรูปไมซ์ปี2561คิงเพาเวอร์คว้าสัมปทานดอนเมือง

ทีเส็บลั่นปฏิรูปครั้งใหญ่อุตสาหกรรมไมซ์ปี’61
รุกเพื่อสังคม-การศึกษา-ยุทธศาสต์10อุตฯ 4.0
คิงเพาเวอร์ชนะขาดสัมปทานใหม่ดอนเมือง
ปลุกทัวร์บุญออกพรรษา“ไฟตูมกา” ยโสธร
ททท.สลับเก้าอี้ผู้บริหารแถวหน้า15ตำแหน่ง
ชวนเพื่อนเที่ยวศูนย์พรรณไม้ป่าฯ สวนผึ้ง
ทอท.ควงสนามบินCLMVผงาดในตลาดโลก
ไทยแอร์ฯลุยบินไกลโครเอเชีย-ยุโรปต้นปี61
บางกอกแอร์-บินไทยผนึกจุดบริการคาร์โก้

สวัสดีวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1  “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน.หรือ TCEB” จะมาถอดรหัสเรื่อง “การปฏิรูปตลาดไมซ์ ด้วยการใช้มหากาพย์การศึกษาของประเทศ” มาเป็นลูกค้าที่จะใช้เวทีประชุม สัมมนา ถึงองค์ความรู้ยุคใหม่ที่ควรจะใช้เวทีขนาดใหญ่ถ่ายทอดสู่สาธารณะอย่างจริงจัง
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ประธานกรรมการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)

ดร.วีระศักดิ์ เริ่มต้นอธิบายว่าในปีงบประมาณ 2561 วางนโยบายบริหารจัดการอุตสาหกรรม MICE โดยให้ความสนใจกับงานยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น แตกต่างจากในอดีตเน้นทางด้านปริมาณการจัดแสดงสินค้าและประชุมจำนวนมาก ให้น้ำหนักเรื่องมูลค่า ส่วนปีนี้ต้องเพิ่มความเข้มข้นทางความรู้ในกลุ่มยุทธศาสตร์ 10 อุตสาหกรรมที่กำลังเป็นตลาดดาวรุ่ง แบ่งเป็น 5 อุตสาหกรรม ที่มีอยู่แล้วต่อยอดมูลค่าเพิ่ม เช่น ยานยนต์ ปิโตรเคมี สิ่งทอ อาหาร แปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตร
ส่วนอุตสาหกรรมที่ไทยอยากได้แต่ยังมีน้อยที่จะต้องเพิ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิตอล การแพทย์อุปกรณ์ทางด้านสุขภาพ ครีเอทีฟอีโคโนมี-เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โรบอติก-หุ่นยนต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตคนเรา และ Internet of Thing เรื่องเหล่านี้ สสปน.จะให้การสนับสนุน ชักชวนคนเข้ามาสร้างความร่วมมือกัน
ปี 2561 หากองค์กรและหน่วยงานใดนำ “ยุทธศาสตร์” มาเป็นตัวตั้ง ทาง สสปน.ก็พร้อมจะเข้าไปสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ช่วย เพราะถ้าทำแล้วจะช่วยกระบวนการสร้างประเทศทั้ง 10 อุตสาหกรรมที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าเต็มตัวจะก้าวไปได้
หรืออีกส่วนที่คนฝากความหวังไว้กับ “การปฏิรูป” โดยเฉพาะ “การศึกษา” หากไม่ทำตอนนี้ถือว่าสายและไม่ทันการณ์ ดังนั้น MICE จึงต้องเบนมายังเรื่องการนำยุทธศาสตร์มาเป็นการจัดเวทีเผยแพร่ต่อสาธารณะให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้าง เพราะยุคการปฏิรูปการศึกษาต้องหาแก่นให้ได้ว่าเรื่องใดคือการปฏิรูปอย่างแท้จริง และหากมีหน่วยงานใดคิดค้นออกมาได้ต้องทำสัมมนา หรือนำเครื่องมือที่สร้างสรรค์ได้มาประกวดกัน อาจจะเป็นกลุ่มสาระ หรือผลงาน อย่าง โรงเรียนสวยงาม
โดยใช้ไมซ์ที่มีฐานรากเรื่อง “มูลค่าสูง” ต่อยอดเป็น “คุณค่าสูง” เพราะการศึกษาเป็นอนาคตของประเทศไทย โดยคัดสรรครูที่มีผลงานการสอนที่ดี ผมคิดว่าจะต้องมีห้องเรียนจำนวนหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ผลที่ได้คือเป็นห้องเรียนแห่งความสุขแทนการเรียนอย่างหนักแล้วความจริงเด็กก็ยังไม่รู้เลยว่าจะนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงหรือไม่
การพุ่งเป้าทำยุทธศาสตร์การศึกษาเข้ามาสู่ไมซ์นั้นจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ซึ่งพบว่าปัจจุบันในกระบวนการศึกษาของไทยยัดเยียดให้เด็กรู้เกินความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องตั้งหลักโดยพัฒนา “ตลาดของสังคม” มานำเพราะยังใช้ระบบการศึกษาแบบเดิมจะทำให้คนที่จบไปไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ฉะนั้นจึงต้องนำการศึกษาเข้ามาสู่ห้องทดลองในเวทีการสัมมนา ทาง สสปน.จะต้องเพิ่มบทบาทจากการส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ มาขยายผล “ส่งเสริมทางด้านสังคม” เพิ่มขึ้นด้วย
การบูรณาการงบประมาณองค์กรไมซ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงสังคมและมีประสิทธิภาพเต็มที่ในปี 2561 นั้น ต้องบอกว่าตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2560 รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ.2560 ฉบับใหม่ว่าด้วยเรื่องให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน ใช้แนวทางปฏิบัติการใช้งบประมาณในลักษณะเดียวกันกับราชการ จึงมีผลต่อการใช้งบประมาณของ สสปน.เช่นกัน ความจริงก็มีเสียงบ่นซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้ จึงต้องปรับแนวทางโดยไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลบางอย่าง เป็นการ “ทำร่วมกัน” ก่อให้เกิดองค์ความรู้บางอย่าง ได้เงินก้อนใหญ่มารวมทำไปในทิศทางเดียวกัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกอดคอกัน แล้วแบ่งปันความรู้ให้แก่กันและกัน

โดยเฉพาะองค์กรมหาชนเคยใช้กติกาการใช้เงินซึ่งร่างระเบียบเองได้ แต่นับจากนี้เป็นต้นไปจะต้องประคองการใช้เงิน เพราะยิ่งปล่อยไว้นานอาจจะเกิด “เกียร์ว่างและภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ”
ซึ่งยากแก่การหลีกเลี่ยงที่จะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวให้ได้
สำหรับการกระตุ้นและส่งเสริมให้มีการเข้าไปใช้ “โครงการพระราชดำริ โครงการหลวง” ซึ่งทำร่วมกับมูลนิธิปิดทองหลังพระต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้ โดย สสปน.กับมูลนิธิฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่องค์กรที่เลือกไปจัดประชุม สัมมนาในพื้นที่โครงการพระราชดำริ โครงการหลวง

แต่นับจากวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา วันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะผู้คนสนใจจะไปศึกษารำลึกถึงพระองค์ท่านเพิ่มขึ้น ทาง สสปน.กับมูลนิธิปิดทองหลังพระ โดยจัดกิจกรรม “มหกรรมความดี” จะมี 2 แบบ โดยจัดครั้งที่ 1 เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ร่วมกับโครงการตามพระราชดำริ โครงการหลวง มาจัดนิทรรศการแสดงร่วมกัน เพื่อให้คนได้รับความรู้ แต่ครั้งที่ 2 จะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ร่วมมือกับท้องถิ่น รวมทั้งร่วมกับ องค์การบริหารการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งมีความใกล้ชิดกับชุมชน ปรากฏว่าชุมชนต่าง ๆ ไปทำ “ท่องเที่ยวชุมชนด้วยศาสตร์พระราชา” แทบทั้งนั้น

ทว่าการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาสามารถทำได้ 2 ทาง ได้แก่ ทางที่ 1 ไปเรียนรู้ตามศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการพระราชดำริ โครงการหลวง ทางที่ 2 ไปเรียนรู้จากชาวบ้านที่รับศาสตร์พระราชาไปทำจนสำเร็จแล้วในพื้นที่ของตนเอง

หลังจากที่ประชุม สัมมนา แล้วก็หาโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการพระราชดำริ หรือไปเยี่ยมชุมชนที่ดำเนินตามศาสตร์พระราชา ซึ่งสามารถได้เรียนรู้จากชีวิตจริง เป็นประสบการณ์ของคนเมืองที่จะไปเห็นความสุขที่ไม่ได้มาจากเงิน แต่อยู่กับการบริหารจัดการชีวิตจากการควบคุมรายจ่าย หรือชุมชนที่อยู่กับป่าอย่างยั่งยืน ซึ่งมีป่าเป็นซูเปอร์มาเก็ต มีดินที่รักษาดูแลไว้ปลูกอะไรก็งอกงาม ซึ่งคนเมืองไปดูแล้วอาจจะนำมาทำเลียนแบบทั้งหมดไม่ได้ แต่สามารถลดดีมานต์และความอยากลงได้

ส่วน “การกระจายรายได้สู่ชุมชน” เป็นโอกาสที่ดีของผมทำหน้าที่ประธานบอร์ด สสปน.และ อพท.เพราะคนกลุ่มที่ทำไมซ์ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เมื่อได้ไปเรียนรู้ในชุมชนซึ่งนำศาสตร์พระราชามาบูรณาการ ทั้งงานหัตถกรรม เพาะปลูก รักษาสิ่งแวดล้อม คนเหล่านี้จึงยินดีจะจ่ายเงินซื้อสินค้าที่มีคุณภาพเหล่านี้ อีกทั้งยังเป็นการจ่ายเงินซื้อโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
แต่ถ้าหากว่าไมซ์รู้แล้วว่า “กำลังซื้อ” อยู่ตรงไหน ก็พาคนไป “แหล่งซื้อ” พอได้ไปเห็นชาวบ้านที่นำศาสตร์พระราชาไปใช้ก็จะยิ่งชื่นชม ด้วยความมีวินัยในการสร้างผลผลิต แม้ในอดีตจะรู้กันอยู่ว่าเกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยากจน และประชากรส่วนใหญ่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเมื่อได้พบกับสังคมเกษตรอินทรีย์ จึงควรต้องช่วยกันดูแลอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุดและไปพาสถาบันการศึกษา หน่วยราชการ ห้างร้าน ช่วยกันนำความรู้ไปอยู่ในชุมชนท้องถิ่น เพื่อทำให้เห็นถึงภาพที่ต้องการเห็น “SMART FARMER”

ภาพที่สะท้อนออกมาคือ สสปน.จะเพิ่มบทบาทนำคนออกจากห้องประชุมแอร์เย็น ๆ ออกไปสู่โลกการประชุมนอกห้องแอร์ซึ่งเป็นห้องทดลองของชีวิตจริง ที่จับต้องได้ แถมได้ความรู้ในทางปฏิบัติครบทุกอย่าง

ปี 2561 จึงจะเป็นอีกปีแห่งการปฏิรูป สสปน.ไปพร้อม ๆ กับการปฏิรูปการศึกษา นำ “ศาสตร์พระราชา” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ด้วยการลงไปสัมผัสเรียนรู้จากชาวบ้านเพื่อศึกษาการใช้ชีวิตอยู่อย่างมีวินัยและได้รับความสุขอย่างแท้จริง เป็นเส้นทางที่ไปสู่การสร้างไมซ์เพื่อส่งเสริมสังคมเพิ่มขึ้นอีกขา เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยอย่างยั่งยืนนั่นเอง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชนะขาดลอยพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหม่ดอนเมือง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) “ทอท.” เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 มีมติเห็นชอบให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) ได้รับสิทธิชนะการประมูลธุรกิจโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (Commercial Area) ได้รับสัมปทานดังกล่าวไป ด้วยอายุสัญญาสัมปทานทำธุรกิจต่อเนื่อง 10 ปี
เนื่องจากผลการแข่งขันผู้ผ่านขั้นตอนทางเทคนิคและเปิดซองราคาของทั้ง 3 บริษัท เสนอจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน ทอท.แต่ละเดือนเฉลี่ยต่อตารางเมตรแตกต่างกันชัดเจนดังนี้
บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เสนอการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน สูงที่สุด 17,682,400 บาทต่อเดือน จากการใช้พื้นที่จริงในปัจจุบัน  1,922.78 ตร.ม. คิดเป็นค่าเฉลี่ย ตารางเมตรละ 9,200 บาทต่อเดือน
บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เสนอการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน 9,613,900 บาทต่อเดือน เฉลี่ยจ่ายตารางเมตรละ 5,000 บาทต่อเดือน
บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เสนอการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน 8,100,000บาทต่อเดือน เฉลี่ยจ่ายตารางเมตรละ 4,212.50 บาทต่อเดือน
สำหรับขั้นตอนตั้งแต่เริ่มพิจารณาเพื่อคัดเลือกผู้ชนะการแข่งขันโครงการบริหาร  จัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์แห่งใหม่ในดอนเมืองครั้งนี้ กรรมการแต่ละชุดที่รับผิดชอบดูแลต่างระมัดระวังเรื่องการอ้างอิงตามกฎระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสอบเรื่องข้อเสนอด้านเทคนิค ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเชิงธุรกิจ แผนการดำเนินงาน แผนธุรกิจ  และข้อเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือน (Minimum)
ผลสุดท้าย “บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด” ก็ทำคะแนนรวมได้สูงสุด โดยเฉพาะการเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนเป็นเงินรวม 17,651,120 บาท คุณสมบัติทางเทคนิค ประสบการณ์เชิงธุรกิจ อีกทั้งในขั้นตอนการเจรจาต่อรองทาง บริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ยังพร้อมจะเพิ่มค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ ทอท.อีกเดือนละ 31,280 บาท รวมเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 1 เฉลี่ยเดือนละ 17,682,400 บาท
อีกทั้ง ทอท.ยังสามารถเลือกจัดเก็บเงินผลตอบแทนตามสัญญาสัมปทานดังกล่าวที่ได้มากว่าอีกช่องทาง นั่นคือ จะจัดเก็บจากการประกอบการในอัตรา 15 % ของยอดรายได้ในรอบเดือนนั้นๆ หากคำนวณแล้วทาง บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ (จำกัด) สามารถทำรายได้มากกว่าการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือน
ส่วนวิธีการจัดเก็บผลประโยชน์ตอบแทนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ทอท.ส่งมอบพื้นที่โดยจัดเก็บตามข้อตกลงเริ่มประกอบธุรกิจในพื้นที่เชิงพาณิชย์ เบื้องต้นเดือนแรกในปีแรกจะใช้การจัดเก็บตามข้อตกลงขั้นต่ำ จากนั้นในปีต่อไป ทอท.จะเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำเพิ่มรายเดือนอีก 10  %

ข่าวที่ 2 “ทัวร์บุญออกพรรษาชมไฟตูมกายโสธร”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนร่วมวิถีถิ่นทัวร์บุญออกพรรษา งาน “จุดไฟตูมกา ยโสธร”  ระหว่าง 28 กันยายน -5 ตุลาคม 2560 เป็นประเพณีเก่าแก่ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย  ในหมู่บ้านทุ่งแต้ ต.ทุ่งแต้ อ.เมือง จ.ยโสธร ได้ร่วมกันฟื้นฟูภูมิปัญญา ประเพณีในอดีตที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน
โดยนำผลไม้ป่าชื่อตูมกาขูดผิวสีเขียวออกแล้วคว้านเนื้อกับเมล็ดข้างในออกให้หมด ใช้มีดแกะเป็นลายต่างๆ จากนั้นก็จุดเทียนสอดไปรูที่เจาะไว้ส่วนล่างของผล แสงสว่างจากเปลวเทียนจะลอดออกมา เป็นลวดลายตามรูที่เจาะไว้ ถวายเป็นพุทธบูชา วันออกพรรษาชาวบ้านจะจุดเทียนจากที่บ้านหิ้วก้านไปรวมกันที่วัดแล้วแขวนไว้จุดต่าง ๆ เช่น ซุ้มไม้ไผหรือราวไม้ ระหว่างสวดมนต์ไหว้พระ
สำหรับการจัดงานช่วง 28 กันยายน – 4 ตุลาคม 2560  ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป  หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร  นักท่องเที่ยวจะได้เห็นแสงไฟระยิบระยับตระการตาของแสงไฟตูมกานับหมื่นดวงที่ชาวบ้านจุดเป็นพุทธบูชา  และชมการฟ้อน “เพลินใจ ไฟตูมกา” จากนางรำนับพันคน พร้อมกับชมกิจกรรมสาธิต การแกะลาย ไฟตูมกา ในวันสุดท้าย 5 ตุลาคม 2560 ตรงกับวันออกพรรษา จะมีขบวนแห่ไฟตูมกา กลับไปยังบ้านทุ่งแต้ ต.ทุ่งแต้ อ.เมือง จ.ยโสธร  เพื่อประกอบพิธีจุดไฟตูมกา ถวายเป็นพุทธบูชา ณ วัดบูรพา บ้านทุ่งแต้
ในยโสธรยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น เส้นทางย้อนรอยเมืองสิงห์ท่า ค้นหาอดีตเมืองยโสธร โบสถ์ไม้บ้านซ่งแย้ อ.ไทยเจริญ  หัตถกรรมหมอนขวาน ผ้าขิดบ้านศรีฐาน พิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอก วัดหอก่อง  อ.มหาชนะชัย และวิมานพญาแถน สอบถาม ททท.สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0-4524-3770 , 0-4525-0714

ข่าวที่ 3 “บอร์ดอนุมัติสลับตำแหน่งผู้บริหาร ททท.15 ตำแหน่ง”
การประชุมคณะกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครั้งที่ 9/2560 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพนักงานดำรงตำแหน่งทางการบริหารและตำแหน่งทางการอำนวยการ ระดับ 9 และ 10 ตามผู้ว่าการ ททท.เสนอ ซึ่งจะมีผลตามตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ทั้งหมด 15 ตำแหน่ง ดังนี้
1. นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร เป็น ที่ปรึกษา ระดับ10 2. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์เป็น ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ 3. นางสุนีย์ อภิชาตกุลชัย เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี 4. ขวัญจิตร เป็น ผู้อำนวยการบริหารทั่วไป  5. นางอังคนา พุ่มผกาเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน
6. นายสมชาย ชมภูน้อย เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ7. นายวิบูลย์ นิมิตวานิช เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออก 8.นางสมฤดี จิตรจง เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ 9. นางปานจิตร สันทัดกลกาล เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง 10. นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้
11. นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ 12. นางสาวสุปราณี ป้องปัด เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด 13.อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ เป็นที่ปรึกษา 9
14. ยุพา ปานรอด เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม และ 15.นายบัญญัติ กาฬสุวรรณ เป็นผู้อำนวยการตรวจสอบภายใน ททท.

ข่าวที่ 4 “บางจากนำ SPAR Interส่งออกสินค้าชุมชน-SMEs”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ชุมชน ผ่านร้าน SPAR Inter ไปยังออสเตรเลียและจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 เป็นต้น เพื่อช่วยระบายสินค้าชุมชน ส่งออกไปออสเตรเลีย ได้แก่ ข้าวสารหอมมะลิ ข้าวสารขาว จากกลุ่มเกษตรกร  จ.นครราชสีมา ผลไม้อบแห้ง มะม่วงกระป๋องในน้ำเชื่อม จ.สมุทรสาคร ส่งออกไปจีน ได้แก่ มะม่วง มะละกอ สับปะรดอบแห้ง จ.สมุทรสาคร และกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มจากธรรมชาติ เช่น น้ำมะพร้าวน้ำหอมออร์แกนิค 100% และน้ำมะนาวที่รับซื้อจากเกษตรกรใน 3 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม
รวมถึงได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์กลุ่มธุรกิจ ขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพและตลาดมีความต้องการขณะนี้ คือ ผลไม้อบแห้ง ผลไม้แปรรูป นมอัดเม็ด คุกกี้ ข้าว และขนมขบเคี้ยวอื่นๆ เบื้องต้นจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3 รายการ คือ ชมพู่แก้วแปรรูป โดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี จ.จันทบุรี ลูกอมสัปปะรดกะทิสด โดยกลุ่มแม่บ้านหนองกาพัฒนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกล้วยอบเนย ของกลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหนองตูม จ.สุโขทัย ภายใต้แนวคิด “สพาร์ ร่วมพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”

ข่าวที่ 5 “โคห์เลอร์ผู้นำโลกสุขภัณฑ์เปิดในไทย29ส.ค.นี้”

คนไทยเตรียมพบกับ โชว์รูมของผลิตภัณฑ์ของใช้ภายในครัวเรือนแบรนด์โคห์เลอร์ ได้ที่  KOHLER EXPERIENCE CENTER แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับ “โคห์เลอร์” ได้ชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบสุขภัณฑ์อันดับหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา ที่จะมาเปิดตลาดเชิงรุกในเมืองไทย โดยเตรียมวางแผนขยายสาขาทั่วโลก ด้วยการออกแบบแนวคิดเพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความรู้สึกด้วยประสบการณ์เสมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ในอาร์ต แกลอรี่
โดยเฉพาะในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ห้องอาบน้ำมีระบบ Showering DTV ให้คุณเพลิดเพลินกับสุนทรียภาพในการอาบน้ำอย่างเต็มที่ มีทั้งความหรูหรา เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าสมัยใหม่
ในวันที่ 29 สิงหาคม 2560  “เดวิด โคห์เลอร์” ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคห์เลอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมาเปิดโชว์รูม  KOHLER EXPERIENCE CENTER ด้วยตนเองในกรุงเทพฯ เป็นโชว์รูมแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เรียกว่า KOHLER Experience Center Bangkok หรือ KECBKK บริหารโดยบริษัท ดี.พี.เซรามิคส์ ตั้งอยู่ชั้น 1 อาคารโนเบิล รีมิกซ์ ทองหล่อ (สุขุมวิท39) บนพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตร ออกแบบโดย บริษัท พี 49 ดีไซน์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด

ช่วงที่ 2 ชวนเพื่อน ๆ ในองค์กรไปดื่มด่ำ “ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี

@ชมศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่าฯ ราชบุรี

ออกไปสำรวจความงดงามของผืนป่ากว่า 5,000 ไร่ ใน  “ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  ซึ่งสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในวโรกาสที่ทรงพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี 2535 ตามปนิธานของพระองค์ที่ต้องการจะฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม ให้เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ป่า รักษาผืนป่าภาคตะวันตกให้คงอยู่คู่แผ่นดินสืบไป

อีกทั้งมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการศิลปาชีพ” ขึ้นเพื่อช่วยเหลือราษฎร โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงให้มีอาชีพเสริม หลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ เพื่อลดการล่าสัตว์ การบุกรุกพื้นที่ป่า จัดตั้งธนาคารข้าว ธนาคารโค การเลี้ยงเป็ดเทศ การดำเนินงานเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่ เพื่อเป็นแบบอย่างของการพัฒนาอาชีพของราษฎรในพื้นที่โครงการ การฝึกอบรมราฏฎรอสาพิทักษ์ป่า เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้กับแผ่นดิน และดูแลปกป้องแนวเขตประเทศในฐานะหมู่บ้านยามชายแดนที่เข้มแข็ง

ในแต่ละฤดู ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แห่งนี้ก็มีกิจกรรมต้อนรับผู้มาเยือน่อเนื่องทุกวัน ได้แก่
“กิจกรรมศึกษาดูงาน” สามารถไปเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมป่าไม้นานาพันธุ์ แล้วไปดูกลุ่มศิลปาชีพสาธิตการจักสาน การทอผ้าไหมพื้นเมือง การทำเครื่องปั้นดินเผา การวาดภาพที่เป็นศิลปะแบบพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
จากนั้นก็ไปชมกระบวนการปลูกหม่อนไหม การทองผ้าไหมพื้นเมืองอันงดงามตระการตา
ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ศูนย์จำหน่ายเครื่องเซรามิคจากคนในบริเวณหมู่บ้าน และพื้นที่กางเต็นท์ ถ้าสนใจจะไปพักผ่อนโดยเต็นท์สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้าได้
สำหรับไฮไลต์ของ “แก่งส้มแม้ว” ขึ้นชื่อทางด้านเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ จากแนวลำธารน้ำไหลลัดเลาะตามโขดหินใหญ่น้อยสลับซับซ้อนกลางแม่น้ำภาชี เหมาะจะไปเล่นน้ำ เพราะแก่งแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนป่าสิริกิติ์ สภาพโดยรอบเป็นป่าเบญจพรรณ ร่มรื่น เขียวขจี


สนใจเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ซึ่งตั้งอยู่ที่ แก่งส้มแม้ว ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โทร.08-905-4598

@เรื่องน่ารู้3 วิธีป้องกันสมองเสื่อม
ถึงแม้เราจะยังไม่เกิดอาการภาวะสมองเสื่อม แต่ก็ไม่ควรละเลยหาวิธีป้องกัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ทุกวันด้วย 3 กิจกรรมดังนี้
1. ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือเต้นแอโรบิค วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน
2. รักษาสุขภาพอยู่เสมอ
- ควรเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา
- ควรมีกิจกรรมทางกาย เช่น เดินแทนการนั่งรถ ทำงานบ้าน ทำงานอดิเรกที่ชอบ
- ควรมีกิจกรรมทางสังคม เช่นออกไปพบปะเพื่อนฝูง พูดคุยกับเพื่อนบ้าน
- ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่ควรสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
- ไม่ควรทำกิจกรรมที่เสี่ยงกับการบาดเจ็บทางศีรษะ
- ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำหนักตัวมากจนอ้วน
3. บริหารสมองบ่อยๆ
โดยใช้ท่าบริหารดังนี้
ท่าโป้งก้อย มือขวาชูนิ้วโป้ง มือซ้ายชูนิ้วก้อย เมื่อทำได้ ให้สลับเปลี่ยนเป็นมือขวาชูนิ้วก้อย มือซ้ายชูนิ้วโป้ง
ท่าจีบแอล มือขวาทำมือรูปจีบ มือซ้ายทำมือเป็นรูปแอล เมื่อทำได้ให้สลับมือเปลี่ยนเป็น มือขวาทำมือรูปตัวแอล มือซ้ายทำเป็นรูปจีบ
ท่าจับจมูกจับหู มือขวาจับปลายจมูก มือซ้ายจับหูขวา เมื่อทำได้ ให้สลับเปลี่ยนเป็นมือขวาจับหูซ้าย มือซ้ายจับปลายจมูก

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทอท.เร่งปั๊มSISTER AIRPORTปลุกCLMVผงาดเวทีโลก”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ทอท.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนา “Indochina Aviation Conference 2017” ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม 2560 ในประเทศไทย ในหัวข้อหลัก “Greater Heights Accelerating Growth in Indochina Aviation” โดยมีผลมาจากในภูมิภาคอาเซียนอุตสาหกรรมการบินเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก แตกต่างจากก่อนหน้านี้มีเพียงประเทศระดับเศรษฐกิจจากอเมริกา ยุโรป เป็นส่วนใหญ่ที่ครองธุรกิจการบิน ต่อมาเมื่อครึ่งทศวรรษนี้มีนักธุรกิจในกลุ่มอินโดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการบินมากขึ้น และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำหรือ Low Cost Airline เพิ่มทั้งจำนวนเที่ยวเบินและผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว
รวมถึง “ดอนเมือง” เป็นสนามบินรองรับตลาดการบินโลว์คอสต์หรือสายการบินต้นทุนต่ำ หลังเหตุการณ์มหาพิบัติภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 2555-2559 ดอนเมืองกลายเป็นสนามบินโลว์คอสต์ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก และเป็นสนามบินศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องหันมาพัฒนาความร่วมมือกับเพื่อนบ้านทั้งทางด้านบริการ การตลาด ซึ่งเป็น 1 ใน International Forum ที่ ทอท.ผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้ ทอท.เป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจการบินของไทยยกระดับให้ประเทศเป็นผู้นำอาเซียน
สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนทางการบินในงาน “Indochina Aviation Conference 2017” ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เกี่ยวข้องจากวงการบินประเทศแถบอินโดจีน CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม รวมกว่า 150 คน
ขณะที่โครงการความร่วมมือก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เข้าไปบุกเบิกความสัมพันธ์กับองค์กรบริหารสนามบินใน CLMV ไว้บ้างแล้วนั้นจะขยายความก้าวหน้าโดยวางตำแหน่ง “สนามบินของไทย” เป็นตัวแทนการแข่งขันในเวทีโลก ซึ่งทำหน้าที่กันไปกับความร่วมมือกับคู่แข่งด้วย ทอท.จึงลงนาม MOU ร่วมมือเป็น Sister Airport กับ 15 สนามบินนานาชาติ ทำ Brenchmark ชัดเจน แลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดเป็นทางการ แลกเปลี่ยนการดูงานที่มีความโดดเด่นเพื่อนำมาพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งของสนามบินเมืองไทย
โดย ทอท.ได้แลกเปลี่ยนความร่วมมือสนามบินบ้านพี่เมืองน้อง หรือ SISTER AIRPORT ตั้งแต่ระดับสากลโลก คือสนามบินเมืองเท็กซัส (สหรัฐอเมริกา)  มิวนิค (เยอรมัน) ล่าสุดก็ขยับเข้ามาใกล้ประเทศไทยใน CLMV เพราะต่างก็มี knowhow หรือต้องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมถึงการเริ่มต้นในบางเรื่องก่อนก็จะมีความโดดเด่นในฐานะผู้บุกเบิกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อย่าง สปป.ลาว เมียนมา มีวัฒนธรรมที่ดี แต่ต้องการให้ไทยช่วยสนับสนุนทางด้านมาตรฐาน คู่มือระเบียบการบิน เทคโนโลยีบางอย่าง เป็นความร่วมมือแลกเปลี่ยนกันอย่างมีนัยสำคัญเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด
“ทอท.พร้อมนำจุดแข็งที่เป็นประโยชน์จากสนามบิน SISTER AIRPORT เข้ามาต่อยอดในบ้านเรา อาทิ การนำรูปแบบของสนามบินในสหภาพยุโรป ด้านมาตรฐานการตรวจสอบทั้งทั้งพืช สัตว์ และสิ่งของ มาใช้เพื่อเป็นฐานส่งออกสินค้าการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย”
สำหรับ ทอท.เมื่อปักหมุด SISTER AIRPORT กับ CLMV ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศไทย และการสัมมนาครั้งนี้ก็จะประกาศเรื่องไทยจะเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการบินภูมิภาคอาเซียน

นายนิตินัยกล่าวว่าปี 2560 ไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับต้น  ๆ ของเอเชีย จึงทำให้มีปริมาณผู้โดยสารผ่านเข้าออกสนามบินของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต หาดใหญ่เชียงใหม่ เชียงราย เกินขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารไปแล้วถึง 21 % แต่ก็จะเร่งนำอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเข้ามาบริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสนามบินของ ทอท.ได้รับความสะดวกมากที่สุด

รวมไปถึงการจัดทำมาตรฐาน แผนปฏิบัติการรับมือผู้โดยสารล้นทะลักอันเนื่องมาจากเที่ยวบินมาลงพร้อมกัน ทำให้เกิดปัญหาคอขวดเรื่องการตรวจหนังสือเดินทางเข้าเมืองล่าช้าใช้เวลายาวนานมาก” ซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นที่ดอนเมืองจนกลายเป็นกระแสโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา

ดร.นิตินัยย้ำว่า ได้จัดทำแผนปฎิบัติการใหม่โดยให้แต่ละสนามบินส่งมาภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2560 นี้ เนื่องจากสนามบินแต่ละแห่งจะมี “หน่วยงานรับผิดชอบ” ขึ้นตรงต่างกันไป เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ให้บริการขนสัมภาระกระเป๋าเข้า-ออกแต่ละเที่ยวบินจะมีสายการบินรับผิดชอบกันเอง ส่วน ทอท.ดูแลเรื่องสายพานกระเป๋าต้องไม่ขัดข้องหรือต้องไม่มีขโมย สะท้อนว่าในสนามบิน ทอท.เป็นเจ้าบ้านมีลูกบ้านอีกหลายหน่วยงานแต่แน่นอน ทอท.ก็ต้องถูกวัดและประเมินผล

ส่วนแผนรับมือกรณีหากเกิดผู้โดยสารทะลักอาคารขาเข้า ล่าสุดทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ “เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเคาน์เตอร์” ใหม่แล้วอีก 14 จุด ทอท.ก็อำนวยความสะดวกเต็มที่ และ ทอท.ในฐานะเจ้าบ้านดูแล 6 สนามบิน ได้สั่งการให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกสนามบินจัดทำ “คู่มือปฏิบัติ” กำหนดเบื้องต้นทำ Early Warning กับสัญญาณเตือน หรือ Alarm โดยดูขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้เต็มที่ 1,000 คนต่อชั่วโมง

 ซึ่งแต่ละวันเมื่อพบข้อมูลสายการบินเตรียมนำผู้โดยสารเข้าใกล้เส้น 1,000 คนก็ต้องรีบเข้าตามแผนที่ 1 ได้แก่ แจ้ง ตม. ทีมขนย้ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบิน เพราะคงจะไม่ใช้การตัดสินใจตามวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละคน เพราะบางคนเคยใช้วิธีดังกล่าวซึ่งล่าช้าเกินไปที่จะรับมือได้ และยังต้องใช้หลักปฏิบัติสากลอย่าง SOP : Standard Operating Procudureในหลายรูปแบบมาใช้รับมือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นางาสาวศศิศุภา สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์) ทอท.กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 ตั้งเป้าที่จะขยายความร่วมมือเพิ่มจำนวน SISTER AIRPORT กับประเทศในอาเซียนอีก 2-3 สนามบิน รวมทั้งจะเปลี่ยนแปลงบริการโดยทยอยนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ เช่น เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ระบบแอพลิเคชั่น และอื่น ๆ เพื่อระบายผู้โดยสารเข้า-ออก จากสนามบินให้ได้เร็วที่สุด ควบคู่กับการต้องนำมาตรฐานด้านความปลอดภัยตามกฎของ ICAO เข้ามาใช้อย่างเคร่งครัดด้วย

ข่าวที่สอง “ไทยแอร์เอเชียบินโครเอเชีย-ยุโรปต้นปี’61”

ไทยแอร์เอเชีย ชิมลางบินตรง โครเอเชีย ยุโรปตะวันออก นำร่อง “กรุงเทพฯ-โปแลนด์” ต้นปี’61 ส่วนเอเชีย พร้อมเปิดจุดบินใหม่ในอินเดีย 2-3 เมือง “จีน” หยุดขยายเมืองหันเพิ่มความถี่แทน ส่วนอาเซียนประเทศสุดท้ายปลายปีนี้บินแน่ “มะนิลา ฟิลิปปินส์”


นายธรรฐพล แบเลเวลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย แอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำโลว์คอสต์แอร์ไลน์ภูมิภาคเอเชีย เตรียมนำ ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ใช้ฝูงบินแอร์บัส A330 เปิดบริการเส้นทางบินประจำระยะไกลไปยัง โครเอเชีย และยุโรปตะวันออก กรุงเทพฯ-โปแลนด์ จะเริ่มได้ช่วงต้นปี2561
ส่วนไทย แอร์เอเชีย ก็จะขยายเครือข่ายเส้นทางบินในตลาดสำคัญอย่าง อินเดีย จะเพิ่มจุดบินอีก 2-3 เมือง ส่วนสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะนี้มีมากกว่า 9 เส้นทาง จึงจะหยุดเปิดเส้นทางใหม่แต่จะหันมาเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินที่มีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่น และเล็งจะเปิดบินอาเซียนซึ่งยังเหลืออีกประเทศเดียวคือ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ คาดจะบินได้ภายในปลายปี 2560 ขณะที่บรูไนคงจะไม่สนใจเข้าไปบินเนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนไม่มาก

นายธรรฐพลกล่าวว่าสถานการณ์การแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชียทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ Low Cost Carrier :LCCs ด้วยกันเองและกับสายการบินบริการจัดแบบจัดเต็ม หรือ Full Service Costs : FSCs ต้องห้ำหั่นกันอย่างรุนแรงทั้งเรื่องราคาและต้นทุนน้ำมันเครื่องบิน แต่ในกลุ่มแอร์ เอเชีย ยังคงเน้นการขยายตลาดในเส้นทางใหม่ด้วยการเปิดเส้นทางที่ไม่ซ้ำกับคู่แข่ง และเตรียมพนักงานให้พร้อมบริการอย่างรวดเร็ว ตรงเวลา และหารายได้เพิ่มจากการขายตั๋วโดยสารคุ้มค่าเงิน จำหน่ายอาหารและสินค้าต่าง ๆ เรื่อยไปจนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการใช้ท่าอากาศยานแต่ละแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ไทย แอร์ เอเชีย รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 ยังคงสามารถทำกำไรสุทธิได้ประมาณ 310 ล้านบาท

ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์จับมือบินไทยทำพูลคาร์โก้

นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขนส่งสินค้าและเช่าเหมาลำ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ได้จับมือกับ นายดำรงค์ชัย แสวงเจริญ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ (SPA Special Prorate Agreement) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าทางอากาศของทั้งสองสายการบินให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ณ อาคารศูนย์ปฏิบัติการการบินไทย (OPC) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตกลงความร่วมมือกันให้บริการขนส่งสินค้าร่วมกันบนเส้นทางบินระหว่างประเทศที่แต่ละสายการบินให้บริการอยู่ โดยบางกอกแอร์เวย์ส มีบริการไปยังปกัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม อินเดีย และบังคลาเทศ ส่วนการบินไทยบินไปยัง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน อังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย

ทั้งนี้ การลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ จะช่วยให้ทั้งสองสายการบินสามารถขยายการให้บริการการขนส่งสินค้าทางอากาศไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และออสเตรเลียได้สะดวกและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากการให้บริการเที่ยวบินร่วม (Code-Share) ที่มีการลงนามร่วมกันไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย

ข่าวที่สี่ “บางกอกแอร์หยุดบินลำปาง 1ตค.นี้ธุรกิจป่วน”
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบางกอกแอร์เวย์ส ได้แจ้งขอหยุดบิน กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ลำปาง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 ดังนั้นในวันที่ 4 ก.ย. นี้ จะตัวแทนสายการบินมาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อรัฐจะได้ให้ความช่วยเหลือ เพราะหากหยุดบินก็อาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ ร้านค้าและการท่องเที่ยวชุมชนในลำปางได้
เพราะปัจจุบันท่าอากาศยานลำปางมีบินเพียง 2 สายการบิน คือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์สสัปดาห์ละ 3 เที่ยว และนกแอร์สัปดาห์ละ 2 เที่ยว สถิติผู้โดยสารปี 2559 มีประมาณ 292,905 คน
อย่างไรก็ตามต้องขอให้ผู้ที่เตรียมจองบินกับบางกอกแอร์เวย์ส ไปลำปาง ให้รอความชัดเจนอีกครั้งจากกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม แต่ยังคงใช้บริการนกแอร์ได้ตามปกติที่สนามบินหลักดอนเมือง

แล้วพบกันใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง