ททท.ปรับผังใหม่ท่องเที่ยวกทม.-ปริมณฑลปี’61
ชูไฮเทค Ibeacon-ทัวร์วิถีนนท์-ปทุมเมืองกิจกรรม
สมาชิกคิงเพาเวอร์เฮรับสิทธิ3ช้อปส่งท้ายสิงหาฯ
เที่ยวไทยได้ไม่ยั้ง“เหนือ-ใต้-อีสาน”ตลอดก.ย.นี้
บางจากผนึกวช.นำงานวิจัยผลิตกรีนเอนเนอร์ยี่
เที่ยววันธรรมดากินข้าวมันไก่พังกี่ที่พิษณุโลก
TCEBดึงสื่อ16ชาติโหมพีอาร์3ไมซ์ซิตี้ริมชายหาด
ทัวร์ชุมชนผ้าล้านนา“หนองเงือก-บ้านไร่ใจสุข”
คนเกษียนฟัง7วิธีมีเงินไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
แบรนด์ดรีมยึดหัวหาดเปิดรีสอร์ตใหม่ในพัทยา
ไมเนอร์ผุดอวานิมัลดีฟส์แห่งแรกพร้อมเปิดปี’62
ญี่ปุ่นจัดเจแปนเอ็กซโปชิงนักเที่ยวคนไทย
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร คนรุ่นใหม่ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการว่า จะเปลี่ยนโฉมรูปแบบการท่องเที่ยวเมืองกรุง เข้าสู่โหมดไฮเทคด้วย iBeacon นำร่องในวัดยอดนิยม ร้านอาหาร จากนั้นก็ได้วาง “ผังใหม่” เส้นทางทัวร์ปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี
“ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง” เปิดเผยว่ารับผิดชอบดูแลตลาดการท่องเที่ยวพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ตามแผนปี 2561 เริ่มจาก “กรุงเทพมหานคร” นำธีม Urbanista ทำแคมเปญการขายวิถีคนเมือง (Urbanista นิยมนำมาใช้ทำการตลาด มีความหมายคือกลุ่มหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่มีการศึกษาที่ดีอยู่ในวัยทำงานมีศูนย์กลางการใช้ชีวิตอยู่ตามหัวเมืองใหญ่) เพราะจากผลสำรวจพบว่าคนในจังหวัดอื่นตามภูมิภาคต่าง ๆ สนใจจะมาดูชีวิตคนเมืองในกรุงบ้างว่ามีวิถีการทำอะไรกันบ้าง
แล้วพอมาแยกรายละเอียดจะพบคุณลักษณะของวิถีคนเมือง จะประกอบด้วย 4 อย่างด้วยกัน 1.LEAN-ดูแลสุขอนามัย 2.MEAN-ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 3.CLEAN-สะอาด 4.GREEN-รักษาสิ่งแวดล้อม
อย่างเรื่องของ LEAN คนเมืองมุ่งดูแลรักษาสุขภาพ ขนาดร่างกายไม่อ้วนเกินไป ต้องไปออกกำลังกาย ทำกิจกรรม เช่น การเล่นเลเซอร์เกม แทมเบอลีน เซิร์ฟบอร์ด ปั่นจักรยานตามแหล่งท่องเที่ยว
ส่วน “MEAN” เป็นการท่องเที่ยวเพื่อค้นหาตัวเองตามวัดต่าง ๆ วิถีการนั่งวิปัสสนา เพราะการท่องเที่ยววันนี้ไม่จำกัดเฉพาะจะต้องไปยังแหล่งใหม่ ททท.จึงพยายามโปรโมตเพื่อไปแล้วค้นพบตัวเอง เจอสิ่งแวดล้อม ชุมชนพื้นที่ แล้วเกิดความเข้าใจความต้องการในชีวิตเงินอาจไม่จำเป็นมากสุดก็ได้
สำหรับ “GREEN” ความสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รักษาธรรมชาติ จัดกิจกรรม CSR โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวสีเขียว อาทิ ป่าในกรุง ของ ปตท.
และ “CLEAN” มุ่งเรื่องความสะอาด อย่างการเลือกรับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ ทำเวลเนสสปา เมดิคอลทั้งหลาย
ข้อมูลที่กล่าวนำมาจะนำไปสู่การทำแคมเปญและกิจกรรมของ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร ให้สอดคล้องกับมิชาลีน ไกด์ บุ๊ค แบงค์คอก ซึ่งพูดถึงเรื่องความสะอาด นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในเชิงกรีนฟู้ดในกรุงเทพฯ และประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ทั้ง 4 เรื่องจึงเป็นคอนเซ็ปต์ที่จะ ททท.จะนำมาเป็นไฮไลต์จุดขายใหม่ในกรุงเทพฯ
ส่วนการทำตลาดในแหล่งท่องเที่ยวรอบปริมณฑล เริ่มจาก “จังหวัดนนทบุรี” มุ่งเน้นขาย “วิถีเมืองนนท์ ที่คนไม่รู้” แนะนำมุมใหม่ที่คนยังไม่รู้จัก เพราะแต่ก่อนคนจะคุ้ยเคยกับเกาะเกร็ด ต่อไปจะไปค้นหาสินค้าใหม่ ๆ มาเสนอ เช่น พาเที่ยวคลองอ้อม เส้นทางขนมหวาน ช่วงเย็นเช็คอินบ้านไทยเฮาส์ หัวค่ำพายเรือล่องเจ้าพระยาในคลองอ้อมย้อนบรรยากาศเมื่อ 20-30 ปีก่อน หรือจะเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้าจะมี “ฝูงค้างคาว” คล้ายเขางูราชบุรี ที่นนทบุรีมีค้างคาวกินผลไม้ตัวเท่านิ้วโป้งบินออกมาจากสวนหรือบ้านล้างบินเลี่ยน้ำออกมาหาอาหารกิน
จากนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ตามโฮมสเตย์ในคลองอ้อม นั่งเรือล่องชมสวนทุเรียนที่คงยังเหลืออยู่ราคาลูกละนับพันบาท หรือไปดูสวนบัววิคทอเรียซึ่งคนสามารถขึ้นไปยืนบนใบบัวได้ หรือการทำกิจกรรมช่วงเช้า ตักบาตรทำบุญ เข้าไปดูภูมิปัญญาชาวบ้านอย่าง ผลิตน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งหาชมได้ในคลองอ้อมและฝั่งตัวเมือง เช่น ตลาดนกฮูก มีอาหารและของเก๋ๆ จำหน่าย โดยเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้
ขณะที่ “ปทุมธานี” จะมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม เพราะมีสนามกอล์ฟมากสุดในประเทศถึง 20 สนาม และมีกิจกรรมแปลก ๆ อย่าง เสิร์ฟบอร์ด เวลล์ เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติลากไปน้ำเล่นสนุก สถานที่ตั้งอยู่บริเวณคลอง 3 อีกทั้งยังมี สวนน้ำและอื่น ๆ อีกเพียบ
รวมถึงเป็นเมืองของปราชญ์ และมีพิพิธภัณฑ์ระดับชาติจำนวนมากตั้งอยู่ ได้แก่ “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน)” ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง “พิพิธภัณฑ์สถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง “หออัครศิลปิน” ต.คลองห้า อ.คลองหลวง “พิพิธภัณฑ์หินแปลก” ถนนรังสิต-ปทุม ต.บ้านกลาง อำเภอเมือง “พิพิธภัณฑ์บัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี” ต.คลองหก อ.ธัญบุรี ศูนย์วิทยาศาสต์เพื่อการศึกษารังสิต ต.คลองห้า อ.ธัญบุรี และอีกหลายพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ
สาเหตุที่ยกให้ “ปทุมธานี” เป็นเมืองกิจกรรมเพราะมีมหาวิทยาลัยอยู่จำนวนมาก จึงสามารถเชิญชวนกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวเจนวายกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา มาเรียนรู้หรือทำกิจกรรมในสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี
ส่วนการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ทาง ททท.กรุงเทพมหานคร นำมาใช้สอดคล้องกับสื่อทางการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ โดยทำโปรเจ็กต์ Ibeacon เป็นเครื่องมือสื่อความหมาย ซึ่งจะใช้วิธีการโหลดแอพลิเคชั่นลิงค์เข้าสู่มือถือ แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเส้นนำทางไปอยู่ในจุดที่ต้องการเทคโนโลยีนี้จะส่งผ่านข้อมูลเข้าทางบลูทูธแล้วมีคำอธิบายความหมายแต่ละจุด ถึงเนื้อหาและสำคัญของสถานที่นั้น ๆ นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ ททท.จะนำมาใช้ ทั้งเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอื่น ๆ ต่อไป
โดยจะนำร่องทดลองทำโครงการ Ibeacon ตามสถานที่ท่องเที่ยววัดสำคัญในกรุงเทพฯ 11 วัด เส้นทางอาหารสตรีทฟู้ดย่านเยาวราช และเป็นไอเดียจะใช้เทคโนโลยีนี้ทำตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ โครงการนี้จะช่วยลดมลพิษและทัศนะที่อุจาดตานักท่องเที่ยวเหมือนในอดีตที่นำป้ายมาเขียนอธิบายแล้วทรุดโทรมหักพังเป็นซากขยะไม่สวยงาม
สำหรับการเริ่มโครงการใช้ Ibeacon ตามแหล่งท่องเที่ยวจะเริ่มเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมปี “การท่องเที่ยววิถีไทย สไตล์ลึกซึ้ง เก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน” พ.ศ.2561 คาดหวังว่าจะโครงการดังกล่าวจะทำให้เกิดการท่องเที่ยอย่างยั่งยืน รวมทั้งทางวัดจะต้องรู้วิธีใช้งานและจัดทำเป็นโบว์ชัวร์สวย ๆ แจกนักท่องเที่ยว คืนความคุ้มค่าและเก็บบัตรเข้าชมในราคาเพิ่มขึ้นได้
นายนรินทร์ย้ำว่าการสร้างความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว เรื่องแรก ต้องกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ซื้อขายผ่านมัคคุเทศก์หรือคนกลาง จะสังเกตว่า ททท.จึงพยายามทำข้อมูลสื่อถึงนักท่องเที่ยวโดยตรง ล่าสุดกำลังทำโครงการ “Walking Bangkok” ทำเส้นทางเดินท่องเที่ยวกรุงเทพฯ 15 ชุมชน ทำแผนที่เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค และหากมีงบประมาณจะนำคอนเซ็ปต์ Ibeacon เข้าไปใช้ด้วย
เรื่องที่สอง การเพิ่มมูลค่าแหล่งท่องเที่ยวต้องทำให้มีองค์ประกอบครบ 3 อย่าง คือ 1.เนื้อเรื่องราวของแหล่ง 2.การสื่อความหมายกับนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาต้องใช้มัคคุเทศก์น้อย แต่เมื่อนำ Ibeacon เข้ามาใช้นักท่องเที่ยวที่มาเดี่ยว ๆ ก็ชมสถานที่ได้ด้วยตนเอง 3.มีกิจกรรม เพราะแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยดีอยู่แล้วรวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย ปัจจุบัน ททท.กรุงเทพฯ มีกิจกรรมรองรับเป็นโปรแกรมตัวอย่าง เช่น มุดดินลอยฟ้าตามแนวรถไฟฟ้า หรือให้นักท่องเที่ยวได้ดูชาวบ้านทำหัวสิงโต หัวโขน แล้วให้ลองทำ ก็จะทำให้รายได้เข้าถึงมือชุมชน เที่ยวอย่างลึกซึ้ง และได้รับประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจด้วย
การวางกลยุทธ์เพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวัน เรื่องแรก จะนำแหล่งท่องเที่ยวมาสร้างเป็นโปรดักซ์ใหม่ เน้นกลุ่มตลาดเดินทางอิสระ F.I.T.ซึ่งใช้จ่ายเงินซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ในชุมชนโดยตรง เรื่องที่ 2 เพิ่มกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่นำเงินตราต่างประเทศเข้าชุมชนมากขึ้น
ขณะนี้ ททท.กรุงเทพฯ ร่วมกับบริษัทจัดการปั่นจักรยานชั้นนำชื่อ บริษัท โคแวน คาสเซิล ทำทัวร์จักรยานในไทยมากว่า 40 ปี มีมาตรฐานตอบแทนสู่สังคมอย่างแท้จริง จึงประชุมร่วมกันเพื่อขยายเส้นทางปั่นจักรยานไปยังนนทบุรี ปทุมธานี จะเริ่มลงสำรวจภายในสิ้นเดือนสิงหาคม นี้ เพื่อนำตลาดเบลเยี่ยม ยุโรป มาปั่นจักรยานเลียบคลอง เพื่อขยายกลุ่มนักท่องเที่ยว แล้วจะทำให้เจ้าของโฮมสเตย์ชุมชนซึ่งแลกเปลี่ยนพูดคุยกันไว้แล้วให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวปั่นจากยุโรปมีเข้ามาปีละ 30,000-40,000 คน จากนั้นยังมีแผนจะดึงชาวเอเชียเข้ามาด้วยในโอกาสต่อไป
สำหรับโปรเจ็กต์เด่น ๆ ที่ ททท.กรุงเทพมหานคร จะทำให้โดดเด่นปีงบประมาณ 2561 คือ “อาหารสตรีทฟู้ดเพื่อการท่องเที่ยว” โดยใช้แนวคิดมิชาลิน ไกด์ บุ๊ค นำร่อง แล้วทำเทศกาลจับมือพาราก้อน ดิสคัพเวอรี่ วางเส้นทางร้านอาหารเลาะแนวรถไฟฟ้า เป็น มิลเลี่ยนเฉด เพราะอาหารไทย เช่น ผัดไทยก็มีหลากหลายกรรมวิธี รวมทั้งจะทำ Wall Art กำลังตึกร้างมาวาดลวดลายซึ่งกำลังหารือกับ International Art นำศิลปินจาก 15 ประเทศ มาแข่งขันกันวาดภาพทั้งกำแพงตึกและกำลังคิดไปถึงตอหม้อขนาดใหญ่ของสะพานทางข้าม หรือบริเวณสี่แยกปทุมราชประสงค์ด้วย เพื่อแปลงโฉมกรุงเทพฯ มีมุมสวยงามเพิ่มขึ้น
คอยพบกับกรุงเทพฯ และการท่องเที่ยวรอบปริมณฑลโฉมใหม่ภายใต้การนำ “ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง”ได้ในเร็ว ๆ นี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “บัตรคิงเพาเวอร์ช็อปบนเครื่องรับสิทธิ์3ต่อ”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คืนกำไรส่งท้ายเดือนสิงหาคม นี้ กับโครงการ “สิทธิพิเศษ 3 ต่อ สำหรับสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์”วันนี้ – 31 สิงหาคม 2560
สิทธิแรก - รับส่วนลดสูงสุด US$ 20 เพียงช็อปครบ US$ 120/ ใบเสร็จรับเงิน
สิทธิที่ 2 - ทุกการช็อป รับ Carat 3 เท่า สิทธิที่ 3 - รับฟรี กระเป๋า BALLY เพียงช็อปครบ US$ 200/ใบเสร็จรับเงิน เฉพาะบนเครื่องสายการบินไทยเท่านั้น
สมาชิกสามารถรับกระเป๋า BALLY ได้ที่จุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ Pop – up Store รางน้ำ และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
กติกาการรับส่วนลด US$ 10 เมื่อช็อปครบ US$ 80 / ใบเสร็จ และรับส่วนลด US$ 20 เมื่อช็อปครบ US$ 120/ใบเสร็จ
สำหรับการซื้อสินค้าบนเครื่องสายการบินไทย เที่ยวบินระหว่างประเทศเท่านั้น และสามารถรับสิทธิ์ได้เพียงแสดงบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ กับธนาคาร
สามารถใช้ส่วนลดได้โดยไม่จำกัดใบเสร็จรับเงิน
สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุก 100 บาท รับ 1 กะรัต และรับกะรัตสะสมพิเศษ 2 กะรัต รวมเป็น 3 กะรัต
สมาชิกบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – ไทยพาณิชย์ และคิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย ช็อปทุก 100 บาท รับ 1.25 กะรัต และรับกะรัตสะสมพิเศษ 1.75 กะรัต รวมเป็น 3 กะรัต
ทั้งนี้กะรัตสะสมจะคำนวณคืนภายใน 45 วัน หลังทำรายการ
สอบถามเพิ่มที่ 1631 หรือดูได้ที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “เที่ยวไทยได้ไม่ยั้งตลอดกันยายนนี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าตลอดเดือนกันยายน นี้ แต่ละภาคนำงานเทศกาลประเพณีมาเชิญชวนให้เลือกไปท่องเที่ยวไฮไลต์ ๆ ที่น่าสนใจดังนี้
ภาคเหนือ
ไฮไลต์ “งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2560 ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ วัดไตรภูมิ และวัดโบสถ์ชนะมาร อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งเดียวในโลก “อุ้มพระดำน้ำ” อันเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวเพชรบูรณ์ ตลอดการจัดงานมีกิจกรรมให้ชมหลายอย่างทั้ง พิธีกรรมทางศาสนา กิจกรรมทางวิชาการ ขบวนแห่รอบเมืองเพชรบูรณ์และทางน้ำ การแสดงแสงเสียงตำนานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เทศกาลอาหารอร่อย และอื่นๆ
จังหวัดพิษณุโลก “การแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานฯ” ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน นี้ ณ ลำน้ำน่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง ชมพิธีทอดผ้าป่าหัวเรือ การประกวดกองเชียร์ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กิจกรรมแข่งขันเรือยาว 5 ประเภท ได้แก่ เรือใหญ่ เรือกลาง เรือเล็ก เรือจิ๋ว
ภาคใต้
จังหวัดนครศรีธรรมราช ชวนเที่ยวงาน “ประเพณีบุญเดือนสิบเมืองนคร” ระหว่างวันที่ 16-25 กันยายน นี้ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (84) ทุ่งท่าลาด ศาลกางจังหวัดนครศรีธรรมราช ชวนไปดูขบวนแห่และประกวดหมูรับ กิจกรรมชิงเปรต ตลาดย้อนยุค การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน และประกวดนางสาวนครศรีธรรมราช
จังหวัดนราธิวาส จัดงาน “ของดีเมืองนราฯ ประจำปี 2560” ระหว่างวันที่ 21-25 กันยายน นี้ บริเวณ พลับพลาเฉลิมพระเกียรติสิริราชสมบัติครบรอบ 5 ปี ริมเขื่อนท่าพระยาสาย เทศบาลเมืองจังหวัดนราธิวาส จัดให้ชมการแข่งขันเรือกอและ เรือยาว เรือยอกอง ชิงถ้วยพระราชทานหน้าพระที่นั่งฯ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์เรือกอและจำลอง การแกะสลัก และ นิทรรศการของศูนย์ศิลปาชีพ
ภาคอีสาน
จังหวัดนครพนม ชมประเพณี “ไหลเรือไฟและงานจังหวัดนครพนม ประจำปี 2560” ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม นี้ บริเวณเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสมุทรวิจิตร และศาลากลางจังหวัด จะจัดให้มีขบวนเรือไฟยิ่งใหญ่ในลำน้ำโขง และพิธีบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พญานาคและแม่น้ำโขง ในคืนวันออกพรรษา
ข่าวที่ 3 “บางจาก-วช.นำงานวิจัยรุกพลังงานสีเขียว”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2560 ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ทางบางจากฯ ได้รับโอกาสจาก พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนาม “บันทึกความร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์”
อีกทั้งยังมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมลงนามด้วย เพื่อให้บางจากและหน่วยงานดังกล่าว นำข้อมูลทางวิจัยไปใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม สร้างโอกาสและนวัตกรรมใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจพลังงานของบางจากฯ
โดยเฉพาะผลงานความสำเร็จ 2 เรื่อง ได้แก่ “ชุดควบคุมการติดตามดวงอาทิตย์ 2 แกน” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ “ระบบแจ้งเตือนการทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ในโรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มเพื่อให้ประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าสูงสุด” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
โครงการนำร่องดำเนินการ อันจะจุดเริ่มต้นผลักดันและยกระดับให้ผลผลิตจากผลงานวิจัยรวมทั้งผลงานประดิษฐ์คิดค้นของคนไทย นำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ต่อยอดในการสร้างประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ข่าวที่ 4 “เที่ยววันธรรมดากินข้าวมันไก่พังกี่พิษณุโลก”
วันธรรมดา น่าเที่ยว ผนวกเข้ากับกระแสมาแรงตอนนี้ในเรื่อง “การท่องเที่ยวอาหารไทย” จึงขออนุญาตนำข้อมูลจากนิตยสาร “หนีกรุง” เดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งจัดทีมทีมลงพื้นที่ไปค้นหาเมนูอร่อยมาแนะนำ คือ “ร้านพังกี่ ข้าวมันไก่” เมืองพิษณุโลก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปถึงพิษณุโลกแล้วต้องห้ามพลาด ที่จะแวะไปที่ร้าน “พังกี่” เพื่อชิมเมนู “ข้าวมันไก่” เป็นข้าวมันไก่ไหลหลำเจ้าเก่าแก่ เปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี อยู่ที่ปากซอยพญาเสือ อำเภอเมืองพิษณุโลก
ลักษณะเฉพาะของข้าวมันไก่ พังกี่ อย่างแรก คือ จะให้ผู้บริโภคเลือกชนิดของไก่ไทยและไก่พันธุ์ได้ เพราะรสชาติจะต่างกัน อย่างที่สอง วิธีเสิร์ฟในแต่ละจานนอกจากเนื้อไก่แล้ว ยังมีเครื่องในไก่ผัดกระเทียมกินคู่กับน้ำจิ้มพริกน้ำส้ม รสแซบถูกปากนักชิมหลายรุ่น
ส่วนกรรมวิธีการหุงข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำขนานแท้ของ “ร้านพังกี่” นั้นยังคงเอกลักษณ์การใช้กระทะใบบัวหุงกันอยู่
ทั้งการอนุรักษ์ต้นตำรับ ผนวกกับรสชาติของไก่ปรุงสุกในแต่ละเมนู พังกี่จึงกลายเป็นร้านอาหารชุมชนยอดนิยมที่มีคิวยาวทุกมื้อเที่ยง สามารถสอบถามได้ที่ โทร.055-244-275
ข่าวที่ 5 “TCEBดึงสื่อ16ชาติช่วยบูมไมซ์ซิตี้3เมือง”
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “TCEB” เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐประกาศนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ล่าสุด TCEB ได้จัดแคมเปญโดยชูจุดเด่นของไทย 3 ด้าน ได้แก่ โอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง ความหลากหลายของสถานที่และจุดหมายกิจกรรมไมซ์ รวมถึงมีเอกลักษณ์และความเป็นมืออาชีพของบุคลากรไทย ที่สามารถรองรับการจัดงานกิจกรรมไมซ์ระดับโลก และจัดงานเชิงธุรกิจและการพักผ่อนอย่างแท้จริง
พร้อมทั้งกิจกรรมตอกย้ำการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยและอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยการจัด International Media Familiarisation Trip (IMFT2017) เชิญสื่อจาก 16ต่างประเทศ 35 สำนักข่าว มาเยี่ยมชมสัมผัสศักยภาพ 3 เมืองไมซ์ชั้นนำของไทย ได้แก่ พัทยา หัวหิน และกรุงเทพฯ ภายใต้ธีม “CONNECT Thailand: Kingdom of Bleisure,
โดยเฉพาะ “พัทยา” ภายใน 5 ปีข้างหน้าจะก้าวเข้าระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่ยุทธศาสตร์แถวหน้าทางด้านการลงทุนของอาเซียน คาดการณ์เม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาถึง 1.505 ล้านล้านบาท ระหว่างนี้รัฐบาลได้เร่งโครงการระดับใหญ่ด้านโลจิสติกส์ครบวงจรหลายโครงการ เช่น ยกระดับสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือแหลมฉบัง โครงการรถไฟความเร็วสูง มาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมอีอีซี เป็นฐานผลักดัน 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
อีกทั้งพัทยามีความพร้อมครอบคลุมทุกด้าน ทั้งศูนย์แสดงนิทรรศการ สถานที่จัดงานประชุมสัมมนา โรงแรมห้องพักหลายระดับ แหล่งท่องเที่ยวชายทะเล และแหล่งกิจกรรมผ่อนคลาย และกำลังจะเปิดศูนย์การจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติสวนนงนุช พร้อมห้องประชุมขนาดใหญ่ รองรับผู้เข้างานหลายพันคน และมี KANN Show การแสดงไลฟ์โชว์โดยประยุกต์เรื่องราวจากวรรคดีไทย รวมถึง Health Land Spa Pattaya ชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน
ช่วงที่ 2 ออกไปสร้างประสบการณ์ใหม่ในชุมชนผ้าไทยในภาคเหนือล้านนา “บ้านหนองเงือก” ลำพูน และ “บ้านไร่ใจสุข” เชียงใหม่ มหัศจรรย์สิ่งมีชีวิตบนผืนผ้าที่มีมานานหลายร้อยปี แล้วมาฟังวิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัย กับข่าวการลงทุนโรงแรมของไทยแห่เปิดทั้งและต่างประเทศ
@ทัวร์ชุมชนผ้าล้านนา “หนองเงือก-บ้านไร่ใจสุข”
เส้นทางท่องเที่ยวในดินแดนมหัศจรรย์แห่งผืนผ้าไทยในภาคเหนือล้านนา ที่มีเรื่องราวร้อยเรียงอย่างมีชีวิตอยู่มากมาย แห่งแรก “บ้านหนองเงือก” หมู่บ้านชาวยองอพยพจากสิบสองปันนา มาตั้งรกรากอยู่ ณ บ้านหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน สืบสาน “การทอผ้าฝ้ายผนวกใช้นวัตกรรมนาโนและกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ” แห่งแรกในประเทศไทย โดยมี “คุณมาลี-เรวัติ กันทาทรัพย์” เป็นหัวหน้าศูนย์ผลิตและขายในชื่อ “มาลีผ้าฝ้าย”
เรื่องเล่านับร้อยปีในการทอผ้าของชาวยองบ้านหนองเงือกคือ “กี่ทอผ้า” แบบกี่เดี่ยว (ทอคนเดียว) โดยเฉพาะกี่คู่รัก (ทอ 2 คน) เป็นไฮไลต์ประเพณีฝ้ายทอมือของหญิง-ชาย ซึ่งเป็นคู่รักกันจะใช้กี่คู่รักทอผ้าออกมาด้วยหัวใจ ถ่ายทอดความรัก สามัคคี ลงสู่ผืนผ้า ทำให้คุณภาพผ้าออกมานุ่มมือ งดงาม ลายส่วนใหญ่เป็นดอกไม้พื้นบ้าน เช่น ดอกแจ๋น (ดอกจาน) ดอกหอ ดอกบัวเครือ ดอกไก่ สะท้อนถึงวิถีวัฒนธรรมเก่าแก่ แต่เดิมเน้นใช้สีธรรมชาติไม่ฟอกย้อม ตอนนี้เริ่มมีสีเคมีเข้ามาบ้าง เพราะต้องผลิตผ้าผืนและแปรรูป ทั้งเสื้อผ้า ปลอกหมอน ม่าน ผ้าคลุมเตียง ปูโต๊ะ ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ตามจำนวนการสั่งซื้อ (by order) เพื่อส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ญี่ปุ่น จีน และอื่น ๆ
ปัจจุบันได้รับการสนับสนุน “สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)” ตั้งแต่ปี 2558 เพิ่มนวัตกรรมนาโนลงในผืนผ้าบ้านหนองเงือก โดยส่งเจ้าหน้าที่มาแนะนำพร้อมกับนำชาวหนองเงือกไปอบรม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องผ้าสีตกและซีดเร็ว วิธีทำให้ผ้าคงทนใช้งานนานเป็นที่นิยมของตลาดในและต่างประเทศ
คุณสมบัติพิเศษของ “ผ้าฝ้ายทอมือนาโนกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ” ของชาวยอง บ้านหนองเงือก คือ มีความนุ่มลื่นรีดเรียบเร็วไม่คืนตัวง่าย ทนทานแสงยูวี ต้านแบคทีเรีย เนื้อผ้าสะท้อนน้ำลดการเปื้อนของสิ่งสกปรกได้ดี และมีกลิ่นนำดอกไม้ธรรมชาติที่ผสมลงไป เช่น ดอกมะลิ และดอกไม้ประจำถิ่น
สำหรับ “ราคาผ้าฝ้ายทอมือ” เมื่อใส่นวัตกรรมนาโนเข้าไปทำให้ขายได้มูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 20-30 % ชาวยองหนองเงือกเกือบ 400 ครัวเรือน จึงมีรายได้จากอาชีพเสริมทอผ้าฝ้ายเดือนละ 8,000-15,000 บาท แต่ขณะนี้ยังต้องการหน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยจัดทำตลาดให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป
นอกจากนี้ในหมู่บ้านหนองเงือกยังผลิตรองเท้าชุมชนจากยางรถยนต์ “ร้านจาวยอง” ของคุณไพรัช (ประพันธ์) นันพนัก เลิกทำงานในกรุงเทพฯ กลับไปพัฒนาอาชีพชุมชนตั้งแต่ปี 2512 สร้างงานและเงินทำรองเท้าจากรถบรรทุกกว่า 40 ปี เพื่อขายส่งและปลีก ราคาคู่ละ 80 บาท เมื่อ 4-5 ปีก่อนมียอดขายเดือนละ 40,000-50,000 บาท แต่ปีนี้ยอดขายลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวเพราะเศรษฐกิจซบเซา
ส่วนแหล่งผลิตผ้าไทยล้านนาแห่งที่สอง “ศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ของ “นุสรา เตียงเกตุ” กับลูกสาว “เกวลิต เตียงเกตุ” และครอบครัว นำสวนลำไยมาพัฒนาเป็น “ศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ระดมคนรุ่นใหม่นักศึกษามหาวิทยาลัย มาร่วมถ่ายทอดเทคนิค การทอผ้า ย้อมสีธรรมชาติ พัฒนาลวดลาย ภูมิปัญญาผ้าล้านนา โดยมีสถาบันจากต่างชาติมาศึกษาทำวิจัย เพื่อถ่ายทอดสู่สายตาทั่วโลกอย่างต่อเนื่องทุกปี
ภายในบ้านไร่ใจสุขมีเด็กไทยรุ่นใหม่จบทางด้านดีไซน์ย้อมสีธรรมชาติจากนิวซีแลนด์มาปักหลักสร้างองค์ความรู้ นำไม้พื้นถิ่นมาผลิตสีย้อมผ้าธรรมชาติจากเปลือกและดอก เช่น เปลือกฝาง มะกาย ดอกมะดะ ต้นคราม ฯลฯ โดยใช้เทคนิคของกรดและด่างจากขี้เถ้ามาทำให้เกิดสีเฉดแปลกใหม่ในผืนผ้าได้ด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนทอผ้า ย้อมสี ทำผลิตภัณฑ์จากผ้าในศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ได้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งละ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับกิจกรรมการเรียน ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและครอบครัวนิยมมาเรียน ครั้งละ 1-7 วัน ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าของบ้านไร่ใจสุขมีร้านเปิดขายในชื่อ NUSSAR Thai Handicraft Cotton Products อยู่หน้าวัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วันนี้ ททท.พยายามพลิก “ชุมชนผืนผ้าไทย” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวชีวิตและอาชีพทรงคุณค่าทำต่อกันมาหลายร้อยปีให้มี “มูลค่า” และสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป
@7วิธีเกษียณโดยไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
จะเกษียนอย่างไรไม่ตกเป็นเป้ามิจฉาชีพ เพราะมักจะมีเงินก้อนใหญ่และถูกหลอกได้ง่าย ในต่างประเทศมีการเก็บสถิติเอาไว้ด้วยว่า 80% ของคนที่ถูกฉ้อโกง ต้มตุ๋น และหลอกลวง จะเป็นคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี จึงขอนำ 7 วิธีป้องกันการถูกมิชฉาชีพมาแนะนำดังนี้
1.ตั้งสติ : ถ้าได้รับโทรศัพท์จากคนไม่รู้จักต้องตั้งสติให้ดี ค่อยๆ คิดทบทวนเรื่องที่เขากุขึ้นมานั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
2.ไม่โลภ : ความโลภอยากได้ มักจะทำให้ขาดการยั้งคิดและถูกหลอกง่าย เพราะฉะนั้นต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ในเวลาสั้นๆ หรือของที่มีราคาถูกผิดปกติ ไม่มีอยู่จริง
3.ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ : แม้จะอ้างว่าโทรศัพท์มาจากหน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน ก็ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว เพราะหน่วยงานราชการและสถาบันการเงินไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์
4.กล้าปฏิเสธ : ต่อให้เป็นคนรู้จัก คนที่ไว้ใจมาชักชวนให้ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเกินจริง หรือทำธุรกิจที่น่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ก็ต้องรู้จักปฏิเสธบ้าง
5.ตรวจสอบก่อนตัดสินใจ : มิจฉาชีพมักมีวีธีพูดที่ทำให้เราคล้อยตามและต้องตัดสินใจทันที แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร ต้องตรวจสอบไปที่หน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน ที่ถูกอ้างถึงเสียก่อนว่าจริงเท็จอย่างไร
6.ไม่ทำตามคำบอก : มิจฉาชีพส่วนใหญ่จะพยายามหว่านล้อมให้ผู้สูงอายุไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ โดยจะคอยบอกขั้นตอนและวิธีการ ที่ท้ายสุดแล้วจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพ (ส่วนใหญ่จะเริ่มจากให้เปลี่ยนเมนูเป็นภาษาอังกฤษ)
7.ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ : การติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะการเตือนภัย จะช่วยให้รู้เท่าทันวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ และไม่ทำให้ตกเป็นเหยื่อกลโกง นอกจากนี้ควรหาความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุนเพิ่มเติม เพราะความรู้ความเข้าใจจะเป็นเกาะป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี
อยากเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น สสส. มีนิทรรศการ “ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์” จัดถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ณ โซนนิทรรศการหมุนเวียน ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สอบถามได้ที่ E-mail:exhibition.thc@thaihealth.or.th โทร.061-842 8778
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ดรีมทุ่มเปิดโรงแรมแห่งที่3ในพัทยา”
นายเอริค ไล ประธาน บริษัทไวส์ พาวเวอร์ แลนด์ จำกัด และนายเควิน วอลเลซ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มโรงแรมดรีม ร่วมกันเปิดเผยว่า ได้ทั้งสองกลุ่มธุรกิจได้ร่วมลงนามสัญญาระหว่างกันเพื่อเตรียมเปิดบริการที่พักแห่งที่ 3 ในไทย คือ “ดรีม รีสอร์ต แอนด์ สปา นาจอมเทียน พัทยา” ขนาด 200 ห้องตั้งอยู่บนหาดทรายสีขาวที่สวยงามของอ่าวไทย พร้อมด้วยห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้า บาร์ริมสระว่ายน้ำ ดรีมสกายบาร์ สปาเพื่อสุขภาพและศูนย์ออกกำลังกาย12,000 ตารางฟุต และสิทธิ์ในการใช้บริการเรือยอชท์ขนาด 27 เมตรของรีสอร์ตเพื่อพักผ่อนหย่อนใจส่วนตัวได้ด้วย
แม่เหล็กดึงดูดการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากพัทยาเป็นเมืองที่มีท่องที่ยวมาพักผ่อนปีละกว่า 9 ล้านคน ภายในประเทศและต่างชาติ เช่น รัสเซีย จีนและยุโรป
สำหรับสถานที่ของโรงแรมดรีมฯ แห่งใหม่ มีความสะดวกสบายสามารถใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 90 นาที เพียง และจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา15 นาที
ปัจจุบันในเมืองไทยดรีมเปิดบริการโรงแรมอยู่แล้ว 2 แห่ง คือ ดรีม กรุงเทพฯ และดรีม ภูเก็ต โฮเทล แอนด์ สปา
ข่าวที่สอง “ไมเนอร์กรุ๊ปทุ่มเปิดอวานิรีสอร์ตมัลดีฟส์แห่งแรก”
“ไมเนอร์ กรุ๊ป” เมืองไทย บุกลงทุนเปิดรีสอร์ตอวานิแห่งแรกในมัลดีฟส์ 200 ห้อง เปิดบริการปี’62
กลุ่มบริษัท ไมเนอร์กรุ๊ป ประเทศไทย รายงานว่า ล่าสุดได้ลงนามการลงทุนโครงการรีสอร์ทอวานิ (Avani) แห่งแรกในเกาะมัลดีฟส์ โดยใช้ชื่อ Avani Fares Maldives Resort ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวขนาด 12.4 เฮกตาร์ บริเวณ Baa Atoll ตามแผนจะเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ประกอบด้วยห้องพักแบบมาตรฐานและวิลลารวม 200 ห้อง
Alejandro Bernabe ผู้อำนวยการกลุ่ม อวานิ โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ต กล่าวว่าโครงการอวานิ เฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ต ลงทุนมูลค่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยพัฒนาโครงการด้วยวิธีร่วมทุนกันระหว่างโรงแรมไมเนอร์เมืองไทยและไซปรัส ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีหลากหลายในศรีลังกา มัลดีฟส์ ของ Cyprea Group
ภายใน Avani Fares Maldives Resort ตั้งอยู่บนเกาะของมัลดีฟส์กลางมหาสมุทรอินเดีย ออกแบบล็อบบี้แบบเปิดโล่ง พื้นที่ใช้สอยส่วนกลางนี้จะผสมผสานการรับเลานจ์ ห้องประชุม ห้องอาหาร The Pantry พร้อมให้บริการของว่างตลอด 24 ชม.
และมีมุมพิเศษคือสปาคลับสำหรับเด็ก สระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่และบาร์ริมสระที่สวยงาม
อีกทั้งยังเป็นสถานที่ดำน้ำ Ahivahfushi Beyru บริเวณใกล้เคียงมีการดำน้ำแนวปะการังที่น่าอัศจรรย์ด้วยชีวิตทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ได้แก่ Hawksbill Turtles, Reef Sharks และ Manta Rays
ข่าวที่สาม “ญี่ปุ่นจัดเจแปนเอ็กซโปดึงทัวร์ไทย1-3ก.ย.นี้”
มร.ทากุโอะ ฮาเซกาวา ประธานกรรมการบริษัท ไลท์เฮ้าส์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า เตรียมจัดงาน JAPAN EXPO IN THAILAND 2017 ระหว่างวันที่ 1 – 3 กันยายน 2560 กำหนดเปิดงานวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2560 เวลา 11.00 น. ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายในงานได้รวบรวมทุกเรื่องราวความเป็นญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น โซนการศึกษา โซนการทำงาน โซนท่องเที่ยว โซนช้อปปิ้ง และ โซนมัลติมีเดีย
และยังได้จัดให้มีกิจกรรมการแสดงบนเวทีทั้งบันเทิง ศิลปะ และวัฒนธรรม อาทิ การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินมากฝีมือ 5 หนุ่ม World Order เจ้าของท่วงท่า Robot Dance สุด Creative ที่จะกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง และ มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินกลุ่มสาวสวย BNK48 วงน้องสาวประจำประเทศไทยของ AKB48 กลุ่มไอดอลสาวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และการแสดงอื่น ๆ อีกมากมาย
ฟังรายการได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.
ชูไฮเทค Ibeacon-ทัวร์วิถีนนท์-ปทุมเมืองกิจกรรม
สมาชิกคิงเพาเวอร์เฮรับสิทธิ3ช้อปส่งท้ายสิงหาฯ
เที่ยวไทยได้ไม่ยั้ง“เหนือ-ใต้-อีสาน”ตลอดก.ย.นี้
บางจากผนึกวช.นำงานวิจัยผลิตกรีนเอนเนอร์ยี่
เที่ยววันธรรมดากินข้าวมันไก่พังกี่ที่พิษณุโลก
TCEBดึงสื่อ16ชาติโหมพีอาร์3ไมซ์ซิตี้ริมชายหาด
ทัวร์ชุมชนผ้าล้านนา“หนองเงือก-บ้านไร่ใจสุข”
คนเกษียนฟัง7วิธีมีเงินไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
แบรนด์ดรีมยึดหัวหาดเปิดรีสอร์ตใหม่ในพัทยา
ไมเนอร์ผุดอวานิมัลดีฟส์แห่งแรกพร้อมเปิดปี’62
ญี่ปุ่นจัดเจแปนเอ็กซโปชิงนักเที่ยวคนไทย
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร คนรุ่นใหม่ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการว่า จะเปลี่ยนโฉมรูปแบบการท่องเที่ยวเมืองกรุง เข้าสู่โหมดไฮเทคด้วย iBeacon นำร่องในวัดยอดนิยม ร้านอาหาร จากนั้นก็ได้วาง “ผังใหม่” เส้นทางทัวร์ปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี
นรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร |
“ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง” เปิดเผยว่ารับผิดชอบดูแลตลาดการท่องเที่ยวพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ตามแผนปี 2561 เริ่มจาก “กรุงเทพมหานคร” นำธีม Urbanista ทำแคมเปญการขายวิถีคนเมือง (Urbanista นิยมนำมาใช้ทำการตลาด มีความหมายคือกลุ่มหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่มีการศึกษาที่ดีอยู่ในวัยทำงานมีศูนย์กลางการใช้ชีวิตอยู่ตามหัวเมืองใหญ่) เพราะจากผลสำรวจพบว่าคนในจังหวัดอื่นตามภูมิภาคต่าง ๆ สนใจจะมาดูชีวิตคนเมืองในกรุงบ้างว่ามีวิถีการทำอะไรกันบ้าง
แล้วพอมาแยกรายละเอียดจะพบคุณลักษณะของวิถีคนเมือง จะประกอบด้วย 4 อย่างด้วยกัน 1.LEAN-ดูแลสุขอนามัย 2.MEAN-ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 3.CLEAN-สะอาด 4.GREEN-รักษาสิ่งแวดล้อม
อย่างเรื่องของ LEAN คนเมืองมุ่งดูแลรักษาสุขภาพ ขนาดร่างกายไม่อ้วนเกินไป ต้องไปออกกำลังกาย ทำกิจกรรม เช่น การเล่นเลเซอร์เกม แทมเบอลีน เซิร์ฟบอร์ด ปั่นจักรยานตามแหล่งท่องเที่ยว
ส่วน “MEAN” เป็นการท่องเที่ยวเพื่อค้นหาตัวเองตามวัดต่าง ๆ วิถีการนั่งวิปัสสนา เพราะการท่องเที่ยววันนี้ไม่จำกัดเฉพาะจะต้องไปยังแหล่งใหม่ ททท.จึงพยายามโปรโมตเพื่อไปแล้วค้นพบตัวเอง เจอสิ่งแวดล้อม ชุมชนพื้นที่ แล้วเกิดความเข้าใจความต้องการในชีวิตเงินอาจไม่จำเป็นมากสุดก็ได้
สำหรับ “GREEN” ความสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รักษาธรรมชาติ จัดกิจกรรม CSR โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวสีเขียว อาทิ ป่าในกรุง ของ ปตท.
และ “CLEAN” มุ่งเรื่องความสะอาด อย่างการเลือกรับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ ทำเวลเนสสปา เมดิคอลทั้งหลาย
ข้อมูลที่กล่าวนำมาจะนำไปสู่การทำแคมเปญและกิจกรรมของ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร ให้สอดคล้องกับมิชาลีน ไกด์ บุ๊ค แบงค์คอก ซึ่งพูดถึงเรื่องความสะอาด นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในเชิงกรีนฟู้ดในกรุงเทพฯ และประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ทั้ง 4 เรื่องจึงเป็นคอนเซ็ปต์ที่จะ ททท.จะนำมาเป็นไฮไลต์จุดขายใหม่ในกรุงเทพฯ
ส่วนการทำตลาดในแหล่งท่องเที่ยวรอบปริมณฑล เริ่มจาก “จังหวัดนนทบุรี” มุ่งเน้นขาย “วิถีเมืองนนท์ ที่คนไม่รู้” แนะนำมุมใหม่ที่คนยังไม่รู้จัก เพราะแต่ก่อนคนจะคุ้ยเคยกับเกาะเกร็ด ต่อไปจะไปค้นหาสินค้าใหม่ ๆ มาเสนอ เช่น พาเที่ยวคลองอ้อม เส้นทางขนมหวาน ช่วงเย็นเช็คอินบ้านไทยเฮาส์ หัวค่ำพายเรือล่องเจ้าพระยาในคลองอ้อมย้อนบรรยากาศเมื่อ 20-30 ปีก่อน หรือจะเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้าจะมี “ฝูงค้างคาว” คล้ายเขางูราชบุรี ที่นนทบุรีมีค้างคาวกินผลไม้ตัวเท่านิ้วโป้งบินออกมาจากสวนหรือบ้านล้างบินเลี่ยน้ำออกมาหาอาหารกิน
จากนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ตามโฮมสเตย์ในคลองอ้อม นั่งเรือล่องชมสวนทุเรียนที่คงยังเหลืออยู่ราคาลูกละนับพันบาท หรือไปดูสวนบัววิคทอเรียซึ่งคนสามารถขึ้นไปยืนบนใบบัวได้ หรือการทำกิจกรรมช่วงเช้า ตักบาตรทำบุญ เข้าไปดูภูมิปัญญาชาวบ้านอย่าง ผลิตน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งหาชมได้ในคลองอ้อมและฝั่งตัวเมือง เช่น ตลาดนกฮูก มีอาหารและของเก๋ๆ จำหน่าย โดยเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้
ขณะที่ “ปทุมธานี” จะมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม เพราะมีสนามกอล์ฟมากสุดในประเทศถึง 20 สนาม และมีกิจกรรมแปลก ๆ อย่าง เสิร์ฟบอร์ด เวลล์ เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติลากไปน้ำเล่นสนุก สถานที่ตั้งอยู่บริเวณคลอง 3 อีกทั้งยังมี สวนน้ำและอื่น ๆ อีกเพียบ
รวมถึงเป็นเมืองของปราชญ์ และมีพิพิธภัณฑ์ระดับชาติจำนวนมากตั้งอยู่ ได้แก่ “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน)” ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง “พิพิธภัณฑ์สถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง “หออัครศิลปิน” ต.คลองห้า อ.คลองหลวง “พิพิธภัณฑ์หินแปลก” ถนนรังสิต-ปทุม ต.บ้านกลาง อำเภอเมือง “พิพิธภัณฑ์บัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี” ต.คลองหก อ.ธัญบุรี ศูนย์วิทยาศาสต์เพื่อการศึกษารังสิต ต.คลองห้า อ.ธัญบุรี และอีกหลายพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ
สาเหตุที่ยกให้ “ปทุมธานี” เป็นเมืองกิจกรรมเพราะมีมหาวิทยาลัยอยู่จำนวนมาก จึงสามารถเชิญชวนกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวเจนวายกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา มาเรียนรู้หรือทำกิจกรรมในสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี
ส่วนการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ทาง ททท.กรุงเทพมหานคร นำมาใช้สอดคล้องกับสื่อทางการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ โดยทำโปรเจ็กต์ Ibeacon เป็นเครื่องมือสื่อความหมาย ซึ่งจะใช้วิธีการโหลดแอพลิเคชั่นลิงค์เข้าสู่มือถือ แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเส้นนำทางไปอยู่ในจุดที่ต้องการเทคโนโลยีนี้จะส่งผ่านข้อมูลเข้าทางบลูทูธแล้วมีคำอธิบายความหมายแต่ละจุด ถึงเนื้อหาและสำคัญของสถานที่นั้น ๆ นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ ททท.จะนำมาใช้ ทั้งเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอื่น ๆ ต่อไป
โดยจะนำร่องทดลองทำโครงการ Ibeacon ตามสถานที่ท่องเที่ยววัดสำคัญในกรุงเทพฯ 11 วัด เส้นทางอาหารสตรีทฟู้ดย่านเยาวราช และเป็นไอเดียจะใช้เทคโนโลยีนี้ทำตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ โครงการนี้จะช่วยลดมลพิษและทัศนะที่อุจาดตานักท่องเที่ยวเหมือนในอดีตที่นำป้ายมาเขียนอธิบายแล้วทรุดโทรมหักพังเป็นซากขยะไม่สวยงาม
สำหรับการเริ่มโครงการใช้ Ibeacon ตามแหล่งท่องเที่ยวจะเริ่มเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมปี “การท่องเที่ยววิถีไทย สไตล์ลึกซึ้ง เก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน” พ.ศ.2561 คาดหวังว่าจะโครงการดังกล่าวจะทำให้เกิดการท่องเที่ยอย่างยั่งยืน รวมทั้งทางวัดจะต้องรู้วิธีใช้งานและจัดทำเป็นโบว์ชัวร์สวย ๆ แจกนักท่องเที่ยว คืนความคุ้มค่าและเก็บบัตรเข้าชมในราคาเพิ่มขึ้นได้
นายนรินทร์ย้ำว่าการสร้างความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว เรื่องแรก ต้องกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ซื้อขายผ่านมัคคุเทศก์หรือคนกลาง จะสังเกตว่า ททท.จึงพยายามทำข้อมูลสื่อถึงนักท่องเที่ยวโดยตรง ล่าสุดกำลังทำโครงการ “Walking Bangkok” ทำเส้นทางเดินท่องเที่ยวกรุงเทพฯ 15 ชุมชน ทำแผนที่เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค และหากมีงบประมาณจะนำคอนเซ็ปต์ Ibeacon เข้าไปใช้ด้วย
เรื่องที่สอง การเพิ่มมูลค่าแหล่งท่องเที่ยวต้องทำให้มีองค์ประกอบครบ 3 อย่าง คือ 1.เนื้อเรื่องราวของแหล่ง 2.การสื่อความหมายกับนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาต้องใช้มัคคุเทศก์น้อย แต่เมื่อนำ Ibeacon เข้ามาใช้นักท่องเที่ยวที่มาเดี่ยว ๆ ก็ชมสถานที่ได้ด้วยตนเอง 3.มีกิจกรรม เพราะแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยดีอยู่แล้วรวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย ปัจจุบัน ททท.กรุงเทพฯ มีกิจกรรมรองรับเป็นโปรแกรมตัวอย่าง เช่น มุดดินลอยฟ้าตามแนวรถไฟฟ้า หรือให้นักท่องเที่ยวได้ดูชาวบ้านทำหัวสิงโต หัวโขน แล้วให้ลองทำ ก็จะทำให้รายได้เข้าถึงมือชุมชน เที่ยวอย่างลึกซึ้ง และได้รับประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจด้วย
การวางกลยุทธ์เพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวัน เรื่องแรก จะนำแหล่งท่องเที่ยวมาสร้างเป็นโปรดักซ์ใหม่ เน้นกลุ่มตลาดเดินทางอิสระ F.I.T.ซึ่งใช้จ่ายเงินซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ในชุมชนโดยตรง เรื่องที่ 2 เพิ่มกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่นำเงินตราต่างประเทศเข้าชุมชนมากขึ้น
ขณะนี้ ททท.กรุงเทพฯ ร่วมกับบริษัทจัดการปั่นจักรยานชั้นนำชื่อ บริษัท โคแวน คาสเซิล ทำทัวร์จักรยานในไทยมากว่า 40 ปี มีมาตรฐานตอบแทนสู่สังคมอย่างแท้จริง จึงประชุมร่วมกันเพื่อขยายเส้นทางปั่นจักรยานไปยังนนทบุรี ปทุมธานี จะเริ่มลงสำรวจภายในสิ้นเดือนสิงหาคม นี้ เพื่อนำตลาดเบลเยี่ยม ยุโรป มาปั่นจักรยานเลียบคลอง เพื่อขยายกลุ่มนักท่องเที่ยว แล้วจะทำให้เจ้าของโฮมสเตย์ชุมชนซึ่งแลกเปลี่ยนพูดคุยกันไว้แล้วให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวปั่นจากยุโรปมีเข้ามาปีละ 30,000-40,000 คน จากนั้นยังมีแผนจะดึงชาวเอเชียเข้ามาด้วยในโอกาสต่อไป
สำหรับโปรเจ็กต์เด่น ๆ ที่ ททท.กรุงเทพมหานคร จะทำให้โดดเด่นปีงบประมาณ 2561 คือ “อาหารสตรีทฟู้ดเพื่อการท่องเที่ยว” โดยใช้แนวคิดมิชาลิน ไกด์ บุ๊ค นำร่อง แล้วทำเทศกาลจับมือพาราก้อน ดิสคัพเวอรี่ วางเส้นทางร้านอาหารเลาะแนวรถไฟฟ้า เป็น มิลเลี่ยนเฉด เพราะอาหารไทย เช่น ผัดไทยก็มีหลากหลายกรรมวิธี รวมทั้งจะทำ Wall Art กำลังตึกร้างมาวาดลวดลายซึ่งกำลังหารือกับ International Art นำศิลปินจาก 15 ประเทศ มาแข่งขันกันวาดภาพทั้งกำแพงตึกและกำลังคิดไปถึงตอหม้อขนาดใหญ่ของสะพานทางข้าม หรือบริเวณสี่แยกปทุมราชประสงค์ด้วย เพื่อแปลงโฉมกรุงเทพฯ มีมุมสวยงามเพิ่มขึ้น
คอยพบกับกรุงเทพฯ และการท่องเที่ยวรอบปริมณฑลโฉมใหม่ภายใต้การนำ “ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง”ได้ในเร็ว ๆ นี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “บัตรคิงเพาเวอร์ช็อปบนเครื่องรับสิทธิ์3ต่อ”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คืนกำไรส่งท้ายเดือนสิงหาคม นี้ กับโครงการ “สิทธิพิเศษ 3 ต่อ สำหรับสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์”วันนี้ – 31 สิงหาคม 2560
สิทธิแรก - รับส่วนลดสูงสุด US$ 20 เพียงช็อปครบ US$ 120/ ใบเสร็จรับเงิน
สิทธิที่ 2 - ทุกการช็อป รับ Carat 3 เท่า สิทธิที่ 3 - รับฟรี กระเป๋า BALLY เพียงช็อปครบ US$ 200/ใบเสร็จรับเงิน เฉพาะบนเครื่องสายการบินไทยเท่านั้น
สมาชิกสามารถรับกระเป๋า BALLY ได้ที่จุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ Pop – up Store รางน้ำ และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
กติกาการรับส่วนลด US$ 10 เมื่อช็อปครบ US$ 80 / ใบเสร็จ และรับส่วนลด US$ 20 เมื่อช็อปครบ US$ 120/ใบเสร็จ
สำหรับการซื้อสินค้าบนเครื่องสายการบินไทย เที่ยวบินระหว่างประเทศเท่านั้น และสามารถรับสิทธิ์ได้เพียงแสดงบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ กับธนาคาร
สามารถใช้ส่วนลดได้โดยไม่จำกัดใบเสร็จรับเงิน
สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุก 100 บาท รับ 1 กะรัต และรับกะรัตสะสมพิเศษ 2 กะรัต รวมเป็น 3 กะรัต
สมาชิกบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – ไทยพาณิชย์ และคิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย ช็อปทุก 100 บาท รับ 1.25 กะรัต และรับกะรัตสะสมพิเศษ 1.75 กะรัต รวมเป็น 3 กะรัต
ทั้งนี้กะรัตสะสมจะคำนวณคืนภายใน 45 วัน หลังทำรายการ
สอบถามเพิ่มที่ 1631 หรือดูได้ที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “เที่ยวไทยได้ไม่ยั้งตลอดกันยายนนี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าตลอดเดือนกันยายน นี้ แต่ละภาคนำงานเทศกาลประเพณีมาเชิญชวนให้เลือกไปท่องเที่ยวไฮไลต์ ๆ ที่น่าสนใจดังนี้
ภาคเหนือ
ไฮไลต์ “งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2560 ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ วัดไตรภูมิ และวัดโบสถ์ชนะมาร อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งเดียวในโลก “อุ้มพระดำน้ำ” อันเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวเพชรบูรณ์ ตลอดการจัดงานมีกิจกรรมให้ชมหลายอย่างทั้ง พิธีกรรมทางศาสนา กิจกรรมทางวิชาการ ขบวนแห่รอบเมืองเพชรบูรณ์และทางน้ำ การแสดงแสงเสียงตำนานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เทศกาลอาหารอร่อย และอื่นๆ
จังหวัดพิษณุโลก “การแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานฯ” ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน นี้ ณ ลำน้ำน่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง ชมพิธีทอดผ้าป่าหัวเรือ การประกวดกองเชียร์ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กิจกรรมแข่งขันเรือยาว 5 ประเภท ได้แก่ เรือใหญ่ เรือกลาง เรือเล็ก เรือจิ๋ว
ภาคใต้
จังหวัดนครศรีธรรมราช ชวนเที่ยวงาน “ประเพณีบุญเดือนสิบเมืองนคร” ระหว่างวันที่ 16-25 กันยายน นี้ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (84) ทุ่งท่าลาด ศาลกางจังหวัดนครศรีธรรมราช ชวนไปดูขบวนแห่และประกวดหมูรับ กิจกรรมชิงเปรต ตลาดย้อนยุค การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน และประกวดนางสาวนครศรีธรรมราช
จังหวัดนราธิวาส จัดงาน “ของดีเมืองนราฯ ประจำปี 2560” ระหว่างวันที่ 21-25 กันยายน นี้ บริเวณ พลับพลาเฉลิมพระเกียรติสิริราชสมบัติครบรอบ 5 ปี ริมเขื่อนท่าพระยาสาย เทศบาลเมืองจังหวัดนราธิวาส จัดให้ชมการแข่งขันเรือกอและ เรือยาว เรือยอกอง ชิงถ้วยพระราชทานหน้าพระที่นั่งฯ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์เรือกอและจำลอง การแกะสลัก และ นิทรรศการของศูนย์ศิลปาชีพ
ภาคอีสาน
จังหวัดนครพนม ชมประเพณี “ไหลเรือไฟและงานจังหวัดนครพนม ประจำปี 2560” ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม นี้ บริเวณเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสมุทรวิจิตร และศาลากลางจังหวัด จะจัดให้มีขบวนเรือไฟยิ่งใหญ่ในลำน้ำโขง และพิธีบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พญานาคและแม่น้ำโขง ในคืนวันออกพรรษา
ข่าวที่ 3 “บางจาก-วช.นำงานวิจัยรุกพลังงานสีเขียว”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2560 ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ทางบางจากฯ ได้รับโอกาสจาก พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนาม “บันทึกความร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์”
อีกทั้งยังมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมลงนามด้วย เพื่อให้บางจากและหน่วยงานดังกล่าว นำข้อมูลทางวิจัยไปใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม สร้างโอกาสและนวัตกรรมใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจพลังงานของบางจากฯ
โดยเฉพาะผลงานความสำเร็จ 2 เรื่อง ได้แก่ “ชุดควบคุมการติดตามดวงอาทิตย์ 2 แกน” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ “ระบบแจ้งเตือนการทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ในโรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มเพื่อให้ประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าสูงสุด” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
โครงการนำร่องดำเนินการ อันจะจุดเริ่มต้นผลักดันและยกระดับให้ผลผลิตจากผลงานวิจัยรวมทั้งผลงานประดิษฐ์คิดค้นของคนไทย นำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ต่อยอดในการสร้างประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ข่าวที่ 4 “เที่ยววันธรรมดากินข้าวมันไก่พังกี่พิษณุโลก”
วันธรรมดา น่าเที่ยว ผนวกเข้ากับกระแสมาแรงตอนนี้ในเรื่อง “การท่องเที่ยวอาหารไทย” จึงขออนุญาตนำข้อมูลจากนิตยสาร “หนีกรุง” เดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งจัดทีมทีมลงพื้นที่ไปค้นหาเมนูอร่อยมาแนะนำ คือ “ร้านพังกี่ ข้าวมันไก่” เมืองพิษณุโลก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปถึงพิษณุโลกแล้วต้องห้ามพลาด ที่จะแวะไปที่ร้าน “พังกี่” เพื่อชิมเมนู “ข้าวมันไก่” เป็นข้าวมันไก่ไหลหลำเจ้าเก่าแก่ เปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี อยู่ที่ปากซอยพญาเสือ อำเภอเมืองพิษณุโลก
ลักษณะเฉพาะของข้าวมันไก่ พังกี่ อย่างแรก คือ จะให้ผู้บริโภคเลือกชนิดของไก่ไทยและไก่พันธุ์ได้ เพราะรสชาติจะต่างกัน อย่างที่สอง วิธีเสิร์ฟในแต่ละจานนอกจากเนื้อไก่แล้ว ยังมีเครื่องในไก่ผัดกระเทียมกินคู่กับน้ำจิ้มพริกน้ำส้ม รสแซบถูกปากนักชิมหลายรุ่น
ส่วนกรรมวิธีการหุงข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำขนานแท้ของ “ร้านพังกี่” นั้นยังคงเอกลักษณ์การใช้กระทะใบบัวหุงกันอยู่
ทั้งการอนุรักษ์ต้นตำรับ ผนวกกับรสชาติของไก่ปรุงสุกในแต่ละเมนู พังกี่จึงกลายเป็นร้านอาหารชุมชนยอดนิยมที่มีคิวยาวทุกมื้อเที่ยง สามารถสอบถามได้ที่ โทร.055-244-275
ข่าวที่ 5 “TCEBดึงสื่อ16ชาติช่วยบูมไมซ์ซิตี้3เมือง”
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “TCEB” เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐประกาศนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ล่าสุด TCEB ได้จัดแคมเปญโดยชูจุดเด่นของไทย 3 ด้าน ได้แก่ โอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง ความหลากหลายของสถานที่และจุดหมายกิจกรรมไมซ์ รวมถึงมีเอกลักษณ์และความเป็นมืออาชีพของบุคลากรไทย ที่สามารถรองรับการจัดงานกิจกรรมไมซ์ระดับโลก และจัดงานเชิงธุรกิจและการพักผ่อนอย่างแท้จริง
พร้อมทั้งกิจกรรมตอกย้ำการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยและอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยการจัด International Media Familiarisation Trip (IMFT2017) เชิญสื่อจาก 16ต่างประเทศ 35 สำนักข่าว มาเยี่ยมชมสัมผัสศักยภาพ 3 เมืองไมซ์ชั้นนำของไทย ได้แก่ พัทยา หัวหิน และกรุงเทพฯ ภายใต้ธีม “CONNECT Thailand: Kingdom of Bleisure,
โดยเฉพาะ “พัทยา” ภายใน 5 ปีข้างหน้าจะก้าวเข้าระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่ยุทธศาสตร์แถวหน้าทางด้านการลงทุนของอาเซียน คาดการณ์เม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาถึง 1.505 ล้านล้านบาท ระหว่างนี้รัฐบาลได้เร่งโครงการระดับใหญ่ด้านโลจิสติกส์ครบวงจรหลายโครงการ เช่น ยกระดับสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือแหลมฉบัง โครงการรถไฟความเร็วสูง มาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมอีอีซี เป็นฐานผลักดัน 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
อีกทั้งพัทยามีความพร้อมครอบคลุมทุกด้าน ทั้งศูนย์แสดงนิทรรศการ สถานที่จัดงานประชุมสัมมนา โรงแรมห้องพักหลายระดับ แหล่งท่องเที่ยวชายทะเล และแหล่งกิจกรรมผ่อนคลาย และกำลังจะเปิดศูนย์การจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติสวนนงนุช พร้อมห้องประชุมขนาดใหญ่ รองรับผู้เข้างานหลายพันคน และมี KANN Show การแสดงไลฟ์โชว์โดยประยุกต์เรื่องราวจากวรรคดีไทย รวมถึง Health Land Spa Pattaya ชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน
ช่วงที่ 2 ออกไปสร้างประสบการณ์ใหม่ในชุมชนผ้าไทยในภาคเหนือล้านนา “บ้านหนองเงือก” ลำพูน และ “บ้านไร่ใจสุข” เชียงใหม่ มหัศจรรย์สิ่งมีชีวิตบนผืนผ้าที่มีมานานหลายร้อยปี แล้วมาฟังวิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัย กับข่าวการลงทุนโรงแรมของไทยแห่เปิดทั้งและต่างประเทศ
@ทัวร์ชุมชนผ้าล้านนา “หนองเงือก-บ้านไร่ใจสุข”
เส้นทางท่องเที่ยวในดินแดนมหัศจรรย์แห่งผืนผ้าไทยในภาคเหนือล้านนา ที่มีเรื่องราวร้อยเรียงอย่างมีชีวิตอยู่มากมาย แห่งแรก “บ้านหนองเงือก” หมู่บ้านชาวยองอพยพจากสิบสองปันนา มาตั้งรกรากอยู่ ณ บ้านหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน สืบสาน “การทอผ้าฝ้ายผนวกใช้นวัตกรรมนาโนและกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ” แห่งแรกในประเทศไทย โดยมี “คุณมาลี-เรวัติ กันทาทรัพย์” เป็นหัวหน้าศูนย์ผลิตและขายในชื่อ “มาลีผ้าฝ้าย”
เรื่องเล่านับร้อยปีในการทอผ้าของชาวยองบ้านหนองเงือกคือ “กี่ทอผ้า” แบบกี่เดี่ยว (ทอคนเดียว) โดยเฉพาะกี่คู่รัก (ทอ 2 คน) เป็นไฮไลต์ประเพณีฝ้ายทอมือของหญิง-ชาย ซึ่งเป็นคู่รักกันจะใช้กี่คู่รักทอผ้าออกมาด้วยหัวใจ ถ่ายทอดความรัก สามัคคี ลงสู่ผืนผ้า ทำให้คุณภาพผ้าออกมานุ่มมือ งดงาม ลายส่วนใหญ่เป็นดอกไม้พื้นบ้าน เช่น ดอกแจ๋น (ดอกจาน) ดอกหอ ดอกบัวเครือ ดอกไก่ สะท้อนถึงวิถีวัฒนธรรมเก่าแก่ แต่เดิมเน้นใช้สีธรรมชาติไม่ฟอกย้อม ตอนนี้เริ่มมีสีเคมีเข้ามาบ้าง เพราะต้องผลิตผ้าผืนและแปรรูป ทั้งเสื้อผ้า ปลอกหมอน ม่าน ผ้าคลุมเตียง ปูโต๊ะ ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ตามจำนวนการสั่งซื้อ (by order) เพื่อส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ญี่ปุ่น จีน และอื่น ๆ
ปัจจุบันได้รับการสนับสนุน “สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)” ตั้งแต่ปี 2558 เพิ่มนวัตกรรมนาโนลงในผืนผ้าบ้านหนองเงือก โดยส่งเจ้าหน้าที่มาแนะนำพร้อมกับนำชาวหนองเงือกไปอบรม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องผ้าสีตกและซีดเร็ว วิธีทำให้ผ้าคงทนใช้งานนานเป็นที่นิยมของตลาดในและต่างประเทศ
คุณสมบัติพิเศษของ “ผ้าฝ้ายทอมือนาโนกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ” ของชาวยอง บ้านหนองเงือก คือ มีความนุ่มลื่นรีดเรียบเร็วไม่คืนตัวง่าย ทนทานแสงยูวี ต้านแบคทีเรีย เนื้อผ้าสะท้อนน้ำลดการเปื้อนของสิ่งสกปรกได้ดี และมีกลิ่นนำดอกไม้ธรรมชาติที่ผสมลงไป เช่น ดอกมะลิ และดอกไม้ประจำถิ่น
สำหรับ “ราคาผ้าฝ้ายทอมือ” เมื่อใส่นวัตกรรมนาโนเข้าไปทำให้ขายได้มูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 20-30 % ชาวยองหนองเงือกเกือบ 400 ครัวเรือน จึงมีรายได้จากอาชีพเสริมทอผ้าฝ้ายเดือนละ 8,000-15,000 บาท แต่ขณะนี้ยังต้องการหน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยจัดทำตลาดให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป
นอกจากนี้ในหมู่บ้านหนองเงือกยังผลิตรองเท้าชุมชนจากยางรถยนต์ “ร้านจาวยอง” ของคุณไพรัช (ประพันธ์) นันพนัก เลิกทำงานในกรุงเทพฯ กลับไปพัฒนาอาชีพชุมชนตั้งแต่ปี 2512 สร้างงานและเงินทำรองเท้าจากรถบรรทุกกว่า 40 ปี เพื่อขายส่งและปลีก ราคาคู่ละ 80 บาท เมื่อ 4-5 ปีก่อนมียอดขายเดือนละ 40,000-50,000 บาท แต่ปีนี้ยอดขายลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวเพราะเศรษฐกิจซบเซา
ภายในบ้านไร่ใจสุขมีเด็กไทยรุ่นใหม่จบทางด้านดีไซน์ย้อมสีธรรมชาติจากนิวซีแลนด์มาปักหลักสร้างองค์ความรู้ นำไม้พื้นถิ่นมาผลิตสีย้อมผ้าธรรมชาติจากเปลือกและดอก เช่น เปลือกฝาง มะกาย ดอกมะดะ ต้นคราม ฯลฯ โดยใช้เทคนิคของกรดและด่างจากขี้เถ้ามาทำให้เกิดสีเฉดแปลกใหม่ในผืนผ้าได้ด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนทอผ้า ย้อมสี ทำผลิตภัณฑ์จากผ้าในศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ได้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งละ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับกิจกรรมการเรียน ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและครอบครัวนิยมมาเรียน ครั้งละ 1-7 วัน ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าของบ้านไร่ใจสุขมีร้านเปิดขายในชื่อ NUSSAR Thai Handicraft Cotton Products อยู่หน้าวัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วันนี้ ททท.พยายามพลิก “ชุมชนผืนผ้าไทย” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวชีวิตและอาชีพทรงคุณค่าทำต่อกันมาหลายร้อยปีให้มี “มูลค่า” และสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป
@7วิธีเกษียณโดยไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
จะเกษียนอย่างไรไม่ตกเป็นเป้ามิจฉาชีพ เพราะมักจะมีเงินก้อนใหญ่และถูกหลอกได้ง่าย ในต่างประเทศมีการเก็บสถิติเอาไว้ด้วยว่า 80% ของคนที่ถูกฉ้อโกง ต้มตุ๋น และหลอกลวง จะเป็นคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี จึงขอนำ 7 วิธีป้องกันการถูกมิชฉาชีพมาแนะนำดังนี้
1.ตั้งสติ : ถ้าได้รับโทรศัพท์จากคนไม่รู้จักต้องตั้งสติให้ดี ค่อยๆ คิดทบทวนเรื่องที่เขากุขึ้นมานั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
2.ไม่โลภ : ความโลภอยากได้ มักจะทำให้ขาดการยั้งคิดและถูกหลอกง่าย เพราะฉะนั้นต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ในเวลาสั้นๆ หรือของที่มีราคาถูกผิดปกติ ไม่มีอยู่จริง
3.ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ : แม้จะอ้างว่าโทรศัพท์มาจากหน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน ก็ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว เพราะหน่วยงานราชการและสถาบันการเงินไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์
4.กล้าปฏิเสธ : ต่อให้เป็นคนรู้จัก คนที่ไว้ใจมาชักชวนให้ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเกินจริง หรือทำธุรกิจที่น่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ก็ต้องรู้จักปฏิเสธบ้าง
5.ตรวจสอบก่อนตัดสินใจ : มิจฉาชีพมักมีวีธีพูดที่ทำให้เราคล้อยตามและต้องตัดสินใจทันที แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร ต้องตรวจสอบไปที่หน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน ที่ถูกอ้างถึงเสียก่อนว่าจริงเท็จอย่างไร
6.ไม่ทำตามคำบอก : มิจฉาชีพส่วนใหญ่จะพยายามหว่านล้อมให้ผู้สูงอายุไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ โดยจะคอยบอกขั้นตอนและวิธีการ ที่ท้ายสุดแล้วจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพ (ส่วนใหญ่จะเริ่มจากให้เปลี่ยนเมนูเป็นภาษาอังกฤษ)
7.ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ : การติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะการเตือนภัย จะช่วยให้รู้เท่าทันวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ และไม่ทำให้ตกเป็นเหยื่อกลโกง นอกจากนี้ควรหาความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุนเพิ่มเติม เพราะความรู้ความเข้าใจจะเป็นเกาะป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี
อยากเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น สสส. มีนิทรรศการ “ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์” จัดถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ณ โซนนิทรรศการหมุนเวียน ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สอบถามได้ที่ E-mail:exhibition.thc@thaihealth.or.th โทร.061-842 8778
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ดรีมทุ่มเปิดโรงแรมแห่งที่3ในพัทยา”
นายเอริค ไล ประธาน บริษัทไวส์ พาวเวอร์ แลนด์ จำกัด และนายเควิน วอลเลซ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มโรงแรมดรีม ร่วมกันเปิดเผยว่า ได้ทั้งสองกลุ่มธุรกิจได้ร่วมลงนามสัญญาระหว่างกันเพื่อเตรียมเปิดบริการที่พักแห่งที่ 3 ในไทย คือ “ดรีม รีสอร์ต แอนด์ สปา นาจอมเทียน พัทยา” ขนาด 200 ห้องตั้งอยู่บนหาดทรายสีขาวที่สวยงามของอ่าวไทย พร้อมด้วยห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้า บาร์ริมสระว่ายน้ำ ดรีมสกายบาร์ สปาเพื่อสุขภาพและศูนย์ออกกำลังกาย12,000 ตารางฟุต และสิทธิ์ในการใช้บริการเรือยอชท์ขนาด 27 เมตรของรีสอร์ตเพื่อพักผ่อนหย่อนใจส่วนตัวได้ด้วย
แม่เหล็กดึงดูดการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากพัทยาเป็นเมืองที่มีท่องที่ยวมาพักผ่อนปีละกว่า 9 ล้านคน ภายในประเทศและต่างชาติ เช่น รัสเซีย จีนและยุโรป
สำหรับสถานที่ของโรงแรมดรีมฯ แห่งใหม่ มีความสะดวกสบายสามารถใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 90 นาที เพียง และจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา15 นาที
ปัจจุบันในเมืองไทยดรีมเปิดบริการโรงแรมอยู่แล้ว 2 แห่ง คือ ดรีม กรุงเทพฯ และดรีม ภูเก็ต โฮเทล แอนด์ สปา
ข่าวที่สอง “ไมเนอร์กรุ๊ปทุ่มเปิดอวานิรีสอร์ตมัลดีฟส์แห่งแรก”
“ไมเนอร์ กรุ๊ป” เมืองไทย บุกลงทุนเปิดรีสอร์ตอวานิแห่งแรกในมัลดีฟส์ 200 ห้อง เปิดบริการปี’62
กลุ่มบริษัท ไมเนอร์กรุ๊ป ประเทศไทย รายงานว่า ล่าสุดได้ลงนามการลงทุนโครงการรีสอร์ทอวานิ (Avani) แห่งแรกในเกาะมัลดีฟส์ โดยใช้ชื่อ Avani Fares Maldives Resort ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวขนาด 12.4 เฮกตาร์ บริเวณ Baa Atoll ตามแผนจะเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ประกอบด้วยห้องพักแบบมาตรฐานและวิลลารวม 200 ห้อง
Alejandro Bernabe ผู้อำนวยการกลุ่ม อวานิ โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ต กล่าวว่าโครงการอวานิ เฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ต ลงทุนมูลค่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยพัฒนาโครงการด้วยวิธีร่วมทุนกันระหว่างโรงแรมไมเนอร์เมืองไทยและไซปรัส ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีหลากหลายในศรีลังกา มัลดีฟส์ ของ Cyprea Group
ภายใน Avani Fares Maldives Resort ตั้งอยู่บนเกาะของมัลดีฟส์กลางมหาสมุทรอินเดีย ออกแบบล็อบบี้แบบเปิดโล่ง พื้นที่ใช้สอยส่วนกลางนี้จะผสมผสานการรับเลานจ์ ห้องประชุม ห้องอาหาร The Pantry พร้อมให้บริการของว่างตลอด 24 ชม.
และมีมุมพิเศษคือสปาคลับสำหรับเด็ก สระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่และบาร์ริมสระที่สวยงาม
อีกทั้งยังเป็นสถานที่ดำน้ำ Ahivahfushi Beyru บริเวณใกล้เคียงมีการดำน้ำแนวปะการังที่น่าอัศจรรย์ด้วยชีวิตทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ได้แก่ Hawksbill Turtles, Reef Sharks และ Manta Rays
ข่าวที่สาม “ญี่ปุ่นจัดเจแปนเอ็กซโปดึงทัวร์ไทย1-3ก.ย.นี้”
มร.ทากุโอะ ฮาเซกาวา ประธานกรรมการบริษัท ไลท์เฮ้าส์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า เตรียมจัดงาน JAPAN EXPO IN THAILAND 2017 ระหว่างวันที่ 1 – 3 กันยายน 2560 กำหนดเปิดงานวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2560 เวลา 11.00 น. ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายในงานได้รวบรวมทุกเรื่องราวความเป็นญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น โซนการศึกษา โซนการทำงาน โซนท่องเที่ยว โซนช้อปปิ้ง และ โซนมัลติมีเดีย
และยังได้จัดให้มีกิจกรรมการแสดงบนเวทีทั้งบันเทิง ศิลปะ และวัฒนธรรม อาทิ การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินมากฝีมือ 5 หนุ่ม World Order เจ้าของท่วงท่า Robot Dance สุด Creative ที่จะกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง และ มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินกลุ่มสาวสวย BNK48 วงน้องสาวประจำประเทศไทยของ AKB48 กลุ่มไอดอลสาวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และการแสดงอื่น ๆ อีกมากมาย
ฟังรายการได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น