วีระศักดิ์ ผ่าจุดขายท่องเที่ยวเมืองรองชุมชนสู่BB-INN ปฎิรูปกระทรวงท่องเที่ยวแล้วจ่อโอน2หน่วยให้ ก.วัฒนธรรม-พานิชย์
“รมว.วีระศักดิ์”ผ่าจุดขายเมืองรองชุมชนสู่BB-INN
ปฏิรูปท่องเที่ยวโอน2หน่วยให้วัฒนธรรม-พานิชย์
ครั้งแรกสงกรานต์ไทยป็อบคิงเพาเวอร์10-15เมย.
ททท.งัดรางวัลแจกเที่ยวGo Localเพิ่ม10ล้านคน
บางจากเพิ่มกระแสอนุรักษ์แต่งไทยใช้บริการปั๊ม
ผู้นำบางจากคว้ารางวัลดีเด่นตอกย้ำคุณภาพคน
ทอท.ลั่นเปิดสัมปทานดิวตี้ฟรียึดแนวยุโรป-เอเชีย
ทัวร์สงขลาย่านเมืองเก่าแหล่งอาหารถิ่นสุดอร่อย
ทาครีมกันแดดอย่างไรให้ผิวไม่ระคายแสงร้อนฉ่า
ประธานบอร์ดนกแอร์ไฟแรงลุยแก้ทุกมรสุมใหญ่
คนไทยใจชื้นรัฐเริ่มรถไฟความเร็วสูง3สนามบิน
เจ้าท่าตื่นแล้วทำฮับทางน้ำอันดามัน5โปรเจ็กต์
ต้อนรับวันเสาร์ที่ 2561 ในสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท)FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ หรืออ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เร่งเครื่องยนต์ทุกตัวในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ขับเคลื่อนอย่างถูกทิศทาง ทั้ง 1.การสร้างความเข้าใจท่องเที่ยวเมืองรอง-ชุมชน ระหว่างท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยวยอมรับแล้วเที่ยวให้เป็นโดยไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเพื่อความยั่งยืน 2.จุดประกายท้องถิ่นใช้ความเป็นตัวตนเปิดโลกสู่เทรนด์โลก Bed & Breakfast หรือ B &Bและ INN จัดที่พัก อาหาร ให้คนเดินทางอยู่ร่วมบ้านได้โดยไม่ผิดกฎหมาย พรบ.ธุรกิจโรงแรม 3.ดึงธุรกิจขนาดใหญ่ภาคประชารัฐ บริษัทชั้นนำ เข้ามาเป็นพลังหนุนชุมชนไปด้วยกัน 4.ผ่าโครงสร้างกระทรวงนำไปสู่การปฏิรูปด้วยการนำร่องโอนภารกิจงานที่ไม่จำเป็นต้องแบกไว้ไปให้กระทรวงที่เชี่ยวชาญกว่าทั้ง งานรับดูแลกองถ่ายทำภาพยนตร์นานาชาติ จดทะเบียนบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และการจัดทำร่างกฎหมายฉบับใหม่ พระราชบัญญัตินำเที่ยวและมัคคุเทศก์
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การใช้งบประมาณรายจ่ายกลางปี จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก งบในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปทำเรื่องหยิบของดีเมืองรองขึ้นมาโชว์ บางเมืองเดินทางสะดวกและบางเมืองไม่สะดวก โดยไปผูกไว้กับงบบูรณาการของมหาดไทยและคมนาคม วัฒนธรรม ซึ่งมาทำในเรื่องที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวหลายเรื่องยื่นเรื่องผ่านมายังกระทรวงการท่องเที่ยวเสนอขอไปยังสำนักงบประมาณ
แยกกันของบแล้วมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน สิ่งแรกคือ 1.ชักชวนคนไปเที่ยวเมืองรองที่ไหนบ้าง แล้วนักท่องเที่ยวเองต้องทำใจอย่างแรกคือเมืองอาจจะคล้ายฟุตบอลดิวิชั่น A-B-C-D ตามระดับความสามารถของพื้นที่ 2.ไปแล้วมีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอหรือยัง เช่น ห้องน้ำ ทางลาด 1.ไปเมืองรองได้ที่ไหนบ้าง 2.พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ห้องน้ำ ป้ายบอกทาง ทางลาด ราวกันตก เป็นบูรณาการใช้งบผูกพันให้สิ้นสุดภายในกันยายน นี้
โดยได้ประกาศไปเลยว่าไม่ทำเมกะโปรเจ็กต์ แต่จะทำให้เมืองรองมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากจะทำเรื่องพื้นฐานแล้ว ยังจะทำแคมเปญควบคู่กันไปด้วยคือ “เที่ยวเมืองรอง คัดกรองเข้าชุมชน” พาเที่ยวเมืองรองกว่าจะสำลักจำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังมีอีกหลายเมืองยังรับนักท่องเที่ยวได้ ทุกวันนี้เมืองรองจะมีนักท่องเที่ยวกระจุกตัวเฉพาะเทศกาล จึงต้องหาวิธีกระจายเฉลี่ยให้เที่ยวทั้งปี
ส่วนแคมเปญชุมชนต้องไปเที่ยวโดยทำความเข้าใจแจ้งจองล่วงหน้าทั้งจำนวนคนและวันเวลาที่จะเดินทางไปในฐานะที่เป็นแขกเดินทางไปเยี่ยมญาติ ซึ่งเงินไม่ใช่พระเจ้าแต่ความเกรงใจเป็นเสน่ห แล้วต้องคำนึงถึงขีดความสามารถของชุมชนมีจำกัดในการรองรับทั้งเรื่องจำนวนคน ขยะ ลานจอดรถ
จึงขอให้นักท่องเที่ยวตั้งหลักอย่างเข้าใจก่อนเที่ยวเมืองรองว่ามีแต่ละดิวิชั่น 2-3-4 ต่างกันไป จะไปคาดหวังต้องมีเครื่องทำน้ำอุ่นอาบ หรือสปาสบาย ๆ นั้นคงยาก แต่จะได้สัมผัสบรรยากาศใหม่เมืองไทยมีมุมเก๋ ๆ ด้วย อย่างได้รับประทานอาหารอร่อย ได้คุยกับคน หากไปชุมชนก็คิดเสมือน “ไปเยี่ยมญาติ” ได้พูดคุยเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อคิดได้ก็จะทำให้เกิดวัฒนธรรมอย่างรับผิดชอบ
ดังนั้นงบประมาณรายจ่ายกลางปีที่จะรับมา จึงจะนำไปพัฒนาเมืองรองและชุมชน ก็เพื่อให้เกิด “วัฒนธรรมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบเพื่อให้เกิดความยั่งยืน”
ขณะนี้ทำความร่วมมือเพื่อทำฐานข้อมูลความพร้อมและการพัฒนา กับองค์กรและสถาบันพัฒนาชุมชน ของกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์ และ อพท.เพื่อคุยกันเหมือนญาติมิตรให้บอกความต้องการที่จะเข้าร่วมเป็น “ชุมชนท่องเที่ยว” โดยจะติ๊กข้อมูลถึงความพร้อมของแต่ละชุมชน เนื่องจากต้องยืนหลักการเดียวกันคือ “ท่องเที่ยวชุมชนคือรายได้เสริม” ทุกวันนี้เริ่มมีคลิปยูทูปบางชุมชนแนะนำสู่สาธารณะบ้างแล้ว อีกทั้งจะได้ชวนกันไปเรียนรู้วิถีชีวิต อาหารถิ่น ที่ต้องฝึกให้เที่ยวชุมชนเป็นและถูกที่ถูกทาง ตอนนี้ในกรุงเทพฯ หลายแห่งก็เปิดตรอกซอกซอยให้ท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวชุมชนจึงเป็นปฐมบทซึ่งไม่ได้คำนึงถึงเงินที่หลั่งไหลเข้าไป พวกเขาจะเน้นความสุข และวัฒนธรรมการพึ่งพา ให้อยู่ร่วมกันได้ จึงกลายเป็นชุมชนที่รักษาความยั่งยืนไว้ได้ด้วยความเกรงใจ เข้าใจ กัน จึงไม่ใช่ระบบเถ้าแก่ที่จะมาบริการนักท่องเที่ยว แต่จะเป็นการเสพความสุขด้วยการไปเยี่ยมญาต ดังนั้นการบริการจึงไม่ได้ปรนเปรอด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่โรงแรมรีสอร์ต แต่ให้ด้วยรอยยิ้มและราคาต้นทุนตามค่าครอชีพจริง เพราะต้นทุนการใช้วัตถุดิบทำอาหารและเครื่องใช้ต่าง ๆ ไม่ได้สูงมากนัก การต้อนรับจึงทำเพื่อสร้างรายได้เสริมเท่านั้น
ประการสำคัญปรากฎการณ์ใหม่ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ Bed & Breakfast และ INN ซึ่งเป็นที่หลับนอนสามารถจัดให้ได้ เหมือนในเหมือนในอเมริกาหรือทวีปแถบตะวันตก ซึ่งจัดอาหารเช้ากับเตียงไว้ให้เท่านั้น เพราะเมื่อชุมชนและนักท่องเที่ยวเข้าใจวิธีการเที่ยวอย่างถูกทาง ต่อไปบ้านแต่ละหลังซึ่งมีห้องว่างก็สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแชร์พักค้างคืนได้ แต่ผู้พักแรมจะต้องใช้ชีวิตตามแบบของเจ้าของบ้านนั้น ๆ โดยกินอยู่เหมือนกับเขา เช่น อาหารแต่ละบ้านที่ใช้เลี้ยงครอบครัวก็ให้นักท่องเที่ยวกินแบบเดียวกัน
ต่อไปเมื่อการสร้างความรู้ความเข้าใจก้าวไปถึงจุดหนึ่งแล้ว “ชุมชนในเมืองไทย” จะไปต่อได้ Bed & Breakfast และ INN ซึ่งตามกฎหมายโรงแรมประเทศไทย ระบุว่า “ผู้ประกอบการใดที่มีห้องให้คนพักไม่เกิน 4 คน ไม่เกิน 20 คน ไม่ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.โรงแรม แต่ต้องไปจดแจ้งกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เป็นอีกทางเลือกสามารถทำได้
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่าหลังจากลงพื้นที่ทั่วประเทศต่อเนื่องมากว่า 3 เดือน พบว่า ท่องเที่ยวชุมชนสามารถรายได้จากการขายของที่ระลึกซึ่งเป็นของใช้ ของฝาก ของกิน ได้เม็ดเงินสูงกว่าการเปิดโฮมสเตย์ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวได้เริ่มทำแล้วคือ 1.จ้างสถาบันการศึกษาคณะพานิชยศาสตร์ คณะออกแบบ ศิลปกรรม ไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่นำร่องภาคเหนือ 8 จังหวัด 48 ชุมชน โดยนักเขียนแบบไปต่อยอดลายผ้าที่นำมาออกแบบเป็นกระเป๋าใส่มือถือ แตกต่างจากผ้าผืนหรือ ซึ่งเป็นสไตล์แฟชั่นและของใช้เพิ่มมูลค่าได้มากขึ้นตรงกับจริตนักท่องเที่ยว แล้วทดลองนำชุมชนมาเปิดขายสินค้าที่ เซ็นทรัล เวิลด์ กระแสตอบรับดีมากมีผู้สั่งซื้อจำนวนมาก แต่ทางชุมชนขอผลิตตามกำลังที่ทำได้ เพื่อรักษาความสุขของวิถีชีวิตไว้ ซึ่งเป็นรายได้เสริมที่ดี แล้วต้องระวังไม่กลายเป็นรายได้หลัก ซึ่งอาจจะเกิดความทุกข์ได้ เพราะเป็นท่องเที่ยวชุมชน เหมือนญี่ปุ่นซึ่งรักษาเอกลักษณ์ของสินค้าจะไม่ขายเขตชุมชน เป็นต้น แต่เมืองไทยยังต้องแก้ไขเพราะการทำเป็นอุตสาหกรรมข้ามเขตจึงทำให้ขาดกลิ่นอายสินค้าพื้นถิ่นที่แท้จริง
การเข้าไปพัฒนาแบบดีไซน์ให้ชุมชนปกติถือเป็นลิขสิทธิ์ของรัฐ แต่เราก็เปลี่ยนวิธีโดยนำดีไซน์เหล่านี้ไปมอบเป็นทางการให้ชุมชนเพื่อไว้ทำมาหากิน แต่ห้ามนำดีไซน์ดังกล่าวซึ่งรัฐจ้างทีมมาคิดค้นไปขายต่อในเชิงธุรกิจ
ส่วนช่องทางการนำสินค้าชุมชนขยายผลผ่านทางพลังประชารัฐ เพราะมีภาคธุรกิจรวมอยู่กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งรู้และเข้าใจฟังเรื่องราวแล้วอยากช่วย เรียนรู้ และการทำให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็จะทำให้กำลังซื้อดีขึ้น ทำให้เกิด วิน วิน ทุกฝ่าย ประชารัฐจึงตอบสนองยุทธศาสตร์ เมืองรองและชุมชน
กลุ่มแรกคือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกาศนโยบาย 1 หอการค้า 1 ชุมชน โดยมาปรึกษากับผมจึงให้คำแนะนำทางหอการค้าอย่าเดินเข้าไปในชุมชนแบบ “เถ้าแก่” แต่ขอให้ไปเรียนรู้จากชุมชนโดยจะต้องฟังเสียงชาวบ้านให้ดี ๆ เมื่อศึกษาดูใจกันแล้ว ส่วนชาวบ้านจะทำตามหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง ต้องดูความสมัครใจ
กลุ่มที่สอง เป็นบริษัทขนาดใหญ่เครือ “โตโยต้า” ขอเข้ามาช่วยส่งเสริมการขับรถท่องเที่ยวเมืองรอง ได้ทำคาราวานและเส้นทางเที่ยว ชักชวนลูกค้าไปซื้อรถโตโยต้าจัดทัวร์พาเที่ยว ชิมอาหาร กิจกรรมในชุมชนเชิงซีเอสอาร์ ขณะนี้มีหลายบริษัทเข้าคิวจะช่วยทำท่องเที่ยวชุมชนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
กลุ่มที่สาม ท่องเที่ยวจิตอาสา กลุ่มใหม่คือผู้สูงวัย นัดกันไปเมืองรอง ไปกินอาหาร แล้วนำของไปบริจาค ช่วยชุมชนทำความสะอาดสถานที่ จัดห้องสมุดชุมชนเรียบเรียงตามหมวด
ทำให้เกิดมุมมองใหม่ในการท่องเที่ยวแตกต่างจากเดิม ซึ่งเน้น “การให้” โดยไม่ได้ไปเสพสุขจากชุมชนเพียงอย่างเดียว
อีกทั้งตอนนี้กลุ่มสมาคม วิ่ง ว่าย พาย ถีบ หรือ Sport Tourism-กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว เฉพาะที่กระทรวงการท่องเที่ยวไปเกี่ยวข้องด้วยมีมากถึง 600 รายการ พฤติกรรมของนักกีฬาที่เข้าร่วมกิจกรรมจะเพิ่ม การแวะเก็บขยะ หรือตอนนี้ในต่างประเทศเรียกว่า Progging หรือพายแคนูเก็บขยะ แล้วตอนนี้มาใหม่อีกอย่าง ชาวชุมชนหัวตะเข้ ออกแบบขวดจากขยะนำมาทากาวร้อยด้วยลวดทำเป็นเรือพายในคลองเพื่อให้คนรุ่นใหม่พายเก็บขยะต่อไป
ส่วนการปฏิรูปกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้ทีมในแต่ละพื้นที่เข้าถึงนักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งทางด้านการให้ข้อมูล บริการ และอื่น ๆ นั้น ตอนนี้เริ่มแล้วคือเปิด Application โดยใส่ข้อมูลที่เจ้าของชุมชนแหล่งท่องเที่ยวเขียนส่งเข้ามาให้นับเป็นพัฒนาการใหม่ ส่วนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภารกิจงานเรื่องใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วมี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.งานส่งเสริมการดึงดูดกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศจะโอนไปให้กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ โดยนำเรียน ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ กพร.หน่วยงานกำกับดูแลระบบราชการ รับทราบร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการร่างกฎกระทรวงถึงการโอนภารกิจดังกล่าว แล้วให้กรมการท่องเที่ยวซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั่วประเทศเพียง 130 คน แต่ต้องดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วไทยกว่า 4,800 แห่ง จะได้นำเวลาทั้งหมดไปส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
2.โอนย้ายงานจดทะเบียนบริษัทท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ไปอยู่กับกระทรวงพานิชย์ หลังจากได้หารือกับทางรองปลัดกระทรวงพานิชย์ยินดีรับทำ เพราะปัจจุบันจดทะเบียนบริษัทอยู่แล้ว มีระบบโครงสร้างใหญ่ทางเทคโนโลยี บุคลากรเพียงพอรองรับบริการได้ดีกว่ามาก
3.การยกร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งที่ผ่านมามีความเข้าใจผิด ๆ ในทางกฎหมาย เช่น การจับกุมไกด์โดยอ้างว่าไม่ได้รับลูกค้าผ่านบริษัทนำเที่ยว ทั้งที่ความจริงแล้วไกด์สามารถรับงานอิสระนำท่องเที่ยวได้ เพียงแต่เข้าใจกันคาดเคลื่อน กฎหมายใหม่ไกด์จะรับงานเองได้แล้วตำรวจท่องเที่ยวก็นำเวลาไปพัฒนาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้านอื่น ๆ ที่ถูกต้องตามจริง
“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำด้วยเสียงหนักแน่นว่าพร้อมทุ่มเทพลังกายและใจปูพรมสร้าง Big Change อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยก้าวสู่ยุค New Shade ในเชิงนโยบายรัฐที่จะนำไปสู่ภาคปฏิบัติได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้ ให้สมกับที่ประเทศไทยคือดาวรุ่งท่องเที่ยวแห่งอาเซียน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “สงกรานต์ไทยป๊อบ5สไตล์ที่คิงเพาเวอร์”
ครั้งแรก !! ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดกิจกรรมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้งาน “คิง เพาเวอร์ สงกรานต์รางน้ำนครา” ชวนนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติร่วมงานประเพณีเย็นทั่วหล้าระหว่าง 10 – 15 เมษายน 2561 โดยได้จำลองวิถีไทยสมัยก่อนเพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ และคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย นำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย แบ่งเป็น 5 โซน คือ โซนวัด โซนบ้าน โซนทุ่ง โซนตลาด และโซนสวน โดยภายในงาน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประเพณีสงกรานต์ไทยในบรรยากาศสไตล์ Thai Pop เพื่อให้ได้เติมความสุขกันครบทุกรสคือ
ห้ามพลาด!! ชมการเนรมิต ตลาดน้ำ ใจกลางกรุงเทพพร้อมอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยจากร้านอาหารชื่อดังระดับตำนาน ในบรรยากาศตลาดบก-ตลาดน้ำโบราณ
สรงน้ำพระพุทธรูปปางสมาธิประจำวัดอภัยทายารามที่มีอายุร่วมกว่าสองร้อยปี
ตื่นตาตื่นใจไปกับขบวนพาเหรดนางสงกรานต์ “มโหธรเทวี” อันยิ่งใหญ่ กับเหล่านางเอกแถวหน้าเมืองไทย ตลอด 6 วัน
สนุกสนานไปกับการแสดงทางวัฒนธรรม และเสียงเพลงจากศิลปินชื่อดังตัวแทนทุกภาคทั่วไทย บันเทิงกันแบบต็มอิ่มทุกวัน
ข่าวที่ 2 “ททท.งัดรางวัลแจกทัวร์Go Localเมืองรอง”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้โปรโมตกิจกรรม “Enjoy Local โดยจับมือพันธมิตรชวนเที่ยวเมืองรองได้ลุ้นได้แต้ม ภายใต้แคมเปญ “Amazing Thailand Go Local - เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มนักท่องเที่ยวขึ้นอย่างน้อย 20% สู่เมืองรองและชุมชนให้เกิน 10 ล้านคน กระจายรายได้ราว 10,000 ล้านบาท
กิจกรรม Enjoy Local เที่ยวชุมชนได้ลุ้นได้แต้ม ททท.จะนำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์ทำเป็น Mobile Application “Trippointz” นำเสนอข้อมูลท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยววางแผนเลือกสถานที่น่าสนใจในจังหวัดต่างๆ พร้อมกับแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเบ็ดเสร็จในแอพพลิเคชั่นเดียว โดยจะอิงฐานข้อมูลที่มีอยู่ใน EDT Guide โดยฐานข้อมูลแนะนำเรื่องการท่องเที่ยวใหญ่ๆ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารและที่พักระหว่างทาง และโรงแรมต่างๆ ซึ่งแอพพลิเคชั่นทริปพ๊อยท์สใช้เวลาออกแบบทริปเพียงไม่เกิน 5 นาที
นักท่องเที่ยวสามารถเก็บคะแนนสะสมจากการท่องเที่ยว (TAT Point) โดยวิธีสแกนคิวอาร์โค้ดตามจุดท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหารต่าง ๆ ในจังหวัดรอง 12 เมืองต้องห้ามพลาด (ลำปาง เพชรบูรณ์ น่าน บุรีรัมย์ เลย สมุทรสงคราม ราชบุรี ตราด จันทบุรี ตรัง ชุมพร และนครศรีธรรมราช) เพื่อนำเอาคะแนนที่ได้จากการสแกนคิวอาร์โค้ดมาใช้แลกของรางวัลจาก ททท.
กิจกรรมนี้ ททท.ได้รับการสนับสนุนมากมาย เช่น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด มหาชน (มหาชน) บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) บริษัท อาร์ต อินสไปร์ จำกัด บริษัท ไอฟลิกซ์ (ประเทศไทย) และ บริษัท เทคมี ทัวร์ จำกัด
ข่าวที่ 3 “ร่วมเติมน้ำมันบางจากปั๊มอนุรักษ์ไทย”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการแสดงออกถึงความเป็นไทย โดยส่งเสริมให้พนักงานบริการหน้าลานของสถานีบริการน้ำมันบางจากในสาขาหัวเมืองใหญ่ บนเส้นทางสายหลัก และแหล่งท่องเที่ยวกว่า 50 แห่ง แต่งกายด้วยชุดไทยท้องถิ่นทั้ง 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่มีเอกลักษณ์ ความสวยงามแตกต่างกันไป พร้อมให้บริการแก่ผู้บริโภคด้วยรอยยิ้ม เพื่อเป็นส่วนหนี่งของการอนุรักษ์วิถีไทยผ่านเครื่องแต่งกาย รณรงค์ให้คนไทยเห็นคุณค่าและภูมิใจในการแต่งกายแบบไทย
ล่าสุด นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) ยังได้รับรางวัล “นักบริหารดีเด่นแห่งปี” Executive Of The Year 2018 พุทธศักราช ๒๕๖๑ ในโครงการหนึ่งล้านกล้าความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ในฐานะที่เป็นบุคคลผู้ประกอบคุณงามความดี อุทิศตนเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ ร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่และนาพาองค์กรสู่ความสาเร็จ จัดโดยมูลนิธิเพื่อสังคมไทย ร่วมกับรางวัลไทย และสถาบันพัฒนาศักยภาพท้องถิ่น
ข่าวที่ 4 “ ทอท.เปิดสัมปทานดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิยึดหลักสากล ”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ตามที่มีนักวิชาการได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร และการให้สัมปทานจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick up Counter) ภายในท่าอากาศยานของ ทอท. โดยได้ให้ข้อมูลว่าในท่าอากาศยานทั่วโลกมีรูปแบบการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร 4 รูปแบบ ได้แก่
สัมปทานรายใหญ่รายเดียว (Master Concessions) สัมปทานตามที่ตั้ง (Multiple concessions by location) สัมปทานตามกลุ่มสินค้า (Multiple concessions by category) และสัมปทานตามกลุ่มสินค้าและตามที่ตั้ง (Multiple concessions by category and by location) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีความสอดคล้องและเหมาะสมในด้านต่างๆ แตกต่างกันออกไป
ส่วน ทอท.ปัจจุบันใช้รูปแบบการให้สัมปทานรายเดียวเช่นเดียวกับท่าอากาศยาน Heathrow สหราชอาณาจักร ท่าอากาศยาน Shanghai Pudong International Airport สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสัญญาร้านค้าปลอดอากรกับผู้ประกอบการปัจจุบัน ณ ทสภ.จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2563 และเป็นช่วงที่จะมีการเปิดอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ระยะ 2 ซึ่งจะต้องมีการเปิดประมูลได้ผู้ประกอบการล่วงหน้า 2 ปี เพื่อให้การประกอบกิจการเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และผู้ประกอบการสามารถเตรียมการในการจัดหาสินค้า การอบรมบุคลากร ตลอดจนการติดต่อกับร้านค้าชั้นนำต่างๆ นั้น
ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์โครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานของ ทอท. และข้อดีข้อเสียในการให้สัมปทานแต่ละรูปแบบ โดย ทอท.ได้ให้ที่ปรึกษาดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) โดย ทอท.ได้กำชับให้ที่ปรึกษานำข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายมาพิจารณาประกอบการศึกษาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด โดยการคัดเลือกผู้ประกอบการจะเน้นความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ รวมทั้งรูปแบบการให้สัมปทานต้องเป็นรูปแบบที่มีการใช้ในท่าอากาศยานทั่วโลก อีกทั้งจะต้องเหมาะสมกับกายภาพของอาคารผู้โดยสารของ ทอท. การบริหารจัดการในเขตการบินที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเดินของผู้โดยสาร (Passenger Flow) เนื่องจาก ทอท.ยังมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน และประตูเทียบอาคารผู้โดยสารที่อาจกระทบต่อการจัดสรรพื้นที่ในการวางที่ตั้งร้านค้า และสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยด้วย
นายนิตินัย กล่าวว่า ทอท.มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของรัฐให้ได้สูงสุด และประโยชน์ของผู้ถือหุ้นตลอดมา เพื่อให้ ทอท.สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้กรณีที่มีความเคลื่อนไหวในการร้องเรียนของกลุ่มภาคเอกชนบางกลุ่มกับตัวแทนรัฐบาลถึงรูปแบบการให้สัมปทานพื้นที่ปลอดอากรในสนามบินสุวรรณภูมิอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น
มีรายงานว่าสัญญาสัมปทานที่ ทอท.ดำเนินการให้แก่ผู้ชนะการประมูลอย่างโปร่งใส โดยผ่านกระบวนการถูกต้องตามขั้นตอนจากกรรมการพิจารณาที่ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานรัฐอย่างถูกต้องตามระเบียบของ ทอท.
ประกอบกับในช่วงระยะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศระหว่างการต่อสู้กันทางความคิดทางการเมืองของแต่ละสี จนเป็นเหตุให้มีกรณีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อมารัฐบาลขณะนั้นได้มีนโยบายให้ ทอท.เยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน จึงเป็นที่มาของการอนุญาตให้เอกชนดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีอยู่ในสุวรรณภูมิตามเงื่อนไขของรัฐบาลดังกล่าวไปจนกว่าจะหมดสัญญาในปี 2563 และ/หรือไม่ได้มีความเกี่ยวกับเรื่องประโยชน์จากสาเหตุอื่น ๆ แต่อย่างใด รวมถึง ทอท.ยืนยันมาตลอดว่าในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้ให้สัมปทาน พร้อมจะยึดหลักปฏิบัติโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดมาตลอดทั้งของประเทศ ประชาชน และผู้ถือหุ้น ทอท.ซึ่งมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่รวมอยู่ด้วย ทุกฝ่ายต่างต้องระมัดระวังเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทยสนุกทุกที่ เก๋ไก๋ทุกเมือง ลองตามเราไปยัง “สงขลาเมืองแห่งความประทับใจ แหล่งอาหารถิ่นวิถีไทยย่านเมืองเก่า” ระหว่างการเดินทางต้องเจอแสงแดดแรง ๆ จึงได้นำวิธี “ทาครีมกันแดดให้เพียงพอต่อการต้านไวโอเรต” แล้วเสิร์ฟตามด้วยข่าวแรง ๆ ในรอบสัปดาห์ ฮือฮาเมื่อนกแอร์ได้ประธานบอร์ดใหม่เข้าพลิกสถานการณ์ฝุ่นตลบทั้งเรื่องขาดทุนและบริการดีเลย์ไม่เลิก ฝั่งรัฐบาลเคาะยกแรกโปรเจ็กต์สร้างรถไฟฟ้าความเร็วเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ส่วนกรมเจ้าท่าได้ฤกษ์จัดแถวใหม่พัฒนาฮับทางน้ำรอบอันดามัน 5 โปรเจ็กต์
@สงขลามีดีย่านเมืองเก่าอาหารถิ่นสุดอร่อย
เที่ยวเมืองไทยมุมใหม่ด้วยความน่ารัก ๆ ของภาคใต้ใน “สงขลา” กลางวันมีอาหารรสเลิศ กลางคืนมีความสนุกสนานของแหล่งท่องเที่ยวยามย่ำคืน
แหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์ใน “ย่านเมืองเก่าสงขลา” อายุกว่า 200 ปี เป็นย่านการค้าของชาวจีนที่ดาดดื่นตาด้วยตึกรามเก่าแก่ด้วยสถาปัตยกรรมชิโนโปตุกีสสุดยอดความเก๋และคลาสสิกแห่งยุคใหม่ ที่มีทั้งห้องแถวแบบเก๋งจีนเรียงรายกันให้เดินชมตลอดสองฝากถนนนครนอก ถนนในอันงดงามทั้ง ถนน ยะหริ่ง หนองจอก รามัญ ปัตตานี ยะลา พัทลุง ที่หลอมรวมความกลมเกลียวของคนจีนและชาวมุสลิม
อีกทั้งยังเป็นย่านที่ต้องห้ามพลาดชิมอาหารถิ่นอร่อย ๆ ตื่นเช้าขึ้นมา ก็เดินเข้าร้านกาแฟ อย่างร้าน “ขนมบอก” สภากาแฟที่มีกลิ่นอายอันอบอวลของวัฒนธรรมพื้นถิ่นปักษ์ใต้ เริ่มด้วยอาหารออเดิร์ฟเบา ๆ ในร้านโพยมอย่าง “แต่เตี้ยม” เป็นติ่มซำจานขนาดเล็กรองท้อง จากนั้นก็ทยอยตลุยชิมเมนูหลัก “ก๋วยจั๊บ” ร้านเจ๊น้อย “โจ๊กเกาะไทย”
ส่วนอาหารท้องถิ่นดั้งเดิมต้นตำรับสงขลาต้องเมนู ข้าวสตูชื่อดังร้าน “เกียวฟั่ง(เก้าห้อง)” ร้านกาแฟร้อยปีฮับเซ่ง (เจ๊บ๊วย)
จากนั้นก็ไปเล่นชมบรรยากาศเมืองเก่า รอเลือกร้านอร่อยสำหรับ “มื้อกลางวัน” ทั้งก๋วยเตี๋ยวหางหมู หารับประทานยาก หรือ ก๋วยเตี๋ยวป้ารุ่งใต้โรงงิ้ว ซึ่งต้องเดินมุดเข้าไปใต้ถุน ก๋วยเตี๋ยวคั่วของป้าอร่อยสมคำร่ำลือ เรื่อยไปจนถึง “สุกี้นครใน” และย่ำเท้าต่อไปยังภัตตาคารหน่ำเต่า แหล่ง ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ และไส้กรอกตับ ต้นตำรับ ล้วนแล้วแต่อยู่ในบริเวณนี้
ถ้าเป็นเมนูอาหารหวาน ต้องชิมไอศรีมหวานมันเย็นชื่นใจแปลกแตกต่างทั่วไทยให้เลือกชิม อาทิ ร้านไอศรีมยิง ร้านฮะเฮียงเป็นไอศรีมโอ่ง ร้านบันหลีเฮง และที่ต้องห้ามพลาดอีกอย่างคือ “กล้วยปิ้ง” ถนนนครใน” อายุกว่า 40 ปี ใช้กล้วยนางทองหวานอร่อยมีแห่งเดียวที่นี่เท่านั้น
สำหรับอาหารมุสลิมก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งที่ ร้านกะฟะห์ ร้านสุดา ร้านดาหวัน ร้านอัสมา ทุกร้าจะมีเมนูหลักอย่าง ซุป ข้าวหมกไก่ รสเด็ด
เมื่อไปถึงย่านเมืองเก่าสงขลาแล้ว ต้องชิมชัวร์ ๆ คือเมนู ก๋วยเตี๋ยวเสี่ยงโชค “หมี่ผัดวัดดวง” กระทะใหญ่ นักท่องเที่ยวมักจะต้องลุ้นว่าในกระทะจะได้หมูสักกี่ชิน หรือจะเป็นข้าวต้มปลาเจ๊นิท ปลาลวกจิ้ม กับลูกชิ้นปลา
บริเวณตึกเก่าถนนสีเหลือตรงหัวมุมถนนนครใน ก็มีร้านเก๋ ๆ อย่างร้านกาแฟเฮียบฮวด ตกแต่งสไตล์โบราณ ร้านขนมไทยขึ้นชื่อ “ไทยสอง-แสน” ของป้าแดง ข้าวฟ่างกวนคุณยาย ขนมค้างคาว ใกล้ศาลเจ้าพ่อกวนอู ขนมกะลอจี๊เยื้องศาลหลักเมือง
สงขลาเป็นแหล่งรวมอาหาถิ่นขึ้นชื่อ ซึ่งมีวัฒนธรรมการกินที่น่าสนใจอย่างมาก ที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด
@ครีมกันแดด" ควรทาแค่ไหนถึงจะพอ?
มูลนิธิหมอชาวบ้าน บอกเล่าถึงหนึ่งในการป้องกันผิวสวยจากแสงแดด ต้นเหตุความหมองหม่นบนผิวสวย และริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย คือการทาครีมกันแดด โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง
ดังนั้นเราควรทาครีมกันแดดมากแค่ไหน และทาซ้ำบ่อยเพียงใด
นั่นก็คือปริมาณครีมกันแดดที่เพียงพอสำหรับทาผิวหน้า แขน ขา และลำตัวด้านบนอย่างทั่วถึง คือประมาณ 1 ฝ่ามือ ควรทาครีมกันแดดให้ทั่วทุกตำแหน่งที่สัมผัสแสงแดด ต้องทาล่วงหน้า 30-60 นาที ก่อนออกไปสัมผัสแสงแดด และควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าว่ายน้ำ เล่นกีฬาทางน้ำ หรือเหงื่อออกมาก ก็ต้องทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยขึ้น เช่น ทุก 1 ชั่วโมง และควรเลือกครีมกันแดดชนิดที่กันน้ำ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ประเสริฐประธานไฟแรงลั่นปรับนกแอร์ปี61”
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตมือผู้นำ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังเข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) โดยพร้อมจะคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้โดยสารร้องเรียนโดยหารือร่วมกับฝ่ายบริหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างจริงจัง พร้อมทั้งจัดทำบริการเที่ยวให้ตรงเวลาตามตารางที่กำหนดไว้ รวมถึงปรับปรุงการสื่อสารกับผู้โดยสารขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่มสอดคล้องกับที่รัฐบาลให้ทุกฝ่ายร่วมกันรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ส่วนปัญหาเรื่องการดำเนินงานของนกแอร์ พร้อมสร้างมั่นใจจะต้องดีขึ้น เพราะรู้สาเหตุใหญ่มาจากต้นทุนดำเนินงานสูง แต่การใช้งานเครื่องบินยังไม่เต็มประสิทธิภาพ บอร์ดจะร่วมมือกันทำให้ปี 2561 นี้เปลี่ยนแปลงนกแอร์ด้วยแผนการฟื้นฟูกิจการ นำร่องไปแล้วช่วงแรก 3 เดือน ระหว่าง ธ.ค. 2560 – ก.พ. 2561 แนวโน้มก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ข่าวสอง “คลิกออฟรถไฟเร็วสูงเชื่อม3สนามบินในกรุง”
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่27 มี.ค.2561 อนุมัติให้เดินหน้าโครงการลงทุนวงเงิน 2.2 แสนล้านบาท ทำรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระหว่างดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กิโลเมตร ในรูปแบบรัฐและเอกชนลงทุนร่วมกัน (PPP) ภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนค่ากรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนเอกชนลงทุนด้านงานโยธา ประเภท PPP Net Cost โดยเอกชน 1 ราย รับงานโครงการไปทั้ง 100% ในการก่อสร้างและเดินรถให้สัมปทาน 50 ปี แล้วทำหน้าที่ผู้บริหาร จัดเก็บรายได้ และแบ่งผลประโยชน์ให้รัฐ
ส่วนรัฐจะช่วยอุดหนุนโครงการไม่เกินมูลค่างานโยธา 1.6 แสนล้านบาท เมื่อครบสัมปทาน 50 ปีแล้ว จะมีต่อสัญญาต้องโอนคืนรัฐอย่างเดียว ตามขั้นตอนจากนี้ 1.จัดทำเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เพื่อหาผู้ลงทุน 2.เสนอเข้า ครม.อีกครั้ง รถไฟสายทางนี้จะใช้ความเร็วที่ 250 กม.ต่อชั่วโมง มีทั้งหมด 5 สถานี คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา และอู่ตะเภา ค่าโดยสารสูงสุด 330 บาท
ข่าวสาม “เจ้าท่าปรับใหญ่ฮับทางน้ำฝั่งอันดามัน”
นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่าได้ร่วมกับประชุมกับทุกภาคส่วนและการเสวนกับคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ 4 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน" และแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และจังหวัดระนอง โดยมีข้อสรุปเรื่องสำคัญต้องเร่งดำเนินการทางน้ำ 5 โครงการ คือ
1. โครงการลงเรือ-ขึ้นเครื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่คับคั่งในภูเก็ต
2.โครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือภูเก็ต-พังงา-กระบี่ “วงแหวนแห่งอันดามัน” เพื่อใช้เดินทางทางเรือแก้ปัญหาจราจรทางถนนและนักท่องเที่ยวแออัดสนามบินภูเก็ต ใช้สนามบินคู่ภูเก็ต-กระบี่
3. กำหนดมาตรการและจัดระเบียบความปลอดภัยทางน้ำ ปลอดภัยของเรือ ท่าเรือ และคนประจำเรือ เพื่อรองรับกิจกรรมทางน้ำรูปแบบต่างๆ โดยบูรณาการร่วมกับจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางน้ำ
4.บูรณาร่วมกับจังหวัดภูเก็ต เพื่อบำรุงรักษาระบบของศูนย์ควบคุมการจราจรทางน้ำ (VTS) เพื่อความปลอดภัยและจัดระเบียบการสัญจรทางน้ำ
5. การพัฒนาและแก้ไขข้อจำกัดผลักดันภูเก็ตขึ้นเป็น Marina Hub อย่างสมบูรณ์ โดยพัฒนาท่าเรือ ความลึกของร่องน้ำ เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ โดยการประชุมเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ 4 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน
ติดตามรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ปฏิรูปท่องเที่ยวโอน2หน่วยให้วัฒนธรรม-พานิชย์
ครั้งแรกสงกรานต์ไทยป็อบคิงเพาเวอร์10-15เมย.
ททท.งัดรางวัลแจกเที่ยวGo Localเพิ่ม10ล้านคน
บางจากเพิ่มกระแสอนุรักษ์แต่งไทยใช้บริการปั๊ม
ผู้นำบางจากคว้ารางวัลดีเด่นตอกย้ำคุณภาพคน
ทอท.ลั่นเปิดสัมปทานดิวตี้ฟรียึดแนวยุโรป-เอเชีย
ทัวร์สงขลาย่านเมืองเก่าแหล่งอาหารถิ่นสุดอร่อย
ทาครีมกันแดดอย่างไรให้ผิวไม่ระคายแสงร้อนฉ่า
ประธานบอร์ดนกแอร์ไฟแรงลุยแก้ทุกมรสุมใหญ่
คนไทยใจชื้นรัฐเริ่มรถไฟความเร็วสูง3สนามบิน
เจ้าท่าตื่นแล้วทำฮับทางน้ำอันดามัน5โปรเจ็กต์
ต้อนรับวันเสาร์ที่ 2561 ในสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท)FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ หรืออ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เร่งเครื่องยนต์ทุกตัวในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ขับเคลื่อนอย่างถูกทิศทาง ทั้ง 1.การสร้างความเข้าใจท่องเที่ยวเมืองรอง-ชุมชน ระหว่างท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยวยอมรับแล้วเที่ยวให้เป็นโดยไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเพื่อความยั่งยืน 2.จุดประกายท้องถิ่นใช้ความเป็นตัวตนเปิดโลกสู่เทรนด์โลก Bed & Breakfast หรือ B &Bและ INN จัดที่พัก อาหาร ให้คนเดินทางอยู่ร่วมบ้านได้โดยไม่ผิดกฎหมาย พรบ.ธุรกิจโรงแรม 3.ดึงธุรกิจขนาดใหญ่ภาคประชารัฐ บริษัทชั้นนำ เข้ามาเป็นพลังหนุนชุมชนไปด้วยกัน 4.ผ่าโครงสร้างกระทรวงนำไปสู่การปฏิรูปด้วยการนำร่องโอนภารกิจงานที่ไม่จำเป็นต้องแบกไว้ไปให้กระทรวงที่เชี่ยวชาญกว่าทั้ง งานรับดูแลกองถ่ายทำภาพยนตร์นานาชาติ จดทะเบียนบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และการจัดทำร่างกฎหมายฉบับใหม่ พระราชบัญญัตินำเที่ยวและมัคคุเทศก์
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา |
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การใช้งบประมาณรายจ่ายกลางปี จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก งบในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปทำเรื่องหยิบของดีเมืองรองขึ้นมาโชว์ บางเมืองเดินทางสะดวกและบางเมืองไม่สะดวก โดยไปผูกไว้กับงบบูรณาการของมหาดไทยและคมนาคม วัฒนธรรม ซึ่งมาทำในเรื่องที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวหลายเรื่องยื่นเรื่องผ่านมายังกระทรวงการท่องเที่ยวเสนอขอไปยังสำนักงบประมาณ
แยกกันของบแล้วมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน สิ่งแรกคือ 1.ชักชวนคนไปเที่ยวเมืองรองที่ไหนบ้าง แล้วนักท่องเที่ยวเองต้องทำใจอย่างแรกคือเมืองอาจจะคล้ายฟุตบอลดิวิชั่น A-B-C-D ตามระดับความสามารถของพื้นที่ 2.ไปแล้วมีโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอหรือยัง เช่น ห้องน้ำ ทางลาด 1.ไปเมืองรองได้ที่ไหนบ้าง 2.พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ห้องน้ำ ป้ายบอกทาง ทางลาด ราวกันตก เป็นบูรณาการใช้งบผูกพันให้สิ้นสุดภายในกันยายน นี้
โดยได้ประกาศไปเลยว่าไม่ทำเมกะโปรเจ็กต์ แต่จะทำให้เมืองรองมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากจะทำเรื่องพื้นฐานแล้ว ยังจะทำแคมเปญควบคู่กันไปด้วยคือ “เที่ยวเมืองรอง คัดกรองเข้าชุมชน” พาเที่ยวเมืองรองกว่าจะสำลักจำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังมีอีกหลายเมืองยังรับนักท่องเที่ยวได้ ทุกวันนี้เมืองรองจะมีนักท่องเที่ยวกระจุกตัวเฉพาะเทศกาล จึงต้องหาวิธีกระจายเฉลี่ยให้เที่ยวทั้งปี
ส่วนแคมเปญชุมชนต้องไปเที่ยวโดยทำความเข้าใจแจ้งจองล่วงหน้าทั้งจำนวนคนและวันเวลาที่จะเดินทางไปในฐานะที่เป็นแขกเดินทางไปเยี่ยมญาติ ซึ่งเงินไม่ใช่พระเจ้าแต่ความเกรงใจเป็นเสน่ห แล้วต้องคำนึงถึงขีดความสามารถของชุมชนมีจำกัดในการรองรับทั้งเรื่องจำนวนคน ขยะ ลานจอดรถ
จึงขอให้นักท่องเที่ยวตั้งหลักอย่างเข้าใจก่อนเที่ยวเมืองรองว่ามีแต่ละดิวิชั่น 2-3-4 ต่างกันไป จะไปคาดหวังต้องมีเครื่องทำน้ำอุ่นอาบ หรือสปาสบาย ๆ นั้นคงยาก แต่จะได้สัมผัสบรรยากาศใหม่เมืองไทยมีมุมเก๋ ๆ ด้วย อย่างได้รับประทานอาหารอร่อย ได้คุยกับคน หากไปชุมชนก็คิดเสมือน “ไปเยี่ยมญาติ” ได้พูดคุยเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อคิดได้ก็จะทำให้เกิดวัฒนธรรมอย่างรับผิดชอบ
ดังนั้นงบประมาณรายจ่ายกลางปีที่จะรับมา จึงจะนำไปพัฒนาเมืองรองและชุมชน ก็เพื่อให้เกิด “วัฒนธรรมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบเพื่อให้เกิดความยั่งยืน”
ขณะนี้ทำความร่วมมือเพื่อทำฐานข้อมูลความพร้อมและการพัฒนา กับองค์กรและสถาบันพัฒนาชุมชน ของกระทรวงความมั่นคงของมนุษย์ และ อพท.เพื่อคุยกันเหมือนญาติมิตรให้บอกความต้องการที่จะเข้าร่วมเป็น “ชุมชนท่องเที่ยว” โดยจะติ๊กข้อมูลถึงความพร้อมของแต่ละชุมชน เนื่องจากต้องยืนหลักการเดียวกันคือ “ท่องเที่ยวชุมชนคือรายได้เสริม” ทุกวันนี้เริ่มมีคลิปยูทูปบางชุมชนแนะนำสู่สาธารณะบ้างแล้ว อีกทั้งจะได้ชวนกันไปเรียนรู้วิถีชีวิต อาหารถิ่น ที่ต้องฝึกให้เที่ยวชุมชนเป็นและถูกที่ถูกทาง ตอนนี้ในกรุงเทพฯ หลายแห่งก็เปิดตรอกซอกซอยให้ท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวชุมชนจึงเป็นปฐมบทซึ่งไม่ได้คำนึงถึงเงินที่หลั่งไหลเข้าไป พวกเขาจะเน้นความสุข และวัฒนธรรมการพึ่งพา ให้อยู่ร่วมกันได้ จึงกลายเป็นชุมชนที่รักษาความยั่งยืนไว้ได้ด้วยความเกรงใจ เข้าใจ กัน จึงไม่ใช่ระบบเถ้าแก่ที่จะมาบริการนักท่องเที่ยว แต่จะเป็นการเสพความสุขด้วยการไปเยี่ยมญาต ดังนั้นการบริการจึงไม่ได้ปรนเปรอด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่โรงแรมรีสอร์ต แต่ให้ด้วยรอยยิ้มและราคาต้นทุนตามค่าครอชีพจริง เพราะต้นทุนการใช้วัตถุดิบทำอาหารและเครื่องใช้ต่าง ๆ ไม่ได้สูงมากนัก การต้อนรับจึงทำเพื่อสร้างรายได้เสริมเท่านั้น
ประการสำคัญปรากฎการณ์ใหม่ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ Bed & Breakfast และ INN ซึ่งเป็นที่หลับนอนสามารถจัดให้ได้ เหมือนในเหมือนในอเมริกาหรือทวีปแถบตะวันตก ซึ่งจัดอาหารเช้ากับเตียงไว้ให้เท่านั้น เพราะเมื่อชุมชนและนักท่องเที่ยวเข้าใจวิธีการเที่ยวอย่างถูกทาง ต่อไปบ้านแต่ละหลังซึ่งมีห้องว่างก็สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแชร์พักค้างคืนได้ แต่ผู้พักแรมจะต้องใช้ชีวิตตามแบบของเจ้าของบ้านนั้น ๆ โดยกินอยู่เหมือนกับเขา เช่น อาหารแต่ละบ้านที่ใช้เลี้ยงครอบครัวก็ให้นักท่องเที่ยวกินแบบเดียวกัน
ต่อไปเมื่อการสร้างความรู้ความเข้าใจก้าวไปถึงจุดหนึ่งแล้ว “ชุมชนในเมืองไทย” จะไปต่อได้ Bed & Breakfast และ INN ซึ่งตามกฎหมายโรงแรมประเทศไทย ระบุว่า “ผู้ประกอบการใดที่มีห้องให้คนพักไม่เกิน 4 คน ไม่เกิน 20 คน ไม่ต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.โรงแรม แต่ต้องไปจดแจ้งกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” เป็นอีกทางเลือกสามารถทำได้
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่าหลังจากลงพื้นที่ทั่วประเทศต่อเนื่องมากว่า 3 เดือน พบว่า ท่องเที่ยวชุมชนสามารถรายได้จากการขายของที่ระลึกซึ่งเป็นของใช้ ของฝาก ของกิน ได้เม็ดเงินสูงกว่าการเปิดโฮมสเตย์ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวได้เริ่มทำแล้วคือ 1.จ้างสถาบันการศึกษาคณะพานิชยศาสตร์ คณะออกแบบ ศิลปกรรม ไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่นำร่องภาคเหนือ 8 จังหวัด 48 ชุมชน โดยนักเขียนแบบไปต่อยอดลายผ้าที่นำมาออกแบบเป็นกระเป๋าใส่มือถือ แตกต่างจากผ้าผืนหรือ ซึ่งเป็นสไตล์แฟชั่นและของใช้เพิ่มมูลค่าได้มากขึ้นตรงกับจริตนักท่องเที่ยว แล้วทดลองนำชุมชนมาเปิดขายสินค้าที่ เซ็นทรัล เวิลด์ กระแสตอบรับดีมากมีผู้สั่งซื้อจำนวนมาก แต่ทางชุมชนขอผลิตตามกำลังที่ทำได้ เพื่อรักษาความสุขของวิถีชีวิตไว้ ซึ่งเป็นรายได้เสริมที่ดี แล้วต้องระวังไม่กลายเป็นรายได้หลัก ซึ่งอาจจะเกิดความทุกข์ได้ เพราะเป็นท่องเที่ยวชุมชน เหมือนญี่ปุ่นซึ่งรักษาเอกลักษณ์ของสินค้าจะไม่ขายเขตชุมชน เป็นต้น แต่เมืองไทยยังต้องแก้ไขเพราะการทำเป็นอุตสาหกรรมข้ามเขตจึงทำให้ขาดกลิ่นอายสินค้าพื้นถิ่นที่แท้จริง
การเข้าไปพัฒนาแบบดีไซน์ให้ชุมชนปกติถือเป็นลิขสิทธิ์ของรัฐ แต่เราก็เปลี่ยนวิธีโดยนำดีไซน์เหล่านี้ไปมอบเป็นทางการให้ชุมชนเพื่อไว้ทำมาหากิน แต่ห้ามนำดีไซน์ดังกล่าวซึ่งรัฐจ้างทีมมาคิดค้นไปขายต่อในเชิงธุรกิจ
ส่วนช่องทางการนำสินค้าชุมชนขยายผลผ่านทางพลังประชารัฐ เพราะมีภาคธุรกิจรวมอยู่กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งรู้และเข้าใจฟังเรื่องราวแล้วอยากช่วย เรียนรู้ และการทำให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็จะทำให้กำลังซื้อดีขึ้น ทำให้เกิด วิน วิน ทุกฝ่าย ประชารัฐจึงตอบสนองยุทธศาสตร์ เมืองรองและชุมชน
กลุ่มแรกคือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกาศนโยบาย 1 หอการค้า 1 ชุมชน โดยมาปรึกษากับผมจึงให้คำแนะนำทางหอการค้าอย่าเดินเข้าไปในชุมชนแบบ “เถ้าแก่” แต่ขอให้ไปเรียนรู้จากชุมชนโดยจะต้องฟังเสียงชาวบ้านให้ดี ๆ เมื่อศึกษาดูใจกันแล้ว ส่วนชาวบ้านจะทำตามหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง ต้องดูความสมัครใจ
กลุ่มที่สอง เป็นบริษัทขนาดใหญ่เครือ “โตโยต้า” ขอเข้ามาช่วยส่งเสริมการขับรถท่องเที่ยวเมืองรอง ได้ทำคาราวานและเส้นทางเที่ยว ชักชวนลูกค้าไปซื้อรถโตโยต้าจัดทัวร์พาเที่ยว ชิมอาหาร กิจกรรมในชุมชนเชิงซีเอสอาร์ ขณะนี้มีหลายบริษัทเข้าคิวจะช่วยทำท่องเที่ยวชุมชนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
กลุ่มที่สาม ท่องเที่ยวจิตอาสา กลุ่มใหม่คือผู้สูงวัย นัดกันไปเมืองรอง ไปกินอาหาร แล้วนำของไปบริจาค ช่วยชุมชนทำความสะอาดสถานที่ จัดห้องสมุดชุมชนเรียบเรียงตามหมวด
ทำให้เกิดมุมมองใหม่ในการท่องเที่ยวแตกต่างจากเดิม ซึ่งเน้น “การให้” โดยไม่ได้ไปเสพสุขจากชุมชนเพียงอย่างเดียว
อีกทั้งตอนนี้กลุ่มสมาคม วิ่ง ว่าย พาย ถีบ หรือ Sport Tourism-กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว เฉพาะที่กระทรวงการท่องเที่ยวไปเกี่ยวข้องด้วยมีมากถึง 600 รายการ พฤติกรรมของนักกีฬาที่เข้าร่วมกิจกรรมจะเพิ่ม การแวะเก็บขยะ หรือตอนนี้ในต่างประเทศเรียกว่า Progging หรือพายแคนูเก็บขยะ แล้วตอนนี้มาใหม่อีกอย่าง ชาวชุมชนหัวตะเข้ ออกแบบขวดจากขยะนำมาทากาวร้อยด้วยลวดทำเป็นเรือพายในคลองเพื่อให้คนรุ่นใหม่พายเก็บขยะต่อไป
ส่วนการปฏิรูปกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้ทีมในแต่ละพื้นที่เข้าถึงนักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งทางด้านการให้ข้อมูล บริการ และอื่น ๆ นั้น ตอนนี้เริ่มแล้วคือเปิด Application โดยใส่ข้อมูลที่เจ้าของชุมชนแหล่งท่องเที่ยวเขียนส่งเข้ามาให้นับเป็นพัฒนาการใหม่ ส่วนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภารกิจงานเรื่องใหญ่ ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วมี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.งานส่งเสริมการดึงดูดกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศจะโอนไปให้กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ โดยนำเรียน ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ กพร.หน่วยงานกำกับดูแลระบบราชการ รับทราบร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการร่างกฎกระทรวงถึงการโอนภารกิจดังกล่าว แล้วให้กรมการท่องเที่ยวซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั่วประเทศเพียง 130 คน แต่ต้องดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วไทยกว่า 4,800 แห่ง จะได้นำเวลาทั้งหมดไปส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
2.โอนย้ายงานจดทะเบียนบริษัทท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ไปอยู่กับกระทรวงพานิชย์ หลังจากได้หารือกับทางรองปลัดกระทรวงพานิชย์ยินดีรับทำ เพราะปัจจุบันจดทะเบียนบริษัทอยู่แล้ว มีระบบโครงสร้างใหญ่ทางเทคโนโลยี บุคลากรเพียงพอรองรับบริการได้ดีกว่ามาก
3.การยกร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งที่ผ่านมามีความเข้าใจผิด ๆ ในทางกฎหมาย เช่น การจับกุมไกด์โดยอ้างว่าไม่ได้รับลูกค้าผ่านบริษัทนำเที่ยว ทั้งที่ความจริงแล้วไกด์สามารถรับงานอิสระนำท่องเที่ยวได้ เพียงแต่เข้าใจกันคาดเคลื่อน กฎหมายใหม่ไกด์จะรับงานเองได้แล้วตำรวจท่องเที่ยวก็นำเวลาไปพัฒนาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้านอื่น ๆ ที่ถูกต้องตามจริง
“วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำด้วยเสียงหนักแน่นว่าพร้อมทุ่มเทพลังกายและใจปูพรมสร้าง Big Change อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยก้าวสู่ยุค New Shade ในเชิงนโยบายรัฐที่จะนำไปสู่ภาคปฏิบัติได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้ ให้สมกับที่ประเทศไทยคือดาวรุ่งท่องเที่ยวแห่งอาเซียน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “สงกรานต์ไทยป๊อบ5สไตล์ที่คิงเพาเวอร์”
ครั้งแรก !! ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดกิจกรรมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้งาน “คิง เพาเวอร์ สงกรานต์รางน้ำนครา” ชวนนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติร่วมงานประเพณีเย็นทั่วหล้าระหว่าง 10 – 15 เมษายน 2561 โดยได้จำลองวิถีไทยสมัยก่อนเพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ และคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย นำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย แบ่งเป็น 5 โซน คือ โซนวัด โซนบ้าน โซนทุ่ง โซนตลาด และโซนสวน โดยภายในงาน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประเพณีสงกรานต์ไทยในบรรยากาศสไตล์ Thai Pop เพื่อให้ได้เติมความสุขกันครบทุกรสคือ
ห้ามพลาด!! ชมการเนรมิต ตลาดน้ำ ใจกลางกรุงเทพพร้อมอิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยจากร้านอาหารชื่อดังระดับตำนาน ในบรรยากาศตลาดบก-ตลาดน้ำโบราณ
สรงน้ำพระพุทธรูปปางสมาธิประจำวัดอภัยทายารามที่มีอายุร่วมกว่าสองร้อยปี
ตื่นตาตื่นใจไปกับขบวนพาเหรดนางสงกรานต์ “มโหธรเทวี” อันยิ่งใหญ่ กับเหล่านางเอกแถวหน้าเมืองไทย ตลอด 6 วัน
สนุกสนานไปกับการแสดงทางวัฒนธรรม และเสียงเพลงจากศิลปินชื่อดังตัวแทนทุกภาคทั่วไทย บันเทิงกันแบบต็มอิ่มทุกวัน
ข่าวที่ 2 “ททท.งัดรางวัลแจกทัวร์Go Localเมืองรอง”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้โปรโมตกิจกรรม “Enjoy Local โดยจับมือพันธมิตรชวนเที่ยวเมืองรองได้ลุ้นได้แต้ม ภายใต้แคมเปญ “Amazing Thailand Go Local - เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มนักท่องเที่ยวขึ้นอย่างน้อย 20% สู่เมืองรองและชุมชนให้เกิน 10 ล้านคน กระจายรายได้ราว 10,000 ล้านบาท
กิจกรรม Enjoy Local เที่ยวชุมชนได้ลุ้นได้แต้ม ททท.จะนำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์ทำเป็น Mobile Application “Trippointz” นำเสนอข้อมูลท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยววางแผนเลือกสถานที่น่าสนใจในจังหวัดต่างๆ พร้อมกับแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเบ็ดเสร็จในแอพพลิเคชั่นเดียว โดยจะอิงฐานข้อมูลที่มีอยู่ใน EDT Guide โดยฐานข้อมูลแนะนำเรื่องการท่องเที่ยวใหญ่ๆ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารและที่พักระหว่างทาง และโรงแรมต่างๆ ซึ่งแอพพลิเคชั่นทริปพ๊อยท์สใช้เวลาออกแบบทริปเพียงไม่เกิน 5 นาที
นักท่องเที่ยวสามารถเก็บคะแนนสะสมจากการท่องเที่ยว (TAT Point) โดยวิธีสแกนคิวอาร์โค้ดตามจุดท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหารต่าง ๆ ในจังหวัดรอง 12 เมืองต้องห้ามพลาด (ลำปาง เพชรบูรณ์ น่าน บุรีรัมย์ เลย สมุทรสงคราม ราชบุรี ตราด จันทบุรี ตรัง ชุมพร และนครศรีธรรมราช) เพื่อนำเอาคะแนนที่ได้จากการสแกนคิวอาร์โค้ดมาใช้แลกของรางวัลจาก ททท.
กิจกรรมนี้ ททท.ได้รับการสนับสนุนมากมาย เช่น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด มหาชน (มหาชน) บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) บริษัท อาร์ต อินสไปร์ จำกัด บริษัท ไอฟลิกซ์ (ประเทศไทย) และ บริษัท เทคมี ทัวร์ จำกัด
ข่าวที่ 3 “ร่วมเติมน้ำมันบางจากปั๊มอนุรักษ์ไทย”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการแสดงออกถึงความเป็นไทย โดยส่งเสริมให้พนักงานบริการหน้าลานของสถานีบริการน้ำมันบางจากในสาขาหัวเมืองใหญ่ บนเส้นทางสายหลัก และแหล่งท่องเที่ยวกว่า 50 แห่ง แต่งกายด้วยชุดไทยท้องถิ่นทั้ง 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่มีเอกลักษณ์ ความสวยงามแตกต่างกันไป พร้อมให้บริการแก่ผู้บริโภคด้วยรอยยิ้ม เพื่อเป็นส่วนหนี่งของการอนุรักษ์วิถีไทยผ่านเครื่องแต่งกาย รณรงค์ให้คนไทยเห็นคุณค่าและภูมิใจในการแต่งกายแบบไทย
ล่าสุด นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) ยังได้รับรางวัล “นักบริหารดีเด่นแห่งปี” Executive Of The Year 2018 พุทธศักราช ๒๕๖๑ ในโครงการหนึ่งล้านกล้าความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ในฐานะที่เป็นบุคคลผู้ประกอบคุณงามความดี อุทิศตนเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ ร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่และนาพาองค์กรสู่ความสาเร็จ จัดโดยมูลนิธิเพื่อสังคมไทย ร่วมกับรางวัลไทย และสถาบันพัฒนาศักยภาพท้องถิ่น
ข่าวที่ 4 “ ทอท.เปิดสัมปทานดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิยึดหลักสากล ”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ตามที่มีนักวิชาการได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร และการให้สัมปทานจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick up Counter) ภายในท่าอากาศยานของ ทอท. โดยได้ให้ข้อมูลว่าในท่าอากาศยานทั่วโลกมีรูปแบบการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร 4 รูปแบบ ได้แก่
สัมปทานรายใหญ่รายเดียว (Master Concessions) สัมปทานตามที่ตั้ง (Multiple concessions by location) สัมปทานตามกลุ่มสินค้า (Multiple concessions by category) และสัมปทานตามกลุ่มสินค้าและตามที่ตั้ง (Multiple concessions by category and by location) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีความสอดคล้องและเหมาะสมในด้านต่างๆ แตกต่างกันออกไป
ส่วน ทอท.ปัจจุบันใช้รูปแบบการให้สัมปทานรายเดียวเช่นเดียวกับท่าอากาศยาน Heathrow สหราชอาณาจักร ท่าอากาศยาน Shanghai Pudong International Airport สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสัญญาร้านค้าปลอดอากรกับผู้ประกอบการปัจจุบัน ณ ทสภ.จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2563 และเป็นช่วงที่จะมีการเปิดอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ระยะ 2 ซึ่งจะต้องมีการเปิดประมูลได้ผู้ประกอบการล่วงหน้า 2 ปี เพื่อให้การประกอบกิจการเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และผู้ประกอบการสามารถเตรียมการในการจัดหาสินค้า การอบรมบุคลากร ตลอดจนการติดต่อกับร้านค้าชั้นนำต่างๆ นั้น
ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างการศึกษาและวิเคราะห์โครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานของ ทอท. และข้อดีข้อเสียในการให้สัมปทานแต่ละรูปแบบ โดย ทอท.ได้ให้ที่ปรึกษาดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) โดย ทอท.ได้กำชับให้ที่ปรึกษานำข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายมาพิจารณาประกอบการศึกษาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด โดยการคัดเลือกผู้ประกอบการจะเน้นความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ รวมทั้งรูปแบบการให้สัมปทานต้องเป็นรูปแบบที่มีการใช้ในท่าอากาศยานทั่วโลก อีกทั้งจะต้องเหมาะสมกับกายภาพของอาคารผู้โดยสารของ ทอท. การบริหารจัดการในเขตการบินที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเดินของผู้โดยสาร (Passenger Flow) เนื่องจาก ทอท.ยังมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน และประตูเทียบอาคารผู้โดยสารที่อาจกระทบต่อการจัดสรรพื้นที่ในการวางที่ตั้งร้านค้า และสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยด้วย
นายนิตินัย กล่าวว่า ทอท.มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของรัฐให้ได้สูงสุด และประโยชน์ของผู้ถือหุ้นตลอดมา เพื่อให้ ทอท.สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้กรณีที่มีความเคลื่อนไหวในการร้องเรียนของกลุ่มภาคเอกชนบางกลุ่มกับตัวแทนรัฐบาลถึงรูปแบบการให้สัมปทานพื้นที่ปลอดอากรในสนามบินสุวรรณภูมิอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น
มีรายงานว่าสัญญาสัมปทานที่ ทอท.ดำเนินการให้แก่ผู้ชนะการประมูลอย่างโปร่งใส โดยผ่านกระบวนการถูกต้องตามขั้นตอนจากกรรมการพิจารณาที่ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานรัฐอย่างถูกต้องตามระเบียบของ ทอท.
ประกอบกับในช่วงระยะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศระหว่างการต่อสู้กันทางความคิดทางการเมืองของแต่ละสี จนเป็นเหตุให้มีกรณีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อมารัฐบาลขณะนั้นได้มีนโยบายให้ ทอท.เยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน จึงเป็นที่มาของการอนุญาตให้เอกชนดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีอยู่ในสุวรรณภูมิตามเงื่อนไขของรัฐบาลดังกล่าวไปจนกว่าจะหมดสัญญาในปี 2563 และ/หรือไม่ได้มีความเกี่ยวกับเรื่องประโยชน์จากสาเหตุอื่น ๆ แต่อย่างใด รวมถึง ทอท.ยืนยันมาตลอดว่าในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้ให้สัมปทาน พร้อมจะยึดหลักปฏิบัติโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดมาตลอดทั้งของประเทศ ประชาชน และผู้ถือหุ้น ทอท.ซึ่งมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่รวมอยู่ด้วย ทุกฝ่ายต่างต้องระมัดระวังเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทยสนุกทุกที่ เก๋ไก๋ทุกเมือง ลองตามเราไปยัง “สงขลาเมืองแห่งความประทับใจ แหล่งอาหารถิ่นวิถีไทยย่านเมืองเก่า” ระหว่างการเดินทางต้องเจอแสงแดดแรง ๆ จึงได้นำวิธี “ทาครีมกันแดดให้เพียงพอต่อการต้านไวโอเรต” แล้วเสิร์ฟตามด้วยข่าวแรง ๆ ในรอบสัปดาห์ ฮือฮาเมื่อนกแอร์ได้ประธานบอร์ดใหม่เข้าพลิกสถานการณ์ฝุ่นตลบทั้งเรื่องขาดทุนและบริการดีเลย์ไม่เลิก ฝั่งรัฐบาลเคาะยกแรกโปรเจ็กต์สร้างรถไฟฟ้าความเร็วเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ส่วนกรมเจ้าท่าได้ฤกษ์จัดแถวใหม่พัฒนาฮับทางน้ำรอบอันดามัน 5 โปรเจ็กต์
@สงขลามีดีย่านเมืองเก่าอาหารถิ่นสุดอร่อย
เที่ยวเมืองไทยมุมใหม่ด้วยความน่ารัก ๆ ของภาคใต้ใน “สงขลา” กลางวันมีอาหารรสเลิศ กลางคืนมีความสนุกสนานของแหล่งท่องเที่ยวยามย่ำคืน
แหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์ใน “ย่านเมืองเก่าสงขลา” อายุกว่า 200 ปี เป็นย่านการค้าของชาวจีนที่ดาดดื่นตาด้วยตึกรามเก่าแก่ด้วยสถาปัตยกรรมชิโนโปตุกีสสุดยอดความเก๋และคลาสสิกแห่งยุคใหม่ ที่มีทั้งห้องแถวแบบเก๋งจีนเรียงรายกันให้เดินชมตลอดสองฝากถนนนครนอก ถนนในอันงดงามทั้ง ถนน ยะหริ่ง หนองจอก รามัญ ปัตตานี ยะลา พัทลุง ที่หลอมรวมความกลมเกลียวของคนจีนและชาวมุสลิม
อีกทั้งยังเป็นย่านที่ต้องห้ามพลาดชิมอาหารถิ่นอร่อย ๆ ตื่นเช้าขึ้นมา ก็เดินเข้าร้านกาแฟ อย่างร้าน “ขนมบอก” สภากาแฟที่มีกลิ่นอายอันอบอวลของวัฒนธรรมพื้นถิ่นปักษ์ใต้ เริ่มด้วยอาหารออเดิร์ฟเบา ๆ ในร้านโพยมอย่าง “แต่เตี้ยม” เป็นติ่มซำจานขนาดเล็กรองท้อง จากนั้นก็ทยอยตลุยชิมเมนูหลัก “ก๋วยจั๊บ” ร้านเจ๊น้อย “โจ๊กเกาะไทย”
ส่วนอาหารท้องถิ่นดั้งเดิมต้นตำรับสงขลาต้องเมนู ข้าวสตูชื่อดังร้าน “เกียวฟั่ง(เก้าห้อง)” ร้านกาแฟร้อยปีฮับเซ่ง (เจ๊บ๊วย)
จากนั้นก็ไปเล่นชมบรรยากาศเมืองเก่า รอเลือกร้านอร่อยสำหรับ “มื้อกลางวัน” ทั้งก๋วยเตี๋ยวหางหมู หารับประทานยาก หรือ ก๋วยเตี๋ยวป้ารุ่งใต้โรงงิ้ว ซึ่งต้องเดินมุดเข้าไปใต้ถุน ก๋วยเตี๋ยวคั่วของป้าอร่อยสมคำร่ำลือ เรื่อยไปจนถึง “สุกี้นครใน” และย่ำเท้าต่อไปยังภัตตาคารหน่ำเต่า แหล่ง ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ และไส้กรอกตับ ต้นตำรับ ล้วนแล้วแต่อยู่ในบริเวณนี้
ถ้าเป็นเมนูอาหารหวาน ต้องชิมไอศรีมหวานมันเย็นชื่นใจแปลกแตกต่างทั่วไทยให้เลือกชิม อาทิ ร้านไอศรีมยิง ร้านฮะเฮียงเป็นไอศรีมโอ่ง ร้านบันหลีเฮง และที่ต้องห้ามพลาดอีกอย่างคือ “กล้วยปิ้ง” ถนนนครใน” อายุกว่า 40 ปี ใช้กล้วยนางทองหวานอร่อยมีแห่งเดียวที่นี่เท่านั้น
สำหรับอาหารมุสลิมก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งที่ ร้านกะฟะห์ ร้านสุดา ร้านดาหวัน ร้านอัสมา ทุกร้าจะมีเมนูหลักอย่าง ซุป ข้าวหมกไก่ รสเด็ด
เมื่อไปถึงย่านเมืองเก่าสงขลาแล้ว ต้องชิมชัวร์ ๆ คือเมนู ก๋วยเตี๋ยวเสี่ยงโชค “หมี่ผัดวัดดวง” กระทะใหญ่ นักท่องเที่ยวมักจะต้องลุ้นว่าในกระทะจะได้หมูสักกี่ชิน หรือจะเป็นข้าวต้มปลาเจ๊นิท ปลาลวกจิ้ม กับลูกชิ้นปลา
บริเวณตึกเก่าถนนสีเหลือตรงหัวมุมถนนนครใน ก็มีร้านเก๋ ๆ อย่างร้านกาแฟเฮียบฮวด ตกแต่งสไตล์โบราณ ร้านขนมไทยขึ้นชื่อ “ไทยสอง-แสน” ของป้าแดง ข้าวฟ่างกวนคุณยาย ขนมค้างคาว ใกล้ศาลเจ้าพ่อกวนอู ขนมกะลอจี๊เยื้องศาลหลักเมือง
สงขลาเป็นแหล่งรวมอาหาถิ่นขึ้นชื่อ ซึ่งมีวัฒนธรรมการกินที่น่าสนใจอย่างมาก ที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด
@ครีมกันแดด" ควรทาแค่ไหนถึงจะพอ?
มูลนิธิหมอชาวบ้าน บอกเล่าถึงหนึ่งในการป้องกันผิวสวยจากแสงแดด ต้นเหตุความหมองหม่นบนผิวสวย และริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย คือการทาครีมกันแดด โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง
ดังนั้นเราควรทาครีมกันแดดมากแค่ไหน และทาซ้ำบ่อยเพียงใด
นั่นก็คือปริมาณครีมกันแดดที่เพียงพอสำหรับทาผิวหน้า แขน ขา และลำตัวด้านบนอย่างทั่วถึง คือประมาณ 1 ฝ่ามือ ควรทาครีมกันแดดให้ทั่วทุกตำแหน่งที่สัมผัสแสงแดด ต้องทาล่วงหน้า 30-60 นาที ก่อนออกไปสัมผัสแสงแดด และควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าว่ายน้ำ เล่นกีฬาทางน้ำ หรือเหงื่อออกมาก ก็ต้องทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยขึ้น เช่น ทุก 1 ชั่วโมง และควรเลือกครีมกันแดดชนิดที่กันน้ำ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ประเสริฐประธานไฟแรงลั่นปรับนกแอร์ปี61”
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตมือผู้นำ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังเข้ารับตำแหน่ง ประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) โดยพร้อมจะคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้โดยสารร้องเรียนโดยหารือร่วมกับฝ่ายบริหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างจริงจัง พร้อมทั้งจัดทำบริการเที่ยวให้ตรงเวลาตามตารางที่กำหนดไว้ รวมถึงปรับปรุงการสื่อสารกับผู้โดยสารขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่มสอดคล้องกับที่รัฐบาลให้ทุกฝ่ายร่วมกันรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ส่วนปัญหาเรื่องการดำเนินงานของนกแอร์ พร้อมสร้างมั่นใจจะต้องดีขึ้น เพราะรู้สาเหตุใหญ่มาจากต้นทุนดำเนินงานสูง แต่การใช้งานเครื่องบินยังไม่เต็มประสิทธิภาพ บอร์ดจะร่วมมือกันทำให้ปี 2561 นี้เปลี่ยนแปลงนกแอร์ด้วยแผนการฟื้นฟูกิจการ นำร่องไปแล้วช่วงแรก 3 เดือน ระหว่าง ธ.ค. 2560 – ก.พ. 2561 แนวโน้มก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ข่าวสอง “คลิกออฟรถไฟเร็วสูงเชื่อม3สนามบินในกรุง”
ส่วนรัฐจะช่วยอุดหนุนโครงการไม่เกินมูลค่างานโยธา 1.6 แสนล้านบาท เมื่อครบสัมปทาน 50 ปีแล้ว จะมีต่อสัญญาต้องโอนคืนรัฐอย่างเดียว ตามขั้นตอนจากนี้ 1.จัดทำเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เพื่อหาผู้ลงทุน 2.เสนอเข้า ครม.อีกครั้ง รถไฟสายทางนี้จะใช้ความเร็วที่ 250 กม.ต่อชั่วโมง มีทั้งหมด 5 สถานี คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา และอู่ตะเภา ค่าโดยสารสูงสุด 330 บาท
ข่าวสาม “เจ้าท่าปรับใหญ่ฮับทางน้ำฝั่งอันดามัน”
นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่าได้ร่วมกับประชุมกับทุกภาคส่วนและการเสวนกับคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ 4 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน" และแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และจังหวัดระนอง โดยมีข้อสรุปเรื่องสำคัญต้องเร่งดำเนินการทางน้ำ 5 โครงการ คือ
1. โครงการลงเรือ-ขึ้นเครื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่คับคั่งในภูเก็ต
2.โครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือภูเก็ต-พังงา-กระบี่ “วงแหวนแห่งอันดามัน” เพื่อใช้เดินทางทางเรือแก้ปัญหาจราจรทางถนนและนักท่องเที่ยวแออัดสนามบินภูเก็ต ใช้สนามบินคู่ภูเก็ต-กระบี่
3. กำหนดมาตรการและจัดระเบียบความปลอดภัยทางน้ำ ปลอดภัยของเรือ ท่าเรือ และคนประจำเรือ เพื่อรองรับกิจกรรมทางน้ำรูปแบบต่างๆ โดยบูรณาการร่วมกับจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางน้ำ
4.บูรณาร่วมกับจังหวัดภูเก็ต เพื่อบำรุงรักษาระบบของศูนย์ควบคุมการจราจรทางน้ำ (VTS) เพื่อความปลอดภัยและจัดระเบียบการสัญจรทางน้ำ
5. การพัฒนาและแก้ไขข้อจำกัดผลักดันภูเก็ตขึ้นเป็น Marina Hub อย่างสมบูรณ์ โดยพัฒนาท่าเรือ ความลึกของร่องน้ำ เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ โดยการประชุมเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ 4 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน
ติดตามรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น